ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ |
---|---|---|---|
1 | การเข้าร่วมโครงการขจัดความหิวโหย (Zero Hunger Challenge: ZHC) ของประเทศไทย | กษ | 12/04/2559 |
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้ประเทศไทยเข้าร่วมโครงการขจัดความหิวโหย (Zero Hunger Challenge : ZHC) โดยร่วมมือกับองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization of the United Nations : FAO) อย่างใกล้ชิด โดยโครงการดังกล่าวประกอบด้วยเป้าหมาย ๕ ประการ ได้แก่ เป้าหมายที่ ๑ การเข้าถึงอาหารได้ร้อยละ ๑๐๐ ตลอดทั้งปี เป้าหมายที่ ๒ การหยุดภาวะแคระแกร็นในเด็กอายุต่ำกว่า ๒ ปี เป้าหมายที่ ๓ ระบบอาหารทั้งหมดมีความยั่งยืน เป้าหมายที่ ๔ ผลผลิตและรายได้ของเกษตรกรรายย่อยเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๐๐ และเป้าหมายที่ ๕ การลดจำนวนการสูญเสียอาหารให้เป็นศูนย์ ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการดำเนินงาน โดยให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุนเพื่อขจัดความหิวโหยและการขาดแคลนอาหารให้บรรลุเป้าหมายภายใน พ.ศ. ๒๕๖๘ ๑.๓ มอบหมายสำนักงบประมาณสนับสนุนการจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินการตามแผนงานให้บรรลุวัตถุประสงค์ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการพิจารณาแผนปฏิบัติการที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติของไทยเพื่อให้แผนปฏิบัติการสอดคล้องกับบริบทของไทยและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ การนำประเด็นภาวะโภชนาการล้นเกินหรือโรคอ้วนในเด็กเข้าเป็นประเด็นพิจารณาเสริม ในเป้าหมายที่ ๕ : การลดจำนวนการสูญเสียอาหารให้เป็นศูนย์ และในกรอบแนวทางการดำเนินงานในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกภายใต้เป้าหมายหลัก ในข้อที่ ๕ : การลดการสูญเสียและการทิ้งอาหารต้องให้เหลือศูนย์ การนำกรณีตัวอย่างแผนปฏิบัติการของประเทศอื่น ๆ ที่ได้เข้าร่วมโครงการความช่วยเหลือของ FAO มาประกอบการพิจารณาด้วย การจัดทำแผนปฏิบัติการในระดับประเทศ โดยประสานและบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนรับฟังความคิดเห็นให้รอบด้านและครบถ้วน ทั้งนี้ การเข้าร่วมโครงการฯ ดังกล่าว ยังมิได้มีการจัดทำความตกลงเป็นลายลักษณ์อักษร กรณีจึงไม่มีประเด็นที่ต้องพิจารณาเกี่ยวกับการเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๒๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ส่วนการพิจารณามอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องภายหลังจากการเข้าร่วมโครงการนั้นเป็นอำนาจของรัฐมนตรีที่จะพิจารณาได้ตามความเหมาะสม สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในการดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามโครงการฯ เห็นควรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ตลอดจนรายละเอียดค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการที่สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการในระดับประเทศ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
.....