ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1044 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 20861 - 20880 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
20861 | การบริหารจัดการน้ำมันปาล์มของกลาง | พณ | 05/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์มีคำสั่งยกเลิกคณะกรรมการแก้ไขปัญหาปาล์มน้ำมันอย่างเป็นระบบ ที่แต่งตั้งเมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๔๖ ๑.๒ มอบหมายให้กรมศุลกากรดำเนินการเกี่ยวกับน้ำมันปาล์มของกลางซึ่งคดีถึงที่สุดเพื่อไม่ให้นำกลับมาหมุนเวียนในเชิงพาณิชย์ โดยส่งมอบให้ส่วนราชการหรือมูลนิธิที่มีหนังสือขอนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในการวิจัยและพัฒนาด้านพลังงานทดแทน หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือจำหน่ายโดยวิธีการทำลาย ๒. ให้กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำมันปาล์มของกลางดังกล่าวจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ และร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงกลาโหม ในการกำหนดมาตรการควบคุมและระบบติดตามตรวจสอบน้ำมันปาล์มของกลางอย่างรัดกุม ในกรณีที่จะนำไปใช้ประโยชน์จากหน่วยงานราชการหรือมูลนิธิ อาทิ การจัดทำทะเบียนการบันทึกข้อมูลผลผลิตที่เกิดจากการใช้น้ำมันปาล์ม เช่น กรณีนำไปผลิตเป็นไฟฟ้า เป็นต้น เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการตรวจสอบการนำไปใช้จริง รวมถึงกระบวนการขนส่งน้ำมันปาล์มของกลางอย่างรัดกุม เพื่อป้องกันการลักลอบนำไปใช้หมุนเวียนในเชิงพาณิชย์ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อราคาปาล์มน้ำมันในประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
20862 | ขอความเห็นชอบให้ปรับปรุงสภาพการจ้างที่เกี่ยวกับการเงินในเรื่องค่ารักษาพยาบาลของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย | คค | 05/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทยปรับปรุงสภาพการจ้างที่เกี่ยวกับการเงินในเรื่องค่ารักษาพยาบาลให้พนักงานรวมคู่สมรส บุตร บิดา มารดา และลูกจ้างรวมคู่สมรสและบุตร มีสิทธิได้รับค่ารักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยภายนอกจากสถานพยาบาลของเอกชนและคลินิกของเอกชนเท่าที่จ่ายจริง รวมกันปีละไม่เกิน ๓,๖๐๐ บาท โดยให้มีผลตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการดำเนินการปรับปรุงสภาพการจ้างดังกล่าวที่เห็นควรให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทยคำนึงถึงสถานะทางการเงินและผลการดำเนินการ และจัดหารายได้ที่จะเพิ่มขึ้นให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้น โดยไม่ให้เกิดผลกระทบทางด้านการเงินของหน่วยงาน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||
20863 | การมอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานรับผิดชอบการจัดทำรายงานการปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม | อส | 05/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๔๒ (เรื่อง รายงานผลการปฏิบัติเพื่อเข้าเป็นภาคีกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม) โดยให้กระทรวงยุติธรรม (กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ) เป็นหน่วยงานผู้รับผิดชอบการจัดทำรายงานการปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม แทนสำนักงานอัยการสูงสุด ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรม (กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ) นำเรื่องการขอการสนับสนุนกรอบอัตรากำลังเสนอคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐพิจารณาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๖ [เรื่อง มาตรการบริหารและพัฒนากำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๑)] ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. และฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ ๓. ให้กระทรวงยุติธรรม (กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ) รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นควรให้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพเป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบการปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้กติกาฯ และเห็นควรสนับสนุนกรอบอัตรากำลัง จำนวน ๒๐ อัตรา ให้แก่กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เพื่อรองรับภารกิจที่จะเพิ่มขึ้น โดยอัตรากำลังที่จะเพิ่มขึ้น ควรจัดสรรผู้ที่มีความรู้เฉพาะทางและมีทักษะทางภาษา เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจการจัดทำรายงานฯ ตามมาตรฐานของสหประชาชาติการติดตามการปฏิบัติตามพันธกรณี รวมถึงการสร้างหลักประกันสิทธิมนุษยชนและการสร้างความตระหนักรู้ในประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
20864 | การลงนามความตกลง Cooperation Agreement for the Joint Capacity-Building Activities under the ITU Academy's Centres of Excellence | ทก | 05/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างความตกลง Cooperation Agreement for the Joint Capacity-Building Activities under the ITU Academy''s Centres of Excellence ซึ่งเป็นเอกสารที่กำหนดแนวทางและวิธีการในการดำเนินการจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทรัพยากรบุคคลด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รวมถึงการบริหารจัดการศูนย์ฝึกอบรม และบทบาทหน้าที่ของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International Telecommunication Union : ITU) และหน่วยงานเจ้าภาพผู้จัดตั้งศูนย์อบรมแต่ละสาขา และให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการจัดฝึกอบรมตามข้อตกลงฯ ในส่วนที่ประเทศไทยต้องรับผิดชอบ ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป รวมทั้งความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้นำข้อเสนอแนะของสำนักงานอัยการสูงสุดที่เห็นว่าร่างความตกลงฯ เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับองค์การระหว่างประเทศที่มีผลผูกพันรัฐบาลไทย ซึ่งจะต้องเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๔ (๗) แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. มอบหมายให้ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นผู้ลงนามความตกลงฯ ๔. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อลงนามในความตกลงฯ ต่อไป |
|||||||||||||||||||||
20865 | การดำเนินการตามมาตรการทบทวนบทบาทภารกิจของส่วนราชการ : การถ่ายโอนภารกิจภาครัฐ | นร12 | 05/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการดำเนินการถ่ายโอนภารกิจของส่วนราชการในกลุ่มกระทรวงด้านสังคมและส่วนราชการในกลุ่มกระทรวงด้านเศรษฐกิจ ทั้ง ๓ ระยะ จำนวน ๑๔๑ งาน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ ดังนี้ ๑.๑ งานที่ดำเนินการถ่ายโอนงานแล้วเสร็จ จำนวน ๘๑ งาน คิดเป็นร้อยละ ๕๗.๔๕ ๑.๒ งานที่อยู่ระหว่างดำเนินการถ่ายโอนงาน จำนวน ๒๘ งาน คิดเป็นร้อยละ ๑๙.๘๕ ๑.๓ งานที่ไม่เห็นควรถ่ายโอนงาน จำนวน ๓๒ งาน คิดเป็นร้อยละ ๒๒.๗๐ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน และกระทรวงยุติธรรมเกี่ยวกับภารกิจที่จะถ่ายโอน เช่น ภารกิจศูนย์ฝึกพาณิชนาวีของกรมเจ้าท่า ภารกิจทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (Motorway) ของกรมทางหลวง ภารกิจเงินทุนหมุนเวียนค่าเครื่องจักรกลของกรมทางหลวง และภารกิจเพิ่มเติมในงานฝึกอบรมด้านการตรวจสอบและรับรองการจัดการพลังงาน รวมทั้งภารกิจที่ไม่เห็นควรถ่ายโอน เช่น งานขายทอดตลาด งานจัดทำบัญชีรับจ่ายเงินแก่ผู้มีส่วนได้ และงานประเมินราคาทรัพย์ ไปพิจารณาดำเนินการ ๓. เห็นชอบในหลักการแนวทางการติดตามผลการดำเนินการถ่ายโอนงาน พร้อมทั้งข้อเสนอแนะและมาตรการการขับเคลื่อนการถ่ายโอนงาน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการจัดทำรายละเอียดแต่ละมาตรการการขับเคลื่อนเพื่อชี้แจงให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเกิดความเข้าใจและนำไปปฏิบัติในแนวทางเดียวกัน และร่วมดำเนินการและให้ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาอุปสรรคแก่ส่วนราชการอย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น ภาครัฐควรมีการตรวจสอบ ติดตามประเมินผลการดำเนินงานของเอกชนเพื่อให้การดำเนินงานมีมาตรฐานและสามารถดูแลความปลอดภัยให้แก่ประชาชนได้ ให้ส่วนราชการต่าง ๆ มีความเคร่งครัดในการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณให้มีความเหมาะสมกับภารกิจและสอดคล้องกับปฏิทินงบประมาณ รวมถึงการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ให้ครอบคลุมครบถ้วน ควรมีการศึกษาติดตามประเมินผลการดำเนินการตามมาตรการทบทวนบทบาทภารกิจของส่วนราชการ การให้ความสำคัญกับมาตรการขับเคลื่อนการถ่ายโอนภารกิจภาครัฐในระยะยาว การนำหลักการเปิดโอกาสให้องค์กรที่ไม่ใช่ภาคราชการเข้ามาแข่งขันในการให้บริการสาธารณะมาใช้ในการถ่ายโอนภารกิจภาครัฐ และการวางระบบติดตามการดำเนินการถ่ายโอนงานของส่วนราชการที่อยู่ระหว่างดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกำหนด โดยควรเร่งรัดหรือวางกรอบระยะเวลาการดำเนินงานของแต่ละส่วนราชการให้เหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการ รวมทั้งให้รับฟังข้อสังเกตจากภาคส่วนต่าง ๆ และศึกษาจากกรณีตัวอย่างของต่างประเทศเพื่อนำมาปรับใช้สำหรับประเทศไทยด้วย |
|||||||||||||||||||||
20866 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน การตรวจดูข้อมูล และค่าธรรมเนียมอื่นที่เกี่ยวกับหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าใช้จ่ายในการให้ผู้รับหลักประกันรับรองความถูกต้องของจำนวนหนี้ที่ยังไม่ได้ชำระ พ.ศ. .... | พณ | 05/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน การตรวจดูข้อมูล และค่าธรรมเนียมอื่นที่เกี่ยวกับหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน การตรวจดูข้อมูล และค่าธรรมเนียมอื่นที่เกี่ยวกับหลักประกันทางธุรกิจ ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าใช้จ่ายในการให้ผู้รับหลักประกันรับรองความถูกต้องของจำนวนหนี้ที่ยังไม่ได้ชำระ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้ให้หลักประกันมีหนังสือขอให้ผู้รับหลักประกันทำหนังสือยืนยันหรือระบุจำนวนหนี้ที่ยังมิได้ชำระภายในระยะเวลาหกเดือนนับแต่วันที่มีหนังสือไปยังผู้รับหลักประกันครั้งก่อน ผู้ให้หลักประกันต้องชำระค่าใช้จ่ายแก่ผู้รับหลักประกัน ครั้งละไม่เกิน ๒๐๐ บาท ต่อ ๑ ฉบับ |
|||||||||||||||||||||
20867 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนสะพานมิตรภาพ 4 (เชียงของ - ห้วยทราย) พ.ศ. .... | คค | 05/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนสะพานมิตรภาพ ๔ (เชียงของ-ห้วยทราย) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สะพานมิตรภาพ ๔ (เชียงของ-ห้วยทราย) ซึ่งข้ามแม่น้ำโขงต่อจากทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๓๕๖ ทางสายทางเข้าสะพานข้ามแม่น้ำโขงที่เชียงของ ตอนทางเข้าสะพานข้ามแม่น้ำโขงที่เชียงของ เป็นสะพานที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนสะพาน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
20868 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. .... | มท | 05/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลทับยายเชียง และตำบลหอกลอง อำเภอพรหมพิราม ตำบลวัดโบสถ์ ตำบลท่างาม ตำบลบ้านยาง และตำบลท้อแท้ อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงานและกระทรวงอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการใช้บังคับร่างกฎกระทรวงฯ อาจมีผลกระทบต่อการดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาด้านพลังงาน และร่างกฎกระทรวงฯ ไม่สอดคล้องกับสภาพข้อเท็จจริงที่การประกอบกิจการโรงงานอุตสาหกรรม จำนวน ๙ ประเภท ๑๗ โรงงาน คิดเป็นร้อยละ ๒๔.๒๙ ของโรงงานทั้งหมดในพื้นที่วางผัง ไม่ได้กำหนดไว้ในร่างกฎกระทรวงฯ ส่งผลให้ไม่สามารถตั้งหรือขยายโรงงานได้ ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่ จึงเห็นควรให้เพิ่มประเภทและขนาดโรงงานในร่างกฎกระทรวงฯ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ และแหล่งศิลปกรรมอันมีคุณค่าแก่การอนุรักษ์ การกำหนดคำนิยามของคำว่า “การใช้ที่ดินที่เกี่ยวข้องกับนันทนาการ” และ “การใช้ที่ดินที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกรรม” ที่ระบุไว้ในการใช้ที่ดินแต่ละประเภทให้ชัดเจน การจัดทำฐานข้อมูลที่เป็นปัจจุบันและเผยแพร่ต่อสาธารณะให้ทราบว่ามีการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการอื่นไปแล้วเท่าใด และใช้ฐานข้อมูลดังกล่าวเป็นฐานในการกำหนดผังเมืองรวมฉบับที่จะมีการปรับปรุงของแต่ละเมือง เพื่อประโยชน์ต่อทางราชการในการอ้างอิงประกอบการพิจารณาอนุมัติดำเนินกิจการประเภทอื่น ๆ และเพื่อประโยชน์ต่อภาคธุรกิจในการพิจารณาเลือกประเภทกิจการให้เหมาะสมกับพื้นที่ในอนาคต รวมทั้งการสนับสนุนให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามผังเมืองรวมฉบับนี้ โดยเฉพาะที่ดินบริเวณริมฝั่งแม่น้ำแควน้อย เพื่อป้องกันการบุกรุกทำลายสภาพตามธรรมชาติของแม่น้ำ และเพื่อรักษาสภาพแวดล้อมของชุมชนให้มีคุณภาพที่ดีอย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
20869 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลป่าแมต อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ พ.ศ. .... | มท | 05/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลป่าแมต อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลป่าแมต อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ บางส่วน เพื่อมอบให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาใช้เป็นที่ตั้งมหาวิทยาลัยรามคำแหง สาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติจังหวัดแพร่ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
20870 | การเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐจิบูตีประจำประเทศไทยและการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐจิบูตีประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) (นายฮงค์ฑัย แซ่ตัน) | กต | 05/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐจิบูตีประจำประเทศไทย และการแต่งตั้ง นายฮงค์ฑัย แซ่ตัน ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐจิบูตีประจำประเทศไทย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
20871 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายยิ่งยง สุขเสถียร) | สธ | 05/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายยิ่งยง สุขเสถียร ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาศัลยกรรม) กลุ่มงานศัลยกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
20872 | รายงานการเข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการว่าด้วยสถานภาพสตรี สมัยที่ 60 (CSW 60) ณ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และคณะ | พม | 05/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รายงานการเข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการว่าด้วยสถานภาพสตรี สมัยที่ ๖๐ (CSW60) ณ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ ๑๔-๒๕ มีนาคม ๒๕๕๙ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. หัวข้อหลักของการประชุม CSW สมัยที่ ๖๐ คือ การส่งเสริมศักยภาพสตรีสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน (Women’s empowerment and its link to sustainable development) และหัวข้อรอง ได้แก่ การขจัดและป้องกันความรุนแรงต่อสตรีและเด็กในทุกรูปแบบ ซึ่งเป็นบทสรุปจากการประชุม CSW สมัยที่ ๕๗ และมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับภารกิจหลักของกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้รับเกียรติให้กล่าวถ้อยแถลงเป็นลำดับแรกในฐานะที่ประเทศไทยเป็นประธานกลุ่ม ๗๗ (G77) ซึ่งสาระสำคัญของถ้อยแถลงได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาสตรีและการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ ความห่วงใยต่อปัญหาของสตรีและเด็กและความจำเป็นซึ่งต้องเปลี่ยนแปลงที่ต้องอาศัยความมุ่งมั่นและเจตนารมณ์ทางการเมือง นโยบายและการจัดสรรงบประมาณที่สนับสนุนการสร้างความเสมอภาคระหว่างเพศ การส่งเสริมการมีส่วนร่วมและความเป็นผู้นำของสตรีในการพัฒนาประเทศ พร้อมทั้งเน้นย้ำถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีว่า ความเสมอภาคระหว่างเพศไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของสตรี แต่เป็นเรื่องที่บุรุษต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาเพื่อสังคมที่พัฒนาอย่างยั่งยืนและสงบสุข ๓. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้พบปะหารือกับนาง ฟาม ทิเจวี่ยน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ทหารผ่านศึก และกิจการสังคม สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และนายเอมมานูเอล คาร์ปารัส ผู้แทนกระทรวงยุติธรรม สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้แสดงความชื่นชมและขอบคุณสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามที่เป็นเจ้าภาพจัดงาน ASEAN Women Entrepreneurs forum ครั้งที่ ๒ ในวันที่ ๔-๕ มีนาคม ๒๕๕๙ ซึ่งมีการมอบรางวัลแก่ผู้ประกอบการสตรีดีเด่นของไทย และสนใจกฎหมายรับรองสิทธิคนข้ามเพศและส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้พบปะกลุ่มหญิงไทยในนครนิวยอร์ก เพื่อรับฟังปัญหาในการดำเนินชีวิตในสหรัฐอเมริกา และความต้องการต่าง ๆ ที่ประสงค์ให้ภาครัฐช่วยเหลือ รวมทั้งศึกษาดูงานการดูแลเด็กที่ถูกทอดทิ้ง ณ กรมสวัสดิการเด็กประจำนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา
|
|||||||||||||||||||||
20873 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสหราชอาณาจักร | ศธ | 05/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การจัดทำและลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสหราชอาณาจักร โดยบันทึกความเข้าใจฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและพัฒนาหลักสูตรและการประเมินผลการศึกษา การส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในประเทศไทย การเสริมสร้างความร่วมมือในขอบข่ายวิชาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ (STEM Education) การเพิ่มช่องทางการเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ภาษาอังกฤษในเชิงลึกแก่แรงงานในหน่วยงานหลักของไทยที่ทำงานในสายอาชีพและเทคนิค ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
|||||||||||||||||||||
20874 | การลงนามความตกลงปารีส | ทส | 05/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้ประเทศไทยเข้าร่วมในพิธีลงนามระดับสูงความตกลงปารีส (High-level signature ceremony of the Paris Agreement) ในวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๕๙ ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยสาระสำคัญของความตกลงฯ ครอบคลุมการดำเนินงานเกี่ยวกับการลดก๊าซเรือนกระจก การปรับตัวต่อผลกระทบทางลบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสนับสนุนทางการเงิน การพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยี การเสริมสร้างศักยภาพของประเทศกำลังพัฒนา และกรอบการรายงานข้อมูลให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินงานและการสนับสนุนการดำเนินงานแก่ประเทศกำลังพัฒนา ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้มีอำนาจลงนามในพิธีลงนามระดับสูงความตกลงปารีส ๑.๓ มอบหมายกระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) เพื่อให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมลงนามในพิธีลงนามระดับสูงความตกลงปารีส และจัดส่ง note verbale เพื่อยืนยันการเข้าร่วมพิธีดังกล่าว โดยระบุชื่อและตำแหน่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ต่อฝ่ายสนธิสัญญา สำนักกฎหมายแห่งสหประชาชาติ (Treaty Section, United Nations Office of Legal Affairs) โดยด่วนต่อไป ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรมีการประชาสัมพันธ์และบูรณาการกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาสังคมที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้รับทราบบทบาทและภารกิจของแต่ละหน่วยงานที่ต้องมีส่วนร่วมดำเนินการตามความตกลงฯ มีการติดตาม ประเมินผล ทบทวนและปรับปรุงมาตรการลดก๊าซเรือนกระจกต่าง ๆ ของประเทศไทยให้บรรลุผลตามเจตจำนงของประเทศต่ออนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภายในปี ๒๐๒๐ และ ๒๐๓๐ ตามลำดับ รวมถึงมาตรการการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยใช้ประโยชน์สูงสุดจากกลไกระหว่างประเทศทั้งด้านความช่วยเหลือทางเทคนิควิชาการ (การถ่ายทอดเทคโนโลยี) และทางการเงิน (โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากเงินทุนเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ : Climate Fund) ตลอดจนเห็นควรเสนอความตกลงฯ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๒๓ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
20875 | รัฐบาลราชอาณาจักรเบลเยียมเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายฟีลิป ครีแดลกา (Mr. Philippe Kridelka)] | กต | 05/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายฟีลิป ครีแดลกา (Mr. Philipยe Kridelka) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักรเบลเยียมประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายมาร์ก มีคีลเซิน (Mr. Marc Michielsen) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
20876 | รัฐบาลสาธารณรัฐลิทัวเนียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นางสาวอีนา มาร์ซูโลนีเต (Ms. Ina Marciulionyte)] | กต | 05/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวอีนา มาร์ซูโลนีเต (Ms. Ina Marciulionyte) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐลิทัวเนียประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน สืบแทน นางสาวซิกุเต ยัคชโตนีเต (Ms. Sigute Jakstonyte) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
20877 | รัฐบาลสาธารณรัฐมอริเชียสเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายอีโซป พาเทล (Mr. Issop Patel)] | กต | 05/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอีโซป พาเทล (Mr. Issop Patel) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐมอริเชียสประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย สืบแทน นายเปร็มดัต ดุงกูร์ (Mr. Premdut Doongoor) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
20878 | สาธารณรัฐซูดานเสนอแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐซูดานประจำประเทศไทยคนใหม่ (กระทรวงการต่างประเทศ) (นายไพฑูรย์ เตชดนัย) | กต | 05/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายไพฑูรย์ เตชดนัย เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐซูดานประจำประเทศไทย โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมประเทศไทย สืบแทน นายยะห์เอีย เอลมักกี โมฮาเมด ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
20879 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยคณะกรรมการประจำจังหวัดและเงื่อนไขการขอจดทะเบียนรถจักรยานยนต์สาธารณะ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | คค | 05/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยคณะกรรมการประจำจังหวัดและเงื่อนไขการขอจดทะเบียนรถจักรยานยนต์สาธารณะ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขปรับปรุงกฎกระทรวงว่าด้วยคณะกรรมการประจำจังหวัดและเงื่อนไขการขอจดทะเบียนรถจักรยานยนต์สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยเพิ่มเติมเงื่อนไขให้ผู้ที่จดทะเบียนรถจักรยานยนต์สาธารณะแล้วจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่คณะกรรมการประจำจังหวัดกำหนด ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
20880 | การประเมินส่วนราชการและข้าราชการพลเรือนในความรับผิดชอบของฝ่ายบริหาร ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 5/2559 | นร | 05/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบการประเมินโดยแบบประเมินข้าราชการพลเรือนในความรับผิดชอบของฝ่ายบริหาร และแบบประเมินส่วนราชการ ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๕/๒๕๕๙ และให้นำแบบประเมินฯ นี้ไปใช้ในการประเมินข้าราชการและการประเมินส่วนราชการในรอบการปฏิบัติงานตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ ๒. รับทราบตามที่ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ในการประเมินข้าราชการพลเรือนประเภทบริหารระดับสูง เลขาธิการ ก.พ. ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นผู้ประเมิน แต่จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางรวบรวมข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เพื่อนำมาประกอบการประเมินสำหรับนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการ หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการต่อไป ทั้งนี้ จะมีการจัดทำคู่มือประกอบการประเมินเพื่อให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติต่อไป
|
.....