ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1052 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 21021 - 21040 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
21021 | แนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | อื่นๆ | 22/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๒๐/๒๕๕๙ วันพฤหัสบดีที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๕๙
|
||||||||||||||||||||||||
21022 | การขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณปี พ.ศ. 2555 - 2557 และการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 | อื่นๆ | 22/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๘ และ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ (เรื่อง การขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๘ และเรื่อง การขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๗) รวมทั้งมีมติเมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ (เรื่อง รายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙) นั้น โดยที่ขณะนี้มีส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐจำนวนหลายหน่วยงานที่คาดว่าจะไม่สามารถดำเนินการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณโครงการตามนโยบายสำคัญของรัฐบาลได้ตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว จึงให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐดำเนินการ ดังนี้
๑. กรณีการขอขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๗ ที่กันไว้เบิกเหลื่อมปี ให้ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ (เรื่อง การขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๗) ทั้งนี้ หากหน่วยงานใดมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการโครงการต่อ ให้เสนอกระทรวงการคลังเพื่อดำเนินการรวบรวมและกลั่นกรองเหตุผลความจำเป็นและความเหมาะสมในการขยายระยะเวลา เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๒. กรณีการขอขยายระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันงบลงทุน สำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้ปฏิบัติตามหนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๑๖/ว ๖๒ ลงวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๙ (เรื่อง การเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙) อย่างเคร่งครัดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
21023 | การจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในวันที่ 2 เมษายน 2559 | เวียน | 22/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า โดยในวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๙ เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จึงเห็นควรให้ทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคเตรียมการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติและถวายพระพรชัยมงคลในโอกาสดังกล่าวอย่างสมพระเกียรติ และมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เป็นตัวแทนนำคณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคลในวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๙ เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าว นายกรัฐมนตรีติดภารกิจราชการต่างประเทศ
|
||||||||||||||||||||||||
21024 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 22/03/2559 | |||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ดังนี้
๑. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีทุกท่านจัดทำแผนการปฏิรูปภารกิจที่สำคัญในความรับผิดชอบที่จะดำเนินการในช่วงปี ๒๕๕๙-๒๕๖๐ โดยให้ความสำคัญกับการบูรณาการทั้งในเชิงการบริหารงานและการบริหารงบประมาณ ทั้งนี้ ให้นำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาภายในวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ๒. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) พิจารณากำหนดแนวทางในการบูรณาการคณะกรรมการต่าง ๆ ที่มีภารกิจเกี่ยวเนื่องกันซึ่งตั้งขึ้นตามกฎหมาย ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี หรือตั้งขึ้นโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยเริ่มจากคณะกรรมการที่มีภารกิจด้านเกษตร เป็นอันดับแรก และให้นำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาภายในเดือนเมษายน ๒๕๕๙ ๓. ตามที่ขณะนี้ปริมาณน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากประเทศจีนปล่อยน้ำจากเขื่อนลงสู่แม่น้ำโขง นั้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสูบน้ำจากแม่น้ำโขงเพื่อสำรองไว้ใช้ในการอุปโภคบริโภคและทำการเกษตร ๔. ตามที่ได้มีข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) พิจารณาความเป็นไปได้ในการให้เอกชนร่วมลงทุนก่อสร้างสถานที่จอดรถใต้ดิน นั้น ให้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) เร่งดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าว รวมทั้งจัดทำแผนการดำเนินการก่อสร้างสถานที่จอดรถใต้ดินโดยเฉพาะบริเวณทำเนียบรัฐบาลและถนนราชดำเนิน
|
||||||||||||||||||||||||
21025 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่น ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 | นร07 | 22/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ เกี่ยวกับภาพรวมการจัดการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ และการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำแนกตามกระทรวงและหน่วยงาน ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. รับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ประกอบด้วยผลการดำเนินงานของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นเกี่ยวกับภาพรวมการจัดการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ และการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำแนกตามกระทรวงและหน่วยงาน ที่สำนักงบประมาณเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
21026 | การปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการประสานงาน รวม 3 ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) | นร | 22/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๔๕/๒๕๕๙ ลงวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เรื่อง ปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการประสานงาน รวม ๓ ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) เสนอ ดังนี้
๑. ปรับปรุงข้อความในองค์ประกอบของคณะกรรมการ ลำดับที่ ๑.๑-๑.๔ ของคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๓๖/๒๕๕๘ ลงวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการประสานงาน รวม ๓ ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) จาก “ที่ปรึกษาคณะกรรมการ” เป็น “ที่ปรึกษา/กรรมการ” ตั้งแต่วันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ เป็นต้นไป ๒. เปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของคณะกรรมการ ลำดับที่ ๑.๔ ตามข้อ ๑ จาก “รองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ คนที่สอง (นางสาววลัยรัตน์ ศรีอรุณ)” เป็น “นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ที่ปรึกษา/กรรมการ” ๓. เพิ่มเติม คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ เป็นองค์ประกอบของคณะกรรมการในส่วนของสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศที่ประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศมอบหมาย
|
||||||||||||||||||||||||
21027 | หลักเกณฑ์และวิธีการเยียวยาให้แก่ข้าราชการตำรวจผู้ได้รับผลกระทบจากความเหลื่อมล้ำของอัตราเงินเดือน และยกร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ .. ) พ.ศ .... (สำนักงานตำรวจแห่งชาติ) | ตช | 22/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักเกณฑ์และวิธีการเยียวยาให้แก่ข้าราชการทหารผู้ได้รับผลกระทบจากความเหลื่อมล้ำของอัตราเงินเดือนข้าราชการทหาร มีสาระสำคัญเป็นการบรรเทาปัญหาความเหลื่อมล้ำของอัตราเงินเดือนข้าราชการทหารผู้รับเงินเดือน ป.๑, ป.๒, น.๔, น.๕, น.๖ และ น.๗ ในระหว่างการแก้ไขร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งเป็นไปตามมาตรา ๑๑/๑ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำของอัตราเงินเดือนข้าราชการทหารกับข้าราชการประเภทอื่น ประกอบกับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๘ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๘ ให้สำนักงาน ก.พ. กระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งดำเนินการเยียวยาให้ข้าราชการในหน่วยงานตนได้รับเงินเดือนหรือเงินประจำตำแหน่งที่เหมาะสมและเป็นธรรม และเห็นชอบให้ถอนร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และหลักเกณฑ์และวิธีการเยียวยาให้แก่ข้าราชการทหารผู้ได้รับผลกระทบจากความเหลื่อมล้ำของอัตราเงินเดือนออกจากชั้นการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ๒. เห็นชอบหลักเกณฑ์และวิธีการเยียวยาให้แก่ข้าราชการตำรวจผู้ได้รับผลกระทบจากความเหลื่อมล้ำของอัตราเงินเดือนข้าราชการตำรวจ มีสาระสำคัญเป็นการบรรเทาปัญหาความเหลื่อมล้ำของอัตราเงินเดือนข้าราชการตำรวจผู้รับเงินเดือนระดับ ส.๔, ส.๕, ส.๖ และ ส.๗ ในระหว่างการแก้ไขร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งเป็นไปตามมาตรา ๖๘/๑ แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำของอัตราเงินเดือนข้าราชการตำรวจกับข้าราชการประเภทอื่น ประกอบกับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๘ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๘ ให้สำนักงาน ก.พ. กระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งดำเนินการเยียวยาให้ข้าราชการในหน่วยงานตนได้รับเงินเดือนหรือเงินประจำตำแหน่งที่เหมาะสมและเป็นธรรม โดยเป็นการกำหนดอัตราและวิธีการเยียวยาเช่นเดียวกับหลักเกณฑ์และวิธีการเยียวยาให้แก่ข้าราชการทหาร ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ ๓. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาตินำร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปพิจารณาทบทวนตามความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงาน ก.พ. คณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป เกี่ยวกับการเยียวยาความเหลื่อมล้ำสามารถดำเนินการได้โดยหลักเกณฑ์และวิธีการเยียวยาให้แก่ข้าราชการตำรวจผู้ได้รับผลกระทบจากความเหลื่อมล้ำของอัตราเงินเดือนตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ จึงไม่มีความจำเป็นต้องเสนอแก้ไขพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ และควรพิจารณาทบทวนร่างหลักเกณฑ์และวิธีการเยียวยาให้แก่ข้าราชการตำรวจผู้ได้รับผลกระทบจากความเหลื่อมล้ำของอัตราเงินเดือน (กรณีหลักเกณฑ์และวิธีการเยียวยาฯ) จะมีผลกระทบต่องบประมาณรายจ่ายของรัฐในการคำนวณเงินบำเหน็จบำนาญตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการ การดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๘ (เรื่อง ค่าตอบแทนของข้าราชการและบุคลากรภาครัฐประเภทต่าง ๆ ) รวมทั้งการปรับปรุงบัญชีอัตราเงินเดือนข้าราชการตำรวจนั้น ควรพิจารณาพร้อมกับการปรับปรุงค่าตอบแทนของข้าราชการทั้งระบบ เพื่อมิให้เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำของค่าตอบแทนของข้าราชการประเภทต่าง ๆ ที่มีอัตราค่าตอบแทนยึดโยงกัน |
||||||||||||||||||||||||
21028 | การดำเนินการเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ | อื่นๆ | 15/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รายงานการดำเนินการเกี่ยวกับการร่างรัฐธรรมนูญ ดังนี้
๑. ในการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช .... เกี่ยวกับการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๙ ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมถ้อยคำและร่างบทบัญญัติบางมาตรา ซึ่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติและนายกรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบ ตามมติที่ประชุมร่วมคณะรัฐมนตรีและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๙ ๒. สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ลงมติเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๙ ๓. คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีหนังสือถึงคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับข้อเสนอแนะในการแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยตามมติที่ประชุมร่วมระหว่างหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ นายกรัฐมนตรี ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ เมื่อวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๙ ที่ให้กำหนดบทเฉพาะกาลในช่วงเปลี่ยนผ่านเพื่อรักษาไว้ซึ่งความมั่นคง ความสงบเรียบร้อยของประเทศ และให้เกิดความยั่งยืนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
21029 | รายงานผลการประชุมผู้ทรงคุณวุฒิระดับสูงของประเทศกลุ่ม 77 ว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนา และการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือเอเซีย ครั้งที่ 14 | กต | 15/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรายงานเกี่ยวกับผลการประชุมผู้ทรงคุณวุฒิระดับสูงของประเทศกลุ่ม ๗๗ ว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนา และการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือเอเซีย ครั้งที่ ๑๔ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การประชุมผู้ทรงคุณวุฒิระดับสูงของประเทศกลุ่ม ๗๗ ว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนา ๑.๑ เมื่อวันที่ ๙-๑๐ มีนาคม ๒๕๕๙ ประเทศไทยในฐานะประธานกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ๗๗ ประเทศ (Group of 77 : G77) ได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้ทรงคุณวุฒิระดับสูงประเทศกลุ่ม G77 เพื่อหารือแนวทางการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนา (ความร่วมมือใต้-ใต้) ให้เป็นรูปธรรมและยั่งยืนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ ร่วมกัน และได้จัดให้มีการศึกษาดูงาน ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับตัวอย่างความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมของการพัฒนาที่ยั่งยืนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง นอกจากนี้ ประเทศไทยร่วมกับประธานกองทุน Perez-Guerrero Trust Fund for South-South Cooperation (PTGF) มีแผนที่จะจัดสรรเงินส่วนหนึ่งที่ประเทศไทยบริจาคเข้ากองทุนความร่วมมือใต้-ใต้ ให้แก่โครงการของประเทศกำลังพัฒนาที่สนใจนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้ด้วย ๑.๒ เมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๙ กระทรวงการต่างประเทศได้จัดการประชุมประจำปี ครั้งที่ ๔๗ ระหว่างประธานและผู้ประสานงานของกลุ่ม G77 เพื่อหารือแนวทางที่จะให้กลไกสำคัญของกลุ่ม G77 มีเอกภาพและประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งสามารถขับเคลื่อนให้กลุ่ม G77 บรรลุเป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยกระทรวงการต่างประเทศได้มอบหมายให้เอกอัครราชทูตไทยประจำเมืองที่เป็นจุดประสานงานร่วมทำงานเชิงรุกกับจุดประสานของกลุ่ม G77 และผลักดันการนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้ผ่านการทำงานของกลุ่ม ๗๗ ในจุดประสานงานต่าง ๆ ด้วย ๒. การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue : ACD) เมื่อวันที่ ๙-๑๐ มีนาคม ๒๕๕๙ กระทรวงการต่างประเทศเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ACD ครั้งที่ ๑๔ ภายใต้หัวข้อ “ACD-The Way Forward” ผลการประชุมสรุปได้ ดังนี้ ๒.๑ ที่ประชุมพิจารณารับสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาลเข้าเป็นสมาชิกใหม่ลำดับที่ ๓๔ อย่างเป็นทางการ และเห็นชอบการจัดทำวิสัยทัศน์ความร่วมมือเอเชีย ค.ศ. ๒๐๓๐ รวมทั้งสนับสนุนให้มีการต่อยอดการศึกษาแผนพัฒนาความเชื่อมโยงในภูมิภาค ACD บนพื้นฐานของความร่วมมือในกรอบภูมิภาคต่าง ๆ ที่มีอยู่ ๒.๒ ที่ประชุมสนับสนุนข้อริเริ่มของไทยเกี่ยวกับการปรับปรุงสาขาความร่วมมือของ ACD จากเดิม ๒๐ สาขา เป็น ๖ สาขา ได้แก่ (๑) ความเชื่อมโยง (๒) วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และนวัตกรรม (๓) การศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (๔) ความเชื่อมโยงระหว่างความมั่นคงทางอาหาร พลังงาน และน้ำ (๕) การท่องเที่ยวและวัฒนธรรม และ (๖) วิถีทางเลือกสู่การพัฒนาอย่างทั่วถึงและยั่งยืน โดยอยู่บนพื้นฐานของความสมัครใจของประเทศสมาชิกที่จะเสนอตัวเป็นผู้ขับเคลื่อนในแต่ละสาขา รวมทั้งสนับสนุนข้อเสนอของไทยในการสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงภาคธุรกิจของ ACD หรือ “ACD Connect” โดยคำนึงถึงจุดแข็งและเป้าหมายร่วมของเอเชียภายใต้ ๖ คลัสเตอร์ (อาหาร พลังงาน นวัตกรรม การพัฒนาความเชื่อมโยง การท่องเที่ยว และการส่งเสริมแนวทางสู่การพัฒนาอย่างทั่วถึงและยั่งยืน) โดยไทยเสนอให้มีการหารือร่วมกันของตัวแทนผู้ประกอบการรุ่นใหม่ของ ACD และนำเสนอข้อเสนอแนะในการขับเคลื่อนความร่วมมือ ACD กับผู้นำในช่วงการประชุม ACD Summit ครั้งที่ ๒ ด้วย ๒.๓ ที่ประชุมเห็นพ้องให้มีการจัดตั้งคณะศึกษาระดับสูงเพื่อพิจารณายกระดับสำนักงานเลขาธิการ ACD ชั่วคราวซึ่งตั้งอยู่ ณ คูเวต เป็นสำนักเลขาธิการถาวร
|
||||||||||||||||||||||||
21030 | ร่างพระราชบัญญัติพัฒนาระบบมาตรวิทยาแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 15/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๙ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติพัฒนาระบบมาตรวิทยาแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||
21031 | รายงานประจำปี 2557 ของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) | สธ | 15/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประธานกรรมการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขเสนอรายงานประจำปี ๒๕๕๗ ของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. การดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) ส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยในประเด็นสำคัญต่อระบบสุขภาพ (๒) เสริมสร้างสมรรถนะนักวิจัยด้านสุขภาพพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานฯ (๓) พัฒนาระบบบริหารจัดการวิจัยแบบครบวงจร (๔) บริหารจัดการเพื่อนำผลงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์ ๒. ผลการประเมินจากการดำเนินการในปีงบประมาณ ๒๕๕๗ ใน ๒๐ ตัวชี้วัด ได้คะแนนเต็ม ๕.๐๐ จำนวน ๑๔ ตัวชี้วัด ช่วงคะแนน ๔.๐๐-๔.๙๙ จำนวน ๓ ตัวชี้วัด ช่วงคะแนน ๓.๐๐-๓.๙๙ จำนวน ๑ ตัวชี้วัด ช่วงคะแนน ๒.๐๐-๒.๙๙ จำนวน ๑ ตัวชี้วัด (ตัวชี้วัด : ร้อยละความสำเร็จการสร้างงานวิชาการประจำปีบัญชี ๒๕๕๗) และช่วงคะแนน ๑.๐๐-๑.๙๙ จำนวน ๑ ตัวชี้วัด (ตัวชี้วัด : การเบิกจ่ายเงินตามแผน) ๓. รายงานทางการเงิน ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน งบรายได้และค่าใช้จ่าย และงบกระแสเงินสด โดยในปี ๒๕๕๗ มีสินทรัพย์ ๑,๑๘๙.๔๖ ล้านบาท หนี้สิน ๔๑๙.๘๒ ล้านบาท รวมสินทรัพย์จำนวน ๗๖๙.๖๔ ล้านบาท รายได้จากการดำเนินงาน ๓๓๙.๙๘ ล้านบาท ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงาน ๓๙๔.๖๘ ล้านบาท และรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่ายสุทธิจำนวน ๕๔.๗๐ ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||
21032 | สรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 15 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2557 - 31 ธันวาคม 2558) | นร | 15/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๑๕ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๗-๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ มีผลงานที่สำคัญ ได้แก่ โครงการส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพื่อความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกระดับจังหวัด อำเภอ ท้องถิ่น และโครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป ๒. การปฏิรูปประเทศ การดำเนินการเชิงนโยบาย คณะกรรมการปฏิรูปและขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อเป็นกลไกทำหน้าที่ในการปฏิรูปและขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดิน จำนวน ๖ คณะ ได้แก่ คณะที่ ๑ ด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และระบบการศึกษา คณะที่ ๒ ด้านเศรษฐกิจการเงิน การคลัง การลงทุน ภาครัฐ และโครงสร้างพื้นฐาน คณะที่ ๓ ด้านระบบราชการ กฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและสร้างความปรองดองสมานฉันท์ คณะที่ ๔ ด้านสาธารณสุข คณะที่ ๕ ด้านความมั่งคงลดความเหลื่อมล้ำการเกษตรทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเรื่องที่เป็นวาระเร่งด่วนและการแก้ไขปัญหาการดำเนินการตามพันธกรณีระหว่างประเทศ และคณะที่ ๖ ด้านการท่องเที่ยว วัฒนธรรม และการกีฬา ๓. การบริหารราชการแผ่นดิน มีผลงานที่สำคัญ ได้แก่ การปกป้องเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ การรักษาความมั่นคงของรัฐและต่างประเทศ การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม การศึกษาและเรียนรู้ การทะนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม การยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุข และสุขภาพของประชาชน การบริหารเศรษฐกิจ การส่งเสริมบทบาทและการใช้โอกาสในประชาคมอาเซียน การพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา และนวัตกรรม สนับสนุนการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนาของประเทศ การรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากร และการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน การส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลและการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ รวมทั้งการปรับปรุงกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม
|
||||||||||||||||||||||||
21033 | สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นจากประชาชน ไตรมาสที่ 1 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 | นร | 15/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอสรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นจากประชาชน ไตรมาสที่ ๑ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยสถิติการแจ้งเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นที่ยื่นเรื่องผ่านช่องทางการร้องทุกข์ ๑๑๑๑ และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ทั้งสิ้น ๔๑,๖๘๖ ครั้ง รวมจำนวน ๒๖,๕๕๐ เรื่อง สามารถดำเนินการจนได้ข้อยุติ คิดเป็นร้อยละ ๘๑.๗๒ และอยู่ระหว่างการดำเนินการของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง คิดเป็นร้อยละ ๑๘.๒๘ สำหรับประเด็นเรื่องที่ประชาชนร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นมากที่สุด ได้แก่ เหตุเดือดร้อนรำคาญ รองลงมาคือ แจ้งเบาะแสการลักลอบเปิดบ่อนและเล่นการพนัน แจ้งเบาะแสการลักลอบจำหน่ายและเสพยาเสพติด เสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายและโครงการของรัฐในประเด็นที่หลากหลาย และปัญหาหนี้สินนอกระบบ ตามลำดับ ๒. มอบหมายให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ความสำคัญกับการเร่งรัดการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์ให้มีผลเป็นที่ยุติด้วยความเป็นธรรมภายในระยะเวลาที่เหมาะสม
|
||||||||||||||||||||||||
21034 | รายงานความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ณ พื้นที่ราชพัสดุ ถนนทหาร (เกียกกาย) ถึงวันที่ 31 มกราคม 2559 (ครั้งที่ 12) | มท | 15/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑.รับทราบรายงานความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ณ พื้นที่ราชพัสดุ ถนนทหาร (เกียกกาย) ถึงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๙ (ครั้งที่ ๑๒) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ผลงานสะสมที่ทำได้ คิดเป็นร้อยละ ๑๖.๗๗ ๑.๒ การส่งมอบพื้นที่ก่อสร้าง ปัจจุบันยังไม่มีการส่งมอบพื้นที่เพิ่มเติม โดยส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างอาคารหลักทั้งหมดตั้งแต่วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗ เหลือพื้นที่ยังไม่ได้ส่งมอบ ๒๐-๐-๘๐ ไร่ ๑.๓ การขนย้ายดินออกจากพื้นที่ก่อสร้าง ดำเนินการขุดและขนย้ายดินแล้วเสร็จ ๑.๔ ปัญหา/อุปสรรค ได้แก่ การส่งมอบพื้นที่ที่เหลือยังส่งมอบไม่ได้ตามสัญญาก่อสร้างกระทบกับแผนงานก่อสร้างตามที่ได้รับอนุมัติ และปัญหากรณีชาวบ้านปลูกบ้านรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่การก่อสร้างอาคารรัฐสภา บริเวณท่าเรือเกียกกาย จำนวน ๕ ครอบครัว ทำให้เป็นอุปสรรคต่องานก่อสร้างเขื่อนริมแม่น้ำ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยประสานงานกับกระทรวงศึกษาธิการเพื่อเร่งรัดการส่งมอบพื้นที่โรงเรียนโยธินบูรณะให้แก่รัฐสภาให้แล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน ๒๕๕๙
|
||||||||||||||||||||||||
21035 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2558 (ระยะที่ 2 ตุลาคม 2558 - กรกฎาคม 2560) [แผนปฏิบัติการเพื่อสนับสนุนการปฏิรูปประเทศ ระยะที่ 2 ของส่วนราชการ จำแนกตามกรอบการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน] | นร04 | 15/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนปฏิบัติการเพื่อสนับสนุนการปฏิรูปประเทศ ระยะที่ ๒ ระหว่างเดือนตุลาคม ๒๕๕๘-กรกฎาคม ๒๕๖๐ ของ ๒๘ หน่วยงาน โดยแผนปฏิบัติการดังกล่าวจำแนกตามประเด็นการปฏิรูปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ทั้ง ๑๑ ด้าน และ ๓๗ วาระการปฏิรูป ๘ วาระการพัฒนาของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ซึ่งจัดกลุ่มตามคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน จำนวน ๖ คณะ ประกอบด้วย คณะที่ ๑ ด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และระบบการศึกษา คณะที่ ๒ ด้านเศรษฐกิจการเงิน การคลัง การลงทุนภาครัฐ และโครงสร้างพื้นฐาน คณะที่ ๓ ด้านระบบราชการ กฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและสร้างความปรองดองสมานฉันท์ คณะที่ ๔ ด้านสาธารณสุข คณะที่ ๕ ด้านความมั่งคง ลดความเหลื่อมล้ำ การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่องที่เป็นวาระเร่งด่วน และการแก้ไขปัญหาการดำเนินการตามพันธกรณีระหว่างประเทศ และคณะที่ ๖ ด้านการท่องเที่ยว วัฒนธรรม และการกีฬา
|
||||||||||||||||||||||||
21036 | ผลการดำเนินงานของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยในปีงบประมาณ 2558 นโยบายของคณะกรรมการ และโครงการและแผนงานของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยในอนาคต | คค | 15/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการดำเนินงานของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ในปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ในด้านการพัฒนาระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ด้านการให้บริการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ด้านการเงิน ด้านการพัฒนาองค์กรและทรัพยากรบุคคล และด้านการกำกับดูแลที่ดี นโยบายของคณะกรรมการ รฟม. ในการกำกับดูแลการดำเนินงานของ รฟม. รวมทั้งโครงการและแผนงานของ รฟม. ในอนาคต ซึ่งมีโครงการหลักที่สำคัญที่จะดำเนินการในปี ๒๕๕๙ จำนวน ๒๕ โครงการ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดการดำเนินโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบราง โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงเตาปูน-ท่าพระ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-บางซื่อ โครงการจัดหารถไฟฟ้าธรรมดา (City Line Airport Rail Link) ของบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด และโครงการพัฒนารถไฟฟ้าตามความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย-จีน
|
||||||||||||||||||||||||
21037 | แผนการตรวจราชการแบบบูรณาการ ของผู้ตรวจราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 | นร01 | 15/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการ ของผู้ตรวจราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. หลักการ/ยุทธศาสตร์ เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์สำคัญของประเทศ ๒ ประเด็นนโยบาย คือ ประเด็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล เรื่องการบริหารจัดการขยะและสิ่งแวดล้อม และประเด็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล เรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล ๒. วิสัยทัศน์ เป็นเครือข่ายองค์กรการตรวจราชการที่มีความเป็นเลิศด้านการตรวจราชการตามหลักธรรมาภิบาล ๓. พันธกิจ ได้แก่ (๑) การขับเคลื่อนการบูรณาการและบริหารจัดการด้านการตรวจราชการให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลและการบริหารราชการแผ่นดิน (๒) เร่งรัด ติดตาม ประเด็น และนโยบายสำคัญตามยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศให้บรรลุตามเป้าหมายที่กำหนด และ (๓) ให้ข้อเสนอทั้งในเชิงนโยบายและในเชิงปฏิบัติเพื่อขจัดปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงาน และสร้างกลไกให้เกิดมูลค่าเพิ่ม และฝ่ายบริหารสามารถนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจเชิงบริหารน ๔. กลยุทธ์ ได้แก่ (๑) การตรวจราชการเพื่อสนับสนุนการบูรณาการโครงการภายใต้แผนงบประมาณในลักษณะบูรณาการ และการแก้ไขปัญหาการจัดการขยะเฉพาะพื้นที่ และ (๒) การตรวจราชการเพื่อประเมินประสิทธิผลของการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในส่วนของมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล ๕. การจัดทำรายงานภาพรวม ได้แก่ ครั้งที่ ๑ จัดทำรายงานการตรวจราชการแบบบูรณาการ โดยประมวลปัญหาอุปสรรค และข้อเสนอแนะของผู้ตรวจราชการให้แล้วเสร็จ และนำเสนอนายกรัฐมนตรีภายในพฤษภาคม ๒๕๕๙ และจัดรายงานผลการตรวจราชการแบบบูรณาการในรอบ ๖ เดือน (Semi-Annual Inspection Report : SAIR) ให้แล้วเสร็จต่อไป และครั้งที่ ๒ จัดทำรายงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ (AIR : 2016) ให้แล้วเสร็จนำเสนอนายกรัฐมนตรี และ/หรือ คณะรัฐมนตรี ภายในวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ๖. กรอบแนวทางการติดตามประเมินผล โดยประเมินผลใน ๔ มิติ ได้แก่ (๑) ประสิทธิผล (๒) คุณภาพการให้บริการ (๓) ประสิทธิภาพ (๔) การพัฒนาองค์กร
|
||||||||||||||||||||||||
21038 | รายงานผลการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานประกอบการเหมืองแร่ของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (ท่าหลวง) จำกัด และบริษัท ศิลาสานนท์ จำกัด ของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (นางอรรชกา สีบุญเรือง) และคณะ | อก | 15/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมรายงานผลการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานประกอบการเหมืองแร่ของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (ท่าหลวง) จำกัด และบริษัท ศิลาสานนท์ จำกัด ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (นางอรรชกา สีบุญเรือง) และคณะ เมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๙ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.๑ การตรวจเยี่ยมบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (ท่าหลวง) จำกัด พบว่า มีกระบวนการผลิตที่เป็นระบบและทันสมัย เพื่อให้สามารถนำทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่าสูงสุด ควบคู่กับการดูแลรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมและชุมชน ตั้งแต่การสำรวจ การทำเหมือง และการฟื้นฟูพื้นที่โครงการ รวมทั้งมีการประกอบการเป็นไปตามหลักการเหมืองแร่สีเขียว (Green Mining) ส่วนการตรวจเยี่ยมบริษัท ศิลาสานนท์ จำกัด พบว่า การทำเหมืองเป็นไปตามหลักวิศวกรรมเหมืองแร่ โรงโม่หินมีระบบการป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อม เช่น มีการจัดสร้างโรงโม่หินเป็นระบบปิดคลุม มีการติดตั้งระบบสเปรย์น้ำ มีระบบลานล้างล้อ เพื่อลดฝุ่นละออง และมีการปลูกต้นไม้บริเวณพื้นที่สถานประกอบการเพื่อเป็นแนวกันชนป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อมและเพิ่มพื้นที่สีเขียว ๑.๒ การหารือกับผู้ประกอบการถึงแนวทางในการจัดหาแหล่งน้ำสำรองจากขุมเหมือง เพื่อใช้ประโยชน์ในการอุปโภคและบริโภคให้กับประชาชน และเตรียมรับมือกับสถานการณ์ภัยแล้งที่กำลังจะเกิดขึ้น พร้อมทั้งได้ทำพิธีเปิดน้ำขุมเหมืองเพื่อชุมชน ณ ขุมเหมืองของบริษัท ศิลาสานนท์ จำกัด ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดีของสถานประกอบการเหมืองแร่ที่อยู่ร่วมกับชุมชนและท้องถิ่น และการดำเนินงานตามกรอบโครงการส่งเสริมอุตสาหกรรมแร่ให้มีมาตรฐานสากลเพื่อความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR-DPIM) ที่เปิดให้ชุมชนโดยรอบสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ ๑.๓ การพบปะประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงโดยรอบสถานประกอบการ เพื่อรับฟังปัญหาและข้อคิดเห็นของประชาชน พบว่า ประชาชนบางรายได้รับผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากการประกอบการเหมืองหินและโรงโม่หินในด้านฝุ่นละอองฟุ้งกระจาย มีเสียงดังและความสั่นสะเทือนจากการระเบิด แต่มีความเห็นว่าการประกอบการเหมืองหินและโรงโม่หินในพื้นที่ทำให้เกิดการสร้างรายได้ และพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชน รวมทั้งผู้ประกอบการได้มีการประกอบการที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม โดยให้การช่วยเหลือสนับสนุนด้านการศึกษา ด้านการศาสนา การเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ และการพัฒนาสาธารณูปโภคของชุมชน ๒. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่บริเวณสถานประกอบกิจการเหมืองแร่เพื่อรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และร่วมพิจารณากำหนดแนวทางเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่บริเวณดังกล่าว รวมทั้งสร้างความเข้าใจให้แก่ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่บริเวณสถานประกอบกิจการเหมืองแร่ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
21039 | รายงานผลการเดินทางไปร่วมการประชุมหารือเรื่องแนวทางการดำเนินความร่วมมือด้านการเกษตรและประมงภายใต้บันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างไทย - ฟิจิ ณ สาธารณรัฐฟิจิ | กษ | 15/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐฟิจิของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระหว่างวันที่ ๑๓-๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ตามคำเชิญของนายไอเนีย เซรูอิราตู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร การพัฒนาชนบทและทะเล และการจัดการภัยพิบัติแห่งชาติฟิจิ เพื่อหารือความร่วมมือตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร และหารือบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านประมง กับนายโอเซีย ไนกามู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงประมงและป่าไม้ ฟิจิ ที่ได้ลงนามเมื่อวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปสาระสำคัญำได้ ดังนี้
๑. การหารือกับนายไอเนีย เซรูอิราตู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร การพัฒนาชนบทและทะเล และการจัดการภัยพิบัติแห่งชาติฟิจิ ไทยและฟิจิได้เห็นชอบร่วมกันที่จะดำเนินความร่วมมือด้านการเกษตร ๓ เรื่องหลัก ได้แก่ ความร่วมมือด้านวิชาการการพัฒนามะพร้าว การเป็นฐานการกระจายสินค้าเกษตรของกันและกันไปยังประเทศที่สาม และการสนับสนุนซึ่งกันและกันในเวทีองค์กรระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร การค้า และมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหาร ๒. การหารือกับนายโอเซีย ไนกามู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงประมงและป่าไม้ ฟิจิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ขอความอนุเคราะห์ฟิจิในเรื่องการอำนวยความสะดวกในการออกเอกสารใบรับรองการจับสัตว์น้ำหรือเอกสารประกอบการขนถ่ายสัตว์น้ำเพื่อให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ว่านำมาจากการประมงที่ไม่ผิดกฎหมาย และขยายความร่วมมือด้านการทำประมงและพัฒนาอุตสาหกรรมประมงร่วมกัน รวมถึงแลกเปลี่ยนประสบการณ์แนวทางการแก้ไขปัญหาประมงผิดกฎหมายระหว่างกัน
|
||||||||||||||||||||||||
21040 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ พ.ศ. .... | ศธ | 15/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ พ.ศ. .... ว่า กรณีรักษาการในตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ ตามมาตรา ๕๘ แห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้หมายความรวมถึงผู้รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏกาฬสินธุ์ด้วย และได้มีบุคคลดำรงตำแหน่งเป็นผู้รักษาการในตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์แล้ว ประกอบกับสภามหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ตามบทเฉพาะกาลในมาตรา ๕๙ ของพระราชบัญญัติดังกล่าวได้ทำหน้าที่สภามหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์แล้ว และในการประชุมสภามหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ ครั้งที่ ๓/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๘ ได้มีมติเห็นชอบให้ออกข้อบังคับมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ว่าด้วยคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และวิธีการสรรหาอธิการบดี พ.ศ. ๒๕๕๘ และประธานคณะกรรมการสรรหาอธิการบดีมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ได้ออกประกาศคณะกรรมการสรรหาอธิการบดีมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาผู้สมควรดำรงตำแหน่งอธิการบดี พ.ศ. ๒๕๕๘ และขณะนี้สภามหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ตามบทเฉพาะกาล อยู่ระหว่างการพิจารณาคัดเลือกและดำเนินการเสนอขอโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งอธิการบดีมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ต่อไป ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
.....