ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 42 จากทั้งหมด 97 หน้า แสดงรายการที่ 821 - 840 จากข้อมูลทั้งหมด 1930 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
821 | ความเห็นและข้อเสนอแนะ เรื่อง ข้อสังเกตบางประเด็นเกี่ยวกับการปรับปรุงกฎหมาย ว่าด้วยการแข่งขันทางการค้า - รัฐวิสาหกิจและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ กฟผ., ปตท., บ. การบินไทยฯ, บขส., กสท., บ. ที โอ ทีฯ, ปณท., อสมท., องค์การเภสัชฯ, บ. ไทยออยล์ฯ, บ. บางจากปิโตรเลียมฯ, บ. ไออาร์พีซีฯ, บ. เอสโซ่ฯ และ บ. เชลล์ฯ, บ. ทรูฯ, บ. ทีทีแอนด์ทีฯ, บ. แอ๊ดวานซ์ฯ, บ. การบินกรุงเทพฯ, ธ. กรุงเทพฯ, ธ. กสิกรไทยฯ, ธ. ไทยพาณิชย์ฯ, ธุรกิจการสื่อสารฯ, ธุรกิจการบิน, ธุรกิจพลังงาน | ยธ | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะ เรื่อง ข้อสังเกตบางประเด็นเกี่ยวกับการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการแข่งขันทางการค้า เพื่อพิจารณาประกอบการปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. ๒๕๔๒ ตามที่คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายเสนอ ดังนี้
๑. มาตรการทางกฎหมาย โดยสนับสนุนให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการเกี่ยวกับการพัฒนากฎหมายว่าด้วยการแข่งขันทางการค้า ได้แก่ ๑.๑ การกำหนดขอบเขตการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการแข่งขันทางการค้า ๑.๒ พิจารณาทบทวนที่มาและองค์ประกอบของคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ๑.๓ บทกำหนดโทษ ๒. มาตรการคู่ขนาน โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค) กระทรวงการคลัง และกระทรวงพลังงาน ดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ พิจารณาปรับปรุงและพัฒนากฎหมายว่าด้วยธุรกิจพลังงานในลำดับต่อไป ๒.๒ พิจารณาสนับสนุนแนวทางการขับเคลื่อน เผยแพร่ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการดำเนินการของรัฐวิสาหกิจสาขาพลังงานปิโตรเคมีซึ่งเป็นธุรกิจกึ่งผูกขาดให้เชื่อมโยงกับประเด็นการปฏิรูปประเทศไทยคู่ขนานไปพร้อมกัน ๒.๓ พิจารณาแก้ไขกฎหมาย หรือกฎระเบียบราชการที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นกรรมการในบริษัทกึ่งรัฐวิสาหกิจที่ไม่ทำให้เกิดผลประโยชน์ขัดแย้งส่วนตัวหรือขององค์กรกับผลประโยชน์สาธารณะ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
822 | แจ้งผลคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด กรณีนายพงษ์พัฒน์ คำแคว่น ฟ้องนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมต่อศาลปกครองสูงสุด | ยธ | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอผลคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขดำที่ ฟ.๑๔/๒๕๕๑ หมายเลขแดงที่ ฟ.๕/๒๕๕๔ ระหว่างนายพงษ์พัฒน์ คำแคว่น ผู้ฟ้องคดีนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ผู้ถูกฟ้องคดี โดยศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษายกฟ้องคดีดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
823 | ร่างพระราชกฤษฎีกาค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายอื่นในการปฏิบัติหน้าที่ของประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการปฏิรูปกฎหมาย พ.ศ. .... | ยธ | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายอื่นในการปฏิบัติหน้าที่ของประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการปฏิรูปกฎหมาย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายอื่นในการปฏิบัติหน้าที่ของประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ตามที่สำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายเสนอ โดยค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายอื่นของคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย เห็นควรกำหนดให้ได้รับในอัตราเดียวกับหน่วยงานตามรัฐธรรมนูญ เช่น ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประธานกรรมการและคณะกรรมการการเลือกตั้งผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา ประธานกรรมการและกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และประธานกรรมการและกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน โดยให้ประธานกรรมการได้รับค่าตอบแทนในอัตราไม่เกินเดือนละ ๖๔,๐๐๐ บาท รองประธานกรรมการและกรรมการที่ปฏิบัติหน้าที่เต็มเวลาในอัตราไม่เกินเดือนละ ๖๒,๐๐๐ บาท สำหรับเงินประจำตำแหน่งให้เป็นไปตามร่างพระราชกฤษฎีกาที่เสนอ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และส่งร่างพระราชกฤษฎีกาฯ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรแก้ไขความในร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มาตรา ๕ วรรคแรก เป็นดังนี้ “มาตรา ๕ ให้คณะกรรมการได้รับค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปปฏิบัติงาน ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการจ่ายเงินให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง” ทั้งนี้ เพื่อให้การกำหนดค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็นไปอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับฐานะการคลังของประเทศ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ สำหรับงบประมาณรายจ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้ใช้จ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่นายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบในหลักการแล้ว จำนวน ๔๒,๕๗๕,๑๐๐ บาท และให้สำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าวในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
824 | ขออนุมัติงบกลาง ประจำปีงบประมาณ 2554 เพื่อดำเนินการตามปฏิบัติการ "ประเทศไทยเข้มแข็ง ชนะยาเสพติดยั่งยืน ภายใต้ยุทธศาสตร์ 5 รั้วป้องกัน ระยะที่ 3" ในห้วงเดือนเมษายน - กันยายน 2554 | ยธ | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) เบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการตามปฏิบัติการ “ประเทศไทยเข้มแข็ง ชนะยาเสพติดยั่งยืน ภายใต้ยุทธศาสตร์ ๕ รั้วป้องกัน ระยะที่ ๓” ในห้วงเดือนเมษายน - กันยายน ๒๕๕๔ ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๓ โครงการ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเสนอ โดยในส่วนของงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ โครงการสนับสนุนการดำเนินงานด้านการบำบัดรักษาผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบังคับบำบัดรักษาผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดในหน่วยงานพหุภาคี จำนวน ๗๕,๙๓๖,๐๐๐ บาท และการก่อสร้าง/ปรับปรุงอาคารเรือนนอนและสิ่งจำเป็นที่เกี่ยวเนื่องกับการควบคุมตัวผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ จำนวน ๙,๔๗๗,๓๐๐ บาท รวมทั้งสิ้น ๘๕,๔๑๓,๓๐๐ บาท ๑.๒ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เพื่อเป็นค่าปฏิบัติงานด้านการข่าว จำนวน ๓๐,๓๑๐,๐๐๐ บาท ค่าวัสดุวิทยาศาสตร์หรือการแพทย์ จำนวน ๒,๐๙๒,๕๐๐ บาท และเครื่องมือและอุปกรณ์ประจำด่านตรวจ/จุดตรวจ จำนวน ๖,๘๐๑,๐๐๐ บาท รวมทั้งสิ้น ๓๙,๒๐๓,๕๐๐ บาท ๑.๓ โครงการอำนวยการประสานงานสกัดกั้นและแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของกำลังพลชุดปฏิบัติการของศูนย์อำนวยการประสานงานสกัดกั้นและแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือ (ศอ.ปชน.) จำนวน ๑๖,๐๕๘,๙๐๐ บาท ๒. ให้สำนักงาน ป.ป.ส. บูรณาการแผนงาน/โครงการและงบประมาณร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายละเอียดเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานและการเบิกจ่ายเงินงบกลาง ตามปฏิบัติการ “ประเทศไทยเข้มแข็ง ชนะยาเสพติดยั่งยืน ภายใต้ยุทธศาสตร์ ๕ รั้วป้องกัน ระยะที่ ๓” ให้สำนักงบประมาณทราบทุกเดือนด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
825 | การลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐเกาหลี | ยธ | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานอัยการสูงสุดของสาธารณรัฐเกาหลีและหน่วยงานกลางด้านยาเสพติดของประเทศสมาชิกสมาคมอาเซียนว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์ประสานงานข้อมูลข่าวสารเพื่อการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมยาเสพติดในเอเชียและแปซิฟิก โดยบันทึกความเข้าใจฯ มีวัตถุประสงค์หลักในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารด้านอาชญากรรมยาเสพติด ซึ่งจำเป็นต่อการปฏิบัติการร่วมกันและการสืบสวนร่วม (Joint Operation/investigation) เพื่อปราบปรามกลุ่มนักค้ายาเสพติดรายใหญ่และเครือข่ายค้ายาเสพติดข้ามชาติ รวมทั้งเพื่อเป็นการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ เช่น การพัฒนาศักยภาพหน่วยงานกลางด้านยาเสพติดด้วยการสนับสนุนอุปกรณ์ ความช่วยเหลือทางวิชาการ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และการฝึกอบรมบุคลากร ๒. อนุมัติให้เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเป็นผู้แทนฝ่ายไทยในการลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ กับอธิบดี (Director - General) ของสำนักงานอัยการสูงสุดของสาธารณรัฐเกาหลี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
826 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการขายทอดตลาด พ.ศ. .... | ยธ | 04/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการขายทอดตลาด พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญคือ
๑. กำหนดให้กฎกระทรวงนี้ไม่ให้ใช้บังคับแก่การขายทอดตลาดทรัพย์สินที่กำหนดวันขายทอดตลาดไว้ไม่เกิน ๖๐ วันหลังวันที่กฎกระทรวงนี้มีผลใช้บังคับ ๒. กำหนดให้เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดโดยเร็ว รวมทั้งประกาศขายทอดตลาดให้จัดทำเป็นหนังสือ และต้องมีรายการตามที่กำหนด ๓. กำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับราคาเริ่มต้นและการส่งประกาศขายทอดตลาด การปิดประกาศขายทอดตลาด สถานที่ปิดประกาศขายทอดตลาด ๔. กำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับการเสนอราคา ๕. กำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการขายทอดตลาด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
827 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดคดีพิเศษเพิ่มเติมตามกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 28/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมกันพิจารณาคดีพิเศษเพิ่มเติม จำนวน ๒๔ คดี ในร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดคดีพิเศษเพิ่มเติมตามกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ว่า การเพิ่มคดีพิเศษดังกล่าวมีเหตุผลและความจำเป็นเช่นใด โดยให้เชิญส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับคดีพิเศษที่กำหนดเพิ่มเติมดังกล่าวเข้าร่วมพิจารณาด้วย แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง สำหรับคดีพิเศษเพิ่มเติม จำนวน ๒๔ คดี ประกอบด้วย
๑. คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ๒. คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า ๓. คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ๔. คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการประกันชีวิต ๕. คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการประกันวินาศภัย ๖. คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ๗. คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี ๘. คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ๙. คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ ๑๐. คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติ ๑๑. คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยอุทยานแห่งชาติ ๑๒. คดีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน ๑๓. คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยแร่ ๑๔. คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน ๑๕. คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ๑๖. คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ๑๗. คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ๑๘. คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ๑๙. คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน ๒๐. คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยเครื่องสำอาง ๒๑. คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุอันตราย ๒๒. คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยยา ๒๓. คดีความคิดตามกฎหมายว่าด้วยอาหาร ๒๔. คดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา เฉพาะความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร คดีความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายและคดีความผิดเกี่ยวกับหนังสือเดินทาง |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
828 | การขอจัดตั้ง "สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย" (Thailand Institute of Justice - TIJ) | ยธ | 28/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้จัดตั้งสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) เพื่อรับผิดชอบงานตามนโยบายสำคัญเร่งด่วนของรัฐบาล ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๓ (เรื่อง การขยายระยะเวลาของมาตรการระงับการขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่หรือขยายหน่วยงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๓) ๒. อนุมัติในหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ จัดตั้งสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทยขึ้นเป็นองค์การมหาชน ตามกฎหมายว่าด้วยองค์การมหาชน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นการล่วงหน้าก่อน และให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับเรื่องนี้พร้อมกับร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวเสนอคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการพิจารณาตามขั้นตอนโดยด่วน และแจ้งผลให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบเพื่อประกอบการตรวจพิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
829 | การจัดซื้ออาหาร เครื่องบริโภค และวัสดุเพื่อการหุงหาอาหาร กระทรวงยุติธรรม | ยธ | 28/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติขยายระยะเวลาการยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๒ (เรื่อง ขอให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบการจัดระบบการจัดซื้ออาหาร เครื่องบริโภค และวัสดุเพื่อการหุงหาอาหารในส่วนของการจัดซื้ออาหารสด (เนื้อสัตว์ และพืช) และวัสดุปรุงอาหารต่อไป เป็นเวลา ๖ เดือน นับตั้งแต่วันที่ ๓๑ มีนาคม - ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ และในระหว่างระยะเวลาดังกล่าวให้ทดลองดำเนินการจัดซื้อรายการเนื้อสัตว์ประเภทหมูและไก่ เป็นโครงการนำร่องโดยแบ่งออกเป็น ๓ กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มที่ ๑ จังหวัดกรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ กลุ่มที่ ๒ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี ชัยนาท สิงห์บุรี ลพบุรี สระบุรี อ่างทอง และสุพรรณบุรี กลุ่มที่ ๓ จังหวัดชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา ตราด ปราจีนบุรี นครนายก และสระแก้ว เป็นเวลา ๓ เดือน นับตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม - ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ โดยในระหว่างระยะเวลาดังกล่าวให้ใช้วิธีการจัดซื้อที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันและตามที่ได้รับยกเว้นอยู่ต่อไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
830 | ขออนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพลตำรวจเอก กฤษณะ ผลอนันต์) | ยธ | 28/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก และ พลตำรวจเอก กฤษณะ ผลอนันต์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด แทน พลเอก อภิชาต เพ็ญกิตติ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม และ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีตผู้บัญชาการทหารบก ที่พ้นจากตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๓ เนื่องจากเกษียณอายุราชการ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
831 | การเสนอรายชื่อบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอชื่อให้เป็นประธานกรรมการและกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (จำนวน 6 คน 1.นายโสภณ จันเทรมะ ฯลฯ) | ยธ | 22/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรายชื่อบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอชื่อให้เป็นประธานกรรมการและกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ จำนวน ๖ คน และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบตามลำดับเป็นเรื่องด่วนต่อไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายโสภณ จันเทรมะ เป็นประธานกรรมการ ๒. นายคัมภีร์ แก้วเจริญ เป็นกรรมการ ๓. นายกนก พรรณรักษา เป็นกรรมการ ๔. นายถวิล อินทรักษา เป็นกรรมการ ๕. นายประสิทธิ์ แสนศิริ เป็นกรรมการ ๖. นายปรีชา จำปารัตน์ เป็นกรรมการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
832 | การบูรณาการป้องกันทุจริตของโครงการภาครัฐ | ยธ | 22/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบให้ดำเนินการตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบและพิจารณาแนวทางการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการบูรณาการป้องทุจริตของโครงการภาครัฐ (เบื้องต้น) ไว้ชั้นหนึ่งก่อน ๑.๒ ให้กระทรวงยุติธรรม (สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ) เร่งรัดดำเนินการในขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ๑.๒.๑ จัดทำคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการบูรณาการประเมินจริยธรรมคุณธรรมภาครัฐ ภายใต้คำสั่งคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ มีวัตถุประสงค์เพื่อเชื่อมโยงกลไกการขับเคลื่อนมาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ตามยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ ๑.๒.๒ ให้คณะอนุกรรมการบูรณาการประเมินจริยธรรมฯ ที่ได้รับการแต่งตั้งนำร่างแผนปฏิบัติการ (เบื้องต้น) อันเกิดจากการประชุมหาหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับมาตรการและแนวทางการจัดทำแผนปฏิบัติการบูรณาการประเมินจริยธรรมคุณธรรมภาครัฐ เป็นข้อมูลประกอบในการจัดทำมาตรการ แนวทาง วิธีการดำเนินงานเพื่อป้องกันการทุจริตของโครงการภาครัฐภายใต้รูปแบบกลไกการติดตามประเมินผล ๑.๒.๓ การนำเสนอกรอบมาตรการ แนวทาง วิธีการดำเนินงานฯ รวมทั้งงบประมาณที่จะใช้ในการดำเนินงานขับเคลื่อนกลไกการบูรณาการป้องกันทุจริตของโครงการภาครัฐ (โดยการติดตามและประเมินผล) ของคณะอนุกรรมการบูรณาการประเมินจริยธรรมฯ ต่อคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ๑.๒.๔ หากมีความจำเป็นจะต้องว่าจ้างหน่วยงานภายนอกเพื่อดำเนินการ ให้คณะอนุกรรมการบูรณาการประเมินจริยธรรมฯ ทำการพิจารณาข้อกำหนดคุณลักษณะการดำเนินงานตามแผนงาน โครงการ กิจกรรมที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ฯ ๑.๒.๕ เมื่อปรากฏมาตรการ แนวทาง วิธีการดำเนินงานสำหรับป้องกันการทุจริตของโครงการภาครัฐ ภายใต้รูปแบบกลไกการติดตามประเมินผลแล้ว ให้คณะอนุกรรมการบูรณาการประเมินจริยธรรมฯ นำเสนอต่อคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ฯ ให้ความเห็นชอบ และนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบและสั่งการให้หน่วยงานภาครัฐถือปฏิบัติต่อไป ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรผลักดันนำองค์ความรู้ในการกำหนดตัวชี้วัดการป้องกันทุจริตที่เหมาะสมในการประเมินผลหน่วยงานเจ้าของโครงการผ่านหน่วยตรวจสอบ และหน่วยประเมินผล ที่กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) ได้พัฒนาระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-GP) ซึ่งเป็นศูนย์รวมข้อมูลการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ และสามารถนำมาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตรวจสอบโครงการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐตามแนวทางที่กำหนดการประเมินผลไว้ ส่วนอำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการบูรณาการประเมินจริยธรรมฯ จะต้องเป็นการบูรณาการอย่างจริงจังระหว่างงานของหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีหน้าที่ในการตรวจสอบและประเมินผลการบริหารหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงกลไกและเครื่องมือในการติดตามประเมินผลที่เกี่ยวกับการป้องกันการทุจริตในภาครัฐของสำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เพื่อลดภาระของผู้ถูกตรวจสอบและจูงใจให้เห็นถึงความสำคัญและจำเป็นของการยกระดับความมีคุณธรรมจริยธรรมในภาครัฐ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ส่วนเรื่องงบประมาณดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเร่งรัดดำเนินการในขั้นตอนที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จโดยเร็ว หากดำเนินการได้แล้วเสร็จและมีค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินงานให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนที่วางไว้ ให้ขอรับการสนับสนุนงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
833 | การแต่งตั้งผู้ที่จะดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (นายอำพล วงศ์ศิริ) | ยธ | 08/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายอำพล วงศ์ศิริ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ กระทรวงยุติธรรม ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
834 | บันทึกความเข้าใจระหว่างกรมสอบสวนคดีพิเศษและหน่วยงานต่างประเทศ | ยธ | 08/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบบันทึกความเข้าใจระหว่างกรมสอบสวนคดีพิเศษและหน่วยงานต่างประเทศ ๒ หน่วยงาน คือ Serious Organized Crime Agency (SOCA) ของสหราชอาณาจักร และหน่วยงาน Australian Federal Police (AFP) ของออสเตรเลีย โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือระห่วางกรมสอบสวนคดีพิเศษและหน่วยงานต่างประเทศในด้านการบังคับใช้กฎหมายเพื่อป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติและการก่อการร้าย ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
835 | ขอต่อเวลาการดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหารระดับสูง) กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ (นางสุวรรณา สุวรรณจูฑะ) | ยธ | 08/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการขอต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของนางสุวรรณา สุวรรณจูฑะ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ต่อไปอีก ๑ ปี (ครั้งที่ ๑) ตั้งแต่วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๓ ถึงวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
836 | รายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยตามอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ | ยธ | 01/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบรายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยตามอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ (International Convention on the Elimination of All Forms of Racial Discrimination - CERD) ฉบับภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ๑.๒ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการเสนอรายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยตามอนุสัญญาฯ ฉบับภาษาอังกฤษ (ฉบับสมบูรณ์) ต่อคณะกรรมการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติขององค์การสหประชาชาติ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ดังนี้ ๒.๑ หน้า ๑ ย่อหน้าที่ ๑ ควรปรับถ้อยคำในประโยค “ทั้งนี้ การลงนามเข้าเป็นภาคีของประเทศไทย มีถ้อยแถลงตีความ...” เป็น “ทั้งนี้ ในการเข้าเป็นภาคีของไทย ไทยได้จัดทำถ้อยแถลงตีความ...” เนื่องจากไทยได้เข้าเป็นภาคีอนุสัญญาฉบับนี้ด้วยการภาคยานุวัติ มิใช่การลงนาม ๒.๒ ในส่วนของเอกสารหลักของรายงานประเทศไทยตามสนธิสัญญาระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน (Common Core Document) ยังมีข้อมูลบางส่วนที่ไม่สอดคล้องกับพัฒนาการในปัจจุบัน ควรใช้เอกสารหลักที่ได้ปรับปรุงเนื้อหาที่สอดคล้องกับพัฒนาการในปัจจุบัน ภายใต้การดำเนินการของคณะกรรมการจัดทำเอกสารหลักของรายงานประเทศไทย เพื่อใช้ประกอบการจัดทำรายงานประเทศตามสนธิสัญญาระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
837 | รายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ประจำปี พ.ศ. 2552 | ยธ | 01/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) โดยการรับรายงานการทำธุรกรรมและการตรวจสอบวิเคราะห์ธุรกรรมในปี พ.ศ. ๒๕๕๒ สำนักงาน ปปง. ได้รับรายงานการทำธุรกรรมจากสถาบันการเงินทั้งสิ้น ๑,๓๘๐,๕๖๔ ธุรกรรม และได้ดำเนินการกับคดีที่ได้รับการแจ้งเบาะแสและจากฐานข้อมูลของสำนักงาน ปปง. จำนวน ๓๖๖ คดี ซึ่งเป็นคดีที่อยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบ ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๓ - สิ้นปี พ.ศ. ๒๕๕๒ ได้มีคำสั่งยึดหรืออายัดทรัพย์สิน จำนวน ๖๙๙ คดี มูลค่าทรัพย์สินรวม ๔,๑๓๐,๗๑๗,๗๑๘.๙๑ บาท โดยสำนักงาน ปปง. ได้บริหารจัดการและเก็บรักษาไว้ มีมูลค่ารวม ๓,๑๘๘,๘๖๔,๔๖๕.๙๐ บาท นอกจากนี้ ได้นำทรัพย์สินที่ศาลสั่งตกเป็นของแผ่นดินส่งกระทรวงการคลัง จำนวน ๑๓ คดี มูลค่า ๒๔,๑๐๑,๙๑๑.๑๗ บาท และได้นำทรัพย์สินที่ยึดหรืออายัดในกรณีที่เจ้าของสามารถแสดงได้ว่าตนเป็นเจ้าของที่แท้จริงและทรัพย์สินนั้นไม่ใช่ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ในปี พ.ศ. ๒๕๕๒ ส่งคืนทรัพย์สิน จำนวน ๙ คดี มูลค่าทรัพย์สินที่นำส่งคืน จำนวน ๑๑,๙๗๓,๙๓๓.๕๘ บาท ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในฐานะบังคับบัญชา สำนักงาน ปปง. เสนอ และความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ระยะเวลาในการจัดทำรายงานผลการปฏิบัติงานควรให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาไม่เกิน ๙ เดือน เพื่อคณะรัฐมนตรีจะได้นำผลการปฏิบัติงานไปกำหนดนโยบายในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการฟอกเงินได้เหมาะสมและทันการณ์ การรายงานข้อมูลสถิติต่าง ๆ ควรนำเสนอข้อมูลเปรียบเทียบย้อนหลังอย่างน้อย ๑ ปี เพื่อนำไปใช้เป็นข้อมูลในการพิจารณาติดตามและประเมินผลต่อไป การกำหนดลักษณะความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พุทธศักราช ๒๔๖๙ ให้ชัดเจนว่าลักษณะความผิดฐานใดบ้างที่เป็นความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการลักลอบหนีศุลกากร และการจัดฝึกอบรมพนักงานสอบสวนให้เข้าใจถึงลักษณะความผิดมูลฐานและความผิดฐานฟอกเงิน เป็นต้น และให้สำนักงาน ปปง. รับความเห็นดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. เห็นชอบให้นำรายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงาน ปปง. เสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป ๓. ให้สำนักงาน ปปง. เร่งรัดจัดทำรายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงาน ปปง. ในแต่ละปีให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
838 | รายงานการจัดซื้อไข่ไก่ตามมาตรการรองรับผลผลิตไข่ไก่ล้นตลาด (ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2553 - 30 พฤศจิกายน 2553) | ยธ | 01/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานการจัดซื้อไข่ไก่ตามมาตรการรองรับผลผลิตไข่ไก่ล้นตลาด โดยกรมราชทัณฑ์สามารถรับซื้อไข่ไก่ ตั้งแต่วันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๓ - ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ เป็นจำนวนปริมาณทั้งสิ้น ๔,๐๑๕,๖๒๔ ฟอง เป็นจำนวนเงิน ๑๒,๔๒๑,๘๑๘.๔๙ บาท
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
839 | ขอเสนอชื่อผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (นางสุรีย์ประภา ตรัยเวช) | ยธ | 24/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งให้นางสุรีย์ประภา ตรัยเวช เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เป็นผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภาของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
840 | ขอปรับปรุงโครงสร้างกรมสอบสวนคดีพิเศษ | ยธ | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ซึ่งได้ตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม เป็น ดังนี้
๑. กำหนดให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ มีภารกิจเกี่ยวกับการป้องกันการปราบปราม การสืบสวน และการสอบสวนคดีความผิดทางอาญาที่ต้องดำเนินการสืบสวน และสอบสวนโดยใช้วิธีการพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษ และให้มีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด ๒. กำหนดให้แบ่งส่วนราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็น ๑๗ สำนัก และให้มีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด ๓. กำหนดให้ในกรมสอบสวนคดีพิเศษ มีกลุ่มตรวจสอบภายใน และกลุ่มพัฒนาระบบบริหาร รวมทั้งให้มีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด ๔. กำหนดให้สำนักคดีอาญาพิเศษ ๑ - ๓ มีอำนาจหน้าที่ปฏิบัติงานด้านการป้องกัน การปราบปราม การสืบสวน และการสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดที่มีหรืออาจมีผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนหรือระบบเศรษฐกิจของประเทศ หรือผู้กระทำความผิดที่มีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรม ตามรายชื่อกฎหมายที่อธิบดีประกาศกำหนด รวมทั้งดำเนินคดีพิเศษนอกราชอาณาจักรตามที่ได้รับมอบหมาย
|
.....