ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 46 จากทั้งหมด 97 หน้า แสดงรายการที่ 901 - 920 จากข้อมูลทั้งหมด 1937 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 901 | แผนแม่บทโครงการขยายผลโครงการหลวงเพื่อแก้ปัญหาพื้นที่ปลูกฝิ่นอย่างยั่งยืน ระยะเวลา 4 ปี (พ.ศ. 2553 - 2556) | ยธ | 10/11/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแผนแม่บทโครงการขยายผลโครงการหลวงเพื่อแก้ปัญหาพื้นที่ปลูกฝิ่นอย่าง
ยั่งยืน ระยะเวลา 4 ปี (พ.ศ. 2553-2556) เพื่อให้เป็นกรอบปฏิบัติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยแผนแม่บท ฉบับนี้ มีเป้าหมายเพื่อให้ชุมชนที่มีปัญหาการปลูกฝิ่นซ้ำซากได้รับการพัฒนาโดยอาศัยฐานความรู้ที่เหมาะสม มี ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สามารถพึ่งพาตนเองได้ในระยะยาวโดยไม่ต้องอาศัยการปลูกฝิ่นและค้ายาเสพติด รวมทั้งมี กระบวนการชุมชนที่เข้มแข็งในการป้องกันการแพร่ระบาดของยาเสพติด ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับ การฟื้นฟูและบริหารจัดการโดยชุมชนมีส่วนร่วม โดยมีพื้นที่เป้าหมาย จำนวน 10 พื้นที่ใน 3 จังหวัด (จังหวัดเชียง ใหม่ แม่ฮ่องสอน และตาก) รวม 7 อำเภอ 15 ตำบล 115 หมู่บ้าน ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือก สุบรรณ) ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเสนอ ส่วนวงเงินเพื่อดำเนินการตามแผนแม่บท ฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553-2555 จำนวน 1,550,294,840 บาท ให้กระทรวงยุติธรรมประสานกับหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องจัดทำรายละเอียดเสนอโครงการและงบประมาณให้มีความชัดเจน แล้วเสนอต่อคณะกรรมการกลั่นกรอง และบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พิจารณาตามระเบียบและขั้นตอนต่อไป สำหรับค่า ใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 จำนวน 425,012,960 บาท ซึ่งจะต้องขอรับการสนับสนุนต่อเนื่องโดยใช้เงิน งบประมาณ นั้น ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประเมินผลการดำเนินงานและขอจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2556 ตามความจำเป็นต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||
| 902 | ความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับร่างกฎหมายว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย | ยธ | 03/11/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับ
ร่างกฎหมายว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย และส่งความเห็นและข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ฯ ให้ประธานรัฐ สภาในฐานะผู้รักษาการตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวใช้ประกอบการพิจารณาต่อไป ดังนี้ 1. ควรกำหนดหลักเกณฑ์การเข้าชื่อเสนอกฎหมาย และการเสนอญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญให้ชัด เจน โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2. การใช้เอกสารในการเข้าชื่อเสนอกฎหมายของภาคประชาชน ควรกระทำได้โดยง่าย สะดวก และ รวดเร็ว โดยกำหนดให้ใช้เลขประจำตัวประชาชนสิบสามหลัก และแบบฟอร์มลงลายมือชื่อเป็นหลัก โดยอาจแนบ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนประกอบด้วยก็ได้ 3. เห็นด้วยกับการตัดช่องทางการเข้าชื่อเสนอกฎหมายโดยการจัดการของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ออก และควรที่จะใช้ประโยชน์จากองค์กรที่มีอยู่ให้ได้ผลประโยชน์สูงสุด การเพิ่มช่องทางดังกล่าวจะเป็นการเพิ่ม ค่าใช้จ่ายแก่รัฐมากขึ้น 4. ควรกำหนดให้สำนักทะเบียนราษฎร์ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย มีหน้าที่ตรวจสอบเรื่อง การทะเบียนราษฎรและตรวจสอบคุณสมบัติว่าเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง มีหน้าที่ตรวจสอบสิทธิในการเลือกตั้งว่าไม่ตกเป็นผู้ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง รวมทั้งกำหนดระยะเวลาการตรวจ สอบไว้ในกฎหมายให้ชัดเจน 5. ควรกำหนดให้ประธานรัฐสภา จะต้องจัดส่งหนังสือยืนยันการเข้าชื่อเสนอกฎหมายไปยังประชาชน ที่มีรายชื่อเป็นผู้เข้าชื่อเสนอกฎหมายไปยังภูมิลำเนาหรือที่อยู่ปัจจุบันที่แจ้งไว้ในเอกสารแสดงความจำนงที่จะเข้า ชื่อเสนอกฎหมายในตอนต้นเพื่อให้ประชาชนสามารถที่จะคัดค้านการเข้าชื่อเสนอกฎหมายหากตนเองมิได้เป็นผู้ ร่วมในการเข้าชื่อเสนอกฎหมายได้ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด 6. รัฐควรสนับสนุนข้อมูลความรู้และงบประมาณในการจัดทำร่างกฎหมายของภาคประชาชนและสนับ สนุนการประชาสัมพันธ์หรือเผยแพร่ร่างกฎหมายของประชาชน 7. ไม่ควรกำหนดบทลงโทษเนื่องจากเรื่องการเข้าชื่อเสนอกฎหมายเป็นการส่งเสริมการมีส่วนร่วมทาง การเมืองของประชาชนโดยตรงเป็นการใช้สิทธิของประชาชนซึ่งต้องมีการแสดงเอกสารหลักฐาน |
||||||||||||||||||||||||
| 903 | ร่างแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 2 ด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน | ยธ | 20/10/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบและประกาศใช้แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2552-2556) โดยเป็นแผนระดับ ชาติ ซึ่งจะเป็นเครื่องมือให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้ในการส่งเสริม และคุ้มครองสิทธิเสรีภาพให้แก่ประชาชน พร้อมทั้งยังเป็นการสร้างหลักประกันสิทธิเสรีภาพให้แก่ประชาชน และพัฒนาระบบงานด้านสิทธิมนุษยชนในภาพ รวมอย่างมีเอกภาพของประเทศไทยให้ทัดเทียมกับหลักสิทธิมนุษยชนสากล โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแผนดัง กล่าวไปสู่การปฏิบัติด้วยการแปลงแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติไปสู่แผนบริหารราชการแผ่นดิน แผนปฏิบัติราชการ กระทรวง กรม แผนพัฒนาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แผนพัฒนาองค์กรชุมชน แผนพัฒนาขององค์กรในระดับ ภูมิภาค แผนพัฒนาองค์กรสาธารณะ ตลอดจนแผนอื่นที่เกี่ยวข้อง แล้วจัดทำเป็นโครงการ/กิจกรรมเพื่อรองรับการ ดำเนินภารกิจแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ 2. ให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาสนับสนุนอัตรากำลังข้าราชการ จำนวน 20 คน เพื่อดำเนินการ ภารกิจแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ในการจัดทำและพัฒนาแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ การส่งเสริมให้มีการปฏิบัติ ตามแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ การสร้างกลไก มาตรการ กฎหมาย หรือเครื่องมือเพื่อรองรับการดำเนินงานและ การติดตามประเมินผลแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ให้แก่กระทรวงยุติธรรม โดยให้ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป 3. ให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวง เกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงแรงงาน กระทรวง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนัก งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงาน ป.ป.ช. ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการจัดสภาพแวด ล้อมทางกายภาพระบบขนส่งสาธารณะ และการจัดสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ที่ตอบสนองต่อการให้บริการแก่ผู้ สูงอายุ และคนพิการในด้านต่าง ๆ รวมทั้งควรมีการสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังการละเมิดสิทธิมนุษยชนในทุกจังหวัด และใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นเครื่องมือ เพื่อให้เกิดการประสานงานและการใช้ประโยชน์จากฐาน ข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องการป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชน ส่วนการนำแผนไปสู่การปฏิบัติโดยเฉพาะในพื้นที่ พิเศษ ซึ่งเป็นพื้นที่อ่อนไหวและมีปัญหากระทบต่อความมั่นคง ควรมีการกำกับดูแลให้มีการดำเนินการอย่างเหมาะ สม และเป็นไปอย่างระมัดระวัง เพื่อมิให้เกิดข้อจำกัดต่อการปฏิบัติของภาครัฐในการแก้ปัญหาภายใต้กรอบของกฎ หมาย และให้ความสำคัญกับการสร้างความตระหนักเรื่องสิทธิมนุษยชนต่อภาคประชาชนโดยตรงควบคู่ไปกับการ ดำเนินการต่อองค์กรเครือข่ายสิทธิมนุษยชนอย่างเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 904 | แนวทางการเสริมสร้างความยุติธรรมและความสมานฉันท์ภายใต้โครงการเยาวชนพลยุติธรรม | ยธ | 13/10/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติแนวทางการเสริมสร้างความยุติธรรมและความสมานฉันท์ภายใต้โครงการเยาวชนพลยุติธรรม ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดย 1.1 ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการพัฒนาและเสริมสร้างจิตสำนึกรักความยุติธรรม ความสมาน ฉันท์และความปลอดภัย ปลูกฝังเด็กและเยาวชนให้รับรู้ในเรื่องหน้าที่พลเมืองที่ดี สิทธิของบุคคล และไม่ละเมิดสิทธิ ของคนอื่น และเสริมสร้างจิตสำนึกคุณธรรมในด้านต่าง ๆ โดยจัดทำเนื้อหาหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติ ธรรมเข้าไปในกิจกรรมการเรียนการสอนของเด็กและเยาวชนในหมวดสังคมศึกษา ทั้งในระดับประถมศึกษา มัธยม ศึกษา และอุดมศึกษา 1.2 ให้นำกรอบแนวคิด วัตถุประสงค์ เป้าหมาย รูปแบบและขั้นตอนการดำเนินงาน ตลอดจนผล การดำเนินงานและประสบการณ์เรียนรู้ที่ได้รับจากโครงการเยาวชนพลยุติธรรมของกระทรวงยุติธรรมมาพิจารณา ประกอบ เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินงานตามความเหมาะสม 2. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะ กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรผลักดันโรงเรียนต้นแบบให้มีการขยายผลการดำเนินกิจ กรรมไปสู่โรงเรียนและชุมชนให้กว้างขวางขึ้น กับให้กระทรวงยุติธรรมเป็นเจ้าภาพประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดรูปแบบและจัดทำกิจกรรมที่เหมาะสมให้ครอบคลุมการส่งเสริมบทบาทของสถาบันครอบครัวและชุมชน นอกจากนี้ ให้กระทรวงยุติธรรมร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการจัดทำแนวทางปฏิบัติในการดำเนินงาน โดยกระทรวง ยุติธรรมสนับสนุนทางวิชาการ วิทยากรด้านกระบวนการยุติธรรมและกฎหมาย และการอบรมครูให้มีความรู้ที่จะ สอนเด็กเรื่องกระบวนการยุติธรรม รวมทั้งกำหนดมาตรฐานในการติดตามประเมินผลร่วมกัน ไปพิจารณาดำเนิน การต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 905 | สรุปรายงานการประชุมระดับรัฐมนตรีและระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจ 7 ฝ่ายว่าด้วยการควบคุมยาเสพติดในอนุภูมิภาค (ระหว่างวันที่ 14 - 17 กรกฎาคม 2552) | ยธ | 13/10/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอสรุปรายงานการประชุมระดับรัฐมนตรีและระดับเจ้า
หน้าที่อาวุโสภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจ 7 ฝ่ายว่าด้วยการควบคุมยาเสพติดในอนุภูมิภาค ซึ่งจัดการประชุมขึ้น ระหว่างวันที่ 14-17 กรกฎาคม 2552 ณ โรงแรมดุสิตธานี อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี สรุปผลการประชุมได้ดังนี้ 1. ผลการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส ฯ ได้มีการติดตามผลการดำเนินงานของโครงการหรือกิจกรรม ต่าง ฯ ตามแผนปฏิบัติการเพื่อการควบคุมยาเสพติดในอนุภูมิภาคใน 5 ด้าน ได้แก่ การลดอุปสงค์ยาเสพติด ยา เสพติดและเอชไอวี/เอดส์ การพัฒนาทางเลือกที่ยั่งยืน การปราบปรามยาเสพติด และความร่วมมือระหว่างประเทศ ด้านกฎหมาย รวมทั้งพิจารณาทบทวนร่างแผนปฏิบัติการเพื่อการควบคุมยาเสพติดในอนุภูมิภาค (ฉบับที่ 7) เพื่อ ให้มีความเหมาะสมต่อสถานการณ์และหลักปฏิบัติของแต่ละประเทศ และสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประเทศภาคี ในด้านต่าง ๆ นอกจากนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาร่างเอกสารแก้ไขเอกสารเพิ่มเติมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนของบันทึก ความเข้าใจ 7 ฝ่าย ฯ และร่างปฏิญญาชะอำเพื่อเสนอต่อที่ประชุมระดับรัฐมนตรี 2. ผลการประชุมระดับรัฐมนตรี ฯ ได้มีการพิจารณาและรับรองร่างแผนปฏิบัติการเพื่อควบคุมยาเสพ ติดในอนุภูมิภาค (ฉบับที่ 7) ร่างเอกสารแก้ไขเอกสารเพิ่มเติมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนของบันทึกความเข้าใจ 7 ฝ่าย ฯ และเห็นชอบรายงานการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส ฯ รวมทั้งได้รับรอง "ปฏิญญาชะอำ" (2009 MOU Cha-am Declaration) ที่มุ่งเน้นในเรื่องการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการ ฯ ในเชิงคุณภาพ นอกจากนี้ รัฐมนตรี ประเทศภาคีสมาชิก ฯ ได้ร่วมลงนามในเอกสารแก้ไขเอกสารเพิ่มเติมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนของบันทึกความเข้า ใจ 7 ฝ่าย ฯ |
||||||||||||||||||||||||
| 906 | รายงานการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีและขอให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบการขอยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีและระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 | ยธ | 13/10/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
1. รับทราบผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่องการจัดซื้ออาหารเพื่อประกอบเลี้ยงนักโทษ ผู้ต้องขังเด็ก และเยาวชนในเรือนจำ ทัณฑสถาน สถานกักขังและสถานพินิจต่าง ๆ เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2552 และการขอยกเว้นการดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่ม เติมข้อ 22 วรรคสอง ที่กำหนดห้ามการแบ่งซื้อแบ่งจ้างโดยลดวงเงินที่จะซื้อหรือจ้างในคราวเดียวกันเพื่อให้วง เงินต่ำกว่าที่กำหนด โดยวิธีหนึ่งวิธีใด หรือเพื่อให้อำนาจสั่งจ้างเปลี่ยนไปเป็นการชั่วคราวในระหว่างการทดลอง ดำเนินการเป็นเวลาสามเดือน นับแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2552 2. อนุมัติให้กระทรวงยุติธรรมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2552 (เรื่อง ขอให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบการจัดระบบการจัดซื้ออาหาร เครื่องบริโภค และวัสดุเพื่อการหุงหาอาหาร)
|
||||||||||||||||||||||||
| 907 | ความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับร่างกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจค้าปลีกหรือค้าส่ง | ยธ | 06/10/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับร่างกฎหมาย ว่าด้วยการประกอบธุรกิจค้าปลีกหรือค้าส่ง โดยสรุปดังนี้ 1.1 ควบุคมการขยายสาขาของห้างค้าปลีกสมัยใหม่ให้หยุดหรือชะลอการขยายสาขา โดยพิจารณา เรื่องท้องที่ จำนวน และเวลาเปิด/ปิดห้างค้าปลีกสมัยใหม่ 1.2 ควรมีกฎหมายควบคุมการขายสินค้าราคาต่ำกว่าทุนและบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่และกฎหมาย อื่นที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ 1.3 การใช้มาตรการทางภาษีโดยให้ห้างค้าปลีกสมัยใหม่แต่ละสาขายื่นชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในท้องถิ่นที่สาขาของห้างค้าปลีกสมัยใหม่นั้นตั้งอยู่โดยไม่ให้ยื่นชำระภาษีรวมกันที่สำนักงานใหญ่ 1.4 ควรให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง ทั้งผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่งแบบดั้งเดิม ผู้ ประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ ผู้ผลิตเข้ามามีส่วนร่วมในการยกร่างกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจค้า ปลีกหรือค้าส่ง รวมทั้งให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องเข้ามามีบทบาทเพื่อการประสานงานอย่างบูรณาการ 1.5 ให้ท้องถิ่นมีอำนาจในการตัดสินใจ หรือพิจารณาอนุญาตให้ประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่งสมัย ใหม่ในท้องถิ่นของตนเอง 1.6 ให้รัฐเข้ามามีบทบาทกำกับดูแลการค้าให้เสรีและเป็นธรรมอย่างแท้จริง 1.7 พิจารณาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สังคม วัฒนธรรม พฤติกรรมผู้บริโภค ธรรมาภิบาลและ ความรับผิดชอบต่อสังคมของผู้ประกอบธุรกิจ (Corporate Social Responsibility : CSR) ประกอบการอนุญาต ให้ประกอบธุรกิจค้าปลีกหรือค้าส่งสมัยใหม่ 1.8 ให้รัฐให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนการประกอบธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิม โดยให้ความช่วย เหลือสนับสนุนด้านเงินทุน ความรู้และเทคโนโลยี 2. ให้ส่งความเห็นและข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ฯ พร้อมทั้งความเห็นของสำนักงานคณะกรรม การคุ้มครองผู้บริโภค กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาด ไทย และกระทรวงวัฒนธรรม ให้กระทรวงพาณิชย์รับไปประกอบในการพิจารณาปรับปรุงแก้ไขร่างพระราชการ บัญญัติประกอบธุรกิจค้าปลีกหรือค้าส่ง พ.ศ. .... ให้แล้วเสร็จภายใน 45 วัน แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อ ไป |
||||||||||||||||||||||||
| 908 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (จำนวน 8 ราย 1. นางชูจิรา กองแก้วฯ) | ยธ | 29/09/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงยุติธรรม ให้ดำรงตำแหน่ง
ประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 8 ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวง ยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 909 | ขอให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบการขอยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี | ยธ | 29/09/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
1. ยกเว้นให้สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จำนวน 46 แห่ง ดำเนินการจัดหาอาหารให้แก่เด็ก และเยาวชนในความรับผิดชอบตามวิธีการเดิมที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงจำนวนเด็กและเยาวชน ในความรับผิดชอบที่สมควรจะดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2552 เรื่อง การจัดซื้อและการ ชำระราคาค่าอาหาร เครื่องบริโภค และวัสดุเพื่อการหุงหาอาหารให้แก่นักโทษ ผู้ต้องขัง รวมทั้งเด็กและเยาวชนที่ อยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ และกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน โดยให้สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม ติดตามประเมินผลและกำหนดการดำเนินการและการจัดการเรื่องการจัดหานมสดจากองค์การส่งเสริมกิจการโคนม แห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ให้แก่เด็กและเยาวชนในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ทั้ง 46 แห่ง และสถาน พินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนแห่งอื่นตามเหตุผลและความจำเป็นตามสภาพปัญหาในพื้นที่ของสถานพินิจและคุ้ม ครองเด็กและเยาวชนแต่ละแห่ง 2. ยกเว้นให้กรมราชทัณฑ์ดำเนินการจัดหาอาหาร เครื่องบริโภค และวัสดุเพื่อการหุงหาอาหารให้แก่นัก โทษและผู้ต้องขังในเรือนจำ ทัณฑสถาน และสถานกักขังต่าง ๆ (ยกเว้นข้าวสาร 5% และข้าวสารเหนียว) ตามวิธี การเดิมที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเป็นเวลา 3 เดือน นับแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2552 ถึง 31 ธันวาคม 2552 และในระหว่างระยะ เวลาดังกล่าว ให้สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ และกรมส่งเสริมการเกษตรร่วมกันทดลองดำเนิน การให้เรือนจำ ทัณฑสถาน และสถานกักขังต่าง ๆ จัดซื้อผลไม้จากเกษตรกรในพื้นที่ของแต่ละแห่ง โดยตรงเป็นโครง การนำร่องใน 4 ภาค ๆ ละ 2 จังหวัด และจังหวัดในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้อีก 1 จังหวัด โดยให้สำนักงานปลัด กระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ และกรมส่งเสริมการเกษตรร่วมกันพิจารณากำหนดจังหวัดในโครงการนำร่องของ ภาคต่าง ๆ และของจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งกำหนดรูปแบบและวิธีดำเนินการให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว |
||||||||||||||||||||||||
| 910 | ความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการกำหนดขั้นตอนและวิธีการจัดทำหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ ตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 | ยธ | 29/09/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยว
กับกฎหมายว่าด้วยการกำหนดขั้นตอนและวิธีการจัดทำหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ ตามมาตรา 190 ของรัฐ ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 สรุปได้ดังนี้ 1. ควรมีการกำหนดคำนิยามความหมายของ "หนังสือสัญญา" เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่า กรณีใดจัด เป็นหนังสือสัญญาระหว่างประเทศตามมาตรา 190 และควรนิยามความหมายของ "หนังสือสัญญาที่มีผลกระทบ ต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจหรือสังคมของประเทศอย่างกว้างขวาง หรือมีผลผูกพันด้านการค้า การลงทุน หรือ งบประมาณของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ" ไว้ให้ชัดเจน เพื่อลดปัญหาการตีความมาตรา 190 วรรคสอง 2. การจัดทำกรอบการเจรจาเพื่อทำหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ ควรมาจากผลการศึกษาวิจัยผล กระทบจากการทำหนังสือสัญญา และการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนผู้มีส่วนได้เสีย และให้รัฐสภาสามารถ ทราบถึงวัตถุประสงค์และผลที่คาดว่าจะได้รับจากการทำหนังสือสัญญา โดยกรอบการเจรจาควรประกอบไปด้วย เนื้อหาส่วนที่ว่าด้วยวัตถุประสงค์ของการทำหนังสือสัญญา และระบุสาระสำคัญของหนังสือสัญญาว่าจะเจรจาใน เรื่องใด ประเด็นใด ภายในกรอบระยะเวลาใด 3. ในกรณีที่เนื้อหาหนังสือสัญญาไม่มีความซับซ้อนละเอียดอ่อนมาก หน่วยงานผู้รับผิดชอบสามารถ ทราบถึงผลกระทบของการทำหนังสือสัญญาได้ในการศึกษาวิจัยเพียง 1-2 ครั้ง แต่หากเป็นกรณีที่เนื้อหาของ หน้งสือสัญญามีความซับซ้อนมาก ครอบคลุมภาคเศรษฐกิจจำนวนมาก หน่วยงานผู้รับผิดชอบจำเป็นต้องทำการ ศึกษาวิจัยอย่างน้อยใน 3 ช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ได้แก่ การศึกษาวิจัยในขั้นตอนก่อนการเสนอขอความเห็นชอบ กรอบการเจรจาจากรัฐสภา ขั้นตอนการศึกษาวิจัยภายหลังเมื่อการเจรจาสิ้นสุดลง และได้ร่างหนังสือสัญญาที่มี ความถูกต้องแท้จริงแล้ว ก่อนการให้สัตยาบันเพื่อให้มีความผูกพันตามหนังสือสัญญานั้น และขั้นตอนการศึกษา วิจัยภายหลังจากหนังสือสัญญามีผลบังคับใช้แล้วระยะหนึ่ง เพื่อประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้น 4. จัดให้มี "หน่วยงานกลาง" ทำหน้าที่บริหารจัดการการศึกษาวิจัยขึ้นโดยเฉพาะ เพื่อคัดเลือกผู้ที่มี ความเหมาะสมทำการศึกษาวิจัยในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ควบคุมดูแลผู้ศึกษาวิจัยให้เป็นไปตามบทบัญญัติดังกล่าว 5. ในการศึกษาวิจัยเพื่อประกอบการจัดทำหนังสือสัญญาควรมีการศึกษาวิจัยถึงวัตถุประสงค์ของการ ทำหนังสือสัญญา ผลกระทบด้านดีและด้านเสีย ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และผลกระทบต่อกฎหมายภายใน รวมทั้งแนวทางป้องกัน แก้ไข หรือเยียวยาผลกระทบ 6. ให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องทำหน้าที่เผยแพร่ข้อมูลและจัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ตลอดจน สังเคราะห์ความเห็นของประชาชนมาจัดทำเป็นเอกสารรายงานเสนอต่อฝ่ายบริหารหรือฝ่ายนิติบัญญัติ และควร มีการจัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนใน 2 ช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ได้แก่ ในขั้นตอนก่อนการเสนอกรอบการ เจรจาและระหว่างการเจรจาทำหนังสือสัญญา และในขั้นตอนเมื่อการเจรจาสิ้นสุดลง และได้มีการลงนามรับรอง ความถูกต้องในร่างหนังสือสัญญาแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||
| 911 | การเสนอรายชื่อผู้สมควรแต่งตั้งให้เป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ | ยธ | 29/09/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอมติที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ครั้งที่ 5 (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันพุธที่ 26 สิงหาคม 2552 ที่เห็นชอบให้ถอนเรื่อง การเสนอรายชื่อผู้สมควร แต่งตั้งให้เป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ได้ตามที่คณะรัฐมนตรีร้องขอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 912 | ขอให้คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐชุดใหม่ | ยธ | 29/09/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการ ทุจริตภาครัฐ เพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลให้องค์กรในภาครัฐจัดทำแผนยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการให้สอดรับกับ ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ รวมทั้งดำเนินการจัดสรรทรัพยากรสนับสนุน การปฏิบัติงานตามแผนงาน โครงการตามแผนยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการที่สอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติ ฯ โดย มีนายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมาย เป็นประธานกรรมการ และเลขาธิการคณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เป็นกรรมการและเลขานุการ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ 2. ให้ส่วนราชการและหน่วยงานภาครัฐพิจารณาปรับแผนการใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2553 ของหน่วยงานมาดำเนินการในโครงการ/กิจกรรม ตามแผนมาตรการป้องกันและปราบ ปรามการทุจริตของส่วนราชการและหน่วยงานภาครัฐ โดยให้ถือปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และรายงานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ ฯ ทราบด้วย ตามความเห็น ของสำนักงบประมาณ 3. มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเร่งรัดดำเนินการ กำหนดระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำแผน แนวทางการดำเนินงาน และการรายงานผลการดำเนินงานด้านการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตเพื่อให้หน่วยงานภาครัฐใช้เป็นกรอบและทิศทางการดำเนินงานต่อไป ตามความ เห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||
| 913 | ร่างพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 22/09/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มี
สาระสำคัญคือ กำหนดให้คณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดมีอำนาจพิจารณาจัดทำและปรับแผน การฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมให้การพิจารณาปล่อยชั่วคราวผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์มี ความรวดเร็วยิ่งขึ้น ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ ส่งสำนักงานคณะกรรมการประสานงานด้านนิติบัญญัติพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 914 | การขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นของกรมราชทัณฑ์ | ยธ | 15/09/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 งบกลาง รายการเงิน
สำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นของกรมราชทัณฑ์ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายค่าอาหารผู้ต้องขัง จำนวน 316,742,000 บาท ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้กรมราชทัณฑ์เบิกจ่ายในงบดำเนินงาน ลักษณะค่าตอบแทน ใช้สอยและ วัสดุ ซึ่งสำนักงบประมาณได้ขยายการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 งบกลาง ราย การเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นกับกรมบัญชีกลางแล้ว โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาของกรมบัญชีกลาง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||
| 915 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดสถานที่อื่นที่ใช้ในการขัง จำคุก หรือควบคุมผู้ต้องหา จำเลย หรือผู้ซึ่งต้องจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุด พ.ศ. .... | ยธ | 08/09/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดสถานที่อื่นที่ใช้ในการขัง จำคุก หรือควบคุมผู้ต้องหา
จำเลย หรือผู้ซึ่งต้องจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุด พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ มีสาระสำคัญคือ กำหนดลักษณะของสถานที่อื่นนอกจากสถานีตำรวจหรือสถานที่ ควบคุมผู้ต้องหาของพนักงานสอบสวน เรือนจำ หรือสถานที่ที่กำหนดไว้ในหมายจำคุก เพื่อใช้ขังผู้ต้องหารือจำเลย จำคุกผู้ซึ่งต้องจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุด หรือควบคุมจำเลยที่ได้รับทุเลาการบังคับให้จำคุก และกำหนดวิธีการ ควบคุม มาตรการป้องกันการหลบหนีหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น และการบำบัดรักษา และให้ดำเนินการต่อ ไปได้ |
||||||||||||||||||||||||
| 916 | ขอถอนร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรม และอายุความการฟ้องคดีบางประเภท) | ยธ | 08/09/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..)
พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรม และอายุความการฟ้องคดีบางประเภท) ซึ่งบรรจุอยู่ในระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่เสนอโดย คณะรัฐมนตรีชุดที่แล้ว เพื่อนำกลับมาพิจารณาปรับปรุงให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ตามที่กระทรวง ยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 917 | รายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย | ยธ | 01/09/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายรายงานผลการปฏิบัติงานตั้งแต่คณะรัฐ
มนตรีเมื่อครั้งพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้มีมติแต่งตั้งจนถึงปัจจุบัน สรุปได้ดังนี้ 1. จัดทำกฎหมายเพื่อจัดตั้งองค์การเพื่อการปฏิรูปกฎหมายตามมาตรา 81 (3) ประกอบมาตรา 308 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย พ.ศ. .... ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร 2. ศึกษาและเสนอแนะการจัดทำร่างกฎหมายที่จำเป็นต้องตราขึ้นเพื่ออนุวัติการตามบทบัญญัติแห่งรัฐ ธรรมนูญ โดยแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ จำนวน 5 คณะ เพื่อดำเนินการตามที่คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายมอบ หมาย 3. การจ้างที่ปรึกษาดำเนินโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการเวทีความคิดเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติ ธรรม (Criminal Justiec Reform Forum) และโครงการเวทีความคิดเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมไทย (Thai Criminal Justice Reform Forum) เป็นต้น 4. การดำเนินกิจกรรมทางวิชาการ เช่น ประชุมติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำกฎหมายที่จำเป็นต้องตราขี้นเพื่ออนุวัติการให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ และ การสัมมนาเรื่อง "ทิศทางองค์กรปฏิรูปกฎหมายตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย" เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||
| 918 | ขอให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบการจัดระบบการจัดซื้ออาหาร เครื่องบริโภค และวัสดุเพื่อการหุงหาอาหาร | ยธ | 01/09/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการและ
การจัดวางระบบ การจัดซื้อและการชำระราคาค่าอาหาร เครื่องบริโภค และวัสดุเพื่อการหุงหาอาหารให้แก่นัก โทษผู้ต้องขัง รวมทั้งเด็กและเยาวชนที่อยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์และกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน แล้วจัดส่งหรือส่งมอบให้ทั้งสองกรมต่อไป โดยดำเนินการร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สหกรณ์โคนม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้กระทรวงยุติ ธรรมดำเนินการในรูปแบบดังกล่าวตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 919 | ร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 18/08/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งกระทำการทุจริตใน ภาครัฐให้สามารถกล่าวหาได้แม้ผู้ถูกกล่าวหาจะพ้นจากตำแหน่งหรือพ้นจากการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐไปแล้วไม่ว่า โดยเหตุใดโดยไม่จำกัดระยะเวลา รวมทั้งยกเลิกหลักเกณฑ์การห้ามมิให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการ ทุจริตในภาครัฐ (คณะกรรมการ ป.ป.ท.) รับหรือพิจารณาเรื่องที่ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ก่อนถูกกล่าวหาเกินกว่าห้าปี ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และส่งให้คณะกรรมการประสานงานด้านนิติบัญญัติ พิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีขอความเห็นจากคณะ กรรมการ ป.ป.ท. ไปเพื่อประกอบการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาด้วย 2. ให้กระทรวงยุติธรรมรับข้อสังเกตของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ เห็นว่าการดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำทุจริตในภาครัฐของเจ้าหน้าที่ของรัฐ หากกำหนดระยะ เวลาการดำเนินการไว้ จะทำให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการมิให้เกิดความล่าช้า ซึ่งอาจทำให้พยานหลัก ฐานที่มีอยู่สูญหาย หรือยากแก่การดำเนินคดี และควรวางระเบียบวิธีการพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ชัดเจนและมี ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
| 920 | ร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องแบบข้าราชการฝ่ายพลเรือน พุทธศักราช 2478 | ยธ | 11/08/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่อง แบบข้าราชการฝ่ายพลเรือน พุทธศักราช 2478 ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ มีสาระสำคัญคือ ปรับเปลี่ยนประเภท ข้าราชการกรมราชทัณฑ์ที่จะใช้เครื่องหมายแสดงระดับตำแหน่ง (อินทรธนู) และการประดับเครื่องประกอบต่างๆ กับ ชุดเครื่องแบบพิเศษของข้าราชการกรมราชทัณฑ์ รวมทั้งเพิ่มเติมลักษณะของอินทรธนูสำหรับข้าราชการกรมราชทัณฑ์ ผู้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหาร และให้ยกเลิกเครื่องหมายแสดงระดับซึ่งให้ติดที่อินทรธนูประเภทแถบหมอน เพื่อให้มี ความถูกต้องเหมาะสมและสอดคล้องกับระบบจำแนกประเภทตำแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญที่กำหนดขึ้นใหม่ และ ให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา 2. ให้กระทรวงยุติธรรมรับข้อสังเกตของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีไปประกอบการพิจารณา แล้ว ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 2.1 ร่างกฎข้อ 1 แก้ไขข้อ 4 ได้กำหนดหมวกทรงหม้อตาลสีกากีไว้และให้ปักดิ้นทองหรือวัสดุเทียมดิ้น ทองเป็นช่อชัยพฤกษ์ที่กระบังหน้าหมวก ตามประเภทตำแหน่งและระดับตำแหน่ง ซึ่งจะแตกต่างกับหมวกทรงหม้อตาล สีกากีของเครื่องแบบข้าราชการประจำการทั่วไป ชนิดเครื่องแบบปฏิบัติราชการตามกฎสำนักนายกรัฐนตรี ฉบับที่ 71 (พ.ศ. 2523) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องแบบข้าราชการฝ่ายพลเรือน พุทธศักราช 2478 ซึ่งกำหนด หมวกทรงหม้อตาลสีกากีไว้ แต่ไม่มีการปักช่อชัยพฤกษ์ที่กระบังหน้าหมวก และให้ใช้กับทุกประเภทตำแหน่งและระดับ ตำแหน่ง 2.2 ร่างกฎข้อ 7 แก้ไขข้อ 18 ได้กำหนดเกี่ยวกับการประดับเครื่องหมายแสดงระดับ โดยมีแบ่งระดับ เป็น 8 ระดับ ซึ่งจะแตกต่างจากข้าราชการพลเรือนสามัญทั่วไปตามร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีที่คณะรัฐมนตรีมีมติ เห็นชอบหลักการแล้วเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2552 ซึ่งกำหนดเกี่ยวกับการประดับอินทรธนูไว้เพียง 4 ระดับเท่านั้น |
||||||||||||||||||||||||
.....
