ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1062 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 21221 - 21240 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
21221 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการขออนุญาต การออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาตผลิตอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ พ.ศ. .... | กษ | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการขออนุญาต การออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาตผลิตอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการขออนุญาต การออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาตผลิตอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะตามพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
21222 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลพุ่มแก อำเภอนาแก และตำบลนาหนาด ตำบลฝั่งแดง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | กษ | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลพุ่มแก อำเภอนาแก และตำบลนาหนาด ตำบลฝั่งแดง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน โดยมีสาระสำคัญเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์เพื่อการก่อสร้างได้ตามแผนงานที่กำหนดไว้ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบให้ส่วนราชการที่เสนอร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน ต้องชี้แจงแสดงเหตุผลความจำเป็นในกรณีที่การออกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าวมีระยะเวลาใกล้เคียงกับพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
21223 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้เครื่องพิมพ์สามมิติเป็นสินค้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... | พณ | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้เครื่องพิมพ์สามมิติเป็นสินค้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำกับ ดูแล ติดตามปริมาณนำเข้า และป้องกันมิให้มีการนำเครื่องพิมพ์สามมิติไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสมและขัดต่อกฎหมาย เช่น ผลิตอาวุธปืน หรือวัตถุอันตรายอื่น ๆ จนก่อให้เกิดปัญหาความปลอดภัยและความมั่นคงของประเทศ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประชาสัมพันธ์การบังคับใช้ประกาศกระทรวงพาณิชย์ฯ ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทราบโดยทั่วกัน และควรเร่งออกประกาศกำหนด หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขึ้นทะเบียนเป็นผู้นำเข้าเครื่องพิมพ์สามมิติ การจดแจ้งการนำเข้า การรายงานการนำเข้า การครอบครอง และการจำหน่ายจ่ายโอนเครื่องพิมพ์สามมิติโดยเร็ว โดยในการออกประกาศฯ ควรให้ความสำคัญกับความคล่องตัวในการดำเนินการของผู้นำเข้าและการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขต้องไม่กีดกันการพัฒนาเทคโนโลยีและการนำนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ด้วย นอกจากนี้ ควรมีแผนงานหรือวางแนวทางในการติดตามและประเมินสถานการณ์การนำเข้าเครื่องพิมพ์สามมิติอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการรายงานการนำเข้า การครอบครอง และการจำหน่ายจ่ายโอน ตลอดจนการเพิกถอนการขึ้นทะเบียนในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||
21224 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร เพื่อปรับปรุงการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเงินได้ บุคคลธรรมดาสำหรับการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว | กค | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร เพื่อปรับปรุงการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว ซึ่งเป็นการดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ โดยกำหนดกรอบเวลาการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี รวมทั้งปรับปรุงหลักเกณฑ์การถือหน่วยลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาวที่จะได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีให้มีระยะเวลาที่ยาวขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้การลงทุนมีความสอดคล้องกับการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอย่างแท้จริง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
21225 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงสภาพสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันในเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชชลบุรี และเขตประกอบการเสรีเหมราชชลบุรี ในท้องที่ตำบลบ่อวิน อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... | อก | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงสภาพสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันในเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชชลบุรี และเขตประกอบการเสรีเหมราชชลบุรี ในท้องที่ตำบลบ่อวิน อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ซึ่งพลเมืองเลิกใช้ประโยชน์แล้ว เนื้อที่ประมาณ ๒๒ ไร่ ๑ งาน ๑๘.๗ ตารางวา เป็นกรรมสิทธิ์ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับกรณีที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายเพื่อกำหนดให้เขตอุตสาหกรรมส่งออกเป็นเขตประกอบการเสรี และโดยผลของมาตรา ๑๔ แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ จึงทำให้เขตอุตสาหกรรมส่งออกบ่อวินตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกบ่อวิน พ.ศ. ๒๕๓๓ เปลี่ยนสถานะเป็นเขตประกอบการเสรีบ่อวิน แต่ไม่ปรากฏการประกาศเปลี่ยนชื่อเรียก “เขตประกอบการเสรีเหมราชชลบุรี” ในเวลาต่อมาแต่อย่างใด ดังนั้น เพื่อให้การเรียกชื่อเขตประกอบการเสรีดังกล่าวเป็นไปอย่างถูกต้องและสอดคล้องกับการกำหนดตามร่างพระราชกฤษฎีกานี้ที่ผ่านการตรวจพิจารณา การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยสมควรดำเนินการออกประกาศเปลี่ยนชื่อเรียกก่อนที่จะมีการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกา ไปดำเนินการ ก่อนนำร่างพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
21226 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการขออนุญาต การออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาตขายอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ พ.ศ. .... | กษ | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการขออนุญาต การออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาตขายอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการขออนุญาต การออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาตขายอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะตามพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
21227 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ครั้งที่ 1/2559 | นร11 | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ และเห็นชอบผลการพิจารณาและมติของ กนพ. และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้บรรลุเป้าหมาย ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. เห็นชอบข้อเสนอแปลงที่ดินที่จะนำมาใช้ประโยชน์ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษนครพนม เชียงราย และกาญจนบุรี รวมพื้นที่ประมาณ ๑๑,๙๕๗ ไร่ ๒. เห็นชอบอัตราค่าเช่าและค่าธรรมเนียมการจัดให้เช่าที่ดินราชพัสดุในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (สงขลา ตาก สระแก้ว ตราด มุกดาหาร และหนองคาย) ระยะเวลาการเช่า ๕๐ ปี และอาจต่อสัญญาเช่าได้อีก ๕๐ ปี ๓. รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยให้รับนโยบายและความเห็นของกรรมการไปประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ๔. มอบหมายให้คณะอนุกรรมการศูนย์บริการเบ็ดเสร็จด้านแรงงานสาธารณสุขและความมั่นคง กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงมหาดไทย กรมธนารักษ์ และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง |
|||||||||||||||||||||||||||
21228 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2558 (ระยะที่ 1 ระหว่างวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 - 30 กันยายน 2558) [เรื่อง รายงานผลการดำเนินการของส่วนราชการ จำแนกตาม 37 ประเด็นการปฏิรูปของสภาปฏิรูปแห่งชาติ] | นร04 | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการของส่วนราชการ จำแนกตาม ๓๗ ประเด็น การปฏิรูปของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ซึ่งเปรียบเทียบผลการดำเนินการก่อน-หลังวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง การดำเนินการเพื่อสนับสนุนการปฏิรูปประเทศ) สรุปได้ ดังนี้
๑. การปฏิรูประบบและโครงสร้างภาษี โดยได้ปรับปรุงกฎหมายภาษีสรรพสามิตและภาษีศุลกากร การปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลให้ SMEs หรือยกเว้นภาษีเงินได้ให้ SMEs ที่เริ่มประกอบกิจการ ๒. การกำหนดมาตรการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยเพิ่มจากร้อยละ๒๐๐ เป็นร้อยละ ๓๐๐ (จากเดิม ๒ เท่า เป็น ๓ เท่า) ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นเวลา ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๘-พ.ศ. ๒๕๖๒) ๓. การปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน ๑ : ๔,๐๐๐ แบบดิจิทัล (One Map) และพัฒนาเป็น Application เพื่อความสะดวกในการตรวจสอบแนวเขตป่าไม้ ๔. การปรับสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากที่เป็นหนี้ประมาณ ๘,๐๐๐ ล้านบาท เปลี่ยนมาเป็นบวกถึงกว่า ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท ๕. การปรับเพิ่มวงเงินกู้ยืมเพื่อการประกอบอาชีพของคนพิการจากเดิมรายละ ๔๐,๐๐๐ บาท เป็นรายละ ๖๐,๐๐๐ บาท โดยไม่เสียดอกเบี้ย ๖. การขยายความคุ้มครองประกันสังคมภาคบังคับไปสู่ลูกจ้างชั่วคราวทุกประเภทของส่วนราชการ (เดิมคุ้มครองเฉพาะลูกจ้างชั่วคราวรายเดือน) และขยายความคุ้มครองไปสู่ลูกจ้างของนายจ้างที่มีสำนักงานในประเทศและไปประจำทำงานในต่างประเทศ (เดิมไม่คุ้มครอง) ๗. การยกร่างและปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ ร่างพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติสภาประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ....
|
|||||||||||||||||||||||||||
21229 | รายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนธันวาคม ปี 2558 | พณ | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนธันวาคม ปี ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาพรวมมูลค่าการส่งออกของไทยปี ๒๕๕๘ หดตัวที่ร้อยละ ๕.๗๘ โดยมีสาเหตุสำคัญจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัว รวมทั้งราคาน้ำมันที่ลดลงกระทบมูลค่าส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน อีกทั้งยังกดดันให้ราคาสินค้าเกษตรโลกอยู่ในระดับต่ำ ๒. มูลค่าการค้าระหว่างประเทศในรูปของเงินดอลลาร์สหรัฐ การส่งออกเดือนธันวาคม ๒๕๕๘ มีมูลค่า ๑๗,๑๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ ๘.๗๓ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน (YoY) และทั้งปี ๒๕๕๘ มีมูลค่า ๒๑๔,๓๗๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ ๕.๗๘ เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY) ๓. มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตร หดตัวตามราคาสินค้าเกษตรโลก โดยภาพรวมเดือนธันวาคม ๒๕๕๘ ลดลงร้อยละ ๙.๘ (YoY) และทั้งปี ๒๕๕๘ ลดลงร้อยละ ๗.๔ (YoY) ตามทิศทางของราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกที่ยังคงชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่มูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม หดตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจโลกและราคาน้ำมัน โดยภาพรวมเดือนธันวาคม ๒๕๕๘ ลดลงร้อยละ ๖.๗ (YoY) และทั้งปี ๒๕๕๘ ลดลงร้อยละ ๔.๐ (YoY) ปัจจัยหลักยังคงมาจากการหดตัวของมูลค่าส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันดิบหรืออุตสาหกรรมที่มีโครงสร้างการใช้วัตถุดิบซึ่งมาจากการกลั่นปิโตรเลียม และมีแนวโน้มลดต่ำลงมากต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า ๔. การนำเข้าเดือนธันวาคม ๒๕๕๘ มีมูลค่า ๑๕,๖๑๓ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ ๙.๒๓ (YoY) และทั้งปี ๒๕๕๘ มีมูลค่า ๒๐๒,๖๕๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ ๑๑.๐๒ (YoY) ส่งผลให้ดุลการค้าระหว่างประเทศเดือนธันวาคม ๒๕๕๘ เกินดุล ๑,๔๘๗ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ทั้งปี ๒๕๕๘ เกินดุล ๑๑,๗๒๑ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นการกลับมาเกินดุลการค้าครั้งแรกในรอบ ๔ ปี อีกทั้งเป็นมูลค่าเกินดุลที่สูงสุดนับตั้งแต่ปี ๒๕๕๒
|
|||||||||||||||||||||||||||
21230 | การถอดถอนกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำเมืองวลาดิวอสต็อก สหพันธรัฐรัสเซีย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายวิทาลี จี. คัลยูชิน (Mr. Vitaly Kulyushin)] | กต | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติถอดถอน นายวิทาลี จี. คัลยูชิน (Mr. Vitaly Kulyushin) ออกจากตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำเมืองวลาดิวอสต็อก สหพันธรัฐรัสเซีย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
21231 | การขออนุมัติแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ไทยประจำสาธารณรัฐมอลตาคนใหม่ (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายฟรานซิส คาร์โบนาโร (Francis Carbonaro)] | กต | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายฟรานซิส คาร์โบนาโร (Francis Carbonaro) เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำสาธารณรัฐมอลตา สืบแทน นายวิลเลี่ยม เอช คาร์โบนาโร (William H. Carbonaro) ซึ่งขอลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากชราภาพ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
21232 | การแต่งตั้งกงสุลใหญ่สาธารณรัฐอุซเบกิสถานประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายอิสลาม เบกเมอซาเยฟ (Mr. Islam Bekmirzaev)] | กต | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนาย อิสลาม เบกเมอซาเยฟ (Mr. Islam Bekmirzaev) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่สาธารณรัฐอุซเบกิสถานประจำประเทศไทย สืบแทน นายซาอิดราฮิม อิครามอฟ (Mr. Saidrakhim Ikramov) ซึ่งครบวาระประจำการ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
21233 | บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกาว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการ | กต | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกาว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการ (Memorandum of Understanding between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the Democratic Socialist Republic of Sri Lanka on Technical Cooperation) มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางวิชาการในระยะยาวและยั่งยืนในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ส่งเสริมการศึกษาและโครงการที่ก่อให้เกิดการพัฒนาทางสังคมและเศรษฐกิจ การแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ และสิ่งอำนวยความสะดวกในการฝึกอบรม รวมถึงความร่วมมือในรูปแบบอื่นที่ตกลงร่วมกัน เป็นต้น โดยจะกำหนดสาขาความร่วมมือระหว่างกันต่อไป ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ในนามของรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับคำแปลร่างบันทึกความเข้าใจฯ ฉบับภาษาไทยซึ่งไม่สอดคล้องกับร่างบันทึกความเข้าใจฯ ฉบับภาษาอังกฤษ และมีจำนวนข้อบทไม่ครบถ้วน ควรตรวจสอบความถูกต้องของคำแปลร่างบันทึกความเข้าใจฯ อีกครั้งหนึ่ง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
21234 | การขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณปี พ.ศ. 2555 - 2557 | กค | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. มอบหมายให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๗ ที่กันไว้เบิกเหลื่อมปี เฉพาะในส่วนของโครงการที่ไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๗ ที่กันไว้เบิกเหลื่อมปีได้ทันภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ โดยให้ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันได้ถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๕๙ เท่านั้น หากพ้นจากห้วงเวลาดังกล่าวแล้ว หน่วยงานใดยังไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ ให้เงินงบประมาณดังกล่าวพับไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณในประเด็นการเปลี่ยนแปลงรายการที่กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีดังกล่าวไปดำเนินโครงการที่สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล ขอให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นเร่งรัดดำเนินการและขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๔๑ ภายในวันทำการสุดท้ายของเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เพื่อให้สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายในวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๕๙ ไปดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ในกรณีที่หน่วยงานใดยังมีความจำเป็นต้องดำเนินโครงการต่อ [รวมถึงโครงการที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้พับไปเมื่อวันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง การขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๘) ด้วย] ก็ให้เสนอขอตั้งงบประมาณตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังรายงานผลการพิจารณาและติดตามการก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๗ ของหน่วยงานที่ได้รับการขยายระยะเวลาดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
21235 | มติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2558 | ทก | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบมติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ ๕/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๕๘ ตามที่ประธานกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๓๔/๒๕๕๘ ลงวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๘ ที่กำหนดให้รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ และรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ปฏิบัติหน้าที่รองประธานกรรมการ ๑.๒ รับทราบและเห็นชอบในหลักการเกี่ยวกับแนวคิดการดำเนินงานด้านดาวเทียมสื่อสารภาครัฐที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ๑.๓ รับทราบการพิจารณาประเด็นข้อหารือที่สำนักงานกิจการอวกาศส่วนนอกแห่งสหประชาชาติ (UNOOSA) เพื่อขอทราบข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินการด้านกฎหมายอวกาศของประเทศไทย รวม ๖ ประเด็น ซึ่งคณะอนุกรรมการพัฒนากฎหมายอวกาศภายใต้คณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ พิจารณาแล้ว ๒ ประเด็น ได้แก่ คำจำกัดความและการกำหนดขอบเขตอวกาศส่วนนอกและลักษณะและการใช้วงโคจรค้างฟ้า (Geostationary orbit) และกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศด้านการสำรวจและการใช้อวกาศส่วนนอกในทางสันติ ๑.๔ พิจารณากรอบและแนวทางการเจรจาโครงการระบบดาวเทียวสำรวจเพื่อการพัฒนา (THEOS-2) และเห็นชอบและให้สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ดำเนินการจัดทำรายละเอียดเอกสารที่จะนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อ (๑) ให้ความเห็นชอบกรอบและแนวทางการเจรจา วิธีการจัดหาดาวเทียม ระยะเวลา ประโยชน์ที่จะได้รับของโครงการ THEOS-2 (๒) ให้คณะอนุกรรมการเจรจา และคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติพิจารณากลั่นกรองประเทศที่เหมาะสม เพื่อจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างประเทศ (MOU) (๓) ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศเป็นหน่วยงานผู้รับผิดชอบ และ (๔) รับทราบกรอบวงเงิน ๗,๘๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อการพัฒนาโครงการ THEOS-2 ระยะเวลาดำเนินการ ๕ ปี ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับกรณีของแหล่งเงินทุนในการดำเนินการจะต้องมีความครอบคลุม โดยคำนึงถึงความเหมาะสมของแหล่งเงินและกรอบวงเงิน ความประหยัด ความคุ้มค่า การมีส่วนร่วมของภาคเอกชน และการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ให้ถูกต้องครบถ้วน รวมทั้งกรอบและแนวทางการเจรจาเพื่อการจัดหาระบบดาวเทียมที่ให้คณะอนุกรรมการเจรจาไปดำเนินการเจรจากับประเทศที่มีศักยภาพ เพื่อกลั่นกรองประเทศที่เหมาะสมและจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกับหน่วยงานของรัฐต่างประเทศนั้น ควรกำหนดกรอบรายละเอียดของเนื้องาน (TOR) ของโครงการและวิธีการลงทุนให้ชัดเจน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำโครงการ THEOS-2 ไปพิจารณาให้ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับ (๑) การกำหนดหน่วยงานผู้รับผิดชอบโครงการ (๒) ขั้นตอน กระบวนการ วิธีการดำเนินโครงการ และวิธีการลงทุนของโครงการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง และ (๓) ประโยชน์ที่จะได้รับ ความคุ้มค่า และผลตอบแทนจากการลงทุนของโครงการ ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาตินำข้อสรุปดังกล่าว เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓๐ วัน |
|||||||||||||||||||||||||||
21236 | ผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2559 | นร | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๕๙ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การเตรียมการเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้ง ปี ๒๕๕๙ ๑.๒ การวางแผนเพิ่มน้ำต้นทุนโครงการขนาดใหญ่หรือโครงการผันน้ำ ๑.๓ การจัดทำระบบการเก็บกักน้ำและการส่งน้ำควบคู่กับการดำเนินโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง จำนวน ๓ โครงการ ๑.๔ การจัดการทรัพยากรน้ำที่เกี่ยวกับต่างประเทศ ๑.๕ ความตกลงรับความช่วยเหลือแบบให้เปล่าจากธนาคารพัฒนาเอเชีย Community Based-Flood Risk Management and Response in the Chao Phraya Basin ๑.๖ ขอรับการสนับสนุนงบประมาณการดำเนินโครงการปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ (โครงการปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ ประจำปี ๒๕๕๙ ให้กับมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์) ๑.๗ ร่างข้อตกลงโครงการ Technical Assistance of Sewage Technology in Collaboration with Public and Private Sectors in Thailand ระหว่างองค์การจัดการน้ำเสียกับหน่วยงานระบายน้ำประเทศญี่ปุ่น ๒. ให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และรับความเห็นของกระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการเร่งรัดให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยบริหารโครงการให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ภายในระยะเวลาที่กำหนด รวมทั้งเร่งดำเนินการเพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ภัยแล้งในปี ๒๕๕๙ การจัดเตรียมแผนงาน/โครงการในระยะยาวรวมทั้งการจัดการน้ำที่เกี่ยวกับต่างประเทศเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งอย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ สำหรับแผนงาน/โครงการใดที่จะต้องขออนุมัติเงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ให้หน่วยงานดำเนินการให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง แนวทางการเสนอเรื่องงบประมาณต่อคณะรัฐมนตรี) ด้วย ๓. ให้คณะทำงานในระดับพื้นที่เร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับเกษตรกรและประชาชนในพื้นที่ที่คาดว่าจะประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดำเนินการจัดหาน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคให้เพียงพอ รวมทั้งดำเนินการให้การช่วยเหลือตามมาตรการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องตามลำดับความสำคัญเร่งด่วน ๔. ให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาการก่อสร้างแหล่งกักเก็บน้ำขนาดเล็กในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในการอุปโภค เนื่องจากมีความเป็นไปได้ในการดำเนินการได้มากกว่าการก่อสร้างแหล่งกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ |
|||||||||||||||||||||||||||
21237 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สี่ ทั้งปี 2558 และแนวโน้มปี 2559 | นร11 | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สี่ ทั้งปี ๒๕๕๘ และแนวโน้มปี ๒๕๕๙ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๕๘ ขยายตัวร้อยละ ๒.๘ สูงกว่าการขยายตัวร้อยละ ๐.๘ ในปี ๒๕๕๗ โดยการบริโภคของครัวเรือนและการลงทุนรวมขยายตัวร้อยละ ๒.๑ และร้อยละ ๔.๗ ตามลำดับ การผลิตนอกภาคเกษตรขยายตัวร้อยละ ๓.๖ การผลิตภาคเกษตรลดลงร้อยละ ๔.๒ เสถียรภาพทางเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี อัตราการว่างงานทั้งปีเท่ากับร้อยละ ๐.๘ อัตราเงินเฟ้อเท่ากับร้อยละ -๐.๙ และบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ ๘.๙ ของ GDP ๒. แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี ๒๕๕๙ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๒.๘-๓.๘ โดยมีค่ากลางที่ร้อยละ ๓.๓ เร่งขึ้นจากการขยายตัวร้อยละ ๒.๘ ในปี ๒๕๕๘ มูลค่าการส่งออกสินค้าจะขยายตัวร้อยละ ๑.๒ การบริโภคของครัวเรือนและการลงทุนรวมขยายตัวร้อยละ ๒.๗ และร้อยละ ๔.๙ ตามลำดับ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในช่วงร้อยละ (-๐.๑) -๐.๙ และบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ ๘.๒ ของ GDP ๓. ประเด็นการบริหารเศรษฐกิจในปี ๒๕๕๙ ภาครัฐควรให้ความสำคัญกับการดูแลฐานรายได้เกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย การดูแลขับเคลื่อนการส่งออกและการท่องเที่ยวควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนการลงทุนภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อสนับสนุนการขยายตัวของอุปสงค์ในประเทศและยกระดับศักยภาพการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาว
|
|||||||||||||||||||||||||||
21238 | หนังสือขอบคุณจากเด็ก ๆ | นร04 | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปประเด็นปัญหาของนักเรียนโรงเรียนบ้านตันหยง ตำบลบาโร๊ะ จังหวัดยะลา และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาต่อไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. ปัญหาเรื่องราคายางพาราในพื้นที่มีราคาตกต่ำทำให้รายได้ของผู้ปกครองลดลง รวมทั้งราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่สูงขึ้น ส่งผลให้ครอบครัวได้รับความเดือดร้อน ๒. ขอให้ปราบปรามผู้ร้าย คนโกงและยาเสพติดให้หมดไป ๓. เงินเดือนครู ตำรวจ ทหาร ในพื้นที่น้อยเกินกว่าที่ควรจะเป็น ๔. เด็กนักเรียนบางคนไม่มีไฟฟ้าใช้ต้องจุดเทียนทำการบ้าน
|
|||||||||||||||||||||||||||
21239 | ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [การกำหนดให้มีคณะกรรมการบริหารศาลปกครอง (ก.บ.ศป.) และแก้ไขปรับปรุงอำนาจของคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง (ก.ขป.) และคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (ก.ศป.)] | ศป | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีคณะกรรมการบริหารศาลปกครอง (ก.บ.ศป.) และแก้ไขปรับปรุงอำนาจของคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง (ก.ขป.) และคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (ก.ศป.) ตามที่ศาลปกครองสูงสุดเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. และคณะกรรมการพิจารณาโครงสร้างหน่วยงานและระบบค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐ เกี่ยวกับหลักการของร่างพระราชบัญญัติฯ ควรคำนึงถึงความสอดคล้องเชื่อมโยง โดยไม่ขัดหรือแย้งกับร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การเพิ่มตำแหน่งผู้ช่วยตุลาการศาลปกครองชั้นต้น) สำหรับในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอำนาจของคณะกรรมการบริหารศาลปกครองในการกำหนดเรื่องการจัดสวัสดิการและการสงเคราะห์อื่นของข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลปกครอง ในกรณีที่ต้องใช้งบประมาณเพิ่มเติมเห็นควรให้รายงานเรื่องดังกล่าวไปยังคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาดำเนินการ รวมทั้งควรพิจารณาตามเหตุผลความจำเป็นของหน่วยงานหากมีการเสนอแก้กฎหมายดังกล่าว ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
21240 | แผนงานในการเตรียมความพร้อมของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมเพื่อรองรับการจัดตั้งศาลชั้นต้นและแผนกคดีในศาลยุติธรรม | ยธ | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการทั้ง ๔ ข้อ ตามที่คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ หลักการกำหนดกรอบมาตรฐานอัตรากำลัง พื้นที่ และงบประมาณขั้นต่ำของหน่วยงานในกระทรวงยุติธรรม เพื่อเป็นแนวทางการเตรียมความพร้อมและรองรับการจัดตั้งศาลชั้นต้นและแผนกคดีในศาลยุติธรรมต่อหนึ่งแห่ง ๑.๒ กรอบอัตรากำลัง พื้นที่ งบประมาณของหน่วยงานในกระทรวงยุติธรรม สำหรับศาลที่เปิดทำการตั้งแต่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๖-๑ เมษายน ๒๕๕๘ และศาลจังหวัดที่เปิดทำการ ในปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ๑.๓ แนวทางการจัดหาที่ดินเพื่อจัดสร้างอาคารบูรณาการร่วมสำหรับหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมเพื่อรองรับการจัดตั้งศาลชั้นต้น ได้แก่ (๑) การจัดหาที่ดินโดยกระทรวงยุติธรรมดำเนินการ ๒ แนวทาง ได้แก่ แนวทางที่ ๑ การหาพื้นที่ที่มีอยู่ของหน่วยงานในกระทรวงยุติธรรม แนวทางที่ ๒ การหาพื้นที่จากหน่วยงานภายนอกที่มีพื้นที่ในครอบครอง และ (๒) การขอความร่วมมือสำนักงานศาลยุติธรรม ในการจัดหาที่ดินสำหรับหน่วยงานต่าง ๆ ในกระบวนการยุติธรรมเพื่อดำเนินการจัดสร้างอาคารที่ทำการถาวรของตนเองไปพร้อมกับการจัดตั้งศาลชั้นต้นฯ ของสำนักงานศาลยุติธรรม ๑.๔ ให้สำนักงานศาลยุติธรรมร่วมมือกับคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ โดยการส่งร่างแผนการจัดตั้งศาลชั้นต้นและแผนกคดีในศาลยุติธรรม ให้คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พิจารณาความจำเป็น ความคุ้มค่า ภาระงบประมาณของรัฐ และความพร้อมของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ตลอดจนประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมของหน่วยงานในกระทรวงยุติธรรม รองรับการจัดตั้งศาลชั้นต้นและแผนกคดีในศาลยุติธรรม ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการวางแผนบูรณาการการทำงานระหว่างส่วนราชการที่เกี่ยวข้องซึ่งอยู่ในพื้นที่จังหวัดเดียวกันหรือใกล้เคียง การปรับปรุงกระบวนงานและเน้นการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ร่วมกัน และควรคำนึงถึงความจำเป็นของแต่ละพื้นที่เป็นหลัก โดยนำประเด็นปริมาณงานที่เกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่มาใช้ประกอบการพิจารณา รวมทั้งกรณีอัตรากำลังตามแผนเกินกว่ากรอบอัตรากำลังของแต่ละหน่วยงาน ควรให้เสนอคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๕๙ หากมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นก็เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ โดยให้ถือปฏิบัติตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๕๙ และระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ.๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ส่วนปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. เพื่อให้การดำเนินงานตามแผนงานในการเตรียมความพร้อมของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมเพื่อรองรับการจัดตั้งศาลชั้นต้นและแผนกคดีในศาลยุติธรรมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ให้กระทรวงยุติธรรมประสานการดำเนินงานเกี่ยวกับคดีกับองค์กรที่เกี่ยวข้องกับงานด้านกระบวนการยุติธรรมให้มีความเชื่อมโยงกัน โดยให้การพิจารณาคดีสิ้นสุดและไม่ต้องนำเข้ามาพิจารณาในส่วนกลางตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในคราวประชุมเมื่อวันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๘ ด้วย |
.....