ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1043 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 20841 - 20860 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
20841 | การกำหนดหลักเกณฑ์และขั้นตอนในคู่มือการดำเนินงานโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้าน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ | มท | 12/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการกำหนดหลักเกณฑ์และขั้นตอนในคู่มือการดำเนินงานโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การเสนอโครงการของหมู่บ้าน หน้าที่ของคณะกรรมการหมู่บ้าน อำเภอ และจังหวัด ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมการปกครอง) เป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการดำเนินโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ สำหรับขั้นตอนการใช้จ่ายงบประมาณและค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการโครงการ ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมการปกครอง) พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ในโอกาสแรกก่อน และหากไม่เพียงพอ ก็ให้เสนอขอรับการจัดสรรจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในวงเงินที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหลักการไว้ ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้ดำเนินโครงการด้วยความรวดเร็วและเกิดความโปร่งใสเป็นไปตามความต้องการของประชาชนที่เดือดร้อนด้วย ๓. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
||||||||||||||||||||||||
20842 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) (นายวีระศักดิ์ กิติวัฒน์) | ทก | 12/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายวีระศักดิ์ กิติวัฒน์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านต่างประเทศ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กลุ่มที่ปรึกษา สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ตั้งแต่วันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
20843 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นายพชร อนันตศิลป์) | กค | 12/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายพชร อนันตศิลป์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบการเงินการคลัง (นักวิชาการคลังทรงคุณวุฒิ) กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
20844 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจัดให้มีการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ | นร07 | 12/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจัดให้มีการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ภายในวงเงิน ๒,๙๙๑,๕๒๙,๖๕๐ บาท โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเสริมสร้างความเข้มแข็งและก้าวหน้าของประเทศตามแนวทางปฏิรูป ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายงบประมาณในการดำเนินการให้มีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดภายในกรอบวงเงิน ๒,๙๙๑,๕๒๙,๖๕๐ บาท ๒. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
|
||||||||||||||||||||||||
20845 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (ศูนย์อำนวยการบริหารจัดหวัดชายแดนภาคใต้) (นายประสิทธิ์ ชูเมือง) | นร52 | 12/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอน นายประสิทธิ์ ชูเมือง ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ สำนักนายกรัฐมนตรี และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
20846 | การแต่งตั้งผู้แทนกระทรวงการคลังเป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปานครหลวง (นางศิริพร เหลืองนวล) | มท | 12/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางศิริพร เหลืองนวล ผู้แทนกระทรวงการคลัง เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปานครหลวง แทนนายมนัส แจ่มเวหา ที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากลาออก ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ เมษายน ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
20847 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 15/2559 เรื่อง การผ่อนผันให้คนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชา เดินทางกลับประเทศต้นทางเพื่อร่วมงานประเพณีสงกรานต์ ประจำปี พ.ศ. 2559 | สลธ.คสช. | 12/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๕/๒๕๕๙ เรื่อง การผ่อนผันให้คนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชา เดินทางกลับประเทศต้นทางเพื่อร่วมงานประเพณีสงกรานต์ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๙ สั่ง ณ วันที่ ๑๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการว่าห้ามเรียกเงินโดยเด็ดขาด ให้แรงงานแจ้งมาที่นายกรัฐมนตรีผ่านสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
|
||||||||||||||||||||||||
20848 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตร สำหรับการปฏิบัติทางการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ดีสำหรับฟาร์มผลิตลูกกุ้งขาวแวนนาไมปลอดโรค เป็นมาตรฐานบังคับ พ.ศ. .... | กษ | 05/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอขอแก้ไขวันใช้บังคับร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตร สำหรับการปฏิบัติทางการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ดีสำหรับฟาร์มผลิตลูกกุ้งขาวแวนนาไมปลอดโรค เป็นมาตรฐานบังคับ พ.ศ. .... จาก “ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป” เป็น “ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสองร้อยเจ็ดสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป” ๒. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตร สำหรับการปฏิบัติทางการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ดีสำหรับฟาร์มผลิตลูกกุ้งขาวแวนนาไมปลอดโรค เป็นมาตรฐานบังคับ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตร สำหรับการปฏิบัติทางการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ดีสำหรับฟาร์มผลิตลูกกุ้งขาวแวนนาไมปลอดโรค เป็นมาตรฐานบังคับ เพื่อควบคุมการผลิตลูกกุ้งขาวแวนนาไมให้มีคุณภาพดีและปลอดโรคที่ผลิตจากฟาร์มเพาะฟักที่มีมาตรฐานการผลิต ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้แก้ไขวันใช้บังคับร่างกฎกระทรวงตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอขอแก้ไข แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับสถานที่ตั้งฟาร์มเพาะเลี้ยงลูกกุ้งขาวแวนนาไม จำเป็นต้องใช้ความเค็มในกระบวนการเพาะลูกกุ้ง โดยให้ปฏิบัติตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๖/๒๕๕๓ เรื่อง มอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้ว่าราชการจังหวัดปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี และ/หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด และหากโรงเพาะฟักลูกกุ้งขาวแวนนาไมอยู่ในเขตพื้นที่น้ำจืด จะต้องมีการออกกฎกระทรวงกำหนดให้การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำโดยใช้ความเค็มในพื้นที่น้ำจืดเป็นกิจการการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ต้องมีการควบคุม โดยอาศัยอำนาจตาม หมวด ๖ การส่งเสริมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำตามพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ รวมทั้งให้โรงเพาะฟักลูกกุ้งขาวแวนนาไมที่มีการตั้งใหม่อยู่ในเขตพื้นที่ชายฝั่งทะเลตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดให้บ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมการปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะหรือออกสู่สิ่งแวดล้อม และมีการบำบัดน้ำทิ้งให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
20849 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตร สำหรับการปฏิบัติที่ดีสำหรับศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบ เป็นมาตรฐานบังคับ พ.ศ. .... | กษ | 05/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตร สำหรับการปฏิบัติที่ดีสำหรับศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบเป็นมาตรฐานบังคับ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตร สำหรับการปฏิบัติที่ดีสำหรับศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบเป็นมาตรฐานบังคับ เพื่อควบคุมการดำเนินการของศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบในการรวบรวมและลดอุณหภูมิน้ำนมก่อนถึงโรงงานแปรรูป เพื่อความปลอดภัยต่อผู้บริโภค ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
20850 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่ตำบลกลัดหลวง และตำบลเขากระปุก อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. .... | มท | 05/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่ตำบลกลัดหลวง และตำบลเขากระปุก อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่ตำบลกลัดหลวง และตำบลเขากระปุก อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี เพื่อประโยชน์ในด้านการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการควบคุมความหนาแน่นของอาคาร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
20851 | สรุปผลการเยือนประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในฐานะประธานสภารัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (สภาซีเมค) | ศธ | 05/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการเยือนประเทศมาเลเซียและสาธารณรัฐสิงคโปร์ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในฐานะประธานสภารัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (สภาซีเมค) ระหว่างวันที่ ๑๐-๑๔ มีนาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. การเยือนประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ ๑๐-๑๑ มีนาคม ๒๕๕๙ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้เป็นประธานกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีปิดการประชุมวิชาการระดับภูมิภาคและมอบรางวัลแก่ผู้ชนะเลิศในงาน “10th Regional Congress on Search for SEAMEO Young Scientists (SSYS 2016)” ณ SEAMEO Hall ศูนย์ระดับภูมิภาคว่าด้วยการศึกษาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ของซีมีโอ : ศูนย์ซีมีโอเรคแซม เมืองปีนัง รวมทั้งได้กล่าวแสดงความยินดีกับผู้แทนนักเรียนทุกคนที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้แทนประเทศเพื่อเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ โดยเชื่อมั่นว่าศูนย์ซีมีโอเรคแซมจะสามารถสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาของภูมิภาคในการประยุกต์ใช้ความรู้เชิงวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ที่สร้างสรรค์และเป็นนวัตกรรมซึ่งมีความสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนานักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ ๒. การเยือนสาธารณรัฐสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ ๑๓-๑๔ มีนาคม ๒๕๕๙ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้หารือข้อราชการกับ Mr. Ng Chee Meng, Acting Minister for Education (Schools) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการของสิงคโปร์ เกี่ยวกับการพัฒนาประเด็นสำคัญด้านการศึกษา ๗ ประเด็นที่ได้รับการเห็นพ้องจากที่ประชุมรัฐมนตรีศึกษาเชิงยุทธศาสตร์ที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เมื่อเดือนกันยายน ๒๕๕๗ ว่าจะเป็นจุดเน้นในการพัฒนาวาระการศึกษาในอีก ๒๐ ปีข้างหน้า (๒๕๕๘-๒๕๗๘) การดำเนินความร่วมมือโครงการโรงเรียนเครือข่าย (Partner School Project) ซึ่งปัจจุบันมีโรงเรียนที่เป็นสมาชิกของทั้งสองฝ่าย รวม ๒๐ แห่ง และกำลังจะขยายเป็น ๓๐ แห่ง การเสริมสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนเพื่อยกระดับการศึกษาสายอาชีวะของไทยและส่งเสริมกำลังคนเข้าสู่ตลาดแรงงาน โดยจะเพิ่มสัดส่วนผู้เรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายสายอาชีพ (อาชีวศึกษา) กับสายสามัญศึกษา จากเดิม ๓๐ : ๗๐ เป็น ๕๐ : ๕๐ รวมทั้งการพัฒนาการเรียนการสอนภาษาอังกฤษซึ่งปัจจุบันเป็นภาษาในการทำงานของประชาคมอาเซียน
|
||||||||||||||||||||||||
20852 | สถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้ง ปี 2558/59 ครั้งที่ 18 | กษ | 05/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งปี ๒๕๕๘/๕๙ ครั้งที่ ๑๘ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. สถานการณ์น้ำ ณ วันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๕๙ เช่น อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งประเทศ จำนวน ๓๓ แห่ง มีปริมาตรน้ำรวม ๓๕,๑๒๖ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๕๐ ของปริมาตรน้ำกักเก็บทั้งหมด เป็นน้ำใช้การได้ ๑๑,๖๒๓ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๒๕ ของปริมาตรน้ำใช้การทั้งหมด ๒. การจัดสรรน้ำ ช่วงวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๘-๒๐ มีนาคม ๒๕๕๙ อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และอ่างเก็บน้ำขนาดกลางทั้งประเทศ ใช้น้ำไปแล้ว ๘,๐๐๙ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๗๐ ของแผนการจัดสรรน้ำ ส่วนในลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และผันน้ำจากแม่กลอง) ใช้น้ำไปแล้ว ๒,๓๕๒ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๗๔ ของแผนการจัดสรรน้ำ คิดเป็นระบายน้ำเฉลี่ยวันละ ๑๖.๖๘ ล้านลูกบาศก์เมตร ๓. การบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาช่วงฤดูแล้งปี ๒๕๕๘/๕๙ ช่วงวันที่ ๑๔-๒๐ มีนาคม ๒๕๕๙ กำหนดแผนการระบายน้ำจากเขื่อนจำนวน ๔ เขื่อน ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เฉลี่ยวันละ ๑๗.๙๕ ล้านลูกบาศก์เมตร ๔. สถานการณ์การเพาะปลูกข้าวในเขตชลประทานลุ่มน้ำเจ้าพระยา ณ วันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๙ พื้นที่ปลูกข้าวนาปี ปี ๒๕๕๘ แผนเพาะปลูก ๗.๔๕ ล้านไร่ ปลูก ๖.๔๐ ล้านไร่ ไม่ปลูก ๑.๐๕ ล้านไร่ โดยในพื้นที่ที่ปลูก ๖.๔๐ ล้านไร่ แบ่งเป็น เก็บเกี่ยวแล้ว ๖.๓๘ ล้านไร่ เสียหาย ๐.๐๒ ล้านไร่ เก็บเกี่ยวเสร็จสิ้นแล้ว พื้นที่ปลูกข้าวนาปีต่อเนื่อง ปี ๒๕๕๘ จำนวน ๑.๗๖ ล้านไร่ เก็บเกี่ยวแล้ว ๑.๗๖ ล้านไร่ เก็บเกี่ยวเสร็จสิ้นแล้ว และพื้นที่ปลูกข้าวนาปรัง ปี ๒๕๕๘/๕๙ ผลการเพาะปลูกข้าวนาปรัง จำนวน ๑.๙๘ ล้านไร่ เก็บเกี่ยวแล้ว ๑.๕๑ ล้านไร่ เสียหาย ๐.๐๐๔ ล้านไร่ รอเก็บเกี่ยว ๐.๔๗ ล้านไร่
|
||||||||||||||||||||||||
20853 | รายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนมกราคม ปี 2559 | พณ | 05/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนมกราคม ปี ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาพรวมมูลค่าการส่งออกของไทยเดือนมกราคมปี ๒๕๕๙ ยังคงเผชิญแรงฉุดรั้งสำคัญที่กดดันมูลค่าส่งออก ซึ่งเป็นปัจจัยสืบเนื่องจากปี ๒๕๕๘ เช่น ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัว ราคาน้ำมันที่ลดลงกระทบมูลค่าการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน และกำลังซื้อของประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน ราคาสินค้าเกษตรโลกที่อยู่ในระดับต่ำ การใช้มาตรการลดค่าเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการส่งออกของหลายประเทศ อย่างไรก็ตาม การส่งออกของไทยยังมีสถานการณ์ที่ดีกว่าประเทศผู้ส่งออกสำคัญในภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย อีกทั้งข้อมูลการนำเข้าของประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยแสดงว่าไทยยังคงรักษาส่วนแบ่งตลาด (Market Share) ในตลาดและสินค้าส่งออกสำคัญไว้ได้ สะท้อนให้เห็นว่าความสามารถทางการแข่งขันของไทยไม่ได้ลดลงตามมูลค่าส่งออก ๒. มูลค่าการค้าระหว่างประเทศในรูปของเงินดอลลาร์สหรัฐ การส่งออกเดือนมกราคม ๒๕๕๙ มีมูลค่า ๑๕,๗๑๑ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ ๘.๙๑ (YoY) แต่หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมันและทองคำ มูลค่าการส่งออกจะหดตัวอยู่ที่ร้อยละ ๕.๔ (YoY) และมีแนวโน้มหดตัวในอัตราที่ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ ๓ โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรลดลงร้อยละ ๔.๑ (YoY) และมูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมหดตัวลดลงร้อยละ ๘.๕ (YoY) สำหรับการนำเข้าเดือนมกราคม ๒๕๕๙ มีมูลค่า ๑๕,๔๗๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ ๑๒.๓๗ (YoY) ส่งผลให้ดุลการค้าระหว่างประเทศเดือนมกราคม ๒๕๕๙ ยังคงเกินดุลต่อเนื่องเป็นเดือนที่ ๙ ติดต่อกัน เป็นมูลค่า ๒๓๘ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ๓. แนวทางการขับเคลื่อนการส่งออกของไทย ปี ๒๕๕๙ มี ๕ ด้าน ได้แก่ การขยายการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะตลาดอินโดจีน หรือ CLMV การเร่งรัดขยายตลาดส่งออกเชิงรุก การส่งเสริมการค้าบริการ (Trade in Services) การส่งเสริมผู้ประกอบการไทยไปดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ และการผลักดันและแก้ปัญหาทางการค้าร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน
|
||||||||||||||||||||||||
20854 | สรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิในกระบวนการยุติธรรม กรณีคำร้องที่มีการกล่าวอ้างว่ามีการกระทำทรมานและการปฏิบัติหรือการลงโทษอื่นที่ไร้มนุษยธรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | กห | 05/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิในกระบวนการยุติธรรม กรณีคำร้องที่มีการกล่าวอ้างว่ามีการกระทำทรมาน และการปฏิบัติหรือการลงโทษอื่นที่ไร้มนุษยธรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยกระทรวงกลาโหมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับข้อเสนอแนะนโยบายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติไปเป็นแนวทางปฏิบัติแล้ว และได้รายงานความเห็นของหน่วยงานต่าง ๆ ต่อผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายดังกล่าว ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
20855 | รายงานผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ และรายงานผลการประเมินตนเองของคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการคณะต่าง ๆ ระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 | นร12 | 05/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่คณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบรายงานผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการและรายงานผลการประเมินตนเองของคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการคณะต่าง ๆ ระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยรายงานดังกล่าวข้อค้นพบในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ การตรวจราชการ การตรวจสอบภายใน การควบคุมภายในและการบริหารความเสี่ยง การปฏิบัติราชการตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ รายงานการเงิน และการสอบทานกรณีพิเศษ รวมทั้งมีข้อเสนอแนะที่หน่วยงานที่พบปัญหาและผู้รับผิดชอบจะต้องดำเนินการต่อไป ๑.๒ เห็นชอบข้อเสนอแนะตามบันทึกความเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ และเห็นควรให้หน่วยงานที่พบปัญหาและผู้รับผิดชอบดำเนินการตามข้อเสนอแนะ รายงานผลความก้าวหน้าในการดำเนินการต่อคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการคณะต่าง ๆ ต่อไป ๒. ให้คณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงยุติธรรม และสำนักงบประมาณที่เห็นควรนำข้อค้นพบและแนวทางการแก้ไขในรายงานผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการเชื่อมโยงเข้ากับระบบการติดตามผลการดำเนินงานตามนโยบายสำคัญของรัฐบาลผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และให้นำข้อค้นพบและแนวทางการแก้ไขในรายงานผลดังกล่าวเชื่อมโยงเข้ากับระบบการติดตามผลการดำเนินตามนโยบายที่สำคัญของรัฐบาลผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น ระบบที่เชื่อมโยงกับศูนย์ปฏิบัติการของนายกรัฐมนตรี (PMOC) เป็นต้น รวมทั้งให้หน่วยงานที่พบปัญหาและผู้รับผิดชอบรายงานผลความก้าวหน้าในการดำเนินการทุก ๖ เดือน ต่อคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการคณะต่าง ๆ ที่รับผิดชอบ สำหรับแนวทางในการแก้ปัญหาที่พบจากการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ หน่วยงานผู้รับผิดชอบควรตระหนักถึงความสำคัญและดำเนินการแก้ไขปรับปรุงให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
20856 | รายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิพลเมือง กรณีขอความช่วยเหลือให้ชาวพม่าที่อพยพหนีภัยสงครามเข้ามาในประเทศไทย | สม | 05/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายเรื่อง สิทธิพลเมือง กรณีขอความช่วยเหลือให้ชาวพม่าที่อพยพหนีภัยสงครามเข้ามาในประเทศไทย ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยมีข้อเสนอแนะ ดังนี้ ๑.๑ กระทรวงศึกษาธิการควรสนับสนุนการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานและการฝึกอบรมวิชาชีพด้านต่าง ๆ ในค่ายพักพิงชั่วคราวผู้หนีภัยการสู้รบให้ได้มาตรฐาน และเปิดโอกาสให้มีการสอบเทียบวุฒิการศึกษา เพื่อให้เยาวชนที่มีศักยภาพได้มีโอกาสในการศึกษาต่อในชั้นสูงต่อไป และเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนกลับไปใช้ชีวิตที่ประเทศต้นทาง ๑.๒ กระทรวงมหาดไทยควรส่งเสริมและเปิดโอกาสให้ผู้หนีภัยการสู้รบมีส่วนร่วมในการตัดสินใจและเตรียมการเดินทางกลับไปยังประเทศต้นทางได้รับทราบข้อมูลอย่างเพียงพอ และควรคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้หนีภัยการสู้รบตามหลักการไม่ส่งผู้ลี้ภัยกลับไปสู่อันตราย (Non-refoulement) ด้วย ๑.๓ กระทรวงการต่างประเทศควรให้ความร่วมมือกับองค์การระหว่างประเทศ เช่น สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) คณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (ASEAN Intergovernmental Commission on Human Rights : AICHR) รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาผู้หนีภัยการสู้รบบริเวณชายแดนไทย-พม่า โดยอาศัยความร่วมมือจากรัฐบาลทั้งสองฝ่าย ๒. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงศึกษาธิการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
20857 | ภาวะสังคมไทยไตรมาสที่สี่และภาพรวมของปี 2558 | นร11 | 05/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาสที่สี่และภาพรวมของปี ๒๕๕๘ ซึ่งมีความเคลื่อนไหวทางสังคมที่สำคัญในเชิงบวกทั้งในด้านการจ้างงานโดยรวม รายได้และผลิตภาพแรงงานเฉลี่ยเพิ่มขึ้น ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินดีขึ้น คนไทยลดการสูบบุหรี่ อย่างไรก็ดี ยังมีความเคลื่อนไหวทางสังคมที่ต้องติดตาม เฝ้าระวังเพื่อบรรเทาผลกระทบของปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นทั้งการจ้างงานภาคเกษตรกรรมยังลดลงเนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะภัยแล้ง จำนวนผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกที่เพิ่มขึ้น อัตราการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ในกลุ่มเยาวชนและการเกิดอุบัติเหตุจราจรทางบกที่เพิ่มขึ้น สถานการณ์ความรุนแรงของเด็กและสตรี การสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการคุ้มครองผู้บริโภค รวมทั้งความจำเป็นในการเร่งยกระดับคุณภาพการศึกษาพื้นฐานและเร่งผลิตกำลังคนให้มีคุณภาพและตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน
|
||||||||||||||||||||||||
20858 | มติคณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ครั้งที่ 1/2559 และการดำเนินการตามมติคณะกรรมการฯ | ทก | 05/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ และการดำเนินการตามมติคณะกรรมการฯ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. ๒๕๕๙ ฉบับประกาศทั่วไป เล่ม ..... ตอนพิเศษ ..... การดำเนินการคืนคลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz ขนาดความกว้างแถบคลื่นความถี่ 4.8 MHz ของบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และการขอปรับปรุงการใช้คลื่นความถี่ย่าน 2300 MHz ของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) รวมทั้งความก้าวหน้ากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ ๘ ฉบับ ๒. ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการ (ร่าง) แผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะจากที่ประชุมแล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป และเห็นชอบ (ร่าง) แผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ระยะ ๓ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๑) (Digital Government Development Plan) โดยให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารพิจารณาศึกษาความเป็นไปได้และความเหมาะสมการพัฒนาศูนย์ข้อมูลในประเทศ (Data Center) เพื่อนำเสนอแนวทางในการบริหารจัดการ และการพัฒนาศูนย์ข้อมูลและบริการกลางภาครัฐในรายละเอียดต่อไป และให้ประสานงานกับสำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดมาตรการในการบูรณาการศูนย์ข้อมูลบริการภาครัฐ รวมทั้งเห็นชอบรายละเอียดการดำเนินการโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เช่น การขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ครอบคลุมทั่วประเทศ การเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศสู่การเป็น ASEAN Digital Hub ๓. กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้จัดให้มีการประชุมการชี้แจงสาระสำคัญและรับฟังความคิดเห็นต่อ (ร่าง) แผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ สำหรับกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียจากภาคเอกชน ภาควิชาการ ภาคประชาสังคม และประชาชนทั่วไป และเมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ สำหรับผู้บริหารของหน่วยงานภาครัฐ พร้อมทั้งได้รับความคิดเห็นเพิ่มเติมจากหนังสือราชการ ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ และความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์ www.digitalthailand.in.th ซึ่งกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้นำข้อคิดเห็นดังกล่าวมาพิจารณาประกอบการปรับปรุง (ร่าง) แผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||
20859 | ขอความเห็นชอบต่อ (ร่าง) แผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ (ร่าง) แผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ระยะ 3 ปี (พ.ศ. 2559 - 2561) | ทก | 05/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบ (ร่าง) แผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ (ร่าง) แผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลระยะ ๓ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๑) เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืนโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลระยะ ๓ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๑) รวมทั้งจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนารายยุทธศาสตร์ และ/หรือรายวาระ (agenda-based) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๑.๓ ให้ทุกกระทรวง กรม รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานของรัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลระยะ ๓ ปี และแผนปฏิบัติการที่จะจัดทำขึ้น ไปพิจารณาประกอบการจัดทำแผนปฏิบัติราชการและคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีของหน่วยงานให้สอดคล้องกัน ๑.๔ ให้ทุกกระทรวง กรม รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานของรัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการดิจิทัลระยะ ๓ ปี ของหน่วยงานแทนการจัดทำแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเดิม และให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๔๑ ที่ให้ทุกกระทรวง ทบวง และหน่วยงานอิสระจัดทำแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างเป็นระบบโดยจัดทำแผน ๓ ปี และปรับทุกปีตามความเหมาะสม และให้เสนอแผนของหน่วยงานควบคู่ไปกับการของบประมาณด้านเทคโนโลยีสารสนเทศในงบประมาณรายจ่ายประจำปีทุกปี ๑.๕ มอบหมายให้สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุนงบประมาณ บุคลากร การทบทวนโครงสร้างของส่วนราชการ การปรับปรุงกฎระเบียบ และการกำหนดตัวชี้วัด รวมทั้งการติดตามประเมินผลการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและเป็นไปตามแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ๒. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย อาทิ แผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ควรพิจารณาเรื่องการลดภาษีด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อเป็นการส่งเสริมและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนพัฒนาไปสู่การแข่งขันเชิงธุรกิจในระยะยาว ส่วนแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลระยะ ๓ ปี ควรมีหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยคอมพิวเตอร์ในระดับประเทศ เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับภาคธุรกิจและภาคประชาชน และควรส่งเสริมให้มีการพัฒนาระบบปฏิบัติการ (Operating System) รวมทั้งโปรแกรมด้านงานเอกสาร เช่น Word Processing, Spread Sheet ที่พัฒนาโดยประเทศไทย และส่งเสริมให้เกิดอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ขึ้นในประเทศ นอกจากนี้ การจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนารายยุทธศาสตร์ควรระบุถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง วิธีการดำเนินงานตามโครงการ ระยะเวลาที่จะใช้ในการดำเนินงาน และกรอบวงเงินงบประมาณให้มีความชัดเจน โดยจะต้องไม่ทับซ้อนกับภารกิจที่แต่ละส่วนราชการกำลังดำเนินการอยู่แล้ว ควรมีการสร้างความรู้ความเข้าใจในแผนดังกล่าวกับทุกภาคส่วนทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค มีการติดตามและประเมินผลอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการพัฒนาระบบและการเชื่อมโยงข้อมูลตามแผนรัฐบาลดิจิทัล ต้องดำเนินการตามกรอบมาตรฐานการเชื่อมโยงข้อมูลภาครัฐ (TH e-GIF) เพื่อให้การเชื่อมโยงข้อมูลของภาครัฐเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งระบบ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
||||||||||||||||||||||||
20860 | ขอบเขตพื้นที่เมืองเก่า และกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า เมืองเก่าพะเยา เมืองเก่าตาก เมืองเก่านครราชสีมา เมืองเก่าสกลนคร และเมืองเก่าสตูล | ทส | 05/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ขอบเขตพื้นที่เมืองเก่าพะเยา เมืองเก่าตาก เมืองเก่านครราชสีมา เมืองเก่าสกลนคร และเมืองเก่าสตูล เพื่อประกาศเขตพื้นที่เมืองเก่า ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า พ.ศ. ๒๕๔๖ ๑.๒ กรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปพิจารณาและจัดทำรายละเอียดเพื่อดำเนินการต่อไป ประกอบด้วย ๑.๒.๑ แนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาทั่วไป มี ๗ ด้าน ได้แก่ (๑) การมีส่วนร่วมและการประชาสัมพันธ์ (๒) การสร้างจิตสำนึกการอนุรักษ์และพัฒนาอย่างยั่งยืน (๓) การส่งเสริมกิจกรรมและวิถีชีวิตท้องถิ่น (๔) การส่งเสริมคุณภาพชีวิต (๕) การป้องกันภัยคุกคามจากมนุษย์และธรรมชาติ (๖) การประหยัดพลังงานด้านการสัญจรและสภาพแวดล้อม และ (๗) การดูแลและบำรุงรักษาอาคารและสาธารณูปการ ๑.๒.๒ แนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาสำหรับเขตพื้นที่ (Zoning) ในพื้นที่หลัก มี ๕ ด้าน ได้แก่ (๑) ด้านการใช้ประโยชน์ที่ดิน (๒) ด้านอาคารและสภาพแวดล้อม (๓) ด้านระบบการจราจรและคมนาคมขนส่ง (๔) ด้านการพัฒนาภูมิทัศน์ และ (๕) ด้านการบริหารและการจัดการ ๑.๒.๓ แนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาสำหรับเขตพื้นที่ต่อเนื่อง มี ๔ ด้าน ได้แก่ (๑) ด้านการใช้ประโยชน์ที่ดิน (๒) ด้านอาคารและสภาพแวดล้อม (๓) ด้านระบบการจราจรและคมนาคมขนส่ง และ (๔) ด้านการพัฒนาภูมิทัศน์ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับขอบเขตพื้นที่เมืองเก่าที่มีพื้นที่คาบเกี่ยวหรืออยู่ในเส้นทาง/เขตทาง/พื้นที่ของกรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท การรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งอาจมีการดำเนินกิจกรรมใด ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่เมืองเก่า จำเป็นต้องมีการตรวจสอบร่วมกันอีกครั้ง ส่วนกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า ควรมีการพิจารณาแนวทางและกรอบเวลาให้ชัดเจนเพื่อหน่วยงานจะได้สามารถวางแผนงาน/โครงการได้ รวมทั้งการดำเนินการใด ๆ กับโบราณสถาน ให้ปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ อย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าประสานความร่วมมือกับภาคประชาชนและหน่วยงานในระดับพื้นที่หรือท้องถิ่นเพื่อให้มีความเข้าใจและมีส่วนร่วมในการดำเนินการตามกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า ๕ เมืองดังกล่าว โดยในการดำเนินงานของส่วนราชการหากมีภาระด้านงบประมาณเพิ่มเติม ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม รวมถึงการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ให้ครอบคลุมครบถ้วน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
.....