ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1245 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 24881 - 24900 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
24881 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตท่าเรือ เขตจอดเรือ และเขตควบคุมการเดินเรือ บริเวณอ่าวพัทยา เกาะล้าน จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอและการออกใบอนุญาตใช้เรือและการประกันภัยสำหรับเรือกลเดินทะเลเฉพาะเขต ประเภทการใช้กิจการพิเศษ (เจ็ตสกีเพื่อเช่า) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | คค | 27/01/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตท่าเรือ เขตจอดเรือ และเขตควบคุมการเดินเรือ บริเวณอ่าวพัทยา เกาะล้าน จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดแนวทะเลในบริเวณอ่าวพัทยา เกาะล้าน จังหวัดชลบุรี เป็นเขตท่าเรือ เขตจอดเรือ และเขตควบคุมการเดินเรือให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เพื่อให้การเดินเรือเป็นไปอย่างปลอดภัย และเกิดความปลอดภัยสูงสุดต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของประชาชน นักท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ และบุคคลต่าง ๆ ในการสัญจรและทำกิจกรรมทางน้ำ ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอและการออกใบอนุญาตใช้เรือและการประกันภัยสำหรับเรือกลเดินทะเลเฉพาะเขต ประเภทการใช้กิจการพิเศษ (เจ็ตสกีเพื่อเช่า) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้มีกฎหมายเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาตใช้เรือและการออกใบอนุญาตใช้เรือ และการประกันภัยเรือสำหรับเรือกลเดินทะเลเฉพาะเขตประเภทการใช้กิจการพิเศษ (เจ็ตสกีเพื่อเช่า) เพื่อให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน |
|||||||||||||||
24882 | รายงานสรุปโครงการของขวัญให้ประชาชนทุก 3 เดือน (มกราคม - มีนาคม 2558) ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี | กก | 27/01/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปโครงการของขวัญให้ประชาชนทุก ๓ เดือน (มกราคม-มีนาคม ๒๕๕๘) ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โครงการ/กิจกรรมที่ดำเนินการ ได้แก่ (๑) เทศกาลท่องเที่ยวไทย โดยจัดงานขบวนหรรษาพาเหรด Thailand Happiness Carnival (๒) เทศกาลความรักสานสัมพันธ์ไทย-จีน และ (๓) มหกรรมไหว้ครูมวยไทยโลก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ๒. กรมการท่องเที่ยว โครงการ/กิจกรรมที่ดำเนินการ ได้แก่ (๑) เทศกาลมหกรรมอาหารเมืองไทย “The 1st Thailand Gourmet Festival 2015” (๒) เทศกาลภาพยนตร์ต่างประเทศที่ถ่ายทำในประเทศไทย (Thailand International Film Destination Festival 2015) และ (๓) งานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ ครั้งที่ ๓๙ ประจำปี ๒๕๕๘ ๓. กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว โครงการ/กิจกรรมที่ดำเนินการ ได้แก่ (๑) ประชุมบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่ (๒) สำรวจข้อมูลการกระทำความผิดของผู้ประกอบการเรือเจ็ตสกี (๓) ออกปราบปรามผู้ประกอบการเรือเจ็ตสกีที่กระทำผิด และ (๔) ออกประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้เจ็ตสกี ๔. กรมพลศึกษา โครงการ/กิจกรรมที่ดำเนินการ ได้แก่ (๑) โครงการส่งเสริมและพัฒนาเส้นทางจักรยานทั่วประเทศ (๒) โครงการจัดแข่งขันกีฬาระหว่างโรงเรียนส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ประจำปี ๒๕๕๘ (มหกรรมกีฬา) (๓) โครงการพัฒนาและให้บริการด้านสมรรถภาพทางกาย (ทดสอบสมรรถภาพทางกายของประชาชน) (๔) จัดประกวดวงโยธวาทิตนักเรียน นักศึกษา ชิงถ้วยพระราชทานฯ ครั้งที่ ๓๔ ประจำปี ๒๕๕๘ (๕) จัดการแข่งขันกีฬานักเรียนคนพิการแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๖ และ (๖) จัดมหกรรมนันทนาการ (การแสดงแสง สี เสียง) ๕. การกีฬาแห่งประเทศไทย โครงการ/กิจกรรม ได้แก่ (๑) จัดงานวันเด็กแห่งชาติ (๒) ปรับปรุงศูนย์ฝึกกีฬาเพื่อการพัฒนากีฬาและให้บริการประชาชน และ (๓) จัดการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ ๓๑ ณ จังหวัดจันทบุรี ๖. สถาบันการพลศึกษา โครงการ/กิจกรรม ได้แก่ โครงการฟื้นฟู อนุรักษ์ และเผยแพร่การละเล่นพื้นบ้านและกีฬาไทย
|
|||||||||||||||
24883 | ร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ 4 | ทส | 27/01/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๔ (Greater Mekong Sub-region Fourth Environment Ministers’ Meeting Joint Ministerial Statement) ซึ่งเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันมีสาระสำคัญเพื่อแสดงเจตนารมณ์ในการส่งเสริมความร่วมมือในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งแสวงหาแนวทางความร่วมมือในการนำหลักการด้านเศรษฐศาสตร์สิ่งแวดล้อมมาใช้ในการปกป้องและฟื้นฟูทรัพยากร ซึ่งเป็นต้นทุนทางธรรมชาติในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงเพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเป็นกรอบแนวทางกว้าง ๆ ในการดำเนินงานเพื่อส่งเสริมความร่วมมือภายใต้โครงการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และไม่มีข้อผูกมัด ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) เป็นผู้ให้การรับรองในร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ที่มิใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้เป็นดุลยพินิจของหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเป็นผู้พิจารณาโดยไม่ต้องนำกลับมาเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาใหม่ |
|||||||||||||||
24884 | ขออนุมัติผู้ลงทุนโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณหมอน 21 - 22 ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย | ศธ | 27/01/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้บริษัท ทิพย์พัฒน อาร์เขต จำกัด เป็นผู้ลงทุนในโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณหมอน ๒๑-๒๒ (บริเวณสี่แยกสามย่าน) ตามข้อเสนอของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตามมาตรา ๖๙ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ประกอบกับมาตรา ๒๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการ (จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) รับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินโครงการฯ ในชั้นการออกแบบและก่อสร้าง ควรพิจารณาแนวทางการบริหารการจราจรอย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการจราจรภายนอกทั้งบนถนนพระรามที่ ๔ และถนนพญาไท และคำนึงถึงผลกระทบต่อโครงสร้างอุโมงค์ทางวิ่งรถไฟฟ้าใต้ดิน ตามข้อกำหนดทางวิศวกรรมสำหรับการก่อสร้างในเขตปลอดภัยระบบรถไฟฟ้าของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) อย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้พิจารณาดำเนินการตามข้อสังเกตเพิ่มเติมของสำนักงานอัยการสูงสุดต่อร่างสัญญาให้สิทธิประโยชน์โครงการฯ อย่างเคร่งครัด เพื่อให้การดำเนินโครงการฯ มีความชัดเจนและรอบคอบมากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||
24885 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การจัดการน้ำเสีย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 27/01/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การจัดการน้ำเสีย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้รักษาการแทนผู้อำนวยการองค์การจัดการน้ำเสียสามารถปฏิบัติหน้าที่ในฐานะกรรมการองค์การจัดการน้ำเสียได้ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||
24886 | ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานและให้อำนาจปฏิบัติการเกี่ยวกับสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน+3 พ.ศ. .... | กค | 27/01/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานและให้อำนาจปฏิบัติการเกี่ยวกับสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน+๓ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการออกพระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามความตกลงเพื่อการจัดตั้งสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน+๓ (Agreement Establishing ASEAN+3 Macroeconomic Research Office : AMRO) ซึ่งมีสถานะเป็นองค์การระหว่างประเทศและประเทศไทยได้ลงนามไปแล้วเมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๗ โดยร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้เป็นการให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันแก่ AMRO และบุคลากรของ AMRO ตามพันธกรณีตามความตกลงดังกล่าว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นควรให้เปลี่ยนชื่อร่างพระราชบัญญัติฯ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. อนุมัติการให้สัตยาบันความตกลงเพื่อการจัดตั้งสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน+๓ ภายหลังที่ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานและให้อำนาจปฏิบัติการเกี่ยวกับสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน+๓ พ.ศ. .... ประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว ๓. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำสัตยาบันสาร ภายหลังที่ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานและให้อำนาจปฏิบัติการเกี่ยวกับสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน+๓ พ.ศ. .... ประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว และให้กระทรวงการคลังดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||
24887 | การพิจารณากำหนดวันหยุดราชการประจำปี พ.ศ. 2558 เพิ่มเป็นกรณีพิเศษ | นร | 27/01/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. กำหนดให้วันจันทร์ที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และให้ประชาชนได้ร่วมกิจกรรมในช่วงวันฉัตรมงคล ๒. ส่วนรัฐวิสาหกิจ และสถาบันการเงิน ให้รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง และธนาคารแห่งประเทศไทยพิจารณาความเหมาะสมให้สอดคล้องกับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ในกรณีหน่วยงานใดที่มีภารกิจในการให้บริการประชาชน หรือมีความจำเป็น หรือราชการสำคัญในวันดังกล่าวโดยได้กำหนดหรือนัดหมายไว้ก่อนแล้ว ซึ่งหากยกเลิกหรือเลื่อนไปจะเกิดความเสียหายหรือกระทบต่อการให้บริการประชาชน ให้หัวหน้าหน่วยงานนั้นพิจารณาดำเนินการตามที่เห็นสมควร โดยมิให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการและประชาชน
|
|||||||||||||||
24888 | การดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | กค | 27/01/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบแนวทางการปรับปรุง พัฒนา หรือยุบเลิกทุนหมุนเวียน ข้อมูลกรอบวงเงินงบประมาณดำเนินงานวิจัยของทุนหมุนเวียน กลุ่ม ๑ การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี ๖ ทุน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ วงเงินรวม ๓,๕๐๙.๔๐ ล้านบาท และสภาพคล่องของทุนหมุนเวียนทั้งหมด ซึ่งมีทุนหมุนเวียนที่มีสภาพคล่องส่วนที่เกินความจำเป็น จำนวน ๓๐ ทุน เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นประมาณ ๓๒,๗๐๘ ล้านบาท ๒. ให้กระทรวงการคลังวิเคราะห์และเสนอแนวทางในการปฏิรูปทุนหมุนเวียนในกรณีที่จะต้องดำเนินการปรับปรุง พัฒนา ยุบรวม หรือยุบเลิกกองทุนตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ) และวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) เช่น ๒.๑ เสนอแนวทางในการยุบรวมหรือยุบเลิกทุนหมุนเวียนที่มีผลการประเมินต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานซึ่งต้องปรับปรุงและพัฒนา รวม ๔๓ ทุน และทุนหมุนเวียนที่ได้รับผลการประเมินต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานซึ่งต้องพิจารณาปรับปรุงการดำเนินงานโดยด่วน รวม ๕ ทุน ให้ชัดเจนและยุบทุนหมุนเวียนที่มีวัตถุประสงค์ใกล้เคียงกันมารวมกันเป็นทุนหมุนเวียนเดียวเพื่อมิให้เกิดปัญหาความซ้ำซ้อนต่อไป ทั้งนี้ ในการยุบรวมหรือยุบเลิกดังกล่าวให้พิจารณาดำเนินการอย่างรอบคอบและระมัดระวังผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชน ๒.๒ การแบ่งกลุ่มทุนหมุนเวียนต้องให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลเพื่อให้เห็นถึงความเชื่อมโยงในการนำทุนหมุนเวียนดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศด้านต่าง ๆ ๒.๓ จัดทำแผนปฏิบัติการที่จะนำทุนหมุนเวียนที่มีสภาพคล่อง ส่วนที่เกินความจำเป็น จำนวน ๓๐ ทุน เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นประมาณ ๓๒,๗๐๘ ล้านบาท ไปใช้ประโยชน์ในการดำเนินการสนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ในการพัฒนาประเทศในช่วงระยะเวลา ๑ ปี แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีภายในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ต่อไป |
|||||||||||||||
24889 | การประชุมมิตรประเทศลุ่มน้ำโขงตอนล่างสมัยพิเศษระดับรัฐมนตรีช่วยหรือเทียบเท่าว่าด้วยการพัฒนาแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน (Extraordinary Friends of the Lower Mekong Initiative Sub-cabinet Level Meeting on Mekong Sustainability) | กต | 27/01/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมมิตรประเทศลุ่มน้ำโขงตอนล่างสมัยพิเศษระดับรัฐมนตรีช่วยหรือเทียบเท่าว่าด้วยการพัฒนาแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน (Extraordinary Friends of the Lower Mekong Initiative Sub-cabinet Level Meeting on Mekong Sustainability) มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการร่วมมือกันเพื่อจัดการกับปัญหาเรื่องน้ำ อาหาร พลังงาน และสิ่งแวดล้อมในการพัฒนาแม่น้ำโขง ๑.๒ ให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมฯ และรับรองร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับถ้อยคำในร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ควรเป็นไปในลักษณะตระหนักถึงความสำคัญร่วมกันของบรรดามิตรประเทศ กลุ่มประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศ ทั้งภายในและภายนอกลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่าง ต่อการพัฒนาในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงแบบบูรณาการอย่างยั่งยืนที่ครอบคลุมกิจกรรมเกี่ยวเนื่องกับการพัฒนาในหลากหลายมิติที่สำคัญ ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) ในส่วนที่เกี่ยวกับด้านต่างประเทศด้วย |
|||||||||||||||
24890 | การดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับโซมาเลียและเอริเทรีย | กต | 27/01/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบรับรองการดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับโซมาเลียและเอริเทรีย รวม ๗ ฉบับ ได้แก่ ข้อมติ ที่ ๑๙๐๗ (ค.ศ. ๒๐๐๙), ที่ ๑๙๗๒ (ค.ศ. ๒๐๑๑), ที่ ๒๐๒๓ (ค.ศ. ๒๐๑๑), ที่ ๒๐๓๖ (ค.ศ. ๒๐๑๒), ที่ ๒๐๙๓ (ค.ศ. ๒๐๑๓), ที่ ๒๑๑๑ (ค.ศ. ๒๐๑๓) และที่ ๒๑๘๒ (ค.ศ. ๒๐๑๔) ประกอบด้วยการคว่ำบาตรทางอาวุธต่อโซมาเลียและเอริเทรีย การห้ามเดินทางต่อโซมาเลียและเอริเทรีย การอายัดทรัพย์สินต่อโซมาเลียและเอริเทรีย และการห้ามนำเข้าถ่านไม้จากโซมาเลีย ๒. มอบหมายให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และธนาคารแห่งประเทศไทย ถือปฏิบัติและแจ้งผลการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้กระทรวงการต่างประเทศทราบเพื่อประโยชน์ในการรายงานต่อสหประชาชาติต่อไป นอกจากนี้ หากพบข้อขัดข้องหรืออุปสรรคในการปฏิบัติตามข้อมติดังกล่าว ให้แจ้งกระทรวงการต่างประเทศต่อไปด้วย |
|||||||||||||||
24891 | การเพิ่มเงินสนับสนุนสมทบและการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพสำนักเลขาธิการ COBSEA | ทส | 27/01/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้เพิ่มเงินสนับสนุนสมทบค่าธรรมเนียมสมาชิกองค์กรสิ่งแวดล้อมทางทะเลของภูมิภาคเอเชียตะวันออก (Coordinating Body on the Seas of East Asia : COBSEA) จากเดิม ๒๐,๙๐๐ ดอลลาร์สหรัฐต่อปี เป็น ๔๒,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐต่อปี ๑.๒ ให้ประเทศไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพสำนักเลขาธิการ COBSEA ๒. งบประมาณสำหรับเป็นเงินสนับสนุนสมทบค่าธรรมเนียมสมาชิกของ COBSEA ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ สำนักงบประมาณได้ตั้งงบประมาณรองรับไว้สำหรับเป็นค่าธรรมเนียมสมาชิกของ COBSEA จำนวน ๖๖๘,๘๐๐ บาท (๒๐,๙๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ) และส่วนที่จะต้องสมทบเพิ่มขึ้นอีก จำนวน ๒๑,๑๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งดำเนินการโดยปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ สำหรับค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม |
|||||||||||||||
24892 | ขออนุมัติการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 - 2562 รายการเช่ารถประจำตำแหน่ง | พน | 27/01/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติให้กระทรวงพลังงานดำเนินการเช่ารถประจำตำแหน่งในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๒ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๔,๘๙๘,๘๘๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงานเช่ารถประจำตำแหน่งรองปลัดกระทรวงพลังงาน จำนวน ๑ คัน ในวงเงิน ๑,๙๗๕,๖๘๐ บาท โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ รายการค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง ที่ได้รับจัดสรรแล้ว จำนวน ๒๘๒,๒๔๐ บาท และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๒ อีกจำนวน ๑,๖๙๓,๔๔๐ บาท ๑.๒ กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติเช่ารถประจำตำแหน่งรองอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ จำนวน ๒ คัน ในวงเงิน ๒,๙๒๓,๒๐๐ บาท โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ รายการค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง ที่ได้รับจัดสรรแล้ว จำนวน ๔๑๗,๖๐๐ บาท และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๒ อีกจำนวน ๒,๕๐๕,๖๐๐ บาท ๒. ให้กระทรวงพลังงานรับข้อสังเกตของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงจากเบิกค่าตอบแทนในลักษณะเหมาจ่าย เป็นการเช่ารถประจำตำแหน่ง เนื่องจากผู้ที่ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงพลังงานและรองอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติท่านใหม่ เมื่อเข้าดำรงตำแหน่งจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมาขอรับค่าตอบแทนในลักษณะเหมาจ่ายได้ จะต้องรอให้ครบสัญญาเช่ารถ (มกราคม ๒๕๕๘-กันยายน ๒๕๖๒) ก่อน จึงจะเปลี่ยนแปลงได้ ทั้งนี้ การดำเนินการทุกขั้นตอนการปฏิบัติจะต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ ไปพิจารณาต่อไปด้วย |
|||||||||||||||
24893 | โครงการก่อสร้างอาคารพัฒนาวัสดุอ้างอิงรับรองด้านมาตรวิทยาเคมี | วท | 27/01/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่าตามที่คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐได้เสนอความเห็นประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีว่า การดำเนินโครงการต่าง ๆ ได้แก่ โครงการก่อสร้างอาคารพัฒนาวัสดุอ้างอิงรับรองด้านมาตรวิทยาเคมี โครงการก่อสร้างอาคารปฏิบัติการด้านนิวเคลียร์และรังสี (อาคารมาตรวิทยารังสีแห่งชาติ) และรายการก่อสร้างกลุ่มอาคารคณะศึกษาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยบูรพา นั้น การเสนอขอปรับเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันน่าจะเป็นผลจากความบกพร่องในการออกแบบ หรือความไม่รอบคอบในการดำเนินการ ส่งผลให้วงเงินการดำเนินโครงการเพิ่มสูงขึ้น และเป็นภาระต่องบประมาณ คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐตรวจสอบข้อมูล ข้อเท็จจริง สาเหตุของความล่าช้า รวมทั้งผู้รับผิดชอบต่อความบกพร่องใน ๓ โครงการดังกล่าว และนำเสนอผลการตรวจสอบและข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีว่า จะดำเนินโครงการต่อไปอย่างไร
|
|||||||||||||||
24894 | ขออนุมัติปรับเพิ่มวงเงินงบประมาณและขอขยายเวลา โครงการก่อสร้างอาคารปฏิบัติการด้านนิวเคลียร์และรังสี (อาคารมาตรวิทยารังสีแห่งชาติ) | วท | 27/01/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่าตามที่คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐได้เสนอความเห็นประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีว่า การดำเนินโครงการต่าง ๆ ได้แก่ โครงการก่อสร้างอาคารพัฒนาวัสดุอ้างอิงรับรองด้านมาตรวิทยาเคมี โครงการก่อสร้างอาคารปฏิบัติการด้านนิวเคลียร์และรังสี (อาคารมาตรวิทยารังสีแห่งชาติ) และรายการก่อสร้างกลุ่มอาคารคณะศึกษาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยบูรพา นั้น การเสนอขอปรับเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันน่าจะเป็นผลจากความบกพร่องในการออกแบบ หรือความไม่รอบคอบในการดำเนินการ ส่งผลให้วงเงินการดำเนินโครงการเพิ่มสูงขึ้น และเป็นภาระต่องบประมาณ คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐตรวจสอบข้อมูล ข้อเท็จจริง สาเหตุของความล่าช้า รวมทั้งผู้รับผิดชอบต่อความบกพร่องใน ๓ โครงการดังกล่าว และนำเสนอผลการตรวจสอบและข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีว่า จะดำเนินโครงการต่อไปอย่างไร
|
|||||||||||||||
24895 | ขอความเห็นชอบให้ข้าราชการลาเข้าร่วมอุปสมบทในโครงการอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมมายุ 5 รอบ 60 พรรษา โดยไม่ถือเป็นวันลา | พศ | 27/01/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ข้าราชการทุกประเภท พนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราวของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ ลาอุปสมบทเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ ๕ รอบ ๖๐ พรรษา ในวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ เป็นระยะเวลา ๑๕ วัน (นับระยะเวลาตั้งแต่เตรียมการอุปสมบทถึงลาสิกขา) ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน ๒๕๕๘ โดยไม่ถือเป็นวันลา เสมือนเป็นการปฏิบัติราชการและได้รับเงินเดือนปกติ ๑.๒ การใช้สิทธิการลาตามข้อ ๑ ให้สิทธิแก่ข้าราชการทุกประเภท พนักงานราชการ รวมทั้งลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราวของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และพนักงานรัฐวิสาหกิจที่เคยลาอุปสมบท ระหว่างรับราชการแล้ว และข้าราชการซึ่งเคยอุปสมบทในพระพุทธศาสนา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๔ (เรื่อง ขอความเห็นชอบให้ข้าราชการลาเข้าร่วมอุปสมบทในโครงการอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธี มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ โดยไม่ถือเป็นวันลา) สามารถจะลาอุปสมบทเพื่อเฉลิมพระเกียรติตามมติคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้ได้อีก สำหรับผู้ที่ไม่เคยลาอุปสมบทระหว่างรับราชการ หากได้ลาอุปสมบทเพื่อเฉลิมพระเกียรติตามมติคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้แล้ว ไม่มีผลกระทบถึงสิทธิในการลาอุปสมบทในอนาคต ซึ่งเป็นการใช้สิทธิการลาอุปสมบทครั้งแรกตั้งแต่เริ่มราชการ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยยังคงได้สิทธิการลาอุปสมบทและยังคงได้สิทธิในการรับเงินเดือนตามปกติ ตามพระราชกฤษฎีกาการจ่ายเงินเดือน เงินปี บำเหน็จ บำนาญ และเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๑.๓ การใช้สิทธิตามมติคณะรัฐมนตรี ผู้ลาจะต้องเข้าร่วมอุปสมบทในโครงการที่ส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐหรือภาคเอกชน ร่วมกับคณะสงฆ์จัดขึ้นเป็นโครงการอย่างชัดเจน และมีการจัดอบรมตามหลักสูตรสำหรับผู้บวชระยะสั้นที่คณะสงฆ์กำหนด ภายในระยะเวลาที่กำหนดของโครงการแต่ไม่เกิน ๑๕ วัน ทั้งนี้ ให้ลาได้ตามระยะเวลาที่กำหนดของโครงการแต่ไม่เกิน ๑๕ วัน หากอุปสมบทเป็นเอกเทศโดยไม่ได้เข้าร่วมโครงการตามที่กำหนด จะไม่ได้รับสิทธิในการลาดังกล่าว ๒. เพื่อให้การปฏิบัติและการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ องค์รัชทายาท และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ เป็นไปอย่างสมพระเกียรติ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐเสนอแผนงาน โครงการ และงบประมาณค่าใช้จ่ายต่อคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติในชุดนั้น ๆ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนที่จะนำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป และในกรณีที่จะต้องนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต ก็จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนให้ถูกต้อง โดยผ่านสำนักราชเลขาธิการด้วย |
|||||||||||||||
24896 | โครงการสร้างรายได้และพัฒนาการเกษตรแก่ชุมชนเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง | กษ | 27/01/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ดำเนินโครงการสร้างรายได้และพัฒนาการเกษตรแก่ชุมชนเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง โดยมีเป้าหมายและพื้นที่ดำเนินการ คือ พื้นที่เกษตรที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ปี ๒๕๕๗/๒๕๕๘ จำนวน ๓,๐๕๒ ตำบล ๕๘ จังหวัด จากบัญชีรายชื่อพื้นที่คาดการณ์ความแห้งแล้งในพื้นที่เกษตร ปี ๒๕๕๘ ตามแผนเตรียมการรับสถานการณ์ภัยพิบัติด้านการเกษตร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. สำหรับงบประมาณในการดำเนินโครงการ จำนวน ๓,๑๕๑,๙๙๒,๐๐๐ บาท ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนกิจกรรมเกษตรชุมชนในพื้นที่เป้าหมาย ตำบลละไม่เกิน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงิน ๓,๐๕๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท เบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุน ลักษณะเงินอุดหนุนทั่วไป และค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการ จำนวน ๙๙,๙๙๒,๐๐๐ บาท เบิกจ่ายในงบรายจ่ายอื่น ลักษณะงบดำเนินงาน ค่าตอบแทน ใช้สอยและวัสดุ โดยให้กรมส่งเสริมการเกษตรต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ขออนุมัติดำเนินโครงการสร้างรายได้และพัฒนาการเกษตรแก่ชุมชนเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง) ในการกำหนดรายละเอียดโครงการให้ชัดเจน รวมทั้งปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำกับดูแลให้การจัดทำโครงการของชุมชนเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ สนับสนุนให้ชุมชนจัดทำแผนบริหารโครงการของชุมชนหลังเสร็จสิ้นโครงการเพื่อให้ชุมชนสามารถพัฒนา ดูแลรักษาและใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตรที่เกิดขึ้นได้อย่างคุ้มค่า และในการประเมินผลโครงการที่ควรศึกษาถึงผลประโยชน์และผลกระทบของโครงการด้วย รวมทั้งความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ ค่าใช้จ่ายในการจัดประชุมชี้แจง/สัมมนา ค่าใช้จ่ายในการจัดเวทีตำบล และค่าใช้จ่ายในการให้คำแนะนำ รายงาน ติดตาม ประเมินผล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ในการดำเนินโครงการในพื้นที่ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงมหาดไทยประสานกับกระทรวงกลาโหมเพื่อให้ทหารร่วมสนับสนุนประชาชนในการดำเนินโครงการต่าง ๆ เช่น การขุดลอกคูคลอง การก่อสร้างถนน ทั้งนี้ ในส่วนของการติดตามโครงการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยประสานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ เพื่อดำเนินการติดตามและตรวจสอบโครงการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ รวมทั้งสามารถบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างแท้จริง ๕. เนื่องจากการช่วยเหลือที่ผ่านมาได้ดำเนินการเฉพาะเกษตรกรในพื้นที่ที่งดส่งน้ำในเขตพื้นที่ชลประทานลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำแม่กลอง และการช่วยเหลือในพื้นที่แล้งซ้ำซาก ทั้งนี้ ยังมีเกษตรกรอีกส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจากราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำและการช่วยเหลือยังไม่ครอบคลุมกลุ่มดังกล่าว จึงเห็นควรให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงการคลังเร่งรัดโครงการที่จะสนับสนุนด้านอุปกรณ์เครื่องมือ และปัจจัยการผลิตทางการเกษตร ซึ่งรวมทั้งมาตรการด้านภาษีให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายดังกล่าวด้วย |
|||||||||||||||
24897 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดหนองบัวลำภู พ.ศ. .... | มท | 27/01/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดหนองบัวลำภู พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่จังหวัดหนองบัวลำภู เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบทในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||
24898 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่ตำบลวัดเกต ตำบลหนองหอย อำเภอเมืองเชียงใหม่ ตำบลหนองผึ้ง ตำบลยางเนิ้ง และตำบลสารภี อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ และในท้องที่ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน พ.ศ. .... | ทส | 27/01/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่ตำบลวัดเกต ตำบลหนองหอย อำเภอเมืองเชียงใหม่ ตำบลหนองผึ้ง ตำบลยางเนิ้ง และตำบลสารภี อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ และในท้องที่ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๐๖ ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่ตำบลวัดเกต ตำบลหนองหอย อำเภอเมืองเชียงใหม่ ตำบลหนองผึ้ง ตำบลยางเนิ้ง และตำบลสารภี อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ และในพื้นที่บางส่วนในท้องที่ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน เพื่อการอนุรักษ์ การปกป้อง และการฟื้นฟูบูรณะต้นยางนาและต้นขี้เหล็ก ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||
24899 | การทำหนังสือสัญญาที่หน่วยงานสามารถดำเนินการได้ตามอำนาจหน้าที่โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรี | นร09 | 27/01/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๖) เกี่ยวกับเรื่องการทำหนังสือสัญญาที่หน่วยงานสามารถดำเนินการได้ตามอำนาจหน้าที่โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรี (เรื่องเสร็จที่ ๘๔/๒๕๕๘) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ สรุปได้ว่า การจัดทำหนังสือสัญญาจะถือขั้นตอนใดเป็นขั้นตอนเริ่มต้นการจัดทำ และขอบเขตความหมายของคำว่า "หนังสือสัญญา" ที่ระบุในมติคณะรัฐมนตรีคืออะไร หากเป็นหนังสือสัญญาตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่ต้องจัดทำขึ้นระหว่างรัฐ หรือระหว่างรัฐกับองค์การระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะมีชื่อเรียกอย่างไร อันได้แก่ บันทึกความเข้าใจ ความตกลง หรือความร่วมมือ ย่อมเป็นหนังสือสัญญาที่มีผลผูกพันรัฐบาลที่จะต้องเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี โดยจะเป็นการเสนอเพื่อพิจารณาหรือเพื่อทราบก็ได้ แต่หากหนังสือสัญญานั้นเข้าข่ายที่ต้องเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๒๓ วรรคสองของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ จะต้องเสนอหนังสือสัญญานั้นให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ความเห็นชอบทุกกรณี นอกจากนี้ การกำหนดให้จัดทำแนวปฏิบัติในการทำหนังสือสัญญาที่ต้องสอดคล้องกับข้อกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีมีขอบเขตครอบคลุมเพียงใด ซึ่งอาจมีอยู่จำนวนมากและอาจมีรายละเอียดแตกต่างกันไป อีกทั้ง ในการทำหนังสือสัญญาเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาในรายละเอียดเป็นรายกรณีไป ดังนั้น การกำหนดแนวปฏิบัติที่ชัดเจนเกี่ยวกับการทำหนังสือสัญญาที่หน่วยงานสามารถทำได้เองโดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อให้เป็นหลักการทั่วไปที่ใช้ได้กับการทำหนังสือสัญญาในทุกกรณีจึงเป็นเรื่องที่กระทำได้ยาก ๒. เห็นชอบเกณฑ์การพิจารณาเบื้องต้นกรณีการจัดทำความตกลงที่หน่วยงานเจ้าของเรื่องสามารถดำเนินการได้ตามอำนาจหน้าที่โดยไม่ต้องนำเรื่องเสนอต่อคณะรัฐมนตรี ซึ่งต้องเป็นความตกลงที่เข้าเงื่อนไขครบทั้ง ๗ ประการ ดังนี้ ๒.๑ ไม่เข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๒๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กล่าวคือ ต้องไม่ใช่ความตกลงที่ทำขึ้นระหว่างรัฐหรือระหว่างรัฐกับองค์การระหว่างประเทศที่มุ่งหมายจะให้มีผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างกันตามกฎหมายระหว่างประเทศ ๒.๒ ทำขึ้นตามอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ของส่วนราชการในระดับกรม ๒.๓ ไม่ได้มีเนื้อหาเป็นเรื่องสำคัญหรือเกี่ยวข้องกับนโยบาย เช่น ไม่มีเนื้อหาที่กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ทางสังคมหรือเศรษฐกิจการค้า หรือไม่กระทบต่อสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา สิทธิในพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ หรือสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ที่อาจทำให้ไทยสูญเสียผลประโยชน์ ๒.๔ ไม่ก่อให้เกิดผลผูกพันงบประมาณนอกเหนือจากงบประมาณที่ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐได้รับจัดสรรโดยความเห็นชอบของรัฐสภาแล้ว ๒.๕ สามารถดำเนินการได้ภายใต้กฎหมายหรือกฎระเบียบที่ใช้บังคับอยู่ในขณะที่ทำความตกลงนั้น ๆ ๒.๖ รัฐมนตรีเจ้าสังกัดให้ความเห็นชอบในการจัดทำความตกลงฯ แล้ว ๒.๗ ส่วนราชการเจ้าของเรื่องได้เสนอร่างความตกลงฯ ให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาและให้ความเห็นชอบแล้ว ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาความจำเป็นเหมาะสมของการจัดทำความตกลงฯ ขึ้น โดยให้มีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ ร่วมเป็นกรรมการด้วย |
|||||||||||||||
24900 | ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนพฤศจิกายน 2557 และสรุปภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมปี 2557 และแนวโน้มปี 2558 | อก | 27/01/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๗ และสรุปภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ปี ๒๕๕๗ และแนวโน้มปี ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๗ ลดลงหรือหดตัวร้อยละ ๓.๕ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การผลิตลดลงในหลายอุตสาหกรรมที่สำคัญเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน คือ ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ รถยนต์ เครื่องประดับเพชรพลอย และผลิตภัณฑ์ยาง ๒. ภาวะการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) ในเดือนมกราคม-พฤศจิกายน ๒๕๕๗ เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีจำนวนโครงการที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุนจาก สกท. ทั้งสิ้น ๑,๓๘๘ โครงการ น้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวน ๑,๖๒๗ โครงการ ร้อยละ ๑๔.๖๘ และมีเงินลงทุน ๗๖๖,๒๐๐ ล้านบาท น้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีวงเงินลงทุน ๘๓๑,๐๐๐ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๗.๘ ๓. สรุปภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมปี ๒๕๕๗ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมปี ๒๕๕๗ คาดว่าจะลดลงหรือหดตัวเมื่อเทียบกับปี ๒๕๕๖ สำหรับแนวโน้มภาคอุตสาหกรรมไทยปี ๒๕๕๘ คาดว่าจะมีการขยายตัวที่ดีขึ้นจากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลกในปี ๒๕๕๘ การฟื้นตัวของการลงทุนการปรับฐานสู่ภาวะปกติของอุตสาหกรรมรถยนต์ปี ๒๕๕๗ และการลดลงของราคาน้ำมันในตลาดโลก ซึ่งทำให้คาดการณ์ในปี ๒๕๕๘ GDP อุตสาหกรรมจะขยายตัวร้อยละ ๒-๓ และดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ ๓-๔
|
.....