ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1066 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 21301 - 21320 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
21301 | การต่ออายุบันทึกความเข้าใจระหว่างสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย | กต | 16/02/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการต่ออายุบันทึกความเข้าใจระหว่างสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (Memorandum of Understanding between the Association of Southeast Asian Nations and the Asian Development Bank) ที่หมดอายุลงในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ ให้มีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ โดยกระทำผ่านการแลกเปลี่ยนหนังสือระหว่างเลขาธิการอาเซียนและผู้อำนวยการฝ่ายเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย เพื่อให้โครงการความร่วมมือที่ยังคงดำเนินการอยู่ จำนวน ๕ โครงการ สามารถดำเนินการต่อไปได้จนเสร็จสิ้น ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับการดำเนินโครงการในอีก ๒ ปีข้างหน้า ควรดำเนินการให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goal : SDGs) และวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน (ASEAN Community Vision 2025) ที่ผู้นำให้การรับรองเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||
21302 | การดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการก่อการร้าย | กต | 16/02/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบและรับรองการดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่ ๒๒๔๙ (ค.ศ. ๒๐๑๕) ว่าด้วยการต่อต้านการก่อการร้าย มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการเรียกร้องให้รัฐสมาชิกที่มีขีดความสามารถดำเนินมาตรการที่จำเป็นให้เป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกฎบัตรสหประชาชาติ รวมถึงกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ และกฎหมายมนุษยธรรมและผู้ลี้ภัยระหว่างประเทศ ในการทวีความพยายามและการประสานงานมากขึ้นเพื่อป้องกันและปราบปรามการก่อการร้าย รวมทั้งการเรียกร้องให้รัฐสมาชิกทวีความพยายามที่จะสกัดกั้นการเดินทางของนักรบก่อการร้ายต่างชาติที่จะไปอิรักและซีเรีย และเพื่อป้องกันและปราบปรามการให้เงินทุนแก่การก่อการร้าย และเรียกร้องให้รัฐสมาชิกดำเนินการตามข้อมติที่เกี่ยวข้องกับการต่อต้านการก่อการร้ายดังกล่าวอย่างเต็มที่ ๒. มอบหมายให้ส่วนราชการผู้บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานอัยการสูงสุด ถือปฏิบัติ และแจ้งผลการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้กระทรวงการต่างประเทศทราบเพื่อประโยชน์ในการรายงานต่อสหประชาชาติต่อไป นอกจากนี้ หากพบข้อขัดข้องหรืออุปสรรคในการปฏิบัติตามข้อมติดังกล่าว ให้แจ้งกระทรวงการต่างประเทศทราบต่อไปด้วย |
|||||||||||||||
21303 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - รัสเซีย | คค | 16/02/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการของบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-รัสเซีย (Memorandum of Understanding) ฉบับลงนาม วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗ และร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของไทยและรัสเซีย มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการเพิ่มสิทธิความจุความถี่ ปรับปรุงใบพิกัดเส้นทางบินโดยเปลี่ยนแปลงจุดในไทยและรัสเซีย แก้ไขความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างไทย-รัสเซีย ให้ตรงกับฉบับภาษาอังกฤษ แก้ไขข้อกำหนดการใช้อากาศยานเช่ามาทำการบิน ส่วนประเด็นสิทธิรับขนการจราจรเสรีภาพที่ ๕ และข้อตกลงด้านความร่วมมือทางการตลาด ทั้ง ๒ ฝ่ายเห็นว่ายังมีประเด็นที่ละเอียดอ่อนที่ต้องศึกษาและพิจารณา ซึ่งตกลงว่าจะกลับมาหารืออีกครั้งในการเจรจาการบินครั้งต่อไป ๑.๒ มอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของบันทึกความเข้าใจดังกล่าวต่อไป โดยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับถ้อยคำตามความเหมาะสมที่ไม่กระทบกับสาระสำคัญ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดเสนอมาตรการปฏิรูปบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ต่อนายกรัฐมนตรีตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง การปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ) โดยเฉพาะมาตรการลดค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร การปรับปรุงระบบการดำเนินงาน รวมทั้งสิทธิประโยชน์ของผู้บริหารและพนักงานระดับสูงทั้งในอดีตและปัจจุบัน |
|||||||||||||||
21304 | การประสานงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี (ขอความเห็นชอบการจัดสวัสดิการเบี้ยความพิการ) | พม | 16/02/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการแก้ไขระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเบี้ยความพิการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๕๓ เพื่อให้คนพิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการมีสิทธิได้รับเบี้ยความพิการทันที โดยไม่ต้องรอลงทะเบียนเพื่อขอรับเบี้ยความพิการในปีถัดไป ๑.๒ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงบประมาณ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา ดำเนินการตามหน้าที่และภารกิจเพื่อให้คนพิการทุกคนที่มีบัตรประจำตัวคนพิการ ได้รับเบี้ยความพิการทันที ตั้งแต่ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ๒. กรณีที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติหรือเห็นชอบในหลักการสำหรับการดำเนินการในเรื่องใดแล้ว หากหน่วยงานผู้รับผิดชอบหลักจะต้องได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีนั้น ให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบหลักประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติหรือเห็นชอบในหลักการไว้ โดยไม่ต้องนำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณามอบหมายอีก |
|||||||||||||||
21305 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินค่าควบคุมงานก่อสร้างและขออนุมัติขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ โครงการไฟฟ้าพลังน้ำคลองทุ่งเพล จังหวัดจันทบุรี | พน | 16/02/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงพลังงาน โดยกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการค่าควบคุมงานก่อสร้างโครงการก่อสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำคลองทุ่งเพล จากเดิม วงเงิน ๕๒,๘๐๐,๐๐๐ บาท เป็น วงเงิน ๖๙,๒๙๓,๖๐๐ บาท ตามนัยข้อ ๗ (๓) ของระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยวงเงินที่เพิ่มขึ้นได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ รองรับไว้แล้ว ทั้งนี้ ให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับมติคณะรัฐมนตรี หนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง และมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ และเสนอขอขยายระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ค่าควบคุมงานรายการดังกล่าวต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัด ตามนัยข้อ ๗ (๒) ของระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณฯ ต่อไป ตลอดจนพิจารณาตรวจสอบเพื่อให้มีผู้รับผิดชอบกรณีการดำเนินโครงการที่คลาดเคลื่อนและอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการกำหนดสัญญาจ้างควบคุมงานในโอกาสต่อไป ควรกำหนดให้การจ่ายค่าใช้จ่ายในการควบคุมงานสอดคล้องกับผลงานตามงวดงานในสัญญาจ้างก่อสร้างที่จะดำเนินงานจริง โดยไม่ใช้ระยะเวลาในการควบคุมงานเป็นตัวกำหนดค่าใช้จ่าย และการใช้จ่ายค่าควบคุมงานที่มีการขยายระยะเวลาการก่อสร้างควรจะพิจารณาตามผลงานที่เกิดขึ้นจริง ไปดำเนินการต่อไป และในครั้งต่อไปให้ถือปฏิบัติตามระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติมอย่างเคร่งครัดในกรณีที่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงรายการหรือการเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าวงเงินที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้ |
|||||||||||||||
21306 | สถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งปี 2558/59 ครั้งที่ 11 | กษ | 16/02/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งปี ๒๕๕๘/๕๙ ครั้งที่ ๑๑ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. สถานการณ์น้ำ ณ วันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๕๙ เช่น อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งประเทศ จำนวน ๓๓ แห่ง มีปริมาตรน้ำรวม ๓๘,๒๔๖ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๕๔ ของปริมาตรน้ำกักเก็บทั้งหมด เป็นน้ำใช้การได้ ๑๔,๗๔๓ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๓๑ ของปริมาตรน้ำใช้การทั้งหมด ๒. การจัดสรรน้ำ ช่วงวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๘-๒๗ มกราคม ๒๕๕๙ อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และอ่างเก็บน้ำขนาดกลางทั้งประเทศ ใช้น้ำไปแล้ว ๓,๖๒๑ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๓๓ ของแผนการจัดสรรน้ำ ส่วนในลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และผันน้ำจากแม่กลอง) ใช้น้ำไปแล้ว ๑,๔๐๓ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๔๘ ของแผนการจัดสรรน้ำ คิดเป็นระบายน้ำเฉลี่ยวันละ ๑๕.๙๔ ล้านลูกบาศก์เมตร ๓. การบริหารจัดการน้ำและอาคารชลประทานในลุ่มน้ำเจ้าพระยาช่วงฤดูแล้งปี ๒๕๕๘/๕๙ ช่วงวันที่ ๒๕-๓๑ มกราคม ๒๕๕๙ กำหนดแผนการระบายน้ำจากเขื่อนจำนวน ๔ เขื่อน ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เฉลี่ยวันละ ๑๗.๗๗ ล้านลูกบาศก์เมตร ๔. สถานการณ์การเพาะปลูกข้าวในเขตชลประทานลุ่มน้ำเจ้าพระยา ณ วันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๙ พื้นที่ปลูกข้าวนาปี ปี ๒๕๕๘ แผนเพาะปลูก ๗.๔๕ ล้านไร่ ปลูก ๖.๔๐ ล้านไร่ ไม่ปลูก ๑.๐๕ ล้านไร่ โดยในพื้นที่ที่ปลูก ๖.๔๐ ล้านไร่ แบ่งเป็น เก็บเกี่ยวแล้ว ๖.๓๖ ล้านไร่ เสียหาย ๐.๐๒ ล้านไร่ รอเก็บเกี่ยว ๐.๐๒ ล้านไร่ คาดว่าจะเก็บเกี่ยวเสร็จสิ้นประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ พื้นที่ปลูกข้าวนาปีต่อเนื่อง ปี ๒๕๕๘ จำนวน ๑.๗๖ ล้านไร่ เก็บเกี่ยวแล้ว ๑.๕๒ ล้านไร่ รอเก็บเกี่ยว ๐.๒๔ ล้านไร่ คาดว่าจะเก็บเกี่ยวเสร็จสิ้นประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ และพื้นที่ปลูกข้าวนาปรัง ปี ๒๕๕๘/๕๙ ผลการเพาะปลูกข้าวนาปรัง จำนวน ๑.๘๘ ล้านไร่
|
|||||||||||||||
21307 | การแต่งตั้งโฆษกหน่วยงาน (เพิ่มเติมในส่วนที่เหลือรวม 4 หน่วยงาน) | นร05 | 16/02/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบการแต่งตั้งโฆษกหน่วยงาน (เพิ่มเติมในส่วนที่เหลือ รวม ๔ หน่วยงาน) ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ พลตรี ณตฐพล บุญงาม เป็นโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ๑.๒ พันเอก วินธัย สุวารี เป็นโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และโฆษกกองทัพบก ๑.๓ พลเรือโท จุมพล ลุมพิกานนท์ รองเสนาธิการทหารเรือ เป็นโฆษกกองทัพเรือ ๑.๔ พลอากาศตรี พงษ์ศักดิ์ เสมาชัย ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน กรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ เป็นโฆษกกองทัพอากาศ ๒. ให้โฆษกกระทรวง/หน่วยงาน ดำเนินการประชาสัมพันธ์อย่างเป็นระบบ โดยเน้นถึงนโยบายการขับเคลื่อนการปฏิบัติ การบูรณาการโครงการหรือกิจกรรมในมิติต่าง ๆ ให้ชัดเจน รวมทั้งผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรม ทั้งนี้ โครงการหรือกิจกรรมใด ๆ ที่มีระยะเวลาดำเนินการยาวนานควรดำเนินการประชาสัมพันธ์ข่าวสารอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ ๆ เพื่อให้ประชาชนเกิดความพึงพอใจที่ได้รับทราบข้อมูลข้อเท็จจริงและความคืบหน้าที่ถูกต้องครบถ้วน |
|||||||||||||||
21308 | รายงานผลการดำเนินการตามประเด็นสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รอบ 3 เดือน (ตุลาคม - ธันวาคม 2558) | พณ | 16/02/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามประเด็นสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รอบ ๓ เดือน (ตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๕๘) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ภาพรวมการเบิกจ่าย ณ สิ้นไตรมาสที่ ๑ เบิกจ่ายได้ ๓,๒๙๗.๗ ล้านบาท หรือร้อยละ ๓๗.๓ ของงบประมาณที่ได้รับการจัดสรร และเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายลงทุน จำนวน ๑๗๐.๖ ล้านบาท หรือร้อยละ ๓๕.๔ ของงบประมาณรายจ่ายลงทุนที่ได้รับจัดสรร ๒. การเจรจาหรือทำความตกลงระหว่างประเทศ ได้แก่ การเจรจาภายใต้กรอบอาเซียน การเจรจาภายใต้กรอบการจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ความตกลงพันธมิตรทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) การเจรจาภายใต้กรอบเอเปค การเจรจาภายใต้กรอบองค์การการค้าโลก (WTO) และการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee : JTC) และการหารือทวิภาคี ๓. การแก้ไขปัญหาราคาข้าวและการระบายข้าว ได้แก่ การระบายข้าวในสต็อกของรัฐบาล การชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อกปี ๒๕๕๘/๒๕๕๙ และการจัดตลาดนัดข้าวเปลือก ปี ๒๕๕๘/๒๕๕๙ ๔. การแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตรที่กำลังออกตามฤดูกาล ได้แก่ การแก้ไขปัญหามันสำปะหลัง การแก้ไขปัญหาปาล์มน้ำมัน และการแก้ไขปัญหาราคาไข่ไก่ ๕. การให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium Enterprise : SMEs) ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือผ่านโครงการและกิจกรรมต่าง ๆ ได้แก่ ส่งเสริมและเพิ่มศักยภาพของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs Pro-active) สร้างโอกาสการตลาดธุรกิจแฟรนไชส์ให้แก่ผู้ประกอบการ ยกระดับคุณภาพการบริหารจัดการและสร้างโอกาสทางการตลาดธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ พัฒนาผู้ประกอบการและส่งเสริมธุรกิจครบวงจร สร้างนักการตลาดมืออาชีพ และพัฒนาธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์สู่สากล ๖. เรื่องอื่น ๆ ที่มีผลกระทบต่อประเทศชาติและประชาชน ได้แก่ การดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและค่าครองชีพ การลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชน และการสนับสนุนการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ
|
|||||||||||||||
21309 | ขอความเห็นชอบต่อร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐเบลารุสว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคนิคทางทหาร | กห | 16/02/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงกลาโหมจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐเบลารุสว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคนิคทางทหาร ซึ่งมีเนื้อหาความร่วมมือในการพัฒนาและวิจัยร่วม การซ่อมบำรุงอาวุธและยุทโธปกรณ์ กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการแลกเปลี่ยนบุคลากรและผู้เชี่ยวชาญด้านการทหาร ตลอดจนการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และข้อมูลระหว่างกัน อันจะเป็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านการทหารที่จะนำไปสู่การยกระดับความร่วมมือด้านความมั่นคงและเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกองทัพของทั้งสองประเทศในอนาคต ๑.๒ ให้เจ้ากรมส่งกำลังบำรุงทหารเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ โดยให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างความตกลงดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือผลกระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศไทยและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงกลาโหมนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||
21310 | การขออนุมัติเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ และแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงมินสก์ สาธารณรัฐเบลารุส (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายอีวาน ชูรา (Mr. Ivan Chura)] | กต | 16/02/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงมินสก์ สาธารณรัฐเบลารุส และแต่งตั้ง นายอีวาน ชูรา (Mr. Ivan Chura) เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงมินสก์ สาธารณรัฐเบลารุส ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||
21311 | การแก้ไขปัญหาการยกเลิกเที่ยวบินของสายการบินภายในประเทศ | คค | 16/02/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นายออมสิน ชีวะพฤกษ์) รายงานเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการยกเลิกเที่ยวบินของสายการบินแห่งหนึ่งภายในประเทศ เมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ดังนี้
๑. การช่วยเหลือผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกเที่ยวบิน โดยจัดให้ผู้โดยสารเข้าพักแรมในโรงแรมบริเวณใกล้เคียงสนามบิน รวมทั้งมีการจัดเที่ยวบินพิเศษและประสานสายการบินอื่นเพื่อส่งผู้โดยสารไปยังจุดหมายปลายทาง โดยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นสายการบินผู้ยกเลิกเที่ยวบินเป็นผู้รับผิดชอบ ๒. เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาในระยะยาว กระทรวงคมนาคมได้จัดประชุมร่วมกับสายการบินที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๑๓ สายการบิน เมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ และได้มีการสั่งการ โดย ๒.๑ มอบหมายให้ทุกสายการบินจัดทำแผนฉุกเฉินและแผนบริหารความเสี่ยง พร้อมกำหนดผู้รับผิดชอบที่สามารถตัดสินใจได้ (manager on duty) ทั้งสนามบินต้นทางและปลายทาง โดยส่งแผนดังกล่าวให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) พิจารณาภายใน ๑ เดือน ๒.๒ ทุกสายการบินต้องปฏิบัติตามมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคและเงื่อนไขอื่นตามที่กำหนดในใบอนุญาตอย่างเคร่งครัด โดยมอบหมายให้ กพท. เข้มงวดในการกำกับดูแลและมีการลงโทษสายการบินที่ทำผิดอย่างจริงจัง
|
|||||||||||||||
21312 | การสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกคณะมนตรีของ IMO | อื่นๆ | 16/02/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมรายงานว่า ประเทศไทยเป็น ๑ ใน ๒๐ ประเทศที่ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกคณะมนตรีขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (International Maritime Organization : IMO) ในกลุ่ม C อีก ๑ สมัย ซึ่งนับเป็น ๖ สมัยติดต่อกัน โดยมีวาระ ๒ ปี อย่างไรก็ตาม ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งครั้งต่อไป ประเทศไทยต้องดำเนินการในเชิงรุกมากขึ้นเพื่อให้ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกคณะมนตรีของ IMO อีกในอนาคต ๒. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรายงานเพิ่มเติมว่า ปัญหาที่ IMO ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากมี ๓ เรื่อง คือ (๑) การดูแลผลกระทบจากการรั่วไหลของคราบน้ำมันลงสู่ทะเล (๒) การแก้ไขปัญหาเรือล่ม และ (๓) การควบคุมการขึ้นทะเบียนเรือให้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งในขณะนี้กรมเจ้าท่าและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอยู่
|
|||||||||||||||
21313 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | อื่นๆ | 16/02/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รับข้อสังเกตดังกล่าวประสานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||
21314 | แนวทางการจัดทำสัญญาจ้างควบคุมงานก่อสร้าง | นร | 16/02/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติว่า ในการจัดทำสัญญาจ้างควบคุมงานก่อสร้าง หน่วยงานของรัฐควรกำหนดการจ่ายค่าใช้จ่ายในการควบคุมงานให้สอดคล้องกับผลงานตามงวดงานในสัญญาก่อสร้างที่จะดำเนินการจริง โดยไม่ใช้ระยะเวลาในการควบคุมงานเป็นตัวกำหนดค่าใช้จ่าย และการจ่ายค่าควบคุมงานที่มีการขยายระยะเวลาการก่อสร้างควรจะพิจารณาตามผลงานที่เกิดขึ้นจริงด้วย เพื่อให้การดำเนินการก่อสร้างและการควบคุมงานก่อสร้างของหน่วยงานของรัฐมีความสอดคล้องกัน ก่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||
21315 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 16/02/2559 | ||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดการดำเนินโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบรางโดยเฉพาะโครงการพัฒนารถไฟตามความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย-จีน โครงการพัฒนารถไฟตามความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย-ญี่ปุ่น และโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ซึ่งปัจจุบันมีความล่าช้ากว่าแผนงานที่กำหนดไว้ ๑.๒ ให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทยเร่งดำเนินการตรวจสอบกรณีที่มีบริษัทซึ่งเป็นตัวแทนของชาวต่างชาติ (nominee) เข้ามาลงทุนทำธุรกิจท้องถิ่นในประเทศไทยโดยเฉพาะด้านการเกษตร และส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทย ๒. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ให้กระทรวงยุติธรรมประสานงานกับสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ในการให้พนักงานอัยการที่เกษียณอายุราชการแล้วช่วยดำเนินคดีที่ค้างการพิจารณาเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะคดีเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ การประพฤติผิดของเจ้าหน้าที่ การหลบหนีเข้าเมือง ยาเสพติด หรือการทุจริต เพื่อให้คดีดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยเร็ว ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธ์ ตันยุวรรธนะ) ร่วมกับสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ และกระทรวงมหาดไทยพิจารณาความเป็นไปได้ในการสนับสนุนงบประมาณของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองให้แก่ชุมชนที่เสนอโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความเหลื่อมล้ำของประชาชนในพื้นที่ห่างไกลได้มีไฟฟ้าใช้ ทั้งนี้ ให้นำกลไกประชารัฐมาสนับสนุนการดำเนินการดังกล่าวด้วย ๓.๒ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมกับหน่วยงานฝ่ายความมั่นคง เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) ลงพื้นที่สร้างความเข้าใจแก่ประชาชนในพื้นที่ที่จะดำเนินโครงการฟื้นฟูชุมชนเมืองดินแดง และโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองลาดพร้าว รวมทั้งเร่งรัดการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อแก้ไขปัญหาชุมชนแออัดและสร้างคุณภาพชีวิตให้แก่ประชาชน ๓.๓ ให้ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือนเตรียมการประสานงานเพื่อส่งมอบงานการบริหารการแก้ไขปัญหามาตรฐานการบินพลเรือนให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยในฐานะหน่วยงานหลักรับผิดชอบดำเนินการในระยะต่อไป รวมทั้งสำรวจความต้องการบุคลากรในสาขาที่ขาดแคลนและเร่งรัดการว่าจ้างผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมและมีประสิทธิภาพมาปฏิบัติหน้าที่ในการแก้ไขปัญหามาตรฐานการบินพลเรือน เพื่อให้ทันต่อการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระยะต่อไป ทั้งนี้ หากพิจารณาแล้วเห็นว่ามีความจำเป็นต้องว่าจ้างบุคลากรชาวต่างประเทศให้ดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||
21316 | การดำเนินการเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ | นร | 16/02/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รายงานว่าได้รวบรวมความเห็นของส่วนราชการเพื่อจัดทำความคิดเห็นแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญของคณะรัฐมนตรีโดยเสนอต่อคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เรียบร้อยแล้ว รวมทั้งได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเบื้องต้นเกี่ยวกับการเตรียมการในการออกเสียงประชามติ เพื่อให้เกิดความชัดเจนและความเรียบร้อยแล้ว และจะได้สรุปรายละเอียดเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||
21317 | การดำเนินการโครงการของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน ภายใต้แนวคิด "ของขวัญปีใหม่ จากรัฐบาลไทย นำความเป็นไทยสู่ใจประชาชน" ในปี 2559 ของกระทรวงวัฒนธรรม | วธ | 16/02/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมรายงานผลการดำเนินการโครงการของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน ภายใต้แนวคิด “ของขวัญปีใหม่จากรัฐบาลไทย นำความเป็นไทยสู่ใจประชาชน” ในปี ๒๕๕๙ ประกอบด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ดังนี้
๑. อัญเชิญพระพุทธรูปสำคัญ ๙ องค์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติให้ประชาชนเข้าสักการะ ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร เพื่อความเป็นสิริมงคล ๒. การเปิดเส้นทางท่องเที่ยวเชิงธรรมะ โดยร่วมกับวัดประจำรัชกาล ๙ วัด และองค์กรเครือข่ายเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนได้เข้าวัดปฏิบัติธรรมตามหลักพระพุทธศาสนา ๓. การเปิดอุทยานประวัติศาสตร์ ๙ แห่ง โบราณสถานต่าง ๆ ทั่วประเทศ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ๔๑ แห่ง และแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรม เพื่อให้ประชาชนได้รับความรู้และเกิดความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมของชาติ ๔. กิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี “ส่งท้ายปีเก่าวิถีไทย-ต้อนรับปีใหม่วิถีพุทธ” และกิจกรรมสวดมนต์อาเซียน ๑๔ จังหวัดที่มีชายแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อใช้มิติศาสนาเชื่อมความสัมพันธ์ รวมทั้งวัดไทยในต่างประเทศได้ริเริ่มจัดงานด้วย
|
|||||||||||||||
21318 | เหรียญที่ระลึก "พระพุทธสิรินาคเภษัชยคุรุจุฬาภรณ์" หรือ "พระพุทธโอสถ" | นร | 16/02/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล) รายงานว่า ศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี มีพระดำริให้จัดสร้าง “พระพุทธสิรินาคเภษัชยคุรุจุฬาภรณ์” หรือ “พระพุทธโอสถ” เป็นพระพุทธรูปประจำโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงเจริญพระชนมพรรษา ๙๐ พรรษา ในปีพุทธศักราช ๒๕๖๐ และได้มีพระดำริให้จัดสร้างเหรียญที่ระลึก “พระพุทธสิรินาคเภษัชยคุรุจุฬาภรณ์” หรือ “พระพุทธโอสถ” เพื่อมอบให้ประชาชนที่ร่วมบริจาคเงินสมทบช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ จัดซื้อเวชภัณฑ์และเครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์ ตลอดจนร่วมสมทบทุนในการจัดสร้างพระพุทธรูปดังกล่าว
|
|||||||||||||||
21319 | การแต่งตั้งโฆษกหน่วยงาน (กรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ) | กห | 16/02/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบการแต่งตั้งโฆษกหน่วยงาน (เพิ่มเติมในส่วนที่เหลือ รวม ๔ หน่วยงาน) ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ดังนี้ ๑.๑ พลตรี ณตฐพล บุญงาม เป็นโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ๑.๒ พันเอก วินธัย สุวารี เป็นโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และโฆษกกองทัพบก ๑.๓ พลเรือโท จุมพล ลุมพิกานนท์ รองเสนาธิการทหารเรือ เป็นโฆษกกองทัพเรือ ๑.๔ พลอากาศตรี พงษ์ศักดิ์ เสมาชัย ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน กรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ เป็นโฆษกกองทัพอากาศ ๒. ให้โฆษกกระทรวง/หน่วยงาน ดำเนินการประชาสัมพันธ์อย่างเป็นระบบ โดยเน้นถึงนโยบายการขับเคลื่อนการปฏิบัติ การบูรณาการโครงการหรือกิจกรรมในมิติต่าง ๆ ให้ชัดเจน รวมทั้งผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรม ทั้งนี้ โครงการหรือกิจกรรมใด ๆ ที่มีระยะเวลาดำเนินการยาวนานควรดำเนินการประชาสัมพันธ์ข่าวสารอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ ๆ เพื่อให้ประชาชนเกิดความพึงพอใจที่ได้รับทราบข้อมูลข้อเท็จจริงและความคืบหน้าที่ถูกต้องครบถ้วน
|
|||||||||||||||
21320 | การแต่งตั้งโฆษกหน่วยงาน (กองทัพเรือ) | กห | 16/02/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบการแต่งตั้งโฆษกหน่วยงาน (เพิ่มเติมในส่วนที่เหลือ รวม ๔ หน่วยงาน) ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ดังนี้ ๑.๑ พลตรี ณตฐพล บุญงาม เป็นโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ๑.๒ พันเอก วินธัย สุวารี เป็นโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และโฆษกกองทัพบก ๑.๓ พลเรือโท จุมพล ลุมพิกานนท์ รองเสนาธิการทหารเรือ เป็นโฆษกกองทัพเรือ ๑.๔ พลอากาศตรี พงษ์ศักดิ์ เสมาชัย ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน กรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ เป็นโฆษกกองทัพอากาศ ๒. ให้โฆษกกระทรวง/หน่วยงาน ดำเนินการประชาสัมพันธ์อย่างเป็นระบบ โดยเน้นถึงนโยบายการขับเคลื่อนการปฏิบัติ การบูรณาการโครงการหรือกิจกรรมในมิติต่าง ๆ ให้ชัดเจน รวมทั้งผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรม ทั้งนี้ โครงการหรือกิจกรรมใด ๆ ที่มีระยะเวลาดำเนินการยาวนานควรดำเนินการประชาสัมพันธ์ข่าวสารอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ ๆ เพื่อให้ประชาชนเกิดความพึงพอใจที่ได้รับทราบข้อมูลข้อเท็จจริงและความคืบหน้าที่ถูกต้องครบถ้วน
|
.....