ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 42 จากทั้งหมด 97 หน้า แสดงรายการที่ 821 - 840 จากข้อมูลทั้งหมด 1923 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
821 | การขอจัดตั้ง "สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย" (Thailand Institute of Justice - TIJ) | ยธ | 28/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้จัดตั้งสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) เพื่อรับผิดชอบงานตามนโยบายสำคัญเร่งด่วนของรัฐบาล ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๓ (เรื่อง การขยายระยะเวลาของมาตรการระงับการขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่หรือขยายหน่วยงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๓) ๒. อนุมัติในหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ จัดตั้งสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทยขึ้นเป็นองค์การมหาชน ตามกฎหมายว่าด้วยองค์การมหาชน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นการล่วงหน้าก่อน และให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับเรื่องนี้พร้อมกับร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวเสนอคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการพิจารณาตามขั้นตอนโดยด่วน และแจ้งผลให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบเพื่อประกอบการตรวจพิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
822 | การจัดซื้ออาหาร เครื่องบริโภค และวัสดุเพื่อการหุงหาอาหาร กระทรวงยุติธรรม | ยธ | 28/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติขยายระยะเวลาการยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๒ (เรื่อง ขอให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบการจัดระบบการจัดซื้ออาหาร เครื่องบริโภค และวัสดุเพื่อการหุงหาอาหารในส่วนของการจัดซื้ออาหารสด (เนื้อสัตว์ และพืช) และวัสดุปรุงอาหารต่อไป เป็นเวลา ๖ เดือน นับตั้งแต่วันที่ ๓๑ มีนาคม - ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ และในระหว่างระยะเวลาดังกล่าวให้ทดลองดำเนินการจัดซื้อรายการเนื้อสัตว์ประเภทหมูและไก่ เป็นโครงการนำร่องโดยแบ่งออกเป็น ๓ กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มที่ ๑ จังหวัดกรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ กลุ่มที่ ๒ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี ชัยนาท สิงห์บุรี ลพบุรี สระบุรี อ่างทอง และสุพรรณบุรี กลุ่มที่ ๓ จังหวัดชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา ตราด ปราจีนบุรี นครนายก และสระแก้ว เป็นเวลา ๓ เดือน นับตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม - ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ โดยในระหว่างระยะเวลาดังกล่าวให้ใช้วิธีการจัดซื้อที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันและตามที่ได้รับยกเว้นอยู่ต่อไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
823 | ขออนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพลตำรวจเอก กฤษณะ ผลอนันต์) | ยธ | 28/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก และ พลตำรวจเอก กฤษณะ ผลอนันต์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด แทน พลเอก อภิชาต เพ็ญกิตติ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม และ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีตผู้บัญชาการทหารบก ที่พ้นจากตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๓ เนื่องจากเกษียณอายุราชการ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
824 | การเสนอรายชื่อบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอชื่อให้เป็นประธานกรรมการและกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (จำนวน 6 คน 1.นายโสภณ จันเทรมะ ฯลฯ) | ยธ | 22/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรายชื่อบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอชื่อให้เป็นประธานกรรมการและกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ จำนวน ๖ คน และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบตามลำดับเป็นเรื่องด่วนต่อไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายโสภณ จันเทรมะ เป็นประธานกรรมการ ๒. นายคัมภีร์ แก้วเจริญ เป็นกรรมการ ๓. นายกนก พรรณรักษา เป็นกรรมการ ๔. นายถวิล อินทรักษา เป็นกรรมการ ๕. นายประสิทธิ์ แสนศิริ เป็นกรรมการ ๖. นายปรีชา จำปารัตน์ เป็นกรรมการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
825 | การบูรณาการป้องกันทุจริตของโครงการภาครัฐ | ยธ | 22/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบให้ดำเนินการตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบและพิจารณาแนวทางการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการบูรณาการป้องทุจริตของโครงการภาครัฐ (เบื้องต้น) ไว้ชั้นหนึ่งก่อน ๑.๒ ให้กระทรวงยุติธรรม (สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ) เร่งรัดดำเนินการในขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ๑.๒.๑ จัดทำคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการบูรณาการประเมินจริยธรรมคุณธรรมภาครัฐ ภายใต้คำสั่งคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ มีวัตถุประสงค์เพื่อเชื่อมโยงกลไกการขับเคลื่อนมาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ตามยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ ๑.๒.๒ ให้คณะอนุกรรมการบูรณาการประเมินจริยธรรมฯ ที่ได้รับการแต่งตั้งนำร่างแผนปฏิบัติการ (เบื้องต้น) อันเกิดจากการประชุมหาหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับมาตรการและแนวทางการจัดทำแผนปฏิบัติการบูรณาการประเมินจริยธรรมคุณธรรมภาครัฐ เป็นข้อมูลประกอบในการจัดทำมาตรการ แนวทาง วิธีการดำเนินงานเพื่อป้องกันการทุจริตของโครงการภาครัฐภายใต้รูปแบบกลไกการติดตามประเมินผล ๑.๒.๓ การนำเสนอกรอบมาตรการ แนวทาง วิธีการดำเนินงานฯ รวมทั้งงบประมาณที่จะใช้ในการดำเนินงานขับเคลื่อนกลไกการบูรณาการป้องกันทุจริตของโครงการภาครัฐ (โดยการติดตามและประเมินผล) ของคณะอนุกรรมการบูรณาการประเมินจริยธรรมฯ ต่อคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ๑.๒.๔ หากมีความจำเป็นจะต้องว่าจ้างหน่วยงานภายนอกเพื่อดำเนินการ ให้คณะอนุกรรมการบูรณาการประเมินจริยธรรมฯ ทำการพิจารณาข้อกำหนดคุณลักษณะการดำเนินงานตามแผนงาน โครงการ กิจกรรมที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ฯ ๑.๒.๕ เมื่อปรากฏมาตรการ แนวทาง วิธีการดำเนินงานสำหรับป้องกันการทุจริตของโครงการภาครัฐ ภายใต้รูปแบบกลไกการติดตามประเมินผลแล้ว ให้คณะอนุกรรมการบูรณาการประเมินจริยธรรมฯ นำเสนอต่อคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ฯ ให้ความเห็นชอบ และนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบและสั่งการให้หน่วยงานภาครัฐถือปฏิบัติต่อไป ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรผลักดันนำองค์ความรู้ในการกำหนดตัวชี้วัดการป้องกันทุจริตที่เหมาะสมในการประเมินผลหน่วยงานเจ้าของโครงการผ่านหน่วยตรวจสอบ และหน่วยประเมินผล ที่กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) ได้พัฒนาระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-GP) ซึ่งเป็นศูนย์รวมข้อมูลการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ และสามารถนำมาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตรวจสอบโครงการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐตามแนวทางที่กำหนดการประเมินผลไว้ ส่วนอำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการบูรณาการประเมินจริยธรรมฯ จะต้องเป็นการบูรณาการอย่างจริงจังระหว่างงานของหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีหน้าที่ในการตรวจสอบและประเมินผลการบริหารหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงกลไกและเครื่องมือในการติดตามประเมินผลที่เกี่ยวกับการป้องกันการทุจริตในภาครัฐของสำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เพื่อลดภาระของผู้ถูกตรวจสอบและจูงใจให้เห็นถึงความสำคัญและจำเป็นของการยกระดับความมีคุณธรรมจริยธรรมในภาครัฐ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ส่วนเรื่องงบประมาณดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเร่งรัดดำเนินการในขั้นตอนที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จโดยเร็ว หากดำเนินการได้แล้วเสร็จและมีค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินงานให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนที่วางไว้ ให้ขอรับการสนับสนุนงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
826 | การแต่งตั้งผู้ที่จะดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (นายอำพล วงศ์ศิริ) | ยธ | 08/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายอำพล วงศ์ศิริ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ กระทรวงยุติธรรม ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
827 | บันทึกความเข้าใจระหว่างกรมสอบสวนคดีพิเศษและหน่วยงานต่างประเทศ | ยธ | 08/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบบันทึกความเข้าใจระหว่างกรมสอบสวนคดีพิเศษและหน่วยงานต่างประเทศ ๒ หน่วยงาน คือ Serious Organized Crime Agency (SOCA) ของสหราชอาณาจักร และหน่วยงาน Australian Federal Police (AFP) ของออสเตรเลีย โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือระห่วางกรมสอบสวนคดีพิเศษและหน่วยงานต่างประเทศในด้านการบังคับใช้กฎหมายเพื่อป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติและการก่อการร้าย ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
828 | ขอต่อเวลาการดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหารระดับสูง) กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ (นางสุวรรณา สุวรรณจูฑะ) | ยธ | 08/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการขอต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของนางสุวรรณา สุวรรณจูฑะ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ต่อไปอีก ๑ ปี (ครั้งที่ ๑) ตั้งแต่วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๓ ถึงวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
829 | รายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยตามอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ | ยธ | 01/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบรายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยตามอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ (International Convention on the Elimination of All Forms of Racial Discrimination - CERD) ฉบับภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ๑.๒ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการเสนอรายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยตามอนุสัญญาฯ ฉบับภาษาอังกฤษ (ฉบับสมบูรณ์) ต่อคณะกรรมการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติขององค์การสหประชาชาติ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ดังนี้ ๒.๑ หน้า ๑ ย่อหน้าที่ ๑ ควรปรับถ้อยคำในประโยค “ทั้งนี้ การลงนามเข้าเป็นภาคีของประเทศไทย มีถ้อยแถลงตีความ...” เป็น “ทั้งนี้ ในการเข้าเป็นภาคีของไทย ไทยได้จัดทำถ้อยแถลงตีความ...” เนื่องจากไทยได้เข้าเป็นภาคีอนุสัญญาฉบับนี้ด้วยการภาคยานุวัติ มิใช่การลงนาม ๒.๒ ในส่วนของเอกสารหลักของรายงานประเทศไทยตามสนธิสัญญาระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน (Common Core Document) ยังมีข้อมูลบางส่วนที่ไม่สอดคล้องกับพัฒนาการในปัจจุบัน ควรใช้เอกสารหลักที่ได้ปรับปรุงเนื้อหาที่สอดคล้องกับพัฒนาการในปัจจุบัน ภายใต้การดำเนินการของคณะกรรมการจัดทำเอกสารหลักของรายงานประเทศไทย เพื่อใช้ประกอบการจัดทำรายงานประเทศตามสนธิสัญญาระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
830 | รายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ประจำปี พ.ศ. 2552 | ยธ | 01/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) โดยการรับรายงานการทำธุรกรรมและการตรวจสอบวิเคราะห์ธุรกรรมในปี พ.ศ. ๒๕๕๒ สำนักงาน ปปง. ได้รับรายงานการทำธุรกรรมจากสถาบันการเงินทั้งสิ้น ๑,๓๘๐,๕๖๔ ธุรกรรม และได้ดำเนินการกับคดีที่ได้รับการแจ้งเบาะแสและจากฐานข้อมูลของสำนักงาน ปปง. จำนวน ๓๖๖ คดี ซึ่งเป็นคดีที่อยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบ ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๓ - สิ้นปี พ.ศ. ๒๕๕๒ ได้มีคำสั่งยึดหรืออายัดทรัพย์สิน จำนวน ๖๙๙ คดี มูลค่าทรัพย์สินรวม ๔,๑๓๐,๗๑๗,๗๑๘.๙๑ บาท โดยสำนักงาน ปปง. ได้บริหารจัดการและเก็บรักษาไว้ มีมูลค่ารวม ๓,๑๘๘,๘๖๔,๔๖๕.๙๐ บาท นอกจากนี้ ได้นำทรัพย์สินที่ศาลสั่งตกเป็นของแผ่นดินส่งกระทรวงการคลัง จำนวน ๑๓ คดี มูลค่า ๒๔,๑๐๑,๙๑๑.๑๗ บาท และได้นำทรัพย์สินที่ยึดหรืออายัดในกรณีที่เจ้าของสามารถแสดงได้ว่าตนเป็นเจ้าของที่แท้จริงและทรัพย์สินนั้นไม่ใช่ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ในปี พ.ศ. ๒๕๕๒ ส่งคืนทรัพย์สิน จำนวน ๙ คดี มูลค่าทรัพย์สินที่นำส่งคืน จำนวน ๑๑,๙๗๓,๙๓๓.๕๘ บาท ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในฐานะบังคับบัญชา สำนักงาน ปปง. เสนอ และความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ระยะเวลาในการจัดทำรายงานผลการปฏิบัติงานควรให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาไม่เกิน ๙ เดือน เพื่อคณะรัฐมนตรีจะได้นำผลการปฏิบัติงานไปกำหนดนโยบายในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการฟอกเงินได้เหมาะสมและทันการณ์ การรายงานข้อมูลสถิติต่าง ๆ ควรนำเสนอข้อมูลเปรียบเทียบย้อนหลังอย่างน้อย ๑ ปี เพื่อนำไปใช้เป็นข้อมูลในการพิจารณาติดตามและประเมินผลต่อไป การกำหนดลักษณะความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พุทธศักราช ๒๔๖๙ ให้ชัดเจนว่าลักษณะความผิดฐานใดบ้างที่เป็นความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการลักลอบหนีศุลกากร และการจัดฝึกอบรมพนักงานสอบสวนให้เข้าใจถึงลักษณะความผิดมูลฐานและความผิดฐานฟอกเงิน เป็นต้น และให้สำนักงาน ปปง. รับความเห็นดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. เห็นชอบให้นำรายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงาน ปปง. เสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป ๓. ให้สำนักงาน ปปง. เร่งรัดจัดทำรายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงาน ปปง. ในแต่ละปีให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
831 | รายงานการจัดซื้อไข่ไก่ตามมาตรการรองรับผลผลิตไข่ไก่ล้นตลาด (ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2553 - 30 พฤศจิกายน 2553) | ยธ | 01/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานการจัดซื้อไข่ไก่ตามมาตรการรองรับผลผลิตไข่ไก่ล้นตลาด โดยกรมราชทัณฑ์สามารถรับซื้อไข่ไก่ ตั้งแต่วันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๓ - ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ เป็นจำนวนปริมาณทั้งสิ้น ๔,๐๑๕,๖๒๔ ฟอง เป็นจำนวนเงิน ๑๒,๔๒๑,๘๑๘.๔๙ บาท
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
832 | ขอเสนอชื่อผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (นางสุรีย์ประภา ตรัยเวช) | ยธ | 24/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งให้นางสุรีย์ประภา ตรัยเวช เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เป็นผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภาของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
833 | ขอปรับปรุงโครงสร้างกรมสอบสวนคดีพิเศษ | ยธ | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ซึ่งได้ตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม เป็น ดังนี้
๑. กำหนดให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ มีภารกิจเกี่ยวกับการป้องกันการปราบปราม การสืบสวน และการสอบสวนคดีความผิดทางอาญาที่ต้องดำเนินการสืบสวน และสอบสวนโดยใช้วิธีการพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษ และให้มีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด ๒. กำหนดให้แบ่งส่วนราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็น ๑๗ สำนัก และให้มีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด ๓. กำหนดให้ในกรมสอบสวนคดีพิเศษ มีกลุ่มตรวจสอบภายใน และกลุ่มพัฒนาระบบบริหาร รวมทั้งให้มีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด ๔. กำหนดให้สำนักคดีอาญาพิเศษ ๑ - ๓ มีอำนาจหน้าที่ปฏิบัติงานด้านการป้องกัน การปราบปราม การสืบสวน และการสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดที่มีหรืออาจมีผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนหรือระบบเศรษฐกิจของประเทศ หรือผู้กระทำความผิดที่มีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรม ตามรายชื่อกฎหมายที่อธิบดีประกาศกำหนด รวมทั้งดำเนินคดีพิเศษนอกราชอาณาจักรตามที่ได้รับมอบหมาย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
834 | รายงานการดำเนินการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้เอาประกันภัยที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม | ยธ | 14/12/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานการดำเนินการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้
เอาประกันภัยที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม ดังนี้ ๑. ขั้นตอนการดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม ๑.๑ กรณีที่ผู้เอาประกันภัยเรียกร้องให้บริษัทผู้รับประกันภัยชดใช้ค่าสินไหม แต่บริษัทฯ ยังไม่ สามารถจ่ายให้ได้เนื่องจากมีข้อพิพาทเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องตามกรมธรรม์ประกันภัย บริษัทฯ ตกลงจะจ่าย เงินช่วยเหลือ เพื่อบรรเทาความเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัย โดยไม่เป็นการตัดสิทธิเรียกร้องตามกรมธรรม์ ประกันภัย และในการรับเงินช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยสามารถใช้แบบบันทึกข้อตกลงที่กรมคุ้มครองสิทธิและ เสรีภาพ และสมาคมประกันวินาศภัย ตกลงร่วมกัน (แบบ กคส-ปภ.๑) ๑.๒ กรณีที่ผู้เอาประกันภัยที่ได้รับเงินช่วยเหลือแล้ว หากยังไม่สามารถหาข้อยุติเกี่ยวกับสิทธิ เรียกร้องตามกรมธรรม์ประกันภัยกับผู้รับประกันภัยได้ สามารถขอให้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพจัดการ ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างผู้เอาประกันภัยและบริษัทผู้รับประกันภัยได้ ๑.๓ หากผลการไกล่เกลี่ยคู่กรณียังไม่สามารถตกลงกันได้ ผู้เอาประกันภัยอาจขอการสนับสนุน เงินกองทุนยุติธรรม เพื่อนำกรณีพิพาทเสนอต่ออนุญาโตตุลาการเพื่อวินิจฉัยชี้ขาด หรือฟ้องคดีต่อศาลโดย กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพจะให้ความช่วยเหลือแก่ผู้เอาประกันภัยที่ได้รับผลกระทบตามหลักเกณฑ์และวิธี การที่กำหนดไว้ในระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยกองทุนยุติธรรม พ.ศ. ๒๕๕๓ ๒. ดำเนินการให้ช่วยเหลือตามแนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยที่ทรัพย์สินเสียหายใน ช่วงเหตุการณ์ความไม่สงบเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๓ จำนวน ๔๑ ราย ความเสียหายตามคำร้องทุกข์รวมทั้งสิ้น ประมาณ ๖๑๖,๐๑๐,๙๗๘ บาท (ข้อมูล ณ วันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๓) โดยได้แจ้งสิทธิตามขั้นตอนการดำเนิน การให้ความช่วยเหลือแล้วทั้ง ๔๑ ราย ทั้งนี้ ผู้เอาประกันติดต่อเจรากับบริษัทผู้รับประกันภัย และได้รับเงิน ช่วยเหลือโดยพอใจขอยุติเรื่อง จำนวน ๓ ราย ไม่พอใจและประสงค์ให้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพจัดการ ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท จำนวน ๓ ราย และอยู่ระหว่างการติดต่อเจรจา จำนวน ๑๓ ราย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
835 | รายงานผลการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอุซเบกิสถานว่าด้วยความร่วมมือในการควบคุมยาเสพติด วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท และสารตั้งต้น | ยธ | 14/12/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานผลการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่าง
รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอุซเบกิสถานว่าด้วยความร่วมมือในการควบคุมยาเสพติด วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท และสารตั้งต้น โดยเมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๓ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ฝ่ายไทย กับ Mr. Rakhmatulla Mukhamedov, Director of the National the Republic of Uzbekistan ซึ่งมีตำแหน่งเทียบเท่ารัฐมนตรี เป็นผู้ลงนามฝ่ายสาธารณ รัฐอุซเบกิสถาน โดยสาระสำคัญของบันทึกความเข้าใจฯ จะมีความร่วมมือกันภายใต้กฎหมายและระเบียบข้อบังคับ ของแต่ละประเทศในเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ มาตรการเพื่อการป้องกันการใช้ยาเสพติดในทางที่ผิด มาตรการเพื่อบังคับ การให้เป็นไปตามกฎหมาย มาตรการเพื่อการควบคุมพืชเสพติด มาตรการเพื่อการควบคุมวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและ ประสาท เคมีภัณฑ์ ที่เป็นสารตั้งต้น มาตรการเพื่อการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพ รวมทั้งการปฏิบัติให้เป็น ไปตามโครงการความช่วยเหลือร่วมทางวิชาการ และการแลกเปลี่ยนข้อสนเทศทางวิชาการและทั่วไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
836 | ขอปรับปรุงโครงสร้างกรมสอบสวนคดีพิเศษ | ยธ | 25/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้กระทรวงยุติธรรมปรับปรุงโครงสร้างกรมสอบสวนคดีพิเศษ
โดยให้ถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวัน ที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ (เรื่อง นโยบายการพัฒนาระบบราชการ) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๓ (เรื่อง การขยายระยะเวลาของมาตรการระงับการขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่ หรือขยายหน่วยงานมติคณะ รัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒) โดยให้ปรับปรุงโครงสร้างกรมสอบสวนคดีพิเศษให้เป็นไปตามมติคณะ กรรมการพัฒนาระบบราชการ ครั้งที่ ๗/๒๕๕๓ และครั้งที่ ๘/๒๕๕๓ ซึ่งได้ให้ความเห็นชอบร่างกฎกระทรวงแบ่ง ส่วนราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม พ.ศ. .... ด้วยแล้ว ทั้งนี้ การยุบรวมสำนัก/กอง ตามที่คณะ กรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ ให้คงกรอบอัตรากำลังเพิ่มใหม่จำนวน ๓๐๐ อัตรา ตามนัยมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๓ (เรื่อง ขออนุมัติการปรับปรุงโครงสร้างกรมสอบสวนคดีพิเศษขออัตราข้าราชการ และพนักงานราชการ) และคงภารกิจเดิม รวมทั้งคงสิทธิประโยชน์ของข้าราชการไม่ให้น้อยไปกว่าเดิมด้วยโดยให้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการเรื่องนี้ให้แล้วเสร็จโดยด่วนต่อไปเพื่อกรมสอบสวนคดีพิเศษจะได้เริ่มปฏิบัติ งานตามโครงสร้างที่ปรับปรุงนี้ก่อน หากมีปัญหาหรืออุปสรรคในการดำเนินการประการใด ให้นำเสนอคณะ รัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
837 | ความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับร่างกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจค้าปลีกหรือค้าส่ง | ยธ | 25/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||
838 | ขอรับการสนับสนุนกรอบอัตรากำลังข้าราชการเพื่อดำเนินภารกิจแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2552 | ยธ | 16/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
๑. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) ประธานกรรมการกำหนดเป้าหมาย และนโยบายกำลังคนภาครัฐรับเรื่องขอรับการสนับสนุนกรอบอัตรากำลังข้าราชการเพื่อดำเนินภารกิจแผนสิทธิ มนุษยชนแห่งชาติ ตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๒ (เรื่อง ร่างแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติฉบับที่ ๒ ด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน) ไปประสานกับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อตรวจสอบให้ได้ข้อ ยุติว่ากระทรวงการต่างประเทศจะให้การสนับสนุนอัตรากำลังข้าราชการ รวม ๒๐ อัตรา แก่กระทรวงยุติธรรม เพื่อดำเนินภารกิจแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติดังกล่าว ได้เพียงใด หากกระทรวงการต่างประเทศให้การสนับ สนุนอัตรากำลังดังกล่าวได้ก็ให้กระทรวงยุติธรรมประสานในรายละเอียดกับกระทรวงการต่างประเทศและหน่วย งานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ในกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศไม่สามารถให้การสนับสนุนอัตรากำลังจำนวนดังกล่าวได้ ก็ อนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยว ข้องเพื่อบรรจุแต่งตั้งผู้มีคุณสมบัติและความรู้ความสามารถให้สอดคล้องกับภารกิจที่จะปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ให้คณะ กรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ และสำนักงาน ก.พ. รับไปพิจารณาการปรับลดกรอบ อัตรากำลังข้าราชการของกระทรวงการต่างประเทศที่ขอรับการจัดสรรในโอกาสต่อไป ตามความเหมาะสมด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
839 | ขอกำหนดกรอบอัตรากำลังเพิ่มใหม่ | ยธ | 16/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดกรอบอัตรากำลังเพิ่มใหม่ เพื่อปฏิบัติงานในกรมสอบสวนคดีพิเศษ รวม ๒๖๙ อัตรา จากเดิม ๓๐๐ อัตรา (คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ ได้กำหนดกรอบอัตรากำลังให้แล้ว จำนวน ๓๑ อัตรา ซึ่งเป็นตำแหน่งเจ้าหน้าที่คดีพิเศษ ประเภทวิชาการ ระดับปฏิบัติการ/ชำนาญการ) ๑.๒ ให้สำนักงบประมาณจัดสรรเงินงบประมาณ งบบุคลากร เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายด้านบุคคล ได้แก่ เงินเดือน และเงินสิทธิประโยชน์อื่น ตามที่กฎหมายกำหนดสำหรับตำแหน่งตามกรอบอัตราข้าราชการ ๓๐๐ อัตรา และพนักงานราชการ ๑๗๐ อัตรา ในคราวเดียวกัน ๒. ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเปลี่ยนแปลงเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีและปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ เพื่อรองรับการบรรจุแต่งตั้งอัตราเพิ่มใหม่ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
840 | การแก้ไขปัญหาราคาไข่ไก่ตกต่ำตามมติคณะรัฐมนตรี (ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม - 30 พฤศจิกายน 2553) | ยธ | 09/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรม โดยกรมราชทัณฑ์ รายงานความคืบหน้าในการดำเนินการแก้ไขปัญหาไข่ไก่ตกต่ำตามมติคณะรัฐมนตรี โดยกำหนดให้เรือนจำ/ทัณฑสถานปรับเปลี่ยนรายการอาหารให้ผู้ต้องขังบริโภคไข่ไก่เฉลี่ยจากเดิมคนละ ๒ ฟองต่อสัปดาห์ เป็นคนละ ๕ ฟองต่อสัปดาห์ ตามหลักโภชนาการของกระทรวงสาธารณสุข โดยกรมราชทัณฑ์สามารถสั่งซื้อไข่ไก่ได้เพิ่มขึ้นจำนวน ๔.๒ ล้านฟองต่อเดือน ทั้งนี้ เมื่อปรับเปลี่ยนรายการอาหารให้ผู้ต้องขังบริโภคไข่ไก่ปริมาณ ๕ ฟองต่อสัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๓-๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ จะสามารถช่วยรับซื้อไข่ไก่ได้ประมาณ ๕.๒๕ ล้านฟอง ในราคาระหว่างฟองละ ๒.๐๐-๓.๑๐ บาท หรือเฉลี่ยราคาฟองละ ๒.๕๐ บาท ซึ่งจะช่วยลดปริมาณไข่ไก่ออกจากตลาดได้ในระดับหนึ่ง
|
.....