ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1042 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 20821 - 20840 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
20821 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนปากน้ำหลังสวน จังหวัดชุมพร พ.ศ. .... | มท | 12/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนปากน้ำหลังสวน จังหวัดชุมพร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลบางน้ำจืด ตำบลปากน้ำ และตำบลบางมะพร้าว อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน และกระทรวงอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ พื้นที่ลุ่มน้ำ สถาบันศาสนา และแหล่งศิลปกรรมอันมีคุณค่าแก่การอนุรักษ์ รวมทั้งการใช้บังคับร่างกฎกระทรวงฯ อาจมีผลกระทบต่อการดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาด้านพลังงานที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้แล้ว และการเพิ่มประเภทโรงงานในร่างกฎกระทรวงฯ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองกำกับให้เจ้าพนักงานท้องถิ่น ดูแล และอนุมัติการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามผังเมืองรวมอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการบุกรุกทำลายพื้นที่ชายฝั่งทะเล และควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินได้สอดคล้องกับภูมิสังคมของพื้นที่อย่างเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
20822 | รายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ปี 2558/59 ครั้งที่ 2 | กษ | 12/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ปี ๒๕๕๘/๕๙ ครั้งที่ ๒ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ มาตรการที่ ๑ ส่งเสริมความรู้และการสนับสนุนปัจจัยการผลิตเพื่อลดรายจ่ายในครัวเรือน ดำเนินการในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ๒๒ จังหวัด เช่น มอบปัจจัยการผลิตแล้ว ๑๘๕,๖๒๓ ราย ฝึกอบรมเกษตรกรแล้ว ๒๖๒,๑๓๘ ราย ๑.๒ มาตรการที่ ๒ ชะลอหรือขยายระยะเวลาชำระหนี้ที่เกษตรกรมีภาระหนี้กับสถาบันการเงิน เช่น ยกเว้นการเก็บค่าเช่าที่ดินที่ครบกำหนดชำระในปีงบประมาณ ๒๕๕๙ จำนวน ๑๔,๖๘๗ ราย วงเงิน ๒๘.๑๘ ล้านบาท ๑.๓ มาตรการที่ ๓ จ้างงานเพื่อสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร มีการจ้างแรงงานแล้ว ๓๒๗,๗๒๒ ราย ๑.๔ มาตรการที่ ๔ เสนอโครงการตามความต้องการของชุมชนเพื่อบรรเทาผลกระทบภัยแล้ง ระยะที่ ๑ ดำเนินการแล้ว ๑๕๒ โครงการ เบิกจ่ายแล้ว ๙๑.๙๒ ล้านบาท และระยะที่ ๒ อนุมัติเงินงวดแล้ว ๓,๐๕๐ โครงการ วงเงิน ๑,๕๔๑.๗๙๙ ล้านบาท อยู่ระหว่างการเบิกจ่าย ๑.๕ มาตรการที่ ๕ เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ เช่น จัดทำแปลงสาธิตการปลูกข้าวโดยวิธีเปียกสลับแห้ง ๑๐๐ แปลง ครบตามเป้าหมาย ๑.๖ มาตรการที่ ๖ เพิ่มปริมาณน้ำต้นทุน เช่น ปฏิบัติการฝนหลวง (๑๕ กุมภาพันธ์-๖ มีนาคม ๒๕๕๙) จำนวน ๘ วัน ๓๙ เที่ยวบิน และขุดเจาะบ่อบาดาลแล้ว ๑,๔๔๓ แห่ง ๑.๗ มาตรการที่ ๗ เสริมสร้างสุขภาพและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เช่น กำชับให้ทุกจังหวัดเฝ้าระวังโรคในพื้นที่ต่อเนื่อง ๑.๘ มาตรการที่ ๘ สนับสนุนอื่นๆ เช่น ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบกแจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค จำนวน ๕.๓๑๖ ล้านลิตร ในพื้นที่ ๒๖ จังหวัด ๒. รับทราบตามที่ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ [รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ) และรองอธิบดีกรมชลประทาน (นายทองเปลว กองจันทร์)] กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ) กระทรวงมหาดไทย (อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา) รายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำและการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนจากภัยแล้ง ได้แก่ ผลการดำเนินงานตามมาตรการ/โครงการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของภาครัฐ สถานการณ์น้ำและการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ผลการขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลช่วยภัยแล้ง จังหวัดที่ประกาศให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) และการคาดหมายลักษณะอากาศของประเทศไทย ๓. มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงกลาโหม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลหมู่บ้านให้แล้วเสร็จตามเป้าหมายโดยเร็ว รวมทั้งให้ดำเนินการจัดหาเครื่องสูบน้ำที่ใช้กับบ่อบาดาลดังกล่าวให้ครบถ้วน ทั้งนี้ ให้กระทรวงพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการวิจัยและพัฒนาเครื่องสูบน้ำที่ใช้พลังงานทดแทนต่อไปด้วย ๔. มอบหมายให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (กรมอุตุนิยมวิทยา) พิจารณาปรับรูปแบบการรายงานพยากรณ์อากาศให้เป็นที่น่าสนใจ และประชาชนทั่วไปมีความเข้าใจเกี่ยวกับสภาพอากาศง่ายขึ้น ๕. มอบหมายให้อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ จัดทำสรุปรายงานการบริหารจัดการน้ำทั้งประเทศในภาพรวมทั้งหมด เช่น แนวทางจัดหาแหล่งน้ำต้นทุนในเขื่อนขนาดใหญ่ การผันน้ำจากฝั่งตะวันตก (ลุ่มน้ำแม่กลอง) มาใช้ในฝั่งตะวันออก (ลุ่มน้ำเจ้าพระยา) การจัดหาแหล่งน้ำเพื่อผลิตน้ำประปาหมู่บ้าน การขุดลอกแหล่งน้ำสาธารณะหมู่บ้านเพื่อการอุปโภคบริโภค วิธีการประหยัดน้ำเพื่อใช้ในการเกษตร โดยเฉพาะการปลูกข้าว แผนการบริหารจัดการน้ำในอนาคตเพื่อนำเสนอคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติโดยด่วนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
20823 | โครงการเพื่อการพัฒนาปี 2559 ของการประปาส่วนภูมิภาค | มท | 12/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการดำเนินโครงการเพื่อการพัฒนา ปี ๒๕๕๙ ของการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) จำนวน ๖ โครงการ กรอบวงเงิน ๒,๔๕๗.๙๔๘ ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ประกอบด้วย (๑) โครงการที่ขอรับเงินอุดหนุนร้อยละ ๗๕ เงินรายได้ร้อยละ ๒๕ จำนวน ๔ โครงการ วงเงินลงทุนรวม ๒,๒๑๘.๓๗๒ ล้านบาท ได้แก่ โครงการก่อสร้างปรับปรุงขยาย กปภ. สาขาชัยภูมิ (บ้านเขว้า) และโครงการก่อสร้างปรับปรุงขยายเพื่อรองรับเขตเศรษฐกิจพิเศษ กปภ. สาขาแม่สอด (ระยะที่ ๒) กปภ. สาขาอรัญประเทศ และ กปภ. สาขาสะเดา และ (๒) โครงการที่ขอรับเงินอุดหนุนร้อยละ ๑๐๐ จำนวน ๒ โครงการ วงเงินลงทุนรวม ๒๓๙.๕๗๖ ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการปรับปรุงระบบประปาหลังรับโอน ได้แก่ กปภ. สาขาชุมแพ (ห้วยยาง) และ กปภ. สาขากบินทร์บุรี (หนองกี่) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. ส่วนงบประมาณในการดำเนินโครงการที่ยังไม่มีแหล่งเงินงบประมาณรองรับ จำนวน ๓ โครงการ วงเงินลงทุนรวม ๗๖๖.๖๑๖ ล้านบาท ซึ่ง กปภ. เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ แล้ว ได้แก่ โครงการก่อสร้างปรับปรุงขยาย กปภ. สาขาชัยภูมิ (บ้านเขว้า) และโครงการปรับปรุงกิจการประปาภายหลังรับโอน กปภ. สาขาชุมแพ (ห้วยยาง) และสาขากบินทร์บุรี (หนองกี่) เห็นควรให้ กปภ. จัดทำรายละเอียดแบบรูปรายการ ประมาณการค่าใช้จ่าย และแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อประกอบการพิจารณาตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลัง คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และประธานกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจเกี่ยวกับการพิจารณาใช้เงินรายได้ในการดำเนินโครงการเป็นอันดับแรกและประสานสำนักงบประมาณเพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณต่อไป การประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนเริ่มดำเนินโครงการและติดตามประเมินผลการดำเนินโครงการเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายและจัดทำแผนพัฒนาแหล่งน้ำดิบเพื่อรองรับการขาดแคลนในช่วงฤดูแล้ง รวมถึงวางแผนบริหารน้ำสูญเสียโดยเฉพาะพื้นที่ที่มีปริมาณน้ำสูญเสียสูง การควบคุมค่าใช้จ่ายในการผลิตและบริหารจัดการโครงการ การจัดทำแผนการพัฒนาน้ำต้นทุนอย่างเป็นระบบ การมีส่วนร่วมกับรัฐบาลในการวางแผนแก้ไขปัญหาภัยแล้ง รวมทั้งวางแผนป้องกันและลดความเสี่ยงจากการขาดแคลนแหล่งน้ำดิบของประปาสาขาทุกแห่ง การพิจารณาเกณฑ์การให้เงินอุดหนุนที่เหมาะสมโดยจัดลำดับความสำคัญของโครงการ การพิจารณาให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนเพื่อลดภาระทางการเงินและความเสี่ยงในการดำเนินงาน การกำกับดูแลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนงาน ระยะเวลา และงบประมาณที่กำหนดไว้ การจัดตั้งหน่วยงานกำกับดูแล การบริหารจัดการน้ำในภาพรวมตั้งแต่การจัดหาแหล่งน้ำดิบ การผลิตน้ำประปา และการบริหารจัดการน้ำเสีย ตลอดจนการจัดทำแผนยุทธศาสตร์บริหารจัดการน้ำให้เกิดความชัดเจน โดยให้มีการบูรณาการโครงการที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบเพื่อประชาชนได้รับการจัดสรรน้ำอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียมกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ให้กระทรวงมหาดไทยบูรณาการร่วมกับสำนักงบประมาณ กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบแผนงานโครงการที่เกี่ยวกับระบบสาธารณูปโภค เช่น ไฟฟ้า ประปา ถนน โทรศัพท์ ท่อระบายน้ำ เป็นต้น เพื่อวางแผนบริหารจัดการใช้พื้นที่สาธารณประโยชน์ในภาพรวมให้กระทบกับประชาชนน้อยที่สุด หากมีพื้นที่ดำเนินโครงการเป็นพื้นที่เดียวกันหรือใกล้เคียงกันควรดำเนินการไปพร้อมกัน เว้นแต่กรณีที่มีงานเดียว ทั้งนี้ หน่วยงานเจ้าของโครงการต้องรับผิดชอบการฝังกลบหรือซ่อมบำรุงพื้นที่ดังกล่าวให้อยู่ในสภาพเดิมด้วย |
||||||||||||||||||||||||
20824 | ขออนุมัติเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2559 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (เพื่อโอนเงินจากกองทุนประกันสังคมไปกองทุนการออมแห่งชาติ) | รง | 12/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับเงินอุดหนุนคงค้างเฉพาะบำนาญชราภาพตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ๒๕๕๘ (ที่เหลือ) ถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๘ ที่เกิดจากการโอนเงินกองทุนประกันสังคมไปกองทุนการออมแห่งชาติ จำนวน ๒๕๔,๕๑๐,๘๐๐ บาท เห็นควรให้สำนักงานประกันสังคมเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยจัดทำแผนการใช้จ่ายเงินงบกลางและขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าว ให้สำนักงานประกันสังคมดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ของทางราชการ รวมทั้งไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนในการดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
20825 | ขออนุมัติควบรวมทุนหมุนเวียน (กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี) | กค | 12/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ควบรวมกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เข้าเป็นทุนหมุนเวียนเดียวกัน โดยให้มีผลควบรวมตั้งแต่วันแรกของเดือนถัดจากเดือนที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ความเห็นชอบการควบรวมฯ เป็นต้นไป เพื่อประโยชน์ในการสะสางบัญชีและการนับวันเริ่มต้นของรอบบัญชีของกองทุนหลังควบรวม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
20826 | การเข้าร่วมโครงการขจัดความหิวโหย (Zero Hunger Challenge: ZHC) ของประเทศไทย | กษ | 12/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้ประเทศไทยเข้าร่วมโครงการขจัดความหิวโหย (Zero Hunger Challenge : ZHC) โดยร่วมมือกับองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization of the United Nations : FAO) อย่างใกล้ชิด โดยโครงการดังกล่าวประกอบด้วยเป้าหมาย ๕ ประการ ได้แก่ เป้าหมายที่ ๑ การเข้าถึงอาหารได้ร้อยละ ๑๐๐ ตลอดทั้งปี เป้าหมายที่ ๒ การหยุดภาวะแคระแกร็นในเด็กอายุต่ำกว่า ๒ ปี เป้าหมายที่ ๓ ระบบอาหารทั้งหมดมีความยั่งยืน เป้าหมายที่ ๔ ผลผลิตและรายได้ของเกษตรกรรายย่อยเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๐๐ และเป้าหมายที่ ๕ การลดจำนวนการสูญเสียอาหารให้เป็นศูนย์ ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการดำเนินงาน โดยให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุนเพื่อขจัดความหิวโหยและการขาดแคลนอาหารให้บรรลุเป้าหมายภายใน พ.ศ. ๒๕๖๘ ๑.๓ มอบหมายสำนักงบประมาณสนับสนุนการจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินการตามแผนงานให้บรรลุวัตถุประสงค์ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการพิจารณาแผนปฏิบัติการที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติของไทยเพื่อให้แผนปฏิบัติการสอดคล้องกับบริบทของไทยและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ การนำประเด็นภาวะโภชนาการล้นเกินหรือโรคอ้วนในเด็กเข้าเป็นประเด็นพิจารณาเสริม ในเป้าหมายที่ ๕ : การลดจำนวนการสูญเสียอาหารให้เป็นศูนย์ และในกรอบแนวทางการดำเนินงานในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกภายใต้เป้าหมายหลัก ในข้อที่ ๕ : การลดการสูญเสียและการทิ้งอาหารต้องให้เหลือศูนย์ การนำกรณีตัวอย่างแผนปฏิบัติการของประเทศอื่น ๆ ที่ได้เข้าร่วมโครงการความช่วยเหลือของ FAO มาประกอบการพิจารณาด้วย การจัดทำแผนปฏิบัติการในระดับประเทศ โดยประสานและบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนรับฟังความคิดเห็นให้รอบด้านและครบถ้วน ทั้งนี้ การเข้าร่วมโครงการฯ ดังกล่าว ยังมิได้มีการจัดทำความตกลงเป็นลายลักษณ์อักษร กรณีจึงไม่มีประเด็นที่ต้องพิจารณาเกี่ยวกับการเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๒๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ส่วนการพิจารณามอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องภายหลังจากการเข้าร่วมโครงการนั้นเป็นอำนาจของรัฐมนตรีที่จะพิจารณาได้ตามความเหมาะสม สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในการดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามโครงการฯ เห็นควรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ตลอดจนรายละเอียดค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการที่สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการในระดับประเทศ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
20827 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงสถานที่ก่อสร้างอาคารเรียนเอนกประสงค์ปฏิบัติการบริการการบินมหาวิทยาลัยสวนดุสิต | ศธ | 12/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่อนุมัติให้มหาวิทยาลัยสวนดุสิตเปลี่ยนแปลงรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการอาคารเรียนเอนกประสงค์ปฏิบัติการบริการการบิน จากตำบลหัวหิน อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นตำบลสบตุ๋ย อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง ภายในวงเงิน ๑๔๖,๙๙๓,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้มีการกำกับ ติดตามการดำเนินงานให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดอย่างเคร่งครัด มีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
20828 | สถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้ง ปี 2558/59 ครั้งที่ 19 | กษ | 12/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งปี ๒๕๕๘/๕๙ ครั้งที่ ๑๙ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. สถานการณ์น้ำ ณ วันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๙ เช่น อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งประเทศ จำนวน ๓๓ แห่ง มีปริมาตรน้ำรวม ๓๔,๖๔๓ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๔๙ ของปริมาตรน้ำกักเก็บทั้งหมด เป็นน้ำใช้การได้ ๑๑,๑๔๐ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๒๔ ของปริมาตรน้ำใช้การทั้งหมด ๒. การจัดสรรน้ำ ช่วงวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๘-๒๗ มีนาคม ๒๕๕๙ อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และอ่างเก็บน้ำขนาดกลางทั้งประเทศ ใช้น้ำไปแล้ว ๘,๖๑๘ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๗๕ ของแผนการจัดสรรน้ำ ส่วนในลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และผันน้ำจากแม่กลอง) ใช้น้ำไปแล้ว ๒,๔๗๖ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๗๗ ของแผนการจัดสรรน้ำ คิดเป็นระบายน้ำเฉลี่ยวันละ ๑๖.๗๓ ล้านลูกบาศก์เมตร ๓. การบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาช่วงฤดูแล้งปี ๒๕๕๘/๕๙ ช่วงวันที่ ๒๑-๒๗ มีนาคม ๒๕๕๙ กำหนดแผนการระบายน้ำจากเขื่อนจำนวน ๔ เขื่อน ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เฉลี่ยวันละ ๑๗.๘๒ ล้านลูกบาศก์เมตร ๔. สถานการณ์การเพาะปลูกข้าวในเขตชลประทานลุ่มน้ำเจ้าพระยา ณ วันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๙ พื้นที่ปลูกข้าวนาปี ปี ๒๕๕๘ แผนเพาะปลูก ๗.๔๕ ล้านไร่ ปลูก ๖.๔๐ ล้านไร่ ไม่ปลูก ๑.๐๕ ล้านไร่ โดยในพื้นที่ที่ปลูก ๖.๔๐ ล้านไร่ แบ่งเป็น เก็บเกี่ยวแล้ว ๖.๓๘ ล้านไร่ เสียหาย ๐.๐๒ ล้านไร่ เก็บเกี่ยวเสร็จสิ้นแล้ว พื้นที่ปลูกข้าวนาปีต่อเนื่อง ปี ๒๕๕๘ จำนวน ๑.๗๖ ล้านไร่ เก็บเกี่ยวแล้ว ๑.๗๖ ล้านไร่ เก็บเกี่ยวเสร็จสิ้นแล้ว และพื้นที่ปลูกข้าวนาปรัง ปี ๒๕๕๘/๕๙ ผลการเพาะปลูกข้าวนาปรัง จำนวน ๑.๙๘ ล้านไร่ เก็บเกี่ยวแล้ว ๑.๕๙ ล้านไร่ เสียหาย ๐.๐๐๔ ล้านไร่ รอเก็บเกี่ยว ๐.๓๙ ล้านไร่
|
||||||||||||||||||||||||
20829 | รายงานผลการจัดจ้างโครงการก่อสร้างเขื่อน ค.ส.ล. พร้อมทางเดินริมคลองแสนแสบ บริเวณประตูระบายน้ำหนองจอกถึงสุดเขต กทม. และคลองนครเนื่องเขต จากคลองแสนแสบถึงบริเวณคลองหลวงแพ่ง | มท | 12/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอว่า กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ดำเนินการจัดจ้างโครงการก่อสร้างเขื่อน ค.ส.ล. พร้อมทางเดินริมคลองแสนแสบ บริเวณประตูระบายน้ำหนองจอกถึงสุดเขต กทม. และคลองนครเนื่องเขต จากคลองแสนแสบถึงบริเวณคลองหลวงแพ่ง ด้วยวิธีประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ กำหนดแล้วเสร็จภายใน ๑,๕๐๐ วัน โดยใช้ราคากลาง จำนวน ๑,๐๑๘.๗ ล้านบาท เป็นราคาเริ่มต้น ปรากฏว่ามีผู้มีสิทธิเสนอราคาเข้าสู่กระบวนการเสนอราคาถูกต้องตามประกาศ กทม. จำนวน ๑๑ ราย ซึ่งคณะกรรมการดำเนินการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์พิจารณาแล้วเห็นควรจ้างบริษัทผู้เสนอราคา ๗๔๙ ล้านบาท เป็นราคาที่ต่ำกว่าราคากลางเกินร้อยละ ๑๕ (ราคากลางกำหนดไว้ ๑,๐๑๘.๗ ล้านบาท) โดยบริษัทฯ ยืนยันว่าสามารถดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามรูปแบบแปลน และตามเงื่อนไขที่สำนักการระบายน้ำ กทม. กำหนดไว้ทุกประการ โดยคณะกรรมการประมาณราคากลางได้รายงานผลการสอบราคาจ้างที่บริษัทฯ เสนอราคาต่ำกว่าราคากลางเกินร้อยละ ๑๕ ให้สำนักงานตรวจสอบการบริหารพัสดุและสืบสวนที่ ๓ ทราบ และสำนักงบประมาณได้เห็นชอบความเหมาะสมของราคาค่าก่อสร้างโครงการดังกล่าวแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||
20830 | การก่อสร้างอาคารสถาบันโรคผิวหนัง พร้อมรื้อถอน แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 1 หลัง | สธ | 12/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานว่า กรมการแพทย์ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบลงทุนค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้าง รายการอาคารสถาบันโรคผิวหนัง พร้อมรื้อถอน แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร และได้ดำเนินการจ้างก่อสร้างอาคารดังกล่าวด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) วงเงินทั้งสิ้น ๙๔๗ ล้านบาท ซึ่งสำนักงบประมาณได้เห็นชอบความเหมาะสมของราคาค่าก่อสร้างอาคารดังกล่าวแล้ว โดยเบิกจ่ายจากเงินงบประมาณ ๘๘๐.๗๑ ล้านบาท และเงินนอกงบประมาณสมทบ ๖๖.๒๙ ล้านบาท โดยในส่วนของงบประมาณให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๒๑๓.๕๘ ล้านบาท ส่วนที่เหลือ ๖๖๗.๑๓ ล้านบาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับให้ครบวงเงินค่างานตามสัญญาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
20831 | ขอให้คณะรัฐมนตรีสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ข้อมูล | ปช | 12/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) เสนอขอให้คณะรัฐมนตรีสั่งการให้หัวหน้าหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และปลัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินส่งข้อมูลหรือคำสั่งทางราชการในการบริหารบุคคลที่เกี่ยวข้องกับผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีดังกล่าว ให้ สำนักงาน ป.ป.ช. ทราบทุกครั้งที่มีการแต่งตั้ง โยกย้าย สับเปลี่ยนตำแหน่ง ออกจากราชการ และเกษียณอายุราชการ และแจ้งให้ผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินยื่นบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินให้สำนักงาน ป.ป.ช. ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ตามมติคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ในการประชุมครั้งที่ ๗๒๕-๙๗/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๘ และครั้งที่ ๗๓๔-๐๘/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๕๙ ๒. ให้หัวหน้าหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และปลัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของผู้ดำรงตำแหน่งการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินให้ความร่วมมือในการดำเนินการตามมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ครั้งที่ ๗๒๕-๙๗/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๘ และครั้งที่ ๗๓๔-๐๘/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๕๙ |
||||||||||||||||||||||||
20832 | สรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลของ กขร. ห้วงเดือนมกราคม 2559 | นร04 | 12/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในเรื่องการปฏิรูปเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ และการแก้ไขปัญหายาเสพติด และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์ เผยแพร่การดำเนินการเรื่องที่อยู่อาศัยที่รัฐจัดให้แก่ผู้มีรายได้น้อยและผู้ด้อยโอกาส รวมถึงหลักเกณฑ์และรูปแบบการให้สิทธิประโยชน์ เช่น ให้เช่า ให้ผ่อนชำระ หรือให้เปล่า กับกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่มให้ชัดเจนเพื่อให้ประชาชนทราบอย่างทั่วถึง รวมทั้งให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดและกระทรวงยุติธรรมเร่งรัดการแก้ไขกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมรวม ๗ ฉบับ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งติดตามเรื่องร้องเรียนหรือร้องทุกข์ที่เกี่ยวกับยาเสพติดจากประชาชนด้วย ๒. รับทราบสรุปรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบาลรัฐบาล ครั้งที่ ๑๖ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๗-๓๑ มกราคม ๒๕๕๙) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๒.๑ การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ มีผลงานที่สำคัญ ได้แก่ โครงการส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพื่อความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกระดับจังหวัด อำเภอ ท้องถิ่น และการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียน ร้องทุกข์ ๒.๒ การปฏิรูปประเทศ การดำเนินการเชิงนโยบาย คณะกรรมการปฏิรูปและขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดิน จำนวน ๖ คณะ ได้แก่ คณะที่ ๑ ด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และระบบการศึกษา คณะที่ ๒ ด้านเศรษฐกิจการเงิน การคลัง การลงทุนภาครัฐ และโครงสร้างพื้นฐาน คณะที่ ๓ ด้านระบบราชการ กฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและสร้างความปรองดองสมานฉันท์ คณะที่ ๔ ด้านสาธารณสุข คณะที่ ๕ ด้านความมั่งคง ลดความเหลื่อมล้ำการเกษตรทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเรื่องที่เป็นวาระเร่งด่วนและการแก้ไขปัญหาการดำเนินการตามพันธกรณีระหว่างประเทศ และคณะที่ ๖ ด้านการท่องเที่ยว วัฒนธรรม และการกีฬา ๒.๓ การบริหารราชการแผ่นดิน มีผลงานที่สำคัญ ได้แก่ การปกป้องเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ การรักษาความมั่นคงของรัฐและต่างประเทศ การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม การศึกษาและเรียนรู้ การทะนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม การยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุขและสุขภาพของประชาชน การบริหารเศรษฐกิจ การส่งเสริมบทบาทและการใช้โอกาสในประชาคมอาเซียน การพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา และนวัตกรรม สนับสนุนการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนาของประเทศ การรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากร และการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน การส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลและการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ รวมทั้งการปรับปรุงกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม |
||||||||||||||||||||||||
20833 | ผลการประชุมคณะกรรมการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษถนนราชดำเนิน (กบพร.) ครั้งที่ 1/2559 | นร11 | 12/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ประธานกรรมการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษถนนราชดำเนิน ถอนเรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษถนนราชดำเนิน (กบพร.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ คืนไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
20834 | ผลการประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด สมัยที่ 59 และท่าทีประเทศไทยสำหรับเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยพิเศษว่าด้วยปัญหา ยาเสพติดโลก ค.ศ. 2016 | ยธ | 12/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด สมัยที่ ๕๙ (59th Session of the Commission on Narcotic Drugs : CND) ระหว่างวันที่ ๑๔-๒๒ มีนาคม ๒๕๕๙ ณ กรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย โดยผลการประชุมฯ ครอบคลุมเนื้อหาหลักที่ได้กำหนดไว้ในแผนปฏิบัติการแม่น้ำโขงปลอดภัย (Safe Mekong) ๓ หัวข้อหลัก คือ การลดอุปสงค์ยาเสพติดและมาตรการที่เกี่ยวข้อง การลดอุปทานยาเสพติดและมาตรการที่เกี่ยวข้อง การปราบปรามการฟอกเงินและการสนับสนุนความร่วมมือทางกระบวนการยุติธรรมเพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ มีมติเห็นชอบการเปลี่ยนแปลงตารางการควบคุมสารเสพติดและวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท จำนวน ๗ ชนิด ๑.๒ เห็นชอบร่างเอกสารท่าทีประเทศไทยสำหรับเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยพิเศษว่าด้วยปัญหายาเสพติดโลก ค.ศ. ๒๐๑๖ (United Nations General Assembly Special Session 2016 : UNGASS 2016) ตั้งแต่วันที่ ๑๙-๒๑ เมษายน ๒๕๕๙ ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีหัวข้อเกี่ยวกับการลดอุปสงค์ยาเสพติดและมาตรการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง การลดอุปทานยาเสพติดและมาตรการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และมาตรการความเชื่อมโยงข้ามประเด็นในเรื่องของยาเสพติดและสิทธิมนุษยชน เยาวชน สตรี เด็ก และชุมชน ความเชื่อมโยงข้ามประเด็นในเรื่องของความท้าทายใหม่ ๆ การพัฒนาทางเลือก ความร่วมมือในระดับภูมิภาค ระดับระหว่างภูมิภาค และระดับระหว่างประเทศ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างเอกสารท่าทีประเทศไทยสำหรับเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยพิเศษว่าด้วยปัญหายาเสพติดโลก ค.ศ. ๒๐๑๖ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการได้โดยนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงยุติธรรมร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหายาเสพติดให้เป็นรูปธรรม โดยเน้นการปลูกจิตสำนึกและสร้างการมีส่วนร่วมของสังคม ชุมชน และครอบครัวในการแก้ปัญหาดังกล่าวด้วย |
||||||||||||||||||||||||
20835 | ขอความเห็นชอบร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลสหพันธรัฐรัสเซียว่าด้วยความร่วมมือด้านการทหาร | กห | 12/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงกลาโหมจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลสหพันธรัฐรัสเซียว่าด้วยความร่วมมือด้านการทหาร (Agreement between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the Russian Federation on Military Cooperation) โดยร่างความตกลงฯ มีขอบเขตความร่วมมือประกอบด้วย การแลกเปลี่ยนมุมมองและข่าวสารในประเด็นที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกันในด้านยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศและด้านการทหารในการเสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจและความมั่นคงระหว่างประเทศ รวมทั้งการพัฒนาความร่วมมือด้านการต่อต้านการก่อการร้าย การพัฒนาความร่วมมือด้านการฝึกร่วม การศึกษาทางทหาร การแพทย์ทหาร การแผนที่ทหาร อุทกศาสตร์ และการกีฬาและวัฒนธรรม การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการรักษาสันติภาพภายใต้กรอบขององค์การสหประชาชาติ ความร่วมมือในการค้นหาและกู้ภัยในทะเล ความร่วมมือด้านการต่อต้านการกระทำอันเป็นโจรสลัด และความร่วมมือในด้านอื่น ๆ ที่คู่ภาคีเห็นพ้องร่วมกัน ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย โดยให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นผู้ร่วมลงนามในร่างความตกลงฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลสหพันธรัฐรัสเซียว่าด้วยความร่วมมือด้านการทหาร ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
||||||||||||||||||||||||
20836 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 12/04/2559 | |||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ให้กระทรวงกลาโหมเป็นหน่วยงานหลักในการปราบปรามการลักลอบนำสินค้าที่หลีกเลี่ยงภาษี เช่น กากถั่วเหลือง น้ำมันปาล์ม หรือสินค้าที่ผิดกฎหมาย เข้าประเทศตามแนวชายแดน รวมทั้งดำเนินการร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางการป้องกันการลักลอบนำเข้าสินค้าดังกล่าวด้วย ๒. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ๒.๑ ให้กระทรวงยุติธรรมพิจารณากำหนดให้มีกลไกในลักษณะคณะทำงานหรือกลุ่มงาน ประกอบด้วยบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถและมีศักยภาพเพื่อทำหน้าที่ติดตามคดีสำคัญที่อยู่ในความสนใจของประชาชน โดยเฉพาะในขั้นตอนการดำเนินการของพนักงานสอบสวน เพื่อให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ๒.๒ ตามที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติและนายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการเกี่ยวกับการนำตัวผู้กระทำผิดกฎหมายที่หลบไปพำนักในต่างประเทศกลับมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป นั้น ให้กระทรวงยุติธรรมร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการตามข้อสั่งการข้างต้น และสร้างความเข้าใจแก่สังคมว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามขั้นตอนตามกฎหมายด้วย ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้ทุกส่วนราชการร่วมดำเนินการให้ “ปี ๒๕๕๙ เป็นปีแห่งธรรมมาภิบาล” โดยให้การปฏิบัติภารกิจในความรับผิดชอบอยู่ภายใต้หลักธรรมาภิบาล นั้น ให้ทุกส่วนราชการเริ่มต้นปีแห่งธรรมาภิบาลตั้งแต่วันสงกรานต์ (วันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๕๙) เป็นต้นไป โดยให้ทุกส่วนราชการประกาศใช้หลักธรรมาภิบาลในการดำเนินภารกิจสำคัญของหน่วยงาน ๓.๒ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการเพื่ออำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี ๒๕๕๙ นั้น ให้กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการดำเนินการตามแผนอำนวยความสะดวก โดยให้วิเคราะห์สาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งแนวทางที่จะสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้อย่างยั่งยืนให้คณะรัฐมนตรีทราบภายหลังเทศกาลสงกรานต์ด้วย ๓.๓ ให้กระทรวงยุติธรรมร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการให้มีแนวทางในการให้ความช่วยเหลือดูแลครอบครัวของผู้ต้องขังให้มีความเหมาะสมตามหลักมนุษยธรรม และพัฒนาปรับปรุงกระบวนการที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ผู้ต้องขังที่ได้รับการปล่อยตัวแล้วสามารถกลับคืนสู่สังคมได้อย่างมีคุณภาพ ๓.๔ ให้กระทรวงศึกษาธิการรายงานผลความคืบหน้าการปฏิรูปการศึกษาในด้านต่าง ๆ เช่น ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับครูและเด็กนักเรียน ประโยชน์ที่จะได้รับจากการประเมินผลการศึกษารูปแบบใหม่ เสนอต่อนายกรัฐมนตรี รวมทั้งนำเสนอผลความคืบหน้าในลักษณะที่เข้าใจง่ายเพื่อให้สาธารณชนได้รับทราบด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
20837 | การเข้าร่วมงาน International Tourismus Borse (ITB 2016) | กก | 12/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานผลการเข้าร่วมงาน International Tourismus Borse (ITB 2016) ณ กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ระหว่างวันที่ ๙-๑๓ มีนาคม ๒๕๕๙ โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยว การเจรจาธุรกิจ การประชุมเชิงวิชาการที่เกี่ยวข้องกับทิศทางการตลาดท่องเที่ยว เพื่อประโยชน์ในการกำหนดกลยุทธ์การตลาดท่องเที่ยวที่สำคัญ ในโอกาสเดียวกันนี้ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จเป็นองค์ประธานในพิธีพระราชทานรางวัล Discover Amazing Stories Awards 2016 ให้แก่สื่อมวลชนและบริษัทนำเที่ยวที่มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยวสู่ประเทศไทย สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ประกาศนโยบายการส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศไทยสู่เวทีนานาชาติ ได้แก่ นโยบาย Sport Tourism โดยการนำเสนอสินค้าใหม่ทางด้านกีฬาและการท่องเที่ยวกับการแข่งขันรายการสำคัญ และนโยบาย ASEAN Connectivity โดยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบเชื่อมโยงกับประเทศในอาเซียน ซึ่งได้ดำเนินการล่วงหน้ามาระยะหนึ่งแล้ว และมีแนวทางที่จะปรับปรุงและเพิ่มช่องทางการเชื่อมโยงทั้งทางบก ทางเรือ ทางอากาศให้มากขึ้นทั้งเมืองหลักและเมืองรอง ๑.๒ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้เพิ่มโอกาสและช่องทางการขายให้กับภาคเอกชนไทยในกิจกรรม Thailand Mini Mart โดยเชิญผู้ซื้อซึ่งเป็นบริษัทนำเที่ยวที่มีศักยภาพจากตลาดยุโรปที่ไม่ได้อยู่ในตลาดเยอรมนี รวม ๓๘ ราย มาพบปะเจรจาธุรกิจกับผู้ขายของไทย ซึ่งผู้ประกอบการทั้งผู้ซื้อและผู้ขายได้เจรจาทำสัญญาซื้อขายใหม่ ๆ และสร้างเครือข่ายพันธมิตรในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้มากขึ้น ๑.๓ จากการเข้าร่วมงานดังกล่าวส่งผลให้บริษัทนำเที่ยวชั้นนำและสื่อมวลชนได้รับทราบข้อมูลต่าง ๆ และนำไปขยายการรับรู้ว่าประเทศไทยเป็น Quality Leisure Destination รวมทั้งได้จัดกิจกรรมเปิดตัว “Visit ASEAN@50” ในวาระครบรอบ ๕๐ ปีของการก่อตั้ง ASEAN ในปีหน้า ซึ่งจะทำให้อาเซียนเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวหนึ่งเดียวต่อไป ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาบูรณาการการดำเนินงานร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งแก้ไขปัญหาด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะด้านมาตรฐานความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เช่น พื้นที่เขตอุทยาน รวมทั้งการแก้ไขปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ การจัดระเบียบนักท่องเที่ยวเพื่อลดอุบัติเหตุและการกระทำผิด โดยการสร้างการรับรู้และการปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงความสมดุลระหว่างมาตรการที่จะดำเนินการกับผลกระทบในทางลบที่อาจจะเกิดขึ้นด้วย ๓. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือระหว่างประเทศในด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในด้านที่ไทยมีศักยภาพ เช่น กีฬาเพื่อการท่องเที่ยว (Sports Tourism) การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพ (Medical and Wellness Tourism) โดยการร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ จัดรายการส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกันโดยให้เริ่มจากตลาดในประเทศในกลุ่มอาเซียนเป็นลำดับแรก
|
||||||||||||||||||||||||
20838 | ข้อคิดเห็นของรองนายกรัฐมนตรี | นร | 12/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะกรรมการฝ่ายจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ ๗๐ ปี ๙ มิถุนายน ๒๕๕๙ และกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ ว่าคณะกรรมการฯ ได้กำหนดแนวทางการจัดกิจกรรมฯ แบบพอเพียง ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ โดยบูรณาการการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน และใช้งบประมาณของแต่ละหน่วยงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดตามความเหมาะสมและจำเป็น ทั้งนี้ ให้เสนอโครงการ/กิจกรรมฯ ให้ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการฯ (ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา) เพื่อพิจารณาคัดกรองเป็นกิจกรรมของรัฐบาลตามขั้นตอนต่อไป โดยการดำเนินการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จะสิ้นสุดในวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๐ และกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถฯ จะสิ้นสุดในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙
|
||||||||||||||||||||||||
20839 | การปรับปรุงหลักเกณฑ์และแนวทางการจัดทำร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. .... | นร07 | 12/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติการปรับปรุงหลักเกณฑ์และแนวทางการจัดทำร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. .... โดยให้ครอบคลุมถึงรายการในลักษณะงบลงทุนที่มีเงินเหลือจ่ายต่อรายการไม่ต่ำกว่า ๑๐๐,๐๐๐ บาท และรายการในลักษณะรายจ่ายประจำที่หมดความจำเป็นหรือไม่สามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายที่กำหนด โดยให้รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับหรือรัฐมนตรีเจ้าสังกัดกำกับให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นที่อยู่ในความรับผิดชอบแจ้งสำนักงบประมาณภายในวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๙ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ทั้งนี้ ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
|
||||||||||||||||||||||||
20840 | การดำเนินการด้านกฎหมาย | นร | 12/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. เพื่อให้กฎหมายแม่บทที่ประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้วมีผลใช้บังคับโดยสมบูรณ์และสามารถปฏิบัติให้เกิดผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการออกกฎหมายลูกบท เช่น พระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง เพื่อให้เป็นไปตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ (เรื่อง สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) ทั้งนี้ โดยเฉพาะกฎหมายสำคัญที่มีความจำเป็นเร่งด่วนต่อการบริหารราชการแผ่นดินหรือการปฏิรูปประเทศให้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน สำหรับกฎหมายที่มีความสำคัญรองลงมาให้แล้วเสร็จภายใน ๖ เดือน รวมทั้งให้รายงานความคืบหน้าการจัดทำกฎหมายลูกบทดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไปด้วย ๒. ในการเสนอร่างกฎหมายต่อคณะรัฐมนตรี ให้ทุกส่วนราชการผู้รับผิดชอบกฎหมายบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในรายละเอียดของเนื้อหาให้ได้ความชัดเจนและให้ได้ข้อยุติในหลักการก่อนนำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี และเมื่อผ่านการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว ให้ส่วนราชการแจ้งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) เพื่อประสานสร้างความเข้าใจนโยบายของรัฐบาลในการเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
.....