ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1055 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 21081 - 21100 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
21081 | ร่างพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. .... | นร07 | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. .... ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกำหนดสัดส่วนงบประมาณรายการต่าง ๆ เช่น งบประมาณเพื่อการชำระหนี้ภาครัฐ งบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น รวมทั้งงบประมาณของโครงการตามนโยบายของรัฐบาลนอกเหนือจากภารกิจตามปกติไว้ในร่างพระราชบัญญัติการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. .... นั้น เนื่องจากกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย ได้มีการพิจารณาในเรื่องดังกล่าวในกระบวนการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีอยู่แล้ว เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นในการดำเนินงานของฝ่ายบริหาร จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกำหนดประเด็นดังกล่าวไว้ในร่างกฎหมายฉบับนี้ และข้อสังเกตของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในส่วนของร่างพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. .... ควรมีการปรับปรุงรูปแบบการทำงานของสำนักงบประมาณเพื่อให้เป็นไปในลักษณะของคณะกรรมการที่มีความรู้ความชำนาญ และมีองค์ประกอบจากหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบครอบคลุมภารกิจที่กำหนดไว้ในร่างพระราชบัญญัติฯ และให้สำนักงบประมาณพิจารณาศึกษาและทบทวนขอบเขตความรับผิดชอบและแนวการทำงานที่เกี่ยวข้องกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างรอบคอบและสอดคล้องกับแนวทางการกระจายอำนาจที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างศักยภาพและประสิทธิภาพให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น สำหรับร่างพระราชบัญญัติการเงินการคลัง พ.ศ. .... ควรกำหนดให้มีคณะกรรมการเพื่อทำหน้าที่ในการกำกับ ติดตามการดำเนินการและการบริหารงานของหน่วยงานของรัฐให้เป็นไปตามบทบัญญัติที่กำหนดไว้ในร่างพระราชบัญญัติฯ และจากผลการบังคับใช้พระราชบัญญัติฯ ควรนำไปสู่การจัดทำบัญชีสาธารณะ (Consolidated Public Account) โดยรวม ที่มีความครอบคลุมสมบูรณ์ สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงด้านการคลังในระยะยาว และผลักดันให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีการปรับตัว เพิ่มสมรรถนะในการบริหารจัดการด้านการเงินการคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส เป็นต้น ไปพิจารณาด้วย แล้วส่งร่างพระราชบัญญัติทั้ง ๒ ฉบับให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๓. ให้สำนักงบประมาณรับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีไปดำเนินการเกี่ยวกับการบูรณาการในการใช้จ่ายงบประมาณของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน (หน่วยงานของรัฐ) เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐ |
|||||||||||||||||||||||||||
21082 | ร่างพระราชบัญญัติการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. .... | กค | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. .... ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกำหนดสัดส่วนงบประมาณรายการต่าง ๆ เช่น งบประมาณเพื่อการชำระหนี้ภาครัฐ งบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น รวมทั้งงบประมาณของโครงการตามนโยบายของรัฐบาลนอกเหนือจากภารกิจตามปกติไว้ในร่างพระราชบัญญัติการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. .... นั้น เนื่องจากกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย ได้มีการพิจารณาในเรื่องดังกล่าวในกระบวนการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีอยู่แล้ว เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นในการดำเนินงานของฝ่ายบริหาร จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกำหนดประเด็นดังกล่าวไว้ในร่างกฎหมายฉบับนี้ และข้อสังเกตของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในส่วนของร่างพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. .... ควรมีการปรับปรุงรูปแบบการทำงานของสำนักงบประมาณเพื่อให้เป็นไปในลักษณะของคณะกรรมการที่มีความรู้ความชำนาญ และมีองค์ประกอบจากหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบครอบคลุมภารกิจที่กำหนดไว้ในร่างพระราชบัญญัติฯ และให้สำนักงบประมาณพิจารณาศึกษาและทบทวนขอบเขตความรับผิดชอบและแนวการทำงานที่เกี่ยวข้องกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างรอบคอบและสอดคล้องกับแนวทางการกระจายอำนาจที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างศักยภาพและประสิทธิภาพให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น สำหรับร่างพระราชบัญญัติการเงินการคลัง พ.ศ. .... ควรกำหนดให้มีคณะกรรมการเพื่อทำหน้าที่ในการกำกับ ติดตามการดำเนินการและการบริหารงานของหน่วยงานของรัฐให้เป็นไปตามบทบัญญัติที่กำหนดไว้ในร่างพระราชบัญญัติฯ และจากผลการบังคับใช้พระราชบัญญัติฯ ควรนำไปสู่การจัดทำบัญชีสาธารณะ (Consolidated Public Account) โดยรวม ที่มีความครอบคลุมสมบูรณ์ สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงด้านการคลังในระยะยาว และผลักดันให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีการปรับตัว เพิ่มสมรรถนะในการบริหารจัดการด้านการเงินการคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส เป็นต้น ไปพิจารณาด้วย แล้วส่งร่างพระราชบัญญัติทั้ง ๒ ฉบับให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๓. ให้สำนักงบประมาณรับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีไปดำเนินการเกี่ยวกับการบูรณาการในการใช้จ่ายงบประมาณของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน (หน่วยงานของรัฐ) เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐ
|
|||||||||||||||||||||||||||
21083 | ร่างพระราชบัญญัติการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. .... | ลต | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. .... เพื่อให้การดำเนินการจัดการออกเสียงประชามติของคณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สุจริต และเที่ยงธรรม ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งเสนอ และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นเรื่องเร่งด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
21084 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้านครหลวง (นายกฤษฎา บุญราช และนายมนัส แจ่มเวหา) | มท | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่น (ผู้แทนกระทรวงการคลัง) ในคณะกรรมการการไฟฟ้านครหลวงแทนผู้ที่พ้นจากตำแหน่ง จำนวน ๒ คน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๕ มีนาคม ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. นายกฤษฎา บุญราช เป็นประธานกรรมการ แทน พลเอก พิรุณ แผ้วพลสง ที่พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากมีอายุครบ ๖๕ ปีบริบูรณ์ ๒. นายมนัส แจ่มเวหา เป็นกรรมการอื่น (ผู้แทนกระทรวงการคลัง) เป็นบุคคลในบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจตามประกาศกระทรวงการคลัง แทนนายสมชัย สัจจพงษ์ ที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากลาออก
|
|||||||||||||||||||||||||||
21085 | แต่งตั้งและกำหนดอัตราเงินเดือนผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (นายธีธัช สุขสะอาด) | กษ | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายธีธัช สุขสะอาด ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย โดยให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่ในอัตราเดือนละ ๑๑๓,๕๒๐ บาท ตามมติคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย ในคราวประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ และครั้งที่ ๖/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ส่วนค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์อื่น รวมทั้งเงื่อนไขการจ้างและการประเมินผลการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการแต่งตั้งผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทยในครั้งต่อไปให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เรื่อง การดำเนินการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย
|
|||||||||||||||||||||||||||
21086 | การเดินทางเยือนประเทศอินเดียเพื่อหารือเรื่องการส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ | นร04 | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) รายงานเกี่ยวกับการเดินทางเยือนประเทศอินเดียเพื่อหารือเรื่องการส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ระหว่างวันที่ ๖-๙ มีนาคม ๒๕๕๙ ณ เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.๑ การหารือระหว่างประเทศไทยและประเทศอินเดีย รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) ในฐานะประธานกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ ได้เข้าเยี่ยมคารวะมุขมนตรี และรัฐมนตรีแห่งรัฐมหาราษฏระ ซึ่งรับผิดชอบงานด้านการศึกษา อาชีวศึกษา การศึกษาด้านการแพทย์และวัฒนธรรม เพื่อหารือในประเด็นความร่วมมือเกี่ยวกับการส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ความร่วมมือด้านวัฒนธรรม และการส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกัน รวมทั้งได้พบหารือกับผู้แทนส่วนราชการ ผู้ประกอบการด้านภาพยนตร์และวีดิทัศน์ของอินเดียเพื่อเตรียมการจัดทำข้อตกลงการร่วมทุนด้านภาพยนตร์และวีดิทัศน์ระหว่างประเทศไทยและประเทศอินเดีย ๑.๒ ผลที่คาดว่าจะได้รับ เป็นการเปิดมิติความร่วมมือทวิภาคีด้านภาพยนตร์ระหว่างประเทศไทยและประเทศอินเดีย ทั้งด้านการลงทุน การสร้างงาน และการแลกเปลี่ยนบุคลากรด้านภาพยนตร์ในอนาคต โดยภาครัฐอินเดียยินดีสนับสนุนและเห็นโอกาสที่จะร่วมลงทุน เช่น การเปิดตลาดภาพยนตร์ไทยในประเทศอินเดียและการถ่ายทำภาพยนตร์อินเดียในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ของไทย นอกจากนี้ยังส่งเสริมความร่วมมือด้านวัฒนธรรมโดยจะมีการแลกเปลี่ยนและการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับศิลปวัตถุ และโบราณวัตถุ รวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกัน ๒. ให้กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางในการดำเนินการเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ให้สามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องและเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวต้องสอดคล้องกับข้อกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
21087 | โครงการจับคู่ธุรกิจผลิตภัณฑ์ยางของกระทรวงพาณิชย์ | พณ | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานเกี่ยวกับโครงการจับคู่ธุรกิจผลิตภัณฑ์ยาง สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้จัดงานจับคู่ธุรกิจผลิตภัณฑ์ยางขึ้นในวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซ่าลาดพร้าว โดยได้นำผู้ซื้อต่างประเทศ จำนวน ๑๔๗ บริษัท จาก ๒๘ ประเทศ ได้แก่ จีน อาเซียน ตะวันออกกลาง แอฟริกา ยุโรป และอเมริกาเหนือ มาเจรจาธุรกิจกับผู้ส่งออกยางพาราและผลิตภัณฑ์ยางของไทย อาทิ ยางล้อ ถุงมือยาง ไม้ยางพารา หมอนและที่นอนยางพารา ชิ้นส่วนยานยนต์ที่ทำจากยาง จำนวนรวมทั้งสิ้น ๑๐๙ บริษัท ในการนี้ ได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) จะซื้อขายยางพาราและผลิตภัณฑ์ยาง รวมทั้งสิ้น ๘ ฉบับ ประกอบด้วย (๑) ยางแท่ง จำนวน ๑๐๐,๐๐๐ ตัน (๒) ยางแผ่นรมควันชั้น ๓ จำนวน ๕๐,๐๐๐ ตัน (๓) น้ำยางข้น จำนวน ๕๐,๐๐๐ ตัน (๔) ไม้ยางพารา จำนวน ๒๒,๐๐๐ ตู้คอนเทนเนอร์ (ขนาด ๔๐ ฟุต) ซึ่งเป็นปริมาณเพิ่มขึ้นจากเดิมที่เคยส่งออกปีละ ๔๘,๐๐๐ ตู้คอนเทนเนอร์ คิดเป็นมูลค่าส่งออกที่เพิ่มขึ้น ๙,๕๐๐ ล้านบาท (๕) หมอนและที่นอนยางพารา จำนวน ๑๐๐,๐๐๐ ชิ้น โดยมีกำหนดส่งมอบภายใน ๑ ปี คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น ๑๗,๕๐๐ ล้านบาท นอกจากนี้ มีการซื้อขายผลิตภัณฑ์ยางและยางพาราธรรมชาติอื่น ๆ ภายในงานอีก ๒,๑๖๐ ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าการซื้อขายระหว่างการเจรจาการค้าในงานจับคู่ธุรกิจผลิตภัณฑ์ยางที่มีกำหนดส่งมอบภายใน ๑ ปี รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น ๑๙,๖๖๐ ล้านบาท ๑.๒ ในบริเวณงานได้มีการจัดนิทรรศการยางพาราไทยเพื่อแสดงให้ผู้ซื้อจากต่างประเทศที่เดินทางมาเจรจาการค้าได้เห็นและรับรู้ถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมยางพาราของไทยตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ และนำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ยางพาราใหม่ ๆ รวมถึงได้นำคณะผู้ซื้อจากต่างประเทศกว่า ๑๐๐ ราย ไปเยี่ยมชมธุรกิจที่ผลิตยางพาราชั้นนำของประเทศไทยด้วย ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนพิจารณาแนวทางการให้สิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้นสำหรับผู้ประกอบการต่างประเทศที่สนใจลงทุนในประเทศไทยโดยเฉพาะอุตสาหกรรมยาง ข้าว อ้อย และมันสำปะหลัง ในระหว่างปี ๒๕๕๙-๒๕๖๐ เพื่อดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศ
|
|||||||||||||||||||||||||||
21088 | การรวมพลังคนไทยลดพีคไฟฟ้า | อื่นๆ | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานรายงานว่า การใช้พลังงานไฟฟ้าของประเทศไทยมีระดับสูงขึ้นทุกปี โดยในปี ๒๕๕๘ มีการใช้พลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากปี ๒๕๕๗ ร้อยละ ๓.๒ และปี ๒๕๕๙ คาดการณ์ว่าจะมีการใช้พลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากปี ๒๕๕๘ ร้อยละ ๓.๕ โดยช่วงเวลาที่ประชาชนต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าสูงสุดหรือ "พีคไฟฟ้า" (Peak Load) คือ ระหว่างวันที่ ๒๐ มีนาคม-๒๐ พฤษภาคม ซึ่งมีประมาณการอยู่ที่ ๒๙,๐๐๐ เมกะวัตต์ เนื่องจากอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้น จึงต้องมีการผลิตไฟฟ้าให้เพียงพอกับความต้องการ หากไม่เพียงพอประเทศไทยอาจต้องซื้อพลังงานจากประเทศเพื่อนบ้านในราคาที่สูงหรืออาจต้องใช้มาตรการปิดไฟในบางพื้นที่ ดังนั้น เพื่อเป็นการช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าในช่วงดังกล่าว จึงควรขอความร่วมมือประชาชน "ปิด ปรับ ปลด เปลี่ยน" คือ ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็นในช่วงเวลา ๑๔.๐๐-๑๕.๐๐ น. ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศจาก ๒๕ องศาเซลเซียส เป็น ๒๖ องศาเซลเซียส ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อไม่ใช้งาน และเปลี่ยนไปใช้เครื่องปรับอากาศที่มีค่าที่ใช้วัดประสิทธิภาพในการใช้พลังงานตามฤดูกาล (ค่า SEER) สูง หรือใช้หลอดไฟ LED แทนการใช้หลอดไฟแบบไส้ ๒. ให้กระทรวงพลังงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรณรงค์ให้ประชาชนร่วมกันลดการใช้พลังงานไฟฟ้าในระยะยาวโดยพิจารณาวิธีการต่าง ๆ เช่น การจัดกิจกรรมเพื่อให้ประชาชนสามารถนำเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่ามาแลกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่ที่ประหยัดพลังงานได้ โดยดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
21089 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านความมั่นคง ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรเร่งดำเนินการรักษาความสงบเรียบร้อยโดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยให้ความสำคัญกับการแสวงหาความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายใน ๖ เดือน ๒. ด้านเศรษฐกิจ ๒.๑ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และสำนักงบประมาณ เร่งพิจารณาจัดทำมาตรการ/โครงการเพื่อสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนในระดับท้องที่ตามแผนของจังหวัดและอำเภอ โดยพิจารณาจัดสรรงบประมาณเพื่ออุดหนุนให้เกิดการสร้างงานและนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๒.๒ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักหารือร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เพื่อพิจารณากำหนดมาตรการเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ เช่น การให้สิทธิประโยชน์ทางการลงทุนเพิ่มเติม การผ่อนปรนหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งรถยนต์ การยกเว้นภาษีศุลกากรและภาษีสรรพสามิตของชิ้นส่วนสำคัญที่ใช้ในการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยให้เป็นอุตสาหกรรมใหม่ และรักษาสถานะของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ของภูมิภาค ๒.๓ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณากำหนดแนวทางในการสนับสนุนให้ภาคเอกชนรับซื้อยางพารามาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อยกระดับราคายางพาราให้ได้ราคาตามเป้าหมาย ๒.๔ ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบและกำกับดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศให้เกิดความเหมาะสมและเป็นธรรม ๒.๕ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงมหาดไทยพิจารณากำหนดแนวทางการขยายพื้นที่เพาะปลูกและเพิ่มผลผลิตมะพร้าวในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคใต้ เพื่อป้องกันไม่ให้ประสบภาวะการขาดแคลนผลผลิตมะพร้าวในอนาคต ๓. ด้านสังคม ให้กระทรวงแรงงานและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมกันพิจารณาแนวทางเพื่อสนับสนุนให้เกิดความเท่าเทียมทางเพศในการได้รับโอกาสเข้าทำงาน รวมทั้งการกำหนดชั่วโมงทำงาน ความก้าวหน้าในการทำงาน และการประเมินผลการทำงานด้วย ๔. ด้านการต่างประเทศ ให้กระทรวงการต่างประเทศประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมความพร้อมในการที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมกลุ่ม ๗๗ ว่าด้วยการลงทุนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (G77 Meeting on Investment for Sustainable Development) ในวันที่ ๔-๕ พฤษภาคม ๒๕๕๙ เพื่อจัดทำข้อเสนอแนะการพัฒนาความร่วมมือส่งเสริมการลงทุนระหว่างประเทศ ๕. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๕.๑ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรายงานผลการดำเนินการของคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดินแต่ละคณะให้นายกรัฐมนตรีทราบทุกเดือน ๕.๒ ให้กระทรวงการคลังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาหาแนวทางในการนำสินทรัพย์ของหน่วยงานที่อยู่ระหว่างการบริหารจัดการทรัพย์สินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์แล้ว มาใช้ประโยชน์ในการดำเนินนโยบายของรัฐบาล เช่น สินทรัพย์ของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย ๕.๓ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการก่อสร้างฝายกักเก็บน้ำขนาดเล็กโดยเฉพาะในพื้นที่ประสบภัยแล้ง ทั้งนี้ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๙ ๕.๔ ให้กระทรวงกลาโหมจัดหน่วยทหารในพื้นที่ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ประสบปัญหาภัยแล้ง ๕.๕ ให้ทุกส่วนราชการพิจารณาดำเนินการจัดให้มีมาตรการคัดแยกขยะอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้สามารถนำขยะบางประเภทกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) หรือใช้ประโยชน์อื่นได้ โดยดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๙
|
|||||||||||||||||||||||||||
21090 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๙ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติพัฒนาระบบมาตรวิทยาแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และการดำเนินการให้มีผลผูกพันตามการเจรจาขยายขอบเขตความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าเทคโนโลยีสารสนเทศ (ITA Expansion) ประกอบด้วยปฏิญญาว่าด้วยการขยายขอบเขตความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าเทคโนโลยีสารสนเทศ (Declaration on the Expansion of Trade in information Technology Products) เอกสารแจ้งการยอมรับปฏิญญาฯ และเอกสารการแก้ไขตารางข้อผูกพัน (Schedule of Concessions) ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ๒. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รับข้อสังเกตดังกล่าวประสานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
21091 | การดำเนินการให้มีผลผูกพันตามการเจรจาขยายขอบเขตความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าเทคโนโลยีสารสนเทศ (ITA Expansion) | อื่นๆ | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๙ ซึ่งให้เสนอปฏิญญาว่าด้วยการขยายขอบเขตความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าเทคโนโลยีสารสนเทศ (Declaration on the Expansion of Trade in information Technology Products) เอกสารแจ้งการยอมรับปฏิญญาฯ และเอกสารการแก้ไขตารางข้อผูกพัน (Schedule of Concessions) ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||
21092 | รายงานความก้าวหน้าผลการดำเนินการโครงการในวาระแห่งชาติด้านวัคซีน ภายใต้นโยบายและแผนยุทธศาสตร์วัคซีนแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2558 | สธ | 08/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุข โดยสถาบันวัคซีนแห่งชาติ (องค์การมหาชน) รายงานความก้าวหน้าผลการดำเนินการโครงการในวาระแห่งชาติด้านวัคซีน ภายใต้นโยบายและแผนยุทธศาสตร์วัคซีนแห่งชาติ ปีงบประมาณ ๒๕๕๘ รวมทั้งสิ้น ๑๔ โครงการ ประกอบด้วย (๑) โครงการที่ประสบผลสำเร็จตามตัวชี้วัดที่กำหนด จำนวน ๕ โครงการ (๒) โครงการที่สำเร็จตามตัวชี้วัดแต่มีความล่าช้าเนื่องจากปัญหาและอุปสรรค จำนวน ๒ โครงการ และ (๓) โครงการที่ชะลอ หรือยุติการดำเนินงาน จำนวน ๗ โครงการ ทั้งนี้ สถาบันวัคซีนแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ได้ทบทวนโครงการต่าง ๆ ตามวาระแห่งชาติด้านวัคซีน และปรับเปลี่ยนหน่วยงานที่รับผิดชอบ รวม ๑๐ โครงการ รวมทั้งอยู่ระหว่างการทบทวนนโยบายและยุทธศาสตร์วัคซีนแห่งชาติฉบับใหม่ ซึ่งคาดว่าจะเสนอคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติพิจารณาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
21093 | รายงานผลดำเนินงานการกำกับดูแลการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อยในฤดูการผลิตปี 2557/2558 | อก | 08/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมรายงานผลดำเนินงานการกำกับดูแลการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อยในฤดูการผลิตปี ๒๕๕๗/๒๕๕๘ ประจำเดือนมกราคม ๒๕๕๙ ของคณะกรรมการกำกับดูแลการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อยในฤดูการผลิตปี ๒๕๕๗/๒๕๕๘ โดย ณ วันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๘ สำนักงานกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายแจ้งให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรโอนเงินเพิ่มราคาอ้อยขั้นต้น ฤดูการผลิตปี ๒๕๕๗/๒๕๕๘ เข้าบัญชีชาวไร่อ้อยที่เป็นคู่สัญญาและมีสิทธิได้รับเงินเพิ่มราคาอ้อยขั้นต้น ๑๖๐ บาท/ตัน ตั้งแต่วันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ จนถึงขณะนี้ รวม ๑๐ งวด คิดเป็นปริมาณอ้อย ๑๐๕,๘๙๕,๓๘๖.๒๑๕ ตัน เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น ๑๖,๙๔๓,๒๑๖,๗๙๔.๔๐ บาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๙๙.๙๔ ของวงเงินที่จะต้องจ่ายทั้งหมด ส่วนปริมาณอ้อยที่เหลือ จำนวน ๖๓,๖๙๓.๒๓๐ ตัน เป็นเงิน ๑๐,๑๙๐,๙๑๖.๘๐ บาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๐.๐๖ อยู่ระหว่างดำเนินการ โดยชาวไร่อ้อยโอนเงินไม่ผ่านเนื่องจากบัญชีไม่เคลื่อนไหว/ปิดบัญชี/ผิดบัญชี เป็นเงิน ๖,๗๑๖,๓๗๖ บาท และอยู่ระหว่างการตรวจสอบรวบรวมข้อมูล ๓,๔๗๔,๕๔๐.๘๐ บาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
21094 | ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนธันวาคม 2558 | อก | 08/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนธันวาคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนธันวาคม ๒๕๕๘ เปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ดัชนีผลผลิตขยายตัวร้อยละ ๑.๓๓ อุตสาหกรรมสำคัญที่ขยายตัว เช่น ผลิตภัณฑ์พลาสติก เครื่องประดับ น้ำมันประกอบอาหาร การนำเข้าเครื่องจักรอุตสาหกรรมและเครื่องมือกล มีมูลค่า ๙๙๔.๓ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ ๑.๙ การนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ไม่รวมทองคำ) มีมูลค่า ๕,๑๐๔.๓ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวร้อยละ ๑๕.๗ การใช้ไฟฟ้าของภาคอุตสาหกรรมการผลิต มีปริมาณทั้งหมดจำนวน ๙,๖๙๕.๓ ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง เพิ่มขึ้นร้อยละ ๕.๘ ภาวะการประกอบกิจการโรงงาน มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการมากกว่าร้อยละ ๐.๒๘ มีการจ้างงานรวมลดลงร้อยละ ๑๔.๔๓ และมียอดเงินลงทุนรวมลดลงร้อยละ ๒๘.๐๕ ภาวะการเลิกกิจการของโรงงาน มีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการมากกว่าร้อยละ ๑๑๕.๖๙ ส่วนภาวะการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนในปี ๒๕๕๘ มีจำนวนโครงการที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุนทั้งสิ้น ๑,๐๓๘ โครงการ ลดลงร้อยละ ๖๗.๕๓ และมีเงินลงทุน ๒๑๘,๑๒๐ ล้านบาท ลดลงร้อยละ ๘๘.๘๕ ประเภทกิจการที่ขอรับการส่งเสริมมากที่สุด คือ หมวดบริการ และสาธารณูปโภค มีมูลค่าเงินลงทุนรวม ๑๑๘,๔๑๐ ล้านบาท ๒. ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของไทยเดือนธันวาคม ๒๕๕๘ เปรียบเทียบกับประเทศสำคัญในเอเชีย การผลิตในภาคอุตสาหกรรมไทยเมื่อพิจารณาจากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (Manufacturing Production Index : MPI) เพิ่มขึ้นหรือขยายตัวร้อยละ ๑.๓ อุตสาหกรรมสำคัญที่ส่งผลให้การผลิตเพิ่มขึ้น เช่น ผลิตภัณฑ์พลาสติก เครื่องประดับเพชรพลอย น้ำมันประกอบอาหาร การผลิตในภาคอุตสาหกรรม
|
|||||||||||||||||||||||||||
21095 | การขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในเรื่อง ความคืบหน้าการส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ การติดตามการแก้ไขปัญหาราคายางพารา และความคืบหน้าการบริหารจัดการน้ำ | นร | 08/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) สรุปรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ในการประชุม กขร. ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๙ โดยมีเรื่องสำคัญ ๓ เรื่อง ได้แก่ ความคืบหน้าการส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ การติดตามการแก้ไขปัญหาราคายางพารา และความคืบหน้าการบริหารจัดการน้ำ ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของ กขร. ดังนี้ ๒.๑ มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำรายงานการประเมินผลการดำเนินงานตามตัวชี้วัดการดำเนินการส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่ ได้แก่ (๑) ต้นทุนการผลิตลดลง (๒) ผลผลิตต่อหน่วยหรือไร่เพิ่มขึ้น (๓) สินค้ามีระบบมาตรฐาน/คุณภาพปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น (๔) เทคโนโลยีการเกษตรเปลี่ยนแปลงดีขึ้น และ (๕) มีตลาดรองรับ (PPP CSR Social Business/Enterprise) โดยรายงานให้ กขร. ทราบผลการประเมินในอีก ๖ เดือนถัดไป (เดือนกรกฎาคม ๒๕๕๙) ๒.๒ การดำเนินการตามแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางโดยยกระดับราคายางพาราเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องพิจารณาดำเนินการโดยรอบคอบในทุกมิติ และต้องใช้เวลาในการดำเนินการมาก จึงเห็นควรให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องติดตามและประเมินผลการดำเนินการ และรายงานให้ กขร. ทราบต่อไป ๒.๓ สถานการณ์ภัยแล้ง และโครงการต่าง ๆ ที่ส่วนราชการดำเนินการเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ จึงเห็นควรให้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและโฆษกกระทรวงได้เร่งประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้และทำความเข้าใจกับประชาชนและผู้ใช้น้ำทุกภาคส่วนอย่างเข้มข้นเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำ มาตรการป้องกันและการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล เพื่อให้การใช้น้ำที่มีอยู่อย่างจำกัดเป็นไปตามแผนที่ได้กำหนดไว้เพื่อให้เพียงพอต่อการบริโภค อุปโภค และรักษาระบบนิเวศน์ ๓. นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการเพิ่มเติมว่า “ให้แถลงรายละเอียดพื้นที่ที่กำลังเดือดร้อนหรือจะเดือดร้อน ให้นำมาตรการที่รัฐบาลได้อนุมัติไปแล้วดำเนินการในพื้นที่อย่างเร่งด่วน ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงมหาดไทยบริหารในพื้นที่โดยด่วน” |
|||||||||||||||||||||||||||
21096 | ขอเพิ่มองค์ประกอบในคณะกรรมการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศ [ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | พณ | 08/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศ (พกค.) เพื่อให้การขับเคลื่อนของ พกค. เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
21097 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลดอกคำใต้ ตำบลจำป่าหวาย ตำบลแม่นาเรือ ตำบลแม่ใส อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... | คค | 08/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลดอกคำใต้ ตำบลจำป่าหวาย ตำบลแม่นาเรือ ตำบลแม่ใส อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลดอกคำใต้ ตำบลจำป่าหวาย ตำบลแม่นาเรือ ตำบลแม่ใส อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา เพื่อสร้างทางหลวงชนบทสายเชื่อมต่อระหว่างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๐๒๑ กับทางหลวงแผ่นดินหายเลข ๑๑๙๓ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
21098 | ร่างพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. .... | นร07 | 08/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณถอนร่างพระราชบัญญัติการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. .... เพื่อนำกลับไปพิจารณาทบทวนร่วมกัน ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง ตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงาน
|
|||||||||||||||||||||||||||
21099 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง แนวทางปฏิรูปการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในภาคอุตสาหกรรม) | อก | 08/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการพิจารณาเกี่ยวกับข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ (เรื่อง แนวทางปฏิรูปการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในภาคอุตสาหกรรม) ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ รวม ๕ ข้อ ได้แก่ (๑) ตรวจสอบมลพิษที่วัตถุดิบและเก็บภาษีมลพิษที่วัตถุดิบและของเสียที่เกิดจากกระบวนการผลิตของภาคอุตสาหกรรม (๒) การมอบอำนาจการอนุญาตกรณีต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการประกอบกิจการโรงงานให้แก่จังหวัดนั้น ๆ เป็นผู้อนุญาตโดยอยู่ในรูปของคณะกรรมการ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ของรัฐและภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการอนุญาตให้ประกอบกิจการโรงงานตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ (๓) เปลี่ยนการอนุญาตตามพระราชบัญญัติจดทะเบียนเครื่องจักร พ.ศ. ๒๕๑๔ ในการแปลงสินทรัพย์ให้เป็นทุน ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของอุตสาหกรรมจังหวัด (๔) เปลี่ยนการอนุญาตให้ขนขยะอุตสาหกรรมภายในจังหวัด ตลอดจนอนุญาตให้มีและครอบครองวัตถุอันตรายตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของอุตสาหกรรมจังหวัด และ (๕) เสนอให้ปรับผังองค์กรของกรมโรงงานอุตสาหกรรมตามรูปแบบใหม่ คือ ปรับกระบวนการให้ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานตามสภาวะสิ่งแวดล้อมของการดำเนินการ โดยเพิ่มบุคลากรเจ้าหน้าที่ให้เหมาะสมกับภาระงาน และมุ่งเน้นให้บริการส่งเสริมและลดปัญหาการเกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนความปลอดภัยในการทำงาน ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นด้วยกับผลการพิจารณาข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปฯ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งรายงานผลการพิจารณาของกระทรวงอุตสาหกรรมให้คณะกรรมการประสานงาน รวม ๓ ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) เพื่อพิจารณาความสอดคล้องและความเหมาะสมกับการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
21100 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เรื่อง กำหนดให้โรงงานติดตั้งระบบรายงานแสดงผลการตรวจวัดคุณภาพน้ำทิ้งหรือคุณภาพอากาศจากปล่องต่อสาธารณะ | อก | 08/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เรื่อง กำหนดให้โรงงานติดตั้งระบบรายงานแสดงผลการตรวจวัดคุณภาพน้ำทิ้งหรือคุณภาพอากาศจากปล่องต่อสาธารณะ ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมเห็นด้วยในหลักการให้ติดตั้งระบบรายงานแสดงผลฯ และมีข้อเสนอเป็น ๒ แนวทางคือ (๑) การให้หน่วยงานภาครัฐที่เป็นหน่วยงานกำกับดูแลการระบายมลพิษเป็นผู้ติดตั้ง และ (๒) การให้ผู้ประกอบกิจการโรงงานที่ระบายมลพิษเป็นผู้ติดตั้ง โดยะทั้ง ๒ แนวทางดังกล่าวควรจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสีย ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมได้ประชุมร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียภาคอุตสาหกรรมแล้วเห็นด้วยในหลักการติดตั้งระบบรายงานแสดงผลฯ ส่วนการดำเนินการติดตั้งให้หน่วยงานภาครัฐที่เป็นหน่วยงานกำกับดูแลการระบายมลพิษเป็นผู้ติดตั้ง และพื้นที่ติดตั้งควรเป็นพื้นที่แหล่งชุมชน หรือในเขตพื้นที่อุตสาหกรรมหนาแน่น หรือพื้นที่ที่มีความอ่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมหรือมีเหตุร้องเรียนเรื้อรัง รวมทั้งต้องมีการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของภาคประชาชนอีกครั้งหนึ่ง ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกี่ยวกับการกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำของระบบรายงานแสดงผลฯ หลักเกณฑ์การติดตั้ง ระยะเวลาการรายงานข้อมูล ระยะเวลาการแก้ไขเครื่องมือ/อุปกรณ์กรณีมีการชำรุด รวมทั้งสร้างระบบการเชื่อมโยงข้อมูลจากระบบรายงานแสดงผลฯ ไปยังหน่วยงานกำกับดูแลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเฝ้าระวังปัญหามลพิษจากโรงงาน เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งรายงานผลการพิจารณาดังกล่าวของกระทรวงอุตสาหกรรมให้คณะกรรมการประสานงาน รวม ๓ ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) เพื่อพิจารณาความสอดคล้องและความเหมาะสมกับการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
.....