ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1541 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 30801 - 30820 จากข้อมูลทั้งหมด 124233 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
30801 | รัฐบาลมองโกเลียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย | กต | 08/05/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายชิมิดดอร์จ บัตทูเมอร์ (Mr. Chimiddorj Battumur) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งมองโกเลียประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทนนายลุฟซันดอ ดัชพุเรฟ (Mr. Luvsandoo Dashpurev) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
30802 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองนราธิวาส พ.ศ. .... | มท | 08/05/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองนราธิวาส พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลบางนาค บางส่วนของตำบลโคกเคียน บางส่วนของตำบลกะลุวอเหนือ และบางส่วนของตำบลลำภู อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
30803 | รายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญติดตาม เร่งรัด ประเมินผลการแก้ไขปัญหาและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ วุฒิสภา เรื่อง การพัฒนาเศรษฐกิจ การเกษตร การค้าและการลงทุน | สว | 08/05/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญติดตาม เร่งรัด ประเมินผลการแก้ไขปัญหาและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ วุฒิสภา เรื่อง การพัฒนาเศรษฐกิจ การเกษตร การค้าและการลงทุน พร้อมข้อสังเกตและข้อเสนอแนะกับผลการดำเนินการตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะดังกล่าวที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป สรุปผลการดำเนินการในส่วนของกระทรวงการคลัง ดังนี้
๑ ด้านการบริหารจัดการงบประมาณ ได้แก่ การทบทวนสิทธิและหลักเกณฑ์ในการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบให้ได้รับสิทธิเท่าเทียมกัน และจัดให้มีระบบสวัสดิการเพิ่มเติมแก่ครูและบุคลากรทางการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างทัดเทียมกัน ๒. ด้านมาตรการสนับสนุนสินเชื่อ ได้แก่ โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ๙ โครงการ ของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย และอนุญาตให้ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยขยายธุรกิจทั้งการรับฝากเงิน การร่วมลงทุนไปยังกลุ่มลูกค้ารายใหม่ และการเพิ่มช่องทางเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ถูกต้องตามหลักศาสนาอิสลาม ปัจจุบันมีสาขาใน ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ทั้งหมด ๑๗ สาขา ๓. ด้านการว่างงาน ได้แก่ แผนยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนและชุมชนในพื้นที่พิเศษ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปี ๒๕๕๕-๒๕๕๙ เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาความยากจนและคุณภาพชีวิตของประชาชนและชุมชนในพื้นที่พิเศษ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีโครงการที่บรรจุอยู่ในแผนยกระดับฯ รวม ๑๒ โครงการ และโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ๙ โครงการ ของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย การอนุญาตให้ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยขยายธุรกิจทั้งการรับฝากเงิน การร่วมลงทุนไปยังกลุ่มลูกค้ารายใหม่ และการเพิ่มช่องทางเข้าถึงแหล่งเงินทุน และการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ลงทุนจากภายนอกพื้นที่ให้มาลงทุนในพื้นที่ โดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๙๒) พ.ศ. ๒๕๕๓ ๔. ด้านมาตรการชดเชยส่วนต่างเบี้ยประกันภัยทรัพย์สิน ได้แก่ การดำเนินมาตรการชดเชยส่วนต่างเบี้ยประกันภัยทรัพย์สินคุ้มครองภัยก่อการร้ายในอัตราระหว่างร้อยละ ๐.๕ ถึงร้อยละ ๒ ให้แก่ผู้ประกอบการในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ ตามมติคณะรัฐมนตรี และการแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาช่วยเหลือผู้ประกอบการจากภัยก่อการร้ายในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ๕. ด้านมาตรการภาษี ได้แก่ การออกพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๙๒) พ.ศ. ๒๕๕๓ โดยลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้ตามมาตรา ๔๐(๗) และ (๘) เหลืออัตราร้อยละ ๐.๑ สำหรับเงินได้ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๘๕ ลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลเหลืออัตราร้อยละ ๓ ของกำไรสุทธิ สำหรับรายได้ตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชี ๒๕๕๓-๒๕๕๕ และลดอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะเหลืออัตราร้อยละ ๐.๑ สำหรับรายรับจากการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไร ระหว่างวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๓ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ ๖. ด้านการท่องเที่ยว กรมศุลกากรรายงานว่า ปัจจุบันด่านศุลกากรที่อยู่ติดชายแดนประเทศมาเลเซียมีจำนวน ๘ ด่าน คือ ด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ ด้านศุลกากรสะเดา ด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก ด่านศุลกากรเบตง ด่านศุลกากรตากใบ ด่านศุลกากรสตูล ด่านศุลกากรวังประจัน และด่านศุลกากรบ้านประกอบ
|
|||||||||||||||||||||
30804 | รายงานสถานการณ์และการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ประจำปี พ.ศ. 2554 | พม | 08/05/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์และการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ประเทศไทยยังคงมี ๓ สถานะในกระบวนการค้ามนุษย์ (สถานะประเทศต้นทาง สถานะประเทศปลายทาง และสถานะทางผ่าน) ซึ่งประเทศไทยมีลักษณะเป็นประเทศปลายทางมากกว่าต้นทาง โดยมีผู้เสียหายต่างชาติในประเทศไทย จำนวน ๒๗๙ คน ส่วนใหญ่เป็นชาวลาว และมีผู้เสียหายคนไทยในต่างประเทศ จำนวน ๔๖ คน ส่วนใหญ่ถูกแสวงประโยชน์ในประเทศญี่ปุ่น สำหรับรูปแบบการค้ามนุษย์ยังเป็นการแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณีมากที่สุด โดยจับกุมผู้ต้องหาได้ ๑๕๕ คน การส่งกลับผู้เสียหายจะต้องรอจากประเทศต้นทาง ๑๐๘ คน และรอเป็นพยานในการดำเนินคดี ๗๔ คน ๒. ผลการดำเนินการ แผนปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ บ่งชี้ให้เห็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ตั้งแต่การป้องกัน ซึ่งให้ความสำคัญกับกลุ่มเสี่ยงทั้งกลุ่มผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย กลุ่มแรงงานต่างด้าวในภาคประมง กลุ่มเด็ก กลุ่มภาคธุรกิจการท่องเที่ยว และกลุ่มผู้ใช้แรงงานที่ประสงค์จะเดินทางไปทำงานในต่างประเทศ ๓. ด้านการดำเนินคดี ได้เพิ่มประสิทธิภาพของบุคลากรในการบังคับใช้กฎหมายให้ครอบคลุมทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องตั้งแต่การช่วยเหลือ การสืบสวนสอบสวน การดำเนินคดี การคุ้มครองสิทธิ และการตัดสิน ส่วนการคุ้มครองให้ความสำคัญกับกระบวนการฟื้นฟูและมาตรการทางกฎหมายเพื่อสร้างความร่วมมือกับผู้เสียหายในการดำเนินคดี พร้อมกับความร่วมมือในการจัดการรายกรณี (case management) เพื่อแลกเปลี่ยนสถานการณ์การช่วยเหลือผู้เสียหาย และลดข้อจำกัดในการส่งกลับภูมิลำเนา ๔. ด้านนโยบาย ได้ให้ความสำคัญในมาตรการพิสูจน์สัญชาติ การออกข้อบังคับรองรับพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ และความร่วมมือระหว่างประเทศในลักษณะทวิภาคีต่อต้านการค้ามนุษย์ ๕. แนวทางการดำเนินงานต่อไป ได้แก่ ๕.๑ เพิ่มช่องทางการมีส่วนร่วมของชุมชนและท้องถิ่นในการเฝ้าระวังและแจ้งเบาะแสการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ๕.๒ พัฒนามาตรฐานการปฏิบัติงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ทั้งกระบวนการ ๕.๓ สร้างผู้เชี่ยวชาญในการดำเนินคดี พิจารณา และพิพากษาคดีค้ามนุษย์ และผลักดันให้มีการจัดตั้งสำนักงานคดีอาญาแผนกคดีค้ามนุษย์ในสำนักงานอัยการสูงสุด และแผนกคดีค้ามนุษย์ในศาลอาญา เพื่อให้การดำเนินคดีมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ๕.๔ สร้างระบบการจัดเก็บ และระบบข้อมูลการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ เพื่อประโยชน์ในการปรับปรุง พัฒนาการทำงานในเชิงรุก ๕.๕ ผลักดันให้ประเทศไทยให้สัตยาบันอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติที่จัดตั้งในลักษณะองค์กร และพิธีสารเพื่อป้องกัน ปราบปราม และลงโทษการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะสตรีและเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๓
|
|||||||||||||||||||||
30805 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดคันลัด ตำบลบางยอ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ให้แก่กรมทางหลวงชนบท พ.ศ. .... | พศ | 08/05/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดคันลัด ตำบลบางบอ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ให้แก่กรมทางหลวงชนบท พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดคันลัด ตำบลบางบอ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ตามโฉนดที่ดินเลขที่ ๗๕๔ เนื้อที่ ๒ งาน ๔๘ ตารางวา ให้แก่กรมทางหลวงชนบท เพื่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาและถนนต่อเชื่อม และขยายถนนตามโครงการก่อสร้างถนนวงแหวนอุตสาหกรรม ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
30806 | ผลการดำเนินงานตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ของสภาผู้แทนราษฎร และข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ของวุฒิสภา | นร | 08/05/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้
๑. รายงานสรุปผลการดำเนินงานของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ของสภาผู้แทนราษฎร ประกอบด้วย ผลการดำเนินงานของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเกี่ยวกับภาพรวมการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ได้แก่ ความสอดคล้องกับนโยบายและการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของประเทศ และการบริหารจัดการงบประมาณรายจ่าย และผลการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ของกระทรวงและหน่วยงานต่าง ๆ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป ๒. รายงานสรุปผลการดำเนินงานของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ของวุฒิสภา ประกอบด้วย ผลการดำเนินงานของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเกี่ยวกับนโยบายและภาพรวมการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ และการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จำแนกตามกระทรวงและหน่วยงานต่าง ๆ และแจ้งให้สำนักเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
30807 | การให้ความช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัย | อก | 08/05/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการให้ความช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัย และการสร้างภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในภาคอุตสาหกรรม เพิ่มเติม ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การดำเนินการฟื้นฟู เยียวยานิคมอุตสาหกรรม เขตประกอบการอุตสาหกรรม และสวนอุตสาหกรรม ๗ แห่ง ที่ประสบอุทกภัย ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดปทุมธานี ได้แก่ นิคมสหรัตนนคร นิคมไฮเทค นิคมบางปะอิน นิคมโรจนะ นิคมแฟคตอรี่แลนด์ นิคมนวนคร และนิคมบางกะดี ขณะนี้มีโรงงานประกอบกิจการแล้ว ๖๐๔ ราย คิดเป็นร้อยละ ๗๒ ของโรงงานทั้งหมด ๘๓๙ ราย ๒. การดำเนินการฟื้นฟูโรงงานขนาดใหญ่ และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ประสบอุทกภัย ซึ่งตั้งอยู่นอกเขตนิคมอุตสาหกรรม ขณะนี้มีโรงงาน สถานประกอบการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เปิดดำเนินการแล้ว ๖,๙๒๑ ราย คิดเป็นร้อยละ ๘๗.๘๙ ของสถานประกอบการทั้งหมด ๗,๘๗๕ ราย ๓. มาตรการส่งเสริมการลงทุนสำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน อาทิ การยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรอุปกรณ์และวัตถุดิบที่นำมาทดแทนเครื่องจักรอุปกรณ์และวัตถุดิบที่นำเข้าที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย การอนุมัติวีซ่าและใบอนุญาตทำงานแก่บริษัทที่ได้รับการส่งเสริม การเพิ่มสิทธิประโยชน์หรือยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีเงินได้ให้ผู้ประกอบการที่ได้รับความเสียหายทั้งในกรณีทำการผลิตชั่วคราวหรือลงทุนใหม่เพื่อฟื้นฟูธุรกิจในประเทศ การยกเว้นค่าบริการในการออกใบอนุญาตให้ใช้ที่ดินและประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรมที่สูญหาย การยกเว้นค่าบริการในการต่อใบอนุญาตให้ใช้ที่ดินและประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ และการยกเว้นค่าบริการในการออกหนังสือรับรองสิทธิประโยชน์ด้านภาษีอากรทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-PP & Paperless) เป็นต้น ๔. โครงการช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัย อาทิ โครงการจัดตั้งศูนย์พักพิงอุตสาหกรรม โครงการบริหารจัดการด้านความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม และกากอุตสาหกรรมในสถานประกอบการที่ประสบอุทกภัย โครงการตรวจสอบคุณภาพน้ำ ดิน และสารปนเปื้อนของสารพิษอุตสาหกรรมในสถานประกอบการทั้งในและนอกนิคม โครงการศูนย์สารพัดช่างเพื่อการฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัย โครงการบริหารจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ประสบอุทกภัย โครงการคลินิกอุตสาหกรรมเพื่อการฟื้นฟูสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย เป็นต้น ๕. ความคืบหน้าการก่อสร้างเขื่อน นิคมอุตสาหกรรม เขตประกอบการอุตสาหกรรม และสวนอุตสาหกรรม ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร ก่อสร้างเขื่อนความยาวโดยประมาณ ๗ กิโลเมตร อยู่ระหว่างการยื่นขอปรับปรุงแผนฟื้นฟูกิจการ เขตประกอบการอุตสาหกรรมโรจนะ ก่อสร้างเขื่อนความยาวโดยประมาณ ๗๗.๖ กิโลเมตร ความก้าวหน้าในการก่อสร้างคิดเป็นร้อยละ ๑๐.๘๔ นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) ก่อสร้างเขื่อนความยาวโดยประมาณ ๑๑ กิโลเมตร ความก้าวหน้าในการก่อสร้างคิดเป็นร้อยละ ๒๖ นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ก่อสร้างเขื่อนความยาวโดยประมาณ ๑๔ กิโลเมตร ความก้าวหน้าในการก่อสร้างคิดเป็นร้อยละ ๒๗ เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมนวนคร ก่อสร้างเขื่อนความยาวโดยประมาณ ๑๘ กิโลเมตร ความก้าวหน้าในการก่อสร้างคิดเป็นร้อยละ ๑๖.๘๔ และสวนอุตสาหกรรมบางกะดี ก่อสร้างเขื่อนความยาวโดยประมาณ ๘.๕ กิโลเมตร ความก้าวหน้าในการก่อสร้างคิดเป็นร้อยละ ๑๗
|
|||||||||||||||||||||
30808 | แจ้งผลคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ในคดีระหว่างนายอาทิตย์ จรูญทัด กับพวกรวม 2 คน ฟ้องคณะรัฐมนตรีกับพวกรวม 4 คน ต่อศาลปกครองกลาง ขอให้ศาลมีคำสั่งว่าการต่อสัญญาสัมปทานเป็นโมฆะ และขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวโดยให้ระงับการขึ้นค่าทางด่วน | อส | 08/05/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ในคดีระหว่างนายอาทิตย์ จรูญทัด กับพวกรวม ๒ คน ฟ้องคณะรัฐมนตรีกับพวกรวม ๔ คน ต่อศาลปกครองกลาง ขอให้ศาลมีคำสั่งว่าการต่อสัญญาสัมปทานเป็นโมฆะ และขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว โดยให้ระงับการขึ้นค่าทางด่วน ซึ่งศาลปกครองกลางมีคำพิพากษายกฟ้อง ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
30809 | การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ สปป. ลาว สำหรับโครงการปรับปรุงสนามบินปากเซ ระยะที่ 2 | กค | 08/05/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) ดำเนินการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป. ลาว) สำหรับโครงการปรับปรุงสนามบินปากเซ ระยะที่ ๒ ในวงเงิน ๑๘๔ ล้านบาท โดยให้ใช้เงินงบประมาณแผ่นดินที่ สพพ. ได้รับการจัดสรรแล้วในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ สำหรับโครงการพัฒนาถนนหมายเลข ๖๘ (โอเสม็ด - สำโรง - กลอรันห์) ที่ได้ยกเลิกไปแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาจัดทำแผนการให้ความช่วยเหลือทางการเงินกับประเทศเพื่อนบ้านในมิติที่หลากหลายมากขึ้น นอกเหนือจากการสร้างสาธารณูปโภคด้านการขนส่ง โดยอาจพิจารณาเพิ่มโครงการที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานด้านอื่น ๆ เช่น การพัฒนาแหล่งน้ำ รวมถึงการพัฒนาด้านสังคม เช่น การพัฒนาระบบสาธารณสุข การพัฒนาระบบการศึกษา และการพัฒนาชุมชน เป็นต้น ไปพิจารณาด้วย |
|||||||||||||||||||||
30810 | (ร่าง) แผนพัฒนานันทนาการแห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2555 - 2559) | กก | 08/05/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบ (ร่าง) แผนพัฒนานันทนาการแห่งชาติ ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙) และให้กระทรวง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน (ร่าง) แผนพัฒนาฯ ใช้เป็นกรอบในการกำหนดแนวทางพัฒนานันทนาการของชาติให้ดำเนินการไปในทิศทางเดียวกันทั้งประเทศ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ โดย (ร่าง) แผนพัฒนาฯ จัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็นกรอบในการกำหนดแนวทางพัฒนานันทนาการของชาติให้ดำเนินไปในทิศทางเดียวกันทั้งประเทศ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด และเป็นแผนแม่บทระดับชาติที่มียุทธศาสตร์สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙) ซึ่งมุ่งหวังให้สังคมอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขด้วยความเสมอภาคเป็นธรรมและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงยั่งยืน โดย (ร่าง) แผนพัฒนาฯ ประกอบด้วย วิสัยทัศน์ วัตถุประสงค์ เป้าหมาย และยุทธศาสตร์ ดังนี้ ๑.๑ วิสัยทัศน์ “นันทนาการสร้างคุณภาพชีวิต สังคมเป็นสุข สิ่งแวดล้อมงดงาม โดยมุ่งสู่มาตรฐานสากล” ๑.๒ วัตถุประสงค์ ๑.๒.๑ เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจและตระหนักถึงคุณค่าของนันทนาการและการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ๑.๒.๒ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนทุกกลุ่ม รวมทั้งบุคคลกลุ่มพิเศษ ผู้ด้อยโอกาส ได้แก่ ผู้พิการ และผู้สูงอายุ ประกอบกิจกรรมนันทนาการเป็นประจำจนเป็นวิถีชีวิตเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและพัฒนาสังคม ๑.๒.๓ เพื่อพัฒนาบุคลากรนันทนาการทั้งภาครัฐและภาคเอกชนให้มีความรู้ความสามารถสู่ระดับมาตรฐานสากล ๑.๒.๔ เพื่อพัฒนาอุปกรณ์ สถานที่ สิ่งอำนวยความสะดวกทางนันทนาการและสิ่งแวดล้อมให้มีมาตรฐานด้านความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพในการให้บริการ ๑.๒.๕ เพื่อพัฒนาการบริหารจัดการนันทนาการให้มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะนันทนาการเพื่อการพาณิชย์ ๑.๒.๖ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนประกอบกิจกรรมนันทนาการเพื่อพัฒนาสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรม ประเพณีอย่างยั่งยืน ๑.๓ เป้าหมาย ๑.๓.๑ ประชาชนทุกเพศทุกวัย รวมทั้งบุคคลกลุ่มพิเศษ ผู้ด้อยโอกาส โดยเฉพาะอย่างยิ่งเยาวชนกลุ่มเสี่ยง ผู้พิการและผู้สูงอายุ มีความรู้ ความเข้าใจ เห็นคุณค่าของการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ด้วยนันทนาการและประกอบกิจกรรมนันทนาการเป็นประจำจนเป็นวิถีชีวิต โดยมีเป้าหมาย ร้อยละ ๘๐ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ๑.๓.๒ เด็กและเยาวชน ร้อยละ ๘๐ มีความรู้ ความเข้าใจ และมีเจตคติที่ดีต่อนันทนาการ รวมทั้งประกอบกิจกรรมนันทนาการเป็นประจำ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต ๑.๓.๓ สถานศึกษา ร้อยละ ๘๐ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร้อยละ ๘๐ จัดให้มีการจัดการเรียนรู้เรื่องการใช้เวลาว่างและนันทนาการ รวมทั้งจัดให้มีกิจกรรมนันทนาการในชีวิตประจำวันแก่เด็ก เยาวชน และประชาชน ๑.๓.๔ บุคลากรนันทนาการ ได้แก่ ผู้นำนันทนาการและนักนันทนาการอาชีพได้รับการพัฒนาความรู้อย่างต่อเนื่อง และมีการผลิตบัณฑิตสาขานันทนาการเพิ่มขึ้น ๑.๓.๕ มีการดำเนินกิจกรรมนันทนาการเพื่อพัฒนาสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรมประเพณีอย่างต่อเนื่อง ๑.๓.๖ มีมาตรฐานและตัวชี้วัดด้านความปลอดภัยของอุปกรณ์ สถานที่ และสิ่งอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับนันทนาการและมีการตรวจสอบรับรองมาตรฐานอย่างเป็นระบบ ๑.๓.๗ มีการบริหารจัดการนันทนาการอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งให้มีองค์กรตรวจสอบติดตาม ๑.๔ ยุทธศาสตร์ ๑.๔.๑ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ การส่งเสริมเด็ก เยาวชน และประชาชนให้มีความรู้ความเข้าใจ ตระหนักถึงคุณค่าของการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์และประกอบกิจกรรมนันทนาการเป็นประจำจนเป็นวิถีชีวิต ๑.๔.๒ ยุทธศาสตร์ที่ ๒ การผลิตและพัฒนาบุคลากรในการเป็นผู้นำและการจัดบริการนันทนาการ ๑.๔.๓ ยุทธศาสตร์ที่ ๓ การพัฒนาการบริหารจัดการนันทนาการ ๑.๔.๔ ยุทธศาสตร์ที่ ๔ การพัฒนาสภาวะแวดล้อมและการส่งเสริม อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรมอย่างยั่งยืนด้วยนันทนาการ ๒. ยกเว้นในส่วนของการบริหารจัดการนันทนาการโดยการจัดตั้งกองทุนพัฒนานันทนาการแห่งชาติ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาทบทวนความเหมาะสมและความจำเป็น เนื่องจากอาจมีความซ้ำซ้อนกับภารกิจของกรมพลศึกษา ซึ่งมีการดำเนินกิจกรรมนันทนาการอยู่แล้ว ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของกระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ. ที่เห็นว่า (ร่าง) แผนพัฒนาฯ มีขอบเขตของกิจกรรมนันทนาการที่กว้างและเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน หากสามารถระบุความเชื่อมโยงของกิจกรรมที่หน่วยงานต่าง ๆ ร่วมสนับสนุนแต่ละประเด็นยุทธศาสตร์จะช่วยให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติยิ่งขึ้น ส่วนสาระสำคัญในเป้าหมายของ (ร่าง) แผนพัฒนาฯ ควรแสดงให้เห็นว่า กิจกรรมนันทนาการได้ช่วยพัฒนาและเสริมสร้างคุณภาพทางจิตใจของประชาชนทุกกลุ่ม ทุกวัย รวมทั้งความรู้และทักษะที่จะพัฒนาบุคลากรนันทนาการ ควรครอบคลุมถึงความรู้และทักษะในเรื่องสุขภาพจิตด้วย และควรเพิ่มเติมการให้ความรู้ ความเข้าใจในการประกอบการอุตสาหกรรม ประโยชน์ของภาคอุตสาหกรรมที่มีต่อชุมชน และตระหนักถึงการป้องกันดูแลสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดจากการประกอบอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญเกี่ยวกับการสนับสนุนให้มีการใช้ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการพัฒนาและประยุกต์ใช้ในงานนันทนาการ รวมทั้งการพัฒนาบุคลากร ต่อยอดองค์ความรู้และสนับสนุนเครือข่ายที่มีอยู่ให้เข้ามาร่วมพัฒนาคุณภาพชีวิตโดยใช้นันทนาการเป็นสื่ออย่างเหมาะสม การสร้างระบบการบริหารจัดการที่ดี การบูรณาการและประสานแผนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ในระดับประเทศ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
30811 | การเปิดตลาดนำเข้าสินค้าเส้นไหมดิบ ปี 2555 ตามข้อผูกพันภายใต้องค์การการค้าโลก | กษ | 08/05/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการเปิดตลาดนำเข้าสินค้าเส้นไหมดิบตามข้อผูกพันภายใต้องค์การการค้าโลก ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ปริมาณ ๔๘๓ เมตริกตัน อัตราภาษีในโควตาร้อยละ ๒๐ อัตราภาษีนอกโควตาร้อยละ ๒๒๖ ตามข้อเสนอของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยไม่เห็นควรกำหนดวันสิ้นสุดของอัตราภาษีตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ เนื่องจากปัจจุบันได้มีประกาศกระทรวงการคลังกำหนดอัตราภาษีโดยไม่ได้กำหนดวันสิ้นสุด เนื่องจากหากระบุวันสิ้นสุดเป็นวันที่ ๓๑ ธันวาคม ของแต่ละปีอาจทำให้เกิดปัญหาต่อผู้นำของเข้าในกรณีกรมศุลกากรได้รับการแจ้งการกำหนดอัตราภาษีใหม่ล่าช้า ทำให้ไม่สามารถดำเนินการให้ประกาศกระทรวงการคลังมีผลบังคับใช้ได้ทันเวลาที่กำหนด จะทำให้อัตราภาษีในโควตาตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ของปีถัดไปเป็นร้อยละ ๓๐ ทันที ทั้งนี้ เห็นว่าหากอัตราภาษีทั้งในโควตาและนอกโควตาแตกต่างจากที่กำหนดไว้ในปี ๒๕๕๕ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาและให้กรมศุลกากรดำเนินการออกประกาศกระทรวงการคลังแก้ไขอัตราภาษีต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการติดตามผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อราคาเส้นไหมดิบของเกษตรกรในประเทศ การเร่งลดต้นทุนการผลิตไหมดิบของไทยอย่างต่อเนื่อง การพัฒนาคุณภาพเส้นไหมดิบที่ผลิตในประเทศให้ได้มาตรฐาน รวมทั้งการพัฒนาเอกลักษณ์และคุณค่าของผลิตภัณฑ์จากเส้นไหมดิบของไทยให้เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคให้กว้างขวางมากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
30812 | ร่างแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐมนตรีว่า การกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม | พน | 08/05/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑.๑ ขอบเขตของความร่วมมือด้านพลังงานลักษณะกว้าง ๆ ในหัวข้อดังต่อไปนี้ ๑.๑.๑.๑ การแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายด้านพลังงานระหว่างสองประเทศเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างกัน ๑.๑.๑.๒ การร่วมกันจัดเตรียมข้อเสนอแนะในประเด็นที่เกี่ยวกับด้านพลังงานสำหรับรัฐบาลของแต่ละฝ่ายเพื่อสร้างความร่วมมือที่เข้มแข็งด้านพลังงานระหว่างกัน ๑.๑.๑.๓ การส่งเสริมและสนับสนุนรัฐวิสาหกิจและภาคเอกชนของทั้งสองประเทศในการดำเนินความร่วมมือในภาคพลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสนับสนุนที่จำเป็นจากภาครัฐเพื่ออำนวยความสะดวกต่อการดำเนินโครงการ ๑.๑.๑.๔ การแลกเปลี่ยนข้อมูลความร่วมมือด้านพลังงานและการประสานงานเพื่อแก้ไขปัญหาซึ่งอาจเกิดจากความร่วมมือด้านต่าง ๆ ๑.๑.๑.๕ การสนับสนุนให้เกิดการดำเนินงานตามความตกลงที่มีอยู่และที่จะมีขึ้นในอนาคตระหว่างสองประเทศ ๑.๑.๑.๖ การกำหนดสาขาความร่วมมือที่เป็นไปได้ตามความเห็นชอบของทั้งสองประเทศ ๑.๑.๒ การดำเนินงานเพื่อจัดตั้งเวทีความร่วมมือด้านพลังงานจะมีขึ้นตามโอกาสและเวลาที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกัน ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นผู้ให้ความเห็นชอบในแถลงการณ์ร่วมฯ ดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาองค์ความรู้ของบุคลากรและผู้ประกอบการ โดยเฉพาะกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในสาขาที่มีความสนใจและมีผลประโยชน์ร่วมกัน โดยอาจเน้นด้านพลังงานทดแทนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน การพัฒนาเทคโนโลยี การเตรียมความพร้อมที่จะรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจและอุปสงค์ด้านพลังงานในภูมิภาคที่เพิ่มขึ้นภายหลังการจัดตั้งประชาคมอาเซียนในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
30813 | การกู้เงินประจำปีงบประมาณ 2555 ของการเคหะแห่งชาติ | พม | 08/05/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้การเคหะแห่งชาติกู้เงินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่ได้รับอนุมัติในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๘,๕๐๐ ล้านบาท โดยมีกระทรวงการคลังค้ำประกัน ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ทั้งนี้ การกู้เงินของการเคหะแห่งชาติตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ประกอบด้วย ๑.๑ แผนเงินกู้เพื่อการลงทุน (ในประเทศ) จำนวน ๒,๕๐๐ ล้านบาท มีจำนวน ๓ โครงการ คือ โครงการบ้านเอื้ออาทร ระยะ ๓ วงเงิน ๔๐๐ ล้านบาท โครงการบ้านเอื้ออาทร ระยะ ๔ วงเงิน ๑,๐๐๐ ล้านบาท และโครงการบ้านเอื้ออาทร ระยะ ๕ วงเงิน ๑,๑๐๐ ล้านบาท ๑.๒ แผนการปรับโครงสร้างหนี้รัฐวิสาหกิจสำหรับ Roll Over จำนวน ๕,๕๐๐ ล้านบาท ประกอบด้วย เงินกู้ธนาคารออมสิน วงเงิน ๒,๐๐๐ ล้านบาท เงินกู้ธนาคารทหารไทย วงเงิน ๑,๐๐๐ ล้านบาท และเงินกู้ธนาคารทหารไทย วงเงิน ๒,๕๐๐ ล้านบาท ๑.๓ แผนเงินกู้เพื่อดำเนินกิจการทั่วไปและอื่น ๆ (หนี้ในประเทศ) ซึ่งเป็นการกู้เบิกเงินเกินบัญชีเพื่อเสริมสภาพคล่อง จำนวน ๕๐๐ ล้านบาท ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของคณะรัฐมนตรีที่เห็นว่า โครงสร้างรายได้ของการเคหะแห่งชาติจะมาจากโครงการบ้านเอื้ออาทร ซึ่งปัจจุบันการเคหะแห่งชาติมีหน่วยรอการขายเหลือเพียง จำนวน ๓๗,๖๐๖ หน่วย (เทียบกับโครงการทั้งหมด จำนวน ๒๘๑,๕๕๖ หน่วย) ดังนั้น จากจำนวนหน่วยการขายที่ลดลงทำให้รายได้หลักของการเคหะแห่งชาติมีความเสี่ยงที่อาจไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายประจำและดอกเบี้ยจ่ายในอนาคตได้ การเคหะแห่งชาติควรเร่งรัดจัดทำแผนระบบการเงินให้ชัดเจน โดยจัดทำมาตรการส่งเสริมการขายหน่วยรอการขายที่เหลือ และแก้ไขปัญหาการกู้เงินเพื่อชำระหนี้เดิมที่ครบกำหนดชำระ (Roll over) โดยอาจประสานความร่วมมือเกี่ยวกับการซื้อขายกับบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้แล้วเสร็จก่อนที่การเคหะแห่งชาติจะเสนอแผนพัฒนาที่อยู่อาศัยของการเคหะแห่งชาติในลำดับต่อไป ทั้งนี้ การเคหะแห่งชาติควรเร่งรัดการโอนที่อยู่อาศัยให้แก่ลูกหนี้ชั้นดีด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
30814 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 59 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน) | มท | 08/05/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขหลักเกณฑ์การออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ โดยให้ผู้ซึ่งครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินภายหลังวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับสามารถขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์เป็นการเฉพาะรายได้ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ๒. ให้กระทวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า เมื่อร่างพระราชบัญญัติฯ ผ่านกระบวนการพิจารณาและมีผลใช้บังคับแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ควรจะมีการประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจถึงสิทธิและทางเลือกการดำเนินการตามกฎหมายที่ได้แก้ไขใหม่ในพื้นที่ที่คาดว่าจะมีประชาชนต้องการออกโฉนดและหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจและใช้สิทธิตามเจตนารมณ์ของกฎหมายอย่างเหมาะสมต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
30815 | ร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 08/05/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติมีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๐๐ ดังต่อไปนี้
๑. แก้ไขเพิ่มเติมให้ข้าราชการส่วนท้องถิ่นผู้มีสิทธิได้รับบำนาญพิเศษเหตุทุพพลภาพให้ได้รับบำนาญพิเศษเพิ่มสูงขึ้น ๒. แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การจ่ายบำเหน็จตกทอดให้แก่ทายาทผู้มีสิทธิได้รับให้สามารถนำเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับบำนาญของราชการส่วนท้องถิ่น (ช.ค.บ.) มารวมคำนวณได้ ๓. ยกเลิกบทบัญญัติเรื่องการหมดสิทธิรับบำนาญของผู้รับบำนาญ |
|||||||||||||||||||||
30816 | การจัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษาตามพระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา พ.ศ. 2551 | ศธ | 08/05/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการรวมสถานศึกษาอาชีวศึกษาเพื่อจัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษา พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยให้แก้ไขความในร่างกฎกระทรวงใน (๑๐) จาก “วิทยาลัยการอาชีพบึงกาฬ” เป็น “วิทยาลัยเทคนิคบึงกาฬ" แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้จัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษา ดังนี้
๑ สถาบันการอาชีวศึกษาภาคกลาง รวม ๕ แห่ง ได้แก่ สถาบันการอาชีวศึกษาภาคกลาง ๑ - ๕ ๒. สถาบันการอาชีวศึกษาภาคใต้ รวม ๓ แห่ง ได้แก่ สถาบันการอาชีวศึกษาภาคใต้ ๑ - ๓ ๓. สถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออก ๔. สถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม ๕ แห่ง ได้แก่ สถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๑ - ๕ ๕. สถาบันการอาชีวศึกษาภาคเหนือ รวม ๔ แห่ง ได้แก่ สถาบันการอาชีวศึกษาภาคเหนือ ๑ -๔ ๖. สถาบันการอาชีวศึกษากรุงเทพมหานคร ๗. กำหนดให้สถาบันการอาชีวศึกษาแต่ละแห่งประกอบด้วยส่วนราชการตามที่กำหนด
|
|||||||||||||||||||||
30817 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการค่าก่อสร้างโรงสูบน้ำโครงการบางนรา 1 แห่ง | กษ | 08/05/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมชลประทานเพิ่มวงเงินในสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างโรงสูบน้ำ โครงการบางนรา (ก่อสร้างสถานีสูบน้ำและระบบส่งน้ำพร้อมอาคารประกอบ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลุ่มน้ำบางนรา ตอนพรุกาบแดง อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส) จากวงเงินตามสัญญา ๗๐,๙๙๘,๐๙๙.๙๐ บาท เป็นวงเงิน ๘๐,๕๐๗,๕๕๗.๕๖ บาท และเปลี่ยนแปลงระยะเวลาก่อสร้างจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๐ - ๒๕๔๑ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๑ - ๒๕๕๕ ทั้งนี้ ให้กรมชลประทานตรวจสอบและดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ เงื่อนไขและหลักเกณฑ์ตามมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องทุกขั้นตอน โดยพิจารณาประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
30818 | รายงานความคืบหน้าคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ครั้งที่ 3 | นร | 08/05/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้คณะกรรมการประสานและติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.) ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ครั้งที่ ๓ ต่อไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ โดยข้อเสนอแนะของ คอป. มีประเด็นสำคัญ ดังนี้
๑. ปัญหาความขัดแย้งยังคงดำเนินอยู่และบรรยากาศของความปรองดองยังไม่เกิดขึ้นในกลุ่มสังคมไทย จึงขอเน้นย้ำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งรัฐบาล นายกรัฐมนตรี ผู้นำฝ่ายค้าน พรรคการเมือง กลุ่มการเมือง ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกำกับและควบคุมการใช้อำนาจรัฐ สื่อมวลชน กลุ่มบุคคล และองค์กรต่าง ๆ ร่วมกันประคับประคองสถานการณ์ความขัดแย้ง และให้ความสำคัญต่อการสร้างบรรยากาศของความปรองดองในชาติ โดยยึดถือผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง ๒. ข้อเสนอที่ไม่ให้ใช้เครื่องพันธนาการหรือการตีตรวนกับผู้ต้องหาหรือจำเลยของกรมราชทัณฑ์ ซึ่งขาดความเหมาะสมและความถูกต้องตามหลักเกณฑ์อันเป็นสากล โดยการตอบรับต่อข้อเสนอดังกล่าวไม่เป็นที่น่าพอใจนัก รวมถึงข้อเสนอให้ปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยระหว่างการพิจารณาคดี ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้ต้องหาและจำเลย ๓. องค์กรในกระบวนการยุติธรรมยังมีการกำหนดให้มีหลักประกันอันเป็นการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องตามหลักกฎหมายเสมอมา ทำให้เกิดความเสียหายต่อกระบวนการยุติธรรมอย่างมาก กล่าวคือ เป็นช่องว่างให้ “นายประกันอาชีพ” ซึ่งเป็นองค์กรเถื่อนในกระบวนการยุติธรรมฉวยโอกาสเข้าไปแสวงหาประโยชน์กับสิทธิและเสรีภาพของบุคคลตลอดมา และ “บริษัทประกันภัย” ซึ่งก็เข้าไปแสวงหาประโยชน์กับสิทธิและเสรีภาพของบุคคลทำนองเดียวกัน ๔. เมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๔ ได้เสนอให้แก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เพื่อขจัดเงื่อนไขปัญหาของสังคม อันจะเป็นแนวทางในการสร้างความปรองดองและสันติของคนในชาติต่อไป ๕. การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ รัฐควรใช้มิติการสงเคราะห์เข้าขจัดความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งถือว่าเป็นหน้าที่หลักของรัฐโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ ๖. การจ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงเป็นรายเดือนมีความเหมาะสมมากกว่าการเยียวยาด้วยเงินจำนวนมากในครั้งเดียว เนื่องจากเงินที่ใช้ในการเยียวยาเป็นรายเดือนนั้นจะปรากฏในงบประมาณตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีของรัฐ รัฐบาลและรัฐสภาที่พิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณประจำปีจะได้ร่วมกันรำลึกและตระหนักในการขอโทษต่อประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงเพื่อนำไปสู่การให้อภัยอย่างแท้จริง
|
|||||||||||||||||||||
30819 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) | สธ | 08/05/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางบุญเอื้อ ยงวานิชากร ให้ดำรงตำแหน่งทันตแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านทันตสาธารณสุข) กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
30820 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสายไฟฟ้าหุ้มฉนวนพอลิไวนิลคลอไรด์ แรงดันไฟฟ้าที่กำหนดไม่เกิน 450/750 โวลต์ ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน รวม 4 ฉบับ | อก | 08/05/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสายไฟฟ้าหุ้มฉนวนพอลิไวนิลคลอไรด์แรงดันไฟฟ้าที่กำหนดไม่เกิน ๔๕๐/๗๕๐ โวลต์ ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน รวม ๔ ฉบับ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสายไฟฟ้าหุ้มฉนวนพอลิไวนิลคลอไรด์แรงดันไฟฟ้าที่กำหนดไม่เกิน ๔๕๐/๗๕๐ โวลต์ เล่ม ๓ สายไฟฟ้าไม่มีเปลือกสำหรับงานติดตั้งยึดกับที่ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ยกเลิกพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสายไฟฟ้าทองแดงหุ้นด้วยฉนวนโพลิไวนิลคลอไรด์ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. ๒๕๓๒ และกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสายไฟฟ้าหุ้มฉนวนพอลิไวนิลคลอไรด์แรงดันไฟฟ้าที่กำหนดไม่เกิน ๔๕๐/๗๕๐ โวลต์ สายไฟฟ้าไม่มีเปลือกสำหรับงานติดตั้งยึดกับที่ต้องเป็นไปตามมาตรฐานเลขที่ มอก. ๑๑ เล่ม ๓ - ๒๕๕๓ ๒. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสายไฟฟ้าหุ้มฉนวนพอลิไวนิลคลอไรด์แรงดันไฟฟ้าที่กำหนดไม่เกิน ๔๕๐/๗๕๐ โวลต์ เล่ม ๔ สายไฟฟ้ามีเปลือกสำหรับงานติดตั้งยึดกับที่ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสายไฟฟ้าหุ้มฉนวนพอลิไวนิลคลอไรด์แรงดันไฟฟ้าที่กำหนดไม่เกิน ๔๕๐/๗๕๐ โวลต์ สายไฟฟ้ามีเปลือกสำหรับงานติดตั้งยึดกับที่ต้องเป็นไปตามมาตรฐานเลขที่ มอก. ๑๑ เล่ม ๔ - ๒๕๕๓ ๓. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสายไฟฟ้าหุ้มฉนวนพอลิไวนิลคลอไรด์แรงดันไฟฟ้าที่กำหนดไม่เกิน ๔๕๐/๗๕๐ โวลต์ เล่ม ๕ สายอ่อนต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสายไฟฟ้าหุ้มฉนวนพอลิไวนิลคลอไรด์แรงดันไฟฟ้าที่กำหนดไม่เกิน ๔๕๐/๗๕๐ โวลต์ สายอ่อนต้องเป็นไปตามมาตรฐานเลขที่ มอก. ๑๑ เล่ม ๕ - ๒๕๕๓ ๔. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสายไฟฟ้าหุ้มฉนวนพอลิไวนิลคลอไรด์แรงดันไฟฟ้าที่กำหนดไม่เกิน ๔๕๐/๗๕๐ โวลต์ เล่ม ๑๐๑ สายไฟฟ้ามีเปลือกสำหรับงานทั่วไปต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสายไฟฟ้าหุ้มฉนวนพอลิไวนิลคลอไรด์แรงดันไฟฟ้าที่กำหนดไม่เกิน ๔๕๐/๗๕๐ โวลต์ สายไฟฟ้ามีเปลือกสำหรับงานทั่วไปต้องเป็นไปตามมาตรฐานเลขที่ มอก. ๑๑ เล่ม ๑๐๑ - ๒๕๕๓
|
.....