ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 33 จากทั้งหมด 97 หน้า แสดงรายการที่ 641 - 660 จากข้อมูลทั้งหมด 1923 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
641 | เสนอรายชื่อบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอชื่อเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | ยธ | 06/01/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๕ มกราคม ๒๕๕๘ ซึ่งเห็นชอบรายชื่อบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอชื่อเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน จำนวน ๙ คน และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน โดยให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินจัดทำสรุปข้อมูลผู้ได้รับการเสนอชื่อรายบุคคลเพิ่มเติมเพื่อขอรับความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||
642 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การบังคับคดี) | ยธ | 06/01/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รวมร่างพระราชบัญญัติทั้ง ๒ ฉบับเป็นฉบับเดียวกัน ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การบังคับคดี) ๑.๒ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ลักษณะ ๒ การบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง) ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยส่งหนังสือเสนอความเห็นเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยที่เห็นว่า กรณีการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง โดยกำหนดบทบัญญัติเพื่อคุ้มครองให้ผู้ซื้อห้องชุดจากการขายทอดตลาดไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนกลางก่อนการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ โดยให้นิติบุคคลอาคารชุดต้องดำเนินการเพื่อขอรับชำระหนี้บุริมสิทธิเหนือห้องชุดดังกล่าวจากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาด อาจเป็นภาระให้แก่นิติบุคคลอาคารชุด และไม่อาจแก้ไขปัญหาทรัพย์สินประเภทห้องชุดซึ่งค้างดำเนินการอยู่ในชั้นบังคับคดีเป็นจำนวนมากได้ รวมทั้งไม่ได้สร้างความเป็นธรรมอย่างแท้จริง สมควรมีมาตรการอื่นเพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ไปประกอบการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๓. ให้เชิญกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงยุติธรรม เข้าร่วมชี้แจงแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
||||||||||||||||||
643 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ลักษณะ 2 การบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง) | ยธ | 06/01/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รวมร่างพระราชบัญญัติทั้ง ๒ ฉบับเป็นฉบับเดียวกัน ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การบังคับคดี) ๑.๒ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ลักษณะ ๒ การบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง) ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยส่งหนังสือเสนอความเห็นเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยที่เห็นว่า กรณีการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง โดยกำหนดบทบัญญัติเพื่อคุ้มครองให้ผู้ซื้อห้องชุดจากการขายทอดตลาดไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนกลางก่อนการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ โดยให้นิติบุคคลอาคารชุดต้องดำเนินการเพื่อขอรับชำระหนี้บุริมสิทธิเหนือห้องชุดดังกล่าวจากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาด อาจเป็นภาระให้แก่นิติบุคคลอาคารชุด และไม่อาจแก้ไขปัญหาทรัพย์สินประเภทห้องชุดซึ่งค้างดำเนินการอยู่ในชั้นบังคับคดีเป็นจำนวนมากได้ รวมทั้งไม่ได้สร้างความเป็นธรรมอย่างแท้จริง สมควรมีมาตรการอื่นเพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ไปประกอบการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๓. ให้เชิญกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงยุติธรรม เข้าร่วมชี้แจงแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
||||||||||||||||||
644 | ขออนุมัติ (ร่าง) แผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2558 - 2561 | ยธ | 06/01/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติ (ร่าง) แผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๑ ประกอบด้วย ๕ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ การพัฒนาประสิทธิภาพระบบการให้บริการประชาชน ยุทธศาสตร์ที่ ๒ การพัฒนาและบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาคและเป็นธรรม ยุทธศาสตร์ที่ ๓ การส่งเสริมกระบวนการยุติธรรมทางเลือกและการมีส่วนร่วมในงานยุติธรรม ยุทธศาสตร์ที่ ๔ การพัฒนาบุคลากรและสร้างองค์ความรู้ในงานยุติธรรม และยุทธศาสตร์ที่ ๕ การขับเคลื่อนและบูรณาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ โดยเป้าหมายของ (ร่าง) แผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมฯ คือ การให้บริการประชาชนของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมเป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็วและมีค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการได้อย่างเท่าเทียม ทั้งนี้ ให้องค์กรที่เกี่ยวข้องนำไปใช้เป็นกรอบทิศทางและแนวทางดำเนินงาน รวมทั้งจัดทำโครงการรองรับให้สอดคล้องหรือเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในแต่ละยุทธศาสตร์ของแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมฯ ๑.๒ ให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณให้เป็นไปตามแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการหลักที่สำคัญของหน่วยงานต่าง ๆ ที่รองรับการดำเนินงานในแต่ละยุทธศาสตร์ของแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมฯ ๑.๓ ให้สำนักงานกิจการยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการประสาน สนับสนุน ติดตามประเมินผลเพื่อการดำเนินงานขับเคลื่อนแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมฯ ไปสู่การปฏิบัติ และรายงานผลต่อคณะรัฐมนตรีอย่างต่อเนื่อง ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมจัดส่งแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมฯ ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้ต่อไป ทั้งนี้ ในส่วนของงบประมาณเพื่อดำเนินการตามแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมฯ ให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายละเอียดและวงเงินงบประมาณเสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติก่อนเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อสำนักงบประมาณจะได้พิจารณาจัดสรรงบประมาณให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องตามความจำเป็นและเหมาะสมสอดคล้องกับแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมฯ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||
645 | ผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านยาเสพติด ครั้งที่ 3 และผลการหารือทวิภาคีกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม | ยธ | 30/12/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านยาเสพติด ครั้งที่ ๓ ระหว่างวันที่ ๒-๓ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยการประชุมดังกล่าวจัดขึ้น ๒ ระดับ ประกอบด้วย ๑.๑ การประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส (Senior Official Meeting : SOM) จัดขึ้นในวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๗ เป็นการประชุมหัวหน้าหน่วยงานกลางด้านยาเสพติดของประเทศสมาชิกอาเซียน วัตถุประสงค์ของการประชุมเพื่อติดตามความก้าวหน้าของการดำเนินงานตามมติที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านยาเสพติด ครั้งที่ ๑ และครั้งที่ ๒ และเพื่อพิจารณาหารือแนวทางความร่วมมือเพื่อนำมาบรรจุไว้ในร่างรายงานสำหรับประธานที่ประชุมระดับรัฐมนตรี (Chairman’s Statement) เพื่อให้ที่ประชุมระดับรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบผลการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส ๑.๒ การประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านยาเสพติด (ASEAN Ministerial Meeting on Drug Matters : AMMDM) จัดขึ้นในวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๕๗ โดยที่ประชุมได้ให้รัฐมนตรีแต่ละประเทศแสดงทัศนะต่อประเด็นยาเสพติด ภายใต้วาระหลังปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ของอาเซียน ซึ่งจะครบวาระการกำหนดเป้าหมายเป็นเขตปลอดยาเสพติดในอาเซียน และข้อเสนอแนะสำหรับการก้าวเดินไปข้างหน้าของอาเซียน ซึ่งหัวหน้าคณะผู้แทนแต่ละประเทศได้แสดงทัศนะเกี่ยวกับสถานการณ์ปัญหายาเสพติดของประเทศตนและภูมิภาคอาเซียน และการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ จะนำมาซึ่งปัญหายาเสพติดที่เพิ่มมากขึ้น และเห็นพ้องกันว่าต้องมีความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ให้มากขึ้น รวมถึงการจัดการกับปัญหาที่เชื่อมโยงกับปัญหายาเสพติด เช่น ปัญหาการคอร์รัปชัน และปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติอื่น ๆ นอกจากนี้ หัวหน้าคณะผู้แทนประเทศอาเซียนหลายประเทศได้เน้นย้ำว่าในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ จะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ดังนั้น อาเซียนต้องร่วมมือกันเพื่อให้พร้อมต่อการรองรับกับปัญหายาเสพติดที่จะตามมา โดยกล่าวถึงการสกัดกั้นยาเสพติด ณ ท่าอากาศยานสากลในอาเซียน (ASEAN Airport Interdiction Tack Force : AAITF) ซึ่งเป็นโครงการระดับภูมิภาคของอาเซียน รวมทั้งอีกหลายประเทศยังกล่าวถึงการใช้กลไกสำนักงานประสานความร่วมมือด้านยาเสพติดอาเซียน (ASEAN Narcotics Cooperation Center) หรือเรียกว่าอาเซียน-นาโค (ASEAN-NARCO) ซึ่งประเทศไทยเป็นผู้ริเริ่มจัดตั้งเป็นกลไกในการร่วมมือแก้ไขปัญหายาเสพติดอีกช่องทางหนึ่ง ๒. เห็นชอบให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยร่วมมือกับประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศเพื่อนบ้านต่อไป |
||||||||||||||||||
646 | ของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชนของกระทรวงยุติธรรม | ยธ | 30/12/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบโครงการ/กิจกรรมของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยจำแนกเป็นกิจกรรมของหน่วยงานในสังกัด ดังนี้
๑. สำนักงาน ป.ป.ส. จัดทำแผนการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๘ แบ่งเป็น ๒ ช่วง คือ ช่วงที่ ๑ การดำเนินการช่วงก่อนเทศกาลปีใหม่ จำนวน ๓ กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมปิดล้อม ตรวจค้น กิจกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาผู้เสพยาเสพติด และกิจกรรมเร่งรัดติดตามเรื่องร้องเรียนยาเสพติด ๑๓๘๖ และช่วงที่ ๒ การดำเนินการระหว่างเทศกาลปีใหม่ จำนวน ๓ กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมเดินทางปลอดภัย กิจกรรมจุดตรวจยาเสพติด และกิจกรรมการจัดเตรียมกำลังสำหรับภารกิจเร่งด่วน ๒. กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เปิดจุดบริการ One Stop Service ช่วยเหลือเยียวยาเหยื่ออาชญากรรม ณ สถานีตำรวจภูธรและนครบาลทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๘ เป็นต้นไป ๓. กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จัดตั้งคลินิกให้คำปรึกษาเด็กและครอบครัวอบอุ่น เพื่อให้บริการคำปรึกษา การจัดกิจกรรมบำบัดฟื้นฟู การให้บริการทางกฎหมายแก่บิดามารดา ผู้ปกครอง ครอบครัว และประชาชนทั่วไป กำหนดเปิดให้บริการทั่วประเทศในวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๔. กรมบังคับคดี จัดโครงการ/กิจกรรมเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่แก่ประชาชน ได้แก่ กิจกรรมการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทชั้นบังคับคดี โครงการเร่งรัดผลักดันทรัพย์สินออกจากกระบวนการบังคับคดี กิจกรรมการขายทอดตลาดในวันเสาร์ และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการแก่คู่ความและประชาชน ๕. กรมราชทัณฑ์ จัดทำโครงการเยี่ยมญาติแบบใกล้ชิดเป็นกรณีพิเศษเพื่อตอบสนองนโยบายรัฐบาลในการมอบของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ต้องขังและญาติได้พบปะแบบใกล้ชิดเป็นกรณีพิเศษในเรือนจำ/ทัณฑสถาน/สถานกักกัน/สถานกักขัง จำนวน ๑๔๓ แห่งทั่วประเทศ ระหว่างเดือนมกราคม ๒๕๕๘ ๖. สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ดำเนินโครงการพิสูจน์สัญชาติเพื่อคืนสิทธิให้กับประชาชน โดยการเพิ่มชื่อในทะเบียนราษฎร์ ภายใต้โครงการตรวจพิสูจน์สารพันธุกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแก่ราษฎรของอำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ดำเนินการระหว่างวันที่ ๑๗-๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๗. สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม ดำเนินโครงการอำนวยความยุติธรรมเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ โดยประชาชนสามารถเข้าถึงทุกงานบริการของกระทรวงยุติธรรมได้ภายใต้มาตรฐานเดียวกันทุกจุดทั่วประเทศ
|
||||||||||||||||||
647 | ขอยุติการดำเนินการร่างกฎหมายของกระทรวงยุติธรรม (รวม 4 ฉบับ) | ยธ | 23/12/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างพระราชบัญญัติ รวม ๔ ฉบับ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบต่อไป ดังนี้
๑. ร่างพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒. ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๙๖ กำหนดเวลาร้องทุกข์ และเพิ่มเติมหลักเกณฑ์เกี่ยวกับอายุความ) ๓. ร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการปฏิรูปและพัฒนากระบวนการยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. .... ๔. ร่างพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
|
||||||||||||||||||
648 | การเสนอรายงานประเทศตามพันธกรณีภายใต้กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ฉบับที่ 2 | ยธ | 16/12/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการเสนอรายงานประเทศตามพันธกรณีภายใต้กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights : ICCPR) ฉบับที่ ๒ ต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติประจำกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ซึ่งรายงานประเทศฯ ประกอบด้วย ๔ ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ ๑ บทนำ ส่วนที่ ๒ รายงานสถานการณ์สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองของประเทศไทยตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติประจำกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ส่วนที่ ๓ ความก้าวหน้าทางด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองของประเทศไทยโดยเรียงตามข้อบทที่ ๑-๒๗ ของกติกาฯ และส่วนที่ ๔ การวิเคราะห์แนวโน้มและแนวทางการพัฒนาสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการจัดส่งรายงานประเทศตามพันธกรณีภายใต้กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights : ICCPR) ฉบับที่ ๒ ต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติประจำกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ต่อไป ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมเร่งรัดดำเนินการจัดทำรายงานประเทศตามพันธกรณีภายใต้กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองฉบับต่อ ๆ ไป ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และให้ส่งไปยังคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติประจำกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองตามกรอบเวลาที่กำหนดต่อไป |
||||||||||||||||||
649 | แต่งตั้งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม | ยธ | 09/12/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ว่าที่ร้อยตรี เชิดศักดิ์ จำปาเทศ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แทนตำแหน่งที่ว่าง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ ธันวาคม ๒๕๕๗) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||
650 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) เรื่อง กำหนดประเภทสถานประกอบการที่อยู่ภายใต้บังคับของมาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานประกอบการ และร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) เรื่อง มาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานประกอบการ รวม 2 ฉบับ | ยธ | 09/12/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเพิ่มเติมให้สถานที่หรือที่เก็บสินค้าของผู้ประกอบการขนส่งต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) เรื่อง กำหนดประเภทสถานประกอบการที่อยู่ภายใต้บังคับของมาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานประกอบการ ๒. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) เรื่อง มาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานประกอบการ |
||||||||||||||||||
651 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการลงทัณฑ์แก่เด็กและเยาวชน พ.ศ. .... | ยธ | 09/12/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการลงทัณฑ์แก่เด็กและเยาวชน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการลงทัณฑ์แก่เด็กและเยาวชนที่ละเมิดกฎหมาย ประพฤติชั่ว หรือกระทำผิดวินัย ในระหว่างที่อยู่ในความควบคุมของสถานพินิจ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
652 | ขออนุมัติให้กรมราชทัณฑ์ก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าวงเงินงบประมาณที่ได้รับอนุมัติเพื่อใช้งบประมาณที่ได้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภคที่ค้างชำระปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 | ยธ | 09/12/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กรมราชทัณฑ์ก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าวงเงินงบประมาณที่ได้รับอนุมัติ ตามนัยมาตรา ๒๓ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อนำงบประมาณที่ได้กันไว้เบิกเหลื่อมปีชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภคที่ค้างชำระปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๑๗๓,๕๖๒,๕๘๒ บาท โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๗ ที่กรมราชทัณฑ์ได้ขอขยายเวลาเบิกจ่ายเงินและกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีกับกระทรวงการคลังแล้ว จำนวน ๓ รายการ ได้แก่ (๑) รายการก่อสร้างแดนความมั่นคงสูงสุดเรือนจำกลางพิษณุโลก ๑ แห่ง จำนวนเงิน ๓๐,๔๙๐,๕๘๒ บาท (๒) รายการปรับปรุงสถานพยาบาลเรือนจำทัณฑสถานบำบัดพิเศษสงขลา ๑ แห่ง จำนวนเงิน ๖,๖๒๖,๐๐๐ บาท และ (๓) รายการก่อสร้างเรือนจำจังหวัดภูเก็ตพร้อมส่วนประกอบ ๑ แห่ง จำนวนเงิน ๑๓๖,๔๔๖,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๒. ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีมติเมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ และ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๗ และคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๗ และ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ) ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) ปรับปรุงพื้นที่ควบคุมผู้ลี้ภัยให้มีสภาพที่เหมาะสมเพียงพอต่อการพำนักในช่วงระหว่างรอการส่งกลับประเทศต้นทาง และเร่งการดำเนินการเพื่อผลักดันผู้ลี้ภัยดังกล่าวกลับประเทศต่อไป นั้น เพื่อเป็นช่องทางในการลดความแออัดของผู้ต้องขังในเรือนจำต่าง ๆ จึงให้กระทรวงยุติธรรมร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการปรับเปลี่ยน “ศูนย์พักพิง” ในจังหวัดต่าง ๆ เช่น แม่ฮ่องสอน ตาก กาญจนบุรี และราชบุรี เพื่อใช้เป็นสถานที่ควบคุมนักโทษที่ต้องคดีไม่ร้ายแรงหลังจากที่มีการผลักดันผู้ลี้ภัยกลับประเทศต้นทางแล้ว แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||
653 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ , พันโท เอนก ยมจินดา) | ยธ | 02/12/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงยุติธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียนตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ๒. พันโท เอนก ยมจินดา ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||
654 | ร่างพระราชบัญญัติมาตรการแทนการฟ้องคดีอาญา พ.ศ. .... ของกระทรวงยุติธรรม และร่างพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยคดีอาญาในชั้นการสอบสวน ของเจ้าพนักงานตำรวจ พ.ศ. .... ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ร่างพระราชบัญญัติมาตรการแทนการฟ้องคดีอาญา พ.ศ. .... ของกระทรวงยุติธรรม) | ยธ | 02/12/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติมาตรการแทนการฟ้องคดีอาญา พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการนำมาตรการที่สำคัญมารวมไว้ในร่างพระราชบัญญัติฯ คือ (๑) มาตรการไกล่เกลี่ยคดีอาญาซึ่งเป็นมาตรการในชั้นของพนักงานสอบสวน และ (๒) มาตรการชะลอการฟ้องซึ่งเป็นมาตรการในชั้นของพนักงานอัยการ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยคดีอาญาในชั้นการสอบสวนของเจ้าพนักงานตำรวจ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีการไกล่เกลี่ยคดีอาญาในชั้นสอบสวนของเจ้าพนักงานตำรวจที่เกี่ยวกับความผิดอันยอมความได้ ความผิดลหุโทษ และความผิดที่มีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงไม่เกินห้าปี เนื่องจากเป็นคดีอาญาที่ลักษณะของการกระทำเป็นความผิดที่ไม่ร้ายแรงซึ่งผู้ต้องหาอาจกลับตนเป็นคนดีได้ และผู้เสียหายอาจได้รับการชดเชยเยียวยาตามสมควร อันจะเป็นการนำไปสู่การยอมความและยุติคดีด้วยความสมานฉันท์ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน ๓. ให้รวมร่างพระราชบัญญัติทั้งสองฉบับเป็นฉบับเดียวกัน และให้ใช้ร่างพระราชบัญญัติมาตรการแทนการฟ้องคดีอาญา พ.ศ. .... ของกระทรวงยุติธรรมเป็นหลักในการพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
||||||||||||||||||
655 | ร่างพระราชบัญญัติกองทุนยุติธรรม พ.ศ. .... | ยธ | 25/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติกองทุนยุติธรรม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการจัดตั้งกองทุนยุติธรรมเป็นแหล่งเงินทุนเพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเข้าถึงความยุติธรรม การประกันตัวบุคคล การช่วยเหลือประชาชนในคดีอาญา การช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการละเมิดสิทธิมนุษยชน และการให้ความรู้ทางกฎหมายแก่ประชาชน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมเงินรายได้ของกองทุนยุติธรรม โดยอาจมาจากแหล่งรายได้อื่น ๆ เช่น การจัดเก็บจากผู้มีหน้าที่เสียภาษีตามกฎหมายว่าด้วยสุราและกฎหมายว่าด้วยยาสูบ รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการกำหนดให้กองทุนยุติธรรมมีรายได้จากเงินกู้โดยอนุมัติคณะรัฐมนตรี ตามร่างมาตรา ๙ (๑๐) ซึ่งตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ มาตรา ๘ บัญญัติให้หน่วยงานของรัฐนอกจากกระทรวงการคลังจะกู้เงินมิได้ จึงเห็นสมควรตัดความในร่างมาตราดังกล่าวออก และเห็นควรกำหนดกรอบเงินรายได้ของกองทุนยุติธรรมจากเงินค่าธรรมเนียม เงินที่ได้จากการบังคับหลักประกันตัวผู้ต้องหาและจำเลยในคดีอาญาที่หลบหนีการปล่อยชั่วคราว และเงินค่าปรับในคดีอาญาในอัตราไม่เกินร้อยละ ๒ โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง พร้อมทั้งตัดความในมาตรา ๑๐ วรรคสองที่กำหนดให้สำนักงานศาลยุติธรรมนำเงินรายได้ข้างต้นส่งให้กองทุนเพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางดำเนินการดังกล่าว และในการดำเนินการเกี่ยวกับกองทุนยุติธรรมตามร่างพระราชบัญญัติฯ ให้เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอจัดตั้ง การดำเนินงาน และการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๗ นอกจากนี้ การจัดตั้งกองทุนยุติธรรมขึ้นใหม่ในกระทรวงยุติธรรม ควรสอบถามความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานศาลยุติธรรม และดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ รวมทั้งการกำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการกองทุนยุติธรรมและการกำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการดังกล่าว ควรพิจารณาบุคคลที่จะมาเป็นกรรมการ และจำนวนของกรรมการให้สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการด้วย เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมนำเรื่องการจัดตั้งกองทุนยุติธรรมเสนอคณะกรรมการกลั่นกรองการจัดตั้งทุนหมุนเวียน ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอจัดตั้ง การดำเนินงาน และการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๗ ข้อ ๘ และให้แจ้งผลการดำเนินการตามระเบียบดังกล่าวไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป |
||||||||||||||||||
656 | เสนอขอแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (กระทรวงยุติธรรม) | ยธ | 18/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||
657 | รายงานประจำปี พ.ศ. 2556 คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ | ยธ | 18/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ของคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ประธานกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลงานที่สำคัญ ประกอบด้วย การจัดทำแผนและการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การบริหารงานยุติธรรม การส่งเสริมและประสานความร่วมมือเพื่อพัฒนาระบบการบริหารงานยุติธรรม การศึกษา วิจัย และพัฒนากฎหมายและระบบงานยุติธรรม การประชาสัมพันธ์เผยแพร่ความรู้สู่สังคม และการพัฒนาบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม ๒. สถิติประเภทเรื่องที่เข้าสู่คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ ประกอบด้วย ๒.๑ เรื่องเพื่อพิจารณา เช่น เรื่อง โครงการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การดำเนินงานของคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ และการนำเสนอแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๙ เรื่อง การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกำหนดยุทธศาสตร์และแผนงานในการเตรียมความพร้อมและรองรับการจัดตั้งศาลชั้นต้นและแผนกคดีในศาลยุติธรรม เรื่อง แนวทางการดำเนินงานของคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติตามนโยบายรัฐบาล และเรื่อง ร่างแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๐ ร้อยละ ๔๓ ๒.๒ เรื่องเพื่อทราบ เช่น เรื่อง ความคืบหน้าในการจัดทำร่างแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๙ และร่างแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๙ เรื่อง รายงานข้อมูลผลการสำรวจสถิติอาชญากรรมในภาคประชาชนปี พ.ศ. ๒๕๕๕ เรื่อง การปรับปรุงและแต่งตั้งคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ และเรื่อง โครงการสำรวจข้อมูลการกระทำผิดซ้ำของผู้ที่เคยตกเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญา เป็นต้น ร้อยละ ๕๗ ๓. รายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ของคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ ประกอบด้วย ด้านภารกิจ งานเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ ด้านการจัดทำแผนและการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การบริหารงานยุติธรรม ด้านการศึกษาวิจัยและพัฒนากฎหมายและระบบงานยุติธรรม ด้านการส่งเสริมและประสานความร่วมมือเพื่อพัฒนาระบบการบริหารงานยุติธรรม ด้านการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ความรู้สู่สังคม และด้านพัฒนาบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม งบประมาณรายจ่ายรวมทั้งสิ้น ๘๒,๘๗๑,๗๕๐.๗๘ บาท
|
||||||||||||||||||
658 | แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2557 - 2561) นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา | ยธ | 12/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและประกาศใช้แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๑) พร้อมทั้งสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติไปสู่การปฏิบัติด้วยการแปลงแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติไปสู่แผนบริหารราชการแผ่นดิน แผนปฏิบัติราชการกระทรวง กรม แผนพัฒนาจังหวัด แผนพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนแผนพัฒนาองค์กรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง แล้วจัดทำเป็นโครงการ/กิจกรรม เพื่อรองรับการดำเนินงานตามแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยใช้งบประมาณของหน่วยงานมาดำเนินการในการพิจารณานำมิติด้านสิทธิมนุษยชนมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของหน่วยงาน ๑.๒ กำหนดให้หน่วยงานต่าง ๆ รายงานผลการปฏิบัติงานตามแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ ๓ เมื่อสิ้นปีงบประมาณ ปีละ ๑ ครั้ง ภายในเดือนพฤศจิกายนของทุกปี และมอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมรับผิดชอบการกำหนดแนวทาง วิธีการรายงานผลและแบบรายงานผลการดำเนินงาน พร้อมแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบและถือปฏิบัติ ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรม โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ จัดทำคำแปลบทสรุปแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ ๓ เป็นภาษาอังกฤษ สำหรับเผยแพร่นานาประเทศ โดยการจัดทำคำแปล จะประสานผู้ทรงคุณวุฒิและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมพิจารณา ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมชี้แจงทำความเข้าใจกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการจัดทำแผนปฏิบัติการ (Action Plan) และการรายงานผลตามแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติดังกล่าวให้ถูกต้องชัดเจนต่อไป ๓. ให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการตามข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติและของนายกรัฐมนตรี รวมทั้งมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาสิทธิมนุษยชน เช่น มติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ) ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เกี่ยวกับปัญหาการค้ามนุษย์ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง สถานการณ์การค้ามนุษย์และการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทย) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ (เรื่อง รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย และรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี ๒๕๕๕) เป็นต้น เพื่อสนับสนุนให้การดำเนินการตามแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติบังเกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป |
||||||||||||||||||
659 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดจำนวน ที่ตั้ง เขตศาล และวันเปิดทำการของศาลแรงงานภาค (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 04/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดจำนวน ที่ตั้ง เขตศาล และวันเปิดทำการของศาลแรงงานภาค (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเปลี่ยนแปลงที่ตั้งศาลแรงงานภาค ๑ จากจังหวัดลพบุรีไปยังจังหวัดสระบุรี ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๘ เป็นต้นไป เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและความยุติธรรมให้แก่ประชาชนในส่วนภูมิภาคได้อย่างทั่วถึง ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
660 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคดีพิเศษ (จำนวน 9 คน) | ยธ | 04/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคดีพิเศษ จำนวน ๙ คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคดีพิเศษชุดปัจจุบันที่พ้นวาระ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๗) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ นายวิรัช ชินวินิจกุล ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๑.๒ นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๑.๓ นายสุเจตน์ จันทรังษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ๑.๔ รองศาสตราจารย์ เสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์ ๑.๕ นายธวัชชัย ยงกิตติกุล ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินการธนาคาร ๑.๖ นายฉัตรพงศ์ ฉัตราคม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านความมั่นคงประเทศ ๑.๗ นายสันทัด สมชีวิตา ผู้ทรงคุณวุฒิด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๑.๘ นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ผู้ทรงคุณวุฒิด้านอุตสาหกรรม ๑.๙ นายประมนต์ สุธีวงศ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ๒. ยกเว้น นายวิรัช ชินวินิจกุล ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะกรรมการตุลาการอนุมัติเป็นต้นไป ซึ่งต้องไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
|
.....