ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1248 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 24941 - 24960 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
24941 | ผลการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ 26 | กต | 20/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ ๒๖ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๗-๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และมอบหมายหน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวเนื่องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามนัยตารางสรุปประเด็นสำคัญสำหรับติดตามผลการประชุมและตารางติดตามสรุปผลการหารือทวิภาคี ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ สรุปการติดตามผลการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ ๒๖ ๑.๑.๑ การก้าวสู่การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม อาทิ การผลักดันให้การดำเนินการตาม Bali Package และการจัดทำ Post-Bali Work Program มีความคืบหน้า การเริ่มทำการศึกษาร่วมทางยุทธศาสตร์ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก การดำเนินการตามพิมพ์เขียวยุทธศาสตร์เอเปคเพื่อส่งเสริมการพัฒนาและความร่วมมือในห่วงโซ่คุณค่าโลก การดำเนินการตามข้อริเริ่ม เรื่อง การส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเข้าสู่ห่วงโซ่คุณค่าโลกในอุตสาหกรรมหลัก ซึ่งไทยเป็นเขตเศรษฐกิจนำในสาขาธุรกิจเกษตร และการดำเนินการตามกรอบการดำเนินการทางยุทธศาสตร์ด้านการวัดการค้ามูลค่าเพิ่มภายใต้ห่วงโซ่คุณค่าโลก เป็นต้น ๑.๑.๒ การส่งเสริมการพัฒนาอย่างมีนวัตกรรม การปฏิรูปเศรษฐกิจ และการเจริญเติบโต ประเด็นสำคัญ ที่ต้องติดตาม อาทิ ยุทธศาสตร์ใหม่สำหรับการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจของเอเปค (ANSSR) ความร่วมมือในประเด็นการก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลาง การอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุนข้ามพรมแดน ยกระดับความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ ข้อริเริ่มเอเปคเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจอินเทอร์เน็ต และข้อริเริ่มเอเปคด้านความร่วมมือทางมหาสมุทรในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เศรษฐกิจสีน้ำเงิน เป็นต้น ๑.๑.๓ การเสริมสร้างความเชื่อมโยงอย่างครอบคลุม และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม อาทิ การพิจารณาแนวทางขยายอายุบัตรเดินทางสำหรับนักธุรกิจเอเปค (ABTC) เป็นเวลา ๕ ปี และการพิจารณาแนวทาง การจัดทำบัตรการเคลื่อนย้ายเสมือนจริงของภาควิชาการ (virtual academic mobility card) เป็นต้น ๑.๒ สรุปการติดตามผลการหารือทวิภาคีของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจากประเทศต่าง ๆ ๑.๒.๑ จีน ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม อาทิ การเตรียมการจัดกิจกรรมครบรอบ ๔๐ ปีความสัมพันธ์ไทย-จีน คำขอของจีนให้สนับสนุนข้อเสนอของจีนในกรอบอาเซียน เช่น คณะทำงานเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดทำ Treaty of Friendship and Good Neighborliness และการประชุมแม่โขง-ล้านช้าง เป็นต้น ๑.๒.๒ ออสเตรเลีย ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม อาทิ การเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลียเยือนไทย และการจัดการประชุมคณะกรรมการร่วมฯ ครั้งที่ ๒ ที่ประเทศไทย การออกกฎหมายและการมี transitional arrangement เกี่ยวกับการรับจ้างตั้งครรภ์ เป็นต้น ๑.๒.๓ นิวซีแลนด์ ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม อาทิ การจัดจ้างการประชุมคณะกรรมการร่วมไทย-นิวซีแลนด์ ครั้งที่ ๓ ที่นิวซีแลนด์ และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับการปฏิรูปด้านต่าง ๆ โดยการจัด workshop ระหว่างผู้เชี่ยวชาญและองค์กรต่าง ๆ ของนิวซีแลนด์ เป็นต้น ๑.๒.๔ ปาปัวนิวกินี ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม อาทิ การขอรับการสนับสนุนเรื่องการสมัครรับเลือกตั้ง ใน UNSC ของไทยจากปาปัวนิวกินีเป็นลายลักษณ์อักษร การเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศปาปัวนิวกินีเยือนไทย การเยือนปาปัวนิวกินีของรองนายกรัฐมนตรีรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และการจัดการประชุมหารือ ทวิภาคีไทย-ปาปัวนิวกินี ครั้งที่ ๑ (ระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส) เป็นต้น ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามนัยตารางสรุปประเด็นสำคัญสำหรับติดตามผลการประชุมและตารางติดตามสรุปผลการหารือทวิภาคี ต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นการก้าวสู่การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาคที่ได้ส่งเสริมการดำเนินการทางพิมพ์เขียวยุทธศาสตร์เอเปคเพื่อส่งเสริมการพัฒนาและความร่วมมือในห่วงโซ่คุณค่าโลก ตลอดจนการดำเนินการตามกรอบการดำเนินการทางยุทธศาสตร์ด้านการวัดการค้ามูลค่าเพิ่มภายใต้ห่วงโซ่คุณค่าโลกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทานให้ได้ร้อยละ ๑๐ ภายในปี ๒๕๕๘ นอกจากนี้ ควรเน้นย้ำถึงความสำคัญที่จะต้องส่งเสริมการพัฒนาอย่างมีนวัตกรรมในการปฏิรูปเศรษฐกิจให้เจริญเติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้เป้าหมายการขับเคลื่อนให้ประเทศหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง การส่งเสริมการหุ้นส่วนความร่วมมือภาครัฐเอกชนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การส่งเสริมการแข่งขันในตลาดการสร้างบรรยากาศแข่งขันและการสนับสนุนการเปิดเสรีด้านบริการ และการสร้างความแข็งแกร่งและการขยายฐานของ SMEs เป็นต้น ไปพิจารณาต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
24942 | รายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ 2 ไตรมาสที่ 3 และไตรมาสที่ 4 ปีงบประมาณ 2557 | กค | 20/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ ๒ (มกราคม-มีนาคม ๒๕๕๗) ไตรมาสที่ ๓ (เมษายน-มิถุนายน ๒๕๕๗) และไตรมาสที่ ๔ (กรกฎาคม-กันยายน ๒๕๕๗) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. การนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ ๒ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ สินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง ๑๗ กลุ่ม ได้แก่ ผลไม้ น้ำหอมและเครื่องสำอาง กระเป๋าและเข็มขัดหนัง นาฬิกาและอุปกรณ์ สูท เสื้อ กระโปรง กางเกง สำหรับบุรุษ สตรี สุราต่างประเทศ รองเท้าหนังและรองเท้าผ้าใบ เลนส์ แว่นตา ปากกาและอุปกรณ์ ไวน์ เครื่องประดับที่ทำด้วยคริสตัล กล้องถ่ายรูปและอุปกรณ์ ผ้าทอทำด้วยขนสัตว์ ไฟแช็คและอุปกรณ์ ดอกไม้ และเครื่องแก้วชนิดใช้บนโต๊ะอาหาร หรือใช้ตกแต่งภายใน ที่ทำด้วยคริสตัล มีมูลค่านำเข้า ๘๐๔.๔๘ ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ ๑.๔๕ ของมูลค่านำเข้ารวม ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ (มกราคม-มีนาคม ๒๕๕๖) ๒๕.๔๓ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ ๓.๐๖ โดยสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีมูลค่านำเข้าสูงสุด ๓ อันดับแรก ได้แก่ ผลไม้ มีมูลค่านำเข้า ๑๕๒.๑๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ น้ำหอมและเครื่องสำอาง มีมูลค่านำเข้า ๑๓๐.๘๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ กระเป๋าหนังและเข็มขัด มีมูลค่านำเข้า ๑๐๖.๘๘ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ๒. การนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ ๓ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ สินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง ๑๗ กลุ่มดังกล่าว มีมูลค่านำเข้า ๗๓๗.๑๘ ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ ๑.๒๙ ของมูลค่านำเข้ารวม เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ (เมษายน-มิถุนายน ๒๕๕๖) ๕.๑๖ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ ๐.๗๑ โดยสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีมูลค่านำเข้าสูงสุด ๓ อันดับแรก ได้แก่ น้ำหอมและเครื่องสำอาง มีมูลค่านำเข้า ๑๕๒.๗๖ ล้านดอลลาร์สหรัฐ กระเป๋าและเข็มขัดหนัง มีมูลค่านำเข้า ๙๗.๑๖ ล้านดอลลาร์สหรัฐ นาฬิกาและอุปกรณ์ มีมูลค่านำเข้า ๙๕.๓๗ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ๓. การนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ ๔ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ สินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง ๑๗ กลุ่มดังกล่าว มีมูลค่านำเข้า ๘๑๗.๒๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ ๑.๓๙ ของมูลค่านำเข้ารวม เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ (กรกฎาคม-กันยายน ๒๕๕๖) ๒๓.๐๙ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ ๒.๙๑ โดยสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีมูลค่านำเข้าสูงสุด ๓ อันดับแรก ได้แก่ น้ำหอมและเครื่องสำอาง มีมูลค่านำเข้า ๑๔๔.๙๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ กระเป๋าและเข็มขัดหนัง มีมูลค่านำเข้า ๑๑๔.๒๙ ล้านดอลลาร์สหรัฐ นาฬิกาและอุปกรณ์ มีมูลค่านำเข้า ๑๑๑.๙๓ ล้านดอลลาร์สหรัฐ
|
|||||||||||||||||||||||||||
24943 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดท่าหรือที่ สนามบินศุลกากร ทางอนุมัติ ด่านพรมแดน และด่านศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 20/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดท่าหรือที่ สนามบินศุลกากร ทางอนุมัติ ด่านพรมแดน และด่านศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ด่านศุลกากรวังประจันสามารถปฏิบัติพิธีการส่งออกซึ่งของที่ขอคืนอากรขาเข้าหรือของที่มีทัณฑ์บนตามกฎหมายศุลกากรและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
24944 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ และตำบลบางแก้ว ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. .... | คค | 20/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ และตำบลบางแก้ว ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายทางหลวงชนบทสายเชื่อมระหว่างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๓๔๔ กับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๒๕๖ ในท้องที่ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ และตำบลบางแก้ว ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
24945 | การดำเนินโครงการที่มีประโยชน์ต่อประชาชนอย่างทั่วถึงให้เกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็วเพื่อมอบให้เป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชน : โครงการถนนสายวิทยาศาสตร์ ประจำปี 2558 | วท | 20/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินโครงการที่มีประโยชน์ต่อประชาชนอย่างทั่วถึงให้เกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็วเพื่อมอบให้เป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชน : โครงการถนนสายวิทยาศาสตร์ ประจำปี ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงวิยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ได้วางแผนการจัดงาน “ถนนสายวิทยาศาสตร์ ประจำปี ๒๕๕๘” ในสถานที่ ๓ แห่ง คือ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ถนนพระรามที่ ๖ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ คลองห้า จังหวัดปทุมธานี และจัตุรัสวิทยาศาสตร์ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ จามจุรีสแควร์ ซึ่งในปี ๒๕๕๘ นี้ องค์การสหประชาชาติ โดยองค์การ UNESCO กำหนดให้เป็นปี The International Year of Light and Light-based Technologies 2015 (IYL 2015) รวมทั้งองค์การ FAO ได้กำหนดให้เป็นปี International Year of Soils 2015-IYS 2015 ๒. หน่วยงานที่เข้าร่วมได้เปิดบ้านต้อนรับเยาวชนให้ได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์นอกห้องเรียนอย่างเต็มที่ในงาน "ถนนสายวิทยาศาสตร์ ประจำปี ๒๕๕๘” โดยจัดเตรียมสถานีการทดลองและสถานีกิจกรรมการเรียนรู้ รวม ๔๗ สถานี มาจาก ๔ กระทรวง ได้แก่ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงอุตสาหกรรม ๓. กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้จัดพิธีเปิดงาน “ถนนสายวิทยาศาสตร์ ประจำปี ๒๕๕๘” อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๕๘ ณ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ถนนพระรามที่ ๖ และถนนโยธี กรุงเทพฯ และงานสิ้นสุดเมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๕๘ โดยมีผู้เข้าชมงาน ๓๐,๑๕๑ คน ทำให้เด็กและเยาวชนที่เข้าชมงานมีความใส่ใจด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ส่งผลให้ชาติก้าวสู่สังคมแห่งการเรียนรู้มากขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
24946 | การแต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (นายธงชัย ศรีดามา) | ทส | 20/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายธงชัย ศรีดามา เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก โดยให้มีผลนับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๐ มกราคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
24947 | แต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการพัฒนาการจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน (จำนวน 8 คน 1. นางอรวรรณ พงศ์พงัน ฯลฯ) | รง | 20/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งบุคคลเป็นกรรมการในคณะกรรมการพัฒนาการจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน จำนวน ๘ คน เนื่องจากกรรมการชุดเดิมได้ดำรงตำแหน่งมาครบกำหนดวาระ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๐ มกราคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นางอรวรรณ พงศ์พงัน อดีตผู้ตรวจราชการ ๒. นายโชคชัย ศรีทอง อดีตรองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ๓. นางณัฐยา อนุดิษฐ์ อดีตผู้ตรวจราชการกรมการจัดหางาน ๔. ร้อยโท ปรีมาวศุต อดิศักดิ์ อดีตแรงงานจังหวัดฉะเชิงเทรา ๕. นายเกริกศักดิ์ ศักดิ์บดินทร์ ที่ปรึกษาสมาคมการจัดหางานไทยไปต่างประเทศ ๖. นายสราวุธ ไพฑูรย์พงษ์ นักวิชาการอาวุโสสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ๗. นายวัชรพล บุษมงคล สภาองค์การนายจ้างธุรกิจการค้าและบริการไทย ๘. นายพิชิต พระปัญญา สภาองค์การลูกจ้างแรงงานแห่งประเทศไทย
|
|||||||||||||||||||||||||||
24948 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (นายโชค บูลกุล) | วธ | 20/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายโชค บูลกุล ผู้เชี่ยวชาญสาขาบริหารงานบุคคล เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร แทนนางสุชาดา ยุวบูรณ์ ที่ลาออก ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๐ มกราคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
24949 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (จำนวน 8 คน 1. นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ฯลฯ) | ทก | 20/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ จำนวน ๘ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๐ มกราคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้
๑. นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม เป็นประธานกรรมการ ๒. นายอนุรักษ์ นิยมเวช เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. พลเอก โสภณ เวคะวากยานนท์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. นายพันธ์ศักดิ์ ศิริรัชตพงษ์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นายศุภชัย จงศิริ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. นางสุวดี ปาจรียางกูร เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๗. นายรอม หิรัญพฤกษ์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๘. นายสุรพันธ์ เมฆนาวิน เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
|||||||||||||||||||||||||||
24950 | คณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ) | พศ | 20/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการอนุรักษ์และพัฒนาพุทธมณฑล ฝ่ายสงฆ์ และคณะกรรมการอำนวยการอนุรักษ์และพัฒนาพุทธมณฑล ฝ่ายฆราวาส ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๐ มกราคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
24951 | รายงานสถานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 | นร07 | 20/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่สำนักงบประมาณและกระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ไตรมาสที่ ๑ (ตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๕๗) มีการเบิกจ่ายเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแล้วทั้งสิ้น ๑,๐๓๗,๓๕๘ ล้านบาท ๒. ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗-๑๖ มกราคม ๒๕๕๘ มีการเบิกจ่าย เงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแล้วทั้งสิ้น ๑,๑๖๔,๖๗๘ ล้านบาท ๓. สถานการณ์จัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่หน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการแล้ว ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗-๑๖ มกราคม๒๕๕๘ ตามระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (e-GP) ของกรมบัญชีกลาง พบว่า ลงนามในสัญญาแล้ว ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ มีจำนวนทั้งสิ้น ๑๑๕,๗๑๐ ล้านบาท หรือร้อยละ ๒๕.๗ ซึ่งรายละเอียดการจัดซื้อจัดจ้างรายกระทรวงและการรายงานผลในระบบ EvMIS ของสำนักงบประมาณ มีบางหน่วยงานยังไม่ได้บันทึกผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่าย งบประมาณ จึงเห็นสมควรที่รัฐมนตรีเจ้าสังกัดจะกำกับดูแลให้หัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่น และผู้ว่าราชการจังหวัด ติดตามและกำกับดูแลเร่งรัดการก่อหนี้รายจ่ายลงทุน การเบิกจ่ายเงิน และการรายงานผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณอย่างใกล้ชิดต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
24952 | ขออนุมัติร่างบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือ (JC) ไทย - ลาว ครั้งที่ 19 | กต | 20/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือ (JC) ไทย-ลาว ครั้งที่ ๑๙ เป็นกรอบในการหารือกับฝ่ายลาวระหว่างการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือ (JC) ไทย-ลาว ครั้งที่ ๑๙ ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๔ มกราคม ๒๕๕๘ ณ เวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยร่างบันทึกการประชุมดังกล่าวมีสาระสำคัญเกี่ยวกับประเด็นความร่วมมือทวิภาคีที่ทั้งสองประเทศได้ดำเนินการร่วมกันไว้ ประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะแก้ไข พัฒนาและ/หรือผลักดันให้เกิดความคืบหน้า เพื่อประโยชน์ของการดำเนินความสัมพันธ์ โดยมีประเด็นสำคัญที่จะหยิบยกขึ้นหารือระหว่างการประชุมฯ ได้แก่ การรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน การยกระดับจุดผ่านแดน การค้าและการลงทุน การคมนาคมขนส่ง การเชื่อมโยงในภูมิภาค ความร่วมมือเพื่อการพัฒนา เป็นต้น ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างบันทึกการประชุมในส่วนที่จะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินความสัมพันธ์ แต่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือกระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศและคณะผู้แทนไทยที่เข้าร่วมการประชุมดังกล่าวสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง
|
|||||||||||||||||||||||||||
24953 | การกำหนดสินค้าและบริการควบคุมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 | พณ | 20/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการกำหนดสินค้าและบริการควบคุมปี ๒๕๕๘ จำนวน ๔๓ รายการ ตามมติคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ หมวดอาหาร จำนวน ๑๔ รายการ คือ กระเทียม ข้าวเปลือก ข้าวสาร ข้าวโพด มันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์ ไข่ไก่ สุกร เนื้อสุกร น้ำตาลทราย น้ำมันและไขมันที่ได้จากพืชหรือสัตว์ทั้งที่บริโภคได้หรือไม่ได้ ครีมเทียมข้นหวาน นมข้น นมคืนรูป นมแปลงไขมัน นมผง นมสด แป้งสาลี อาหารในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท อาหารกึ่งสำเร็จรูปบรรจุภาชนะผนึก และผลปาล์มน้ำมัน ๑.๒ หมวดสินค้าอุปโภคบริโภคประจำวัน จำนวน ๕ รายการ คือ ผงซักฟอก ผ้าอนามัย กระดาษชำระ กระดาษเช็ดหน้า แชมพู และสบู่ ๑.๓ หมวดปัจจัยทางการเกษตร จำนวน ๖ รายการ คือ ปุ๋ย ยาป้องกันหรือกำจัดศัตรูพืชหรือโรคพืช หัวอาหารสัตว์ อาหารสัตว์ เครื่องสูบน้ำ รถไถนา และรถเกี่ยวข้าว ๑.๔ หมวดวัสดุก่อสร้าง จำนวน ๓ รายการ คือ ปูนซีเมนต์ เหล็กเส้น เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ เหล็กแผ่น สายไฟฟ้า และท่อพีวีซี ๑.๕ หมวดกระดาษและผลิตภัณฑ์ จำนวน ๓ รายการ คือ กระดาษทำลูกฟูก กระดาษเหนียว กระดาษพิมพ์และเขียน และเยื่อกระดาษ ๑.๖ หมวดบริภัณฑ์ขนส่ง จำนวน ๓ รายการ คือ แบตเตอรี่รถยนต์ ยางรถจักรยานยนต์ ยางรถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถยนต์นั่ง และรถยนต์บรรทุก ๑.๗ หมวดผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม จำนวน ๓ รายการคือ ก๊าซปิโตรเลียมเหลว น้ำมันเชื้อเพลิง และเม็ดพลาสติก ๑.๘ หมวดยารักษาโรค จำนวน ๑ รายการ คือ ยารักษาโรค ๑.๙ หมวดอื่น ๆ จำนวน ๑ รายการ คือ เครื่องแบบนักเรียน ๑.๑๐ หมวดบริการ จำนวน ๓ รายการ คือ การให้สิทธิในการเผยแพร่งานลิขสิทธิ์เพลงเพื่อการค้า บริการรับฝากสินค้าหรือบริการให้เช่าสถานที่เก็บสินค้า และบริการทางการเกษตร ๒. ยกเว้นการเพิ่มรายการสินค้าควบคุมใหม่ ๒ รายการ คือ แชมพูและสบู่ เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีการผลิตจำนวนมากจากคู่แข่งหลายรายทำให้เกิดการแข่งขันในตลาด ซึ่งสามารถใช้กลไกตลาดในการควบคุมระดับราคาได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
24954 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2558 | กษ | 20/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) เสนอ ดังนี้
๑. รับทราบการเปิดตลาดน้ำมันปาล์มและน้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์ม ปี ๒๕๕๘ ตามข้อผูกพันของทุกกรอบการค้าระหว่างประเทศ และให้มีการบริหารการนำเข้าตามความตกลงทุกกรอบการค้าระหว่างประเทศเช่นเดียวกับกรอบ WTO คือ ให้องค์การคลังสินค้าเป็นผู้นำเข้าและกระจายให้ผู้ผลิตภายในประเทศตามที่สมาคมโรงกลั่นน้ำมันปาล์มเป็นผู้จัดสรร และการคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิใน กนป. โดยมอบหมายฝ่ายเลขานุการ กนป. ดำเนินการต่อไป รวมทั้งมอบหมายฝ่ายเลขานุการ กนป. พิจารณาการเพิ่มเติมกรรมการ กนป. โดยตำแหน่งให้มีผู้แทนเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันจากจังหวัดที่มีพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันมากกว่า ๕ แสนไร่ ๒. เห็นชอบแนวทางการบริหารจัดการน้ำมันปาล์มไตรมาสแรกของปี ๒๕๕๘ โดยให้กระทรวงพลังงานปรับลดข้อกำหนดการใช้ไบโอดีเซล B100 ผสมในน้ำมันดีเซลจากไม่น้อยกว่าร้อยละ ๖ แต่ไม่เกินร้อยละ ๗ เป็นไม่น้อยกว่าร้อยละ ๓.๕ แต่ไม่เกินร้อยละ ๗ รวมทั้งการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบแยกไข (Crude Palm Olein) ในปริมาณจำกัด โดยมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ (องค์การคลังสินค้า) นำเข้าในปริมาณ ๕๐,๐๐๐ ตัน ให้แล้วเสร็จภายในกลางเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
|
|||||||||||||||||||||||||||
24955 | รายงานผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (ระหว่างวันที่ 13 - 15 มกราคม 2558) | กห | 20/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ ระหว่างวันที่ ๑๓ ถึง ๑๕ มกราคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การเข้าเยี่ยมคำนับนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกล่าวถึงความพยายามของรัฐบาลไทยในการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวชายแดนไทย จำนวน ๖ เขต และการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมในภูมิภาค ซึ่งจะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของอาเซียน โดยเสนอให้มีการพัฒนาความร่วมมือทางการเกษตรเนื่องจากทั้งสองประเทศมีผลิตผลทางการเกษตรที่คล้ายคลึงกัน รวมทั้งขอให้เวียดนามสนับสนุนการสมัครเป็นสมาชิกไม่ถาวรของไทยในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติสำหรับวาระปี ค.ศ. ๒๐๑๗ ถึง ค.ศ. ๒๐๑๘ โดยไทยพร้อมที่จะสนับสนุนเวียดนามในกรณีนี้เช่นกัน สำหรับวาระปี ค.ศ. ๒๐๒๐ ถึง ค.ศ. ๒๐๒๑ ในส่วนของนายกรัฐมนตรีเวียดนามกล่าวว่าไทยและเวียดนามมีความเห็นที่คล้ายคลึงกันในประเด็นต่าง ๆ ในเวทีระดับโลก สำหรับปัญหาในทะเลจีนใต้ เวียดนามมีความประสงค์ที่จะจัดให้มีการลงนามในแนวปฏิบัติในทะเลจีนใต้ (Code of Conduct of Parties in the South China Sea : COC) โดยเร็ว เพื่อยุติข้อพิพาท และกล่าวขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้การดูแลผู้อพยพและแรงงานชาวเวียดนาม จำนวน ๑๓๐,๐๐๐ คน เป็นอย่างดี ทั้งนี้ ได้หารือกับนายกรัฐมนตรีของไทยถึงการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding : MOU) ด้านแรงงานระหว่างไทยกับเวียดนามแล้ว ๑.๒ การเข้าเยี่ยมคำนับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเสนอแนวทางการพัฒนาความร่วมมือทางทหารระหว่างกัน โดยเพิ่มการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับผู้ปฏิบัติงาน การแลกเปลี่ยนที่นั่งฝึกศึกษา การแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และความร่วมมือเพื่อสร้างความมั่นคงทางทะเล รวมทั้งเสนอให้มีการจัดตั้งกลไกในการขับเคลื่อนการทำงานร่วมกันในรูปของคณะกรรมการร่วมของทั้งสองฝ่ายเพื่อขยายผลการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล และบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น รวมทั้งหารือเกี่ยวกับประเด็นความร่วมมือทางทหารในด้านต่าง ๆ และร่วมกันแก้ไขความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเวียดนามเห็นพ้องกับข้อเสนอของไทยที่จะพัฒนาความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกันเพื่อผลประโยชน์ของทั้งสองประเทศและภูมิภาค พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณนักลงทุนไทยในเวียดนาม และชื่นชมรัฐบาลไทยที่ให้การดูแลผู้อพยพและแรงงานชาวเวียดนามที่อยู่ในประเทศไทยเป็นอย่างดี และกล่าวว่า หากมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนระหว่างกัน เช่น ด้านการประมง และด้านแรงงาน ขอให้แก้ไขโดยยึดหลักมนุษยธรรม โดยหากต้องใช้กลไกทางกฎหมาย ขอให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๑.๓ การเยี่ยมชมกรมซาดิ่ง ภาคทหารบกที่ ๗ นครโฮจิมินห์ ซึ่งเป็นกรมทหารราบและเป็นหนึ่งในหน่วยทหารที่ได้รับยกย่องว่าดีที่สุดของภาคทหารบกที่ ๗ เป็นหน่วยทหารที่มีการพัฒนากำลังพลให้มีความพร้อมรบของประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบและพื้นที่ใกล้เคียง ด้วยการส่งเสริมอาชีพที่มั่นคงให้กับชาวบ้าน และกิจกรรมอื่นๆ เพื่อประโยชน์ของคนในชุมชน ๒. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับกระทรวงที่เกี่ยวข้องในเรื่องต่าง ๆ ที่ได้มีการเจรจาหารือกับฝ่ายเวียดนามไว้แล้วติดตามความคืบหน้าของการดำเนินการในแต่ละเรื่องด่วน เช่น การแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าว (กระทรวงแรงงาน) การแก้ไขปัญหาการลักลอบทำประมงผิดกฎหมาย (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) การช่วยเหลือคนไทยที่ได้รับโทษจำคุกอยู่ในประเทศเวียดนาม (กระทรวงยุติธรรม) และการเข้าร่วมดำเนินโครงการก่อสร้างโรงกลั่นน้ำมันและโรงงานปิโตรเคมี ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (กระทรวงพลังงาน) เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
24956 | การใช้ระบบข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) ในการป้องกันการทุจริตเป็นโครงการนำร่อง | สลธ.คสช. | 20/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมติคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติเมื่อวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๕๘ ให้นำหลักเกณฑ์ วิธีการ และแนวทางในการใช้ระบบข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) มาบังคับใช้เป็นโครงการนำร่อง (Pilot Project) ใน ๒ โครงการ คือ โครงการจัดซื้อรถโดยสารก๊าซธรรมชาติ จำนวน ๔๘๙ คัน ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ตามที่คณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลังดำเนินการกำหนดรายละเอียด หลักเกณฑ์ วิธีการ และแนวทางในการนำระบบข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) ไปใช้ในการป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ สำหรับส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน หน่วยงานของรัฐ และเอกชน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
24957 | รายงานการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในประเทศมาเลเซียของกระทรวงศึกษาธิการ | ศธ | 20/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการรายงานว่า สืบเนื่องจากสถานการณ์อุทกภัยที่ประเทศมาเลเซีย กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา) ร่วมกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในประเทศมาเลเซีย โดยจัดตั้งศูนย์อาชีวะอาสาเพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนชาวมาเลเซียใน ๓ อำเภอ ได้แก่ อำเภอตุมปัต อำเภอปาเซมัส และอำเภอตาเนาะห์แมเราะห์ รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย โดยได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือใน ๔ กิจกรรม ได้แก่ การบริจาคสิ่งของ การฟื้นฟูสภาพแวดล้อม การให้บริการตรวจสุขภาพอนามัย และการให้บริการซ่อมแซมรถจักรยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ในระหว่างวันที่ ๑๗-๑๘ มกราคม ๒๕๕๘ สามารถให้บริการครอบครัวกว่า ๑,๐๐๐ ครอบครัว ซ่อมรถจักรยานยนต์ ๕๑๒ คัน ซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า ๑๐๕ ชิ้น และฝึกอาชีพระยะสั้น ๓๔๖ คน
|
|||||||||||||||||||||||||||
24958 | ร่างพระราชบัญญัติความรับผิดทางแพ่งเพื่อความเสียหายจากมลพิษน้ำมัน พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 20/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๘ และรับทราบข้อคิดเห็นของประธานกรรมาธิการวิสามัญของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (พลเรือเอก วัลลภ เกิดผล) และข้อชี้แจงของผู้แทนกระทรวงคมนาคมเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติความรับผิดทางแพ่งเพื่อความเสียหายจากมลพิษน้ำมัน พ.ศ. .... (ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) และมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมและกระทรวงการต่างประเทศรับไปเร่งรัดดำเนินการเกี่ยวกับการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการจัดตั้งกองทุนระหว่างประเทศเพื่อชดใช้ความเสียหายอันเนื่องมาจากมลพิษน้ำมัน ค.ศ. ๑๙๙๒ และการตราพระราชบัญญัติที่ต้องอนุวัติหรือรองรับการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาดังกล่าว ทั้งนี้ เพื่อให้ร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้สามารถดำเนินการได้อย่างสมบูรณ์ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
24959 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 20/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้ทุกกระทรวงรับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่ให้ทุกกระทรวงติดตามผลการพิจารณาร่างกฎหมายในชั้นกรรมาธิการของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อมิให้เนื้อหาสาระของร่างกฎหมายมีหลักการเปลี่ยนแปลงไปจากร่างกฎหมายที่คณะรัฐมนตรีมีมติไว้แล้ว ไปปฏิบัติต่อไป ๒. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๘ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รับข้อสังเกตดังกล่าวประสานคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป และ ๒.๑ ให้เสนอร่างพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ๒.๒ รับทราบกรอบระยะเวลาการนำเสนอร่างกฎหมายที่มีความสำคัญเร่งด่วน (ชุดที่ ๑) จำนวน ๒๖ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาปรับแก้ไขแล้ว ๒.๓ รับทราบบัญชีร่างกฎหมายที่มีความสำคัญเร่งด่วน (ชุดที่ ๒) จำนวน ๔๔ ฉบับ ที่ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติติดตามและเร่งรัดการดำเนินการตรากฎหมายให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามข้อ ๒.๒ และ ๒.๓ ต่อไป ๒.๔ รับทราบข้อคิดเห็นของประธานกรรมาธิการวิสามัญของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (พลเรือเอก วัลลภ เกิดผล) และข้อชี้แจงของผู้แทนกระทรวงคมนาคมเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติความรับผิดทางแพ่งเรื่องความเสียหายจากมลพิษน้ำมัน พ.ศ. .... (ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) และมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมและกระทรวงการต่างประเทศรับไปเร่งรัดดำเนินการเกี่ยวกับการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการจัดตั้งกองทุนระหว่างประเทศเพื่อชดใช้ความเสียหายอันเนื่องมาจากมลพิษน้ำมัน ค.ศ. ๑๙๙๒ และการตราพระราชบัญญัติที่ต้องอนุวัติหรือรองรับการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาดังกล่าว ทั้งนี้ เพื่อให้ร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้สามารถดำเนินการได้อย่างสมบูรณ์ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
24960 | การเสนอเรื่องขอเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณที่ได้รับจัดสรรงบประมาณไว้แล้วหรือขอขยายระยะเวลาดำเนินการต่อคณะรัฐมนตรี และการจัดทำฐานข้อมูลเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ | นร | 20/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
๑. ในกรณีที่หน่วยงานขอเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณที่ได้รับจัดสรรงบประมาณไว้แล้วหรือขอขยายระยะเวลาดำเนินการ หน่วยงานจะต้องประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการที่อาจเปลี่ยนแปลงไป อันเนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องว่า โครงการดังกล่าวนั้นยังคงเป้าหมายและผลประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมายของโครงการ ประชาชน และชุมชนที่จะได้รับอย่างไรด้วย ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการประเมินผลการศึกษาของทุกสถาบันการศึกษาในสังกัดในทุกระดับ ทั้งระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษา ระดับอุดมศึกษา และสายอาชีวศึกษา เพื่อจัดทำเป็นฐานข้อมูล ซึ่งประกอบด้วย จำนวนนักเรียน/นักศึกษา จำนวนอาคารสถานที่ งบประมาณที่สนับสนุน ผลสัมฤทธิ์ของการจัดการศึกษา ผลการศึกษาต่อ และการมีงานทำ เพื่อใช้ประกอบในการพิจารณาอนุมัติงบประมาณให้แก่สถาบันการศึกษา ทั้งนี้ ให้มีการปรับปรุงฐานข้อมูลให้เป็นปัจจุบันทุกปี ๓. ให้สำนักงบประมาณใช้ฐานข้อมูลที่กระทรวงศึกษาธิการจัดทำขึ้นตามข้อ ๒ ในการประกอบการพิจารณาอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณในแต่ละปี
|
.....