คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
              1. เห็นชอบให้ถอนเรื่องการเสนอรายชื่อผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการป้องกันและปราบ
ปรามการทุจริตในภาครัฐ  (ป.ป.ท.)  ออกจากการพิจารณาของวุฒิสภา  ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ  แล้วแจ้ง
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบด้วย
              2. ให้กระทรวงยุติธรรมเร่งพิจารณารายชื่อผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการ  ป.ป.ท.  ราย
ใหม่ทั้ง  6  ราย  เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาพิจารณาตาม
ลำดับต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้นำพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาใช้
บังคับในส่วนของข้าราชการธุรการสำนักงานอัยการสูงสุด ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ สำหรับวัน
ใช้บังคับนั้น  เนื่องจากพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551  มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่  26  มกราคม
2551  และมาตรา 131 บัญญัติความโดยสรุปว่า  ลักษณะ 4  ข้าราชการพลเรือนสามัญ และลักษณะ 5  ข้าราชการ
พลเรือนสามัญของทุกส่วนราชการเข้าประเภทตำแหน่ง สายงาน  และระดับตำแหน่งตามมาตรฐานกำหนดตำแหน่ง
และประกาศให้ทราบ ซึ่ง ก.พ. ได้ดำเนินการประกาศเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2551 จึงทำให้ลักษณะ 4 และลักษณะ 5
มีผลบังคับใช้โดยสมบูรณ์ตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2551 ดังนั้น การที่สำนักงานอัยการสูงสุดจะนำพระราชบัญญัติ ฯ
โดยเฉพาะลักษณะ  4   ไปใช้บังคับ สามารถดำเนินการได้ตามมาตรา  139   แต่ไม่อาจบังคับใช้ให้ย้อนหลังไปตั้งแต่
วันที่  26  มกราคม  2551  เพราะว่าตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2551  ดังกล่าวเป็นต้นมาสำนักงานอัยการสูงสุดได้ใช้
พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 แก่ข้าราชการธุรการตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการ
ฝ่ายอัยการ พ.ศ. 2521 อยู่ตามที่มาตรา 139 บัญญัติไว้ ตามความเห็นของสำนักงาน ก.พ. ไปพิจารณา  แล้วดำเนิน
การให้สอดคล้องกับข้อกฎหมายต่อไปด้วย

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
จำนวน 2 คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (13 มกราคม 2552) เป็นต้นไป ดังนี้
              1. นายพิชัย บุณยเกียรติ          ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
              2. นางภัทรมน เพ็งส้ม             ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

             คณะรัฐมนตรีรับทราบข้อมูลของกระทรวงยุติธรรมเกี่ยวกับกรณีนายภูมิพัฒน์ พชรทรัพย์ ขอลาออกจาก
ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เนื่องจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือก
ตั้งแบบสัดส่วนว่างลง  และตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550  นายภูมิพัฒน์  พชรทรัพย์  เป็นผู้มี
รายชื่อในลำดับถัดไปในบัญชีรายชื่อดังกล่าวจะได้รับการเลื่อนขึ้นเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแทนตำแหน่งที่ว่าง
ตามมาตรา 109(2) จึงขอลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกา
ยน 2551

             คณะรัฐมนตรีมีมติให้กรมสอบสวนคดีพิเศษรับร่างระเบียบกระทรวงยุติธรรม ว่าด้วยเงินเพิ่มสำหรับ
ตำแหน่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและเจ้าหน้าที่คดีพิเศษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปหารือกับกระทรวงการคลัง
ให้ได้ข้อยุติก่อนแล้ว จึงนำเรื่องนี้เสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอดังนี้
              1. อนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันสำหรับค่าก่อสร้างอาคารชุดที่พักราชการ ขนาด 18 ยูนิต  2 หลัง
ของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เป็นจำนวนเงิน 33,520,000 บาท ประกอบด้วย
                  1.1 อาคารที่พักราชการ ขนาด 18 ยูนิต สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จังหวัดสระบุรี
จำนวน 1 หลัง วงเงิน 16,480,000 บาท
                  1.2 อาคารชุดที่พักราชการ ขนาด 18 ยูนิต สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จังหวัดนคร
ศรีธรรมราช จำนวน 1 หลัง วงเงิน 17,040,000 บาท
              2. ยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่  18  สิงหาคม  2541  กรณีการจัดสรรงบ
ประมาณในปีแรก เป็นจำนวนเงินไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 ของวงเงินทั้งสิ้นจำนวน 33,520,000 บาท ให้กับกรม
พินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน
              3. ให้กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนดำเนินการก่อสร้างอาคารชุดที่พักราชการดังกล่าวโดย
ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 แผนงบประมาณ : บริหารจัดการภาครัฐ ผล
ผลิต : เด็กและเยาวชนได้รับการควบคุม ดูแล บำบัดแก้ไข ฟื้นฟู และพัฒนาพฤตินิสัย งบลงทุน  ลักษณะค่าสิ่ง
ก่อสร้าง จำนวน  5,600,000  บาท ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณแล้ว  และจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบ
ประมาณ พ.ศ. 2552  ซึ่งสำนักงบประมาณได้เสนอตั้งงบประมาณรองรับไว้แล้ว จำนวน  22,400,000  บาท
ส่วนงบประมาณที่ยังขาดอยู่เนื่องจากวงเงินที่อนุมัติตามผลการประกวดราคาสูงกว่าวงเงินงบประมาณที่ได้รับ
จัดสรรไว้รวม  2  ปี อยู่อีกจำนวน  5,520,000  บาท  ให้กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนปรับแผนการ
ปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ  พ.ศ. 2552    จากรายการที่ดำเนิน
การจนบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว   และมีงบประมาณเหลือจ่าย  หรือพิจารณาทบทวนโครงการ/รายการที่ได้รับ
การจัดสรรงบประมาณไว้แล้วหมดความจำเป็น หรือมีลำดับความสำคัญต่ำมาดำเนินการเพื่อการนี้ก่อน  โดย
ให้ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง เมื่อร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบ
ประมาณ พ.ศ. 2552 ได้ประกาศใช้เป็นกฎหมายแล้ว ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

              คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
              1. รับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน (ครั้งที่ 1  วันที่ 1
มกราคม-30 มิถุนายน 2551) จากหน่วยงานในระดับกระทรวง กรม จำนวน 16 หน่วยงาน  ยังขาด 7 หน่วย
งาน ไม่ได้รายงานผลการดำเนินงาน ซึ่งรายงานของหน่วยงานดังกล่าวประกอบด้วยผลการดำเนินการ ปัญหา
อุปสรรค และข้อเสนอแนะ ได้แก่ 
                  1.1 การส่งเสริมให้มีการปลูกฝังคุณธรรมตั้งแต่เยาว์วัย และตลอดจนทุกช่วงชีวิตให้แก่เยาวชนและ
                        ประชาชน
                  1.2 การส่งเสริมการมีส่วนร่วมที่เข้มแข็งของภาคประชาชนทุกระดับ
                  1.3 การปรับปรุงกฎระเบียบในการจัดซื้อจัดจ้างต่าง ๆ ของทางราชการ
                  1.4 ให้สร้างกลไกของข้อมูลข่าวสารให้เกิดความโปร่งใส
                  1.5 รัฐต้องสนับสนุนองค์กรภาคประชาชนและองค์กรอิสระ
                  1.6 การลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ
                  1.7 รัฐต้องพัฒนาการปกครองให้เป็นประชาธิปไตย  โดยให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมทั้งในสาระ
                        และกระบวนการ
               2. ให้กระทรวงยุติธรรมนำผลการดำเนินงานดังกล่าวเผยแพร่ทางเว็บไซต์ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ
วันที่ 16 กันยายน 2551 ต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอแต่งตั้งนายสมภพ งามแสงรัตน์ เป็นข้าราช
การการเมือง  ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม  โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(21 ตุลาคม 2551) เป็นต้นไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอแต่งตั้งนายภูมิพัฒน์ พชร
ทรัพย์ เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม  ทั้งนี้  โดยให้มีผลตั้งแต่
วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (9 ตุลาคม 2551) เป็นต้นไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงว่าด้วยคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขของบุคคล
ที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติการแทนเจ้าพนักงานบังคับคดี พ.ศ. 2551 ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ  และสำนัก
งานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญดังนี้
              1. กำหนดคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่จะเป็นผู้รับมอบหมายจากเจ้าพนักงานบังคับ
คดีให้ปฏิบัติการแทน
              2. กำหนดเรื่องที่อาจมอบหมายให้ผู้รับมอบหมายปฏิบัติการแทนเจ้าพนักงานบังคับคดี
              3. กำหนดเงื่อนไขของการวางหลักประกันความเสียหายอันเกิดจากการปฏิบัติการแทนเจ้าพนักงาน
บังคับคดี
             4. กำหนดให้ผู้รับมอบหมายต้องปฏิบัติการแทนเจ้าพนักงานบังคับคดีด้วยตนเอง  และต้องแสดงบัตร
ประจำตัวประชาชนพร้อมหนังสือมอบหมายในขณะปฏิบัติการ และกำหนดโทษของการไม่ปฏิบัติตามไว้ด้วย
             5. กำหนดหลักเกณฑ์การเพิกถอนชื่อจากบัญชีรายชื่อผู้มีคุณสมบัติเป็นผู้รับมอบหมายหรือสั่งพักการ
ปฏิบัติการเป็นผู้รับมอบหมาย หรือยกเลิกหนังสือมอบหมาย

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ
คดีพิเศษ จำนวน 9 คน  แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมที่ครบวาระการดำรงตำแหน่ง  โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่
คณะรัฐมนตรีมีมติ (19 สิงหาคม 2551) เป็นต้นไป ดังนี้
              1. นายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์
              2. นายประดิษฐ์ เอกมณี
              3. นางรวีพร คูหิรัญ
              4. นายเรวัต ฉ่ำเฉลิม
              5. พลตำรวจเอก ล้วน ปานรศทิพ
              6. พลตำรวจเอก วสิษฐ เดชกุญชร
              7. นายวีรพงษ์ รามางกูร
              8. พลตำรวจเอก สมบัติ อมรวิวัฒน์
              9. นายสวัสดิ์ โชติพานิช

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอแต่งตั้งนายโสภณ โกชุม เป็น
ข้าราชการการเมืองตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมี
มติ (19 สิงหาคม 2551) เป็นต้นไป

คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
              1. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดคำร้องขอ การส่งมอบตัวบุคคล และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการ
ส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ  มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อน
ไขเกี่ยวกับการจัดส่งคำร้องขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดน และการส่งมอบตัว รวมทั้งกำหนดวิธีการดำเนินการเกี่ยวกับ
ค่าใช้จ่ายในการส่งผู้ร้ายข้ามแดน   และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา  แล้วดำเนินการ
ต่อไปได้
              2. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับคำว่า  "การดำเนินการเสร็จ
สิ้น" ยังไม่มีความชัดเจนในทางปฏิบัติ  เนื่องจากบางกรณีหากเกิดปัญหาขึ้นในอนาคตไม่ว่าจะเป็นเรื่องทางเทค
นิค หรือเหตุการณ์ระหว่างการเดินทางขึ้นเครื่องบิน  หรืออยู่ระหว่างเครื่องบินกำลังบินขึ้น  หรือระหว่างเครื่อง
รอการบินขึ้น   ซึ่งโดยข้อเท็จจริงเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งมอบตัวบุคคลซึ่งถูกร้องขอให้กับเจ้าหน้าที่ของประเทศผู้
ร้องขอได้เพียงหน้าประตูเครื่องบินเท่านั้น ซึ่งตีความรวมถึงคำว่า  "และได้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรแล้ว"
ด้วย หรือไม่ และให้ระบุบทบัญญัติเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิเสรีภาพของบุคคลตามรัฐธรรมนูญในส่วนที่เกี่ยวข้อง
กับพระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน  พ.ศ. 2551   ลงในร่างกฎกระทรวงต่อจากบทอาศัยอำนาจตามกฎหมาย
ในการออกกฎกระทรวง ไปพิจารณาด้วย

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงยุติ
ธรรม ให้ดำรงตำแหน่งระดับ 10 จำนวน 3 ราย ดังนี้ นายธาริต เพ็งดิษฐ์  ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ  สำนักงานคณะ
กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ  นายเกษม  เยาวรัตน์  ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง  และนายภิญโญ  ทองชัย  ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง  สำนักงานปลัดกระทรวง
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป

คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ 
              1. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดคดีพิเศษเพิ่มเติม ตามกฎหมายว่าด้วยการสอบ
สวนคดีพิเศษ (ฉบับที่ ..)  พ.ศ. ....  ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ตรวจพิจารณา มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้คดีความผิดอาญาตามกฎหมายดังต่อไปนี้ เป็นคดีพิเศษเพิ่มเติมจาก
ที่กำหนดไว้ในบัญชีท้ายพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนด
คดีพิเศษเพิ่มเติมตามกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ได้แก่
                  (1) คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว
                  (2) คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยประกันวินาศภัย
                  (3) คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยประกันชีวิต
                  (4) คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า
                  (5) คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
                  (6) คดีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน
                  (7) คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้
                  (8) คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยอุทยานแห่งชาติ
                  (9) คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติ
                  (10) คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า
                  (11) คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์
              2. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นและข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกรณีคดีความผิดตาม
กฎหมายข้อ  (1)-(4)  เป็นการรวดเร็วเกินไปที่จะกำหนดให้ความผิดตามกฎหมายดังกล่าวเป็นคดีพิเศษเพิ่ม
เติม  สมควรที่จะรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อให้ได้ข้อสรุปเสียก่อน แล้วจึงมาดำเนิน
การพิจารณาถึงความเหมาะสมว่าจะกำหนดให้ความผิดตามกฎหมายดังกล่าวเป็นคดีพิเศษหรือไม่ สำหรับคดี
ความผิดตามกฎหมายข้อ (5) และข้อ (11)  ปัจจุบันได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว  และกระทำเป็นขบวนการ  และ
เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชน ควรที่ทุกหน่วยงานต้องเข้ามาช่วยตรวจสอบดูแล  เพื่อป้องกันเด็ก เยาว
ชน และสตรีมิให้ตกเป็นเหยื่อจากการก่ออาชญากรรมดังกล่าว   นอกจากนี้ คดีความผิดตามกฎหมายข้อ (6)
-(10) มีหน่วยงานซึ่งรับผิดชอบเป็นการเฉพาะอยู่แล้วจึงยังไม่สมควรที่จะประกาศกำหนดให้คดีความผิดตาม
กฎหมายดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเสนอแต่งตั้ง
นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบ
ปรามยาเสพติด ทั้งนี้ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (29 กรกฎาคม 2551) เป็นต้นไป

               คณะรัฐมนตรีมีมติให้ส่งเรื่อง การลงนามในเอกสารโครงการเสริมสร้างความมั่นคงและปรับปรุงกลไก
สำนักงานประสานงานชายแดนในเอเชียตะวันออก ให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาใน
ประเด็นที่จะต้องดำเนินการตามนัยมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยหรือไม่ก่อน