ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1247 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 24921 - 24940 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
24921 | ร่างพระราชบัญญัติเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 24/02/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ให้เสนอร่างพระราชบัญญัติเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ พ.ศ. .... ซึ่งได้แก้ไของค์ประกอบของคณะกรรมการเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ แล้ว ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||
24922 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายสมเกียรติ บุญรอด) | ศธ | 18/02/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายสมเกียรติ บุญรอด ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
24923 | ขออนุมัติแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์สหรัฐเม็กซิโกประจำกรุงเทพมหานคร (นายณพ ณรงค์เดช) | กต | 18/02/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายณพ ณรงค์เดช เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์สหรัฐเม็กซิโกประจำกรุงเทพมหานคร โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมกรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
24924 | การแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดนประจำประเทศไทย (พลตำรวจเอก ชิดชัย วรรณสถิตย์) | กต | 18/02/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งพลตำรวจเอก ชิดชัย วรรณสถิตย์ เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรฮัซไมต์จอร์แดนประจำประเทศไทยคนใหม่ สืบแทน นายจำนงค์ ภิรมย์ภักดี โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมประเทศไทย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
24925 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี (ผู้ตรวจราชการกระทรวง) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (นายบัณฑิต ตั้งประเสริฐ) | นร | 18/02/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายบัณฑิต ตั้งประเสริฐ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
24926 | ผลการพิจารณาติดตามแผนงานและโครงการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของส่วนราชการที่ใช้งบประมาณแผ่นดินเกินกว่า 100 ล้านบาทขึ้นไป | ทก | 18/02/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาติดตามแผนงานและโครงการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของส่วนราชการที่ใช้งบประมาณแผ่นดินเกินกว่า ๑๐๐ ล้านบาทขึ้นไป โดยคณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐได้พิจารณากลั่นกรองความเหมาะสม เสนอแนะแนวทางการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของส่วนราชการฯ โดยระหว่างวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๕๘ คณะกรรมการฯ ได้ให้ความเห็นชอบโครงการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของส่วนราชการ จำนวน ๒๕ หน่วยงาน รวม ๕๓ โครงการ วงเงินงบประมาณที่อนุมัติ จำนวน ๓๓,๒๙๔,๔๒๒,๑๖๗ บาท โดยได้ปรับลดวงเงินงบประมาณและสามารถประหยัดงบประมาณแผ่นดินได้ ๗๙๓,๒๕๒,๓๑๗ บาท รวมทั้งได้ส่งเสริมให้มีการบูรณาการงบประมาณ เทคโนโลยี และการใช้ข้อมูลร่วมกัน เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการดำเนินการ และเพื่อให้มีการใช้เกณฑ์มาตรฐานเดียวกันในการพิจารณาการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
24927 | ผลการประชุมคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ครั้งที่ 1/2558 | นร11 | 18/02/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมรับทราบเรื่องสำคัญ ได้แก่ ความคืบหน้าคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ภาพรวมเศรษฐกิจในไตรมาสที่ ๔/๒๕๕๗ และแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ปี ๒๕๕๘ สถานการณ์ส่งออกเดือนธันวาคม ๒๕๕๗ และแนวโน้ม ปี ๒๕๕๘ การสำรวจคุณภาพและการเร่งระบายสต็อกข้าว มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวปี ๒๕๕๘ และการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยว ความก้าวหน้าของโครงการผลิตสนามฟุตซอลจากยางพารา และการยื่นคำขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียม รอบที่ ๒๑ ๒. ข้อสั่งการจากที่ประชุม ๒.๑ มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการขับเคลื่อนการส่งออกตามแนวทางภายใต้ยุทธศาสตร์การส่งออกปี ๒๕๕๘ พร้อมทั้งกำหนดประเภทสินค้าส่งออกของไทยที่มีศักยภาพในแต่ละตลาด และติดตามความคืบหน้าของการระบายข้าวในสต็อก รวมทั้งให้ความสำคัญกับการตรวจสอบคุณภาพข้าวที่จำหน่ายในตลาด ๒.๒ มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมและรองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) ติดตามความคืบหน้าของการอนุมัติโครงการที่ได้ขอรับการส่งเสริมการลงทุนไปแล้ว และเร่งรัดให้มีการดำเนินการลงทุนโดยเร็ว ๒.๓ มอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเร่งดำเนินการ (๑) เร่งรัดแก้ไขปัญหาความปลอดภัย การหลอกลวงและเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว (๒) จัดทำแคมเปญประชาสัมพันธ์เพื่อให้นักท่องเที่ยวรับทราบถึงการจัดระเบียบด้านการท่องเที่ยว รวมทั้งการยกระดับมาตรฐานของคุณภาพการให้บริการและความปลอดภัย (๓) ศึกษาขีดความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยวของแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมเพื่อกำหนดมาตรการการบริหารจัดการที่เหมาะสมต่อไป (๔) ดูแลสิ่งอำนวยความสะดวกในสถานที่ท่องเที่ยว เช่น ป้ายบอกทาง ห้องน้ำ ให้มีจำนวนที่เพียงพอและสะอาด และ (๕) เป็นเจ้าภาพหลักในการเจรจาและขอความร่วมมือจากภาคเอกชนในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั้งระบบ และการกำหนดแคมเปญเพื่อสนับสนุนการขยายตัวของการท่องเที่ยว ๒.๔ มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมดูแลการจัดระเบียบและเพิ่มขีดความสามารถและมาตรฐานการให้บริการนักท่องเที่ยวในสนามบิน และสถานีขนส่งสาธารณะ รวมถึงการพัฒนาเส้นทางเพื่อเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ เพื่อแก้ปัญหาความแออัดของนักท่องเที่ยวในพื้นที่ท่องเที่ยวหลัก ๒.๕ มอบหมายให้กระทรวงการคลังพิจารณามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว อาทิ การยกเว้น/ลดหย่อนภาษีสินค้าฟุ่มเฟือยเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว รวมทั้งอาจพิจารณาจัดหาช่องทางเพิ่มเติมในการซื้อสินค้าปลอดภาษี ๒.๖ มอบหมายให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพิจารณาเสนอมาตรการที่ส่งเสริมความต้องการลู่-ลานกรีฑา และพื้นลานอเนกประสงค์ให้มากขึ้น เช่น การสนับสนุนงบประมาณในการสร้างสนามกีฬา การลดต้นทุนหรือเสนอเงื่อนไขเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการในการซื้อน้ำยางดิบ การกำหนดมาตรฐานและรับรองมาตรฐานลู่-ลานกรีฑา และศึกษาหาแนวทางความเป็นไปได้ในการนำยางพาราไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ๒.๗ มอบหมายให้กระทรวงพลังงานหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการนำระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต (Production Sharing Contract : PSC) มาใช้สำหรับแปลงสำรวจในอ่าวไทยหมายเลข G3 G5 และ G6 โดยให้ดำเนินการอย่างรอบคอบ เหมาะสม และคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติ เป็นหลัก
|
||||||||||||||||||||||||
24928 | รายงานสถานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 | นร07 | 18/02/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗-๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ มีการเบิกจ่ายเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแล้วทั้งสิ้น ๑,๓๒๕,๓๑๔ ล้านบาท (รวมเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจและเงินทุนหมุนเวียนที่ไม่ได้เบิกจ่ายจากเงินงบประมาณ) เพิ่มขึ้นจากวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๕๘ จำนวน ๖๑,๒๐๓ ล้านบาท ตามที่สำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
24929 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 18/02/2558 | |||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านความมั่นคง ๑.๑ ให้กระทรวงกลาโหมร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศติดตามสถานการณ์ความไม่สงบจากการปะทะกันระหว่างกองทัพเมียนมากับกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์บริเวณชายแดนเมียนมาที่ติดกับจีนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะประเด็นที่อาจมีผลกระทบต่อความร่วมมือต่าง ๆ ระหว่างไทยและเมียนมา ๑.๒ ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) ตรวจสอบการจดทะเบียนสมาคมของชาวโรฮิงญาว่ามีความถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ อย่างไร และพิจารณาหามาตรการดูแลกรณีดังกล่าว รวมทั้งเร่งดำเนินการปรับปรุงพื้นที่ควบคุมผู้อพยพให้เพียงพอและอยู่ในสภาพที่เหมาะสมตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๗ ๑.๓ ให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณากำหนดกลไกในการคัดเลือกและตรวจสอบชนกลุ่มน้อยและกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีศักยภาพ โดยเน้นกลุ่มที่มีผลการเรียนที่ดีให้ได้รับสิทธิในการยื่นขอแปลงสัญชาติเป็นไทย ๒. ด้านเศรษฐกิจ ๒.๑ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหากรณีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่าง ๆ เช่น วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ที่มีนักท่องเที่ยวเยี่ยมชมเป็นจำนวนมากจนเกิดความแออัด และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น ห้องสุขาไม่เพียงพอหรือชำรุด รวมทั้งควรบริหารจัดการให้มีผู้รับผิดชอบดูแลความปลอดภัยและดูแลความสะอาดในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญด้วย ๒.๒ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดูแลแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ โดยเฉพาะอุทยานต่าง ๆ ให้อยู่ในสภาพที่สะอาดและปลอดภัย โดยกำหนดให้มีผู้รับผิดชอบดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวและดูแลความสะอาดตามจุดต่าง ๆ รวมทั้งกำหนดมาตรการเพื่อรณรงค์ให้นักท่องเที่ยวตระหนักถึงการรักษาความสะอาด และทิ้งขยะในที่ที่จัดเตรียมไว้ ๒.๓ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนที่แหล่งท่องเที่ยว เช่น แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ชุมชนตามวิถีไทย ให้มีความน่าสนใจ และแจกจ่ายตามสถานที่ต่าง ๆ เช่น สนามบิน สถานีรถไฟ เพื่อจูงใจนักท่องเที่ยวและกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศให้กระจายไปตามจุดต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น ๒.๔ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงวัฒนธรรม จัดทำหนังสือเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับประเทศไทยสำหรับชาวต่างประเทศในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะศิลปวัฒนธรรมของไทย และหาช่องทางจำหน่ายหนังสือดังกล่าวในต่างประเทศ หรือสนามบิน ๒.๕ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและกระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับผู้ประกอบการกำหนดแนวทางการสร้างมูลค่าเพิ่มจากวัฒนธรรมไทยและการผลักดันเพื่อเผยแพร่ผลิตภัณฑ์ด้านวัฒนธรรม เช่น ดนตรี ภาพยนตร์ ภาพยนตร์ชุด (Series) ไปยังตลาดต่างประเทศให้มากขึ้น ๒.๖ ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายให้ผู้มีรายได้น้อยเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยออกมาตรการสินเชื่อ Nano Finance ให้กระทรวงการคลังรายงานผลความคืบหน้าการดำเนินการ เช่น จำนวนผู้ขอใช้สินเชื่อประเภทดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีทราบ ๒.๗ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงพาณิชย์ จัดทำมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ของผู้มีรายได้น้อยเสนอต่อคณะรัฐมนตรีภายในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินของประชาชนกลุ่มต่าง ๆ นั้น ให้หน่วยงานดังกล่าวคำนึงถึงมาตรการที่เป็นการสร้างความรู้ในการใช้จ่ายเงินและการสร้างวินัยการเงินให้แก่ประชาชนเพื่อลดปัญหาหนี้สินในระยะยาวอย่างยั่งยืน ๒.๘ ให้คณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษดำเนินการให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการในพื้นที่จังหวัดที่กำหนดเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อทำงานร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดในการสนับสนุนและขับเคลื่อนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ๒.๙ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกำหนดมาตรการในการส่งเสริมการปลูกกาแฟและยาสูบในพื้นที่ทางภาคเหนือเพื่อทดแทนการนำเข้า รวมทั้งคิดค้นและพัฒนาสายพันธุ์เมล็ดกาแฟและยาสูบของไทยให้สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ ๒.๑๐ ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายในการส่งเสริมการรวมกลุ่มเกษตรกรที่เพาะปลูกพืชชนิดเดียวกันเพื่อจัดตั้งเป็นสหกรณ์ เช่น เกษตรกรผู้ปลูกปาล์ม ชาวสวนยาง ชาวนา เพื่อให้เกิดความสะดวกในการกำหนดมาตรการการช่วยเหลือของรัฐให้สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเกษตรกร นั้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดการจัดตั้งและขึ้นทะเบียนบัญชีกลุ่ม/สหกรณ์ให้แล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน ทั้งนี้ การรวมกลุ่มเกษตรกรแต่ละประเภทควรมีความเป็นเอกภาพและไม่มีหลายกลุ่มในพืชชนิดเดียวกัน ๒.๑๑ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา พิจารณาหาแนวทางแก้ไขปัญหาการถือครองที่ดิน ส.ป.ก. และกระบวนการดำเนินการกับกลุ่มที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย หรือกลุ่มที่ถูกหลอกลวง การนำที่ดินกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งพิจารณาบทบัญญัติกฎหมายที่ใช้บังคับในปัจจุบันว่ามีอุปสรรคหรือครอบคลุมการแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้หรือไม่ประการใด แล้วรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงมหาดไทยเร่งดำเนินการปลูกป่าทดแทนในพื้นที่ป่าซึ่งได้ความเสียหายเนื่องจากการบุกรุกพื้นที่และดำเนินการให้เกิดป่าชุมชนเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงได้รับประโยชน์จากป่าและมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาป่าเหล่านั้นให้คงอยู่และสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืน รวมทั้งให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งจัดหาที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกรที่ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเองหรือมีที่ดินไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ และส่งเสริมให้เกษตรกรเพาะปลูกตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ เกี่ยวกับป่า ๓ อย่าง ประโยชน์ ๔ อย่าง คือ ปลูกไม้ใช้สอย ไม้กินได้ ไม้เศรษฐกิจ โดยได้รับประโยชน์จากป่าไม้ทั้งสามประเภท รวมทั้งประโยชน์ในการช่วยอนุรักษ์ดินและน้ำด้วย ๒.๑๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาหาแนวทางการสนับสนุนปัจจัยการผลิตทางการเกษตรเพื่อเป็นการช่วยลดต้นทุนให้แก่เกษตรกร โดยเน้นการซ่อมบำรุงอุปกรณ์ เครื่องจักร และเครื่องมือทำการเกษตร และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พัฒนาปรับปรุงพันธุ์พืชและสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ให้เกษตรกรนำไปเพาะปลูก รวมทั้งให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม พิจารณาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรและประชาชนผู้มีรายได้น้อย โดยพิจารณาความเป็นไปได้ในการออกบัตรอเนกประสงค์ (smart card) สำหรับการโดยสารระบบขนส่งสาธารณะและซื้อปัจจัยการผลิต เช่น ปุ๋ย เมล็ดพันธุ์ เป็นต้น ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำติดตามสถานการณ์ภัยแล้งอย่างใกล้ชิด และให้พิจารณากำหนดมาตรการเพิ่มเติมเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน เช่น การขุดบ่อน้ำบาดาล การดูแลรักษาแหล่งน้ำตามธรรมชาติ หรือกำหนดเส้นทางส่งน้ำจากแหล่งน้ำตามธรรมชาติ เพื่อให้สามารถเก็บกักน้ำได้มากขึ้น ๓.๒ ให้ทุกกระทรวงมอบหมายให้ทีมโฆษกของกระทรวงมีหน้าที่กลั่นกรองข่าวสารจากสื่อต่าง ๆ เช่น หนังสือพิมพ์รายวัน เมื่อตรวจสอบพบว่าข้อมูลที่สื่อรายงานมีความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง ให้จัดทำเอกสารชี้แจงเพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องโดยทันที รวมทั้งให้จัดทำเอกสารข่าวกระทรวงเพื่อแจกสื่อให้รับทราบถึงผลการดำเนินงานในเรื่องต่าง ๆ ตามนโยบายรัฐบาลของกระทรวงนั้น ๆ โดยใช้ภาษาที่เข้าใจได้ง่ายเพื่อสร้างการรับรู้ต่อสาธารณชนได้อย่างชัดเจน
|
||||||||||||||||||||||||
24930 | รายงานผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย - กัมพูชา ครั้งที่ 10 | กห | 18/02/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงกลาโหมรายงานผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ ๑๐ เมื่อวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งมีพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรไทยร่วมกับพลเอก เตียบันห์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา เป็นประธานร่วม เพื่อรายงานความก้าวหน้าของความร่วมมือระหว่างกองทัพไทยและกองทัพกัมพูชา รวมทั้งเพื่อพิจารณาประเด็นหารือ ๒ ด้าน รวม ๑๗ ประเด็น ดังนี้
๑. ด้านความความมั่นคงและการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ชายแดน มีประเด็นสำคัญ ๘ ด้าน ได้แก่ จุดผ่านแดนและการสัญจรข้ามแดน ความร่วมมือด้านแรงงาน ความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ายาเสพติด ความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามการก่ออาชญากรรมอื่น ๆ ในพื้นที่ชายแดน ความร่วมมือด้านการต่อต้านการก่อการร้าย ความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด การส่งเสริมความปลอดภัยทางทะเล และการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานด้านความมั่นคงของไทยกับหน่วยทหารและตำรวจของกัมพูชาในพื้นที่ชายแดน ๒. ความร่วมมือด้านอื่น ๆ มีประเด็นสำคัญ ๙ ด้าน ได้แก่ ความร่วมมือด้านการค้าบริเวณชายแดน ความร่วมมือด้านการเกษตร ความร่วมมือด้านสาธารณสุข ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ความร่วมมือด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม ความร่วมมือด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต การศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ความร่วมมือด้านการบรรเทาสาธารณภัย ความร่วมมือแก้ไขปัญหาที่อาจเป็นข้อขัดแย้งซึ่งส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ ไทย-กัมพูชา (ระหว่างการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน ยังไม่แล้วเสร็จ) และประเด็นอื่น ๆ
|
||||||||||||||||||||||||
24931 | การเปิดตลาดสินค้าเกษตรตามข้อผูกพันองค์การการค้าโลก (WTO) | กษ | 18/02/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการเปิดตลาดนำเข้าหอมหัวใหญ่และเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ สำหรับปี ๒๕๕๘-๒๕๖๐ โดยหอมหัวใหญ่ให้ชุมนุมสหกรณ์ผู้ปลูกหอมหัวใหญ่แห่งประเทศไทย จำกัด เป็นผู้บริหารการนำเข้า และสำหรับเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ ให้ชุมนุมสหกรณ์ผู้ปลูกหอมหัวใหญ่แห่งประเทศไทย จำกัด เป็นผู้นำเข้าแต่เพียงผู้เดียว โดยการดำเนินการทั้งสองสินค้าให้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะอนุกรรมการจัดการการผลิตและการตลาดกระเทียม หอมแดง หอมหัวใหญ่ และมันฝรั่ง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประธานกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้ ให้ชุมนุมสหกรณ์ผู้ปลูกหอมหัวใหญ่แห่งประเทศไทย จำกัด รับซื้อผลผลิตหอมหัวใหญ่ทั้งหมดจากเกษตรกรในราคาตลาด และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ส่งเสริมและพัฒนาปรับปรุงเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ให้ตรงกับความต้องการใช้ในประเทศเพื่อให้สามารถแข่งขันกับสินค้าหอมหัวใหญ่ที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ และเพื่อเป็นการนำเข้าหอมหัวใหญ่ในอนาคต รวมทั้งให้กำหนดมาตรการรองรับการนำเข้าหอมหัวใหญ่ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าเกษตรภายในประเทศด้วย ๑.๒ เห็นชอบการเปิดตลาดหัวพันธุ์มันฝรั่งและหัวมันฝรั่งสดเพื่อแปรรูป สำหรับปี ๒๕๕๘-๒๕๖๐ โดยจัดสรรให้นิติบุคคลภายใต้เงื่อนไขที่คณะอนุกรรมการจัดการการผลิตและการตลาดกระเทียม หอมแดง หอมหัวใหญ่ และมันฝรั่ง กำหนด โดยผู้นำเข้าต้องทำสัญญารับซื้อผลผลิตมันฝรั่งสดทั้งหมดจากเกษตรกรในราคาตลาด โดยขั้นต่ำราคาในฤดูแล้งกิโลกรัมละ ๑๐.๔๐ บาท และฤดูฝนกิโลกรัมละ ๑๔ บาท ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประธานกรรมการนโยบายและพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้ ให้งดเว้นการนำเข้าในช่วงที่ผลผลิตของเกษตรกรออกสู่ตลาด และก่อนสิ้นสุดการนำเข้าในปีแรก ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประเมินผลการดำเนินงาน ราคานำเข้า ราคาตลาด เพื่อกำหนดราคาในปีต่อไปที่เป็นธรรมต่อผู้ผลิต รวมทั้งกำหนดมาตรการรองรับการนำเข้าหัวมันฝรั่งสดที่อาจจะส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าเกษตรภายในประเทศ เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีก่อนดำเนินการเปิดตลาดในปีต่อไป และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ส่งเสริมการปลูกมันฝรั่งพันธุ์โรงงานในประเทศโดยพัฒนาปรับปรุงพันธุ์ให้ตรงกับความต้องการใช้ในประเทศที่เพิ่มมากขึ้น สามารถแข่งขันกับสินค้าหัวมันฝรั่งสดเพื่อแปรรูปที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ และเพื่อเป็นการลดการนำเข้าหัวมันฝรั่งสดเพื่อแปรรูปในอนาคต ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับเรื่องร้องเรียนของสหกรณ์ผู้ปลูกหอมหัวใหญ่ฝาง จำกัด ไปพิจารณาดำเนินการรวมทั้งชี้แจงทำความเข้าใจกับกลุ่มผู้ร้องเรียนให้ชัดเจนก่อนที่จะอนุมัติโควตา ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับข้อสังเกตของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการเปิดตลาดนำเข้าสินค้าเกษตรต้องเป็นการดำเนินการที่สอดคล้องตามหลัก ๓ ประการคือ (๑) การป้องกันการขาดแคลนสินค้าในประเทศ (๒) การส่งเสริมการเพาะปลูกในประเทศให้เพียงพอและสอดคล้องกับความต้องการของตลาดในประเทศ และ (๓) การป้องกันการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรจากต่างประเทศ และความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพิจารณาขยายปริมาณโควตาการนำเข้าหัวมันฝรั่งสดเพื่อแปรรูป ควรพิจารณาผลกระทบต่อนโยบายของรัฐบาลที่ส่งเสริมการปลูกมันฝรั่งพันธุ์โรงงานและการปลูกพืชอื่นที่ไม่เหมาะสม เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบทั้งต่อเกษตรกรและโรงงานแปรรูป และหากสินค้าที่ไทยไม่สามารถผลิตได้ภายในประเทศ แต่มีความต้องการในประเทศ อาจพิจารณายกเลิกการจำกัดโควตา เช่น สินค้าเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ เพื่อให้มีการนำเข้าได้อย่างเสรีด้วยอัตราภาษีที่ต่ำ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร นอกจากนี้ ควรมีการติดตามผลการดำเนินงานอย่างใกล้ชิดเพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันสถานการณ์ และควรเร่งรัดการวิจัยและพัฒนาพันธุ์และเพิ่มการผลิตเมล็ดพันธุ์อย่างต่อเนื่อง ไปดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
24932 | ขออนุมัติเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทยเพื่อใช้เป็นสถานที่ก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานคดีเยาวชนและครอบครัว | อส | 18/02/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้สำนักงานอัยการสูงสุดรับเรื่อง ขออนุมัติเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทยเพื่อใช้เป็นสถานที่ก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานคดีเยาวชนและครอบครัว ไปหารือกับการรถไฟแห่งประเทศไทย และสำนักงบประมาณเพื่อพิจารณาทบทวนอัตราการเช่าที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยในกรณีนี้ให้เหมาะสมและไม่เป็นภาระงบประมาณในระยะยาว แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||
24933 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนหาดเสี้ยว จังหวัดสุโขทัย พ.ศ. .... | มท | 18/02/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนหาดเสี้ยว จังหวัดสุโขทัย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการให้ใช้บังคับใช้ผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลป่างิ้ว ตำบลหาดเสี้ยว และตำบลหนองอ้อ อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
24934 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวม จังหวัดกระบี่ พ.ศ. .... | มท | 18/02/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวม จังหวัดกระบี่ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่จังหวัดกระบี่ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
24935 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตท่าเรือพาณิชย์เชียงแสนและอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับใบอนุญาตที่ต้องออกเป็นหนังสือในเขตท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน พ.ศ. .... | คค | 18/02/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตท่าเรือพาณิชย์เชียงแสนและอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับใบอนุญาตที่ต้องออกเป็นหนังสือในเขตท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตท่าเรือพาณิชย์เชียงแสนและอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับใบอนุญาตที่ต้องออกเป็นหนังสือในเขตท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและความสะดวกแก่การควบคุมดูแล จัดระเบียบการจราจรและระบบการขนส่งทางน้ำ ตลอดจนการควบคุมมลภาวะทางน้ำและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
24936 | ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ศุลกากรตามแนวชายแดนรับชำระภาษี และออกใบเสร็จรับเงินค่าภาษีอากรปากระวาง การนำไม้ ไม้แปรรูป หรือสิ่งประดิษฐ์ เครื่องใช้ หรือสิ่งอื่นใดที่ทำด้วยไม้ เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ถูกต้อง และไม่ตรงตามประเภทของสินค้าไม้ | ปช | 18/02/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบข้อเสนอของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติที่เสนอแนวทางแก้ไขและข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ศุลกากรตามแนวชายแดนรับชำระภาษี และออกใบเสร็จรับเงินค่าภาษีอากรปากระวาง การนำไม้ ไม้แปรรูป หรือสิ่งประดิษฐ์ เครื่องใช้ หรือสิ่งอื่นใดที่ทำด้วยไม้ เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ถูกต้องและไม่ตรงตามประเภทของสินค้าไม้ เพื่อพิจารณาสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามนัยมาตรา ๑๙ (๑๑) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ความโปร่งใสในการดำเนินการ (๑) ให้การพิจารณาประเมินภาษีอากรปากระวางกระทำในรูปของคณะทำงานเพื่อความโปร่งใสในการดำเนินการ โดยคณะทำงานประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ศุลกากร ผู้แทนหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องที่สามารถประสานงานให้เข้าร่วมการพิจารณาประเมินภาษีอากรปากระวางได้ทันท่วงที ตัวแทนชุมชน และตัวแทนภาคเอกชน (๒) ให้เจ้าหน้าที่บันทึกภาพเป็นหลักฐานสำหรับประกอบดุลพินิจในการกำหนดอัตราภาษีเพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ใช้ดุลพินิจที่ขัดต่อพยานหลักฐาน ซึ่งจะเป็นการป้องกันการทุจริตได้อีกทางหนึ่ง และ (๓) ให้มีการกำหนดหลักเกณฑ์ในการพิจารณาประมาณการราคาที่ชัดเจนในลักษณะของคู่มือในการปฏิบัติงาน ๑.๒ กระบวนการกรมศุลกากรควรกำหนดให้มีระเบียบหลักเกณฑ์เรื่องการสับเปลี่ยนหมุนเวียนเจ้าหน้าที่ศุลกากรในเวลาที่เหมาะสม โดยให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนดำรงตำแหน่งอยู่ในพื้นที่เดิมเป็นระยะเวลาไม่เกิน ๔ ปี ๑.๓ ในการนำไม้เข้ามาในราชอาณาจักร นอกจากกฎหมายของกรมศุลกากรแล้ว อาจมีการใช้กฎหมายอื่น เช่น กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับป่าไม้ ในการพิจารณาเกี่ยวกับการนำเข้าด้วย ๑.๔ ให้มีการติดตาม ประเมินผล ตลอดจนติดตามการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เพื่อปรับใช้มาตรการให้ทันต่อเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ๑.๕ หากการดำเนินการตามข้อเสนอแนะในเรื่องนี้ปรากฏผลสำเร็จในการป้องกันหรือปราบปรามการทุจริต ก็ให้นำข้อเสนอแนะดังกล่าวข้างต้นไปปรับใช้กับการรับชำระภาษี และออกใบเสร็จรับเงินค่าภาษีอากรสำหรับสินค้าประเภทอื่น ๆ ตามที่เห็นสมควรด้วย ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อประชุมหารือกำหนดวิธีการและแนวทางในการปฏิบัติ เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๑/๒๕๕๘ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการตามองค์ประกอบคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ และให้กระทรวงการคลังจัดทำรายงานผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวมเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เมื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาและมีมติแล้วสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะได้แจ้งผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ป.ป.ช. ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
24937 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมและกำกับธุรกิจโรงแรม (จำนวน 5 คน 1. นายเรืองนาม ใจกว้าง ฯลฯ) | มท | 18/02/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมและกำกับธุรกิจโรงแรม จำนวน ๕ คน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายเรืองนาม ใจกว้าง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิโรงแรม ประเภท ๑ ๒. นายสิทธิพร หาญญานันท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิโรงแรม ประเภท ๒ ๓. นายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิโรงแรม ประเภท ๓ ๔. นายนพดล คูเกษมรัตน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิโรงแรม ประเภท ๔ ๕. นายนิรวัชช์ ปุณณกันต์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านโรงแรม
|
||||||||||||||||||||||||
24938 | การดำเนินงานสนับสนุนงานด้านความมั่นคงของภาครัฐ (การลงทะเบียนการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบเติมเงิน และการลงทะเบียนการใช้บริการอินเทอร์เน็ตแบบ Free WiFi) | กสทช | 18/02/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการลงทะเบียนการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบเติมเงินและการลงทะเบียนการใช้บริการอินเทอร์เน็ตแบบ Free WiFi ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) เสนอ โดยไม่จำเป็นต้องกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ และให้ดำเนินการ ดังนี้
๑. ให้ประชาชนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบเติมเงินทุกคนที่ยังไม่ได้ลงทะเบียน ให้ลงทะเบียนให้เสร็จสิ้นภายใน ๖ เดือน นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘) และให้สำนักงาน กสทช. ติดตามและประเมินผล หากไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด ให้สำนักงาน กสทช. เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณากำหนดมาตรการบังคับทางกฎหมายที่เหมาะสมต่อไป ๒. ให้ประชาชนลงทะเบียนแสดงตัวตนในการใช้งานอินเทอร์เน็ตแบบ Free WiFi และให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต รวมทั้งผู้จัดให้มีบริการอินเทอร์เน็ตแบบ Free WiFi สนับสนุนการลงทะเบียนผู้ใช้บริการดังกล่าว ทั้งนี้ ให้สำนักงาน กสทช. เป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบในการดำเนินงานและให้ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ ให้การสนับสนุน รวมทั้งขอความร่วมมือภาคเอกชนตามที่สำนักงาน กสทช. ร้องขอ โดยการดำเนินงานในส่วนของสำนักงาน กสทช. นั้น ให้ดำเนินการภายใต้กรอบงบประมาณของสำนักงาน กสทช. ๓. ให้สำนักงาน กสทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่เห็นควรมีมาตรการในการบริหารจัดการสำหรับการลงทะเบียนการใช้บริการ Free WiFi เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผู้ใช้งานกรอกรายละเอียดที่เป็นความจริง เป็นตัวตนที่แท้จริง และควรมีกลไก แนวปฏิบัติ และการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนยกเลิกการลงทะเบียนทันทีทุกครั้งเมื่อเลิกใช้ซิม ทิ้งซิม หรือซิมถูกขโมย รวมทั้งหามาตรการสำหรับบริหารจัดการหรือป้องกันในกรณีที่เจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการอาจใช้โทรศัพท์มือถือแอบเรียกใช้โปรแกรมอื่นเพื่อถ่ายรูปบัตรประชาชนของผู้ใช้งานและจัดเก็บไว้เพื่อไปดำเนินกิจกรรมที่มิชอบ นอกจากนี้ ควรกำหนดหน่วยงานที่มีหน้าที่เป็นผู้เก็บรักษาหรือมีสิทธิเข้าถึงฐานข้อมูลทะเบียนดังกล่าว ตลอดจนพิจารณารูปแบบแนวทางการลงทะเบียนในแต่ละพื้นที่ให้เหมาะสมโดยเฉพาะพื้นที่ชนบทห่างไกล และควรเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญและร่วมมือในการลงทะเบียนดังกล่าว รวมทั้งพิจารณารูปแบบแนวทางการลงทะเบียนในแต่ละพื้นที่ให้เหมาะสมโดยเฉพาะพื้นที่ชนบทห่างไกล ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
24939 | ขออนุมัติเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย ของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม | วธ | 18/02/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณกรณีเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย บริเวณแนวทางรถไฟสายบางซื่อ-คลองตัน เป็นระยะเวลา ๓ ปี ตั้งแต่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖-๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ อัตราค่าเช่าที่ดินปีละ ๖,๗๕๓,๕๔๐ บาท วงเงินทั้งสิ้นจำนวน ๒๐,๒๖๐,๖๒๐ บาท โดยค่าเช่าในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๘ กรมส่งเสริมวัฒนธรรมได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๘ ไว้แล้ว จำนวน ๑๑,๑๑๔,๘๐๐ บาท ส่วนที่ขาดอีก จำนวน ๒,๓๙๒,๒๘๐ บาท ให้กรมส่งเสริมวัฒนธรรมปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ มาดำเนินการ สำหรับค่าเช่าในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๖,๗๕๓,๕๔๐ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ในส่วนการทำบันทึกต่อท้ายสัญญาเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย มีกำหนดระยะเวลา ๓ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖-๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ นั้น ให้กรมส่งเสริมวัฒนธรรมดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง |
||||||||||||||||||||||||
24940 | สรุปรายงานการประเมินผลองค์การมหาชนที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติเฉพาะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 - 2556 | นร12 | 18/02/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปรายงานการประเมินผลองค์การมหาชนที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติเฉพาะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๖ โดยการประเมินผลองค์การมหาชนฯ จำนวน ๑๔ หน่วยงาน ซึ่งจำแนกเป็น ๒ กลุ่ม คือ องค์การมหาชนฯ ที่อยู่ในระบบการประเมินทุนหมุนเวียนของกรมบัญชีกลาง จำนวน ๘ แห่ง และองค์การมหาชนฯ ที่มีระบบการประเมินผลตนเอง จำนวน ๖ แห่ง มีผลงานบรรลุผลสัมฤทธิ์ตามวัตถุประสงค์การจัดตั้งและพันธกิจที่ได้รับมอบหมาย โดยองค์การมหาชนฯ ส่วนใหญ่มีผลการประเมินสูงกว่าเป้าหมาย (คะแนนมากกว่า ๓.๐๐๐๐ คะแนนขึ้นไป) จากคะแนนเต็ม ๕.๐๐๐๐ คะแนน โดยคะแนนเฉลี่ยผลการประเมินปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ คือ ๔.๑๙๙๑ คะแนน ซึ่งองค์การมหาชนฯ ที่มีผลคะแนนรวมสูงสุด คือ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ ๔.๗๒๐๐ คะแนน และคะแนนเฉลี่ยผลการประเมินปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ คือ ๔.๑๐๙๒ คะแนน ซึ่งองค์การมหาชนฯ ที่มีผลคะแนนรวมสูงสุด คือ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ได้ ๔.๘๕๐๘ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ
|
.....