ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1046 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 20901 - 20920 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
20901 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 05/04/2559 | |||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรมหรือมีความพร้อมต่อการตรวจสอบจากหน่วยงานต่าง ๆ โดยเฉพาะองค์กรระหว่างประเทศ โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงคมนาคม กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาการดำเนินการเกี่ยวกับการทำประมงที่ผิดกฎหมาย (Illegal Unreported and Unregulated Fishing : IUU Fishing) ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งปรับปรุงมาตรฐานการบินพลเรือนของไทยให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๑.๒ ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการผลิตสินค้าร่วมกันภายในอาเซียน (ASEAN Brand) เพื่อสนับสนุนการเชื่อมโยงการผลิตในภูมิภาค ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลกและเกิดประโยชน์กับประชาชนในอาเซียน อันจะส่งผลให้ประเทศไทยเป็นผู้นำในอาเซียนต่อไป ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๒.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้รองนายกรัฐมนตรีทุกท่านจัดทำแผนการปฏิรูปภารกิจที่สำคัญในความรับผิดชอบที่จะดำเนินการในช่วงปี ๒๕๕๙-๒๕๖๐ โดยให้ความสำคัญกับการบูรณาการทั้งในเชิงการบริหารงานและการบริหารงบประมาณ ทั้งนี้ ให้นำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาภายในวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๕๙ นั้น ในการดำเนินการดังกล่าวให้มี Roadmap ในแต่ละภารกิจที่ชัดเจน โดยจำแนกเป็นภารกิจหลัก ภารกิจรอง และภารกิจเสริม และให้ความสำคัญใน ๕ ประเด็นหลัก ได้แก่ ความพร้อมในด้านกฎหมาย การกำหนดกลไกการขับเคลื่อนการวางแผนการบริหารจัดการในระยะยาวอย่างเป็นระบบ การบริหารและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ๒.๒ ตามที่ปัจจุบันได้มีการปลอมแปลงเอกสารหรือเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จบนเว็บไซต์และเครือข่ายสังคมออนไลน์ (Social Media) ทำให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน เช่น การปลอมแปลงหนังสือราชการแจ้งมติคณะรัฐมนตรี จึงให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ [กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.)] กระทรวงยุติธรรมและกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารพิจารณาดำเนินการติดตามและตรวจสอบผู้กระทำผิดที่เผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จดังกล่าวและดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป ๒.๓ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อให้เทศกาลสงกรานต์เป็นไปเพื่อสืบสานประเพณีอันดีงามของไทย ๒.๓.๑ ให้กระทรวงวัฒนธรรมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรณรงค์ให้ประชาชนร่วมสืบสานประเพณีอันดีงามของไทย เช่น การรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุ การเล่นน้ำอย่างสุภาพ การแต่งกายให้เหมาะสม รวมทั้งสนับสนุนการจัดกิจกรรมในเทศกาลสงกรานต์ร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านด้วย ๒.๓.๒ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงคมนาคม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการเพื่ออำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยของประชาชน เช่น การเข้มงวดกวดขันวินัยจราจร การจัดชุดเฝ้าระวังและช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุบัติเหตุ การตรวจสอบไฟส่องสว่างบนท้องถนน การป้องกันวินาศกรรม รวมทั้งดำเนินการตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔๖/๒๕๕๘ เรื่อง มาตรการแก้ไขปัญหาอันเกิดจากการขับขี่ยานพาหนะ โดยเคร่งครัด ๒.๔ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประสานความร่วมมือกับประเทศที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญหรือประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการน้ำ เช่น ประเทศอิสราเอลเพื่อมาให้คำแนะนำแก่ประเทศไทย ๒.๕ ให้ทุกส่วนราชการตรวจสอบอายุการใช้งานของวัสดุ อุปกรณ์ หรือระบบงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานตามภารกิจของหน่วยงาน โดยเฉพาะภารกิจที่สำคัญและมีผลกระทบต่อประชาชนให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ โดยวางแผนการใช้งาน การซ่อมบำรุงรักษา การจัดหาของใหม่เพื่อทดแทนของเดิมที่ชำรุดหรือเสื่อมสภาพ รวมทั้งจัดทำแผนการของบประมาณเพื่อให้สามารถดำเนินการดังกล่าวได้อย่างต่อเนื่องด้วย ๒.๖ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามและแก้ไขปัญหากรณีที่เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำโดยเฉพาะกุ้งในพื้นที่น้ำจืดได้ใช้ความเค็มในการเพาะเลี้ยง ซึ่งการใช้ความเค็มดังกล่าวส่งผลกระทบต่อเกษตรกรและประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง รวมทั้งส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศในพื้นที่ดังกล่าวด้วย ๒.๗ ให้กระทรวงพลังงานเร่งดำเนินการศึกษาวิจัยเพื่อเพิ่มสัดส่วนการใช้น้ำมันปาล์มในน้ำมันไบโอดีเซลสำหรับรถยนต์ชนิดต่าง ๆ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายใน ๓ เดือน ๒.๘ ให้ทุกส่วนราชการพิจารณาดำเนินการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยให้รายงานผลการดำเนินการให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทุกเดือน
|
||||||||||||||||||||||||
20902 | ข้อคิดเห็นของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี | นร04 | 05/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) และรองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) รายงานข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลและการบริหารราชการแผ่นดิน ดังนี้
๑. รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รายงานว่า ได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฝ่ายความมั่นคง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดตั้งศูนย์บูรณาการความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยมีแนวทางการดำเนินการ ได้แก่ ๑.๑ การรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ได้มีการซักซ้อมการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำแผนเผชิญเหตุ จัดชุดเฝ้าระวัง ชุดให้ความช่วยเหลือ รวมทั้งตรวจสอบกล้องวงจรปิดและไฟฟ้าส่องสว่างในสถานที่ต่าง ๆ ให้มีความพร้อมในการใช้งานอยู่ตลอดเวลา ๑.๒ การป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน โดยมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด จัดตั้งด่านชุมชน ตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ของผู้ขับขี่ยานพาหนะ รวมทั้งรณรงค์ประชาสัมพันธ์สร้างความตระหนักและจิตสำนึกด้านความปลอดภัยทางถนนให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนนและประชาชนอย่างต่อเนื่อง ส่วนการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการขับขี่ยานพาหนะจะดำเนินการตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔๖/๒๕๕๘ เรื่อง มาตรการแก้ไขปัญหาอันเกิดจากการขับขี่ยานพาหนะ ลงวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๘ อย่างเคร่งครัดต่อไป ๒. รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) รายงานว่า จากการตรวจเยี่ยมศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๕๙ สรุปว่า ๒.๑ กรณีทุ่นตรวจวัดคลื่นสึนามิไม่แสดงสถานะการทำงาน กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอยู่ระหว่างดำเนินการบำรุงรักษาซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน ๖ เดือน โดยระหว่างนี้ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติจะติดตามข้อมูลจากทุ่นสึนามิของประเทศอินเดียและออสเตรเลียซึ่งเป็นทุ่นที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง และอยู่ในโครงข่ายการเชื่อมโยงสัญญาณระบบทุ่นตรวจวัดสึนามิของ NOAA ประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างต่อเนื่อง ๒.๒ กรณีหอเตือนภัยและอุปกรณ์เตือนภัยชำรุดจำนวนมาก เกิดจากอุปกรณ์เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งานและขาดการบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่อง ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติจึงได้ใช้ช่องทางอื่นเพื่อการแจ้งข่าวและแจ้งเตือนภัยไปยังประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย เช่น การส่ง SMS การใช้สื่อวิทยุโทรทัศน์ของกรมประชาสัมพันธ์ วิทยุชุมชน วิทยุสื่อสาร การประสานงานกับเครือข่ายภาคประชาชน ทั้งนี้ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอยู่ระหว่างการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อจ้างเหมาบำรุงรักษาหอเตือนภัยและอุปกรณ์เตือนภัยดังกล่าว ๒.๓ กรณีการโอนศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ จากสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ไปสังกัดกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย เมื่อพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (เพื่อจัดตั้งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม) มีผลใช้บังคับนั้น ขณะนี้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอยู่ระหว่างการปรับบทบาท อำนาจหน้าที่ และอัตรากำลังให้เหมาะสมก่อนส่งมอบภารกิจให้กระทรวงมหาดไทยต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
20903 | รายงานการเดินทางไปราชการ ณ รัฐกาตาร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน | รง | 05/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานรายงานการเดินทางไปราชการ ณ รัฐกาตาร์และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและคณะ ระหว่างวันที่ ๑-๕ มีนาคม ๒๕๕๙ เพื่อส่งเสริมการรักษาและขยายตลาดแรงงานไทยในต่างประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง และหารือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและคณะได้เข้าพบและหารือข้อราชการกับ H.E. Dr. IssaSaad Al-Jafali Al-Nuaimi รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาการบริหาร แรงงานและกิจการสังคม รัฐกาตาร์ โดยทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงความร่วมมือในการรับ-ส่งแรงงานไทยไปทำงานที่รัฐกาตาร์ให้เป็นไปด้วยความรวดเร็วและเป็นไปตามกฎหมายของทั้งสองประเทศ โดยกาตาร์แจ้งว่ามีความต้องการจ้างแรงงานไทยจำนวนมาก โดยเฉพาะในกิจการก่อสร้างที่เกี่ยวข้องกับการเป็นเจ้าภาพแข่งขันฟุตบอลโลก ปี พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยในเบื้องต้นได้อนุมัติการจ้างแรงงานไทยแล้วจำนวน ๒๙,๓๙๒ คน ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและคณะได้พบนายจ้างเพื่อรับทราบข้อมูลโอกาสแนวโน้มการจ้างแรงงานไทยของบริษัทฯ และเยี่ยมเยียนแรงงานไทย รวม ๔ แห่ง ได้แก่ บริษัท Wen Qatar บริษัท AM Shipyard Abu Dhabi บริษัท CROWN Emirates และกิจการสปาร้าน The Orchid Wellness โรงแรม Yassat Gloria โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้แจ้งให้นายจ้างทราบถึงนโยบายของกระทรวงแรงงานในการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ที่ดีของแรงงานไทยในด้านความสามารถ ประสบการณ์ ความเข้มแข็ง ซื่อสัตย์และจริงใจ รวมทั้งแจ้งให้คนงานทราบนโยบายของรัฐบาลในการหางานให้คนไทย ทั้งงานในประเทศและต่างประเทศ โดยการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์เชิงบวกของแรงงานไทย |
||||||||||||||||||||||||
20904 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 05/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... คณะกรรมาธิการวิสามัญได้พิจารณาและแก้ไขตามหลักการและเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติ โดยผนวกกับหลักการตามรายงานของคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ก่อนรับหลักการ ที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบและให้ถือเป็นส่วนหนึ่งของหลักการแห่งพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ฉบับนี้ ทั้งนี้ หลักการที่ผนวกขึ้นภายหลังนี้เป็นหลักการที่กระทบกับหลักการเดิมตามร่างมาตรา ๙ ซึ่งเพิ่มมาตรา ๒๓/๑ และมาตรา ๒๓/๒ ร่างมาตรา ๑๒ ซึ่งยกเลิกมาตรา ๓๒ และมาตรา ๓๓ และร่างมาตรา ๑๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมวรรคสามของมาตรา ๔๕ ดังนั้น เนื้อหาในการพิจารณาและแก้ไขร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ในร่างมาตรา ๙ ร่างมาตรา ๑๒ และร่างมาตรา ๑๕ จะไม่สอดคล้องกับหลักการเดิมที่คณะรัฐมนตรีได้เสนอไว้ แต่จะสอดคล้องกับความเห็น ข้อสังเกต และข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติฯ ก่อนรับหลักการ ซึ่งความเห็น ข้อสังเกต และข้อเสนอแนะดังกล่าวเป็นหลักการที่ผนวกขึ้นในภายหลัง อันมีผลทำให้การพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญไม่เป็นการแก้ไขที่ขัดหรือเกินหลักการ โดยสอดคล้องกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้เสนอและเห็นชอบไว้ทุกประการ ตามที่สำนักเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ และแจ้งให้กระทรวงยุติธรรมทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
20905 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง "การสังเคราะห์การดูแลผู้สูงอายุในประเทศไทย : ปัญหาและข้อเสนอแนะ" ของคณะกรรมาธิการสังคม กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 05/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการสังคม กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง “การสังเคราะห์การดูแลผู้สูงอายุในประเทศไทย : ปัญหาและข้อเสนอแนะ” ซึ่งมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการเพิ่มจำนวนอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุในชุมชนให้เพียงพอต่อจำนวนของผู้สูงอายุ การเพิ่มศักยภาพและทักษะการดูแลให้กับผู้ดูแลผู้สูงอายุ การเพิ่มขีดความสามารถให้กับชุมชนและเจ้าหน้าที่ในการบริหารจัดการโครงการหรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ การจัดทำมาตรการเพื่อสนับสนุนด้านงบประมาณสำหรับเป็นค่าตอบแทนอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุในชุมชน การจัดทำระบบฐานข้อมูลสุขภาพของผู้สูงอายุ การวางแผนชีวิตภายหลังเกษียณอย่างเป็นระบบ การจัดทำแผนชุมชนในการดูแล ช่วยเหลือ และพัฒนาผู้สูงอายุแบบมีส่วนร่วม การพัฒนาและกำหนดเกณฑ์การประเมินด้านการจัดการดูแลและพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ รวมทั้งการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ระบบการจัดสวัสดิการและการสงเคราะห์ให้กับผู้สูงอายุในระยะยาว เป็นต้น ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงบประมาณเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
20906 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (กพข.) ครั้งที่ 3/2558 | นร11 | 05/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (กพข.) ครั้งที่ ๓/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๘ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมรับทราบ (๑) การแต่งตั้งให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นรองประธานกรรมการใน กพข. และแต่งตั้งนายกานต์ ตระกูลฮุน เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ แทนนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ (๒) สรุปผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย ปี ๒๕๕๘ โดยสถาบัน IMD WEF และ World Bank และ (๓) ความก้าวหน้าในการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการของคณะอนุกรรมการภายใต้ กพข. ได้แก่ คณะอนุกรรมการด้านการพัฒนาคลัสเตอร์ คณะอนุกรรมการด้านการพัฒนาเชิงกายภาพ คณะอนุกรรมการด้านการพัฒนาเสถียรภาพเศรษฐกิจมหภาค คณะอนุกรรมการด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ คณะอนุกรรมการด้านการพัฒนาประสิทธิภาพภาครัฐและการพัฒนากระบวนการทางศุลกากร และคณะอนุกรรมการด้านการจัดการข้อมูลและการสื่อสารประชาสัมพันธ์ ๒. นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติศึกษาวิเคราะห์และระบุหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มตัวชี้วัดของสถาบัน IMD WEF และ World Bank และนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเพื่อเร่งติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานปรับปรุงตัวชี้วัดและปัจจัยต่าง ๆ ในการยกระดับความสามารถการแข่งขันของประเทศ ก่อนการเก็บข้อมูลของสถาบัน IMD WEF และ World Bank ปี ๒๕๕๙ ซึ่งเริ่มต้นในเดือนมกราคม ๒๕๕๙ |
||||||||||||||||||||||||
20907 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง "การปฏิรูปรูปแบบการปกครองท้องถิ่นของเมืองท่องเที่ยว" ของคณะกรรมาธิการการปกครองท้องถิ่น สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 05/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการปกครองท้องถิ่น สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง “การปฏิรูปรูปแบบการปกครองท้องถิ่นของเมืองท่องเที่ยว” ซึ่งมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการบริหารงานและการพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเมืองท่องเที่ยว ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
20908 | รายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษา ติดตาม และแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ | สว | 29/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษา ติดตาม และแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาทรัพยากรน้ำ ได้แก่ ปัญหาน้ำท่วม ปัญหาการขาดแคลนน้ำ และปัญหาคุณภาพน้ำ ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักรับรายงานและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงบประมาณเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
20909 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 27 ตุลาคม 2558 (เกี่ยวกับเงินทุนหมุนเวียน) | กค | 29/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๘ (เกี่ยวกับเงินทุนหมุนเวียน) สรุปได้ ดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี โดย (๑) ควบรวมกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา และกองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ผูกพันกับรายได้ในอนาคต โดยเป็นการควบรวมกองทุนทั้งสองให้อยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน (๒) คงสถานะกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย เพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐบาลที่ให้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ และ (๓) กองทุนปูนซีเมนต์สร้างยุ้งฉางกลาง กองทุนเพื่อพัฒนาการผลิตถั่วเหลือง โครงการเงินสนับสนุนจากการออกสลากกินแบ่งรัฐบาลเพื่อพัฒนากีฬาของชาติ เงินฝากส่งเสริมธุรกิจที่อยู่ในความส่งเสริมของกรมพัฒนาเศรษฐกิจการค้า และศูนย์ฝึกอบรมคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา เป็นเงินนอกงบประมาณที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ซึ่งกระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) ได้มีหนังสือแจ้งหน่วยงานเจ้าของเงินนอกงบประมาณดังกล่าวให้พิจารณาเหตุผลความจำเป็นในการคงอยู่ ๒. โดยที่กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) อาศัยอำนาจตามข้อบังคับกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการให้องค์การของรัฐบาลที่ใช้ทุนหรือทุนหมุนเวียนนำทุนหรือผลกำไรเข้าบัญชีเงินคงคลังบัญชีที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๕๖ เรียกให้ทุนหมุนเวียนนำเงินสภาพคล่องส่วนเกินส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน (บัญชีเงินคงคลังบัญชีที่ ๑) ซึ่งเงินดังกล่าวถือเป็นเงินรายได้แผ่นดิน นั้น การนำเงินทุนหมุนเวียนที่มีสภาพคล่องส่วนเกินความจำเป็นไปใช้ประโยชน์ในการสนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศในช่วง ๑ ปี ต้องดำเนินการผ่านหน่วยงานของรัฐตามกระบวนการงบประมาณปกติ โดยกำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี หรือพระราชบัญญัติงบประมาณเพิ่มเติม ๓. ผลการนำเงินทุนหมุนเวียนที่มีสภาพคล่องส่วนเกินความจำเป็นส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินตามแผนปฏิบัติการฯ จำนวน ๒๙ ทุน เป็นเงินทั้งสิ้น ๒๘,๐๘๑.๑๕ ล้านบาท ณ วันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๕๙ ทุนหมุนเวียนนำเงินส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินแล้ว จำนวน ๒๗,๘๑๑.๖๓ ล้านบาท โดยกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศยังค้างการนำส่งเงินอีก จำนวน ๒๖๙.๕๒ ล้านบาท เนื่องจากเป็นเงินต้นของกองทุนฯ ซึ่งต้องขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการและจะนำส่งได้ในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๙
|
||||||||||||||||||||||||
20910 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การตรวจสอบการใช้จ่ายเงินขององค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นโดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน | สว | 29/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ซึ่งมีข้อเสนอแนะเป็นการส่งเสริมให้การทำงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถจัดบริการสาธารณะได้อย่างถูกต้อง สอดคล้องกับหลักธรรมาภิบาลและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน โดยให้ความสำคัญต่อการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย กฎ หรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการพัฒนาปรับปรุงระบบการบริหารจัดการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในด้านต่าง ๆ เพื่อลดปัญหาการทักท้วง และเพิ่มความคล่องตัวในการทำงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามหลักการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๓. แจ้งข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินทราบ
|
||||||||||||||||||||||||
20911 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์ การอุตสาหกรรมและการแรงงาน เรื่อง มาตรการขับเคลื่อน SMEs และ การแก้ไขปัญหาอุปสรรค | กค | 29/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์ การอุตสาหกรรม และการแรงงาน เรื่อง มาตรการขับเคลื่อน SMEs และการแก้ไขปัญหาอุปสรรค ซึ่งกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ แล้ว ได้แก่ การจัดทำแผนการส่งเสริม SMEs ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) และขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ SMEs เพื่อให้สามารถนำข้อมูลไปใช้ในการวิเคราะห์ปัญหาและวางแผนการส่งเสริม SMEs ได้อย่างเหมาะสม การแก้ไขปัญหาและอุปสรรคเพื่อให้ SMEs เข้ามาในระบบภาษีมากขึ้น เช่น ยกเว้นการตรวจสอบภาษีย้อนหลัง ปรับลดฐานภาษีเงินได้นิติบุคคล การจัดทำมาตรการทางการเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ให้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำได้เพิ่มขึ้น การออกมาตรการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ SMEs ต่ำ เช่น มาตรการเชิงนโยบาย มาตรการด้านอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ รวมทั้งการแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้เอื้อต่อการพัฒนา SMEs ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
20912 | การดำเนินการของกระทรวงคมนาคมกรณีบริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) ยกเลิกเที่ยวบิน | คค | 29/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานการดำเนินการของกระทรวงคมนาคมกรณีบริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) ยกเลิกเที่ยวบิน จำนวน ๙ เที่ยวบิน ในวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ สรุปได้ ดังนี้
๑. การดำเนินการของสายการบินนกแอร์ฯ ได้ดูแลผู้โดยสารที่เช็คอินเพื่อเดินทางในเที่ยวบินที่มีการยกเลิก จำนวน ๓,๐๕๓ คน ตามประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง การคุ้มครองสิทธิผู้โดยสารที่ใช้บริการสายการบินของไทยในเส้นทางประจำภายในประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๓ เช่น เปลี่ยนเที่ยวบิน คืนค่าโดยสาร จัดให้ผู้โดยสารพักค้างที่โรงแรม จัดให้เดินทางโดยการขนส่งอื่น หรือชำระค่าชดเชย รวมทั้งมาตรการป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของสายการบินนกแอร์ฯ ๒. การดำเนินการของกระทรวงคมนาคม ๒.๑ กระทรวงคมนาคมได้เชิญสายการบินซึ่งทำการบินแบบประจำภายในประเทศและระหว่างประเทศ ๑๔ สาย มาร่วมประชุมเพื่อซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการยกเลิกเที่ยวบิน โดยกำหนดให้สายการบินที่ให้บริการแบบประจำทุกสายการบินต้องจัดทำแผนฉุกเฉินในทุกกรณี และกำหนดมาตรการในการป้องกันมิให้เกิดปัญหาที่จะส่งผลต่อความไม่สะดวกของผู้โดยสาร โดยหากเกิดเหตุการณ์อีก สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) จะดำเนินการตักเตือนสายการบิน หากเกิดเหตุเป็นครั้งที่ ๒ จะพักใช้ใบอนุญาตให้ประกอบกิจการค้าขายในการเดินอากาศ และหากเกิดเหตุเป็นครั้งที่ ๓ จะเพิกถอนใบอนุญาตฯ ๒.๒ กพท. อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลและตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินการตามข้อกฎหมายกับสายการบินนกแอร์ฯ โดยหากตรวจพบหรือมีผู้โดยสารร้องเรียนว่าสายการบินไม่ได้ให้ความคุ้มครองและดูแลผู้โดยสาร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมมีอำนาจเพิกถอนหรือพักใช้ใบอนุญาตทั้งหมดหรือแต่บางส่วน และหากพบว่า สายการบินปล่อยให้นักบินหรือลูกเรือของตนปฏิบัติงานจนเกินข้อจำกัดเวลาทำการบินและเวลาปฏิบัติหน้าที่ ผู้อำนวยการ กพท. มีอำนาจสั่งพักใช้หรือเพิกถอนใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศได้ สำหรับนักบินนั้น หากนักบินปฏิบัติงานเกินข้อจำกัดเวลาทำการบินและเวลาปฏิบัติหน้าที่ ผู้อำนวยการ กพท. มีอำนาจพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตผู้ประจำหน้าที่ได้
|
||||||||||||||||||||||||
20913 | แนวทางและมาตรการรณรงค์การใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าเนื่องในประเพณีสงกรานต์ ประจำปี พ.ศ. 2559 (สงกรานต์แบบไทย ใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า) | วธ | 29/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอแนวทางและมาตรการรณรงค์การใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าเนื่องในประเพณีสงกรานต์ ภายใต้แนวคิด “สงกรานต์แบบไทย ใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า” โดยบูรณาการดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการกำหนดแนวทางและมาตรการรณรงค์การใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าเนื่องในประเพณีสงกรานต์ รวมทั้งเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ประกอบด้วย ๒ มาตรการ ดังนี้
๑. การรณรงค์ เรื่อง สงกรานต์แบบไทย ๑.๑ ขอความร่วมมือจากประชาชนช่วยกันสืบสานประเพณีสงกรานต์แบบไทยให้คงไว้ เช่น การไปทำบุญตักบาตร การสรงน้ำพระพุทธรูป การสรงน้ำพระสงฆ์ การรดน้ำขอพรผู้ใหญ่ ควรใช้น้ำสะอาด เล่นน้ำอย่างสุภาพ แต่งกายด้วยผ้าไทย และแต่งกายให้เหมาะสมในเทศกาลสงกรานต์ ๑.๒ จัดให้มีการสวดมนต์ขอพรรับวันขึ้นปีใหม่ไทย เพื่อรณรงค์ให้คนไทยเข้าวัดมากขึ้นในเทศกาลสงกรานต์ ๑.๓ รณรงค์ละเว้นอบายมุขและสิ่งมึนเมา เพื่อลดอุบัติเหตุและลดอาชญากรรมต่าง ๆ ในเทศกาลสงกรานต์ ๒. การรณรงค์ใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า ๒.๑ กำหนดสถานที่ให้ประชาชนเล่นน้ำเป็นการเฉพาะ โดยขอความร่วมมือจากประชาชน ซึ่งจะส่งผลดีต่อการดูแล รักษา และควบคุมการใช้ปริมาณน้ำ ๒.๒ ขอความร่วมมือไม่ใช้น้ำอย่างฟุ่มเฟือย เช่น ไม่นำน้ำใส่รถกระบะเล่นสาดน้ำกัน หรือใช้สายยางฉีดน้ำใส่กันบริเวณท้องถนนหรือบริเวณจัดงานต่าง ๆ ๒.๓ กำหนดระยะเวลาและปริมาณการจ่ายน้ำ รวมทั้งจุดบริการน้ำ เพื่อให้การจัดกิจกรรมงานสงกรานต์มีการใช้น้ำอย่างประหยัด
|
||||||||||||||||||||||||
20914 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการมอบอำนาจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร12 | 29/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการมอบอำนาจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการมอบอำนาจ พ.ศ. ๒๕๕๐ เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์การมอบอำนาจให้แก่ผู้ดำรงตำแหน่งของส่วนราชการอื่นที่ได้รับคำสั่งให้มาปฏิบัติราชการภายใน รวมทั้งปรับปรุงหลักเกณฑ์การมอบอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด และการมอบอำนาจให้ปฏิบัติราชการแทนในต่างประเทศให้คล่องตัวชัดเจนมากขึ้น ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
20915 | การเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ของกรมประมง | นร10 | 29/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๙ เรื่อง การเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ของกรมประมง ตามที่ คปร. เสนอ ดังนี้
๑. ความเห็น คปร. ๑.๑ กรมประมงควรบูรณาการการปฏิบัติงานในพื้นที่ร่วมกับส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาการมีอัตรากำลังไม่เพียงพอต่อการปฏิบัติงาน ๑.๒ กรมประมงควรมีการวางแผนการสรรหาบุคคลเพื่อให้มีผู้ปฏิบัติงานในภารกิจที่เกี่ยวกับการแก้ปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ หากกรมประมงมีเหตุผลความจำเป็นที่จะต้องใช้อัตรากำลังในการปฏิบัติงานเพิ่มก็อาจจัดทำแผนเพื่อขอรับการจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ต่อไป ทั้งนี้ การเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ของกรมประมงในครั้งนี้จะมีค่าใช้จ่ายด้านบุคคลเพิ่มสูงขึ้น ประมาณ ๕๒,๘๒๘,๙๒๐ บาท ในปีแรก ๒. มติ คปร. ๒.๑ เห็นควรอนุมัติอัตราข้าราชการตั้งใหม่ให้กับกรมประมง จำนวน ๒๒๑ อัตรา ๒.๒ กำหนดเงื่อนไขการใช้ตำแหน่งดังกล่าว โดยไม่ให้นำตำแหน่งที่ได้รับจัดสรรมายุบเลิกเพื่อปรับปรุงการกำหนดตำแหน่งอื่นเป็นระดับที่สูงขึ้น ๒.๓ สำหรับการจัดสรรงบประมาณค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรตามกรอบอัตรากำลังที่ได้รับจัดสรรเพิ่มใหม่ ให้กรมประมงดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๕๙ ที่ให้กรมประมงดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณโดยให้ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ มาดำเนินการเป็นลำดับแรกก่อน สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป ให้เสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี |
||||||||||||||||||||||||
20916 | แผนอำนวยความสะดวก ปลอดภัยและมั่นคง รองรับการเดินทางของประชาชน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2559 ของกระทรวงคมนาคม | คค | 29/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอแผนอำนวยความสะดวก ปลอดภัยและมั่นคง รองรับการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ๒๕๕๙ โดยมีระยะเวลาดำเนินการระหว่างวันที่ ๘-๑๘ เมษายน ๒๕๕๙ มีเป้าหมายเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชน ป้องกันและลดการเกิดอุบัติเหตุ รวมทั้งให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในคุณภาพการให้บริการในการขนส่งสาธารณะ ประกอบด้วย (๑) แผนอำนวยความสะดวกรองรับการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ๒๕๕๙ ได้แก่ การจัดบริการขนส่งสาธารณะ การอำนวยความสะดวกด้านโครงข่ายถนน การจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกภายในท่าเรือ/สถานีขนส่ง/ท่าอากาศยานและอาคารผู้โดยสาร/สถานีรถไฟ และอำนวยความสะดวกในด้านข้อมูลการจราจร และ (๒) แผนอำนวยการด้านความปลอดภัยและมั่นคง ได้แก่ มาตรการด้านการบริหารจัดการผู้ขับขี่/ผู้โดยสารปลอดภัย มาตรการยานพาหนะปลอดภัย มาตรการถนนปลอดภัย มาตรการบังคับใช้กฎหมาย มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ มาตรการด้านความมั่นคง และมาตรการด้านการประชาสัมพันธ์
|
||||||||||||||||||||||||
20917 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ออกเป็น 5 กลุ่ม | นร07 | 29/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงบประมาณรายงานการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๒,๗๒๐,๐๐๐.๐ ล้านบาท จำแนกเป็น ๕ กลุ่ม ประกอบด้วย
๑. กลุ่ม Function (ภารกิจพื้นฐาน) รวมทั้งสิ้น ๑,๕๐๘,๘๒๙.๐ ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ ๕๕.๕ ของวงเงินงบประมาณ (ไม่รวมงบประมาณของท้องถิ่น) จำแนกเป็นค่าใช้จ่ายบุคลากร จำนวน ๙๙๗,๖๒๕.๑ ล้านบาท และภารกิจพื้นฐาน จำนวน ๕๑๑,๒๐๓.๙ ล้านบาท ๒. กลุ่ม Agenda (ภารกิจยุทธศาสตร์ นโยบายเร่งด่วน แนวทางการปฏิรูปภาครัฐ งบประมาณบูรณาการ) รวมทั้งสิ้น ๖๐๘,๘๗๕.๓ ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ ๒๒.๔ ของวงเงินงบประมาณ (ไม่รวมงบประมาณของท้องถิ่น) จำแนกเป็นแผนบูรณาการ จำนวน ๒๑๒,๒๖๙.๐ ล้านบาท และภารกิจยุทธศาสตร์ จำนวน ๓๙๖,๖๐๖.๓ ล้านบาท ๓. กลุ่ม Area (ภารกิจพื้นที่ ท้องถิ่น ภูมิภาค จังหวัด กลุ่มจังหวัด) รวมทั้งสิ้น ๒๘๓,๑๘๙.๘ ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ ๑๐.๔ ของวงเงินงบประมาณ จำแนกเป็นจังหวัดและกลุ่มจังหวัด จำนวน ๒๔,๖๒๙.๙ ล้านบาท และท้องถิ่น จำนวน ๒๕๘,๕๕๙.๙ ล้านบาท ๔. งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น หรืองบภัยพิบัติหรือเร่งด่วน รวมทั้งสิ้น ๑๐๔,๕๔๕.๕ ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ ๓.๘ ของวงเงินงบประมาณ ๕. รายจ่ายชดใช้เงินกู้และดอกเบี้ย และรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง รวมทั้งสิ้น ๒๑๔,๕๖๐.๔ ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ ๗.๙ ของวงเงินงบประมาณ จำแนกเป็นบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ จำนวน ๒๐๑,๐๒๔.๓ ล้านบาท และรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง จำนวน ๑๓,๕๓๖.๑ ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||
20918 | รายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ 1 ปีงบประมาณ 2559 | กค | 29/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ ๑ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ (ตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๕๘) โดยสินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง ๑๗ กลุ่ม ได้แก่ ผลไม้ น้ำหอมและเครื่องสำอาง นาฬิกาและอุปกรณ์ กระเป๋าหนังและเข็มขัดหนัง สูท เสื้อ กระโปรง กางเกง สำหรับบุรุษ สตรี เด็กชาย เด็กหญิง และเนคไท สุราต่างประเทศ รองเท้าหนังและรองเท้าผ้าใบ แว่นตา ปากกาและอุปกรณ์ ไวน์ เครื่องประดับที่ทำด้วยคริสตัล กล้องถ่ายรูปและอุปกรณ์ ผ้าทอทำด้วยขนสัตว์ ไฟแช็คและอุปกรณ์ ดอกไม้ และเครื่องแก้วชนิดใช้บนโต๊ะอาหารหรือใช้ตกแต่งภายในที่ทำด้วยคริสตัล มีมูลค่านำเข้า ๑,๐๔๒.๔๙ ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ ๒.๑๓ ของมูลค่านำเข้าร่วม เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ๙๒.๖๙ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ ๙.๗๖ โดยสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีมูลค่านำเข้าสูงสุด ๓ อันดับแรก ได้แก่ ผลไม้ น้ำหอมและเครื่องสำอาง นาฬิกาและอุปกรณ์ สำหรับสินค้าที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นสูงสุด ๕ กลุ่มสินค้า เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้แก่ ดอกไม้ เครื่องแก้วชนิดใช้บนโต๊ะอาหารหรือใช้ตกแต่งภายในที่ทำด้วยคริสตัล ผลไม้ นาฬิกาและอุปกรณ์ และแว่นตา ส่วนสินค้าที่มีการหดตัวสูงสุด คือ ไฟแช็คและอุปกรณ์
|
||||||||||||||||||||||||
20919 | รายงานการดำเนินการมาตรการต่อการนำเข้าสินค้าที่ไม่จำเป็น | พณ | 29/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานการดำเนินการมาตรการต่อการนำเข้าสินค้าที่ไม่จำเป็น โดยมีมาตรการต่าง ๆ ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ได้แก่ (๑) มาตรการด้านมาตรฐานสินค้า จำนวน ๒ มาตรการ (๒) มาตรการเข้มงวดการตรวจสอบสินค้าเข้า จำนวน ๖ มาตรการ (๓) มาตรการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาสินค้าภายในประเทศ จำนวน ๗ มาตรการ และ (๔) มาตรการสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทน และการใช้พลังงานอย่างประหยัด จำนวน ๒ มาตรการ ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้พิจารณามาตรการต่าง ๆ ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแล้ว เห็นว่ามาตรการดังกล่าวไม่ขัดต่อพันธกรณีและข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศที่จะก่อให้เกิดผลเสียต่อการค้าไทยในเวทีโลก ซึ่งมาตรการต่าง ๆ ส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นไปที่การกำหนดและรักษามาตรฐานสินค้าเป้าหมายที่นำเข้าและผลิตในประเทศให้มีความปลอดภัยแก่ผู้บริโภค จูงใจให้ประชาชนและผู้ประกอบการไทยใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศไทย ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการพัฒนาวิจัย (R&D) ในสินค้าต่าง ๆ และสร้างเสริมศักยภาพของผู้ผลิตไทย โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs เพื่อเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันของสินค้าไทยอย่างยั่งยืน
|
||||||||||||||||||||||||
20920 | รายงานผลการปรับปรุงงบลงทุนระหว่างปีของรัฐวิสาหกิจ ประจำปี 2559 ไตรมาส 1 (ตุลาคม - ธันวาคม 2558) | นร11 | 29/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการปรับปรุงงบลงทุนระหว่างปีของรัฐวิสาหกิจ ประจำปี ๒๕๕๙ ไตรมาส ๑ (ตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๕๘) ซึ่งได้มีการปรับกรอบการลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปี ๒๕๕๙ จากเดิม ๕๓๓,๑๖๗ ล้านบาท เป็น ๕๒๘,๗๙๑ ล้านบาท เป็นผลให้ ณ เดือนธันวาคม ๒๕๕๘ รัฐวิสาหกิจมีกรอบวงเงินเบิกจ่ายลงทุนประจำปี ๒๕๕๙ จำนวน ๕๒๘,๗๙๑ ล้านบาท และประมาณการเบิกจ่ายลงทุนในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๕๘ จำนวน ๑๗,๑๕๘ ล้านบาท สำหรับผลการเบิกจ่ายลงทุนประจำปี ๒๕๕๙ ไตรมาส ๑ (ตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๕๘) รัฐวิสาหกิจสามารถเบิกจ่ายลงทุนสะสมถึงเดือนธันวาคม ๒๕๕๘ ได้จำนวน ๑๕,๒๖๙ ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๘๙.๐ ของเป้าหมายไตรมาส ๑ (จำนวน ๑๗,๑๕๘ ล้านบาท) และทั้งปีคาดว่าจะเบิกจ่ายลงทุนได้ทั้งสิ้น ๕๒๔,๖๙๖ ล้านบาท หรือประมาณร้อยละ ๙๙.๒ ของเป้าหมายรวม โดยรัฐวิสาหกิจที่มีวงเงินลงทุนสูงและเบิกจ่ายลงทุนได้ล่าช้ากว่าแผนงานที่กำหนดไว้ เช่น การรถไฟแห่งประเทศไทย และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งล่าช้าต่อเนื่องมาจากปีงบประมาณ ๒๕๕๘ เนื่องจากมีการทบทวนการลงทุนโดยเฉพาะการลงทุนของโครงการขนาดใหญ่ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. ให้หน่วยงานที่กำกับดูแลรัฐวิสาหกิจเร่งรัดติดตามการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจในสังกัด หากโครงการใดพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่สามารถดำเนินการได้ ให้มีการทบทวนการลงทุนเพื่อปรับเปลี่ยนรายละเอียดโครงการและ/หรือนำงบลงทุนไปใช้ดำเนินการในโครงการสำคัญในลำดับถัดไป
|
.....