ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1041 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 20801 - 20820 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
20801 | การขอความเห็นชอบในการปิดบัญชี "หัวใจไทย ส่งไปเนปาล" เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว ณ สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล | นร01 | 19/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ปิดบัญชี “หัวใจไทย ส่งไปเนปาล” ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาทำเนียบรัฐบาล เลขที่บัญชี ๐๖๗-๐-๑๐๓๓๐-๖ ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) เสนอ ๒. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีหารือร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงวัฒนธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับแนวทางในการส่งมอบเงินบริจาคในบัญชี “หัวใจไทย ส่งไปเนปาล” จำนวน ๒๓๒,๒๕๖,๖๐๐.๖๘ บาท พร้อมดอกเบี้ย ณ วันปิดบัญชี ให้กับสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาลเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาคต่อไป |
|||||||||||||||||||||
20802 | การดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ | กต | 19/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบรับรองการดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council : UNSC) ที่ ๒๒๗๐ (ค.ศ. ๒๐๑๖) เกี่ยวกับมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ มีสาระสำคัญประกอบด้วย การคว่ำบาตรทางอาวุธ การอายัดทรัพย์สินและห้ามเดินทาง การป้องกันเครือข่ายการแพร่ขยายอาวุธ การสกัดกั้นและการขนส่ง มาตรการรายสิ่งของ (โดยห้ามรัฐสมาชิกถ่ายโอนสิ่งของใด ๆ ที่สามารถนำมาใช้ได้ ๒ ทาง) มาตรการรายสาขา (โดยห้ามการส่งออกจากเกาหลีเหนือในส่วนของสินค้าประเภทแร่ธาตุบางชนิด) มาตรการทางการเงินและการธนาคาร สินค้าฟุ่มเฟือย (เพิ่มเติมรายการสินค้าฟุ่มเฟือยที่ห้ามถ่ายโอนไปยังเกาหลีเหนือ) และการดำเนินการตามมาตรการคว่ำบาตร ๒. มอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ธนาคารแห่งประเทศไทย การท่าเรือแห่งประเทศไทย บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) สมาคมธนาคารไทย และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยถือปฏิบัติและปรับปรุงฐานข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวให้เป็นไปตามรายชื่อล่าสุด พร้อมทั้งแจ้งการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้กระทรวงการต่างประเทศทราบเพื่อประโยชน์ในการรายงานต่อสหประชาชาติต่อไป นอกจากนี้ หากพบข้อขัดข้องหรืออุปสรรคในการปฏิบัติตามข้อมติดังกล่าว ให้แจ้งกระทรวงการต่างประเทศทราบด้วย |
|||||||||||||||||||||
20803 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (บริหารระดับสูง) (สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ) (นางสาวสุกัญญา ธีระกูรณ์เลิศ) | นร | 19/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวสุกัญญา ธีระกูรณ์เลิศ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการและมีคำสั่งให้รักษาราชการแทนในตำแหน่งดังกล่าว ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
20804 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 19/04/2559 | ||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๕๙ รับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับการสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบายที่จะใช้กลไกประชารัฐในการขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดินโดย ๑๒ คณะภาคธุรกิจ และให้ทุกส่วนราชการขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายต่าง ๆ โดยใช้กลไกประชารัฐในการขับเคลื่อนตามแนวทางที่นายกรัฐมนตรีเสนอ นั้น เพื่อเป็นการสนับสนุนการขับเคลื่อนการดำเนินงานของคณะภาคธุรกิจทั้ง ๑๒ คณะ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ๑.๑ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ร่วมกับทุกส่วนราชการรวบรวมกิจกรรมที่ต้องดำเนินการและพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของกิจกรรมดังกล่าวโดยจัดทำเป็นแผนการดำเนินการให้ชัดเจน ทั้งนี้ โครงการที่มีความสำคัญเร่งด่วนให้เริ่มดำเนินการภายในปี ๒๕๕๙-๒๕๖๐ ส่วนที่เหลือให้ส่งต่อให้สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องเชื่อมโยงในระยะยาวต่อไป ๑.๒ ให้กระทรวงมหาดไทยสร้างความเข้าใจกับภาคส่วนต่าง ๆ ในพื้นที่ เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัด กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก โดยเน้นหลักการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกันในภาคส่วนต่าง ๆ ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๒.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการดำเนินการตามแผนอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยให้วิเคราะห์สาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งแนวทางที่จะสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้อย่างยั่งยืนให้คณะรัฐมนตรีทราบภายหลังเทศกาลสงกรานต์ นั้น ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงคมนาคมและกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวของต่างประเทศเพื่อนำมาปรับใช้ในประเทศไทย รวมทั้งนำระบบเทคโนโลยีมาใช้ในการเก็บข้อมูลการก่ออุบัติเหตุของผู้ขับขี่เพื่อนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ เช่น การต่อใบอนุญาตขับขี่รถ ๒.๒ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง โดยให้เขียนข่าวประชาสัมพันธ์ (press release) เน้นประเด็นที่ประชาชนให้ความสนใจหรือประเด็นที่สื่อมวลชนนำเสนอข้อมูลไม่ถูกต้อง รวมถึงประโยชน์โดยตรงที่ประชาชนจะได้รับ โดยให้ส่งข่าวประชาสัมพันธ์ดังกล่าวให้สื่อมวลชนเผยแพร่เป็นประจำทุกวัน นั้น ให้ทุกหน่วยงานดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าวและสำเนาข่าวประชาสัมพันธ์ส่งให้กรมประชาสัมพันธ์เพื่อรวบรวมนำเสนอนายกรัฐมนตรีทราบทุกสัปดาห์ด้วย ๒.๓ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ในฐานะรองประธานกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ ๕ (ด้านความมั่นคง ลดความเหลื่อมล้ำ การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเรื่องที่เป็นวาระเร่งด่วนและการแก้ไขปัญหาการดำเนินการตามพันธกรณีระหว่างประเทศ) จัดทำคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพิ่มเติม ๓ คณะ เพื่อขับเคลื่อนภารกิจสำคัญ ๓ ประการ ได้แก่ ด้านการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์และแรงงานผิดกฎหมาย โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเป็นประธาน ด้านการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธาน และด้านการปรับปรุงมาตรฐานการบินพลเรือน โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นประธาน ทั้งนี้ ให้นำเสนอคำสั่งให้นายกรัฐมนตรีลงนามโดยด่วน ๒.๔ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาศึกษากำหนดแนวทางการใช้ประโยชน์พื้นที่ก่อสร้างโครงการออกแบบรวมก่อสร้างระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดสมุทรปราการ (คลองด่าน) นั้น ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ทั้งนี้ อาจพิจารณาปรับลดพื้นที่การดำเนินโครงการลงเพื่อใช้ในการบำบัดน้ำเสียเฉพาะในเขตพื้นที่ดังกล่าว และนำพื้นที่ส่วนที่เหลือไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น เช่น การจัดทำแหล่งท่องเที่ยว การจัดทำศูนย์เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ต่อไป ๒.๕ ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) ร่วมกับกระทรวงกลาโหมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการเพื่อรองรับเหตุอัคคีภัยในอาคารสูง เช่น การจัดให้มีลานจอดเฮลิคอปเตอร์บนอาคาร การเตรียมรถกระเช้าที่ใช้ในการดับเพลิงให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน และการให้มีช่องทางติดต่อสื่อสารเฉพาะระหว่างหน่วยงานที่รับผิดชอบการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
|
|||||||||||||||||||||
20805 | การเดินทางเยือนสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา | กก | 19/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้นำคณะนักลงทุนด้านธุรกิจโรงแรมและพลังงานของประเทศไทยไปหารือร่วมกับรัฐมนตรีโรงแรมและการท่องเที่ยว (นายอู เท อ่อง) และคณะนักธุรกิจจากสมาคมท่องเที่ยวของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เกี่ยวกับการส่งเสริมการลงทุนด้านการท่องเที่ยวของภาคเอกชนในกลุ่มประเทศ กัมพูชา-ลาว-เมียนมา-เวียดนาม-ไทย (CLMVT) ในระหว่างวันที่ ๒๕-๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ณ จังหวัดระนอง และเกาะสอง-เมืองมะริด-กรุงย่างกุ้ง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา สาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. แนวทางการพัฒนาร่วม ประกอบด้วย (๑) ด้านการตลาด เช่น การส่งเสริมเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านและการพัฒนาการท่องเที่ยวทางทะเล (๒) ด้านการบริหารบุคคล เช่น จัดการฝึกอบรมบุคลากรด้านการท่องเที่ยวในขณะปฏิบัติงาน (On-the-job Training : OJT) (๓) ด้านพัฒนาการท่องเที่ยว สนับสนุนให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) ศึกษาและจัดทำแผนแม่บทเพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยวหมู่เกาะมะริด (๔) ด้านการลงทุน สนับสนุนให้ฝ่ายไทยลงทุนในอุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการลงทุนและพัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยวทางทะเล และ (๕) ด้านการตรวจลงตราหนังสือเดินทางและจุดผ่านแดน โดยเมียนมาขอให้ไทยเร่งรัดการเปิดจุดผ่านแดนถาวรเพิ่มเติม ๒. การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์รายสาขา สนับสนุนการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพ (Medical and Wellness Tourism) เช่น การผลักดันโครงการจัดสร้างศูนย์ธาราบำบัดแบบครบวงจร ณ จังหวัดระนอง
|
|||||||||||||||||||||
20806 | ผลการบรรยายสรุปแก่นายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับความคืบหน้าการเตรียมความพร้อมประเทศไทยในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน | กต | 12/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการบรรยายสรุปแก่นายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับความคืบหน้าการเตรียมความพร้อมประเทศไทยในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ปัญหา-อุปสรรคของการดำเนินงานที่ผ่านมาของทั้งสามเสา (เสาการเมืองและความมั่นคง เสาเศรษฐกิจ และเสาสังคมและวัฒนธรรม) รวมทั้งด้านกฎหมายและการประชาสัมพันธ์ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำข้อคิดเห็นและข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีไปปฏิบัติและติดตามความคืบหน้าต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดทำแผนงานและกิจกรรม/โครงการที่จะดำเนินการในระยะ ๑-๓ เดือนข้างหน้าที่เป็นรูปธรรม เพื่อรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบอย่างสม่ำเสมอ โดยควรจัดลำดับความสำคัญและความเร่งด่วน ระบุกิจกรรมหลัก กิจกรรมรอง กิจกรรมเสริม แนวทางในการดำเนินการ (how to) หน่วยงานรับผิดชอบหลักและหน่วยงานสนับสนุน แหล่งงบประมาณ รวมทั้งมีการบูรณาการระหว่างหน่วยงานและการดำเนินการในกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศอื่น ๆ ด้วย ๑.๒ หน่วยงานควรมีการประเมินความพร้อม/ศักยภาพของไทยในประเด็นหรือสาขาที่มีความสำคัญ (priority areas) ของแต่ละเสา โดยเปรียบเทียบกับความพร้อม/ศักยภาพของประเทศสมาชิกอาเซียนอื่น ๆ ๑.๓ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาติดตามและเร่งรัดการออกและแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ๑.๔ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหารือเกี่ยวกับการทบทวนกลไกในการขับเคลื่อนการดำเนินงานในกรอบอาเซียน เพื่อให้สามารถประสานงานและบูรณาการได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งเสนอแนวทางที่ชัดเจนให้แก่นายกรัฐมนตรีทราบในโอกาสแรก ๑.๕ ประเทศไทยควรมี “บทบาทนำในเชิงพฤตินัย” โดยเป็นผู้คิดริเริ่ม/เป็นแบบอย่างที่ดี เพื่อให้ประเทศต่าง ๆ ให้ความร่วมมือกับประเทศไทย เช่น การส่งเสริมปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืน เป็นต้น และควรมีบทบาทเชิงรุกในการให้ความช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งควรส่งเสริมการลงทุนและการท่องเที่ยวในรูปแบบ ๑+๑ (ประเทศไทยและประเทศอาเซียนอีก ๑ ประเทศ) ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการมอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ จัดทำข้อมูลแจ้งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับแผนรองรับความตกลงและพันธกรณีที่จะมีขึ้น ระยะเวลาที่จะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามพันธกรณี และระยะเวลาที่กฎหมายรองรับพันธกรณีจะต้องมีผลใช้บังคับ การดำเนินนโยบายความสัมพันธ์และความร่วมมือกับต่างประเทศ การเตรียมความพร้อมประเทศไทยในด้านต่าง ๆ ภายหลังการเป็นประชาคมอาเซียนในปี ๒๕๕๘ การดำเนินมาตรการทางการค้าและการลงทุนที่เปิดกว้างและเป็นธรรม การเร่งพัฒนาความเชื่อมโยงการขนส่งและโลจิสติกส์ภายใต้ความร่วมมือในภูมิภาคอาเซียนและอนุภูมิภาค รวมทั้งการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศให้เป็นที่เชื่อมั่นของนานาชาติ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้ทุกกระทรวงจัดทำรายงานผลการดำเนินงานที่เป็นการขับเคลื่อนการเป็นประชาคมอาเซียน (ASEAN) ทั้ง ๓ เสาหลัก โดยเฉพาะกิจกรรมที่จะดำเนินการร่วมกันกับประเทศสมาชิกอาเซียน โดยให้จำแนกเป็น ๖ ด้าน ตามการบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อจัดส่งให้กระทรวงการต่างประเทศรวบรวมนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบโดยด่วนต่อไป |
|||||||||||||||||||||
20807 | มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 8 พ.ศ. 2558 | สลธ.คสช. | 12/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ ๘ พ.ศ. ๒๕๕๘ ใน ๕ เรื่อง ได้แก่ (๑) การสร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายองค์กรชาวนา (๒) การจัดการปัญหาหมอกควันที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ (๓) การพัฒนาระบบบริการสุขภาพอย่างมีส่วนร่วม (๔) การลดการบริโภคเกลือและโซเดียมเพื่อลดโรคไม่ติดต่อ (NCDs) และ (๕) วิกฤติการณ์เชื้อแบคทีเรียดื้อยาและการจัดการปัญหาแบบบูรณาการ ตามที่คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติเสนอ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสมตามอำนาจหน้าที่โดยให้อยู่ในกรอบของกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
20808 | ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | รง | 12/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ โดยเพิ่มอัตราโทษสำหรับความผิดที่กระทำต่อแรงงานเด็ก ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
20809 | ร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. .... | ยธ | 12/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการรวบรวมกฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมยาเสพติด การป้องกันและปราบปรามยาเสพติด การฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด และวิธีพิจารณาคดียาเสพติด รวมทั้งองค์กรที่เกี่ยวข้องซึ่งมีจำนวนหลายฉบับและกระจัดกระจายกันอยู่ มารวมไว้ในฉบับเดียวกัน พร้อมทั้งปรับปรุงบทบัญญัติในกฎหมายดังกล่าวให้เหมาะสมกับสภาพปัจจุบัน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และสำนักงานศาลยุติธรรมเกี่ยวกับผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติ ความเชื่อมโยงและความซ้ำซ้อน การกำหนดฐานความผิด บทนิยาม แนวนโยบายเกี่ยวกับยาเสพติด คณะกรรมการ ค่าตอบแทนพิเศษ การจัดตั้งแผนกคดียาเสพติดขึ้นในศาลอุทธรณ์ กระบวนการพิจารณา การควบคุมการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และกระบวนการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมเสนอเรื่องกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดต่อคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเพื่อพิจารณาเสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีตามนัยมาตรา ๑๔ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ แล้วแจ้งผลการพิจารณาเพื่อประกอบการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไป ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นเมื่อกฎหมายฉบับนี้มีผลใช้บังคับ เห็นควรเตรียมความพร้อมทั้งระดับนโยบายและระดับปฏิบัติการในการขับเคลื่อนนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด โดยจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณ รวมทั้งจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ให้ครอบคลุมครบถ้วนตามปฏิทินงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
20810 | ขอความเห็นชอบการยกเลิกโครงการเงินกู้เพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และระบบขนส่งทางถนนระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 | ทส | 12/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการยกเลิกโครงการเงินกู้เพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และระบบขนส่งทางถนนระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ ๒ รายการโครงการสำรวจเบื้องต้นเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับหมู่บ้านที่ไม่มีน้ำประปาใช้ วงเงิน ๓๕.๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับกรณีที่กรมทรัพยากรน้ำได้ขอยกเลิกโครงการเงินกู้ฯ ก่อนหน้านี้แล้ว ๒ รายการ ได้แก่ รายการอนุรักษ์ฟื้นฟูหนองปลิง บ้านหนองแหน หมู่ที่ ๑ ตำบลนครเดิฐ อำเภอศรีนคร จังหวัดสุโขทัย วงเงิน ๗.๕๐ ล้านบาท และรายการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำบ้านหัวควน ตำบลน้ำผุด อำเภอละงู จังหวัดสตูล วงเงิน ๙.๘๖ ล้านบาท เนื่องจากมีการดำเนินการซ้ำซ้อนระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาความซ้ำซ้อนในการดำเนินโครงการ จึงเห็นควรให้หน่วยงานเจ้าของโครงการพิจารณาความซ้ำซ้อนของหน่วยดำเนินการก่อนเสนอขออนุมัติโครงการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
20811 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้กากถั่วเหลืองเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... | พณ | 12/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้กากถั่วเหลืองเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้กากถั่วเหลืองที่เป็นผลพลอยได้จากเมล็ดถั่วเหลืองที่นำเข้ามาสกัดเป็นน้ำมันถั่วเหลืองเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่าปัจจุบันการควบคุมการส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งกากถั่วเหลืองเป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาควบคุมการส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง (ฉบับที่ ๓๒) พ.ศ. ๒๕๑๖ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง พุทธศักราช ๒๔๘๒ อันเป็นกฎหมายที่ถูกยกเลิกแล้ว แต่ยังมีผลใช้บังคับอยู่โดยบทเฉพาะกาลของพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. ๒๕๒๒ และโดยที่ร่างประกาศกระทรวงฉบับนี้มีเนื้อหาเป็นการควบคุมการส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งกากถั่วเหลืองที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติการส่งออกฯ ดังนั้น พระราชกฤษฎีกาควบคุมการส่งออกฯ จึงสิ้นผลการใช้บังคับโดยปริยายตามบทเฉพาะกาลดังกล่าวโดยไม่ต้องกำหนดเป็นบทยกเลิกในร่างประกาศกระทรวงนี้อีก ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์แนวทางการดำเนินการส่งออกกากถั่วเหลือง เห็นควรเปลี่ยนวิธีการจาก “กากถั่วเหลืองที่ผลิตจากเมล็ดถั่วเหลืองนำเข้าโดยใช้สถิติเฉลี่ย ๓ ปี ย้อนหลังเป็นฐาน (ข้อมูลตัวเลขการแปรสภาพเมล็ดถั่วเหลืองเป็นกากถั่วเหลือง ปี ๒๕๕๖-๒๕๕๘ ที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร)” เป็น “กากถั่วเหลืองที่ผลิตจากเมล็ดถั่วเหลืองนำเข้าโดยใช้สถิติเฉลี่ย ๓ ปี ย้อนหลังเป็นฐาน (ข้อมูลตัวเลขการแปรสภาพเมล็ดถั่วเหลืองเป็นกากถั่วเหลือง ปี ๒๕๕๖-๒๕๕๘ จากข้อมูลที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรรับแจ้งปริมาณเมล็ดถั่วเหลืองนำเข้าจากสมาคมผู้ผลิตน้ำมันถั่วเหลืองและรำข้าว) และแจ้งให้กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ซึ่งเป็นผู้จัดสรรปริมาณการส่งออกกากถั่วเหลือง" และควรมีการติดตามและประเมินผลสถานการณ์การผลิต การค้ากากถั่วเหลืองจากเมล็ดนำเข้าเป็นระยะ เพื่อให้สามารถปรับมาตรการและปริมาณส่งออกได้ทันสถานการณ์ ไปพิจารณาดำเนินการ รวมทั้งให้กำหนดมาตรการดูแลราคากากถั่วเหลืองภายในประเทศให้เหมาะสม โดยการส่งออกกากถั่วเหลืองดังกล่าวจะต้องไม่กระทบต่อราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ภายในประเทศ |
|||||||||||||||||||||
20812 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลเวียง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 12/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลเวียง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเป็นการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ในท้องที่ตำบลเวียง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินค่าทดแทน เข้าครอบครอง หรือใช้อสังหาริมทรัพย์ และส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างได้ทันตามกำหนดเวลา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
20813 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อนต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก | 12/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อนต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อนต้องเป็นไปตามมาตรฐาน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
20814 | รายงานผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาอย่างเป็นทางการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานตามคำเชิญของรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงไฟฟ้า สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา | พน | 12/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาอย่างเป็นทางการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ตามคำเชิญของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงไฟฟ้า สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ระหว่างวันที่ ๒-๔ มีนาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงไฟฟ้า สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ได้หารือทวิภาคีเกี่ยวกับรายละเอียดและแนวทางการดำเนินการผลักดันโครงการความร่วมมือด้านไฟฟ้าระหว่างไทย-เมียนมาให้เป็นรูปธรรม เพื่อนำไปสู่ความมั่นคงด้านพลังงานและประโยชน์ต่อประชาชนของทั้งสองประเทศ และได้หารือถึงความคืบหน้าของการดำเนินโครงการความร่วมมือด้านพลังงานไฟฟ้าระหว่างไทย-เมียนมา โดยมีประเด็นเกี่ยวกับโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำมายตง โครงการเพิ่มประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าเยาม่า รวมทั้งการซื้อ-ขายไฟฟ้าปริมาณ ๑๐๐ เมกะวัตต์ เพื่อใช้ในโครงการก่อสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงความเป็นไปได้ในการบริหารจัดการน้ำร่วมกันระหว่างสองประเทศ เพื่อให้เกิดการพัฒนาด้านไฟฟ้าควบคู่ไปกับการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและคณะได้เข้าเยี่ยมชมการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าเยาม่า ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้ากังหันก๊าซขนาด ๑๒๐x๒ เมกะวัตต์ ที่ช่วยเสริมกำลังการจ่ายกระแสไฟฟ้าในกรุงย่างกุ้ง รองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น และช่วยกระจายความเสี่ยงจากการผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานน้ำของกรุงย่างกุ้ง ๓. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและคณะได้เข้าเยี่ยมชมสำนักงานของ บริษัท ปตท.สผ. ซึ่งดำเนินงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และนับเป็นแหล่งการผลิตก๊าซธรรมชาติที่สำคัญเป็นอันดับต้น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแหล่งยาดานาและเยตากุนที่มีการนำก๊าซธรรมชาติกลับเข้ามาใช้ผลิตไฟฟ้าในประเทศไทยด้วย
|
|||||||||||||||||||||
20815 | รายงานการปฏิบัติตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เรื่อง การบริหารจัดการรวมสถานศึกษาอาชีวศึกษาภาครัฐและภาคเอกชน | ศธ | 12/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการรายงานการปฏิบัติตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เรื่อง การบริหารจัดการรวมสถานศึกษาอาชีวศึกษาภาครัฐและภาคเอกชน โดยได้จัดประชุมชี้แจงแนวทางปฏิบัติให้กับผู้เกี่ยวข้อง จำนวน ๑,๓๐๐ คน เพื่อให้การดำเนินงานบรรลุตามคำสั่งดังกล่าว สรุปได้ ดังนี้
๑. กำหนด Roadmap การดำเนินงาน โดยจำแนกออกเป็น ๔ ระยะ ๑.๑ ระยะที่ ๑ วันที่ ๑๓-๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ของการเปลี่ยนผ่าน ต้องมีการดำเนินการตามภารกิจต่อเนื่องปกติ ๑.๒ ระยะที่ ๒ เดือนมีนาคม-เมษายน ๒๕๕๙ รวมระบบสารสนเทศ เตรียมการจบการศึกษาของนักศึกษา วางแผนและรับนักศึกษาใหม่ เตรียมการวางแผนการจัดการเรียนการสอน การปฏิบัติงานและการเรียนการสอนร่วมกัน วางแผนพัฒนาครูและเสนอร่างแก้ไขกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องก่อนเปิดภาคเรียนที่ ๑/๒๕๕๙ ๑.๓ ระยะที่ ๓ เดือนพฤษภาคม-กันยายน ๒๕๕๙ เป็นช่วงเปิดภาคเรียนปีการศึกษาใหม่ โดยจะมีการดำเนินการอย่างสมบูรณ์แบบ ลงมือปฏิบัติงานร่วมกัน ทั้งด้านการบริหารจัดการการเรียน การสอน การปฏิบัติงานตามนโยบาย ตลอดจนการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ๑.๔ ระยะที่ ๔ เดือนตุลาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ดำเนินการตามงบประมาณใหม่ ปีงบประมาณ ๒๕๖๐ โดยสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาจัดตั้งงบประมาณให้สถานศึกษาอาชีวศึกษาทั้งภาครัฐและภาคเอกชนดำเนินการตามกฎหมายและถ่ายโอนภาระงานทุกอย่างอย่างครบถ้วน ๒. การปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ๒.๑ ดำเนินการโอนบรรดาอำนาจหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาภาคเอกชนในส่วนที่เกี่ยวกับการดำเนินงานโรงเรียนในระบบ ประเภทอาชีวศึกษา ตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน ไปเป็นอำนาจหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ๒.๒ ดำเนินการโอนกิจการ ทรัพย์สิน งบประมาณ สิทธิ หนี้ ภาระผูกพัน ข้าราชการ พนักงานราชการ ลูกจ้าง โดยแยกจัดทำเป็น ๕ บัญชี ตามบัญชีแนบท้ายประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การโอนกิจการ ทรัพย์สิน งบประมาณ สิทธิ หนี้ ภาระผูกพัน ข้าราชการ และอัตรากำลังของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนไปเป็นของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ลงวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ๒.๓ โอนอำนาจหน้าที่ของเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน และพนักงาน เจ้าหน้าที่ ในการอนุญาต การมอบหมาย หรือการปฏิบัติการอื่นตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชนในส่วนที่เกี่ยวกับการดำเนินงานโรงเรียนในระบบ ประเภทอาชีวศึกษา เป็นอำนาจหน้าที่ของเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ๒.๔ ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง หรือมติคณะรัฐมนตรีที่อ้างถึงสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ๒.๕ ใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนที่ผู้รับใบอนุญาตใช้อยู่เดิมให้มีผลต่อไป และจะดำเนินการออกให้ใหม่สำหรับสถานศึกษาที่มีใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนใบเดียว แต่จัดการศึกษาทั้งสามัญและอาชีวะ จำนวน ๓๔ สถานศึกษา ๒.๖ มีการส่งมอบงานจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ในส่วนของเอกสาร คำขออนุญาตที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานโรงเรียนในระบบ ประเภทอาชีวศึกษา ที่ได้ยื่นไว้ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชนก่อนวันที่คำสั่งนี้บังคับใช้ รวมทั้งให้มีการเชื่อมโยงข้อมูลด้านสารสนเทศ ด้านการบริหารจัดการคน นักเรียน ความร่วมมือ เข้าในระบบฐานข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา |
|||||||||||||||||||||
20816 | สรุปผลการประชุมระดับภูมิภาคอาเซียนด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ครั้งที่ 2 (2nd ASEAN Conference on Biodiversity) | ทส | 12/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานสรุปผลการประชุมระดับภูมิภาคอาเซียนด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ครั้งที่ ๒ (2nd ASEAN Conference on Biodiversity) ระหว่างวันที่ ๑๕-๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ณ กรุงเทพมหานคร โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นประธานเปิดการประชุมฯ โดยผลลัพธ์ที่สำคัญของการประชุมฯ มีดังนี้
๑. การดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ความหลากหลายทางชีวภาพ ค.ศ. ๒๐๑๑-๒๐๒๐ และเป้าหมายไอจิ (Strategic Plan for Biodiversity 2011-2020 and the Aichi Targets) ของอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ให้ประเทศสมาชิกอาเซียนเพิ่มความพยายามในการดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ฯ ให้บรรลุผลสำเร็จภายในปี ค.ศ. ๒๐๒๐ โดยเฉพาะการส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพให้เป็นกระแสสังคมในปัจจุบัน การเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายในการอนุรักษ์ชนิดพันธุ์พืชและสัตว์ โดยเฉพาะสัตว์ป่า และการสร้างความสมดุลระหว่างการผลิตอาหารให้เพียงพอกับความต้องการของประชากรที่เพิ่มขึ้น ๒. การดำเนินงานในระดับประเทศและระดับภูมิภาคเพื่อรักษาสมดุลของระบบนิเวศและอนุรักษ์ชนิดพันธุ์ ให้ดำเนินการเสริมสร้างความรู้และความตระหนักของสาธารณชนในเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพอย่างต่อเนื่อง การเชื่อมโยงงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้ากับนโยบายของประเทศให้มากขึ้น รวมทั้งการจัดการพื้นที่ที่มีความสำคัญทางระบบนิเวศและพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงร่วมกัน และบูรณาการโครงการริเริ่มด้านการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพทั้งในระดับชาติและระดับภูมิภาค ๓. การเข้าถึงและแบ่งปันผลประโยชน์ เนื่องจากกฎระเบียบและกลไกที่มีอยู่ยังไม่มีประสิทธิภาพ ให้ประเทศสมาชิกอาเซียนดำเนินการอย่างจริงจังในการเข้าถึงและการแบ่งปันผลประโยชน์ โดยรวบรวมและบันทึกความรู้ที่สืบทอดตามธรรมเนียมประเพณีที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน และผนวกข้อกำหนดด้านการเข้าถึงและแบ่งปันผลประโยชน์เข้าในกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ๔. ธุรกิจและความหลากหลายทางชีวภาพ ที่ประชุมเห็นชอบร่วมกันในการสนับสนุนให้ภาคธุรกิจส่งเสริมการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพซึ่งเป็น “ต้นทุนทางธรรมชาติ” (natural capital) โดยให้ภาคธุรกิจของอาเซียนดำเนินธุรกิจในทิศทางที่เน้นการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน รวมถึงการดำเนินธุรกิจที่แสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ๕. สุขภาพกับความหลากหลายทางชีวภาพ ให้ประเทศสมาชิกอาเซียนดำเนินการศึกษาวิจัย รวบรวมข้อมูลภูมิปัญญา ความรู้ที่สืบทอดตามธรรมเนียมประเพณีที่เกี่ยวกับสุขภาพและโภชนาการอาหารพื้นบ้าน วัฒนธรรมเกี่ยวกับอาหารพืชสมุนไพร ยาแผนโบราณ รวมถึงโรคที่ติดเชื้อจากสัตว์สู่คนและเชื้อดื้อยา จัดตั้งหน่วยงานเพื่อรวบรวมข้อมูลการแลกเปลี่ยนแบ่งปันข้อมูลข่าวสารระหว่างประเทศ และจัดทำกฎหมายหรือระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับประเด็นสุขภาพและความหลากหลายทางชีวภาพ
|
|||||||||||||||||||||
20817 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมบัลลาสต์สำหรับหลอดฟลูออเรสเซนซ์ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก | 12/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมบัลลาสต์สำหรับหลอดฟลูออเรสเซนซ์ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมบัลลาสต์สำหรับหลอดฟลูออเรสเซนซ์ : คุณลักษณะที่ต้องการด้านประสิทธิภาพพลังงานต้องเป็นไปตามมาตรฐาน เพื่อให้ทุกหน่วยงานใช้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
20818 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าคาร์บอนทรงแบนรีดเย็นเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีทางไฟฟ้า คุณภาพทางการค้า และคุณภาพสำหรับการขึ้นรูปต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก | 12/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าคาร์บอนทรงแบนรีดเย็นเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีทางไฟฟ้า คุณภาพทางการค้า และคุณภาพสำหรับการขึ้นรูปต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าคาร์บอนทรงแบนรีดเย็นเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีทางไฟฟ้า คุณภาพทางการค้าและคุณภาพสำหรับการขึ้นรูปต้องเป็นไปตามมาตรฐาน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้มีการเผยแพร่ข้อมูลและสร้างความเข้าใจให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับร่างพระราชกฤษฎีกาฯ ฉบับนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
20819 | รายงานความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ณ พื้นที่ราชพัสดุ ถนนทหาร (เกียกกาย) ถึงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2559 (ครั้งที่ 13) | มท | 12/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ณ พื้นที่ราชพัสดุ ถนนทหาร (เกียกกาย) ถึงวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ (ครั้งที่ ๑๓) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลงานสะสมที่ทำได้ คิดเป็นร้อยละ ๑๗.๓๐ ๒. การส่งมอบพื้นที่ก่อสร้าง ปัจจุบันยังไม่มีการส่งมอบพื้นที่เพิ่มเติม โดยส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างอาคารหลักทั้งหมดตั้งแต่วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗ เหลือพื้นที่ยังไม่ได้ส่งมอบ ๒๐-๐-๘๐ ไร่ ๓. การขนย้ายดินออกจากพื้นที่ก่อสร้าง ดำเนินการขุดและขนย้ายดินแล้วเสร็จ ตั้งแต่เดือนมกราคม ๒๕๕๙ ๔. ปัญหา/อุปสรรค ได้แก่ การส่งมอบพื้นที่ที่เหลือยังส่งมอบไม่ได้ตามสัญญาก่อสร้างกระทบกับแผนงานก่อสร้างตามที่ได้รับอนุมัติ และปัญหากรณีชาวบ้านปลูกบ้านรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่การก่อสร้างอาคารรัฐสภา บริเวณท่าเรือเกียกกาย จำนวน ๕ ครอบครัว ทำให้เป็นอุปสรรคต่องานก่อสร้างเขื่อนริมแม่น้ำ
|
|||||||||||||||||||||
20820 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน จำนวน 16 ฉบับ | กษ | 12/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน จำนวน ๑๖ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานเป็นทางน้ำที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานเพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ และทำให้เกิดประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย ๑๙ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำป่าสัก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหนองเหล่าหิน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๔. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยวังแดง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๕. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย ๑ ขวา ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ ๑ ขวา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๖. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำกุดตาเพชร เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๗. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำร่องน้ำซับ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๘. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวาของแม่น้ำน่าน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๙. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหนองกระทุ่ม เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๑๐. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยคะคาง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๑๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยค้อ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๑๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำท่าตะเภา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๑๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำแม่จอกหลวง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๑๔. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำแม่น้ำสันหนอง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๑๕. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยโป่งจ้อ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๑๖. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานสามชุก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... |
.....