ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1068 จากทั้งหมด 6209 หน้า แสดงรายการที่ 21341 - 21360 จากข้อมูลทั้งหมด 124166 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
21341 | รายงานการแก้ไขปัญหากรณีโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTS) ขัดข้อง ในการให้บริการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต - แบริ่ง และสนามกีฬา - บางหว้า เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2559 | คค | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรายงานว่า ในวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ โครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTS) ได้เกิดเหตุขัดข้องในการให้บริการ จนเป็นเหตุให้มีผู้โดยสารที่ไม่สามารถใช้บริการได้เป็นจำนวนมาก นั้น กระทรวงคมนาคมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก้ไขปัญหาดังกล่าวในเบื้องต้นโดยให้เพิ่มความถี่ในขบวนรถไฟฟ้าและจำนวนความถี่ในการเดินรถโดยสารสาธารณะเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชน นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตจากการให้บริการขนส่งสาธารณะ ดังนี้ ๑.๑ มาตรการระยะสั้น กระทรวงคมนาคมได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานในสังกัดและเอกชนผู้ประกอบการเกี่ยวกับแนวทางการบริหารจัดการเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินและแผนเผชิญเหตุ โดยที่ประชุมมีมติให้จัดทำ “แผนฉุกเฉินและเผชิญเหตุร่วมกันในระบบขนส่งสาธารณะ” ให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๙ ตลอดจนจัดทำและลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจเพื่อเป็นกรอบและแนวทางการดำเนินงาน ๑.๒ มาตรการระยะยาว กระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อให้มีหน่วยงานกำกับ ควบคุม ดูแล และรับผิดชอบต่อการให้บริการในระบบขนส่งทางราง โดยการจัดตั้ง “กรมการขนส่งทางราง” ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการกำลังอยู่ระหว่างนำเสนอคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบภายในระยะเวลา ๒ เดือน (ภายในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๙) และอยู่ระหว่างดำเนินการตามโครงการพัฒนาศูนย์บูรณาการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบแห่งชาติ (National Multimodal Transport Integration Center : NMTIC) ๒. ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณากำหนดมาตรการในการกำกับดูแลหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงคมนาคมและภาคเอกชนคู่สัญญาที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการให้บริการขนส่งสาธารณะ เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้ใช้บริการในระบบขนส่งสาธารณะต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
21342 | การเสนอรายชื่อบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอชื่อเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน | อื่นๆ | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ซึ่งเห็นชอบรายชื่อบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอชื่อเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน จำนวน ๖ คน และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||
21343 | การร่วมรับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จเยือนราชอาณาจักรกัมพูชา | นร04 | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) รายงานผลการร่วมเฝ้าฯ รับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสเสด็จฯ เยือนราชอาณาจักรกัมพูชา ระหว่างวันที่ ๒๓-๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ได้จัดงานเลี้ยงรับรองอย่างเป็นทางการ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสเสด็จฯ เยือนราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อทอดพระเนตรโครงการที่ได้รับพระราชทานความช่วยเหลือด้านการศึกษา ซึ่งมีส่วนสำคัญยิ่งในการส่งเสริมและพัฒนาด้านการศึกษาร่วมกัน ส่งเสริมความเข้าใจอันดี และเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ ๖๕ ปี ความสัมพันธ์ระหว่างราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งจะเกื้อกูลต่อการขยายความร่วมมือในด้านอื่น ๆ ร่วมกันต่อไป ในโอกาสนี้ สถาบันการดนตรีกัลยาณิวัฒนา กระทรวงวัฒนธรรม ได้ร่วมกับฝ่ายกัมพูชาจัดงานแสดงคอนเสิร์ตดุริยางค์เยาวชนสถาบันการดนตรีกัลยาณิวัฒนาร่วมกับเยาวชนดนตรีกัมพูชาเพื่อเฉลิมพระเกียรติฯ ด้วย ๒. การหารือระหว่างฝ่ายไทยนำโดยรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) กับฝ่ายกัมพูชานำโดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (นายฮอร์ นัมฮง) และรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสก อาน) ในประเด็นความร่วมมือในมิติต่าง ๆ การเสริมสร้างมิตรภาพ และการจัดกิจกรรมร่วมระหว่างกัน
|
||||||||||||||||||||||||
21344 | ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | ศธ | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||
21345 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. .... และการเสนอรายชื่อบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอชื่อเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ๒. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รับข้อสังเกตดังกล่าวประสานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
21346 | ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||
21347 | ร่างพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||
21348 | รายงานผลการประชุม G -77 Bangkok Roundtable on Sufficency Economy : An Approach to lmplementing the Sustainable Development Goals และผลการเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ | นร | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรายงานผลการประชุม G-77 Bangkok Roundtable on Sufficiency Economy : An Approach to Implementing the Sustainable Development Goals และผลการเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการประชุม G-77 Bangkok Roundtable on Sufficiency Economy : An Approach to Implementing the Sustainable Development Goals เมื่อวันที่ ๒๘-๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ผู้เข้าร่วมการประชุมฯ เข้าใจแนวทางการพัฒนาตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงและความเชื่อมโยงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน รวมทั้งตระหนักว่า หลักปรัชญาดังกล่าวสามารถเป็นแนวทางหนึ่งในการสนับสนุนการบรรลุวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ ของสหประชาชาติ และเป็นมิติใหม่ที่ครอบคลุมความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ซึ่งสามารถนำไปสู่กระบวนการแนวคิดใหม่เพื่อให้ประเทศกำลังพัฒนาสามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เป็นนโยบายในการพัฒนาประเทศอย่างเป็นรูปธรรม โดยประเทศไทยได้แสดงความพร้อมที่จะให้ความร่วมมือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับประเทศต่าง ๆ อย่างจริงใจในการแสวงหา “ความเหมือนในความแตกต่าง” เพื่อมุ่งสู่การพัฒนาทางเศรษฐกิจที่ทำให้ประชาชนมีความสุขร่วมกันอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ผลลัพธ์การประชุมจะเป็นข้อคิดเห็นสำหรับการประชุมที่เกี่ยวข้องกับการเสริมสร้างความร่วมมือของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา และการประชุมอื่น ๆ ของกลุ่ม ๗๗ ที่ประเทศไทยจะจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดปี ๒๕๕๙ ๒. ผลการเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ระหว่างวันที่ ๒๖-๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ที่นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ๒.๑ ประเด็นภายในอาเซียน ที่ประชุมให้ความสำคัญกับการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของอาเซียนสร้างความเข้มแข็งให้กับสำนักงานเลขาธิการอาเซียนและคณะกรรมการผู้แทนถาวรอาเซียนประจำกรุงจาการ์ตา และได้หารือถึงการสร้างความตื่นตัวในระดับประชาชนให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยยึดหลักการการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลังและลดช่องว่างการพัฒนา ๒.๒ ประเด็นความสัมพันธ์กับภาคีภายนอก ที่ประชุมได้แสดงความกังวลต่อพัฒนาการของสถานการณ์ในทะเลจีนใต้ โดยได้ย้ำถึงการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธีและยึดหลักการการไม่แพร่ขยายอิทธิพลทางทหารและการยับยั้งชั่งใจ ตลอดจนให้มีการบังคับใช้ปฏิญญาว่าด้วยการปฏิบัติของภาคีฝ่ายต่าง ๆ ในทะเลจีนใต้ (Declaration on the Conduct of Parties in the South China Sea : DoC) อย่างเคร่งครัดและเร่งรัดการจัดทำแนวปฏิบัติของภาคีในทะเลจีนใต้ (Code of Conduct in the South China Sea : CoC) ให้เสร็จโดยเร็ว นอกจากนี้ ที่ประชุมย้ำถึงการรักษาความเป็นแกนกลางและเอกภาพของอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นสำคัญ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับประเทศคู่เจรจา ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา รัสเซีย หรือจีน เพื่อให้อาเซียนสามารถเป็นผู้กำหนดทิศทางการหารือและผลักดันผลประโยชน์ของอาเซียนเองได้อย่างแท้จริง
|
||||||||||||||||||||||||
21349 | ข้อคิดเห็นของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี | นร04 | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) และรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลและการบริหารราชการแผ่นดิน ดังนี้ ๑.๑ รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รายงานว่า ๑.๑.๑ ในปัจจุบันมีประชาชนมาติดต่อหน่วยงานราชการภายในบริเวณทำเนียบรัฐบาลเป็นจำนวนมาก เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้มาติดต่อราชการ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจึงอยู่ระหว่างการดำเนินการจัดระเบียบภายในทำเนียบรัฐบาล เช่น สถานที่จอดรถ การจัดระบบการเข้า-ออกของบุคคล และการรักษาความปลอดภัย เป็นต้น ๑.๑.๒ ตามที่ได้มีข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงกลาโหม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการมิให้เกิดการกระทำผิดกฎหมายหรือมีอาวุธไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมทั้งปราบปรามผู้มีอิทธิพล ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้มีผลสัมฤทธิ์ภายใน ๖ เดือน นั้น ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป ๑.๑.๓ กระทรวงกลาโหมจะได้ดำเนินการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกองทัพบก กองทัพอากาศ และกองทัพเรือ เกี่ยวกับการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และหลังจากดำเนินการเสร็จแล้วจะได้รายงานผลการดำเนินการต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป ๑.๑.๔ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๙ มอบหมายให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักบูรณาการร่วมกับกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนและวางระบบการตรวจคนเข้าเมืองตามด่านตรวจคนเข้าเมืองต่าง ๆ รวมถึงให้มีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาเสริมสร้างขีดความสามารถในการดำเนินการด้วย เช่น การใช้ระบบ Biometrics หรือการใช้ข้อมูลทางชีวภาพ เพื่อสามารถเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้องได้แล้วนำเสนอรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) พิจารณาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีภายใน ๑ เดือน นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ นั้น ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) ได้นำระบบ Biometrics มาใช้ในท่าอากาศยานแล้ว (นำร่อง) และจะขยายผลการดำเนินการต่อไป ๑.๒ รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) รายงานผลการจัดงานประกาศรางวัล ๕๐ ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย ประจำปี ๒๕๕๙ (Asia’ 50 Best Restaurants 2016) ว่า ในปีนี้มีร้านอาหารของไทยติดอันดับจำนวน ๔ ร้าน โดยหนึ่งในนั้นได้รับรางวัลชนะเลิศเป็นปีที่ ๒ ติดต่อกัน ซึ่งในอนาคตอาจมีการพิจารณานำผลผลิตของโครงการหลวงมาใช้เป็นวัตถุดิบในการประกอบอาหารเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์และสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยด้วย ๑.๓ รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) รายงานว่า สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ เช่น องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ และองค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นต้น ดำเนินโครงการ “ปิดเทอมนี้... สนุกคิด... สนุกเรียนรู้... สู่อนาคต” ประกอบด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ ได้แก่ ด้านวิทยาศาสตร์ ด้านดาราศาสตร์ ด้านความคิดสร้างสรรค์ ด้านศิลปวัฒนธรรม ด้านธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และด้านส่งเสริมนิสัยรักการอ่านและทักษะชีวิต เพื่อให้เด็กและเยาวชนได้มีโอกาสแสวงหาความรู้จากพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ในช่วงปิดภาคเรียน (เดือนมีนาคม-พฤษภาคม ๒๕๕๙) ๑.๔ รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) รายงานว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกในปี ๒๕๕๙ มีแนวโน้มชะลอตัว เห็นได้จากมูลค่าการส่งออกและนำเข้าที่หดตัวของประเทศหลักในภูมิภาค ประกอบกับอุปสงค์ภายในประเทศของสาธารณรัฐประชาชนจีนมีแนวโน้มชะลอตัวลง แม้ว่าสถานการณ์การส่งออกของประเทศไทยในเดือนมกราคม ๒๕๕๙ ดีกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค แต่ยังมีความเสี่ยงจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลก จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมุ่งเน้นการสนับสนุนเศรษฐกิจภายในประเทศ ผ่านการเร่งรัดการเบิกจ่ายตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากในช่วงครึ่งแรกของปี และเร่งรัดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ให้สามารถเริ่มดำเนินโครงการได้ภายในไตรมาสที่ ๓ และ ๔ ของปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ๑.๕ รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รายงานเกี่ยวกับการดำเนินงานด้านกฎหมายว่า ๑.๕.๑ ช่วงระยะเวลาหลังจากร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติแล้ว สภานิติบัญญัติแห่งชาติจะต้องพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญหลายฉบับและต้องพิจารณาโดยเร็ว และเพื่อให้การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติของสภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและตามกรอบระยะเวลา เห็นควรให้ส่วนราชการเร่งรัดเสนอร่างพระราชบัญญัติในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อคณะรัฐมนตรีในห้วงระยะเวลาก่อนที่จะมีการออกเสียงประชามติ และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งรัดการตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเพื่อให้สามารถเสนอร่างพระราชบัญญัติต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้โดยเร็ว ๑.๕.๒ ปัจจุบันสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้เห็นชอบกฎหมายมาแล้ว ๑๕๑ ฉบับ และเพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพ ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการออกกฎหมายลูกบทต่อไปตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ (เรื่อง สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) ๒. ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการเกี่ยวกับการออกกฎหมายต่าง ๆ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
21350 | ร่างพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. .... | พณ | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. .... นั้น เนื่องจากในชั้นการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะทำงานร่วมรัฐ-เอกชน-ประชาชน (ประชารัฐ) ฝ่ายกฎหมาย และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมีความเห็นว่าควรจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าเป็นหน่วยงานของรัฐที่เป็นอิสระ มีฐานะเป็นนิติบุคคล เพื่อให้เป็นกลไกในการกำกับดูแลการแข่งขันทางการค้าตามวัตถุประสงค์ของร่างพระราชบัญญัติฯ ประกอบกับกระบวนการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้จะใช้เวลาดำเนินการระยะหนึ่งซึ่งเพียงพอต่อการเตรียมการในการจัดตั้งสำนักงานฯ ดังกล่าวได้ จึงขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว โดยเห็นชอบให้จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าเป็นหน่วยงานของรัฐที่เป็นอิสระ มีฐานะเป็นนิติบุคคล ตามหลักการของร่างพระราชบัญญัติฯ ที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับไปประกอบการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติฯ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
21351 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้ทุกส่วนราชการพิจารณาจัดเตรียมโครงการลงทุนที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการซึ่งสอดคล้องกับกรอบยุทธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) เพื่อรองรับหากเกิดกรณีที่โครงการลงทุนใดไม่สามารถดำเนินการได้ เพื่อให้การขับเคลื่อนการลงทุนและเศรษฐกิจของประเทศเป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ ๑.๒ ให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ แนวทางการนำสภาพคล่อง ส่วนเกินของกองทุน ทุนหมุนเวียนต่าง ๆ เพื่อใช้ประโยชน์ในการสนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศของรัฐบาล ๑.๓ ให้กระทรวงพาณิชย์เร่งขึ้นทะเบียนสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือสินค้าจีไอ (Geographical Indication : GI) จากทั่วทุกภาคของประเทศให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อเป็นการคุ้มครองสินค้าให้เป็นสิทธิเฉพาะของผู้จดทะเบียน ส่งเสริมให้มีการพัฒนาคุณภาพของสินค้าที่ผลิตในท้องถิ่นให้ดีขึ้น และสามารถจำหน่ายได้ในราคาสูงขึ้น รวมทั้งเป็นการเตรียมการรองรับหากประเทศไทยเข้าร่วมความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Trans-Pacific Partnership : TPP) ด้วย ๒. ด้านสังคม ให้กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการช่วยเหลือนักเรียนที่ออกจากระบบการศึกษาในช่วง ๒ ปีที่ผ่านมา เนื่องจากครอบครัวประสบปัญหาด้านรายได้ให้กลับเข้าสู่ระบบการศึกษา ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจัดหลักสูตรการฝึกอบรมต่าง ๆ โดยให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมเป็นข้าราชการของหน่วยงานที่จัดเป็นหลัก และมีข้าราชการจากหน่วยงานอื่นเข้าร่วมฝึกอบรมได้ในสัดส่วนไม่เกิน ๑ ใน ๓ รวมทั้งมีข้อกำหนดไม่ให้มีการเข้ารับการฝึกอบรมต่อเนื่อง ๒ หลักสูตรด้วย ๓.๒ ให้กระทรวงคมนาคมกำกับและเร่งรัดให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยคัดสรรและบรรจุบุคลากรที่จำเป็นตามกรอบระยะเวลาที่แผนการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือนกำหนดต่อไปด้วย ๓.๓ ให้กระทรวงสาธารณสุขรับไปประสานทันตแพทยสภาเพื่อพิจารณาความเหมาะสมในการออกข้อบังคับเกี่ยวกับการต่ออายุใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทันตกรรมให้มีมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับและสอดคล้องกับวิทยาการและเทคโนโลยีทางทันตกรรมปัจจุบัน ๓.๔ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขยายผลการดำเนินการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาลในลักษณะแปลงรวมโดยมิให้กรรมสิทธิ์ แต่อนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินของรัฐเป็นกลุ่มหรือชุมชน ในพื้นที่อื่น ๆ โดยให้สอดคล้องกับแผนการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) และแผนการบริหารจัดการน้ำด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
21352 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติจดทะเบียนเครื่องจักร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อก | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติจดทะเบียนเครื่องจักร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมได้มีการดำเนินการไปแล้ว คือ แต่งตั้งคณะทำงานยกร่างกฎหมายเกี่ยวกับการกำหนดคุณสมบัติของผู้ตรวจสอบเครื่องจักเอกชน กฎกระทรวงเกี่ยวกับมาตรฐานการทำงานของผู้ตรวจสอบเครื่องจักรเอกชน กฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนเครื่องจักร และระเบียบว่าด้วยการยื่นอุทธรณ์คำสั่งไม่อนุญาตเป็นผู้ตรวจสอบเครื่องจักรกล รวมทั้งได้กำหนดมาตรการทางการบริหารสำหรับการกำกับดูแลผู้ตรวจสอบเครื่องจักรเอกชนให้มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
21353 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง รายงานของสภาปฏิรูปแห่งชาติ เรื่อง การกำหนดยุทธศาสตร์ชาติและร่างพระราชบัญญัติยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. ....) | นร11 | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง รายงานของสภาปฏิรูปแห่งชาติ เรื่อง การกำหนดยุทธศาสตร์ชาติและร่างพระราชบัญญัติยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. ....) ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงในปัจจุบัน เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญและมีการแก้ไขร่างพระราชบัญญัติยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. .... ของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ควรรอความชัดเจนในเรื่องดังกล่าวก่อนที่คณะรัฐมนตรีจะพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปประเทศต่อไป จึงได้มีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะดังกล่าว และแจ้งให้คณะกรรมการประสานงาน รวม ๓ ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) ทราบต่อไป ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติติดตามผลการดำเนินการในเรื่องนี้ และเสนอรายงานผลการพิจารณาเรื่องดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||
21354 | รัฐบาลสาธารณรัฐรวันดาเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นางสาวเวเนเชีย เซบูดันดี (Miss Venetia Sebudandi)] | กต | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวเวเนเชีย เซบูดันดี (Miss Venetia Sebudandi) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐรวันดาประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น สืบแทน นายชาลส์ มูริกันเด (Mr. Charles Murigande) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
21355 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายสรศักดิ์ โล่ห์จินดารัตน์) | สธ | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสรศักดิ์ โล่ห์จินดารัตน์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) กลุ่มงานกุมารเวชศาสตร์ กลุ่มภารกิจวิชาการ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
21356 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่แคม ป่าแม่ก๋อน และป่าแม่สาย และป่าลำน้ำน่านฝั่งขวา ป่าจริม และป่าน้ำปาด บางส่วน ในท้องที่ ตำบลช่อแฮ อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ และตำบลน้ำหมัน ตำบลจริม อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ พ.ศ .... | ทส | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่แคม ป่าแม่ก๋อน และป่าแม่สาย และป่าลำน้ำน่านฝั่งขวา ป่าจริม และป่าน้ำปาด บางส่วน ในท้องที่ตำบลช่อแฮ อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ และตำบลน้ำหมัน ตำบลจริม อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเพิกถอนอุทยานแห่งชาติ ป่าแม่แคม ป่าแม่ก๋อน และป่าแม่สาย และป่าลำน้ำน่านฝั่งขวา ป่าแม่จริม และป่าน้ำปาด บางส่วน ในท้องที่ตำบลช่อแฮ อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ และตำบลน้ำหมัน ตำบลจริม อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ รวมเนื้อที่ ๑,๖๒๘ ไร่ ๒ งาน ๖๗ ตารางวา เพื่อก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
21357 | การยุติการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง | อส | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติในการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้พิจารณาตัดสินชี้ขาดการดำเนินคดีระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจ กับเอกชน และข้อพิพาทระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจด้วยกันเอง รวม ๒๕ เรื่อง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในฐานะประธานกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติ ในการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอ และแจ้งให้สำนักงานอัยการสูงสุดส่งเรื่องคืนตัวความหรือส่งคำตัดสินชี้ขาดและมติคณะรัฐมนตรีในเรื่องนี้ให้คู่กรณีทราบและถือปฏิบัติต่อไป ๒. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติในการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรื่อง ข้อพิพาทระหว่างการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กับเทศบาลเมืองพิจิตร กรณีการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเรียกร้องให้เทศบาลเมืองพิจิตรชำระค่ากระแสไฟฟ้าส่วนที่เกินสิทธิการใช้กระแสไฟฟ้าสาธารณะเป็นเงินจำนวน ๕๔๖,๗๗๔.๕๑ บาท เพื่อให้ได้ข้อยุติในปัญหาที่ว่าการใช้กระแสไฟฟ้าในศูนย์บริการสาธารณสุขของเทศบาลทั้ง ๖๖ แห่ง ที่มีข้อตกลงโอนกิจการผลิตกระแสไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคถือเป็นการใช้กระแสไฟฟ้าสาธารณะอันจะได้รับสิทธิยกเว้นค่ากระแสไฟฟ้าหรือไม่ และมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานแห่งชาติพิจารณาทบทวนในประเด็นดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||
21358 | รายงานการพิจารณาศึกษาข้อเสนอเชิงนโยบาย "การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม" ของคณะกรรมาธิการการสื่อสารมวลชน การวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และสารสนเทศ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานพร้อมทั้งข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการสื่อสารมวลชน การวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสารสนเทศ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เกี่ยวกับเรื่อง “การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม” ซึ่งเห็นว่าในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากด้วยฐานความรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ควรเชื่อมโยงองค์ความรู้อันอาศัยกลไกหลักที่เป็นความร่วมมือระหว่างเครือข่ายมหาวิทยาลัย ชุมชนท้องถิ่น ผู้ประกอบการ หน่วยงานราชการ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิดกลุ่มเครือข่ายการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมที่ยั่งยืน ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
21359 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. .... | สว | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การออกกฎกระทรวงของกระทรวงแรงงานเพื่อกำหนดประเภทของสถานประกอบกิจการและการดำเนินการของสถานประกอบกิจการ กระทรวงแรงงานควรพิจารณาออกกฎกระทรวงให้ครอบคลุมถึงกลุ่มลูกจ้างหรือคนงานที่ทำงานในสถานประกอบกิจการประเภทก่อสร้างนอกที่ตั้งของสำนักงานปกติหรือกลุ่มแรงงานไร้ฝีมือด้วย ๑.๒ กรณีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ควรแต่งตั้งผู้แทนจากองค์กรพัฒนาเอกชนและนักวิชาการที่ทำงานด้านสุขภาวะทางเพศเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑.๓ กรมอนามัยควรมีการจัดทำกระบวนการคุ้มครองหรือแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการป้องกัน ช่วยเหลือ แก้ไข และเยียวยาปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ๑.๔ ในกรณีที่มีการกำหนดมาตรฐานการจัดสวัสดิการสังคม ควรคำนึงถึงสิทธิของวัยรุ่นที่จะได้รับในประเด็นเกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นอย่างถูกต้อง ครบถ้วน และเพียงพอ โดยเสมอภาคและไม่ถูกเลือกปฏิบัติ ๒. มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และกระทรวงแรงงานเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวมแล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
21360 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าเสา ตำบลบ้านเกาะ ตำบลท่าอิฐ อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ พ.ศ. .... | คค | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าเสา ตำบลบ้านเกาะ ตำบลท่าอิฐ อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าเสา ตำบลบ้านเกาะ ตำบลท่าอิฐ อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อสร้างและขยายทางหลวงชนบท สาย ง๑ ตามโครงการผังเมืองรวมเมืองอุตรดิตถ์ และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
.....