ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1063 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 21241 - 21260 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
21241 | มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ Micro Entrepreneurs ระยะที่ 2 ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม | กค | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ Micro Entrepreneurs ระยะที่ ๒ ตามที่บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เสนอ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการช่วยเหลือผู้ประกอบการ Micro Entrepreneurs ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากระบบสถาบันการเงินได้มากขึ้น และช่วยลดปัญหาการกู้เงินนอกระบบของผู้ประกอบการ Micro Entrepreneurs และปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเพื่อขอใช้งบประมาณคงเหลือจากโครงการ PGS New/Start-up ที่ได้รับอนุมัติไว้แล้วตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๕ และโครงการ PGS OTOP ที่ได้รับอนุมัติไว้แล้วตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. สำหรับเรื่องงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่ให้ บสย. ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง โดยในส่วนของการชดเชยค่าประกันชดเชยรายปี ให้ บสย. ใช้เงินรายได้จากค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อของโครงการก่อน หากไม่เพียงพอจึงขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้มีการทบทวนแหล่งที่มาของเงินงบประมาณในการดำเนินโครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ Micro Entrepreneurs ระยะที่ ๒ และการดำเนินโครงการต่าง ๆ ในระยะต่อไป ให้ บสย. ทบทวนเงื่อนไขและวัตถุประสงค์ของโครงการไม่ให้มีความซ้ำซ้อนกันและสอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายเพื่อให้สามารถขับเคลื่อนโครงการให้ประสบความสำเร็จ รวมทั้งบริหารจัดการภาระค้ำประกันที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Guarantee : NPGs) ในโครงการที่ได้รับอนุมัติแล้ว ไม่ให้เร่งตัวขึ้นจนกลายเป็นภาระของรัฐบาล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
21242 | การพัฒนาบุคลากรในภาครัฐเพื่อรองรับการปฏิรูปประเทศ (โครงการอบรมหลักสูตร "นักบริหารยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสูง") (นยปส.) | ปช | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติว่า เนื่องจากในปัจจุบันเป็นช่วงเตรียมการเข้าสู่การปฏิรูปประเทศและมีความจำเป็นที่จะต้องมีการพัฒนาบุคลากรภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จึงขอให้หน่วยงานของรัฐที่จัดหลักสูตรการฝึกอบรมต่าง ๆ โดยใช้งบประมาณของทางราชการ ชะลอการรับภาคเอกชนและข้าราชการที่เกษียณอายุไว้ก่อน ทั้งนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้ข้าราชการได้เข้ารับการอบรมและพัฒนาตนเองอย่างเต็มที่เพื่อรองรับการปฏิรูปให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
21243 | มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดทำบัญชีของ SMEs [ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | กค | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดทำบัญชีของ SMEs สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๙ แต่ไม่เกินวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ และอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีทรัพย์สินถาวรไม่รวมที่ดินไม่เกินสองร้อยล้านบาท และมีการจ้างแรงงานไม่เกินสองร้อยคน สำหรับเงินได้ที่ได้จ่ายไปเป็นค่าจ้างนักเรียนหรือนักศึกษาที่อยู่ระหว่างการศึกษาแผนกวิชาบัญชี สามารถหักรายจ่ายได้สองเท่าของที่จ่ายจริง สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๙ แต่ไม่เกินวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการจ้างงานให้เหมาะสมและสอดคล้องกับนักศึกษากลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งประโยชน์ที่ SMEs และทางราชการจะได้รับเป็นสำคัญ การเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียน นักศึกษาในการพัฒนาความรู้ ความสามารถให้ได้ตามมาตรฐานวิชาชีพบัญชี เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการในการจ้างงาน รวมทั้งการเร่งประชาสัมพันธ์ให้สถาบันการศึกษาต่าง ๆ และผู้ประกอบการภาคเอกชนให้รับรู้และเข้าใจในมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดทำบัญชีของ SMEs เพื่อให้การดำเนินการตามมาตรการบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
21244 | การบริจาคเงินอุดหนุนแก่ฝ่ายเลขานุการของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล | กต | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้ไทยบริจาคเงินอุดหนุนแก่ฝ่ายเลขานุการของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ปีละ ๑๐,๐๐๐ ฟรังก์สวิส (๓๖๔,๕๖๘ บาท) เป็นระยะเวลา ๔ ปี นับแต่ปีงบประมาณ ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถใช้จ่ายจากงบเงินอุดหนุน รายการเงินอุดหนุนองค์การระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิก ซึ่งได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้ว จำนวน ๔๔๔,๕๖๗,๒๐๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
21245 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง มาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในทาง และการควบคุมสถานบริการหรือสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ | ยธ | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง มาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในทาง และการควบคุมสถานบริการหรือสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ) โดยการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว ส่วนใหญ่สามารถดำเนินการจนบรรลุผล แต่ยังคงมีปัญหาและอุปสรรคบางประการ ได้แก่ (๑) ยังมิได้มีการจัดทำรูปแผนที่สำหรับสถานศึกษาระดับประถมศึกษาและระดับอนุบาลเนื่องจากระยะเวลาไม่เพียงพอ (๒) การพิจารณาทบทวนเขต Zoning ตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ ยังต้องใช้เวลาในการดำเนินการเพิ่มเติม และยังมีข้อควรพิจารณาเสนอเป็นพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้ และ (๓) การสำรวจข้อมูลของเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาเป็นกระบวนการที่ต้องใช้ข้อมูลจากหลายฝ่าย และต้องใช้เวลาในการดำเนินการ รวมทั้งต้องดำเนินการอย่างรอบคอบเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง ๑.๒ อนุมัติให้ขยายระยะเวลาการจัดทำรูปแผนที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับระดับประถมศึกษาออกไปอีก ๑๘๐ วัน และให้ชะลอการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับระดับอนุบาลเพื่อประเมินการดำเนินการในภาพรวม ๑.๓ อนุมัติให้ขยายระยะเวลาการพิจารณาทบทวนเขตสถานบริการ (Zoning) ตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการออกไปอีก ๑๘๐ วัน ๒. ในส่วนของการกำหนดแนวเขตบริเวณใกล้เคียงสถานศึกษา นั้น คณะรัฐมนตรีได้เคยอนุมัติในหลักการไว้แล้ว ดังนั้น เมื่อกระทรวงยุติธรรมดำเนินการแล้วเสร็จและหากจะนำไปประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมพิจารณาในการดำเนินการตามมาตรการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
21246 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - ออสเตรเลีย | คค | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-ออสเตรเลีย และร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของไทยและออสเตรเลีย โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงเกี่ยวกับความจุความถี่และสิทธิรับขนการจราจร สิทธิความจุเที่ยวบินเฉพาะสินค้า สิทธิรับขนการจราจรพักค้างของตนเอง และการใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกัน รวมทั้งเพิ่มเรื่องการเช่าอากาศยาน และการเปลี่ยนแบบอากาศยาน ส่วนร่างหนังสือแลกเปลี่ยน ฯ มีสาระสำคัญเพื่อยืนยันผลการหารือบันทึกความเข้าใจฯ ๒. มอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของบันทึกความเข้าใจดังกล่าวต่อไป โดยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับถ้อยคำตามความเหมาะสมที่ไม่กระทบกับสาระสำคัญ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
21247 | ขอสนับสนุนงบกลางเพื่อดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาอาชีพเกษตรกรตามความต้องการของชุมชนเพื่อบรรเทาภัยแล้งปี 2558/59 ระยะที่ 2 ครั้งที่ 2 | กษ | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒,๙๖๗.๔๑ ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาอาชีพเกษตรกรตามความต้องการของชุมชนเพื่อบรรเทาภัยแล้ง ปี ๒๕๕๘/๕๙ ระยะที่ ๒ ครั้งที่ ๒ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรตรวจสอบกิจกรรม พื้นที่ดำเนินการ เกษตรกรและศักยภาพของเกษตรกร การจัดการด้านการผลิตที่เชื่อมโยงกับทางด้านการตลาด โดยใช้แนวทางการทำงานแบบประชารัฐมาบริหารจัดการ เพื่อให้เกิดความมั่นใจในผลสัมฤทธิ์จากการดำเนินการที่จะสามารถบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรได้ รวมทั้งติดตามการดำเนินงานอย่างใกล้ชิดเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์และสามารถดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จทันภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนด และรายงานผลการดำเนินงานให้คณะกรรมการอำนวยการบูรณาการแก้ไขปัญหาวิกฤตภัยแล้งปี ๒๕๕๘/๕๙ และคณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการฯ จัดทำรายละเอียด แผนการดำเนินโครงการฯ เป้าหมาย และผลสัมฤทธิ์ให้มีความชัดเจนเป็นรูปธรรม สอดคล้องกับความต้องการของชุมชนตามแนวทางประชารัฐ รวมทั้งให้ตรวจสอบและกลั่นกรองโครงการฯ ไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกับโครงการตามมาตรการอื่น ๆ ที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไปแล้ว ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ (เรื่อง ขอสนับสนุนงบกลาง เพื่อดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาอาชีพเกษตรกรตามความต้องการของชุมชนเพื่อบรรเทาภัยแล้ง ปี ๒๕๕๘/๕๙ ระยะที่ ๒ ครั้งที่ ๑) รวมทั้งให้ดำเนินการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เป็นไปอย่างโปร่งใส และตรวจสอบได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
21248 | มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาภัยแล้งและมาตรการเพิ่มขีดความสามารถภาคการเกษตร | กค | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการดำเนินโครงการสินเชื่อของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้แก่ โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉินและจำเป็นของเกษตรกรที่ประสบภัยแล้งปี ๒๕๕๘/๒๕๕๙ และโครงการสินเชื่อ ๑ ตำบล ๑ SME เกษตร เพื่อสร้างความยั่งยืนของภาคเกษตรไทย โดยในส่วนของโครงการสินเชื่อ ๑ ตำบล ๑ SME เกษตรฯ นั้น ธ.ก.ส. ควรมีแผนในการสนับสนุน SME เกษตร ที่เข้าร่วมโครงการฯ ที่นอกเหนือจากการปล่อยสินเชื่อ โดยเฉพาะการให้ความรู้ที่จำเป็นและการเป็นพี่เลี้ยงในการดำเนินกิจการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ๒. อนุมัติงบประมาณภายในกรอบวงเงิน ๕๒๕ ล้านบาท เพื่อชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๓.๕ ให้แก่ ธ.ก.ส. ในการดำเนินโครงการชุมชนปรับเปลี่ยนการผลิตสู้วิกฤตภัยแล้ง โดยเริ่มตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติจนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ รวมทั้งให้โครงการฯ ดังกล่าวเป็นโครงการแยกบัญชีธุรกรรมนโยบายรัฐ (Public Service Account : PSA) ด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการตรวจสอบความซ้ำซ้อนของโครงการภายใต้มาตรการดังกล่าวกับมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้งที่ได้ดำเนินการอยู่แล้วเพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง การกำหนดชนิดพืชปลูกให้เหมาะสมกับสภาพทางกายภาพของพื้นที่เป้าหมายในการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) เพื่อให้เกษตรกรได้ปรับเปลี่ยนชนิดพืชปลูกให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรในอนาคตอย่างเป็นระบบและยั่งยืน การช่วยเหลือเกษตรกรจะต้องครอบคลุมถึงเกษตรกรที่เป็นสมาชิกของสหกรณ์การเกษตรที่ไม่ได้เป็นลูกค้าของ ธ.ก.ส. ด้วย เพื่อให้การช่วยเหลือเกษตรกรเป็นไปอย่างทั่วถึง รวมทั้งการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการฯ ตลอดจนกระบวนการในการพิจารณากลั่นกรอง/อนุมัติสินเชื่อในรายละเอียดให้มีความชัดเจน โดยคำนึงถึงศักยภาพและความพร้อมของเกษตรกร ชุมชนหรือกลุ่มที่จะขอสินเชื่อ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
21249 | ความตกลงองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียนบวกสาม และข้อเสนอของประเทศไทยในการขอจัดตั้งสำนักเลขานุการองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉิน ของอาเซียนบวกสามในประเทศไทย ประกอบกับมติที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านเกษตรและป่าไม้กับรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 12 | กษ | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้นำเรื่องความตกลงองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียนบวกสามและข้อเสนอของประเทศไทยในการขอจัดตั้งสำนักงานเลขานุการองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียนบวกสามในประเทศไทย ประกอบกับมติที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านเกษตรและป่าไม้กับรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ ๑๒ เสนอคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพร้อมกับร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสำนักเลขานุการองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียนบวกสาม พ.ศ. .... ต่อไป ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งรัดการตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสำนักเลขานุการองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียนบวกสาม พ.ศ. .... เพื่อจะได้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพร้อมกับความตกลงองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียนบวกสาม และข้อเสนอของประเทศไทยในการขอจัดตั้งสำนักเลขานุการองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียนบวกสามในประเทศไทย ประกอบกับมติที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านเกษตรและป่าไม้กับรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ ๑๒ ต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
21250 | แผนการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือน | นร | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รองประธานกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ ๕ (ด้านความมั่นคง ลดความเหลื่อมล้ำ การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเรื่องที่เป็นวาระเร่งด่วน และการแก้ไขปัญหาการดำเนินการตามพันธกรณีระหว่างประเทศ) เสนอ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ แผนการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือน จัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็นกรอบในการดำเนินการ ติดตาม และเผยแพร่สร้างความเข้าใจกับสาธารณชน รวมทั้งเพื่อใช้รายงานความก้าวหน้าต่อองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organisation : ICAO) องค์การกำกับดูแลความปลอดภัยด้านการบินแห่งสหภาพยุโรป (European Aviation Safety Agency : EASA) และองค์กร/หน่วยงานอื่น ๆ แบ่งเป็น ส่วนที่ ๑ การคัดสรรและบรรจุบุคลากร ส่วนที่ ๒ การพัฒนาคุณสมบัติผู้ตรวจสอบความปลอดภัยการบิน ส่วนที่ ๓ การตรวจสอบและประเมินเพื่อออกใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศใหม่ และส่วนที่ ๔ การดำเนินการออกใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศใหม่ ๑.๒ ความร่วมมือทางเทคนิคตามโครงการ “Civil Aviation Safety Oversight Improvement Project” กับประเทศญี่ปุ่น เป็นการสนับสนุนทางเทคนิค ระยะเวลาความร่วมมือ ๒ ปี ๕ เดือน เริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน ๒๕๕๙ ถึงเดือนกันยายน ๒๕๖๑ โดยประเทศญี่ปุ่นจะส่งผู้เชี่ยวชาญมาร่วมปรับปรุงระบบตรวจสอบความปลอดภัยด้านความสมควรเดินอากาศ (Improvement of Safety Audit System) ซึ่งเป็นการสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญระยะยาว [Long-term Expert (s)] และสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญระยะสั้น [Short-term Expert (s)] เพื่อปรับปรุงระบบรายงานความปลอดภัยภาคบังคับ (Improvement of Mandatory Safety Reporting System) ด้านการบำรุงรักษาอากาศยาน ๒. เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการใช้งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในวงเงิน ๒,๕๐๐,๐๐๐ ยูโร หรือไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้เมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการทำบันทึกความตกลงความร่วมมือเกี่ยวกับ Cooperation Framework Agreement on Aviation Safety กับองค์การกำกับดูแลความปลอดภัยด้านการบินแห่งสหภาพยุโรป (EASA) ไปจนถึงเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๙ โดยให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน และขอรับการจัดสรรงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในวงเงินที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบกรอบวงเงินแล้วโดยจัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่ายและแผนการใช้จ่ายเงินงบกลาง และขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
21251 | ร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจัดประเภทตำแหน่งและระดับตำแหน่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินประจำตำแหน่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | นร10 | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎ ก.พ. รวม ๒ ฉบับ ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจัดประเภทตำแหน่งและระดับตำแหน่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเป็นตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง ๒. ร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินประจำตำแหน่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินได้รับเงินประจำตำแหน่งในอัตรา ๑๔,๕๐๐ บาท และให้ตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินได้รับเงินประจำตำแหน่งในอัตรา ๒๑,๐๐๐ บาท |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
21252 | การดำเนินการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย [การเสนอรายชื่อบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (จำนวน 6 คน 1. นายสุวัฒน์ เทพอารักษ์ ฯลฯ)] | ปง | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบให้นำรายชื่อบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอชื่อเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน จำนวน ๖ คน ตามที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป ดังนี้ ๑.๑ นายสุวัฒน์ เทพอารักษ์ ๑.๒ รองศาสตราจารย์สังศิต พิริยะรังสรรค์ ๑.๓ ศาสตราจารย์อุดม รัฐอมฤต ๑.๔ ศาสตราจารย์ พลตำรวจตรี จักรพงษ์ วิวัฒน์วานิช ๑.๕ นายเฉลิมศักดิ์ จันทรทิม ๑.๖ นายสุทธิพล ทวีชัยการ ๒. เพื่อให้การดำเนินการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามที่กฎหมายบัญญัติเป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย ให้ทุกส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐดำเนินการให้เป็นไปตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัดด้วย เพื่อมิให้เกิดปัญหาการตีความและเพื่อให้การดำเนินการของคณะกรรมการเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
21253 | การบริหารจัดการแรงงานต่างด้าว ปี 2559 | รง | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบขั้นตอนการนำเข้าแรงงานเวียดนาม และเห็นชอบในหลักการการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าว ปี ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวหลังวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ การรายงานตัวเพื่อขออนุญาตทำงาน โดยบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชา ที่เคยทำงานอยู่ในประเทศไทยอย่างถูกกฎหมาย ๒ กลุ่ม [กลุ่มที่ถือบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย (บัตรชมพู) และกลุ่มที่มีเอกสารที่ประเทศต้นทางออกให้] กำหนดให้สิ้นสุดการทำงานในวันเดียว คือวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๑ ทั้งนี้ ไม่รวมแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชา ที่เข้ามาทำงานอย่างถูกกฎหมายซึ่งได้จดทะเบียนในช่วงเวลาที่ผ่านมาทั้ง ๒ ระยะ ๑.๒ การให้แรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชา ที่ได้รับการผ่อนผันให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อรอการส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักรในทุกประเภทกิจการทำงานได้ครั้งละไม่เกิน ๒ ปี และจะต่ออายุการทำงานอีกได้ครั้งละ ๒ ปี ไม่เกิน ๔ ครั้ง รวมแล้วไม่เกิน ๘ ปี โดยไม่ต้องเดินทางกลับประเทศต้นทาง ซึ่งการต่ออายุแต่ละครั้งให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กรมการจัดหางานกำหนด ๑.๓ การยกระดับสำนักบริหารแรงงานต่างด้าว กรมการจัดหางาน เป็นสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการบริหารจัดการแรงงาน ๑.๔ การกำหนดคำนิยามกิจการแปรรูปสัตว์น้ำเพิ่มเติม โดยกำหนดคำนิยามของการแปรรูปสัตว์น้ำให้รวมถึงการคัดแยกปลา และสัตว์น้ำอื่น ๆ ๑.๕ การออกกฎกระทรวงกำหนดรูปแบบใบอนุญาตทำงาน โดยให้กระทรวงแรงงานปรับปรุงกฎกระทรวงเพื่อกำหนดรูปแบบใบอนุญาตทำงานให้มีลักษณะและข้อความสอดคล้องตรงกับที่ระบุไว้ด้านหลังบัตรชมพู โดยให้มีผลย้อนหลังครอบคลุมในวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ความเห็นชอบการดำเนินการกับกลุ่มแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชา หลังวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ ซึ่งได้จัดทำทะเบียนประวัติ และขออนุญาตทำงานระหว่างวันที่ ๑ เมษายน-๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ๒. ยกเว้นกรณีการจัดตั้งหน่วยงานเพื่อบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวทั้งระบบ ให้กระทรวงแรงงานดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องก่อน รวมถึงให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวให้อยู่ภายใต้ระบบการนำเข้าภายใต้ข้อตกลง (MOU) เพื่อการบริหารจัดการอย่างเป็นเอกภาพโดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการ แล้วจึงนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๓. ในระยะต่อไปให้กระทรวงแรงงานพิจารณาแนวทางการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวทุกสัญชาติให้เป็นระบบและมีความเหมาะสมสอดคล้องกับความต้องการแรงงานต่างด้าวของประเทศ รวมทั้งให้พิจารณากำหนดให้แรงงานต่างด้าวที่ได้รับการผ่อนผันให้อยู่ในราชอาณาจักร และที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานทุกสัญชาติ (เช่น เมียนมา ลาว กัมพูชา เวียดนาม) มีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดพร้อมกันด้วย ๔. เนื่องจากรัฐบาลได้รับการร้องขอจากประเทศเพื่อนบ้านให้พิจารณาเปิดโอกาสให้แรงงานต่างด้าวที่ทำงานในประเทศไทยสามารถทำงานอื่นได้ ดังนั้น จึงให้กระทรวงแรงงานร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความเหมาะสมในการอนุญาตให้แรงงานต่างด้าวสามารถทำงานประเภทอื่นนอกเหนือจากที่ได้รับอนุญาตไว้แล้วได้ เช่น งานบริการ โดยไม่ให้เกิดผลกระทบกับแรงงานชาวไทย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
21254 | การขยายระยะเวลาการจัดทำรายละเอียดวงเงินและส่งคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | นร07 | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขยายระยะเวลาการจัดทำรายละเอียดวงเงินและส่งคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ มายังสำนักงบประมาณ ออกไปอีก ๒ สัปดาห์ จากเดิมวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เป็นวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๙ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒. ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นลดงบประมาณรายจ่ายประจำในส่วนของภารกิจพื้นฐาน (Function) เพื่อสนับสนุนการบูรณาการงบประมาณตามภารกิจยุทธศาสตร์ (Agenda)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
21255 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายบริหาร (นักบริหารสูง) (นางนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม) | นร04 | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
21256 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (กระทรวงการต่างประเทศ) (นางสาวพรรณพิมล สุวรรณพงศ์) | กต | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวพรรณพิมล สุวรรณพงศ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงธากา สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากประเทศผู้รับ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
21257 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา) (นางสาววรรณสิริ โมรากุล และนางธิดา จงก้องเกียรติ) | กก | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้
๑. นางสาววรรณสิริ โมรากุล ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการท่องเที่ยว ๒. นางธิดา จงก้องเกียรติ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
21258 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) (นายสัญชัย เกตุวรชัย) | กษ | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสัญชัย เกตุวรชัย ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
21259 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงศึกษาธิการ) (นายสมศักดิ์ ดลประสิทธิ์) | ศธ | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสมศักดิ์ ดลประสิทธิ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการสภาการศึกษา สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
21260 | การอนุมัติองค์ประกอบคณะกรรมการฝ่ายไทยในคณะกรรมการบริหารมูลนิธิการศึกษาไทย - อเมริกัน (ฟุลไบรท์) ประจำปี 2559 (จำนวน 7 ราย 1. นายมนัสพาสน์ ชูโต ฯลฯ) | กต | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบองค์ประกอบคณะกรรมการฝ่ายไทยในคณะกรรมการบริหารมูลนิธิการศึกษาไทย-อเมริกัน (ฟุลไบรท์) ประจำปี ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นายมนัสพาสน์ ชูโต ประธานกรรมการ อดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ๒. อธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ หรือผู้แทน กรรมการ ๓. อธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ หรือผู้แทน กรรมการ ๔. ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ กรรมการ และสังคมแห่งชาติ ๕. ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา กรรมการ ๖. ผู้แทนบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กรรมการ ๗. นายกสมาคมฟุลไบรท์ไทย กรรมการ
|
.....