ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 47 จากทั้งหมด 97 หน้า แสดงรายการที่ 921 - 940 จากข้อมูลทั้งหมด 1923 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
921 | การยุติการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง | ยธ | 21/04/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ประธานกรรมการพิจารณาชี้ขาดการ
ยุติในการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เสนอผลการประชุมของคณะกรรมการพิจารณา ชี้ขาดการยุติในการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการประชุมครั้งที่ 3/2551 เมื่อวัน ที่ 23 มิถุนายน 2551 ครั้งที่ 4/2551 เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2551 ครั้งที่ 5/2551 เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2551 ครั้งที่ 6/2551 เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2551 และครั้งที่ 7/2551 เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2551 ในการพิจารณา ตัดสินชี้ขาดการดำเนินคดีระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ กับเอกชน และข้อพิพาทระหว่างส่วน ราชการ หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจด้วยกันเอง รวม 22 เรื่อง ประกอบด้วย การดำเนินคดีระหว่างส่วนราช การ หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสหากิจกับเอกชน จำนวน 3 เรื่อง และข้อพิพาทระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานของ รัฐ และรัฐวิสหากิจด้วยกันเอง จำนวน 19 เรื่อง
|
||||||||||||||||||||||||
922 | โครงการจัดทำข้อเสนอประเทศไทยเพื่อผลักดันเป็นข้อกำหนดสหประชาชาติว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำ รวมถึงมาตรการลงโทษและวิธีการโดยไม่ใช้การคุมขังสำหรับผู้กระทำผิดหญิง (Draft United Nations Rules for the Treatment of Women Prisoners and Non-Custodial Sanctions and Measures for Women Offenders) | ยธ | 07/04/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบยุทธศาสตร์ในการดำเนินการของกระทรวงยุติธรรมเพื่อผลักดันร่างข้อกำหนดสหประชาชาติ ว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำ รวมถึงมาตรการลงโทษและวิธีการโดยไม่ใช้การคุมขังสำหรับผู้กระทำ ความผิดหญิง (Draft United Nations Rules for Treatment of Women Prisoners and Non-Custodial Sanctions and Measures for Women Offenders) ซึ่งเป็นข้อริเริ่มของไทยและเพื่อใช้ประโยชน์สำหรับการรณรงค์ และดำเนิน โครงการ "ELFI" (Enhancing Lives of Female Inmates) ในพระราชดำริของพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชร กิติยาภา เพื่อเป็นข้อกำหนดสหประชาชาติ 2. เห็นชอบร่างข้อกำหนด ฯ (ภาษาอังกฤษ) รวมทั้งร่างข้อกำหนดเพิ่มเติมของสหประชาชาติ ฯ (คำแปล ภาษาไทย) เพื่อนำเสนอต่อสหประชาชาติในการประชุมคณะกรรมาธิการสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกันอาชญา กรรมและความยุติธรรมทางอาญา สมัยที่ 18 (UN CCPCJ) ณ สำนักงานสหประชาชาติ กรุงเวียนนา สาธารณรัฐ ออสเตรีย ระหว่างวันที่ 16-24 เมษายน 2552 และให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม Intergovernmental Group of Experts to develop a set of Rules for the Treatment of Women Prisoners and Non-Custodial Measures for Women Offenders to the United Nations Standard Minimum Rules for the Treatment of Prisoners ที่กรุงเทพ ฯ ภายในปี พ.ศ. 2552 3. เห็นชอบในร่างความตกลงระหว่างประเทศไทยกับสหประชาชาติ (Draft Host Country Agreement) พร้อมคำแปล สำหรับการที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม "Intergovernmental Group of Experts to develop a set of Rules for the Treatment of Women Prisoners and Non-Custodial Measures for Women Offenders as a supplementary to the United Nations Standard Minimum Rules for the Treatment of Prisoners" และมอบ หมายให้เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสำนักงานสหประชาชาติ ณ กรุงเวียนนา เป็นผู้ลงนามความตกลง ฯ โดยหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขเพิ่มเติมความตกลง ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ให้กระทรวงยุติธรรมและกระทรวง การต่างประเทศร่วมกันพิจารณาและดำเนินการต่อไป 4. เห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศให้การสนับสนุนแก่กระทรวงยุติธรรมซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่รับ ผิดชอบการดำเนินโครงการ "ELFI" โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการใช้ช่องทางการทูตทั้งในกรอบทวิภาคีและพหุ ภาคี รวมทั้งการอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์การผลักดันข้อกำหนดเพิ่มเติมของ สหประชาชาติสำหรับการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำ ให้บรรลุผลสำเร็จ |
||||||||||||||||||||||||
923 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. 2550 | ยธ | 07/04/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. 2550 รวม 3 ฉบับ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนิน การต่อไปได้ ดังนี้ 1.1 ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการอำพราง พ.ศ. .... 1.2 ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการครอบครองหรือให้มีการครอบครอง ยาเสพติดภายใต้การควบคุม พ.ศ. .... 1.3 ร่างกฎกระทรวงกำหนดคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดที่พนักงานสอบสวนต้องส่งสิ่งของที่อ้างว่า เป็นยาเสพติดไปตรวจพิสูจน์ พ.ศ. .... 2. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นและข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ที่เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมข้อ 12 ของร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการอำพราง พ.ศ. .... ให้ผู้บังคับบัญชาของทหารเป็น ผู้ได้รับมอบหมายจากเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเป็นผู้มีอำนาจอนุญาตการปฏิบัติ งานของเจ้าพนักงานเช่นเดียวกับผู้บังคับบัญชาของตำรวจและพลเรือน และข้อ 12 วรรคสาม ที่กำหนดให้ข้าราช การตำรวจตำแหน่งตั้งแต่ผู้กำกับการเป็นผู้มีอำนาจอนุญาตให้กระทำการอำพราง ตามข้อ 4(3) ควรกำหนดให้ผู้ ดำรงตำแหน่งตั้งแต่รองผู้บังคับการขึ้นไปซึ่งได้รับมอบหมายเป็นผู้มีอำนาจอนุญาตจะมีความเหมาะสมกว่า และให้ ระบุคำว่า "เจ้าพนักงานตามพระราชบัญญัตินี้" ให้ชัดเจนว่าเป็น "เจ้าพนักงานตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดี ยาเสพติด พ.ศ. 2550" ส่วนร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการครอบครองหรือให้มีการ ครอบครองยาเสพติดภายใต้การควบคุม พ.ศ. .... ข้อ 16 กรณีที่ผู้ได้รับอนุญาต ฯ ขอรับของกลางยาเสพติดที่เก็บ รักษาไว้ที่กระทรวงสาธารณสุขไปดำเนินการ นั้น ของกลางดังกล่าวเป็นของกลางที่ได้มีการดำเนินคดีเสร็จสิ้นแล้ว ยาเสพติดที่เหลือจากการดำเนินการจึงไม่อาจส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญาอีกได้ เว้นแต่เป็นยาเสพติดส่วนที่ได้ใช้ไปในการดำเนินการและสำเร็จตามแผน จึงจะดำเนินคดีเป็นคดี ใหม่ จึงมีข้อพิจารณาต่อไปว่า หากมียาเสพติดเหลือจากการดำเนินการตามที่ได้รับอนุญาต ฯ จะต้องดำเนินการ อย่างไรกับยาเสพติดที่เหลือ ไปประกอบการพิจารณาด้วย |
||||||||||||||||||||||||
924 | การเสนอแบบรายงานและกรอบแนวทางการติดตามประเมินความก้าวหน้าการปฏิบัติตามนโยบายและแผนปฏิบัติการแม่บทแห่งชาติด้านสิทธิมนุษยชน (แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 1) | ยธ | 24/03/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอเครื่องมือที่เป็นแบบรายงานและกรอบแนวทางในการติดตาม ประเมินความก้าวหน้าการปฏิบัติตามนโยบายและแผนปฏิบัติการแม่บทแห่งชาติด้านสิทธิมนุษยชน (แผนมนุษย ชนแห่งชาติ ฉบับที่ 1) เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ยึดถือปฏิบัติในการติดตาม และการรายงานผลการปฏิบัติ ตามนโยบายและแผน ฯ ฉบับแรก ทั้งนี้ ในการรายงานข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานข้อมูลตามแบบที่ กำหนดเมื่อสิ้นปีงบประมาณปีละครั้ง เพื่อให้สามารถประเมินผลผลิตของงานที่ดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรม และมีความชัดเจนมากกว่าเนื่องจากการรายงานในช่วง 6 เดือนแรก ของแต่ละปีงบประมาณ อาจจะแสดงให้เห็น เพียงขั้นตอนหรือกระบวนการดำเนินงานเท่านั้น ตามความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการ 2. ให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของกระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานคณะ กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร. รวมทั้งสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้ บริโภค เกี่ยวกับแบบรายงานการติดตาม ผู้รับผิดชอบการรายงานควรเป็นผู้บริหารระดับสูงที่รับผิดชอบ เพื่อให้ แต่ละหน่วยงานให้ความสำคัญต่อนโยบายเรื่องนี้อย่างจริงจัง และการติดตามประเมินความก้าวหน้าการปฏิบัติ ตามนโยบายและแผนดังกล่าวควรดำเนินการให้ครอบคลุมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในด้านสิทธิมนุษยชนด้วย ไป พิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
925 | ร่างพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. .... | ยธ | 24/03/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและ
ครอบครัว พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ มีสาระ สำคัญคือ ปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว รวมทั้งปรับปรุงเกี่ยวกับการให้ความคุ้มครองสิทธิ สวัสดิภาพ และวิธีปฏิบัติต่อเด็ก เยาวชน สตรี และบุคคลใน ครอบครัว และกระบวนการพิจารณาคดีของศาลเยาวชนและครอบครัวเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญอนุสัญญา ว่าด้วยสิทธิเด็ก และอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ และเสนอสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
926 | ขออนุมัติร่างแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2552 - 2555 และร่างแผนยุทธศาสตร์การพัฒนากระบวนการยุติธรรมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (พ.ศ. 2553 - 2557) | ยธ | 17/03/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
1. อนุมัติแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2552-พ.ศ. 2555 และร่างแผนยุทธศาสตร์ การพัฒนากระบวนการยุติธรรมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (พ.ศ. 2553-พ.ศ. 2557) และให้องค์กรที่เกี่ยวข้องนำ ไปใช้เป็นกรอบทิศทางและแนวทางดำเนินงานที่สอดคล้อง สนับสนุนและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน 2. ให้กระทรวงยุติธรรม (สำนักงานกิจการยุติธรรม) ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาการ บริหารงานยุติธรรมแห่งชาติเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และติดตามประเมินผลตามขั้นตอน ต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ในร่างแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2552-พ.ศ. 2555 3. ให้กระทรวงยุติธรรม (สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์ และสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม) ใน ฐานะฝ่ายเลขานุการคณะอนุกรรมการนโยบายและประสานงานกระบวนการยุติธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็น ผู้รับผิดชอบดำเนินการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และติดตามประเมินผลตามขั้นตอนต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ในร่างแผน ยุทธศาสตร์การพัฒนากระบวนการยุติธรรมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (พ.ศ. 2553-พ.ศ. 2557) 4. ให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณให้เป็นไปตามร่างแผนแม่บท ฯ และร่างแผนยุทธ ศาสตร์ ฯ ดังกล่าว รวมทั้งสนับสนุนแผนปฏิบัติการและแผนงบประมาณบูรณาการประจำปีที่สอดคล้องกับยุทธ ศาสตร์ของแผนทั้งสองอย่างเหมาะสม 5. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีที่ให้ นำหลักเกณฑ์ของกระบวนการยุติธรรมตามกฎหมายอิสลามมาบรรจุเพิ่มเติมไว้ในแผนดังกล่าว เพื่อให้แผนมีความ สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
927 | ร่างพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 17/03/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรม
การกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติราช ทัณฑ์ พุทธศักราช 2479 เพื่อให้การดำเนินภารกิจของกรมราชทัณฑ์ที่ต้องปฏิบัติงานตามอำนาจหน้าที่ในการ ควบคุม แก้ไข และพัฒนาพฤตินิสัยของผู้ต้องขังให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยมีความสอดคล้องกับหลักการทางด้าน สิทธิมนุษยชน อาชญาวิทยา ทัณฑวิทยา และมาตรฐานขั้นต่ำในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังขององค์การสหประชาชาติ โดยให้แก้ไขร่างมาตรา 33/1 ให้เป็นไปตามร่างเดิมที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ คือ กำหนดให้พนักงานเรือนจำมี อำนาจตรวจสอบจดหมาย เอกสาร พัสดุภัณฑ์หรือสิ่งสื่อสารอื่นหรือสกัดกั้นการติดต่อสื่อสารโดยทางใด ๆ ซึ่ง มีถึงหรือจากผู้ต้องขังเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐหรือเพื่อป้องกันเหตุร้าย และรักษาความสงบเรียบร้อยของเรือน จำหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน และให้นำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
928 | แนวทางในการพิจารณาส่งคนออกนอกราชอาณาจักรตามกฎหมาย ว่าด้วยคนเข้าเมืองและกฎหมายว่าด้วยส่งผู้ร้ายข้ามแดน | ยธ | 17/03/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการแนวทางในการพิจารณาส่งคนออกนอกราชอาณาจักรตามกฎ
หมายว่าด้วยคนเข้าเมืองและกฎหมายว่าด้วยส่งผู้ร้ายข้ามแดน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้หน่วยงานที่ เกี่ยวข้องถือปฏิบัติต่อไป โดยให้กระทรวงยุติธรรม (คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ) รับ ความเห็นของส่วนราชการที่ข้องเกี่ยวกับการรับเรื่องเพื่อดำเนินการส่งผู้ร้ายข้ามแดนควรให้เป็นหน้าที่ของหน่วย งานที่มีหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยส่งผู้ร้ายข้ามแดนซึ่งได้รับเรื่องการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนแล้วซึ่งได้รับ เรื่องการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนแล้วแจ้งรายชื่อและข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลนั้น ไปยังเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยคน เข้าเมืองเพื่อให้เจ้าหน้าที่นั้นได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนจะมีคำสั่ง ไปพิจารณาด้วย |
||||||||||||||||||||||||
929 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (เพิ่มเติมหลักเกณฑ์การริบทรัพย์สินและเพิ่มวิธีการริบทรัพย์สินตามมูลค่า) | ยธ | 17/03/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้นำเสนอสภาผู้แทน ราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติ ฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 1. แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 33 และมาตรา 34 แห่งประมวลกฎหมายอาญาให้การริบทรัพย์สินครอบคลุม ถึงประโยชน์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ที่บุคคลได้มาจากการกระทำความผิด และทรัพย์สินหรือประโยชน์อัน อาจคำนวณราคาเป็นเงินได้ที่บุคคลได้มาแทนทรัพย์สิน หรือประโยชน์ดังกล่าว รวมทั้งประโยชน์อื่นใดอันเกิดจาก ทรัพย์สินหรือประโยชน์นั้น และกำหนดหลักเกณฑ์การใช้ดุลพินิจของศาลในการริบทรัพย์สิน 2. เพิ่มมาตรา 34/1 แห่งประมวลกฎหมายอาญาเกี่ยวกับวิธีการริบทรัพย์สินตามมูลค่าเพื่อให้การริบ ทรัพย์สินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||
930 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการทำสำนวนสอบสวนร่วมกันระหว่างพนักงานสอบสวนกับพนักงานอัยการ พ.ศ. .... | ยธ | 10/03/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการทำสำนวนสอบสวนร่วมกัน ระหว่างพนักงานสอบสวนกับพนักงานอัยการ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ พนักงานสอบสวนแจ้งให้พนักงานอัยการเข้าร่วมกับพนักงานสอบสวนในการทำสำนวนสอบสวนในกรณีที่มีความ ตายเกิดขึ้นโดยการกระทำของเจ้าพนักงาน หรือตายในระหว่างอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงาน หรือในกรณีที่ ผู้ตายถูกกล่าวหาว่าต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่ โดยพนักงานอัยการอาจให้คำ แนะนำ ตรวจสอบพยานหลักฐาน ถามปากคำ หรือสั่งให้ถามปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้องได้ตั้งแต่เริ่มทำสำนวนนับ แต่โอกาสแรกเท่าที่จะพึงกระทำได้ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อ ไปได้ 2. ให้กระทรวงยุติธรรมรับข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่เห็นว่า ในการกำหนดให้พนักงานอัย การมีดุลพินิจในการที่จะถามปากคำผู้ต้องหา ผู้เสียหาย พยานหรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง นั้น พนักงานอัยการอาจใช้ ดุลพินิจในการถามปากคำผู้ต้องหา ผู้เสียหาย พยานหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องด้วยตัวเองหรือจะร่วมกับพนักงานสอบ สวนก็ได้ โดยอาจมีบางกรณีที่พนักงานอัยการเห็นว่า หากถามปากคำบุคคลใดด้วยตัวเอง โดยไม่มีพนักงานสอบ สวนอยู่ด้วย อาจจะทำให้บุคคลที่ถูกถามผ่อนคลายพอที่จะให้การตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้นได้ดีกว่าการถามปาก คำร่วมกับพนักงานสอบสวนเพื่อประโยชน์ในการทำสำนวนสอบสวนในคดีที่มีความตายเกิดขึ้นอันเกี่ยวพันกับเจ้า พนักงานซึ่งกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน ไปประกอบการพิจารณาด้วย |
||||||||||||||||||||||||
931 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดวิธีการยื่นคำร้อง เงื่อนไขและการอนุญาตขอคืนสิ่งของที่เจ้าพนักงานยึดไว้ไปดูแลรักษาหรือใช้ประโยชน์ พ.ศ. .... | ยธ | 03/03/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดวิธีการยื่นคำร้อง เงื่อนไขและการอนุญาตขอคืนสิ่งของที่เจ้า พนักงานยึดไว้ไปดูแลรักษาหรือใช้ประโยชน์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดวิธีการยื่นคำร้อง เงื่อนไขและการ อนุญาตขอคืนสิ่งของที่เจ้าพนักงานยึดไว้ซึ่งมิใช่ทรัพย์สินที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่า ผู้ใดทำหรือมีไว้เป็นความผิด ถ้า ยังไม่ได้นำสืบหรือแสดงเป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดี เจ้าของหรือผู้มีสิทธิเรียกร้องสิ่งของที่เจ้าพนักงาน ยึดไว้ อาจยื่นคำร้องต่อพนักงานสอบสวน หรือพนักงานอัยการ เพื่อขอรับสิ่งของนั้นไปดูแลรักษาหรือใช้ประโยชน์ โดยไม่มีประกันหรือมีประกัน หรือมีประกันและหลักประกันก็ได้ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ พิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ 2. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปประกอบการพิจารณดำเนินการด้วย ดังนี้ 2.1 แก้ไขนิยามคำว่า "สิ่งของ" ตามร่างข้อ 1 โดยให้หมายความว่าสิ่งของที่เจ้าพนักงานได้ยึดไว้ใน ระหว่างสอบสวนคดีอาญา ซึ่งมิใช่ทรัพย์สินที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่าผู้ใดทำหรือมีไว้เป็นความผิด และยังไม่ได้นำสืบ หรือแสดงเป็นพยานหลักฐานในการพิจารณา 2.2 เพิ่มหลักการในร่างข้อ 3 ให้มีการกำหนดสถานที่เก็บรักษาสิ่งของไว้ในคำร้องขอรับสิ่งของไปดู แลรักษาหรือใช้ประโยชน์ด้วย และร่างข้อ 5 ควรตัดความ "ให้พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการแล้วแต่กรณี แจ้งให้ผู้มีสิทธิยื่นคำร้องตามข้อ 2 ผู้ต้องหาหรือผู้เสียหายทราบถึงการยื่นคำร้องขอคืนสิ่งของเท่าที่จะทำได้" ออก ทั้งหมด 2.3 แก้ไขความในร่างข้อ 10 ตอนท้าย เป็น "ในการสั่งคืนของพนักงานอัยการให้นำความในข้อ 9 มาใช้บังคับโดยอนุโลม โดยให้ผู้ยื่นคำร้องทำสัญญาตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดกำหนด เมื่อผู้ยื่นคำร้องได้ทำ สัญญาแล้ว ให้พนักงานอัยการส่งมอบสิ่งของนั้นแก่ผู้ยื่นคำร้อง แล้วแต่กรณี" 2.4 กำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับสถานะที่ที่จะนำสิ่งของไปดูแลรักษาหรือใช้ประโยชน์เพิ่มไว้ในร่างข้อ 3 2.5 แก้ไขความในร่างข้อ 22 เป็น "ให้พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการ แล้วแต่กรณี แจ้งคำสั่ง อนุญาตหรือไม่อนุญาตคืนสิ่งของเป็นหนังสือให้ผู้ยื่นคำร้องทราบโดยไม่ชักช้า ในกรณีมีคำสั่งไม่อนุญาต ผู้ยื่นคำ ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลชั้นต้นที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอาญาดังกล่าวได้ภายในสามสิบวัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งการไม่อนุญาต"
|
||||||||||||||||||||||||
932 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์เกี่ยวกับอายุความและกำหนดความผิดเกี่ยวกับการยุติธรรมในส่วนที่เกี่ยวกับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลปกครอง และอนุญาโตตุลาการ) | ยธ | 17/02/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงยุติธรรมรับร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์เกี่ยวกับอายุความและกำหนดความผิดเกี่ยวกับการยุติธรรมในส่วน ที่เกี่ยวกับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลปกครอง และอนุญาโตตุลาการ) ไปพิจารณาปรับปรุงอีกครั้ง หนึ่ง โดยควรร่างเป็น 2 ฉบับ คือ เรื่องเกี่ยวกับอายุความ และเรื่องการกำหนดความผิดเกี่ยวกับการยุติธรรม ในตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลปกครอง และอนุญาโตตุลาการ โดยให้กระทรวงยุติธรรมรับ ความเห็นของสำนักงานศาลปกครองเกี่ยวกับหลักการของร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ แม้โดยสภาพจะสามารถตี ความได้ว่าคำว่า "ศาล" และ "ตุลาการ" ที่ระบุอยู่ในประมวลกฎหมายอาญาปัจจุบันย่อมหมายรวมถึงศาลปก ครองและตุลาการศาลปกครองอยู่ด้วยแล้ว ทั้งนี้ ตามผลของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและกฎหมายว่า ด้วยการจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครองแต่การแก้ไขถ้อยคำดังกล่าวอาจไม่ครบถ้วนตามประสงค์ ของกระทรวงยุติธรรมผู้เสนอร่างพระราชบัญญัติ ฯ โดยเฉพาะในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 170 มาตรา 192 มาตรา 198 และมาตรา 204 ฯลฯ ซึ่งผลจากการแก้ไขเพิ่มเติมไม่ครบถ้วนอาจเกิดปัญหาการตีความขึ้นใน อนาคตได้ เนื่องจากถ้อยคำที่แตกต่างกันนี้บัญญัติอยู่ในกฎหมายฉบับเดียวกัน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่งพร้อมทั้งเสนอรายงานการศึกษาหรือการวิจัยที่เกี่ยวข้องในเรื่อง นี้มาเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีด้วย |
||||||||||||||||||||||||
933 | แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์) | ยธ | 10/02/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอให้รัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรี
ว่าการกระทรวงยุติธรรม ในกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมไม่อยู่ หรืออยู่แต่ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ตามมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ตามลำดับดังนี้ 1. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี 2. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
|
||||||||||||||||||||||||
934 | ขอถอนเรื่องการเสนอรายชื่อผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ | ยธ | 03/02/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบให้ถอนเรื่องการเสนอรายชื่อผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการป้องกันและปราบ ปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ออกจากการพิจารณาของวุฒิสภา ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ แล้วแจ้ง สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบด้วย 2. ให้กระทรวงยุติธรรมเร่งพิจารณารายชื่อผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการ ป.ป.ท. ราย ใหม่ทั้ง 6 ราย เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาพิจารณาตาม ลำดับต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
935 | ขอความเห็นชอบการนำพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาใช้บังคับในส่วนของข้าราชการธุรการของสำนักงานอัยการสูงสุด | ยธ | 13/01/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้นำพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาใช้
บังคับในส่วนของข้าราชการธุรการสำนักงานอัยการสูงสุด ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ สำหรับวัน ใช้บังคับนั้น เนื่องจากพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2551 และมาตรา 131 บัญญัติความโดยสรุปว่า ลักษณะ 4 ข้าราชการพลเรือนสามัญ และลักษณะ 5 ข้าราชการ พลเรือนสามัญของทุกส่วนราชการเข้าประเภทตำแหน่ง สายงาน และระดับตำแหน่งตามมาตรฐานกำหนดตำแหน่ง และประกาศให้ทราบ ซึ่ง ก.พ. ได้ดำเนินการประกาศเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2551 จึงทำให้ลักษณะ 4 และลักษณะ 5 มีผลบังคับใช้โดยสมบูรณ์ตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2551 ดังนั้น การที่สำนักงานอัยการสูงสุดจะนำพระราชบัญญัติ ฯ โดยเฉพาะลักษณะ 4 ไปใช้บังคับ สามารถดำเนินการได้ตามมาตรา 139 แต่ไม่อาจบังคับใช้ให้ย้อนหลังไปตั้งแต่ วันที่ 26 มกราคม 2551 เพราะว่าตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2551 ดังกล่าวเป็นต้นมาสำนักงานอัยการสูงสุดได้ใช้ พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 แก่ข้าราชการธุรการตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการ ฝ่ายอัยการ พ.ศ. 2521 อยู่ตามที่มาตรา 139 บัญญัติไว้ ตามความเห็นของสำนักงาน ก.พ. ไปพิจารณา แล้วดำเนิน การให้สอดคล้องกับข้อกฎหมายต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
936 | แต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายพิชัย บุณยเกียรติ และนางภัทรมน เพ็งส้ม) | ยธ | 13/01/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
จำนวน 2 คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (13 มกราคม 2552) เป็นต้นไป ดังนี้ 1. นายพิชัย บุณยเกียรติ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม 2. นางภัทรมน เพ็งส้ม ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
|
||||||||||||||||||||||||
937 | ขอลาออกจากตำแหน่งข้าราชการการเมือง (นายภูมิพัฒน์ พชรทรัพย์) | ยธ | 09/12/2551 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบข้อมูลของกระทรวงยุติธรรมเกี่ยวกับกรณีนายภูมิพัฒน์ พชรทรัพย์ ขอลาออกจาก
ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เนื่องจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือก ตั้งแบบสัดส่วนว่างลง และตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 นายภูมิพัฒน์ พชรทรัพย์ เป็นผู้มี รายชื่อในลำดับถัดไปในบัญชีรายชื่อดังกล่าวจะได้รับการเลื่อนขึ้นเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามมาตรา 109(2) จึงขอลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกา ยน 2551
|
||||||||||||||||||||||||
938 | ร่างระเบียบกระทรวงยุติธรรม ว่าด้วยเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและเจ้าหน้าที่คดีพิเศษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 09/12/2551 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กรมสอบสวนคดีพิเศษรับร่างระเบียบกระทรวงยุติธรรม ว่าด้วยเงินเพิ่มสำหรับ
ตำแหน่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและเจ้าหน้าที่คดีพิเศษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปหารือกับกระทรวงการคลัง ให้ได้ข้อยุติก่อนแล้ว จึงนำเรื่องนี้เสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
939 | รายงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ของคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ | ยธ | 11/11/2551 | |||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||
940 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันและยกเว้นไม่ปฏิบัติตามนัยมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2541 กรณีการจัดสรรงบประมาณในปีแรก เป็นจำนวนเงินไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 | ยธ | 11/11/2551 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอดังนี้
1. อนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันสำหรับค่าก่อสร้างอาคารชุดที่พักราชการ ขนาด 18 ยูนิต 2 หลัง ของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เป็นจำนวนเงิน 33,520,000 บาท ประกอบด้วย 1.1 อาคารที่พักราชการ ขนาด 18 ยูนิต สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จังหวัดสระบุรี จำนวน 1 หลัง วงเงิน 16,480,000 บาท 1.2 อาคารชุดที่พักราชการ ขนาด 18 ยูนิต สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จังหวัดนคร ศรีธรรมราช จำนวน 1 หลัง วงเงิน 17,040,000 บาท 2. ยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2541 กรณีการจัดสรรงบ ประมาณในปีแรก เป็นจำนวนเงินไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 ของวงเงินทั้งสิ้นจำนวน 33,520,000 บาท ให้กับกรม พินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน 3. ให้กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนดำเนินการก่อสร้างอาคารชุดที่พักราชการดังกล่าวโดย ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 แผนงบประมาณ : บริหารจัดการภาครัฐ ผล ผลิต : เด็กและเยาวชนได้รับการควบคุม ดูแล บำบัดแก้ไข ฟื้นฟู และพัฒนาพฤตินิสัย งบลงทุน ลักษณะค่าสิ่ง ก่อสร้าง จำนวน 5,600,000 บาท ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณแล้ว และจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2552 ซึ่งสำนักงบประมาณได้เสนอตั้งงบประมาณรองรับไว้แล้ว จำนวน 22,400,000 บาท ส่วนงบประมาณที่ยังขาดอยู่เนื่องจากวงเงินที่อนุมัติตามผลการประกวดราคาสูงกว่าวงเงินงบประมาณที่ได้รับ จัดสรรไว้รวม 2 ปี อยู่อีกจำนวน 5,520,000 บาท ให้กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนปรับแผนการ ปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 จากรายการที่ดำเนิน การจนบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว และมีงบประมาณเหลือจ่าย หรือพิจารณาทบทวนโครงการ/รายการที่ได้รับ การจัดสรรงบประมาณไว้แล้วหมดความจำเป็น หรือมีลำดับความสำคัญต่ำมาดำเนินการเพื่อการนี้ก่อน โดย ให้ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง เมื่อร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2552 ได้ประกาศใช้เป็นกฎหมายแล้ว ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
.....