ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 33 จากทั้งหมด 97 หน้า แสดงรายการที่ 641 - 660 จากข้อมูลทั้งหมด 1930 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
641 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดคุณสมบัตินักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา พ.ศ. .... | ยธ | 03/02/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดคุณสมบัตินักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการกำหนดคุณสมบัติและกำหนดหลักเกณฑ์การขอและรับขึ้นทะเบียนเป็นผู้ทำหน้าที่นักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเพิ่มเติม เพื่อให้การดำเนินการเกี่ยวกับการขึ้นทะเบียนนักจิตวิทยาและนักสังคมสงเคราะห์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
642 | ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในชุมชน พ.ศ. .... | ยธ | 27/01/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในชุมชน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการระงับข้อพิพาทในทางแพ่ง ในทางอาญาเกี่ยวกับความผิดอันยอมความได้และความผิดลหุโทษ โดยคนในชุมชนซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้พิจารณาถึงขอบเขตของหลักการ ความเหมาะสม การลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมของประชาชน รวมถึงความซ้ำซ้อนของร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้กับกฎหมายฉบับอื่นที่เกี่ยวกับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท เช่น พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดินฯ โดยให้เชิญกระทรวงยุติธรรม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเข้าร่วมชี้แจงด้วย หากมีประเด็นในเชิงนโยบายที่ยังขัดแย้งกัน ให้หารือคณะรัฐมนตรีก่อน แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||
643 | ร่างพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการกักขังตามประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 27/01/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการกักขังตามประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการกักขังตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. ๒๕๐๖ เพื่อให้การดำเนินภารกิจของกรมราชทัณฑ์ตามอำนาจหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการกักขังตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. ๒๕๐๖ มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพและการปฏิบัติหน้าที่ต่อผู้ต้องขังให้สอดคล้องกับหลักทางด้านสิทธิมนุษยชน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้รับข้อสังเกตของสำนักงานศาลยุติธรรมเกี่ยวกับร่างมาตรา ๕/๑ ที่กำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้เป็นหัวหน้าบังคับบัญชาสถานที่กักขังหรือผู้ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้เป็นหัวหน้าบังคับบัญชาสถานที่กักขังมอบหมายเป็นผู้อำนาจที่จะสั่งให้ใช้หรือเพิกถอนการใช้เครื่องพันธนาการในบางกรณีตามมาตรานี้ ควรมีการกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และระยะเวลาในการใช้เครื่องพันธนาการดังกล่าวให้ชัดเจน เพื่อเป็นแนวทางให้การใช้ดุลพินิจของพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นไปด้วยความรอบคอบและเหมาะสม โดยคำนึงถึงสิทธิและเสรีภาพของผู้ต้องกักขังเป็นสำคัญ และร่างมาตรา ๕/๓ ที่กำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจตรวจสอบจดหมาย เอกสาร พัสดุภัณฑ์ หรือสิ่งสื่อสารอื่น หรือสกัดกั้นการติดต่อสื่อสารโดยทางใด ๆ ซึ่งมีถึง หรือจากผู้ต้องกักขัง อาจเป็นการกระทบต่อสิทธิส่วนบุคคลของผู้ต้องกักขังเกินควร เนื่องจากประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๔ กำหนดให้ผู้ต้องโทษกักขังต้องถูกกักตัวไว้ในสถานที่กักขังซึ่งกำหนดไว้อันมิใช่เรือนจำ สถานีตำรวจ หรือสถานที่ควบคุมผู้ต้องหาของพนักงานสอบสวน หรือถ้าศาลเห็นสมควรจะให้กักขังไว้ในที่อยู่อาศัยของผู้นั้นเอง หรือของผู้อื่นที่ยินยอมรับผู้นั้นไว้ หรือสถานที่อื่นที่อาจกักขังได้ เพื่อให้เหมาะสมกับประเภทหรือสภาพของผู้ถูกกักขังได้ และมาตรา ๒๕ ที่กำหนดให้ผู้ต้องโทษกักขังมีสิทธิรับและส่งจดหมายได้ ดังนั้น ผู้ต้องกักขังจึงเป็นบุคคลที่ถูกจำกัดสิทธิและเสรีภาพบางประการเท่านั้น ไปประกอบการพิจารณา และให้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมราชทัณฑ์ สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปร่วมชี้แจง แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
||||||||||||||||||
644 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคดีพิเศษ (เพิ่มเติม) (จำนวน 3 คน 1. นายภัทรศักดิ์ วรรณแสง ฯลฯ) | ยธ | 27/01/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคดีพิเศษ (เพิ่มเติม) จำนวน ๓ คน แทนตำแหน่งที่ว่าง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรี (๒๗ มกราคม ๒๕๕๘) เป็นต้น ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายภัทรศักดิ์ วรรณแสง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๒. พลตำรวจโท ธีรจิตร์ อุตมะ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสอบสวนคดีอาญา ๓. พันตำรวจเอก สีหนาท ประยูรรัตน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
|
||||||||||||||||||
645 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พุทธศักราช 2479 (กำหนดให้ชุดกุญแจมือและกุญแจเท้าเป็นเครื่องพันธนาการ อีกประเภทหนึ่ง) | ยธ | 20/01/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พุทธศักราช ๒๔๗๙ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ชุดกุญแจมือและกุญแจเท้าเป็นเครื่องพันธนาการอีกประเภทหนึ่ง ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
646 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานด้านความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนสืบเนื่องจากการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านยาเสพติด ครั้งที่ 3 | ยธ | 13/01/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานด้านความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนสืบเนื่องจากการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านยาเสพติด ครั้งที่ ๓ ตามที่กระทรวงยุติธรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อตกลงแผนปฏิบัติการแม่โขงปลอดภัย จีน ลาว เมียนมา และไทย ๒๐๑๔ ระหว่างวันที่ ๙-๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ จังหวัดเชียงราย ที่ประชุมได้มีการนำเสนอสถานการณ์ยาเสพติด และได้กำหนดแนวทางการดำเนินการร่วมกันในเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ การกำหนดเป้าหมายในการปฏิบัติการตามแม่น้ำโขงและการปฏิบัติการทางบกซึ่งเป็นพื้นที่ต่อเนื่องเพื่อสกัดกั้นยาเสพติดและเคมีภัณฑ์ รวมทั้งการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเป้าหมายของแต่ละประเทศเพื่อกำหนดเป้าหมายการสืบสวนร่วมกัน ทั้งนี้ ที่ประชุมได้กำหนดแนวปฏิบัติในแผนการปฏิบัติการนี้ เช่น การสุ่มตรวจเรือต้องสงสัย การสืบสวนเป้าหมายที่กำหนด การตรวจค้นในพื้นที่ชายฝั่งที่เป็นจุดต้องสงสัย เป็นต้น นอกจากนี้ โครงการแม่โขงปลอดภัยได้กำหนดจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการแม่โขงปลอดภัย ณ จังหวัดเชียงใหม่ และจะมีระยะเวลาโครงการ เริ่มตั้งแต่วันที่ ๑๒ มกราคม-๑๒ มีนาคม ๒๕๕๘ ๒. การจัดประชุมทวิภาคีไทย-เมียนมา ด้านความร่วมมือด้านการปราบปรามยาเสพติด ซึ่งดำเนินการเป็นครั้งที่ ๑๗ จัดระหว่างวันที่ ๑๖-๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ จังหวัดเชียงใหม่ สรุปสาระสำคัญได้ กล่าวคือ (๑) ด้านการปราบปรามยาเสพติด ทั้ง ๒ ฝ่ายตกลงกำหนดเป้าหมายในการสืบสวนจับกุมและแลกเปลี่ยนข่าวสารระหว่างกัน รวมทั้งกำหนดจุดตรวจจุดสกัดทั้งในฝั่งเมียนมาและในฝั่งไทยเพื่อสกัดกั้นยาเสพติดและเคมีภัณฑ์ที่จะเข้าพื้นที่ผลิตในเขตสามเหลี่ยมทองคำ และที่จะผ่านเข้าไทย (๒) ด้านการตรวจพิสูจน์ยาเสพติด ได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลผลการตรวจพิสูจน์ยาเสพติดที่จับกุมได้ เพื่อขยายผลเชื่อมโยงกับข้อมูลการข่าว เพื่อให้ทราบถึงกลุ่มที่ผลิต และประเทศไทยได้เสนอโครงการตรวจพิสูจน์ยาเสพติดร่วมไทย-เมียนมา โดยสนับสนุนเครื่องมือการตรวจพิสูจน์ยาเสพติด และฝึกอบรมนักวิทยาศาสตร์ของเมียนมา และ (๓) ด้านการพัฒนาทางเลือก ฝ่ายเมียนมาได้เสนอขอขยายพื้นที่โครงการ ซึ่งฝ่ายไทยได้นำข้อมูลนี้เสนอในการประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการพัฒนาทางเลือกเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ยั่งยืนไทย-เมียนมา ครั้งที่ ๑/๒๕๕๗ ได้รับเห็นชอบในหลักการ และจะได้ดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. การเตรียมการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อการควบคุมเคมีภัณฑ์และสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติด สืบเนื่องจากการประชุมทวิภาคีกับประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ เมียนมา ลาว และเวียดนาม เมื่อครั้งการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านยาเสพติดครั้งที่ ๓ ณ ประเทศ อินโดนีเซีย ฝ่ายไทย โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้เสนอให้มีการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทาง มาตรการในการควบคุม สกัดกั้นเคมีภัณฑ์และสารตั้งต้นซึ่งใช้ในการผลิตยาเสพติด และมีการลักลอบลำเลียงผ่านประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านไปยังแหล่งผลิตยาเสพติดในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งประเทศดังกล่าวเห็นชอบให้มีการจัดประชุม ทั้งนี้ สำนักงาน ป.ป.ส. ได้พิจารณาจัดทำโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อการควบคุมเคมีภัณฑ์และสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติด โดยพิจารณากำหนด ๗ ประเทศที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ได้แก่ เมียนมา ลาว เวียดนาม จีน อินเดีย เกาหลี และไทย โดยกำหนดเชิญหัวหน้าหน่วยงานกลางด้านยาเสพติด ผู้แทนฝ่ายสืบสวนปราบปราม และผู้แทนด้านการควบคุมเคมีภัณฑ์ และสารตั้งต้น รวม ๓ คน จากแต่ละประเทศเข้าร่วมประชุมฯ โดยกำหนดจัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ณ กรุงเทพมหานคร
|
||||||||||||||||||
647 | ขอความร่วมมือเสนอเรื่องให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา (โครงการพัฒนาศักยภาพการปราบปรามยาเสพติดประเทศเพื่อนบ้าน) | ยธ | 13/01/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) ดำเนินการโครงการพัฒนาศักยภาพการปราบปรามยาเสพติดประเทศเพื่อนบ้าน (เมียนมา ลาว กัมพูชา และเวียดนาม) โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบเงินอุดหนุน รายการโครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการยุติแหล่งผลิตยาเสพติดและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ ประจำปี ๒๕๕๗ ซึ่งได้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว จำนวน ๓๐ ล้านบาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้สำนักงาน ป.ป.ส. ดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง และให้รับความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับการดำเนินโครงการฯ ต้องมีความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากรัฐบาลของประเทศนั้น ๆ ภายใต้วัตถุประสงค์ของการดำเนินการเดียวกัน การสนับสนุนการปฏิบัติการควรเป็นการสนับสนุนด้านวิชาการ เทคนิคการปฏิบัติ และการอบรม ณ ที่ตั้งหน่วยงานของประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ควรเป็นการปฏิบัติการภาคสนาม นอกจากนี้ การสนับสนุนครุภัณฑ์และสิ่งอุปกรณ์ต่าง ๆ เป็นการสนับสนุนตามโครงการที่ได้ตกลงกันไว้แล้ว หรือเป็นไปตามข้อหารือ ข้อตกลงร่วมกันในแต่ละปี ไม่ถือเป็นข้อผูกมัดกับรัฐบาลไทย ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย ๒. ในส่วนของการขออนุมัติเป็นหลักการให้เลขาธิการ ป.ป.ส. มีอำนาจอนุมัติโครงการภายใต้กรอบงบประมาณงบเงินอุดหนุนรายการโครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการยุติแหล่งผลิตยาเสพติดและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศนั้น ให้สำนักงาน ป.ป.ส. เสนอขออนุมัติตามความจำเป็นและเหมาะสมเป็นคราว ๆ ไป |
||||||||||||||||||
648 | เสนอรายชื่อบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอชื่อเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | ยธ | 06/01/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๕ มกราคม ๒๕๕๘ ซึ่งเห็นชอบรายชื่อบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอชื่อเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน จำนวน ๙ คน และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน โดยให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินจัดทำสรุปข้อมูลผู้ได้รับการเสนอชื่อรายบุคคลเพิ่มเติมเพื่อขอรับความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||
649 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การบังคับคดี) | ยธ | 06/01/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รวมร่างพระราชบัญญัติทั้ง ๒ ฉบับเป็นฉบับเดียวกัน ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การบังคับคดี) ๑.๒ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ลักษณะ ๒ การบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง) ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยส่งหนังสือเสนอความเห็นเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยที่เห็นว่า กรณีการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง โดยกำหนดบทบัญญัติเพื่อคุ้มครองให้ผู้ซื้อห้องชุดจากการขายทอดตลาดไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนกลางก่อนการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ โดยให้นิติบุคคลอาคารชุดต้องดำเนินการเพื่อขอรับชำระหนี้บุริมสิทธิเหนือห้องชุดดังกล่าวจากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาด อาจเป็นภาระให้แก่นิติบุคคลอาคารชุด และไม่อาจแก้ไขปัญหาทรัพย์สินประเภทห้องชุดซึ่งค้างดำเนินการอยู่ในชั้นบังคับคดีเป็นจำนวนมากได้ รวมทั้งไม่ได้สร้างความเป็นธรรมอย่างแท้จริง สมควรมีมาตรการอื่นเพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ไปประกอบการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๓. ให้เชิญกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงยุติธรรม เข้าร่วมชี้แจงแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
||||||||||||||||||
650 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ลักษณะ 2 การบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง) | ยธ | 06/01/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รวมร่างพระราชบัญญัติทั้ง ๒ ฉบับเป็นฉบับเดียวกัน ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การบังคับคดี) ๑.๒ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ลักษณะ ๒ การบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง) ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยส่งหนังสือเสนอความเห็นเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยที่เห็นว่า กรณีการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง โดยกำหนดบทบัญญัติเพื่อคุ้มครองให้ผู้ซื้อห้องชุดจากการขายทอดตลาดไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนกลางก่อนการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ โดยให้นิติบุคคลอาคารชุดต้องดำเนินการเพื่อขอรับชำระหนี้บุริมสิทธิเหนือห้องชุดดังกล่าวจากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาด อาจเป็นภาระให้แก่นิติบุคคลอาคารชุด และไม่อาจแก้ไขปัญหาทรัพย์สินประเภทห้องชุดซึ่งค้างดำเนินการอยู่ในชั้นบังคับคดีเป็นจำนวนมากได้ รวมทั้งไม่ได้สร้างความเป็นธรรมอย่างแท้จริง สมควรมีมาตรการอื่นเพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ไปประกอบการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๓. ให้เชิญกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงยุติธรรม เข้าร่วมชี้แจงแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
||||||||||||||||||
651 | ขออนุมัติ (ร่าง) แผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2558 - 2561 | ยธ | 06/01/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติ (ร่าง) แผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๑ ประกอบด้วย ๕ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ การพัฒนาประสิทธิภาพระบบการให้บริการประชาชน ยุทธศาสตร์ที่ ๒ การพัฒนาและบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาคและเป็นธรรม ยุทธศาสตร์ที่ ๓ การส่งเสริมกระบวนการยุติธรรมทางเลือกและการมีส่วนร่วมในงานยุติธรรม ยุทธศาสตร์ที่ ๔ การพัฒนาบุคลากรและสร้างองค์ความรู้ในงานยุติธรรม และยุทธศาสตร์ที่ ๕ การขับเคลื่อนและบูรณาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ โดยเป้าหมายของ (ร่าง) แผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมฯ คือ การให้บริการประชาชนของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมเป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็วและมีค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการได้อย่างเท่าเทียม ทั้งนี้ ให้องค์กรที่เกี่ยวข้องนำไปใช้เป็นกรอบทิศทางและแนวทางดำเนินงาน รวมทั้งจัดทำโครงการรองรับให้สอดคล้องหรือเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในแต่ละยุทธศาสตร์ของแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมฯ ๑.๒ ให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณให้เป็นไปตามแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการหลักที่สำคัญของหน่วยงานต่าง ๆ ที่รองรับการดำเนินงานในแต่ละยุทธศาสตร์ของแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมฯ ๑.๓ ให้สำนักงานกิจการยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการประสาน สนับสนุน ติดตามประเมินผลเพื่อการดำเนินงานขับเคลื่อนแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมฯ ไปสู่การปฏิบัติ และรายงานผลต่อคณะรัฐมนตรีอย่างต่อเนื่อง ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมจัดส่งแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมฯ ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้ต่อไป ทั้งนี้ ในส่วนของงบประมาณเพื่อดำเนินการตามแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมฯ ให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายละเอียดและวงเงินงบประมาณเสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติก่อนเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อสำนักงบประมาณจะได้พิจารณาจัดสรรงบประมาณให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องตามความจำเป็นและเหมาะสมสอดคล้องกับแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมฯ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||
652 | ผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านยาเสพติด ครั้งที่ 3 และผลการหารือทวิภาคีกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม | ยธ | 30/12/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านยาเสพติด ครั้งที่ ๓ ระหว่างวันที่ ๒-๓ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยการประชุมดังกล่าวจัดขึ้น ๒ ระดับ ประกอบด้วย ๑.๑ การประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส (Senior Official Meeting : SOM) จัดขึ้นในวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๗ เป็นการประชุมหัวหน้าหน่วยงานกลางด้านยาเสพติดของประเทศสมาชิกอาเซียน วัตถุประสงค์ของการประชุมเพื่อติดตามความก้าวหน้าของการดำเนินงานตามมติที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านยาเสพติด ครั้งที่ ๑ และครั้งที่ ๒ และเพื่อพิจารณาหารือแนวทางความร่วมมือเพื่อนำมาบรรจุไว้ในร่างรายงานสำหรับประธานที่ประชุมระดับรัฐมนตรี (Chairman’s Statement) เพื่อให้ที่ประชุมระดับรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบผลการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส ๑.๒ การประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านยาเสพติด (ASEAN Ministerial Meeting on Drug Matters : AMMDM) จัดขึ้นในวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๕๗ โดยที่ประชุมได้ให้รัฐมนตรีแต่ละประเทศแสดงทัศนะต่อประเด็นยาเสพติด ภายใต้วาระหลังปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ของอาเซียน ซึ่งจะครบวาระการกำหนดเป้าหมายเป็นเขตปลอดยาเสพติดในอาเซียน และข้อเสนอแนะสำหรับการก้าวเดินไปข้างหน้าของอาเซียน ซึ่งหัวหน้าคณะผู้แทนแต่ละประเทศได้แสดงทัศนะเกี่ยวกับสถานการณ์ปัญหายาเสพติดของประเทศตนและภูมิภาคอาเซียน และการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ จะนำมาซึ่งปัญหายาเสพติดที่เพิ่มมากขึ้น และเห็นพ้องกันว่าต้องมีความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ให้มากขึ้น รวมถึงการจัดการกับปัญหาที่เชื่อมโยงกับปัญหายาเสพติด เช่น ปัญหาการคอร์รัปชัน และปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติอื่น ๆ นอกจากนี้ หัวหน้าคณะผู้แทนประเทศอาเซียนหลายประเทศได้เน้นย้ำว่าในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ จะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ดังนั้น อาเซียนต้องร่วมมือกันเพื่อให้พร้อมต่อการรองรับกับปัญหายาเสพติดที่จะตามมา โดยกล่าวถึงการสกัดกั้นยาเสพติด ณ ท่าอากาศยานสากลในอาเซียน (ASEAN Airport Interdiction Tack Force : AAITF) ซึ่งเป็นโครงการระดับภูมิภาคของอาเซียน รวมทั้งอีกหลายประเทศยังกล่าวถึงการใช้กลไกสำนักงานประสานความร่วมมือด้านยาเสพติดอาเซียน (ASEAN Narcotics Cooperation Center) หรือเรียกว่าอาเซียน-นาโค (ASEAN-NARCO) ซึ่งประเทศไทยเป็นผู้ริเริ่มจัดตั้งเป็นกลไกในการร่วมมือแก้ไขปัญหายาเสพติดอีกช่องทางหนึ่ง ๒. เห็นชอบให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยร่วมมือกับประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศเพื่อนบ้านต่อไป |
||||||||||||||||||
653 | ของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชนของกระทรวงยุติธรรม | ยธ | 30/12/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบโครงการ/กิจกรรมของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยจำแนกเป็นกิจกรรมของหน่วยงานในสังกัด ดังนี้
๑. สำนักงาน ป.ป.ส. จัดทำแผนการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๘ แบ่งเป็น ๒ ช่วง คือ ช่วงที่ ๑ การดำเนินการช่วงก่อนเทศกาลปีใหม่ จำนวน ๓ กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมปิดล้อม ตรวจค้น กิจกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาผู้เสพยาเสพติด และกิจกรรมเร่งรัดติดตามเรื่องร้องเรียนยาเสพติด ๑๓๘๖ และช่วงที่ ๒ การดำเนินการระหว่างเทศกาลปีใหม่ จำนวน ๓ กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมเดินทางปลอดภัย กิจกรรมจุดตรวจยาเสพติด และกิจกรรมการจัดเตรียมกำลังสำหรับภารกิจเร่งด่วน ๒. กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เปิดจุดบริการ One Stop Service ช่วยเหลือเยียวยาเหยื่ออาชญากรรม ณ สถานีตำรวจภูธรและนครบาลทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๘ เป็นต้นไป ๓. กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จัดตั้งคลินิกให้คำปรึกษาเด็กและครอบครัวอบอุ่น เพื่อให้บริการคำปรึกษา การจัดกิจกรรมบำบัดฟื้นฟู การให้บริการทางกฎหมายแก่บิดามารดา ผู้ปกครอง ครอบครัว และประชาชนทั่วไป กำหนดเปิดให้บริการทั่วประเทศในวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๔. กรมบังคับคดี จัดโครงการ/กิจกรรมเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่แก่ประชาชน ได้แก่ กิจกรรมการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทชั้นบังคับคดี โครงการเร่งรัดผลักดันทรัพย์สินออกจากกระบวนการบังคับคดี กิจกรรมการขายทอดตลาดในวันเสาร์ และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการแก่คู่ความและประชาชน ๕. กรมราชทัณฑ์ จัดทำโครงการเยี่ยมญาติแบบใกล้ชิดเป็นกรณีพิเศษเพื่อตอบสนองนโยบายรัฐบาลในการมอบของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ต้องขังและญาติได้พบปะแบบใกล้ชิดเป็นกรณีพิเศษในเรือนจำ/ทัณฑสถาน/สถานกักกัน/สถานกักขัง จำนวน ๑๔๓ แห่งทั่วประเทศ ระหว่างเดือนมกราคม ๒๕๕๘ ๖. สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ดำเนินโครงการพิสูจน์สัญชาติเพื่อคืนสิทธิให้กับประชาชน โดยการเพิ่มชื่อในทะเบียนราษฎร์ ภายใต้โครงการตรวจพิสูจน์สารพันธุกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแก่ราษฎรของอำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ดำเนินการระหว่างวันที่ ๑๗-๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๗. สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม ดำเนินโครงการอำนวยความยุติธรรมเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ โดยประชาชนสามารถเข้าถึงทุกงานบริการของกระทรวงยุติธรรมได้ภายใต้มาตรฐานเดียวกันทุกจุดทั่วประเทศ
|
||||||||||||||||||
654 | ขอยุติการดำเนินการร่างกฎหมายของกระทรวงยุติธรรม (รวม 4 ฉบับ) | ยธ | 23/12/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างพระราชบัญญัติ รวม ๔ ฉบับ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบต่อไป ดังนี้
๑. ร่างพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒. ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๙๖ กำหนดเวลาร้องทุกข์ และเพิ่มเติมหลักเกณฑ์เกี่ยวกับอายุความ) ๓. ร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการปฏิรูปและพัฒนากระบวนการยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. .... ๔. ร่างพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
|
||||||||||||||||||
655 | การเสนอรายงานประเทศตามพันธกรณีภายใต้กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ฉบับที่ 2 | ยธ | 16/12/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการเสนอรายงานประเทศตามพันธกรณีภายใต้กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights : ICCPR) ฉบับที่ ๒ ต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติประจำกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ซึ่งรายงานประเทศฯ ประกอบด้วย ๔ ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ ๑ บทนำ ส่วนที่ ๒ รายงานสถานการณ์สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองของประเทศไทยตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติประจำกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ส่วนที่ ๓ ความก้าวหน้าทางด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองของประเทศไทยโดยเรียงตามข้อบทที่ ๑-๒๗ ของกติกาฯ และส่วนที่ ๔ การวิเคราะห์แนวโน้มและแนวทางการพัฒนาสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการจัดส่งรายงานประเทศตามพันธกรณีภายใต้กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights : ICCPR) ฉบับที่ ๒ ต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติประจำกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ต่อไป ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมเร่งรัดดำเนินการจัดทำรายงานประเทศตามพันธกรณีภายใต้กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองฉบับต่อ ๆ ไป ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และให้ส่งไปยังคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติประจำกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองตามกรอบเวลาที่กำหนดต่อไป |
||||||||||||||||||
656 | แต่งตั้งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม | ยธ | 09/12/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ว่าที่ร้อยตรี เชิดศักดิ์ จำปาเทศ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แทนตำแหน่งที่ว่าง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ ธันวาคม ๒๕๕๗) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||
657 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) เรื่อง กำหนดประเภทสถานประกอบการที่อยู่ภายใต้บังคับของมาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานประกอบการ และร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) เรื่อง มาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานประกอบการ รวม 2 ฉบับ | ยธ | 09/12/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเพิ่มเติมให้สถานที่หรือที่เก็บสินค้าของผู้ประกอบการขนส่งต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) เรื่อง กำหนดประเภทสถานประกอบการที่อยู่ภายใต้บังคับของมาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานประกอบการ ๒. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) เรื่อง มาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานประกอบการ |
||||||||||||||||||
658 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการลงทัณฑ์แก่เด็กและเยาวชน พ.ศ. .... | ยธ | 09/12/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการลงทัณฑ์แก่เด็กและเยาวชน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการลงทัณฑ์แก่เด็กและเยาวชนที่ละเมิดกฎหมาย ประพฤติชั่ว หรือกระทำผิดวินัย ในระหว่างที่อยู่ในความควบคุมของสถานพินิจ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
659 | ขออนุมัติให้กรมราชทัณฑ์ก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าวงเงินงบประมาณที่ได้รับอนุมัติเพื่อใช้งบประมาณที่ได้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภคที่ค้างชำระปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 | ยธ | 09/12/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กรมราชทัณฑ์ก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าวงเงินงบประมาณที่ได้รับอนุมัติ ตามนัยมาตรา ๒๓ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อนำงบประมาณที่ได้กันไว้เบิกเหลื่อมปีชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภคที่ค้างชำระปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๑๗๓,๕๖๒,๕๘๒ บาท โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๗ ที่กรมราชทัณฑ์ได้ขอขยายเวลาเบิกจ่ายเงินและกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีกับกระทรวงการคลังแล้ว จำนวน ๓ รายการ ได้แก่ (๑) รายการก่อสร้างแดนความมั่นคงสูงสุดเรือนจำกลางพิษณุโลก ๑ แห่ง จำนวนเงิน ๓๐,๔๙๐,๕๘๒ บาท (๒) รายการปรับปรุงสถานพยาบาลเรือนจำทัณฑสถานบำบัดพิเศษสงขลา ๑ แห่ง จำนวนเงิน ๖,๖๒๖,๐๐๐ บาท และ (๓) รายการก่อสร้างเรือนจำจังหวัดภูเก็ตพร้อมส่วนประกอบ ๑ แห่ง จำนวนเงิน ๑๓๖,๔๔๖,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๒. ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีมติเมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ และ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๗ และคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๗ และ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ) ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) ปรับปรุงพื้นที่ควบคุมผู้ลี้ภัยให้มีสภาพที่เหมาะสมเพียงพอต่อการพำนักในช่วงระหว่างรอการส่งกลับประเทศต้นทาง และเร่งการดำเนินการเพื่อผลักดันผู้ลี้ภัยดังกล่าวกลับประเทศต่อไป นั้น เพื่อเป็นช่องทางในการลดความแออัดของผู้ต้องขังในเรือนจำต่าง ๆ จึงให้กระทรวงยุติธรรมร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการปรับเปลี่ยน “ศูนย์พักพิง” ในจังหวัดต่าง ๆ เช่น แม่ฮ่องสอน ตาก กาญจนบุรี และราชบุรี เพื่อใช้เป็นสถานที่ควบคุมนักโทษที่ต้องคดีไม่ร้ายแรงหลังจากที่มีการผลักดันผู้ลี้ภัยกลับประเทศต้นทางแล้ว แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||
660 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ , พันโท เอนก ยมจินดา) | ยธ | 02/12/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงยุติธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียนตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ๒. พันโท เอนก ยมจินดา ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
.....