คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอแต่งตั้ง คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ให้ดำรง
ตำแหน่งผู้อำนวยการ  (นักบริหาร 10)  สถาบันนิติวิทยาศาสตร์  กระทรวงยุติธรรม  ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณา
โปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอแต่งตั้ง นายสุนัย มโนมัยอุดม ให้ดำรงตำแหน่ง
เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (นักบริหาร 10) สำนักงานคณะกรรมการ
ป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ กระทรวงยุติธรรม  ตั้งแต่วันที่  25  กุมภาพันธ์  2551 ซึ่งเป็นวันที่มี
คำสั่งให้รักษาราชการแทนในตำแหน่งดังกล่าว ส่วนการใช้เงินงบกลาง  จำนวน  1,126,260  บาท  เพื่อเป็นเงิน
เดือน เงินประจำตำแหน่ง และเงินตอบแทนพิเศษ นั้น ให้ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอการต่อระยะเวลาการดำรงตำแหน่งของ นาย
วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้อำนวยการ  (นักบริหาร 10)  สำนักงานกิจการยุติ
ธรรม กระทรวงยุติธรรม ต่อไปอีก 1 ปี (ครั้งที่ 2) ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2551 ถึงวันที่ 23 มีนาคม 2552

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ
และแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแทน  จำนวน  4  คน  ประกอบ
ด้วย พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก  พลตำรวจเอก สวัสดิ์ อมรวิวัฒน์  พลตำรวจโท วุฒิ วิทิตานนท์
จเรตำรวจ (สบ 8) และนายโกสินทร์ เกษทอง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (18 มีนาคม 2551) เป็นต้น
ไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนัก
งานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ กระทรวงยุติธรรม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนด
อำนาจหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ  และจัดแบ่งส่วนราชการของ
สำนักงาน ฯ ออกเป็น  18  สำนัก/กอง/ศูนย์  และกำหนดอำนาจหน้าที่  รวมทั้งกำหนดให้มีกลุ่มตรวจสอบภายใน
กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร  และกำหนดอำนาจหน้าที่  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา กับ
ให้  ก.พ.ร.  เร่งพิจารณาโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการ และการกำหนดอำนาจหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการ
ป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ  (สำนักงาน ป.ป.ง.)  ให้แล้วเสร็จ  แล้วส่งผลการพิจารณาไปเพื่อสำนัก
งานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา  แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้  และให้ ก.พ. คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและ
นโยบายกำลังคนภาครัฐ  ตลอดจนหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องพิจารณาให้การสนับสนุนในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อ
ให้สำนักงาน ป.ป.ท.  สามารถปฏิบัติงานตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดได้โดยเร็วต่อไป  ทั้งนี้  ในส่วนของงบ
ประมาณค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง ให้ประสานขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ แล้วดำเนินการต่อไปได้

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอแต่งตั้ง นายสุรพล เอกโยคยะ ดำรงตำแหน่งที่
ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และนายถาวร  ตรีรัตน์ณรงค์  ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงยุติธรรม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (20 กุมภาพันธ์ 2551) เป็นต้นไป

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมควบคุม
ประพฤติ กระทรวงยุติธรรม พ.ศ. ....  มีสาระสำคัญคือ จัดตั้งสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดเป็นราชการบริหารส่วน
ภูมิภาคขึ้นในกรมคุมประพฤติ  กระทรวงยุติธรรม   และกำหนดอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานดังกล่าว   และร่างกฎ
กระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมบังคับคดี  กระทรวงยุติธรรม  พ.ศ. ....  มีสาระสำคัญคือ   จัดตั้งสำนักงานบังคับคดี
จังหวัดเป็นราชการบริหารส่วนภูมิภาคขึ้นในกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม และกำหนดอำนาจหน้าที่ของหน่วย
งานดังกล่าว ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการจัดทำแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ ๒ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
               ๑. กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยพิจารณากำหนดชื่อที่มีความเหมาะสม โดยใช้ชื่อว่า “แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ ๒” โดยแผนดังกล่าวจะประกอบด้วย ๓ ระดับ คือ ระดับยุทธศาสตร์ กลยุทธ์ และแผนปฏิบัติการ
               ๒. การจัดทำแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ ๒ ประกอบด้วย
                   ๒.๑ ระยะเตรียมการ ในปี พ.ศ. ๒๕๔๙ ได้แก่ การติดตามผลการปฏิบัติตามนโยบายและแผนปฏิบัติการแม่บทแห่งชาติด้านสิทธิมนุษยชน (แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ ๑) ศึกษาสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานตามกรอบรัฐธรรมนูญในบริบทของสังคมไทยและมาตรฐานสากลระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน และการวางกรอบนโยบายและแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ ๒ สำหรับในปี พ.ศ. ๒๕๔๙ - ๒๕๕๐ ได้เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขอความเห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามนโยบายและแผนปฏิบัติการแม่บทแห่งชาติด้านสิทธิมนุษยชน (แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ ๑) ไปพลางก่อน จนกว่าแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ ๒ จะแล้วเสร็จและประกาศใช้ ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบเมื่อวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๕๐
                   ๒.๒ ระยะดำเนินการ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๐ ได้มีการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนใน ๔ ภูมิภาคและกรุงเทพมหานครเพื่อจัดทำเค้าโครงแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ ๒ สำหรับในปี พ.ศ. ๒๕๕๐ - ๒๕๕๑ อยู่ระหว่างการดำเนินการพัฒนาวิทยากรกลาง และวิทยากรภาคสนาม เพื่อจัดกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการจัดทำแผนสิทธิมนุษยชนในระดับพื้นที่ทั้ง ๔ ภูมิภาค และกรุงเทพมหานคร การจัดทำแผนสิทธิมนุษยชนในระดับพื้นที่ ๔ ภูมิภาค และกรุงเทพมหานคร และการจัดทำร่างแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ ๒ (พัฒนามาจากแผนสิทธิมนุษยชนในระดับพื้นที่ ๔ ภูมิภาค และกรุงเทพมหานคร)

              สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอว่า กระทรวงยุติธรรมได้มีคำสั่งที่ 15/2551 ลงวันที่ 11 มกราคม
2551 ให้นายอนันตชัย คุณานันทกุล พ้นจากตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

                คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยกองทุนลานกีฬาต้านยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....  มีสาระสำคัญคือ แก้ไของค์ประกอบคณะกรรมการกอง
ทุนลานกีฬาต้านยาเสพติด ให้ประกอบด้วยปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธาน ผู้แทนกระทรวงการท่องเที่ยวและ
กีฬาและกระทรวงศึกษาธิการ ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งจำนวนไม่เกิน 2 คน เป็นกรรมการ โดยมีเลขา
ธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเป็นกรรมการและเลขานุการ  และให้ส่งคณะกรรมการตรวจ
สอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานสรุปผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะ
กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..)  พ.ศ. ....
พิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....  ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่
ให้ใช้มาตรการควบคุมความประพฤติควบคู่ไปกับการลงโทษผู้กระทำความผิด  โดยกระทรวงยุติธรรมเห็นว่าแนวคิดใน
การพัฒนามาตรการลงโทษ และแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำความผิด   จะเปิดช่องให้อำนาจศาลกว้างขึ้นในการสั่งคุมประพฤติ
โดยไม่ถูกจำกัดด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา  56  ที่กำหนดให้ศาลต้องรอลงอาญาและคุมความประพฤติในคดี
ที่ศาลจะลงโทษจำคุกไม่เกินสามปีเท่านั้น  โดยอาจต้องมีการแก้ไขกฎหมายหลายฉบับ ซึ่งปัจจุบันได้ดำเนินการศึกษา
วิจัยถึงแนวทางและความเป็นไปได้ในการนำมาตรการลงโทษระดับกลางมาใช้เพื่อเป็นทางเลือกในการลงโทษผู้กระทำ
ความผิดในกระบวนการยุติธรรมทางอาญาของไทย  ประกอบกับสำนักงานศาลยุติธรรมมีความเห็นเกี่ยวกับการแก้ไข
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56  นั้น  จะเป็นมาตรการทางเลือกให้ศาลได้ใช้ดุลยพินิจในการลงโทษพร้อมทั้งแก้ไข
บำบัดฟื้นฟูผู้กระทำความผิดไปในขณะเดียวกันอันอาจแก้ไขปัญหาผู้กระทำความผิดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นทั้ง
ในด้านวัตถุประสงค์ของการลงโทษและการฟื้นฟูผู้กระทำความผิด

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอร่างพระราชบัญญัติไกล่เกลี่ยข้อพิพาทคดี
อาญาในชั้นสอนสวน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทคดีอาญาในชั้นสอบสวน
ที่เกี่ยวกับความผิด อันยอมความได้  ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท  ความผิดลหุโทษ  และความผิดที่มีอัตราโทษ
จำคุกอย่างสูงไม่เกินห้าปี และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยรับความเห็นของส่วนราช
การที่เกี่ยวข้องและข้อสังเกตของคณะอนุกรรมการด้านประสานงานและบริหารจัดการกระบวนการยุติธรรมกรณีที่
พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2550  มาตรา 61/1 กำหนดให้ความผิดอันยอม
ความได้ และมิใช่ความผิดเกี่ยวกับเพศ เป็นความผิดที่สามารถไกล่เกลี่ยได้  หากผู้เสียหายและผู้ถูกกล่าวหายินยอม
ซึ่งต่างกับร่างพระราชบัญญัติไกล่เกลี่ย ฯ  ที่กำหนดให้คดีความผิดอันยอมความได้ คดีความผิดลหุโทษ คดีความผิด
ที่ได้กระทำโดยประมาท  คดีความผิดที่มีโทษจำคุกอย่างสูงไม่เกินห้าปี  ให้ไกล่เกลี่ยได้  ซึ่งอาจเป็นหลักการที่กว้าง
เกินไปและร่างพระราชบัญญัติไกล่เกลี่ย ฯ อาจมีความซ้ำซ้อนกับพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ฯ
และกำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการไกล่เกลี่ยในระดับสถานีตำรวจให้มีประชาชนที่มีความรู้ มีประสบการณ์
ในการไกล่เกลี่ยเข้ามามีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น รวมถึงมีกระบวนการสรรหาที่มีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาด้วย  แล้วนำ
เสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ต่อไป

             คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่ประธานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายเสนอให้ นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ
ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการยุติธรรม (นักบริหาร 10) ทำหน้าที่เลขานุการคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย และ
ให้สำนักงานกิจการยุติธรรมเป็นหน่วยธุรการของคณะกรรมการ แทนสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี  สำหรับค่า
ตอบแทนที่กำหนดเป็นเบี้ยประชุมรายเดือนของคณะกรรมการ   ให้คณะกรรมการได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือน
ในอัตราประธานกรรมการเดือนละ 10,000 บาท กรรมการเดือนละ 8,000 บาท ส่วนค่าตอบแทนอนุกรรมการ
ให้สำนักงานกิจการยุติธรรมขอกำหนดเบี้ยประชุมรายเดือนกับกระทรวงการคลัง  ทั้งนี้  ตามบทบัญญัติแห่งพระ
ราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมคณะกรรมการ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง  และ
ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลัง เพื่อให้สำนักงานกิจการยุติธรรมเบิกจ่าย
งบประมาณแทนกันตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงการคลัง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอแต่งตั้ง นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ เป็นกรรมการ
ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายในคณะกรรมการคดีพิเศษแทนตำแหน่งที่ว่างลง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมี
มติ (18 ธันวาคม 2550) เป็นต้นไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ ให้ส่งร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา  (ฉบับที่ ..)  พ.ศ. ....
(แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 95 ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการและความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรม)
ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้แยกร่างพระราชบัญญัติของกระทรวงยุติธรรม
ซึ่งเป็นการดำเนินการตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ. 2003 ออกมาเป็นอีกฉบับหนึ่ง
พร้อมทั้งรับข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาด้วย   แล้วส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติ
แห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป   สำหรับร่างพระราชบัญญัติที่แยกออกมา นั้น ให้
ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาและให้นำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป
ได้เมื่อกระทรวงการต่างประเทศได้เสนออนุสัญญา  ฯ   ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ   และสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ให้
ความเห็นชอบอนุสัญญา  ฯ  แล้ว ทั้งนี้ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2526 เรื่อง การเสนอร่างพระราช
บัญญัติเพื่ออนุวัติการให้เป็นไปตามสนธิสัญญาต่อรัฐสภาตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

               คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม  ในฐานะบังคับบัญชาสำนักงานคณะ
กรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) รายงานผลการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส.
ประจำปี พ.ศ. 2548 ซึ่งมีผลการปราบปรามยาเสพติด ดังนี้ จับกุมผู้ค้ารายสำคัญ 3,710 คดี/5,548 คน ของกลาง
เมทแอมเฟตามีน 17.23 ล้านเม็ด  ยึด/อายัดทรัพย์สินคดียาเสพติด 986.3 ล้านบาท ลาดตระเวนตามแนวชายแดน
110,475 ครั้ง  ตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด 508,243 ครั้ง  และความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงาน ปปง.
ที่เห็นควรแต่งตั้งข้าราชการของสำนักงาน ปปง.  เป็นเจ้าพนักงาน ป.ป.ส.  เพื่อประสานความร่วมมือในการประสาน
ข้อมูลด้านการข่าวและการปฏิบัติงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเพื่อยึดและอายัดทรัพย์สินของผู้กระทำความ
ผิดเกี่ยวกับยาเสพติด  ให้ตกเป็นทรัพย์ของแผ่นดิน  เป็นต้น  และให้เสนอรายงานผลการปฏิบัติงานดังกล่าว  พร้อม
ด้วยประมวลข้อสังเกตในเรื่องนี้ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป

คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอดังนี้ เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติตำรวจ
แห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว  มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติม
พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 โดยได้กำหนดประเภทของข้าราชการตำรวจและกำหนดตำแหน่งข้าราช
การตำรวจเสียใหม่  ปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ และคณะกรรมการข้าราชการ
ตำรวจ โดยให้ทำหน้าที่เพียงการกำหนดนโยบายและกำหนดหลักเกณฑ์การบริหารงานบุคคลเช่นเดียวกับองค์กรที่
ทำหน้าที่ด้านการบริหารงานบุคคลของส่วนราชการอื่น   และการกำหนดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน
รวมทั้งการประเมินผลการปฏิบัติงานของระบบตำรวจ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
พิจารณา  ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป   และเห็นชอบผลการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคณะ
กรรมการพิจารณาเรื่องร้องทุกข์เกี่ยวกับตำรวจ  พ.ศ. ....   ของคณะกรรมการกฤษฎีกา  (คณะพิเศษ)  เกี่ยวกับการ
กำหนดให้มีองค์กรภายนอกเป็นผู้ตรวจสอบและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน   ควรครอบคลุมกระบวน
การยุติธรรมทั้งระบบ  รวมทั้งต้องปรับปรุงกระบวนการแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชนให้กระทำได้โดยง่าย  จึง
มอบให้กระทรวงยุติธรรมรับไปพิจารณาทบทวนใหม่  เพื่อให้เป็นกฎหมายกลางที่สามารถแก้ไขความเดือดร้อนของ
ประชาชนที่เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดลักษณะ ชนิด
ประเภท และปริมาณของยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่ตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้เพิ่ม  "(4)
สารระเหยตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันการใช้สารระเหย"  ในข้อ 1  แห่งกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดลักษณะ
ชนิด ประเภท และปริมาณของยาเสพติด พ.ศ. 2546 เพื่อให้ผู้เสพหรือผู้ติดสารระเหยเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูสมรรถ
ภาพผู้ติดยาเสพติดเช่นเดียวกับผู้เสพหรือผู้ติดยาเสพติดให้โทษตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ  และให้ดำเนิน
การต่อไปได้

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้อำนวยการศูนย์อำนวย
การป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเสนอการพิจารณาบำเหน็จความชอบประจำปี พ.ศ. 2550 เป็นกรณีพิเศษให้
แก่เจ้าหน้าที่ผู้มีผลการปฏิบัติงานด้านยาเสพติดดีเด่น  ไม่เกินร้อยละ  1  ของจำนวนเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยา
เสพติดทั้งหมดจำนวน  895,388  คน  และการพิจารณาบำเหน็จความชอบประจำปี พ.ศ. 2550 เป็นกรณีพิเศษให้
แก่เจ้าหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นผู้มีผลการปฏิบัติงานด้านยาเสพติดดีเด่น ไม่เกินร้อยละ 1 ของจำนวน
เจ้าหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดทั้งหมดจำนวน 33,597 คน  โดยกรณีของผู้ที่
เงินเดือนเต็มขั้น  ซึ่งหากได้รับค่าตอบแทนพิเศษในกรอบการพิจารณาใดไม่เกินร้อยละ 4 ให้ได้รับเงินเดือนค่าตอบ
แทนพิเศษเป็นร้อยละ 4 โดยเบิกจ่ายมีระยะเวลา  6  เดือน  ทั้งนี้ ในส่วนของงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการนี้
ให้ส่วนราชการปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ของส่วนราชการต้นสังกัด
ในโอกาสแรกก่อน  หากไม่สามารถปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณได้  ให้เบิกจ่ายจากงบกลาง  รายการเงินเลื่อน
ขั้นเลื่อนอันดับ เงินเดือน และเงินปรับวุฒิข้าราชการ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ  และให้รับความเห็นของ
ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง  ซึ่งเห็นควรให้ส่วนราชการดำเนินการโดยยึดหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติตามแนวทางมติคณะ
รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2550  และในการพิจารณาค่าตอบแทนพิเศษให้แก่ผู้ที่เงินเดือนเต็มขั้น ให้พิจารณา
ตามหลักการของระเบียบกระทรวงการคลังที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอขอเปลี่ยนแปลงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 เมษา
ยน 2539 ที่อนุมัติในหลักการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่กำกับดูแลงานของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน  ป.ป.ส.) หรือเลขาธิการ
ป.ป.ส.  แล้วแต่กรณี  เป็นผู้ลงนามในเอกสารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการในอนุภูมิภาคเพื่อการควบคุมยาเสพติด
เป็น ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม  หรือเลขาธิการ ป.ป.ส. แล้ว
แต่กรณี  เป็นผู้ลงนามในเอกสารโครงการ  ฯ   และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในฐานะรัฐมนตรีที่กำกับดูแล
งานของสำนักงาน ป.ป.ส.  เป็นผู้ลงนามในเอกสารโครงการควบคุมสารตั้งต้นในเอเชียตะวันออก (I63)  ครั้งนี้  ส่วน
งบประมาณค่าใช้จ่ายที่ฝ่ายไทยจะต้องสนับสนุนในการเข้าร่วมโครงการ ฯ  จำนวนประมาณ 27,000 ดอลลาร์สหรัฐ
หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 945,000 บาท นั้น  ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดปรับ
แผนการใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ของหน่วยงานเพื่อดำเนินการตามความเห็น
ของสำนักงบประมาณ