ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1064 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 21261 - 21280 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
21261 | การแต่งตั้งรองประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (จำนวน 13 คน 1. นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ฯลฯ) | กค | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งรองประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จำนวน ๑๓ คน แทนรองประธานกรรมการและกรรมการอื่นชุดเดิมที่ครบวาระการดำรงตำแหน่งสามปี ในวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ รองประธานกรรมการ ๒. นายสมชาย ชาญณรงค์กุล กรรมการอื่น ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๓. นายสุวิชญ โรจนวานิช กรรมการอื่น ผู้แทนกระทรวงการคลัง ๔. นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข กรรมการอื่น ผู้แทนกรมส่งเสริมสหกรณ์ ๕. นายสรรเสริญ อัจจุตมานัส กรรมการอื่น ผู้แทนสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ๖. นางฤชุกร สิริโยธิน กรรมการอื่น ผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย ๗. นายสมคิด พรหมเจริญ กรรมการอื่น ผู้แทนสหกรณ์การเกษตรผู้ถือหุ้น ๘. นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล กรรมการอื่น ๙. นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ กรรมการอื่น ๑๐. นางปัทมาวดี โพชนุกูล กรรมการอื่น ๑๑. นายวัชระ ฉัตรวิริยะ กรรมการอื่น ๑๒. นายพีระวัฒน์ ดวงแก้ว กรรมการอื่น ๑๓. นายวัฒนา ธรรมศิริ กรรมการอื่น
|
|||||||||||||||||||||
21262 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (จำนวน 4 คน 1. นายสนิท พรหมวงษ์ ฯลฯ) | คค | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำนวน ๔ คน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายสนิท พรหมวงษ์ กรรมการอื่น ๒. นายสมศักดิ์ ห่มม่วง กรรมการอื่น ๓. รองศาสตราจารย์ คณิต วัฒนวิเชียร กรรมการอื่น ๔. นายจรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ กรรมการอื่น
|
|||||||||||||||||||||
21263 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (จำนวน 5 คน 1. พลเอก ยอดยุทธ บุญญาธิการ ฯลฯ) | คค | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย จำนวน ๕ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งดำรงตำแหน่งครบวาระสามปีแล้ว ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ พลเอก ยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานกรรมการ ๑.๒ นาวาอากาศเอก ธนากร พีระพันธุ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑.๓ นายจุฬา สุขมานพ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑.๔ นายวินัย ดำรงค์มงคลกุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑.๕ นายไกร ตั้งสง่า กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๒. ยกเว้นนายวินัย ดำรงค์มงคลกุล ให้มีผลตั้งแต่วันที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการอัยการเป็นต้นไปแต่ต้องไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
|
|||||||||||||||||||||
21264 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (จำนวน 12 คน) | พณ | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า จำนวน ๑๒ คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปีแล้ว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิภาคราชการ ๑.๑ พันตำรวจโท พงศ์อินทร์ อินทรขาว กระทรวงพาณิชย์ ๑.๒ นายสุวิชญ โรจนวานิช กระทรวงการคลัง ๑.๓ นายนรินทร์ กัลยาณมิตร กระทรวงการคลัง ๑.๔ นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ กระทรวงการคลัง ๒. กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน ๒.๑ นายสันติชัย สารถวัลย์แพศย์ กระทรวงพาณิชย์ ๒.๒ นายสนั่น อังอุบลกุล สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ๒.๓ นายวิชัย อัศรัสกร สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ๒.๔ นายสาโรช ชยาวิวัฒน์กุล สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ๒.๕ นายบดินทร์ อัศวาณิชย์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ๒.๖ นายเกรียงไกร เธียรนุกุล สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ๒.๗ นายรัฐไกร ลิ้มศิริตระกูล สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ๓. กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นนักวิชาการ ๓.๑ นายศักดา ธนิตกุล กระทรวงพาณิชย์
|
|||||||||||||||||||||
21265 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (นายปฏิคม วงษ์สุวรรณ) | มท | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายปฏิคม วงษ์สุวรรณ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แทน นายสมพร ใช้บางยาง ที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากมีอายุครบ ๖๕ ปีบริบูรณ์แล้ว ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
21266 | ขอความเห็นชอบในการแต่งตั้งผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (นายณรงค์ ศิริเลิศวรกุล) | วท | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในการแต่งตั้ง นายณรงค์ ศิริเลิศวรกุล เป็นผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ แทนนายทวีศักดิ์ กออนันตกูล ที่จะครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
21267 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (จำนวน 6 คน 1. นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ฯลฯ) | นร04 | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน จำนวน ๖ คน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) เสนอ ดังนี้
๑. นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานกรรมการ ๒. นางปิยะมาน เตชะไพบูลย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายสหวัฒน์ แน่นหนา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. นายธวัชชัย อรัญญิก กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นายขจร วีระใจ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. นายพชร อนันตศิลป์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
|||||||||||||||||||||
21268 | ขออนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (นางสาวรัชนีกร สรสิริ) | ยธ | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวรัชนีกร สรสิริ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด แทนนายชาติชาย สุทธิกลม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ลาออก ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||
21269 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคดีพิเศษ แทนตำแหน่งที่ว่าง (นายอธิคม อินทุภูติ) | ยธ | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอธิคม อินทุภูติ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ในคณะกรรมการคดีพิเศษ แทน นายภัทรศักดิ์ วรรณแสง ที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
21270 | การเสนอแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (จำนวน 10 คน 1. นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ฯลฯ) | พน | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จำนวน ๑๐ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการอื่นที่ได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี เมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้
๑. นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ประธานกรรมการ ๒. นายอภิชาติ ชินวรรโณ กรรมการอื่น ๓. นายชวน ศิรินันท์พร กรรมการอื่น ๔. นายปรเมธี วิมลศิริ กรรมการอื่น ๕. พลเอก กัมปนาท รุดดิษฐ์ กรรมการอื่น ๖. พลเอก วลิต โรจนภักดี กรรมการอื่น ๗. นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ กรรมการอื่น ๘. นายดิสทัต โหตระกิตย์ กรรมการอื่น ๙. นายสุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์ กรรมการอื่น ๑๐. นายจุมพล ริมสาคร กรรมการอื่น (ผู้แทนกระทรวงการคลัง)
|
|||||||||||||||||||||
21271 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการร่วมลงทุนตามรายการโครงการในกิจการภายใต้แผนยุทธศาสตร์การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2558 - 2562 (Project Pipeline) ของกระทรวงคมนาคม | คค | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการร่วมลงทุนตามรายการโครงการในกิจการภายใต้แผนยุทธศาสตร์การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๒ (Project Pipeline) ของกระทรวงคมนาคม จำนวน ๒๗ โครงการ ประกอบด้วย กิจการที่สมควรให้เอกชนมีส่วนร่วมในการลงทุน จำนวน ๑๖ โครงการ และกิจการที่รัฐส่งเสริมให้เอกชนมีส่วนร่วมการลงทุน จำนวน ๑๑ โครงการ ในจำนวนนี้มี ๕ โครงการอยู่ภายใต้มาตรการเร่งรัดโครงการให้เอกชนร่วมลงทุน (PPP Fast Track) ซึ่งภาพรวมการดำเนินงานส่วนใหญ่อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมและจัดทำรายงานผลการศึกษาและวิเคราะห์โครงการตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ และอยู่ระหว่างเสนอคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐพิจารณารูปแบบการลงทุน รวมทั้งอยู่ระหว่างสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และศึกษารูปแบบการลงทุนที่เหมาะสม เป็นต้น ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดกระบวนการการร่วมลงทุนในโครงการสำคัญให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ
|
|||||||||||||||||||||
21272 | การใช้จ่ายเงินสะสมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล | มท | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการใช้จ่ายเงินสะสมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอเพิ่มเติมว่า กระทรวงมหาดไทยจะพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์การนำเงินสะสมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาใช้ดำเนินโครงการ เพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลเพิ่มเติม โดยให้รวมถึงโครงการ/กิจการที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งนี้ เพื่อให้การนำเงินสะสมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาใช้เพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐบาล มีขอบเขตการใช้จ่ายที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยให้กระทรวงมหาดไทยบูรณาการดำเนินโครงการในพื้นที่ ภายใต้กลไกประชารัฐต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
21273 | การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวไทยตามนโยบายรัฐบาล | กก | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานผลการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๐ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.๑ ยุทธศาสตร์การพัฒนาสินค้าและบริการท่องเที่ยว ประกอบด้วย (๑) กลยุทธ์การพัฒนาเชิงพื้นที่ (๘ เขตพัฒนาการท่องเที่ยว) โดยเริ่มจากการลงพื้นที่เขตพัฒนาการท่องเที่ยวอารยธรรมล้านนา ๕ จังหวัด (เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน และพะเยา) เพื่อติดตามการสร้างและพัฒนาคุณภาพมาตรฐานแหล่งท่องเที่ยว เน้นความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว การปรับโครงสร้างตลาดเพื่อเพิ่มมูลค่าและรายได้ สนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงเกษตรและกระจายรายได้สู่ชุมชน (๒) กลยุทธ์การพัฒนารายสาขา ได้แก่ การบูรณาการการทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยเน้นโครงการสำคัญในระยะเร่งด่วน (Quick Win) การสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงกีฬาซึ่งเน้นการส่งเสริมให้พัทยาและชลบุรีเป็นเมืองกีฬา (Sports Destination) ตามยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดชายทะเลตะวันออก และการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำ เช่น การยกระดับให้จังหวัดภูเก็ตเป็น Marina Hub ของเอเชีย เป็นต้น ๑.๒ ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการการท่องเที่ยว ได้แก่ Thailand Tourism Gateway โดยบูรณาการร่วมกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเร่งพัฒนา Thailand Tourism Gateway ร่วมกันเพื่อให้เปิดใช้งานเฟสแรกได้ภายในปี ๒๕๕๙ นี้ เพื่อนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวแบบเชื่อมโยงใหม่ ๆ รวมทั้งนำข้อมูลที่ได้มารวบรวมจัดทำ Tourism Intelligence Center เพื่อเป็นข้อมูลทางการตลาดให้กับผู้ประกอบการนำไปใช้พัฒนาการท่องเที่ยวต่อไป นอกจากนั้น จะดำเนินการจัดทำป้าย QR CODE เพื่อแสดงข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวโดยกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจะสนับสนุนให้มี Free WiFi ในแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญทั่วประเทศต่อไป ๒. ในด้านการกีฬา ซึ่งมีข้อพิจารณาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงการจัดการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ จากเดิมแข่งขัน ๒ ปีต่อครั้ง เป็นแข่งขันประจำทุกปี นั้น ในชั้นนี้ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง การขอความเห็นชอบการเปลี่ยนแปลง การจัดการแข่งขันกีฬาแห่งชาติจากเดิมแข่งขันเป็นประจำทุกปี เป็นแข่งขัน ๒ ปีต่อครั้ง) โดยให้จัดการแข่งขันฯ ๒ ปีต่อครั้ง ไปก่อน เนื่องจากการจัดการแข่งขันทุกปีอาจส่งผลกระทบต่อการศึกษาของนักกีฬาซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักเรียน นักศึกษา รวมถึงภาระงบประมาณในการส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันฯ ด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณาการใช้งบประมาณในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเน้นการพัฒนาประเภทกีฬาที่ไทยมีความโดดเด่น การเสริมสร้างความสัมพันธ์ และการสร้างสนามกีฬาจังหวัดให้มีคุณภาพ เป็นต้น ๓. ในด้านการท่องเที่ยว ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งบูรณาการการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญ ได้แก่ การจัดระเบียบผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว มัคคุเทศก์ และธุรกิจเกี่ยวข้อง เพื่อไม่ให้ต่างชาติเข้ามาดำเนินการประกอบธุรกิจหรือรับจ้างอย่างผิดกฎหมาย และการแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัยจราจรทั้งทางบกและทางน้ำ เช่น การกำกับดูแลนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ขับรถโดยถูกกฎจราจร การจัดให้มีทุ่นแนวเขตว่ายน้ำเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว รวมทั้งให้เร่งดำเนินการจัดทำทุ่นผูกเรือเพื่อป้องกันการทิ้งสมอในแนวเขตปะการัง โดยเฉพาะแหล่งดำน้ำสำคัญ เช่น เกาะสมุย เกาะพีพี และจังหวัดภูเก็ต เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||
21274 | ผลการดำเนินงานของกระทรวงวัฒนธรรมในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล | วธ | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมรายงานว่า กระทรวงวัฒนธรรมได้เริ่มให้บริการสืบค้นงานด้านวัฒนธรรมในระบบดิจิทัลในปี พ.ศ. ๒๕๔๙ โดยให้บริการเกี่ยวกับ (๑) หอสมุดแห่งชาติออนไลน์ : การบริการสืบค้นหนังสือสำคัญ (๒) จดหมายเหตุอิเล็กทรอนิกส์ : การบริการสืบค้นภาพเก่าและเอกสารสำคัญ และ (๓) การสืบค้นข้อมูลด้านโบราณคดีและโบราณวัตถุผ่านเว็บไซต์ ซึ่งปัจจุบันได้เพิ่มบริการด้านอื่น ๆ สรุปได้ ดังนี้
๑. บริการนำชมพิพิธภัณฑสถาน อุทยานประวัติศาสตร์ และโบราณสถานสำคัญ โดยใช้โปรแกรม Museums Pool และ QR code เพื่อดาวน์โหลดข้อมูลจากป้ายคำอธิบายแสดงบนโทรศัพท์พร้อมภาพประกอบ ๒. การจัดทำ “Thai Culture Mobile Application : ศิลปวัฒนธรรมไทย อยู่ที่ไหนก็เรียนรู้ได้” เพื่อบริการข้อมูลด้านวัฒนธรรมอย่างครบวงจร มีการทำงานเป็น ๒ รูปแบบ ได้แก่ ๒.๑ รูปแบบที่ ๑ การแสดงผลเสมือนเป็นแผนที่นำทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรม ครอบคลุมรัศมี ๑๐ กิโลเมตร จากตำแหน่งที่ผู้ใช้งาน ปัจจุบันสามารถใช้งานได้ ๓ ภาษา คือ ภาษาไทย อังกฤษ และจีน ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และอยู่ระหว่างขยายผลให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ๒.๒ รูปแบบที่ ๒ การสืบค้นข้อมูลองค์ความรู้ด้านวัฒนธรรมจากฐานข้อมูลของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงวัฒนธรรม เช่น วิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณี ศิลปะการแสดง ทั้งนี้ “Thai Culture Mobile Application” เป็นอีกทางเลือกในการเข้าถึงต้นทุนทางวัฒนธรรมสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่สามารถนำไปต่อยอดสร้างอาชีพและสร้างรายได้ภายใต้ระบบเศรษฐกิจดิจิทัลเพื่อสังคมไทย และยังช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่ให้หน่วยงานอื่นเชื่อมโยงข้อมูลต่อยอดเพื่อบริการประชาชนและนักท่องเที่ยวให้สะดวกยิ่งขึ้นด้วย
|
|||||||||||||||||||||
21275 | แนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๓/๒๕๕๙ วันศุกร์ที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙
|
|||||||||||||||||||||
21276 | การดำเนินกิจการของคนต่างด้าวในประเทศไทย | อื่นๆ | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า ในปัจจุบันการค้าและการลงทุนมีการขยายตัวอย่างมาก ประกอบกับมีคนต่างด้าวเข้ามาประกอบกิจการต่าง ๆ ในประเทศไทยมากขึ้น ทั้งโดยถูกต้องตามกฎหมายและโดยอาศัยช่องว่างของกฎหมายผ่านตัวแทน (nominee) ดังนั้น การประกอบกิจการใด ๆ หรือการจัดตั้งนิติบุคคลคนเดียวในประเทศไทยจะต้องยึดหลักการให้เจ้าของกิจการที่แท้จริงเป็นผู้มีสัญชาติไทย โดยมิให้คนต่างด้าวเป็นเจ้าของกิจการหรือถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินผ่านทางตัวแทน (nominee) ซึ่งเป็นบุคคลมีสัญชาติไทย ทั้งนี้ เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทยและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม จึงมีมติ
๑. ให้กระทรวงพาณิชย์ไปพิจารณาทบทวนร่างพระราชบัญญัติการจัดตั้งนิติบุคคลคนเดียว พ.ศ. .... ให้เป็นไปตามหลักการของคณะรัฐมนตรีดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางในการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมการดำเนินกิจการของคนต่างด้าวให้เป็นไปตามหลักการของคณะรัฐมนตรีดังกล่าว แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตรวจสอบและควบคุมการประกอบกิจการของคนต่างด้าวในประเทศไทยอย่างเคร่งครัดด้วย โดยเฉพาะบริษัทเกี่ยวกับธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ บริษัทเกี่ยวกับการให้บริการรถตู้โดยสาร หรือการเข้ามาลงทุนธุรกิจด้านการเกษตรในท้องถิ่น
|
|||||||||||||||||||||
21277 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | เวียน | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านความมั่นคง ให้กระทรวงกลาโหมเร่งรัดการดำเนินการศึกษา วิจัย และพัฒนาการผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ในประเทศให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานด้านความมั่นคง และลดภาระงบประมาณในการนำเข้าจากต่างประเทศ เช่น การผลิตเรือดำน้ำขนาดเล็ก ๒. ด้านเศรษฐกิจ ๒.๑ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีประสานภาคธุรกิจเพื่อจัดตั้งคณะกรรมการภาครัฐและเอกชนเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ (Public-Private Steering Committee) เพิ่มเติมอีก ๑ ชุด เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในด้านการวิจัย วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยเชิญคนไทยที่มีความรู้ความสามารถทั้งในและต่างประเทศร่วมในคณะกรรมการดังกล่าว ๒.๒ ให้ทุกส่วนราชการพิจารณานำร่องการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cell) ในหน่วยงาน รวมทั้งให้กระทรวงพลังงานเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงอุตสาหกรรมสนับสนุนการผลิต Solar Cell ภายในประเทศ รวมถึงการทำลายแผง Solar Cell ที่ไม่ใช้งานแล้วด้วย ๓. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ๓.๑ ในการจัดทำข้อเสนอแนวทางการปฏิรูปตำรวจ ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยเน้นการปฏิรูปด้านการให้บริการหรือการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน การเพิ่มประสิทธิภาพ และการสร้างความไว้วางใจให้แก่ประชาชน รวมทั้งปรับปรุงกฎหมายตำรวจแห่งชาติและกฎหมายลำดับรองเพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการปฏิรูปดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน ๓.๒ ให้กระทรวงยุติธรรมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความเป็นไปได้ในการนำไม้พะยูงหรือส่งมอบไม้มีค่าที่อยู่ในความครอบครองและการดำเนินคดีสิ้นสุดแล้วมาใช้ประโยชน์ให้เกิดผลสัมฤทธิ์โดยเร็ว ๔. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๔.๑ ให้ทุกส่วนราชการจัดทำแผนงานในภารกิจหลักของหน่วยงานระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) เช่น แผนงานโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม แผนงานด้านสาธารณูปโภค แผนงานด้านการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว โดยให้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๙ (เรื่อง การเสนอโครงการที่ต้องขออนุมัติงบประมาณจากคณะรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรี) ได้แก่ (๑) ระบุรายละเอียดโครงการ/กิจกรรมที่จะดำเนินการและผลที่จะได้รับในแต่ละระยะ เช่น ๑ เดือน ๓ เดือน ๖ เดือน ๑๒ เดือน ตลอดระยะเวลาของแผนงานและเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาของแผน (๒๐ ปี) (๒) บูรณาการการทำงานและงบประมาณร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (๓) คำนึงถึงความเชื่อมโยงในระดับภูมิภาค จังหวัด และท้องถิ่น และ (๔) ประเมินและทบทวนแผนงานทุก ๆ ๕ ปี ทั้งนี้ ให้ทุกส่วนราชการจัดทำแผนงานดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม ๒๕๕๙ และส่งให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรวบรวมนำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๔.๒ ให้ทุกส่วนราชการที่จะดำเนินโครงการที่ต้องจัดจ้างให้เอกชนผู้รับจัดงาน (Organizer) งานโฆษณา และงานประชาสัมพันธ์ให้ใช้จ่ายงบประมาณโดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัดเป็นสำคัญ ทั้งนี้ ให้พิจารณาดำเนินการให้กิจกรรมที่สามารถดำเนินการได้เองก่อนเป็นลำดับแรก ๔.๓ ในกรณีที่ส่วนราชการจัดทำข้อมูลในเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันต่าง ๆ ของหน่วยงาน ให้หน่วยงานบูรณาการข้อมูลต่าง ๆ ให้เกิดความเชื่อมโยงกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารด้วย ๔.๔ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการบูรณาการระบบ CCTV ของท่าอากาศยานทั่วประเทศ ระบบ BIOMETRICS และระบบ CCTV เพื่อการควบคุมทางศุลกากรเข้าด้วยกันให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว และให้รายงานความก้าวหน้าต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วนด้วย ๔.๕ ให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารพิจารณาดำเนินการแก้ไขปัญหาโรงเรียนที่มีจำนวนครูและนักเรียนน้อย เช่น การปรับเปลี่ยนโรงเรียนให้เป็นศูนย์การเรียนรู้หรือการจัดทำห้องเรียนเคลื่อนที่ โดยการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาสนับสนุน ๔.๖ ให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณากำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการสถานศึกษาอาชีวศึกษาภาคเอกชนที่มีจำนวนนักศึกษาน้อยและประสบภาวะการขาดทุน เช่น การรวมสถานศึกษาที่มีลักษณะใกล้เคียงกันเพื่อให้การพัฒนาการศึกษาด้านอาชีวศึกษามีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้เกิดผลสัมฤทธิ์โดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||
21278 | กรอบระยะเวลาในการจัดทำกฎหมายตามนโยบายของรัฐบาล | นร | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติว่า โดยที่รัฐบาลมีนโยบายในการปรับปรุงกฎหมายของประเทศให้ทันสมัย กฎหมายที่สร้างความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำของสังคม กฎหมายเพื่อส่งเสริมการค้า การลงทุน หรืออนุวัติการตามหนังสือสัญญาระหว่างประเทศและกฎหมายที่วางแนวทางการพัฒนาหรือแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศ ซึ่งรัฐบาลมุ่งเน้นและตระหนักให้มีกฎหมายออกมาบังคับใช้ได้โดยเร็ว เพื่อแก้ไขปัญหาหรืออุปสรรคในการขับเคลื่อนพัฒนาประเทศ รวมทั้งเพื่อบรรเทาความเดือดร้องของประชาชน อันจะช่วยนำพาประเทศเดินหน้าสู่ความมั่นคงต่อไป ดังนั้น เพื่อให้นโยบายของรัฐบาลด้านกฎหมายข้างต้นบรรลุผลสัมฤทธิ์ ให้ทุกส่วนราชการดำเนินการจัดทำกฎหมายตามนโยบายของรัฐบาลให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลา (Road Map) ๓ ระยะ ดังนี้
๑. ระยะที่ ๑ ระยะสั้น ตั้งแต่บัดนี้จนถึงกรกฎาคม ๒๕๖๐ ช่วงการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลซึ่งต้องเร่งรัดให้มีกฎหมายสำคัญเพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วนหรือเพื่อช่วยขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน โดยต้องเร่งดำเนินการและให้มีผลใช้บังคับโดยเร็ว ๒. ระยะที่ ๒ ระยะกลาง ช่วงการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลชุดใหม่ที่เข้ามารับช่วงต่อจากรัฐบาลชุดนี้ เพื่อให้การขับเคลื่อนงานด้านกฎหมายเกิดความต่อเนื่อง ๓. ระยะที่ ๓ ระยะยาว หลังจากรัฐบาลชุดใหม่เข้าบริหารราชการแผ่นดิน โดยเป็นกฎหมายที่ต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ๖ ด้าน ระยะ ๒๐ ปี
|
|||||||||||||||||||||
21279 | ผลการประชุมสุดยอดอาเซียน - สหรัฐอมริกา สมัยพิเศษ และผลการเยือนประเทศไทยของประธานาธิบดีแห่งรัฐปาเลสไตน์ | กต | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรายงาน
๑. ผลการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐอเมริกา สมัยพิเศษ ระหว่างวันที่ ๑๕-๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ณ Sunnylands เมือง Rancho Mirage มลรัฐแคลิฟอร์เนีย สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ที่ประชุมได้รับรองเอกสารผลลัพธ์การประชุม “ปฏิญญาซันนีแลนด์” (Sunnylands Declaration) ๑.๒ นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำถึงท่าทีไทยต่อสถานการณ์ในทะเลจีนใต้และคาบสมุทรเกาหลี ความพร้อมของไทยที่จะร่วมมือกับนานาประเทศในการต่อต้านการก่อการร้ายและลัทธินิยมความรุนแรง และความมุ่งมั่นของไทยในการร่วมแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ การประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม [Illegal, Unregulated and Unreported (IUU) Fishing] และการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติ ๑.๓ บริษัทชั้นนำของสหรัฐอเมริกาเสนอตัวที่จะสนับสนุนประเทศสมาชิกอาเซียนในการพัฒนาเศรษฐกิจให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นไปผ่านการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ ๑.๔ นายกรัฐมนตรีได้เข้าพบหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (นายเหวียน เติ๊น สุง) โดยประเด็นหลักที่ได้หารือกันคือ การส่งเสริมความร่วมมือด้านความมั่นคง การดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายการเพิ่มมูลค่าทางการค้า ด้านแรงงานเวียดนามในประเทศไทย และด้านการประมง ๑.๕ นายกรัฐมนตรีได้พบปะกับกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ไทย ผู้แทนสมาคมวิชาชีพไทยในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา และกลุ่มนักวิชาชีพไทยสาขาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในสหรัฐอเมริกา โดยได้มีข้อเสนอแนะต่าง ๆ เกี่ยวกับโครงการวิทยาศาสตร์และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และจะมอบหมายให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องประสานงานกับผู้แทนสมาคมฯ เพื่อศึกษาและผลักดันข้อเสนอแนะต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์กับประเทศให้มีผลเป็นรูปธรรมต่อไป ๑.๖ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาจะจัดตั้งศูนย์กลางของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ๓ แห่ง เพื่อเป็นจุดประสานงานในเรื่องเศรษฐกิจระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนในอาเซียน ซึ่งอาจจะรวมถึงกรุงเทพมหานครด้วย ๒. ผลการเยือนประเทศไทยของประธานาธิบดีแห่งรัฐปาเลสไตน์อย่างเป็นทางการ เพื่อการเจรจาทำงาน (Working Visit) ระหว่างวันที่ ๑๙-๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ มีประเด็นสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๒.๑ การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องกระบวนการสันติภาพในตะวันออกกลาง โดยนายกรัฐมนตรีสนับสนุนการเจรจาสันติภาพระหว่างรัฐปาเลสไตน์และรัฐอิสราเอล และทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารด้านความมั่นคงระหว่างกัน ๒.๒ ประเด็นอื่น ๆ ได้แก่ (๑) ความร่วมมือ Conference of East Asian Countries for Palestinian Development (CEAPAD) ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความช่วยเหลือรัฐปาเลสไตน์ในการสร้างให้เป็นรัฐประชาธิปไตยที่เข้มแข็งและยั่งยืน (๒) การจัดตั้งสถานเอกอัครราชทูตหรือมีคณะผู้แทนทางการทูตในประเทศไทย และการจัดตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาแนวทางความร่วมมือด้านต่าง ๆ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทั้งในด้านการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างกัน และ (๓) ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุม CEAPAD ระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๓ ร่วมกับประเทศญี่ปุ่น และยืนยันที่จะสนับสนุนทุนฝึกอบรมให้รัฐปาเลสไตน์ต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
|
|||||||||||||||||||||
21280 | โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 | คค | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรายงานว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ อนุมัติให้กระทรวงคมนาคมดำเนินโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ๓ สายทาง ได้แก่ (๑) สายบางใหญ่-กาญจนบุรี (๒) สายบางปะอิน-นครราชสีมา (๓) สายพัทยา-มาบตาพุด ระยะทางรวม ๓๒๓.๑๕ กิโลเมตร นั้น เนื่องจากทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗ สายกรุงเทพ-พัทยา เป็นถนนสายหลักในการเดินทางและขนส่งสินค้าจากภาคตะวันออกไปยังทั่วภูมิภาคของประเทศ และเป็นเส้นทางสนับสนุนระบบโลจิสติกส์ของประเทศอย่างแท้จริง กระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวงจึงได้ดำเนินการ ดังนี้
๑. เร่งก่อสร้างปรับปรุงทางแยกต่างระดับหนองขาม-เข้าท่าเรือแหลมฉบัง ระยะทาง ๘.๐๙๑ กิโลเมตร เพื่อให้เป็นจุดเชื่อมต่อจากทางหลวงหมายเลข ๓๓๑ เข้าสู่ท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งช่วงนี้จะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในเดือนมีนาคม ๒. เร่งพัฒนาโครงข่ายถนนบนทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗ สายกรุงเทพฯ-บ้านฉาง ช่วงพัทยา-มาบตาพุด ระยะทาง ๓๑.๑๕๐ กิโลเมตร ภายใต้งบประมาณก่อสร้าง ๑๔.๒๐๐ ล้านบาท ทั้งนี้ กรมทางหลวงได้เริ่มลงนามในสัญญาก่อสร้างไปแล้วเมื่อวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ซึ่งขณะนี้ได้ลงนามไปแล้ว ๘ สัญญา จาก ๑๓ สัญญา และจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างปลายเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๙
|
.....