ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1049 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 20961 - 20980 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
20961 | โครงการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวด้านอาหารไทย | กก | 29/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานเกี่ยวกับโครงการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวด้านอาหารไทยว่า ได้ดำเนินการขับเคลื่อนตามยุทธศาสตร์การยกระดับการท่องเที่ยวไทยให้มีคุณภาพ ส่งเสริมภาพลักษณ์และพัฒนามาตรฐานอาหารไทยให้ก้าวไกลสู่ระดับสากล สร้างประเทศไทยให้เป็นแหล่งรวมอาหารและวัตถุดิบที่มีคุณภาพในระดับโลก โดยได้มีการจัดกิจกรรมเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์อาหารและวัตถุดิบที่ใช้ในการประกอบอาหารของไทยให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายทั่วโลก สร้างการรับรู้ผ่านทางสื่อสาธารณะต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในประเทศไทยให้มากขึ้น รวมทั้งสนับสนุนให้มีการผสมผสานและดัดแปลงวัตถุดิบในท้องถิ่นโดยเฉพาะจากพื้นที่ของโครงการหลวงและโครงการในพระราชดำริมาใช้ในการประกอบอาหาร เพื่อกระจายรายได้ไปสู่ชุมชนท้องถิ่น สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.๑ การจัดงานประกาศรางวัล ๕๐ ภัตตาคารยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย (Asia’s 50 Best Restaurants 2016) โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้ร่วมสนับสนุนการจัดงานฯ เมื่อวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ณ กรุงเทพฯ ซึ่งมีภัตตาคารในประเทศไทยที่ได้รับรางวัล จำนวน ๔ แห่ง ๑.๒ การเชิญเชฟชั้นนำระดับโลกร่วมทัศนศึกษาโครงการหลวง จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน ๓ แห่ง ได้แก่ โครงการหลวงอินทนนท์ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงตีนตก และโครงการหลวงหนองหอย (ม่อนแจ่ม) ระหว่างวันที่ ๑ -๓ มีนาคม ๒๕๕๙ เพื่อเรียนรู้คุณภาพอาหารและการผสมผสานดัดแปลงวัตถุดิบในท้องถิ่นจากโครงการหลวง และการจัดบรรยายพิเศษเกี่ยวกับวัตถุดิบอาหารไทยและความสำคัญของโครงการหลวง โดยหม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี เมื่อวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๙ ณ กรุงเทพฯ ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมพิจารณาหลักเกณฑ์และแนวทางการตรวจสอบร้านอาหารในประเทศไทยทั้งหมดที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานในด้านคุณภาพ รสชาติ และความสะอาด เพื่อรับรองขึ้นบัญชีร้านอาหารชวนชิมต่อไป รวมทั้งพิจารณาสนับสนุนและส่งเสริมการจัดทำรายการโทรทัศน์/สื่อดิจิตอลในด้านการท่องเที่ยวที่เน้นการแนะนำอาหารหรือศิลปวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์ความเป็นไทย ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาแนวทางการส่งเสริมและการคุ้มครองด้านทรัพย์สินทางปัญญาสำหรับอาหารไทย เพื่อดูแลรักษาภูมิปัญญาและเอกลักษณ์ของอาหารไทย รวมทั้งส่งเสริมประชาสัมพันธ์อาหารไทยแบบดั้งเดิมให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
|
|||||||||||||||||||||||||||
20962 | ร่างพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อื่นๆ | 29/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๙ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||
20963 | ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช .... | นร | 29/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับเรื่อง ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช .... ดังนี้
๑. มอบหมายให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้แจ้งคณะกรรมการการเลือกตั้งเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช .... ที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญจัดทำเสร็จแล้ว เพื่อให้คณะกรรมการการเลือกตั้งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ ตามมาตรา ๓๙/๑ วรรคสาม ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พุทธศักราช ๒๕๕๙ บัญญัติให้เมื่อคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญจัดทำร่างรัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว ให้แจ้งคณะรัฐมนตรีและสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบ และให้คณะรัฐมนตรีแจ้งคณะกรรมการการเลือกตั้งทราบโดยเร็ว เพื่อดำเนินการจัดให้มีการออกเสียงประชามติ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งเวียนร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช .... ที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญจัดทำเสร็จแล้วให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทุกท่านทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
20964 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 29/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้กระทรวงคมนาคมเร่งดำเนินการตรวจพิจารณาบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนภายใต้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟของประเทศไทยในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ ที่ได้มีการลงนามไปแล้ว หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขหรือจัดทำบันทึกความเข้าใจขึ้นใหม่เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางที่นายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีนได้หารือร่วมกัน ให้กระทรวงคมนาคมนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๑.๒ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางในการบ่มเพาะและกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาต่อยอดนวัตกรรมทั้งที่ประดิษฐ์คิดค้นโดยเยาวชนและประชาชนทั่วไป รวมถึงการแปลงนวัตกรรมให้เป็นสินค้าออกสู่ท้องตลาด โดยใช้กลไกประชารัฐที่มีภาคเอกชนมาร่วมดำเนินการ เช่น การจับคู่ธุรกิจกับเยาวชนที่มีความรู้ความสามารถ การกำหนดมาตรการสนับสนุนผู้เริ่มทำธุรกิจ (New Start-up) โดยอาจพิจารณานำรูปแบบการส่งเสริมนวัตกรรมของประเทศเกาหลีใต้มาปรับใช้ในประเทศไทย ๒. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ให้ทุกกระทรวงจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนในการเสนอร่างกฎหมายใหม่ การแก้ไขกฎหมายที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งการดำเนินการในภารกิจที่สำคัญเร่งด่วนเพื่อประโยชน์ต่อการปฏิรูปและการบริหารราชการแผ่นดินตาม Road Map โดยจำแนกให้ชัดว่า เรื่องใดสามารถจัดทำเป็นกฎหมาย หรือเรื่องใดมีความจำเป็นต้องใช้อำนาจตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ทั้งนี้ ให้ทุกกระทรวงนำเสนอให้ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาภายในวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๕๙ เพื่อดำเนินการรวบรวมเสนอรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) กลั่นกรองก่อนดำเนินการต่อไป ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ให้ทุกส่วนราชการที่จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะกรรมการที่มีหน้าที่กำหนดนโยบาย ขับเคลื่อนและติดตามงานที่สำคัญในเรื่องต่าง ๆ เพื่อประสิทธิภาพในการทำงาน ควรกำหนดคุณสมบัติในเรื่องอายุของกรรมการไว้ให้มีความเหมาะสมด้วย เช่น ควรมีอายุไม่เกิน ๗๐ ปีบริบูรณ์ ๓.๒ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักในการกำหนดประเด็นการขับเคลื่อนการดำเนินการในช่วงระยะเวลาที่เหลือของการบริหารราชการแผ่นดินของคณะรัฐมนตรีภายใต้หลักธรรมาภิบาล โดยเฉพาะเรื่องที่มีความจำเป็นเร่งด่วน รวมทั้งกำหนดหน่วยงานรับผิดชอบการบูรณาการในแต่ละประเด็นนั้น ในการดำเนินการดังกล่าวให้คำนึงถึงความเชื่อมโยงในมิติต่าง ๆ เช่น ความเหมาะสมตามมิติเชิงพื้นที่ในระดับต่าง ๆ (ท้องถิ่น ภูมิภาค จังหวัด กลุ่มจังหวัด ประเทศ) ความร่วมมือตามแนวทางประชารัฐ (ภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม ประชาชน) แล้วนำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๓.๓ ให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำจัดทำข้อมูลสรุปผลการดำเนินการเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งการเตรียมการรองรับฤดูฝนที่จะมาถึงนี้ เช่น ปริมาณน้ำต้นทุน ระบบส่งน้ำ ปริมาณน้ำในแต่ละพื้นที่ เพื่อชี้แจงให้ประชาชนได้รับทราบ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๓.๔ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) ร่วมกับกระทรวงคมนาคมและกระทรวงกลาโหม (กองทัพอากาศ) จัดทำแผนการผลิตนักบินให้สอดรับกับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมการบินทั้งในและระหว่างประเทศ โดยพิจารณาร่วมกับสถาบันด้านการบินของทั้งภาครัฐ กองทัพอากาศ และภาคเอกชน ทั้งนี้ ให้เร่งรัดการดำเนินการผลิตนักบินให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายในปี ๒๕๕๙ นี้ ๓.๕ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการเร่งรัดการแก้ไขปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ (ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวจากต่างประเทศเสนอค่าใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวแบบเหมาจ่ายในรูปแบบซื้อบริการนำเที่ยวเสริมและนำเที่ยวในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุน) และปัญหาการประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยให้คนไทยเป็นตัวแทน (nominee) เพื่อให้มีการใช้จ่ายเงินภายในประเทศในภาคการท่องเที่ยวมากขึ้นและไม่ให้ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวประเทศไทยเสียหาย ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายใน ๓ เดือน รวมทั้งกำกับดูแลราคาของบริการนำเที่ยวให้มีมาตรฐาน ไม่สูงเกินความเป็นจริง ๓.๖ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ร่วมกับกระทรวงยุติธรรม (กรมสอบสวนคดีพิเศษ) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการปราบปราม และพิจารณาให้มีมาตรการที่เข้มงวดในการป้องกันไม่ให้มีการแสดงที่เข้าข่ายลามกอนาจารในที่สาธารณะเพื่อใช้ในการโฆษณาหรือเชิญชวนให้ประชาชนเข้าชมการจัดแสดงสินค้า โดยให้ดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายใน ๓ เดือน ๓.๗ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการเกี่ยวกับการจัดทำข้อเสนอแนวทางการปฏิรูปตำรวจ โดยให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นั้น ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งดำเนินการจัดทำแผนการปฏิรูปตำรวจโดยให้ครอบคลุมเรื่องอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวน การกำหนดเส้นทางความก้าวหน้าในสายอาชีพ (Career Path) ด้วย และเสนอแผนดังกล่าวให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาภายในเดือนเมษายน ๒๕๕๙
|
|||||||||||||||||||||||||||
20965 | รายงานผลการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง - ล้านช้าง (Mekong - Lancang Cooperation : MLC) ครั้งที่ 1 และการประชุม Boao Forum for Asia ประจำปี 2559 | กต | 29/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรายงานผลการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (Mekong-Lancang Cooperation : MLC) ครั้งที่ ๑ และการประชุม Boao Forum for Asia ประจำปี ๒๕๕๙ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (Mekong-Lancang Cooperation : MLC) ครั้งที่ ๑ ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๓ มีนาคม ๒๕๕๙ ณ เมืองซานย่า มณฑลไห่หนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ๑.๑ นายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานร่วมกับนายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และได้ผลักดันประเด็นสำคัญต่าง ๆ ได้แก่ การน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการลดความยากจน เพิ่มรายได้ และพัฒนาความเป็นอยู่ของเกษตรกร การสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์ความร่วมมือทรัพยากรน้ำของจีนเพื่อบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน การส่งเสริมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในทุกมิติเพื่อส่งเสริมการค้า การลงทุนและปฏิสัมพันธ์ระหว่างประชาชน การส่งเสริมการเชื่อมโยงเขตเศรษฐกิจพิเศษตามแนวชายแดนกับประเทศสมาชิกเพื่อส่งเสริมห่วงโซ่อุปทาน การสนับสนุนการลงทุนของเอกชน รวมถึงการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ๑.๒ การรับรองเอกสารผลลัพธ์ ๓ ฉบับ ได้แก่ ปฏิญญาซานย่าการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ ๑ (Sanya Declaration of the First Lancang-Mekong Cooperation Leaders’ Meeting) แถลงการณ์ร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านศักยภาพในการผลิตระหว่างประเทศสมาชิกกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (Joint Statement on Production Capacity Cooperation Among Lancang-Mekong Countries) และรายงานโครงการเร่งด่วนเพื่อดำเนินการทันทีภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง [Tentative Joint List of the Lancang-Mekong Coopreration (LMC) Early Harvest Projects] ๒. การประชุม Boao Forum for Asia ประจำปี ๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๕๙ นายกรัฐมนตรีได้แสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับ (๑) เอเชียมีศักยภาพที่จะนำโลกฟื้นตัวจากสภาวะซบเซาทางเศรษฐกิจและขับเคลื่อนการเจริญเติบโตในภูมิภาค (๒) ประเทศไทยให้ความสำคัญกับการสร้างความเข้มแข็งจากภายใน เช่น กลไกประชารัฐ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงซึ่งจะต่อยอดไปสู่ความเข้มแข็งในระดับอนุภูมิภาคและภูมิภาค รวมถึงการเป็นพลเมืองที่มีความรับผิดชอบต่อประชาคมโลก และ (๓) ภาคเอกชนต้องเพิ่มบทบาทในการมีส่วนร่วมและเป็นตัวเชื่อมเพื่อสร้างหุ้นส่วน 4Ps (Public-Private-People-Partnership) ๓. เรื่องอื่น ๆ ได้แก่ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณสาธารณรัฐประชาชนจีนที่ปล่อยน้ำจากเขื่อนในมณฑลยูนนานลงสู่แม่น้ำโขงตามคำขอของประเทศเพื่อนบ้านที่กำลังประสบภาวะภัยแล้ง และขอความร่วมมือสาธารณรัฐประชาชนจีนในการนำเข้าข้าวและยางพาราจากไทย รวมทั้งได้แจ้งว่า ไทยตัดสินใจจะดำเนินโครงการความร่วมมือรถไฟไทย-จีน ในรูปแบบโครงการรถไฟความเร็วสูง โดยระยะแรกจะดำเนินการในเส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ซึ่งไทยจะเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด แต่ขอความร่วมมือจากจีนในการปรับลดราคาการก่อสร้าง โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ๒๕๕๙ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ตอบรับเรื่องกรอบเวลาและจะจัดทำข้อเสนอ/เงื่อนไขที่ไทยยอมรับได้ ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะหารือกันในรายละเอียดต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
20966 | โครงการศูนย์ประสานงานกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีประจำภูมิภาค ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2560 - 2563) | วท | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพิจารณาทบทวนแนวทางปฏิบัติของโครงการศูนย์ประสานงานกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีประจำภูมิภาค ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๓) และจัดทำแผนงบประมาณบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาวการณ์ รวมทั้งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของรัฐบาล และนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรปรับปรุงแก้ไขจุดอ่อนในการดำเนินงานระยะที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๘) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกำหนดยุทธศาสตร์และบทบาทหน้าที่ของศูนย์ประสานงานกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีประจำภูมิภาคให้มีความชัดเจน มีเป้าหมายและตัวชี้วัดที่สามารถสะท้อนผลการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรม ปรับปรุงการประชาสัมพันธ์เชิงรุก พัฒนาศักยภาพของบุคลากรให้พร้อมต่อการปฏิบัติงาน รวมทั้งให้ความสำคัญกับการสร้างความตื่นตัวเรื่องการสร้างนวัตกรรมให้กับท้องถิ่นและชุมชน นอกจากนี้ ควรมีกลไกผลักดันให้ผู้แทนกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้าเป็นคณะทำงานกลุ่มภารกิจด้านบริหารจัดการในคณะกรรมการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการครบทุกจังหวัดทั่วประเทศ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
20967 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย [เรื่อง ข้อเสนอเพื่อการปฏิรูปการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม และร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | ทก | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ [เรื่อง ข้อเสนอเพื่อการปฏิรูปการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม และร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ เกี่ยวกับหลักการกำกับดูแลด้วยผู้เชี่ยวชาญ หลักความเป็นอิสระของหน่วยงานกำกับดูแล หลักการกำกับดูแลการแข่งขันเสรีอย่างเป็นธรรม หลักวินัยการเงินการคลัง หลักการประเมินผลการปฏิบัติงาน รวมทั้งการมอบหมายอำนาจหน้าที่ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งรายงานผลการพิจารณาของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารให้คณะกรรมการประสานงาน รวม ๓ ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) เพื่อพิจารณาความสอดคล้องและความเหมาะสมกับการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
20968 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งประเด็นต่าง ๆ ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เช่น ปัญหาการเข้าถึงและการใช้ประโยชน์สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการ ผู้ทุพพลภาพ คนชรา หรือผู้สูงอายุ อยู่ระหว่างดำเนินการพิจารณาแก้ไขปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนดสิ่งอำนวยความสะดวกในอาคารสำหรับผู้พิการหรือทุพพลภาพ และคนชรา พ.ศ. ๒๕๔๘ กระบวนการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมได้ทำแนวทางการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการด้านอาคาร การจัดสรรที่ดิน และบริการชุมชนเพื่อให้หน่วยงานใช้ประกอบการจัดทำรายงาน ส่วนประเด็นการกำหนดวิธีการขออนุญาต และอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการควบคุมอาคารตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ อยู่ระหว่างการทบทวนและพิจารณาแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติและกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องเหมาะสมกับสภาวการณ์ปัจจุบัน สำหรับข้อสังเกตเกี่ยวกับการสนับสนุนการทำงานแก่ราชการส่วนท้องถิ่นในการดำเนินการตามกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัด นั้น จะได้จัดฝึกอบรมสัมมนาและให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารและกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง ในปีงบประมาณ ๒๕๕๙ และปีต่อ ๆ ไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
20969 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนวิภาวดีรังสิตกับถนนพหลโยธิน พ.ศ. .... | มท | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนวิภาวดีรังสิตกับถนนพหลโยธิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนวิภาวดีรังสิตกับถนนพหลโยธิน ในท้องที่แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง และแขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
20970 | ร่างกฎกระทรวงเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่จาง (ตอนขุน) บางส่วน ในท้องที่ตำบลนาสัก อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่จาง บางส่วน ในท้องที่ ตำบลแม่เมาะ อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง พ.ศ. .... จำนวน 2 ฉบับ | ทส | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง จำนวน ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่จาง (ตอนขุน) บางส่วน ในท้องที่ตำบลนาสัก อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้เพิกถอนพื้นที่บางส่วนของป่าแม่จาง (ตอนขุน) ซึ่งอยู่ในท้องที่ตำบลนาสัก อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ซึ่งเป็นป่าสงวนแห่งชาติตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๙๙ (พ.ศ. ๒๕๑๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ ออกจากการเป็นป่าสงวนแห่งชาติ ๒. ร่างกฎกระทรวงเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่จาง บางส่วน ในท้องที่ตำบลแม่เมาะ อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้เพิกถอนพื้นที่บางส่วนของป่าแม่จาง ซึ่งอยู่ในท้องที่ตำบลแม่เมาะ อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ซึ่งเป็นป่าสงวนแห่งชาติตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๐๒ (พ.ศ. ๒๕๐๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองและสงวนป่า พุทธศักราช ๒๔๘๑ ออกจากการเป็นป่าสงวนแห่งชาติ
|
|||||||||||||||||||||||||||
20971 | สรุปผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการแปรสภาพเป็นทะเลทราย สมัยที่ 12 | กษ | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการแปรสภาพเป็นทะเลทราย สมัยที่ ๑๒ ระหว่างวันที่ ๑๐-๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงอังการา สาธารณรัฐตุรกี ประเด็นสำคัญที่จะต้องดำเนินการที่สอดคล้องกับผลการประชุม และการแต่งตั้งคณะกรรมการอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการแปรสภาพเป็นทะเลทราย ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการแปรสภาพเป็นทะเลทราย มีการประชุมย่อยที่สำคัญ ๔ รายการ ได้แก่ (๑) การประชุมคณะกรรมการกลาง (๒) การประชุมคณะกรรมการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (๓) การประชุมคณะกรรมการทบทวนการดำเนินงานตามอนุสัญญาฯ และ (๔) การประชุมหารือของกลุ่มประเทศเอเชีย หรือกลุ่ม Annex 2 ของอนุสัญญาฯ ซึ่งมีประเด็นสำคัญ เช่น การกำหนดแนวทางในการนำเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนมาสู่การดำเนินงานของอนุสัญญาฯ โดยเฉพาะการนำแนวคิดการมีสถานะความเสื่อมโทรมของที่ดินที่เป็นกลาง (Land Degradation Neutrality : LDN) มาดำเนินการ การเสนอข้อเสนอแนะจากผลการประชุมด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของอนุสัญญาฯ ครั้งที่ ๓ (UNCCD 3rd Scientific Conference) การพัฒนาการดำเนินงานของอนุสัญญาฯ และแนวทางการสร้างความเข้มแข็งของกลุ่มประเทศเอเชีย รวมทั้งการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การดำเนินงานตามแนวคิด LDN ของประเทศสมาชิกในกลุ่มประเทศเอเชีย เป็นต้น ๒. ประเด็นสำคัญที่จะต้องดำเนินการ กรมพัฒนาที่ดินในฐานะหน่วยงานหลักในการดำเนินงานอนุสัญญาฯ จะต้องประสานและร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการจัดทำเป้าหมาย LDN การศึกษาประเมินความพร้อมด้านข้อมูลสำหรับเป็นตัวชี้วัด Land Based Indicators การรวบรวมผลการดำเนินงาน และการปรับแผนปฏิบัติการแห่งชาติและการวัดผลมาบรรจุไว้ในแผนปฏิบัติการแห่งชาติ ๓. การแต่งตั้งคณะกรรมการอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการแปรสภาพเป็นทะเลทราย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการอนุสัญญาฯ โดยมีปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานกรรมการ รองอธิบดีกรมพัฒนาที่ดินด้านวิชาการ เป็นกรรมการและเลขานุการ และคณะกรรมการจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง มีอำนาจหน้าที่ในด้านการพัฒนานโยบาย แนวทาง หลักเกณฑ์และกลไกการดำเนินงาน การเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานของรัฐ องค์กรภาคประชาสังคม และภาคเอกชน กำหนดท่าทีการเจรจาการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาฯ กำกับการดำเนินงาน และแต่งตั้งคณะอนุกรรมการและคณะทำงานเพื่อปฏิบัติงานตามพันธกรณีของอนุสัญญาฯ
|
|||||||||||||||||||||||||||
20972 | ผลการดำเนินงานตามแผนอำนวยความสะดวกและปลอดภัย รองรับการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลลอยกระทง 2558 และเทศกาลปีใหม่ 2559 ของกระทรวงคมนาคม | คค | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานผลการดำเนินงานตามแผนอำนวยความสะดวกและปลอดภัย รองรับการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลลอยกระทง ๒๕๕๘ และเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๙ ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้อำนวยความสะดวกและปลอดภัย โดยจัดการระบบขนส่งสาธารณะให้เพียงพอต่อความต้องการเดินทางของประชาชน ปรับปรุงและตรวจสอบทุกช่องทางสัญจร ยานพาหนะ และผู้ขับขี่ให้มีความปลอดภัย รวมทั้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษ เป็นต้น สำหรับสถิติอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลลอยกระทงลดลงร้อยละ ๘.๙๑ ผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๓.๓๓ ผู้บาดเจ็บเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๔.๗๗ ส่วนสถิติอุบัติเหตุในช่วงปีใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๒.๗๕ ผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๑.๔๔ และผู้บาดเจ็บเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๒.๔๕ ยานพาหนะที่ประสบอุบัติเหตุมากที่สุดในช่วงเทศกาลลอยกระทง คือ รถยนต์นั่ง และยานพาหนะที่ประสบอุบัติเหตุมากที่สุดในช่วงเทศกาลปีใหม่ คือ รถจักรยานยนต์ โดยมูลเหตุของการเกิดอุบัติเหตุมากที่สุดทั้งสองเทศกาล คือ การขับรถเร็วเกินกำหนด
|
|||||||||||||||||||||||||||
20973 | รายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีและสาธารณรัฐบัลแกเรีย | รง | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีเอเชียและยุโรปด้านการจ้างงาน ครั้งที่ ๕ (Fifth ASEM Labour and Employment Ministers'' Conference : ASEM LEMC) ณ กรุงโซเฟีย สาธารณรัฐบัลแกเรีย ระหว่างวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน-๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การเดินทางไปราชการ ณ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ระหว่างวันที่ ๑-๒ ธันวาคม ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและคณะได้มีการหารือร่วมกับ Mr. Peter Zwerenz, Director, Fixed Income EMEA, บริษัท Deutche Asset & Wealth Management International GmbH ซึ่งเป็นบริษัทบริหารกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศที่สำนักงานประกันสังคมเป็นผู้ถือหน่วยรายเดียว จำนวน ๑ กองทุน จากจำนวนทั้งหมด ๖ กองทุนของบริษัท เกี่ยวกับการพิจารณาเพิ่มการลงทุนในต่างประเทศ และการหารือข้อราชการกับกงสุลใหญ่ ณ นครแฟรงก์เฟิร์ต และอัครราชทูตที่ปรึกษา ฝ่ายแรงงาน ประจำกรุงเบอร์ลิน เกี่ยวกับการบริหารจัดการแรงงานท้องถิ่นและแรงงานต่างชาติที่ทำงานในเยอรมัน ๒. การเข้าร่วมประชุม ASEM LEMC ณ กรุงโซเฟีย สาธารณรัฐบัลแกเรีย ระหว่างวันที่ ๓-๔ ธันวาคม ๒๕๕๘ ซึ่งการประชุมมีหัวข้อที่สำคัญ ได้แก่ (๑) การสร้างเสริมผลลัพธ์ตลาดแรงงานเยาวชน (๒) การส่งเสริมงานที่มีคุณค่าและสถานประกอบการที่ปลอดภัยในห่วงโซ่อุปทาน (๓) การส่งเสริมระบบการคุ้มครองทางสังคมที่เพียงพอต่อการเติบโตและงาน (๔) การรับรองปฏิญญาโซเฟีย ๓. การหารือทวิภาคีอย่างไม่เป็นทางการกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน การจ้างงานและการคุ้มครองทางสังคมเมียนมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และการฝึกอบรมกัมพูชา และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ผู้พิการ และสวัสดิการสังคมเวียดนาม
|
|||||||||||||||||||||||||||
20974 | ผลการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของรองประธานาธิบดีอินเดีย | กต | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายเอ็ม (โมฮัมมัด) ฮามิด อันสารี รองประธานาธิบดีอินเดีย ระหว่างวันที่ ๓-๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรี เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศในทุกมิติ และติดตามประเด็นความร่วมมือที่ยังคั่งค้างระหว่างกัน โดยนายกรัฐมนตรีและรองประธานาธิบดีอินเดียได้มีการหารือแบบสองต่อสองและการหารือทวิภาคีในประเด็นที่สำคัญ ได้แก่ ความสัมพันธ์ในภาพรวม การแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูง สถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจไทย ความร่วมมือทางการทหารและความมั่นคง ด้านการลงทุน ความร่วมมือด้านความเชื่อมโยง ความร่วมมือระดับประชาชน และความร่วมมือในกรอบอาเซียน-อินเดีย และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการเยือนดังกล่าวเพื่อผลักดันความร่วมมือด้านต่าง ๆ ไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลและเป็นรูปธรรม ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับประเด็นความร่วมมือระดับประชาชน ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิตกับกระทรวงอายุรเวทอินเดียในการเปิดหลักสูตรการแพทย์อายุรเวท ระดับปริญญาตรี ควรมอบหมายกระทรวงศึกษาธิการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง และประเด็นสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจไทย เห็นควรเพิ่มเติมประเด็นด้านความร่วมมือที่มีความเป็นไปได้ระหว่างอินเดียกับอนุภูมิภาคในอาเซียน ได้แก่ แผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ๖ ประเทศ (GMS) และแผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) และการเสริมสร้างความร่วมมือกับอินเดียภายใต้ความร่วมมือแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ (BIMSTEC) รวมทั้งประเด็นความร่วมมือด้านความเชื่อมโยง เห็นควรเร่งรัดการเชิญอินเดียเป็นหุ้นส่วนการพัฒนาและเข้าร่วมประชุมในกรอบความร่วมมือในอนุภูมิภาคที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมรับพิจารณารายละเอียดของโครงการพัฒนาต่าง ๆ ในเขตเศรษฐกิจพิเศษของไทยซึ่งเตรียมเปิดรับการลงทุนจากต่างประเทศรวมทั้งอินเดีย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
20975 | การขออนุมัติเปิดสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามแกมเบียประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) | กต | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการเปิดสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามแกมเบียประจำประเทศไทย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
20976 | รัฐบาลสาธารณรัฐฟินแลนด์เสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นางซาตู ซุยก์การี - เคลฟเวน (Mrs. Satu Suikkari - Kleven)] | กต | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางซาตู ซุยก์การี-เคลฟเวน (Mrs. Satu Suikkari-Kleven) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐฟินแลนด์ประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นางกีร์สติ เวสต์ฟาเลน (Mrs. Kirsti Westphalen) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
20977 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของทบวงการพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศ พ.ศ. .... | พน | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของทบวงการพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศ พ.ศ. .... โดยกระทรวงพลังงานและกระทรวงยุติธรรมเห็นว่า การออกกฎหมายกลางเพื่อรองรับสถานะและความสามารถทางกฎหมาย รวมทั้งการให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันแก่องค์การระหว่างประเทศจะมีผลทำให้เป็นการรับรองสถานะการเข้าเป็นภาคีสมาชิกของอนุสัญญาใด ๆ กรณีที่องค์การระหว่างประเทศประสงค์ที่จะดำเนินงานหรือจัดประชุมในประเทศไทย หรือในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การระหว่างประเทศโดยปริยาย และในการดำเนินการใด ๆ ที่ส่งผลกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือที่เกี่ยวข้องกับองค์การระหว่างประเทศที่มีผลผูกพันรัฐบาลไทย ควรได้รับการพิจารณาและเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีและสภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นรายกรณีแต่ไม่จำเป็นต้องออกกฎหมายใหม่ ส่วนกระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการยกร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยเอกสิทธิ์และความคุ้มกันขององค์การระหว่างประเทศและการประชุมระหว่างประเทศในประเทศไทย พ.ศ. .... และได้เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการต่างประเทศแล้ว ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
20978 | ผลการเยือนอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ | กต | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการเยือนอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระหว่างวันที่ ๑๐-๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ตามคำเชิญของนางเร็ตโน เลสตารี เปรียนซารี มาร์ซูดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซีย โดยผลการเยือนดังกล่าวมีประเด็นสำคัญเชิงนโยบายด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ได้แก่ การแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูง ความพร้อมของไทยในการเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการร่วม (Joint Commission : JC) ไทย-อินโดนีเซีย ครั้งที่ ๙ การส่งเสริมมูลค่าทางการค้าและการลงทุน รวมถึงการท่องเที่ยวระหว่างกัน การส่งเสริมความร่วมมือในการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ การก่อการร้ายระหว่างประเทศ แนวคิดสุดโต่ง การลักลอบยาเสพติด การค้ามนุษย์ รวมทั้งการลักลอบค้าสัตว์ป่าสงวน ความร่วมมือด้านการประมง ความร่วมมือในกรอบอาเซียน และการขอเสียง/แลกเสียงระหว่างไทยกับอินโดนีเซีย และมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการเยือนดังกล่าว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับประเด็นความร่วมมือด้านการประมง ซึ่งในการประชุมคณะทำงานร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านการประมงไทย-อินโดนีเซีย จะเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการทะเลและประมงอินโดนีเซียเยือนไทยเพื่อเป็นประธานการประชุมคณะทำงานร่วมฯ และการลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านประมงระหว่างไทยและอินโดนีเซีย จะเป็นความก้าวหน้าสำคัญในกรอบความร่วมมือด้านการเกษตร อุตสาหกรรมการเกษตรและสิ่งแวดล้อม ภายใต้แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) ในช่วงการขับเคลื่อนความร่วมมือตามกรอบแผนงานระยะห้าปีแผนที่สอง (IMT-GT Implementation Blueprint) ปี ๒๕๕๕-๒๕๕๙ และสามารถใช้เป็นกรอบการดำเนินความร่วมมือต่อเนื่องในช่วงแผนระยะห้าปีแผนที่สาม ระหว่างปี ๒๕๖๐-๒๕๖๔ จึงเห็นควรมอบหมายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นำเสนอต่อที่ประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๒๒ แผนงาน IMT-GT ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพในช่วงเดือนกันยายน ๒๕๕๙ ณ จังหวัดพังงา และประเด็นการค้าและการลงทุน ในการส่งเสริมความร่วมมือด้านความมั่นคงทางอาหารระหว่างไทยและอินโดนีเซีย ซึ่งครอบคลุมเรื่องผลิตภัณฑ์และบริการฮาลาล เห็นควรผลักดันความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างไทยและอินโดนีเซีย โดยเฉพาะด้านการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์และบริการฮาลาลระหว่างกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
20979 | ขอความเห็นชอบเปลี่ยนแปลงรายละเอียดการจัดงาน ASEAN Fisheries and Aquaculture Conference and Exposition 2016 : ASEAN Seafood for the World | กษ | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดการจัดงาน ASEAN Fisheries and Aquaculture Conference and Exposition 2016 : ASEAN Seafood for the World โดยเปลี่ยนชื่องานเป็น ASEAN Fisheries and Aquaculture Conference and Exposition 2016 : ASEAN Seafood for the World and 11th Asian Fisheries and Aquaculture Forum and Exhibition : Asian Food Security for the World โดยมีเจ้าภาพหลักร่วมจัดงาน คือ กรมประมง องค์การข่ายงานศูนย์เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำแห่งเอเชียและแปซิฟิก (Network of Aquaculture Centres in Asia-Pacific : NACA) ASEAN Fisheries Society และผู้สนับสนุนการจัดงาน คือ องค์กรระหว่างประเทศ สมาพันธ์และสมาคมที่เกี่ยวข้องกับการประมง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรใช้โอกาสจากการเป็นเจ้าภาพจัดงานดังกล่าวแสดงข้อมูลและผลงานในการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายของไทย การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ เทคโนโลยี และแนวทางในการควบคุมดูแลและแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย เพื่อนำมาปรับปรุงศักยภาพและความพร้อมในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนแสดงให้นานาประเทศรับทราบถึงเจตนารมณ์และความพยายามของไทยในการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย รวมทั้งร่วมกับนานาประเทศแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น งานศึกษาวิจัย และพิจารณาแนวทางความร่วมมือในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคกุ้งตายด่วนในภูมิภาคอาเซียนไม่ให้กลับมาระบาดซ้ำได้อีก ไปพิจารณาดำเนินการส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
20980 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [(การเข้าเป็นภาคีพิธีสารมาดริด (Madrid Protocol) และการขยายขอบเขตความคุ้มครองการปรับปรุงหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และระยะเวลาการจดทะเบียน การปรับปรุงค่าธรรมเนียม) | สว | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [การเข้าเป็นภาคีพิธีสารมาดริด (Madrid Protocol) และการขยายขอบเขตความคุ้มครองการปรับปรุงหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และระยะเวลาการจดทะเบียน การปรับปรุงค่าธรรมเนียน] ซึ่งมีข้อสังเกตเกี่ยวกับกรณีที่นายทะเบียนได้รับจดทะเบียนให้กับผู้ยื่นขอจดทะเบียนรายใหม่ที่ขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่มีลักษณะเหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าที่ไม่ได้รับการจดทะเบียนตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการเครื่องหมายการค้า ซึ่งต่อมาผู้ขอจดทะเบียนที่ไม่ได้รับการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้านั้น และให้รับจดทะเบียนได้ ทำให้เกิดปัญหาถึงสถานะของการจดทะเบียนของเครื่องหมายการค้าที่ยื่นขอจดทะเบียนรายใหม่ที่ได้รับการจดทะเบียนไป จึงเห็นควรให้กรมทรัพย์สินทางปัญญานำประเด็นดังกล่าวไปพิจารณาให้มีความชัดเจนต่อไป และต้องมีการศึกษาและแก้ไขในประเด็นระยะเวลาการฟ้องคดีต่อศาลให้สอดรับกันในพระราชบัญญัติทั้งฉบับ รวมทั้งให้ศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการในการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ในการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของต่างประเทศ เพื่อนำมาพิจารณากำหนดอัตราค่าธรรมเนียมของไทยให้เหมาะสม ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงยุติธรรมและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
.....