ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 47 จากทั้งหมด 97 หน้า แสดงรายการที่ 921 - 940 จากข้อมูลทั้งหมด 1937 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 921 | ขอความเห็นชอบในหลักการจากคณะรัฐมนตรีในการจัดตั้งสำนักงานบังคับคดีอาญาและการบังคับใช้กฎหมาย | ยธ | 05/08/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการแนวทางการปรับโครงสร้างแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง
ยุติธรรม โดยจัดตั้งสำนักงานบังคับคดีอาญาและการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อดูแลให้มีการปฏิบัติและมีการบังคับใช้กฎ หมายอย่างถูกต้อง รวดเร็ว และพัฒนากระบวนการยุติธรรมให้มีระบบการอำนวยความยุติธรรมที่มีประสิทธิภาพและ เป็นธรรมกับทุกกลุ่ม และให้ดำเนินการต่อไปได้ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 922 | ร่างพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 28/07/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับร่างพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ (ฉบับที่ ..)
พ.ศ. .... ที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงยุติธรรม สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานอัยการ สูงสุด สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อให้ ได้ข้อยุติในการแก้ไขปัญหาว่าสมควรแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติฉบับนี้ซึ่งกำหนดห้ามมิให้ใช้วิธีการอนุญาโตตุลา การเพื่อระงับข้อพิพาทในสัญญาระหว่างหน่วยงานของรัฐกับเอกชน หรือไม่ เพียงใด หรือสมควรหาวิธีการเพื่อระงับ ข้อพิพาทในแนวทางอื่น เช่น ระบบไกล่เกลี่ย หรือวิธีการอื่นใดที่จะไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน และเป็น วิธีการสากลในการระงับข้อพิพาทที่นานาประเทศยอมรับ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง |
||||||||||||||||||||||||
| 923 | ร่างพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการกักขังตามประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 28/07/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมการประสานงานด้านนิติบัญญัติวันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม
2552 และให้แก้ไขร่างพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการกักขังตามประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามสรุปผลการประชุม ฯ ดังกล่าว ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 924 | ร่างพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 28/07/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมาติรับทราบสรุปผลการประชุมการประสานงานด้านนิติบัญญัติวันจันทร์ที่ 27 กรกฎา
คม 2552 และให้แก้ไขร่างพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามสรุปผลการประชุม ฯ ดังกล่าว ก่อน เสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 925 | การขอขยายระยะเวลาการบรรจุ แต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการในตำแหน่งว่างตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2552 | ยธ | 14/07/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในการขยายระยะเวลาการบรรจุ แต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการในตำแหน่งว่างของส่วนราช การในสังกัดกระทรวงยุติธรรมออกไป โดยยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2552 ที่เห็นชอบการขยายระยะเวลาการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2552 (เรื่อง การ บริหารจัดการตำแหน่งว่างของส่วนราชการ) ทั้งนี้ จนกว่าการจัดตั้งหน่วยบังคับคดีอาญาและบังคับใช้กฎหมาย ทางอาญาจะแล้วเสร็จ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ 2. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. ที่เห็นควรกำหนดให้ชัดเจนว่าการจัดกรอบ อัตรากำลังในหน่วยงานที่จะจัดตั้งใหม่ จะเกลี่ยตำแหน่งจากส่วนราชการใด เป็นจำนวนเท่าใดบ้าง โดยให้ระบุ เป็นข้อขัดข้องในการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2552 ตามแบบรายงานตำแหน่ง ว่างที่เหลือยู่ ณ วันที่ 16 มิถุนายน 2552 ซึ่งสำนักงาน ก.พ. ได้กำหนดให้ส่วนราชการต่าง ๆ รายงานการ ดำเนินการบริหารจัดการตำแหน่งว่างของส่วนราชการ ตามหนังสือสำนักงาน ก.พ. ด่วนที่สุด ที่ นร 1008.4/ 87 ลงวันที่ 18 พฤษภาคม 2552 เพื่อสำนักงาน ก.พ. จะได้สรุปผลการดำเนินการในภาพรวมและดำเนินการ ตามแนวทางที่กำหนดตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว
|
||||||||||||||||||||||||
| 926 | ร่างพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 30/06/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยา
เสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติ ฯ มีสาระสำคัญคือ 1. ปรับปรุงบทกำหนดโทษกรณีความผิดฐานสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และกรณีผู้ใด ไม่มาให้ถ้อยคำ ไม่ส่งคำชี้แจงเป็นหนังสือ หรือไม่ส่งบัญชีเอกสารหรือหลักฐานตามมาตรา 25 (2) หรือขัดขวาง หรือไม่ให้ความสะดวกตามมาตรา 25 (3) หรือ (4) 2. ปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินและพนักงานเจ้าหน้าที่ 3. กำหนดหลักเกณฑ์ในการยึดหรืออายัดทรัพย์สินเมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่า เป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่อง กับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดก่อนหรือหลังที่คณะกรรมการหรือเลขาธิการมีคำสั่งตรวจสอบทรัพย์สิน ตามมาตรา 19 หรือก่อนที่คณะกรรมการหรือเลขาธิการมีคำสั่งยึดหรืออายัดทรัพย์สินตามมาตรา 22 4. ปรับปรุงระยะเวลาในการยื่นคำร้องเพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิด เกี่ยวกับยาเสพติดตกเป็นของกองทุนและระยะเวลาในการยื่นคำร้องเพิ่มเติม และกำหนดให้พนักงานอัยการยื่นคำ ร้องต่อศาลเพื่อไต่สวนทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในกรณีต้องผู้หา หรือจำเลย หลบหนีหรือถึงแก่ความตาย และให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของกองทุน 5. กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอให้ศาลสั่งอนุญาตให้นำทรัพย์สิน ตามมาตรา 30 ออกขาย ทอดตลาด หรือไปใช้เพื่อประโยชน์ของทางราชการไปพลางก่อน ก่อนที่ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของกองทุน และ การประเมินราคาทรัพย์สิน ค่าเสียหายหรือค่าเสื่อมสภาพของทรัพย์สิน 6. ให้ทรัพย์สินของกองทุนรวมถึงทรัพย์สินที่ตกเป็นของกองทุนตามมาตา 29 และมาตรา 30/2 7. แก้ไขผู้รับรายงานงบดุลและรายงานการรับจ่ายเงินของกองทุนจากคณะรัฐมนตรีเป็นรัฐมนตรี
|
||||||||||||||||||||||||
| 927 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพัน เกินกว่าวงเงินและระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ รายการปรับปรุงเรือนจำกลางปัตตานี | ยธ | 30/06/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมถอนเรื่อง ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะ
เวลาก่อหนี้ผูกพัน เกินกว่าวงเงินและระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติรายการปรับปรุงเรือนจำกลางปัตตานี คืนไปได้ ตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 928 | ขอความเห็นชอบให้แก้ไขอัตราค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งสำหรับข้าราชการอัยการตำแหน่งอัยการอาวุโสและเห็นชอบให้ข้าราชการอัยการที่รับเงินเดือนชั้น 4 - 5 มีสิทธิได้รับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง | ยธ | 03/06/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบให้แก้ไขอัตราค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งสำหรับข้าราชการอัยการ ตำแหน่งอาวุโส โดยเทียบเคียงกับหลักเกณฑ์เงื่อนไขและอัตราค่าตอบแทนที่ผู้พิพากษาอาวุโสได้รับ ตามที่สำนักงาน อัยการสูงสุดเสนอ ส่วนค่าใช้จ่ายเพื่อเป็นค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งให้สำนักงานอัยการ สูงสุดดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 2. ส่วนการขอให้ข้าราชการอัยการที่รับเงินเดือนชั้น 4-5 มีสิทธิได้รับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหา รถประจำตำแหน่ง นั้น ให้สำนักงานอัยการสูงสุดจัดทำข้อมูลให้ชัดเจนว่า ข้าราชการอัยการดังกล่าวมีอำนาจหน้าที่ และความเหมาะสมที่จะได้รับรถประจำตำแหน่ง หรือได้รับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งเมื่อ เทียบกับผู้ที่ดำรงตำแหน่งบริหารอย่างไร ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับข้าราชการประเภทอื่น ๆ และให้จัดทำ การเทียบตำแหน่งข้าราชการตุลาการกับข้าราชการอัยการด้วย แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่งต่อ ไป |
||||||||||||||||||||||||
| 929 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์เกี่ยวกับอายุความ) | ยธ | 26/05/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่ กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วนำเสนอสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติ ฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 1.1 แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 96 แห่งประมวลกฎหมายอาญาในกรณีความผิดอันยอมความได้ ถ้าผู้เสีย หายมิได้ร้องทุกข์ภายใน 6 เดือน (เดิมภายใน 3 เดือน) นับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด เป็น อันขาดอายุความ 1.2 เพิ่มความเป็นมาตรา 98/1 แห่งประมวลกฎหมายอาญา โดยบัญญัติให้ 1.2.1 กรณีได้ตัวผู้กระทำความผิดมาแล้วให้พนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวนหรือเจ้า พนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาดำเนินการให้มีการฟ้องผู้นั้นต่อศาลภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ได้ตัวมา เว้นแต่ ศาลจะอนุญาตให้ขยายเวลา 1.2.2 กรณีมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษผู้กระทำความผิด ถ้าผู้นั้นยังมิได้รับโทษ หรือได้รับ โทษยังไม่ครบถ้วนโดยหลบหนี ถ้ายังมิได้ตัวผู้นั้นมารับโทษนับแต่วันที่มีคำพิพากษาถึงที่สุด หรือนับแต่วันที่หลบ หนี แม้จะเกินกำหนดเวลาในมาตรา 98 ก็ไม่ถือว่าเป็นอันล่วงเลยเวลาการลงโทษ ให้ลงโทษผู้นั้นในโทษที่ยังมิได้ รับหรือที่ได้รับยังไม่ครบถ้วน 2. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติ ฯ มาตรา 7 ให้เพิ่มความเป็นมาตรา 98/1 แห่งประมวลกฎหมายอาญา โดยกำหนดมิให้นำความในมาตรา 95 และมาตรา 98 มาใช้บังคับกับการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม จึง ถือเป็นการยกเลิกอายุความสำหรับการฟ้องและการรับโทษของผู้กระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการและความผิด ต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม เพื่อให้ผู้กระทำความผิดไม่สามารถหลบหนีความผิดและโทษที่จะได้รับ และจาก เหตุผลในการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายดังกล่าวความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการมีรูปแบบที่สลับซับซ้อน และยากที่ จะหาหลักฐานมาพิสูจน์ความผิดของผู้กระทำผิดได้ การสอบสวนจึงต้องใช้ระยะเวลาในการแสวงหาหลักฐาน ดังนั้น การที่ร่างมาตรา 98/1 กำหนดให้เจ้าพนักงานในตำแหน่งพนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวน หรือเจ้า พนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา หรือมีอำนาจจัดการให้เป็นไปตามกฎหมาย ดำเนินการให้มีการฟ้องผู้นั้นต่อ ศาลภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ได้มา เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาลให้ขยายระยะเวลานั้น จึงไม่สอดคล้องกับเหตุผล การแก้ไขเพิ่มเติม เนื่องจากเมื่อยกเลิกอายุความการกระทำผิดประเภทนี้แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะกำหนดระยะ เวลาการฟ้องร้องอีกต่อไป ไปประกอบการพิจารณาด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 930 | การแต่งตั้งผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) ของกระทรวงยุติธรรมและส่วนราชการที่อยู่ในบังคับบัญชาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม | ยธ | 26/05/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
1. รับทราบการแต่งตั้งผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) ของกระทรวงยุติธรรม สำนักงาน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาค รัฐ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และสำนักงานอัยการสูงสุด ดังนี้ 1.1 นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็น ปคร. ของกระทรวงยุติธรรม 1.2 นายชาติชาย สุทธิกลม ที่ปรึกษาป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เป็น ปคร. ของสำนักงาน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด 1.3 นายธาริต เพ็งดิษฐ์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เป็น ปคร. ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ 1.4 นายประสิทธิ์ ปทุมารักษ์ รองอธิบดีอัยการฝ่ายการยุติการดำเนินคดีแพ่งและอนุญาโตตุลาการ เป็น ปคร. ของสำนักงานอัยการสูงสุด 2. สำหรับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เนื่องจากยังไม่มีผู้ที่ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ ซึ่งเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติเป็น ปคร. ได้ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา พ.ศ. 2551 ข้อ 5 ดังนั้น ในระหว่างนายอรรณพ ลิขิตจิตถะ รองเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการ ฟอกเงิน ซึ่งเป็นผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้เสนอชื่อมาจะเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. ของสำนักงาน ฯ ไป พลางก่อน เมื่อมีการแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการแล้ว ให้ดำเนินการแต่งตั้ง คปร. ของสำนักงาน ฯ และ แจ้งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบเพื่อดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
| 931 | การลงนามในเอกสารแก้ไขเอกสารเพิ่มเติมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วน (บันทึกความเข้าใจ 7 ฝ่าย ว่าด้วยการควบคุมยาเสพติดในอนุภูมิภาค) | ยธ | 19/05/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะรัฐมนตรีที่กำกับดูแลงานของสำนัก
งาน ป.ป.ส. เป็นผู้ลงนามในเอกสารแก้ไขเอกสารเพิ่มเติมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนของบันทึกความเข้าใจ 7 ฝ่าย ว่า ด้วยการควบคุมยาเสพติดในอนุภูมิภาค ระหว่างราชอาณาจักรกัมพูชาสาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐประชา ธิปไตยประชาชนลาว สหภาพพม่า ราชอาณาจักรไทย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และ United Nations Office On Drugs and Crime (UNODC) ทั้งนี้ การลงนามในเอกสารแก้ไขเอกสารเพิ่มเติมฯ ดังกล่าวจะเป็นการยืนยันเจตนา รมณ์ของประเทศไทยร่วมกับประเทศภาคีบันทึกความเข้าใจ 7 ฝ่ายฯ ในการช่วยเหลือตนเองในการแก้ไขปัญหายา เสพติดในอนุภูมิภาคอีกทั้งยังเป็นการเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนระหว่างประเทศภาคีสมาชิกบันทีกความเข้าใจฯ ใน อีกทางหนึ่ง ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ |
||||||||||||||||||||||||
| 932 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ พ.ศ. .... | ยธ | 19/05/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการ
จัดการเรื่องราวร้องทุกข์ พ.ศ. .... ไปพิจารณาในประเด็น "ผู้ร้องทุกข์" ควรหมายรวมถึง ทายาทของผู้ได้รับความ เสียหายหรือผู้มีส่วนได้เสีย เพราะอาจไม่ครอบคลุมกรณีผู้ได้รับความเดือดร้อน และไม่อยู่ในภาวะที่สามารถมอบ ฉันทะหรือดำเนินการได้เอง ตามข้อสังเกตของกระทรวงยุติธรรม แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
| 933 | เสนอรายชื่อผู้สมควรแต่งตั้งให้เป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (จำนวน 6 ราย 1. นายคำภีร์ แก้วเจริญฯ) | ยธ | 13/05/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบรายชื่อบุคคลผู้สมควรได้รับการเสนอชื่อให้เป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ในภาครัฐ จำนวน 6 คน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาให้ความเห็น ชอบ ดังนี้ 1.1 นายคัมภีร์ แก้วเจริญ ประธานกรรมการ 1.2 นายกนก พรรณรักษา กรรมการ 1.3 นายถวิล อินทรักษา กรรมการ 1.4 นายวิทย์ รายนานนท์ กรรมการ 1.5 นายสมัชชา โพธิ์ถาวร กรรมการ 1.6 นายปรีชา จำปารัตน์ กรรมการ 2. เมื่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาให้ความเห็นชอบแล้ว ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการให้เป็นไป ตามมาตรา 7 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2551 ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อแต่งตั้ง
|
||||||||||||||||||||||||
| 934 | โครงการจัดทำข้อเสนอประเทศไทยเพื่อผลักดันเป็นข้อกำหนดเพิ่มเติมของสหประชาชาติสำหรับการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำ | ยธ | 06/05/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
1. รับทราบการจัดงานเทิดพระเกียรติ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ในวโรกาสที่ได้รับ การทูลเกล้า ฯ ถวายรางวัลเกียรติยศสูงสุดจากสหประชาชาติ ภายใต้หัวข้อหลัก (theme) "เจ้าหญิงนักกฎหมาย" ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ระหว่างวันที่ 7-10 พฤษภาคม 2552 โดยมีกิจกรรมประกอบด้วยการจัดนิทรรศการ จำลองบรรยากาศของเรือนจำ และการใช้สื่อแบบ multimedia ในการถ่ายทอดแง่มุมต่าง ๆ เกี่ยวกับปัญหาของผู้ ต้องขังหญิง และเด็กติดผู้ต้องขัง รวมทั้งเผยแพร่สื่อสิ่งพิมพ์เรื่อง (1) ร่างข้อกำหนดของสหประชาชาติสำหรับการ ปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำ (2) โครงการกำลังใจในพระดำริ ฯ และ (3) โครงการหนึ่งเสียงเพื่อยุติความรุน แรงต่อสตรีของพระเจ้าหลานเธอ ฯ ในฐานะทูตสันถวไมตรีของ United Nations Development Fund for Women (UNIFEM) ประจำประเทศไทย 2. เห็นชอบให้กระทรวงยุติธรรม เป็นหน่วยงานหลักในการผลักดันโครงการ ELEI ในพระดำริ ฯ ให้ สำเร็จลุล่วงต่อไป ซึ่งมีกิจกรรมที่ต้องดำเนินการต่อเนื่อง อาทิ การเจรจาโน้มน้าวทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี การเข้าร่วมประชุมในระดับภูมิภาคตามกรอบที่สหประชาชาติกำหนด ไปจนถึงการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชา ชาติประจำปี (UN General Assembly) เพื่อให้ความเห็นชอบร่างข้อกำหนดที่ประเทศไทยนำเสนอ รวมถึงการเดิน ทางไปชี้แจงทำความเข้าใจในการประชุมสมาคมวิชาชีพที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติผู้ต้องขัง เช่น American Society of Criminology, International Corrections and Prisons Association ฯลฯ เพื่อให้ผู้ปฏิบัติให้การสนับสนุนต่อไป 3. ให้จัดตั้งคณะทำงานระดับชาติ (National Preparatory Committee) โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ยุติธรรมเป็นประธาน เพื่อเตรียมการด้านสารัตถะในนามประเทศไทยสำหรับการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการ ป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา ครั้งที่ 12 (Twelfth United Nations Congress on Crime Preven tion and Criminal Justice) ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนเมษายน พ.ศ. 2553 ณ ประเทศบราซิล 4. อนุมัติในหลักการให้มีการพิจารณาสนับสนุนงบประมาณให้กับกรมราชทัณฑ์สำหรับการปรับปรุง โครงสร้างพื้นฐานและพัฒนาระบบบริหารจัดการเรือนจำหญิงที่สอดคล้องกับร่างข้อกำหนดเพิ่มเติมของสหประชา ชาติสำหรับการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำที่ประเทศไทยนำเสนอ ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นแบบอย่างแก่ประเทศอื่น หรืออาจปรับปรุงเรือนจำที่มีอยู่เดิมให้เป็นเรือนจำต้นแบบ จำนวน 1 แห่ง
|
||||||||||||||||||||||||
| 935 | การยุติการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง | ยธ | 21/04/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ประธานกรรมการพิจารณาชี้ขาดการ
ยุติในการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เสนอผลการประชุมของคณะกรรมการพิจารณา ชี้ขาดการยุติในการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการประชุมครั้งที่ 3/2551 เมื่อวัน ที่ 23 มิถุนายน 2551 ครั้งที่ 4/2551 เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2551 ครั้งที่ 5/2551 เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2551 ครั้งที่ 6/2551 เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2551 และครั้งที่ 7/2551 เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2551 ในการพิจารณา ตัดสินชี้ขาดการดำเนินคดีระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ กับเอกชน และข้อพิพาทระหว่างส่วน ราชการ หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจด้วยกันเอง รวม 22 เรื่อง ประกอบด้วย การดำเนินคดีระหว่างส่วนราช การ หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสหากิจกับเอกชน จำนวน 3 เรื่อง และข้อพิพาทระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานของ รัฐ และรัฐวิสหากิจด้วยกันเอง จำนวน 19 เรื่อง
|
||||||||||||||||||||||||
| 936 | โครงการจัดทำข้อเสนอประเทศไทยเพื่อผลักดันเป็นข้อกำหนดสหประชาชาติว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำ รวมถึงมาตรการลงโทษและวิธีการโดยไม่ใช้การคุมขังสำหรับผู้กระทำผิดหญิง (Draft United Nations Rules for the Treatment of Women Prisoners and Non-Custodial Sanctions and Measures for Women Offenders) | ยธ | 07/04/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบยุทธศาสตร์ในการดำเนินการของกระทรวงยุติธรรมเพื่อผลักดันร่างข้อกำหนดสหประชาชาติ ว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำ รวมถึงมาตรการลงโทษและวิธีการโดยไม่ใช้การคุมขังสำหรับผู้กระทำ ความผิดหญิง (Draft United Nations Rules for Treatment of Women Prisoners and Non-Custodial Sanctions and Measures for Women Offenders) ซึ่งเป็นข้อริเริ่มของไทยและเพื่อใช้ประโยชน์สำหรับการรณรงค์ และดำเนิน โครงการ "ELFI" (Enhancing Lives of Female Inmates) ในพระราชดำริของพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชร กิติยาภา เพื่อเป็นข้อกำหนดสหประชาชาติ 2. เห็นชอบร่างข้อกำหนด ฯ (ภาษาอังกฤษ) รวมทั้งร่างข้อกำหนดเพิ่มเติมของสหประชาชาติ ฯ (คำแปล ภาษาไทย) เพื่อนำเสนอต่อสหประชาชาติในการประชุมคณะกรรมาธิการสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกันอาชญา กรรมและความยุติธรรมทางอาญา สมัยที่ 18 (UN CCPCJ) ณ สำนักงานสหประชาชาติ กรุงเวียนนา สาธารณรัฐ ออสเตรีย ระหว่างวันที่ 16-24 เมษายน 2552 และให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม Intergovernmental Group of Experts to develop a set of Rules for the Treatment of Women Prisoners and Non-Custodial Measures for Women Offenders to the United Nations Standard Minimum Rules for the Treatment of Prisoners ที่กรุงเทพ ฯ ภายในปี พ.ศ. 2552 3. เห็นชอบในร่างความตกลงระหว่างประเทศไทยกับสหประชาชาติ (Draft Host Country Agreement) พร้อมคำแปล สำหรับการที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม "Intergovernmental Group of Experts to develop a set of Rules for the Treatment of Women Prisoners and Non-Custodial Measures for Women Offenders as a supplementary to the United Nations Standard Minimum Rules for the Treatment of Prisoners" และมอบ หมายให้เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสำนักงานสหประชาชาติ ณ กรุงเวียนนา เป็นผู้ลงนามความตกลง ฯ โดยหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขเพิ่มเติมความตกลง ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ให้กระทรวงยุติธรรมและกระทรวง การต่างประเทศร่วมกันพิจารณาและดำเนินการต่อไป 4. เห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศให้การสนับสนุนแก่กระทรวงยุติธรรมซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่รับ ผิดชอบการดำเนินโครงการ "ELFI" โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการใช้ช่องทางการทูตทั้งในกรอบทวิภาคีและพหุ ภาคี รวมทั้งการอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์การผลักดันข้อกำหนดเพิ่มเติมของ สหประชาชาติสำหรับการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำ ให้บรรลุผลสำเร็จ |
||||||||||||||||||||||||
| 937 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. 2550 | ยธ | 07/04/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. 2550 รวม 3 ฉบับ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนิน การต่อไปได้ ดังนี้ 1.1 ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการอำพราง พ.ศ. .... 1.2 ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการครอบครองหรือให้มีการครอบครอง ยาเสพติดภายใต้การควบคุม พ.ศ. .... 1.3 ร่างกฎกระทรวงกำหนดคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดที่พนักงานสอบสวนต้องส่งสิ่งของที่อ้างว่า เป็นยาเสพติดไปตรวจพิสูจน์ พ.ศ. .... 2. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นและข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ที่เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมข้อ 12 ของร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการอำพราง พ.ศ. .... ให้ผู้บังคับบัญชาของทหารเป็น ผู้ได้รับมอบหมายจากเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเป็นผู้มีอำนาจอนุญาตการปฏิบัติ งานของเจ้าพนักงานเช่นเดียวกับผู้บังคับบัญชาของตำรวจและพลเรือน และข้อ 12 วรรคสาม ที่กำหนดให้ข้าราช การตำรวจตำแหน่งตั้งแต่ผู้กำกับการเป็นผู้มีอำนาจอนุญาตให้กระทำการอำพราง ตามข้อ 4(3) ควรกำหนดให้ผู้ ดำรงตำแหน่งตั้งแต่รองผู้บังคับการขึ้นไปซึ่งได้รับมอบหมายเป็นผู้มีอำนาจอนุญาตจะมีความเหมาะสมกว่า และให้ ระบุคำว่า "เจ้าพนักงานตามพระราชบัญญัตินี้" ให้ชัดเจนว่าเป็น "เจ้าพนักงานตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดี ยาเสพติด พ.ศ. 2550" ส่วนร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการครอบครองหรือให้มีการ ครอบครองยาเสพติดภายใต้การควบคุม พ.ศ. .... ข้อ 16 กรณีที่ผู้ได้รับอนุญาต ฯ ขอรับของกลางยาเสพติดที่เก็บ รักษาไว้ที่กระทรวงสาธารณสุขไปดำเนินการ นั้น ของกลางดังกล่าวเป็นของกลางที่ได้มีการดำเนินคดีเสร็จสิ้นแล้ว ยาเสพติดที่เหลือจากการดำเนินการจึงไม่อาจส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญาอีกได้ เว้นแต่เป็นยาเสพติดส่วนที่ได้ใช้ไปในการดำเนินการและสำเร็จตามแผน จึงจะดำเนินคดีเป็นคดี ใหม่ จึงมีข้อพิจารณาต่อไปว่า หากมียาเสพติดเหลือจากการดำเนินการตามที่ได้รับอนุญาต ฯ จะต้องดำเนินการ อย่างไรกับยาเสพติดที่เหลือ ไปประกอบการพิจารณาด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 938 | การเสนอแบบรายงานและกรอบแนวทางการติดตามประเมินความก้าวหน้าการปฏิบัติตามนโยบายและแผนปฏิบัติการแม่บทแห่งชาติด้านสิทธิมนุษยชน (แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 1) | ยธ | 24/03/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอเครื่องมือที่เป็นแบบรายงานและกรอบแนวทางในการติดตาม ประเมินความก้าวหน้าการปฏิบัติตามนโยบายและแผนปฏิบัติการแม่บทแห่งชาติด้านสิทธิมนุษยชน (แผนมนุษย ชนแห่งชาติ ฉบับที่ 1) เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ยึดถือปฏิบัติในการติดตาม และการรายงานผลการปฏิบัติ ตามนโยบายและแผน ฯ ฉบับแรก ทั้งนี้ ในการรายงานข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานข้อมูลตามแบบที่ กำหนดเมื่อสิ้นปีงบประมาณปีละครั้ง เพื่อให้สามารถประเมินผลผลิตของงานที่ดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรม และมีความชัดเจนมากกว่าเนื่องจากการรายงานในช่วง 6 เดือนแรก ของแต่ละปีงบประมาณ อาจจะแสดงให้เห็น เพียงขั้นตอนหรือกระบวนการดำเนินงานเท่านั้น ตามความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการ 2. ให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของกระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานคณะ กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร. รวมทั้งสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้ บริโภค เกี่ยวกับแบบรายงานการติดตาม ผู้รับผิดชอบการรายงานควรเป็นผู้บริหารระดับสูงที่รับผิดชอบ เพื่อให้ แต่ละหน่วยงานให้ความสำคัญต่อนโยบายเรื่องนี้อย่างจริงจัง และการติดตามประเมินความก้าวหน้าการปฏิบัติ ตามนโยบายและแผนดังกล่าวควรดำเนินการให้ครอบคลุมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในด้านสิทธิมนุษยชนด้วย ไป พิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 939 | ร่างพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. .... | ยธ | 24/03/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและ
ครอบครัว พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ มีสาระ สำคัญคือ ปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว รวมทั้งปรับปรุงเกี่ยวกับการให้ความคุ้มครองสิทธิ สวัสดิภาพ และวิธีปฏิบัติต่อเด็ก เยาวชน สตรี และบุคคลใน ครอบครัว และกระบวนการพิจารณาคดีของศาลเยาวชนและครอบครัวเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญอนุสัญญา ว่าด้วยสิทธิเด็ก และอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ และเสนอสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 940 | ขออนุมัติร่างแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2552 - 2555 และร่างแผนยุทธศาสตร์การพัฒนากระบวนการยุติธรรมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (พ.ศ. 2553 - 2557) | ยธ | 17/03/2552 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
1. อนุมัติแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2552-พ.ศ. 2555 และร่างแผนยุทธศาสตร์ การพัฒนากระบวนการยุติธรรมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (พ.ศ. 2553-พ.ศ. 2557) และให้องค์กรที่เกี่ยวข้องนำ ไปใช้เป็นกรอบทิศทางและแนวทางดำเนินงานที่สอดคล้อง สนับสนุนและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน 2. ให้กระทรวงยุติธรรม (สำนักงานกิจการยุติธรรม) ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาการ บริหารงานยุติธรรมแห่งชาติเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และติดตามประเมินผลตามขั้นตอน ต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ในร่างแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2552-พ.ศ. 2555 3. ให้กระทรวงยุติธรรม (สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์ และสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม) ใน ฐานะฝ่ายเลขานุการคณะอนุกรรมการนโยบายและประสานงานกระบวนการยุติธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็น ผู้รับผิดชอบดำเนินการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และติดตามประเมินผลตามขั้นตอนต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ในร่างแผน ยุทธศาสตร์การพัฒนากระบวนการยุติธรรมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (พ.ศ. 2553-พ.ศ. 2557) 4. ให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณให้เป็นไปตามร่างแผนแม่บท ฯ และร่างแผนยุทธ ศาสตร์ ฯ ดังกล่าว รวมทั้งสนับสนุนแผนปฏิบัติการและแผนงบประมาณบูรณาการประจำปีที่สอดคล้องกับยุทธ ศาสตร์ของแผนทั้งสองอย่างเหมาะสม 5. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีที่ให้ นำหลักเกณฑ์ของกระบวนการยุติธรรมตามกฎหมายอิสลามมาบรรจุเพิ่มเติมไว้ในแผนดังกล่าว เพื่อให้แผนมีความ สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
.....
