ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1053 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 21041 - 21060 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
21041 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การบังคับคดีปกครอง) | สว | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การบังคับคดีปกครอง) ที่เห็นควรแก้ไขถ้อยคำในเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติฯ และในการที่ศาลปกครองจะมีคำสั่งตามมาตรา ๔ แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๗๐ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ให้ศาลปกครองคำนึงถึงระยะเวลาดำเนินการทั้งในการพิจารณาพิพากษาและการบังคับคดี เพื่อให้การปฏิบัติงานของศาลปกครองมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมทั้งควรปรับปรุงกระบวนการปฏิบัติงาน ทั้งในด้านการบริหารจัดการคดี ระยะเวลาการดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ ให้รวดเร็วและชัดเจนยิ่งขึ้น และเพิ่มจำนวนตุลาการศาลปกครองให้มากขึ้น อันจะทำให้คดีค้างการพิจารณามีจำนวนน้อยลง ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติที่แก้ไขเพิ่มเติมตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. มอบหมายให้สำนักงานศาลปกครองไปพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
21042 | รายงานผลการประชุมทางเทคนิคเรื่องการเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business) ด้านการบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลง (Enforcing Contracts) และด้านการแก้ปัญหาการล้มละลาย (Resolving Insolvency) ณ ธนาคารโลก กรุงวอชิงตันดีซี สหรัฐอเมริกา | ยธ | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานผลการประชุมทางเทคนิคเรื่องการเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business) ด้านการบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลง (Enforcing Contracts) และด้านการแก้ปัญหาการล้มละลาย (Resolving Insolvency) เมื่อวันที่ ๑๖-๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ณ ธนาคารโลก กรุงวอชิงตันดีซี สหรัฐอเมริกา โดยมีเลขาธิการ ก.พ.ร. เป็นหัวหน้าคณะการเข้าร่วมประชุมทางเทคนิค (Technical Meeting) ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดี ผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญของธนาคารโลก เรื่อง การเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจตามกรอบความยาก-ง่าย ในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business: EoDB) โดยเฉพาะเรื่องตัวชี้วัดที่ ๙ ด้านการบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลง (Enforcing Contracts) และตัวชี้วัดที่ ๑๐ ด้านการแก้ปัญหาการล้มละลาย (Resolving Insolvency) ทั้งนี้ ภายหลังการประชุมฯ กรมบังคับคดีจะดำเนินการจัดประชุมเพื่อชี้แจงที่ประชุมกับธนาคารโลกให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ และประสานการดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
21043 | ผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (AEM Retreat) ครั้งที่ 22 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | พณ | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (AEM Retreat) ครั้งที่ ๒๒ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ ๒-๓ มีนาคม ๒๕๕๙ ณ จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นหัวหน้าผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. ประเด็นที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ในฐานะประธานอาเซียนปี ๒๕๕๙ ให้ความสำคัญ เช่น การจัดทำกรอบด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้าของอาเซียน กรอบระเบียบข้อบังคับความปลอดภัยด้านอาหารของอาเซียน การสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้ออำนวยต่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) การจัดทำแนวทางการพัฒนาความร่วมมือสำหรับเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่ดีในการพัฒนาและดำเนินการเขตเศรษฐกิจพิเศษ และแผนแม่บทสำหรับการพัฒนากลุ่มประเทศกัมพูชา-ลาว-เมียนมา-เวียดนาม (CLMV) ๒. การดำเนินการเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่สมบูรณ์ในปี ๒๕๖๘ ประกอบด้วยมาตรการที่ต้องดำเนินการต่อเนื่องตามแผนงาน AEC Blueprint 2015 เช่น มาตรการด้านการขนส่งและศุลกากร ระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวของอาเซียน การจัดทำระบบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองของอาเซียน คลังข้อมูลการค้าอาเซียน การจัดทำความตกลงยอมรับร่วมกันในสินค้ากลุ่มต่าง ๆ และการดำเนินการตามแผนงาน AEC Blueprint 2025 เช่น สาขาวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย การแข่งขันทางการค้า ทรัพย์สินทางปัญญา การค้าบริการ ๓. ความสัมพันธ์กับคู่เจรจา ที่ประชุมเน้นย้ำเจตนารมณ์ที่จะต้องสรุปการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership : RCEP) ให้ได้ภายในปีนี้ โดยเฉพาะประเด็นหลัก ได้แก่ การเปิดเสรีการค้าสินค้า บริการ และการลงทุนที่ไม่ต่ำกว่าความตกลง ASEAN+1 และได้มีการหารือระหว่างรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนและกรรมาธิการการค้าสหภาพยุโรปเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการรื้อฟื้นเขตการค้าเสรี (Free Trade Area : FTA) ระหว่างอาเซียนและสหภาพยุโรป รวมทั้งการหารือระหว่างอาเซียน-สหรัฐอเมริกาเพื่อสรุปหลักการร่วมด้านการลงทุน หลักการร่วมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร แนวปฏิบัติที่ดีด้านความโปร่งใสและข้อพึงปฏิบัติที่ดีในการออกกฎระเบียบ และพิจารณาเสนอหัวข้อที่อาเซียนสนใจสำหรับโครงการการฝึกงานในบริษัทของสหรัฐอเมริกา ๔. การหารือสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน (APEC Business Advisory Council : ABAC) รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนขอให้ ABAC มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างกันในภูมิภาคอาเซียน
|
|||||||||||||||||||||
21044 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 9/2559 เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ | สลธ.คสช. | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๙/๒๕๕๙ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ สั่ง ณ วันที่ ๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
21045 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (รายงานของคณะกรรมาธิการปฏิรูปพลังงาน เรื่อง การส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย พร้อมทั้งสรุปความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาปฏิรูปแห่งชาติ) | พน | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ (รายงานของคณะกรรมาธิการปฏิรูปพลังงาน เรื่อง การส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย พร้อมทั้งสรุปความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาปฏิรูปแห่งชาติ) ซึ่งกระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความเห็นว่า ในระยะแรกควรนำร่องด้วยกลุ่มรถโดยสารสาธารณะก่อน เพื่อให้การส่งเสริมเกิดประโยชน์กับสาธารณชนในวงกว้างและสามารถจำกัดงบประมาณในการส่งเสริมได้ หลังจากดำเนินการไประยะหนึ่งแล้ว ควรมีการประเมินผลเพื่อปรับปรุงและขยายผลไปสู่การส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคลต่อไป และในระยะการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคล ควรเริ่มส่งเสริมจากรถประเภท Plug-in Hybrid Electric Vehicles : PHEV (รถยนต์ที่มีการทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์สันดาปภายในและมอเตอร์ไฟฟ้า โดยจะสามารถประจุไฟฟ้าได้จากแหล่งพลังงานภายนอก) แล้วจึงค่อยเปลี่ยนไปเป็นประเภท Battery Electric Vehicles : BEV (รถยนต์ที่มีมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นต้นกำลังในการขับเคลื่อนเพียงอย่างเดียว โดยมีแหล่งพลังงานจากแบตเตอรี่ไฟฟ้าเท่านั้น) เพื่อให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมรถยนต์แบบเครื่องยนต์สันดาปภายในมีระยะเวลาเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนผ่านไปเป็นรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงเพื่อให้ระบบไฟฟ้าของประเทศได้มีระยะเวลาในการปรับตัวเพื่อรองรับการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้น ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งรายงานผลการพิจารณาของกระทรวงพลังงานให้คณะกรรมการประสานงาน รวม ๓ ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) เพื่อพิจารณาความสอดคล้องและความเหมาะสมกับการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||
21046 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนจักรเพชรกับซอยจินดามณี พ.ศ. .... | มท | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนจักรเพชรกับซอยจินดามณี พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนจักรเพชรกับซอยจินดามณี ในท้องที่แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
21047 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง รายงานการศึกษาและข้อเสนอแนะแนวทางการสร้างความปรองดอง) | ยธ | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการพิจารณาเกี่ยวกับข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ (เรื่อง รายงานการศึกษาและเข้อเสนอแนะแนวทางการสร้างความปรองดอง) ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ จำนวน ๖ ประเด็น ได้แก่ (๑) การสร้างความเข้าใจร่วมของสังคมต่อเหตุแห่งความขัดแย้ง (๒) การแสวงหาและเปิดเผยข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ความรุนแรง (๓) การอำนวยความยุติธรรม การสำนึกรับผิดและการให้อภัย (๔) การเยียวยา ดูแลและการฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการเมือง (๕) การสร้างสภาวะที่เอื้อต่อการอยู่ร่วมกัน และ (๖) มาตรการป้องกันการใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ซึ่งกระทรวงยุติธรรมได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วเห็นชอบในหลักการของข้อเสนอดังกล่าว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งรายงานผลการพิจารณาของกระทรวงยุติธรรมให้คณะกรรมการประสานงานรวม ๓ ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) เพื่อพิจารณาความสอดคล้องและความเหมาะสมกับการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||
21048 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง ระบบบริการสาธารณสุข ระบบการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค และระบบบริหารจัดการและการเงินการคลังด้านสุขภาพ) | สธ | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการพิจารณาเกี่ยวกับข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ (เรื่อง ระบบบริการสาธารณสุข ระบบการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค และระบบบริหารจัดการและการเงินการคลังด้านสุขภาพ) ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การปฏิรูประบบบริการสาธารณสุข ควรกำหนดกรอบให้ชัดเจนก่อนแก้ไขกฎหมาย ควรเพิ่มจำนวนแพทย์ และควรคำนึงถึงการย้ายถิ่นฐานของผู้ประกันตน ๑.๒ การปฏิรูประบบการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมีความเข้าใจบทบาทหน้าที่ คณะกรรมการสาธารณสุขระดับจังหวัด/ชุมชน/ท้องถิ่นควรร่วมกำหนดทิศทางและเป้าหมายการทำงานร่วมกัน และควรให้ความสำคัญกับการประเมินผล ๑.๓ การปฏิรูประบบการบริหารจัดการและการเงินการคลังด้านสุขภาพ ควรติดตามและประเมินผลการใช้จ่ายงบประมาณด้านสุขภาพอย่างเป็นระบบ ควรพิจารณาว่ากระทรวงสาธารณสุขจะมีบทบาทหน้าที่เป็นผู้กำกับดูแลระบบสุขภาพ หรือเป็นผู้ให้บริการ ควรบูรณาการข้อมูลสารสนเทศประกันสุขภาพและการเบิกจ่ายงบประมาณเข้ากับระบบฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร การจัดตั้งหน่วยงานกลางในการบริหารจัดการกองทุนสุขภาพไม่ควรรวมกองทุนนอกเหนือจากการประกันสุขภาพ การเพิ่มภาษีผลิตภัณฑ์ที่เป็นภัยต่อสุขภาพไม่เกิดผลเป็นรูปธรรม และการตั้งหน่วยงานใหม่อาจเกิดความซ้ำซ้อนไม่ควรสร้างสถานพยาบาลใหม่สำหรับแรงงานต่างด้าว ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งรายงานผลการพิจารณาของกระทรวงสาธารณสุขให้คณะกรรมการประสานงาน รวม ๓ ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) เพื่อพิจารณาความสอดคล้องและความเหมาะสมกับการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||
21049 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เรื่อง ปฏิรูปการแรงงาน | รง | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เรื่อง ปฏิรูปการแรงงาน ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ซึ่งกระทรวงแรงงานได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วมีความเห็นว่า การพัฒนากำลังคนและฝีมือแรงงานทั้งระบบ ควรเป็นวาระแห่งชาติ โดยออกพระราชบัญญัติเป็นกฎหมายเฉพาะประกอบด้วยทุกภาคส่วนครอบคลุมทุกมิติ ทั้งกำลังแรงงาน ผู้สูงอายุ คนพิการ การพัฒนาคนในวัยเรียน และมีระบบบูรณาการข้อมูลสารสนเทศ ส่วนการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติ ควรดำเนินงานอย่างเป็นระบบและยั่งยืน นอกจากนี้ การจัดตั้งธนาคารแรงงาน ควรมีการกำหนดวัตถุประสงค์ในการดำเนินงานที่ชัดเจน ไม่มีภารกิจซ้ำซ้อนกับสถาบันการเงินหรือธนาคารพาณิชย์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งการจัดทำฐานข้อมูล ควรมีการบูรณาการฐานข้อมูลกลางภาครัฐ โดยเชื่อมโยงข้อมูลการดำเนินงานจากฐานข้อมูลต่าง ๆ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เห็นควรตัดมาตรา ๑๖ ของร่างพระราชบัญญัติบูรณาการการพัฒนากำลังคนและฝีมือแรงงานแห่งชาติ พ.ศ. .... ที่ “ให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามอำนาจหน้าที่เพื่อจัดให้มีสิทธิและประโยชน์ทางภาษีแก่หน่วยงานภาคเอกชน...” ออก การให้ศูนย์ข้อมูลแรงงานแห่งชาติอยู่ภายใต้กระทรวงแรงงานเพื่อทำหน้าที่เป็นหน่วยงานหลักในการดูแลฐานข้อมูลแรงงานของประเทศ การกำหนดให้การพัฒนากำลังคนและฝีมือแรงงานทั้งระบบเป็นวาระแห่งชาติและการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติอย่างเป็นระบบและยั่งยืนเป็นเรื่องทางนโยบายที่กระทรวงแรงงานและรัฐบาลสามารถพิจารณาได้ตามความเหมาะสม การจัดตั้งธนาคารแรงงานอาจมีความซ้ำซ้อนกับการดำเนินการหรือการให้บริการจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน การจัดทำข้อมูลด้านแรงงานโดยจัดตั้งศูนย์ข้อมูลแรงงานแห่งชาติเห็นควรจัดตั้งเพียงแห่งเดียว และควรตรวจสอบความซ้ำซ้อนกับอำนาจหน้าที่ของศูนย์ข้อมูลแรงงานแห่งชาติกระทรวงแรงงานด้วย รวมทั้งการจัดตั้งธนาคารแรงงานควรศึกษาความเป็นไปได้ ความเหมาะสม และความยั่งยืนของการดำเนินธุรกิจก่อนการตัดสินใจดำเนินการ และให้ใช้ช่องทางที่มีอยู่ในปัจจุบันในการช่วยเหลือแรงงานให้เข้าถึงแหล่งทุนเป็นลำดับแรก ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งรายงานผลการพิจารณาดังกล่าวของกระทรวงแรงงานให้คณะกรรมการประสานงานรวม ๓ ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) เพื่อพิจารณาความสอดคล้องและความเหมาะสมกับการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||
21050 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างอาคารปฏิบัติการสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ | ศธ | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างอาคารปฏิบัติการสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช จากวงเงินเดิม ๑๘๘,๕๐๐,๐๐๐ บาท เป็น ๑๙๐,๕๐๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ส่วนงบประมาณดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่ให้เบิกจ่ายจากเงินงบประมาณ จำนวน ๑๖๔,๙๓๗,๕๐๐ บาท และใช้เงินนอกงบประมาณสมทบ จำนวน ๒๕,๕๖๒,๕๐๐ บาท โดยในส่วนของเงินงบประมาณให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๙ จำนวน ๑๐๗,๒๕๒,๐๐๐ บาท ส่วนที่ขาดอีก จำนวน ๕๗,๖๘๕,๕๐๐ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการรายงานว่า กรณีอธิการบดีมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดกฎหมาย นั้น กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวและได้ข้อสรุปแล้วว่าไม่มีมูลตามข้อกล่าวหา และจะเร่งแจ้งผู้เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้งเร่งรัดให้ดำเนินการกรณีข้อร้องเรียนของผู้บริหารมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์แจ้งความว่าถูกทำร้ายร่างกายด้วย |
|||||||||||||||||||||
21051 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงอุตสาหกรรม) (นายอดิศัย อยู่อินทร์) | อก | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอดิศัย อยู่อินทร์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านกฎหมาย (นิติกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงอุตสาหกรรม ตั้งแต่วันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
21052 | รายงานผลการประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนทั่วไป ไทย - ลาว ครั้งที่ 22 | กห | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กระทรวงกลาโหมรายงานผลการประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนทั่วไป ไทย-ลาว ครั้งที่ ๒๒ ณ นครหลวงเวียงจันทน์ เมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๘ ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงป้องกันประเทศ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานร่วม โดยการประชุมดังกล่าวทั้งสองฝ่ายได้หารือเรื่องความร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนทั่วไป ไทย-ลาว ความร่วมมือในการรักษาเส้นเขตแดน ไทย-ลาว ความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด การติดต่อประสานงานและการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาการก่อการร้ายสากลระหว่าง ไทย-ลาว ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย รวมทั้งข้อเสนอของฝ่ายไทยที่ให้มีการส่งเสริมความร่วมมือด้านการแพทย์ทหารระหว่างกองทัพไทยกับกองทัพประชาชนลาว และการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมครั้งที่ ๒๓ และให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านความมั่นคงบริเวณชายแดนระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวต่อไป ๒. ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับการพัฒนาบนเส้นลำน้ำระหว่างประเทศ ควรมีข้อตกลงร่วมกันบนพื้นฐานประโยชน์ของประชาชนทั้ง ๒ ฝ่าย และกลุ่มประเทศในอาเซียนตลอดจนประชาชนที่อยู่ปลายน้ำ เพื่อให้การพัฒนาเกิดประโยชน์อย่างยั่งยืน สำหรับด้านความร่วมมือการอนุรักษ์สัตว์ป่า โดยเฉพาะงาช้าง ที่มีการเคลื่อนย้ายไปมาของกลุ่มช้างป่าระหว่างประเทศ ควรวางแนวทางการบริหารจัดการพื้นที่อนุรักษ์ในรูปแบบของ Transboundary Protected Area Conservation และประกาศพื้นที่กลุ่มป่าอนุรักษ์ที่เชื่อมต่อระหว่างประเทศเป็นแหล่งความหลากหลายทางชีวภาพระหว่างประเทศ ทางวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์โบราณ เป็นมรดกอาเซียนระหว่างประเทศ และประกาศให้เป็นพื้นที่มรดกโลกร่วมกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
21053 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่ตำบลนิคมลำนารายณ์ ตำบลลำนารายณ์ ตำบลบ้านใหม่สามัคคี ตำบลบัวชุม ตำบลชัยนารายณ์ ตำบลท่ามะนาว และตำบลท่าดินดำ อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี พ.ศ. .... | มท | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่ตำบลนิคมลำนารายณ์ ตำบลลำนารายณ์ ตำบลบ้านใหม่สามัคคี ตำบลบัวชุม ตำบลชัยนารายณ์ ตำบลท่ามะนาว และตำบลท่าดินดำ อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท เพื่อประโยชน์ในด้านการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการควบคุมความหนาแน่นของอาคาร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
21054 | ร่างกฎกระทรวงการยื่นคำขอและการรับรองสมาคมและมูลนิธิเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. .... | นร03 | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการยื่นคำขอและการรับรองสมาคมและมูลนิธิเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการรับรองให้สมาคมและมูลนิธิที่มีวัตถุประสงค์ในการคุ้มครองผู้บริโภคหรือการต่อต้านการแข่งขันอันไม่เป็นธรรมทางการค้าให้มีสิทธิและอำนาจฟ้องคดีแทนผู้บริโภคได้ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
21055 | สรุปผลการพิจารณาตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายเรื่อง สิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกายอันเกี่ยวเนื่องกับสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองกรณีผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง ปี 2553 อ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในการช่วยเหลือเยียวยาจากรัฐบาล | นร01 | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกายอันเกี่ยวเนื่องกับสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองกรณีผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองปี ๒๕๕๓ อ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในการช่วยเหลือเยียวยาจากรัฐบาล ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการอำนวยการเยียวยาด้านการเงินตามหลักมนุษยธรรมแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง ปี ๒๕๕๖-๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๕๙ พิจารณาแล้วมีมติเห็นควรมีกฎหมายกลางในระดับพระราชบัญญัติ เพื่อรองรับกระบวนการชดเชยและเยียวยาผู้เสียหายจากการชุมนุมทางการเมืองตามข้อเสนอของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมได้มีการศึกษาหรือปรับปรุงพัฒนากฎหมายต่อไป และในระหว่างที่กระทรวงยุติธรรมศึกษาหรือปรับปรุงพัฒนากฎหมาย เห็นควรให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรียกร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบฯ ไปพลางก่อน ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการอำนวยการเยียวยาฯ เสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
21056 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง "แนวทางการปฏิรูปการศึกษา" | สว | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง “แนวทางการปฏิรูปการศึกษา” ของคณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการปฏิรูปด้านโครงสร้างและระบบบริหารจัดการ การปฏิรูปด้านการเรียนการสอน การปฏิรูปด้านครูและบุคลากรทางการศึกษา และการปฏิรูปด้านทรัพยากรเพื่อการศึกษา ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานหลักรับรายงานและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
21057 | รายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง กรณีกล่าวอ้างว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐสลายการชุมนุมเกษตรกรสวนยางพาราและปาล์มน้ำมัน อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช และอำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ | สม | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง กรณีกล่าวอ้างว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐสลายการชุมนุมเกษตรกรสวนยางพาราและปาล์มน้ำมัน อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช และอำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยข้อเสนอดังกล่าวเป็นแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการดำเนินการตามข้อเสนอแนะขององค์กรตามรัฐธรรมนูญหรือองค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมที่ชัดเจนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันพิจารณาดำเนินการตามข้อเสนอดังกล่าวให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน ๒. มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงกลาโหม กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
21058 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการขอรับใบแทน และการออกใบแทนใบสำคัญการขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ พ.ศ. .... | กษ | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการขอรับใบแทน และการออกใบแทนใบสำคัญการขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอรับใบแทน และการออกใบแทนใบสำคัญขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะตามพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
21059 | สรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย (เรื่อง พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505) | พศ | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย (เรื่อง พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕) ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งคณะกรรมการมหาเถรสมาคมมีความเห็นว่า ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้มีข้อเสนอแนะให้มีการออกหนังสือรับรองสถานะความเป็นนักบวชทางพุทธศาสนาประเภทหนึ่งให้แก่สตรีที่ได้ผ่านพิธีกรรมการบรรพชาหรืออุปสมบทเป็นสามเณรหรือภิกษุณีแล้ว และกำหนดให้อารามหรือสถานที่อื่นใดซึ่งภิกษุณีอาศัยและปฏิบัติศาสนากิจเป็นนิติบุคคลต่างหาก นั้น เนื่องจากภิกษุณีได้ขาดสูญ หมดผู้สืบต่อเชื้อสายมานานแล้ว จึงถือว่าภิกษุณีเป็นบุคคลที่คณะสงฆ์ไทยไม่อาจยอมรับได้ ดังนั้น การปรับปรุง การให้การยอมรับ การให้สิทธิตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติที่ได้เสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายและกฎ จึงไม่อาจดำเนินการให้เป็นไปได้ ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
21060 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่นสายเชื่อมระหว่างถนนฉลองกรุงกับถนนลาดกระบัง พ.ศ. .... | มท | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนฉลองกรุงกับถนนลาดกระบัง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่นสายเชื่อมระหว่างถนนฉลองกรุงกับถนนลาดกระบัง ในท้องที่แขวงลาดกระบัง เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร เพื่อบรรเทาความคับคั่งของการจราจรและอำนวยประโยชน์แก่ประชาชนให้ได้รับความสะดวกรวดเร็วในการเดินทาง และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปสำรวจ และเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
.....