ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1546 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 30901 - 30920 จากข้อมูลทั้งหมด 124233 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
30901 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรถยนต์ขนาดเล็กที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยการอัดต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก | 01/05/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรถยนต์ขนาดเล็กที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยการอัดต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ยกเลิกพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรถยนต์ขนาดเล็กที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. ๒๕๔๗ และกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรถยนต์ขนาดเล็กที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยการอัดต้องเป็นไปตามมาตรฐาน เลขที่ มอก. ๒๕๕๐ - ๒๕๕๔ ทั้งนี้ ให้ใช้บังคับร่างพระราชกฤษฎีกานี้เมื่อพ้นกำหนดหกสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
30902 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยประกายไฟต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก | 01/05/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยประกายไฟต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ยกเลิกพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. ๒๕๔๗ และกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยประกายไฟต้องเป็นไปตามมาตรฐาน เลขที่ มอก. ๒๕๔๐ - ๒๕๕๔ ทั้งนี้ ให้ใช้บังคับพระราชกฤษฎีกานี้เมื่อพ้นกำหนดหกสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
30903 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมทินเนอร์สำหรับแล็กเกอร์ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก | 01/05/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมทินเนอร์สำหรับแล็กเกอร์ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ยกเลิกพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมทินเนอร์สำหรับแล็กเกอร์ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. ๒๕๒๗ และกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมทินเนอร์สำหรับแล็กเกอร์ต้องเป็นไปตามมาตรฐานเลขที่ มอก. ๔๙๖ - ๒๕๕๓ ทั้งนี้ ให้ใช้บังคับร่างพระราชกฤษฎีกานี้เมื่อพ้นกำหนดสามร้อยหกสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
30904 | สรุปผลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากร เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 | ทก | 01/05/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากร เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (สำนักงานสถิติแห่งชาติ) เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผู้ที่อยู่ในวัยกำลังแรงงาน มีจำนวนทั้งสิ้น ๓๘.๘๐ ล้านคน ประกอบด้วย ผู้มีงานทำ ๓๘.๐๖ ล้านคน ผู้ว่างงาน ๒.๕๖ แสนคน และผู้ที่รอฤดูกาล ๔.๘๔ แสนคน ทั้งนี้ ผู้ที่อยู่ในกำลังแรงงานมีจำนวนเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันกับปี พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๗.๒ แสนคน (จาก ๓๘.๐๘ ล้านคน เป็น ๓๘.๘๐ ล้านคน) ๒. ผู้มีงานทำ ๓๘.๐๖ ล้านคน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันกับปี พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๕.๑ แสนคน (จาก ๓๗.๕๕ ล้านคน เป็น ๓๘.๐๖ ล้านคน) หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑.๔ โดยผู้ทำงานเพิ่มขึ้น ได้แก่ ผู้ทำงานในสาขาการเกษตร เพิ่มขึ้น ๕.๒ แสนคน สาขาการผลิต เพิ่มขึ้น ๕.๖ แสนคน สาขาการบริหารราชการ การป้องกันประเทศ และการประกันสังคมภาคบังคับ เพิ่มขึ้น ๖.๐ หมื่นคน สาขากิจกรรมทางการเงิน และการประกันภัย เพิ่มขึ้น ๕.๐ หมื่นคน ตามลำดับ สำหรับผู้ทำงานลดลง ได้แก่ ผู้ทำงานในสาขาการก่อสร้าง ลดลง ๑.๘๐ แสนคน สาขาที่พักแรมและการบริการด้านอาหาร ๑.๕๐ แสนคน สาขาการศึกษา ๑.๑ แสนคน สาขาการขายส่ง การขายปลีก การซ่อมยานยนต์ และรถจักรยานยนต์ ๘.๐ หมื่นคน สาขากิจกรรมบริการด้านอื่น ๆ เช่น กิจกรรมบริการเพื่อสร้างเสริมสุขภาพร่างกาย การดูแลสัตว์เลี้ยง การบริการซักรีดและซักแห้ง เป็นต้น ๓.๐ หมื่นคน สาขากิจกรรมด้านสุขภาพและงานสังคมสงเคราะห์ ๒.๐ หมื่นคน และสาขากิจกรรมอสังหาริมทรัพย์ ๑.๐ หมื่นคน ตามลำดับ ๓. ผู้ว่างงานทั่วประเทศมีจำนวน ๒.๕๖ แสนคน คิดเป็นอัตราการว่างงานร้อยละ ๐.๗ ของกำลังแรงงานรวม (ลดลง ๑.๒ หมื่นคน เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปี พ.ศ. ๒๕๕๔) ประกอบด้วยผู้ว่างงานที่ไม่เคยทำงานมาก่อน จำนวน ๘.๓ หมื่นคน ผู้ว่างงานที่เคยทำงานมาก่อน จำนวน ๑.๗๓ แสนคน โดยเป็นผู้ว่างงานที่มาจากภาคการบริการและการค้า ๘.๐ หมื่นคน ภาคการผลิต ๖.๓ หมื่นคน และภาคเกษตรกรรม ๓.๐ หมื่นคน เป็นผู้ว่างงานที่มีการศึกษาอยู่ในระดับอุดมศึกษา ๘.๘ หมื่นคน ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ๖.๘ หมื่นคน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ๔.๘ หมื่นคน ระดับประถมศึกษา ๓.๑ หมื่นคน และไม่มีการศึกษาและต่ำกว่าประถมศึกษา ๒.๑ หมื่นคน ตามลำดับ และผู้ว่างงานส่วนใหญ่อยู่ในภาคกลาง ๗.๒ หมื่นคน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๖.๘ หมื่นคน ภาคเหนือ ๕.๓ หมื่นคน กรุงเทพมหานคร ๓.๓ หมื่นคน และภาคใต้ ๓.๐ หมื่นคน
|
||||||||||||||||||
30905 | รายงานการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ปี 2551 - 2552 | สม | 01/05/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติรายงานการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ปี ๒๕๕๑ - ๒๕๕๒ พร้องทั้งข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ สรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐบาลต้องปฏิรูประบบความยุติธรรมให้เป็นที่เชื่อมั่นของปวงชน ทั้งต้องผลักดันให้เกิดองค์กรเพื่อการปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม รวมถึงส่งเสริมการยุติธรรมสมานฉันท์ (Restorative Justice) และพัฒนาระบบยุติธรรมชุมชนให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ๒. รัฐบาลควรประกาศยกเลิกการใช้กฎหมายพิเศษในจังหวัดชายแดนภาคใต้ หากยังมีความจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวต้องมีคำอธิบายที่ชัดเจนต่อสาธารณะ รวมถึงมีกลไกตรวจสอบการใช้อำนาจโดยมิชอบ ๓. รัฐควรดูแลให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรมหากเจ้าหน้าที่รัฐกระทำผิดต้องมีการลงโทษเพื่อมิให้เกิดวัฒนธรรมการไม่ต้องรับโทษ จัดให้มีการเยียวยาโดยไม่เลือกปฏิบัติ รวดเร็ว และพอเพียง เร่งแก้ไขกฎหมายให้สอดคล้องกับอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการประติบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี และเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลจากการสูญหายโดยถูกบังคับ ๔. รัฐบาลต้องให้ข้อมูลและให้ความร่วมมือแก่กลไกต่าง ๆ ที่มีหน้าที่ในการพิสูจน์และสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองที่ผ่านมา ๕. รัฐบาลต้องทบทวนร่างพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. .... ซึ่งไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ๖. รัฐบาลต้องเคร่งครัดในการปฏิบัติตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญที่ให้การคุ้มครองและให้หลักประกันสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของสื่อมวลชนและประชาชน และต้องดำเนินการให้เกิดการปฏิรูปสื่อตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญอย่างไม่ชักช้าโดยคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ ๗. รัฐบาลต้องทำให้สิทธิชุมชน ตามมาตรา ๖๖ และ ๖๗ ของรัฐธรรมนูญเกิดผลในทางปฏิบัติอย่างจริงจัง เร่งแก้ไขปัญหาและเยียวยาแก่ประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ทบทวนการกำหนดเขตที่ดินและการขยายเขตการอนุรักษ์ โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วม ตามมาตรา ๘๗ ของรัฐธรรมนูญ ๘. ในการกำหนดนโยบายการพัฒนา รัฐต้องคำนึงถึงความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจกับวัฒนธรรมชุมชนบนพื้นฐานการเข้าถึงการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของท้องถิ่นกับเศรษฐกิจการลงทุนและอุตสาหกรรม และควรทบทวนโครงการขนาดใหญ่ที่มีผลกระทบต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ สิ่งแวดล้อม และสุขภาพของคนในชุมชน ๙. รัฐบาลควรบังคับใช้กฎหมายปราบปรามการค้ามนุษย์อย่างจริงจัง สำหรับแรงงานข้ามชาติ รัฐบาลควรดูแลแรงงานที่ขึ้นทะเบียนและเข้าสู่ระบบแล้วให้ได้รับการคุ้มครองสิทธิตามกฎหมาย เร่งรัดการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ ๘๗ และ ๙๘ (เสรีภาพในการรวมตัวเป็นสมาคม/สิทธิในการต่อรอง) ๑๐. รัฐบาลควรเร่งรัดการให้สัญชาติแก่บุคคลที่ไร้สถานะกลุ่มต่าง ๆ ตามยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาสถานะและสิทธิของบุคคล เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๘ รวมทั้งคืนสัญชาติให้แก่คนไทยพลัดถิ่นและให้การคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานต่าง ๆ ๑๑. ในการส่งตัวผู้หนีภัยการสู้รบกลับประเทศ รัฐบาลต้องเคารพหลักสิทธิมนุษยชนสากลเกี่ยวกับการไม่ส่งกลับ หากมีผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตของผู้หนีภัย ๑๒. รัฐบาลจะต้องสนับสนุนการปฏิรูปประเทศไทยอย่างจริงจัง โดยเฉพาะที่ดินทำกิน การปฏิรูประบบภาษี การปฏิรูประบบความยุติธรรม ระบบการศึกษา ระบบสังคมสวัสดิการ และการปฏิรูปสื่อ ตลอดจนสนับสนุนการกระจายอำนาจไปสู่ชุมชนท้องถิ่นอย่างจริงจัง
|
||||||||||||||||||
30906 | การแต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำรายงานแสดงผลการดำเนินงานของคณะรัฐมนตรี | นร | 01/05/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๘๔/๒๕๕๕ ลงวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๕ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำรายงานแสดงผลการดำเนินงานของคณะรัฐมนตรี โดยมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) เป็นประธานกรรมการ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นางนลินี ทวีสิน) เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง (นายนิรุตติ คุณวัฒน์) เป็นรองประธานกรรมการ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เป็นกรรมการ รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ได้รับมอบหมาย รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ได้รับมอบหมาย และรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร ที่ได้รับมอบหมาย เป็นกรรมการและเลขานุการร่วม มีอำนาจหน้าที่กำหนดรูปแบบ และจัดทำรายงานแสดงผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรี รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐเพื่อเสนอต่อรัฐสภาปีละหนึ่งครั้ง และเผยแพร่ผลการดำเนินงานของคณะรัฐมนตรีต่อสาธารณชน และดำเนินการอื่น ๆ ตามที่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีมอบหมาย ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||
30907 | ขออนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมสำหรับการจัดการประชุม World Economic Forum on East Asia ที่ประเทศไทย | กต | 01/05/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๔๕ ล้านบาท เพื่อดำเนินการเตรียมการจัดการประชุม World Economic Forum on East Asia ที่ประเทศไทย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศขอตกลงในรายละเอียดการใช้จ่ายงบประมาณกับสำนักงบประมาณต่อไป และให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงการต่างประเทศขอความร่วมมือจากภาครัฐวิสาหกิจและเอกชนในการสนับสนุนการดำเนินการจัดประชุม ทั้งในรูปการสนับสนุนทางการเงิน หรือกิจกรรมเสริมอื่น ๆ เช่น สินค้าและผลิตภัณฑ์เพื่อประกอบการจัดประชุม การอำนวยความสะดวกผู้เข้าร่วมประชุม การประชาสัมพันธ์ เป็นต้น เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมจากภาคส่วนต่าง ๆ ในกิจกรรมดังกล่าว และช่วยลดภาระการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐอีกทางหนึ่ง ไปพิจารณาดำเนินการ และขอให้มีการประชุมเพื่อติดตามงานและเตรียมการด้วย |
||||||||||||||||||
30908 | ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดยาเสพติด (กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555) | ทก | 01/05/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดยาเสพติด (กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕) ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ประชาชนร้อยละ ๔๐.๔ เห็นว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดยาเสพติดในปัจจุบันโดยรวมยังมีปัญหาอยู่ ร้อยละ ๓๘.๔ เห็นว่าไม่มีปัญหาร้อยละ ๒๑.๒ ไม่แน่ใจ/ไม่ทราบ โดยผู้ที่ระบุว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดยาเสพติดที่ยังมีปัญหาอยู่ ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ด้านผู้ค้า หรือผู้ลักลอบค้ายาเสพติด ประชาชนร้อยละ ๖๙.๕ ระบุว่ามีปัญหา และร้อยละ ๓๐.๕ ระบุว่าไม่มีปัญหา และด้านผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด ประชาชนร้อยละ ๙๗.๙ ระบุว่ามีปัญหา และร้อยละ ๒.๑ ระบุว่าไม่มีปัญหา ๒. ประชาชนร้อยละ ๑๑.๘ ระบุว่ามีผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดที่ผ่านการบำบัดรักษาแล้วกลับไปใช้ยาเสพติดอีก และร้อยละ ๓๘.๗ ระบุว่าไม่มีปัญหา และร้อยละ ๔๙.๕ ไม่แน่ใจ/ไม่ทราบ ๓. การแพร่ระบาดยาเสพติดในโรงเรียน/สถานศึกษา ประชาชนร้อยละ ๓๑.๔ ระบุว่ามีปัญหา และร้อยละ ๖๘.๖ ระบุว่าไม่มีปัญหา ๔. ความยากง่ายในการหาซื้อหายาเสพติด ประชาชนร้อยละ ๒๗.๗ ระบุว่าหาซื้อไม่ได้ และร้อยละ ๙.๕ ระบุว่าหาซื้อยาก ในขณะที่ประชาชนร้อยละ ๑๓.๐ ระบุว่าหาซื้อยาเสพติดง่าย และร้อยละ ๔๙.๘ ไม่แน่ใจ/ไม่ทราบ ๕ ประชาชนร้อยละ ๑๒.๐ ระบุว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และร้อยละ ๘๑.๑ ระบุว่าไม่มี มีเพียงร้อยละ ๖.๙ ที่ไม่แสดงความคิดเห็น ๖. ประชาชนที่อาศัยอยู่ในชุมชน/หมู่บ้านที่มีสถานบันเทิง ร้อยละ ๓๗.๔ ระบุว่ามีสถานบันเทิง/สถานบริการเปิด - ปิด เกินเวลา ร้อยละ ๓๕.๐ ระบุว่ามีสถานบันเทิง/สถานบริการส่งเสียงดังรบกวน ร้อยละ ๓๗.๖ ระบุว่ามีการปล่อยให้เด็กอายุต่ำกว่า ๑๘ ปี เข้าไปในสถานบันเทิง/สถานบริการ และร้อยละ ๒๖.๓ ระบุว่ามีการตรวจบัตรประชาชนผู้ที่เข้ามาใช้บริการในสถานบันเทิง/สถานบริการ ๗. ประชาชนที่อาศัยอยู่ในชุมชน/หมู่บ้านที่มีร้านเกมส์ - อินเทอร์เน็ต ร้อยละ ๗.๖ ระบุว่ามีการมั่วสุมเสพยาเสพติดในร้านเกมส์ - อินเทอร์เน็ต ร้อยละ ๖.๖ ระบุว่ามีการซื้อขายยาเสพติดในร้านเกมส์ - อินเทอร์เน็ต และร้อยละ ๑๑.๖ ระบุว่ามีการตรวจค้น จับกุม ปราบปรามแหล่งมั่วสุมของเยาวชนในร้านเกมส์ - อินเทอร์เน็ต ๘. ความพึงพอใจต่อผลการดำเนินงานของรัฐบาลในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ประชาชนร้อยละ ๙๙.๕ ระบุว่ามีความพึงพอใจ และร้อยละ ๐.๕ ระบุว่าไม่พึงพอใจ โดยผู้ที่พึงพอใจระบุว่ามีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุดร้อยละ ๑๑.๙ มากร้อยละ ๔๕.๙ ปานกลางร้อยละ ๓๔.๙ และน้อยร้อยละ ๖.๘ ๙. ความเชื่อมั่นต่อการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน ประชาชนร้อยละ ๙๙.๕ ระบุว่ามีความเชื่อมั่น และร้อยละ ๐.๕ ระบุว่าไม่เชื่อมั่นเลย โดยผู้ที่เชื่อมั่นได้ระบุว่ามีความเชื่อมั่นอยู่ในระดับมากที่สุดร้อยละ ๑๕.๑ มากร้อยละ ๔๖.๐ ปานกลางร้อยละ ๓๑.๙ และน้อยร้อยละ ๖.๕ ๑๐. ประชาชนร้อยละ ๗๕.๗ ได้แสดงความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการป้องกัน/แก้ไขปัญหายาเสพติด ได้แก่ การปราบปรามยาเสพติดควรดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ร้อยละ ๕๕.๙ การใช้กฎหมายลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดอย่างเด็ดขาด ร้อยละ ๔๗.๓ การประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับยาเสพติด ร้อยละ ๑๖.๐ การส่งเสริมการเล่นกีฬา/สนับสนุนอุปกรณ์กีฬาในชุมชน/หมู่บ้าน ร้อยละ ๗.๘ และการรณรงค์สร้างจิตสำนึกให้กับทุกฝ่ายและคนในชุมชน/หมู่บ้านต้องสามัคคีต่อต้านยาเสพติด ร้อยละ ๗.๗ เป็นต้น
|
||||||||||||||||||
30909 | การกู้เงินเพื่อใช้ในกิจการสำนักงานธนานุเคราะห์ จำนวน 1,000 ล้านบาท | พม | 01/05/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์กู้ยืมเงินเพื่อใช้ในกิจการสำนักงานธนานุเคราะห์ จำนวน ๑,๐๐๐ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน เพื่อใช้สำหรับหมุนเวียนรับจำนำ และบริหารหนี้โดยวิธีการ Refinance เงินกู้ระยะยาวของธนาคารกรุงไทย ซึ่งมีวงเงินคงเหลือ จำนวน ๒๒๕ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า วงเงินกู้เพื่อใช้ในการดำนินงานดังกล่าวมีต้นทุนอัตราดอกเบี้ยต่อปีมากน้อยแตกต่างกัน จึงเห็นควรให้ดำเนินการเบิกใช้เงินกู้ในวงเงินที่มีต้นทุนต่ำกว่าก่อนเป็นลำดับแรก ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||
30910 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลบ้านช้าง อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... | มท | 01/05/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลบ้านช้าง อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลบ้านช้าง อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี เนื้อที่ทั้งหมดประมาณ ๖ ไร่ ๑ งาน ๙๕ ตารางวา เพื่อมอบสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานใช้เป็นสถานที่ตั้งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต ๒ และใช้ประโยชน์อย่างอื่นในราชการของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
30911 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. .... | มท | 01/05/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เนื้อที่ประมาณ ๒ ไร่ ๓ งาน เพื่อมอบให้องค์การบริหารส่วนตำบลบางโฉลงใช้เป็นที่ตั้งที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลบางโฉลง และใช้ประโยชน์อย่างอื่นในราชการขององค์การบริหารส่วนตำบล ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
30912 | สรุปผลการเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการบริหารของยูเนสโก ครั้งที่ 189 | ศธ | 01/05/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการบริหารของยูเนสโก ครั้งที่ ๑๘๙ ระหว่างวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ - ๓ มีนาคม ๒๕๕๕ ณ สำนักงานใหญ่องค์การยูเนสโก กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมคณะกรรมการบริหารของยูเนสโก ครั้งที่ ๑๘๙ เน้นเรื่องการหามาตรการต่าง ๆ เพื่อจัดการกับปัญหาสภาพคล่องทางการเงินขององค์การ ซึ่งเกิดขึ้นจากการที่สหรัฐอเมริกาลดงบประมาณที่สนับสนุนองค์การ ด้วยสาเหตุที่ยูเนสโกได้รับปาเลสไตน์เข้าเป็นสมาชิกล่าสุด ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้กล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมฯ เพื่อยืนยันถึงความมุ่งมั่นของประเทศไทยในภารกิจงานของยูเนสโก โดยเฉพาะกิจกรรมหลักตามสาขาความรับผิดชอบของยูเนสโก ซึ่งประเทศไทยได้เร่งรัดการจัดส่งเงินอุดหนุนให้กับองค์การเร็วขึ้นกว่าปกติ และยินดีที่จะช่วยซ่อมแซมอาคารสำนักงานยูเนสโกที่กรุงเทพฯ นอกจากนี้ ประเทศไทยยังได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการส่งเสริมบทบาทของสตรี โดยจัดตั้งกองทุนพัฒนาสตรีเพื่อสร้างโอกาสให้กับสตรีได้เข้าถึงการศึกษา สาธารณสุขและการมีงานทำ ซึ่งถือว่าเป็นการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศชายหญิง ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้พบปะเจรจาหารือกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการของสาธารณรัฐประชาชนจีน (Mr. Hao Ping) โดยกล่าวขอบคุณรัฐบาลจีนที่ได้ให้การสนับสนุนการจัดการเรียนการสอนภาษาจีนในประเทศไทยเป็นอย่างดีตลอดมา พร้อมทั้งสนับสนุนครูอาสาสมัครจีนให้มาสอนภาษาจีนในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ในประเทศไทยมีการขยายตัวในเรื่องการเรียนการสอนภาษาจีนมากขึ้น ทำให้จำนวนครูอาสาสมัครไม่เพียงพอ ในการนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการจีนแจ้งว่ารัฐบาลจีนประสงค์จะจัดตั้งศูนย์ศึกษาของประเทศต่าง ๆ ในสาธารณรัฐประชาชนจีน ประมาณ ๒๐๐ แห่ง รวมทั้งศูนย์ไทยศึกษา โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่าภายใน ๕ ปี จะมีนักเรียน/นักศึกษาจากประเทศอาเซียนเข้ามาศึกษาในสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน ๑๐๐,๐๐๐ คน ซึ่งจะมีทุนสนับสนุนให้ส่วนหนึ่ง รวมทั้งจะส่งเสริมให้นักเรียนต่างชาติเข้าไปศึกษาในสาขาต่าง ๆ ทั้งด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสังคมศาสตร์ โดยขอให้รัฐบาลไทยส่งเสริมให้นักเรียน/นักศึกษาไทยเข้าไปศึกษาในสาธารณรัฐประชาชนจีนมากขึ้นด้วย ๓. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้พบปะกับนักศึกษาไทยที่ได้รับทุนการศึกษาโครงการ ๑ อำเภอ ๑ ทุน ที่ศึกษาอยู่ในประเทศฝรั่งเศส พร้อมทั้งกล่าวสนับสนุนให้นักศึกษาโครงการฯ กลับมาทำงานในชุมชนท้องถิ่นของตนในภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อจะได้ร่วมกันพัฒนาประเทศต่อไป ๔. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันแก่ผู้อำนวยการใหญ่ยูเนสโกและคณะกรรมการบริหารของยูเนสโกสำหรับการสนับสนุนให้ประเทศไทยได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารของยูเนสโก ซึ่งผู้อำนวยการใหญ่ยูเนสโก (Mrs. Irina BOKOVA) ได้กล่าวขอบคุณที่ประเทศไทยเห็นความสำคัญและสนับสนุนบทบาทสตรีและได้จัดตั้งกองทุนพัฒนาสตรี รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือในการซ่อมแซมอาคารสำนักงานยูเนสโกที่กรุงเทพฯ ด้วย
|
||||||||||||||||||
30913 | การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ สปป.ลาว สำหรับโครงการก่อสร้างถนนจากภูดู่ (อำเภอบ้านโคก จังหวัดอุตรดิตถ์) ถึงเมืองปากลาย แขวงไซยะบุรี สปป.ลาว | กค | 01/05/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) ดำเนินการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินโครงการก่อสร้างถนนจากภูดู่ (อำเภอบ้านโคก จังหวัดอุตรดิตถ์) ถึงเมืองปากลาย แขวงไซยะบุรี สปป.ลาว วงเงินรวม ๗๑๘ ล้านบาท โดยมีวิธีดำเนินโครงการและเงื่อนไขการให้ความช่วยเหลือทางการเงินที่มีสัดส่วนของเงินกู้และเงินให้เปล่าร่วมกัน แบ่งเป็นเงินให้เปล่าร้อยละ ๒๐ (คิดเป็นเงินไม่เกิน ๑๔๓.๖๐ ล้านบาท) และเงินกู้เงื่อนไขผ่อนปรนร้อยละ ๘๐ (คิดเป็นเงินไม่เกิน ๕๗๔.๔๐ ล้านบาท) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นควรหารืออย่างใกล้ชิดกับกรมแผนที่ทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย และกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อป้องกันมิให้การก่อสร้างถนนดังกล่าวก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสันปันน้ำเพิ่มเติม หรือกระทบเส้นเขตแดนที่เสนอ (proposed boundary line) บริเวณช่องทางภูดู่ ระหว่างหลักเขตที่ ๕ - ๑๖/๑ และ ๕ - ๑๖/๒ ซึ่งทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายลาวมีความเห็นพ้องกันเป็นเอกภาพและที่ประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย - ลาว ครั้งที่ ๘ ได้รับรองแล้ว แต่ยังไม่มีผลใช้บังคับทางกฎหมาย ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||
30914 | การแก้ไขข้อตกลงว่าด้วยกองทุนการเงินระหว่างประเทศในส่วนที่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการบริหารกองทุนการเงินระหว่างประเทศ | กค | 01/05/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบในการรับร่างแก้ไขข้อตกลงว่าด้วยกองทุนการเงินระหว่างประเทศในส่วนที่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการบริหารกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ซึ่งได้มีการปรับเปลี่ยนการบริหารกิจการภายในให้เกิดการปฏิบัติที่เท่าเทียมระหว่างกลุ่มประเทศสมาชิก โดยเฉพาะกลุ่มที่มีตัวแทนของประเทศตนเพียงประเทศเดียวกับกลุ่มที่สมาชิกต้องหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันเป็นผู้แทนของกลุ่มในคณะกรรมการบริหารกองทุนการเงินระหว่างประเทศ โดยให้คณะกรรมการบริหารกองทุนการเงินระหว่างประเทศมาจากการเลือกตั้งทั้งหมด จากเดิมที่ให้มาจากการแต่งตั้ง ๕ ตำแหน่งสำหรับประเทศที่มีสิทธิออกเสียงสูงสุด และมาจากการเลือกตั้งสำหรับตำแหน่งที่เหลืออีก ๑๕ ตำแหน่ง รวมทั้งแก้ไขข้อกำหนดเดิมที่อ้างถึงกรรมการบริหารที่มาจากการแต่งตั้งให้สอดคล้องกัน ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือแจ้งการยอมรับข้อตกลงฯ หรือ Declaration of Acceptance และส่งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปตามที่เคยได้ปฏิบัติมาแล้ว |
||||||||||||||||||
30915 | ความคืบหน้าในการปฏิบัติงานร่วมมือลาดตระเวนและการบังคับใช้กฎหมายในแม่น้ำโขง | นร | 01/05/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติรายงานความคืบหน้าในการปฏิบัติงานร่วมมือลาดตระเวนและการบังคับใช้กฎหมายในแม่น้ำโขง กรณีเหตุการณ์เรือบรรทุกสินค้าจีนปะทะกับกองกำลังไม่ทราบฝ่ายในแม่น้ำโขง เป็นเหตุให้ลูกเรือชาวจีนเสียชีวิต โดยฝ่ายจีนได้จัดประชุมหารือในระดับปฏิบัติการ ระหว่างวันที่ ๑ - ๕ มีนาคม ๒๕๕๕ ณ เมืองเชียงรุ้ง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อกำหนดกฎเกณฑ์และแนวทางการปฏิบัติในความร่วมมือลาดตระเวน ๔ ฝ่าย (จีน ลาว เมียนมาร์ และไทย) ใน ๓ ประเด็นตามร่างความร่วมมือที่ฝ่ายจีนเสนอเพื่อให้เกิดความมั่นคงปลอดภัยในการใช้แม่น้ำโขงในเชิงพาณิชย์และการท่องเที่ยวอย่างจริงจังมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยมีผลการหารือ ดังนี้
๑. ประเด็นที่ตกลงกันได้แล้ว ๑.๑ กฎเกณฑ์การปฏิบัติงาน (Rules of Work) ทั้ง ๔ ฝ่ายเห็นชอบในหลักการตามที่ฝ่ายจีนเสนอ และมีประเด็นเพิ่มเติม ดังนี้ ๑.๑.๑ ฝ่ายลาวต้องการให้ไทยและเมียนมาร์ส่งเจ้าหน้าที่ไปประจำศูนย์ปฏิบัติการผสม ๔ ฝ่ายที่เมืองกวนเหล่ยเช่นเดียวกับจีนและลาวที่ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปประจำแล้วตามที่ได้ตกลงกันไว้ในแถลงการณ์ร่วม ๑.๑.๒ ฝ่ายเมียนมาร์จะจัดเจ้าหน้าที่ไปประจำที่สถานกงสุลพม่าที่คุนหมิง และจะจัดหัวหน้าเจ้าหน้าที่ไปประจำที่สำนักงานตำรวจที่ท่าขี้เหล็ก ซึ่งสามารถประสานงานกับศูนย์ปฏิบัติการผสม ๔ ฝ่าย ได้ทันทีเมื่อมีสถานการณ์ฉุกเฉิน ๑.๑.๓ ฝ่ายไทยจะให้ความร่วมมือในการจัดเจ้าหน้าที่ไปประจำศูนย์ปฏิบัติการผสม ๔ ฝ่าย โดยในชั้นแรกจะจัดเจ้าหน้าที่ ๒ นาย ไปประจำศูนย์ปฏิบัติการผสม ๔ ฝ่าย เป็นเวลาครั้งละไม่น้อยกว่า ๕ วัน และอีก ๒ นาย ประจำที่ศูนย์บัญชาการที่เชียงแสน พร้อมทั้งเสนอให้ใช้ภาษาจีน ลาว เมียนมาร์ และไทย ในการติดต่อสื่อสารที่ศูนย์ปฏิบัติการผสม ๔ ฝ่าย แต่ในกรณีที่ต้องใช้การแปลภาษาให้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลาง ๑.๑.๔ ฝ่ายจีนเห็นชอบในเรื่องภาษาที่ใช้โดยให้ระบุเพิ่มในร่างความร่วมมือฯ ขณะที่ยังไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของฝ่ายเมียนมาร์ โดยจะนำไปพิจารณาในการประชุมครั้งต่อไป ๑.๒ กฎเกณฑ์การติดต่อสื่อสาร (Rules of Communication) ทั้ง ๔ ฝ่ายเห็นชอบในหลักการตามที่ฝ่ายจีนเสนอ และเสนอให้ฝ่ายจีนพัฒนาระบบวิทยุสื่อสาร ตลอดจนแนวทางการร่วมมือลาดตระเวนระยะทาง ๓๐๐ กิโลเมตร ซึ่งฝ่ายจีนรับข้อเสนอของฝ่ายไทยไปพิจารณาและศึกษาความเป็นไปได้ ๒. ประเด็นที่ต้องหารือกันในโอกาสต่อไป ที่ประชุมได้มีมติให้นำข้อเสนอทั้ง ๓ ประเด็นบรรจุไว้ในบันทึกการประชุมเพื่อหารือในการประชุมครั้งต่อไป ดังนี้ ๒.๑ หลักการพื้นฐานสำหรับเรือและลูกเรือ (Basic Principles for Vessels and Personnel) ขอให้แบ่งเขตการร่วมลาดตระเวนเป็น ๓ ส่วน คือ ในเขตน่านน้ำของเมียนมาร์ - จีน เมียนมาร์ - ลาว และ ลาว - ไทย โดยให้มีเฉพาะเรือลาดตระเวนของ ๒ ประเทศเท่านั้น ในการลาดตระเวนในบริเวณดังกล่าว และในกรณีมีความจำเป็นต้องใช้อาวุธเพื่อป้องกันตนเองให้ใช้อาวุธได้เฉพาะในเขตน่านน้ำของตนเองและกระสุนจะต้องไม่ไปตกในเขตน่านน้ำของอีกประเทศหนึ่ง ๒.๒ กฎเกณฑ์เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน (Rules for Dealing with Emergencies) ในเขตน่านน้ำที่ติดกันระหว่างเมียนมาร์ - จีน และเมียนมาร์ - ลาว ประเทศที่มีน่านน้ำติดกันเท่านั้นจะเป็นผู้พิจารณาการดำเนินการเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ๒.๓ กฎเกณฑ์การใช้อาวุธ (Rules for Use of Arms) ในการใช้อาวุธในกรณีฉุกเฉิน เรือลาดตระเวนของประเทศที่เกี่ยวข้องเท่านั้นที่จะใช้อาวุธได้ในเขตน่านน้ำของตนเอง
|
||||||||||||||||||
30916 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดงานฉลองพุทธชยันตี 2600 ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า | นร | 01/05/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการการดำเนินกิจกรรมของคณะสงฆ์ รวมทั้งหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เนื่องในงานฉลองพุทธชยันตี ๒๖๐๐ ปีแห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ประกอบด้วย การสัมมนาพุทธศาสนิกชนนานาชาติ การสร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่ จำนวน ๙ องค์ การจัดงานเฉลิมฉลองพุทธชยันตี, พิธีเททองหล่อพระ, แห่พระบรมสารีริกธาตุ ฯลฯ ณ ท้องสนามหลวง การจัดงานฉลองพุทธชยันตี ณ พุทธมณฑล และพื้นที่ส่วนกลางอื่น ๆ และการประชาสัมพันธ์งานพุทธชยันตี โดยค่าใช้จ่ายของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติที่เป็นหน่วยงานหลักในการจัดกิจกรรมร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนนั้น ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในกรอบวงเงิน ๑๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท และให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ส่วนค่าใช้จ่ายที่เหลือเป็นกิจกรรมที่หน่วยงานภาครัฐอื่นและภาคเอกชนจะสามารถจัดกิจกรรมต่าง ๆ เข้าร่วมในงานพุทธบูชาดังกล่าวได้ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงวัฒนธรรมที่เห็นควรสร้างค่านิยมที่ดีให้กับสังคมไทยด้วยการรณรงค์ปลูกฝัง “ธรรมะในใจคนไทย” อย่างต่อเนื่องในกลุ่มพุทธศาสนิกชนคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กและเยาวชนให้เข้าใจ เข้าถึงหลักธรรม และมีส่วนร่วมในการนำธรรมะมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||
30917 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่วัดและที่ธรณีสงฆ์ วัดดอนสาลี ตำบลดอนใหญ่ อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. .... | พศ | 01/05/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่วัดและที่ธรณีสงฆ์ วัดดอนสาลี ตำบลดอนใหญ่ อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ โอนกรรมสิทธิ์ที่วัดและที่ธรณีสงฆ์ วัดดอนสาลี ตำบลดอนใหญ่ อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี ตามโฉนดที่ดินเลขที่ ๕๒๒๒ (บางส่วน) เนื้อที่ ๑ ไร่ ๓ งาน ๒๐ ตารางวา และโฉนดที่ดินเลขที่ ๔๗๓๐ (บางส่วน) เนื้อที่ ๓ งาน และโฉนดที่ดินเลขที่ ๕๕๗๑ (บางส่วน) เนื้อที่ ๓ งาน ให้แก่กรมชลประทาน ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
30918 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่วัด วัดศรีประทุนทอง ตำบลหัวโพธิ์ อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. .... | พศ | 01/05/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่วัด วัดศรีประทุนทอง ตำบลหัวโพธิ์ อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ โอนกรรมสิทธิ์ที่วัด วัดศรีประทุนทอง ตำบลหัวโพธิ์ อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ตามโฉนดที่ดินเลขที่ ๑๑๙๙๐ (บางส่วน) เนื้อที่ ๙๐ ตารางวา โฉนดที่ดินเลขที่ ๑๑๙๙๑ (บางส่วน) เนื้อที่ ๘๔ ตารางวา และโฉนดที่ดินเลขที่ ๑๑๙๙๒ (บางส่วน) เนื้อที่ ๔๑ ตารางวา ให้แก่กรมชลประทาน ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
30919 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ ในท้องที่ตำบลบางเลน อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ของวัดมเหยงคณ์ ตำบลท่าระหัด อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. .... | พศ | 01/05/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ ในท้องที่ตำบลบางเลน อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ของวัดมเหยงคณ์ ตำบลท่าระหัด อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ ในท้องที่ตำบลบางเลน อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ของวัดมเหยงคณ์ ตำบลท่าระหัด อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี ตามโฉนดที่ดินเลขที่ ๔๘๕๕ (บางส่วน) เนื้อที่ ๕ ไร่ ๓ งาน ๖๘ ตารางวา ให้แก่กรมชลประทาน ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
30920 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดนางชี ตำบลบ้านหีบ อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. .... | พศ | 01/05/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดนางชี ตำบลบ้านหีบ อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ของวัดนางชี ตำบลบ้านหีบ อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตามโฉนดที่ดินเลขที่ ๖๒๒๗ (บางส่วน) เนื้อที่ ๑ ไร่ ๑๙ ตารางวา ให้แก่กรมชลประทาน ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
.....