ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 37 จากทั้งหมด 97 หน้า แสดงรายการที่ 721 - 740 จากข้อมูลทั้งหมด 1923 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
721 | การแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย | ยธ | 18/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวราเทพ รัตนากร) รายงานความก้าวหน้าเกี่ยวกับแนวทางในการที่จะทำให้เกิดกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มากที่สุดและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องว่า ได้หารือกับผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น พรรคร่วมรัฐบาล ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานวุฒิสภา และรับฟังความเห็นจากฝ่ายต่าง ๆ รวมทั้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง เป็นต้น พบว่ามีความเห็นส่วนใหญ่สรุปว่า ควรให้จัดทำประชามติ ๒. รับทราบตามที่เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีการายงานว่า ในการดำเนินการจะต้องเป็นไปตามมาตรา ๑๖๕(๑) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยจะต้องมีการมอบหน่วยงานเจ้าของเรื่องในการจัดทำประชามติเพื่อรับผิดชอบการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี เมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการให้มีการออกเสียงประชามติ นายกรัฐมนตรีอาจปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานวุฒิสภา หลังจากนั้นจะมีการนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งเพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้มีการออกเสียงประชามติ จากนั้นจะเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้งในการกำหนดวันออกเสียงภายในระยะเวลาไม่น้อยกว่า ๙๐ วัน แต่ไม่เกิน ๑๒๐ วัน นับแต่วันประกาศให้มีการออกเสียงในราชกิจจานุเบกษาและดำเนินการออกเสียงประชามติต่อไป ทั้งนี้ การออกเสียงที่จะถือว่ามีข้อยุติในเรื่องที่จัดทำประชามติต้องมีผู้มาออกเสียงเป็นจำนวนเสียงข้างมากของผู้มีสิทธิออกเสียงและมีจำนวนเสียงเกินกว่ากึ่งหนึ่งของผู้มาออกเสียงในเรื่องที่จัดทำประชามตินั้น ๓. เห็นชอบให้ตั้งคณะทำงาน ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวราเทพ รัตนากร) และเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ดำเนินการศึกษาวิธีการออกเสียงประชามติและประชาเสวนาว่าจะดำเนินการอย่างไรทั้งในข้อกฎหมายและในทางปฏิบัติแล้วสรุปวิธีการที่เหมาะสมและจัดทำรายละเอียดเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ ให้คณะทำงานดำเนินการชี้แจงเรื่องนี้เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชนด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
722 | การจัดซื้อเครื่องบริโภค สำหรับใช้เลี้ยงผู้ต้องขัง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 | ยธ | 04/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๒ เรื่อง การจัดซื้อผลไม้และพืชอื่นที่รับประทานแทนผลไม้ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๒. กรณีการจัดหาอาหารดิบ (อาหารดิบเป็นรายสิ่ง) สำหรับใช้เลี้ยงผู้ต้องขังประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการเสนอเรื่องนี้ให้คณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจพิจารณา ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ตามความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||
723 | รายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการประติบัติ หรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรี | ยธ | 04/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบรายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาต่อต้านการทรมาน และการประติบัติ หรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรี (Convention against Torture and Other Cruel, Inhuman or Degrading Treatment or Punishment : CAT) โดยเนื้อหาของรายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยฯ ประกอบด้วย ๒ ส่วน ได้แก่ ๑.๑.๑ ส่วนที่ ๑ ข้อมูลพื้นฐาน ประกอบด้วยข้อมูลเกี่ยวกับโครงสร้างทางการเมือง หลักกฎหมายทั่วไปในการให้ความคุ้มครองสิทธิมนุษยชน หลักในกฎหมายอาญาและหลักกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา สถานะของอนุสัญญาฯ ในกฎหมายภายใน หลักประกันการไม่สามารถยกเลิกเพิกถอนการห้ามการปฏิบัติหรือการลงโทษใด ๆ ที่ทารุณโหดร้าย หรือทำให้เสื่อมเสียศักดิ์ศรี การนำข้อกำหนดในอนุสัญญาต่อต้านการทรมานฯ มาใช้โดยศาลหรือเจ้าพนักงานฝ่ายบริหาร และภาพรวมของการปฏิบัติตามอนุสัญญาฯ และปัญหาอุปสรรค ๑.๑.๒ ส่วนที่ ๒ การปฏิบัติตามอนุสัญญาฯ แต่ละข้อบท โดยวิเคราะห์กฎหมาย กฎ ระเบียบ มาตรการ และกลไกต่าง ๆ ที่ประเทศไทยมีอยู่เพื่อรองรับส่วนที่เป็นสาระบัญญัติ คือ ข้อบทที่ ๑-๑๖ ของอนุสัญญาต่อต้านการทรมานฯ ๑.๒ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการเสนอรายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยตามอนุสัญญาฯ ฉบับภาษาอังกฤษ ต่อคณะกรรมการต่อต้านการทรมานขององค์การสหประชาชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับข้อสังเกตของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเกี่ยวกับรายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยฯ มีการระบุถึงข้อจำกัดในการปฏิบัติตามอนุสัญญาฯ กระทรวงยุติธรรมควรดำเนินการแก้ไขปรับปรุงเพื่อให้การดำเนินงานในระยะต่อไปมีความชัดเจน สอดคล้องกับพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาฯ รวมทั้งข้อเสนอแนะจากกลไกการรายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนภายใต้กระบวนการ Universal Periodic Review (UPR) ว่าด้วยการปรับปรุงกฎหมายสิทธิมนุษยชนภายในประเทศ และเป็นการแสดงถึงพัฒนาการการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของไทยอย่างแท้จริง ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
724 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงยุติธรรม) (พันตำรวจเอก ประเวศน์ มูลประมุข และนางกรรณิการ์ แสงทอง) | ยธ | 04/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงยุติธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. พันตำรวจเอก ประเวศน์ มูลประมุข ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นางกรรณิการ์ แสงทอง ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||
725 | การเช่ารถยนต์เพื่อใช้ในภารกิจของกรมคุมประพฤติ | ยธ | 20/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ ให้กรมคุมประพฤติเช่ารถยนต์ จำนวน ๔ ประเภท รวม ๑๓๔ คัน ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ระยะเวลา ๕ ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐ ได้ตามนัยมาตรา ๒๓ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามหลักเกณฑ์และอัตราค่าเช่ารถยนต์ที่กระทรวงการคลังกำหนด รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๑๒๕,๑๕๐,๔๐๐ บาท ประกอบด้วย รถโดยสาร ๑๒ ที่นั่ง จำนวน ๗ คัน อัตราค่าเช่า ๒๔,๗๕๐ บาทต่อคันต่อเดือน เป็นเงิน ๑๐,๓๙๕,๐๐๐ บาท รถนั่งส่วนบุคคล จำนวน ๓ คัน อัตราค่าเช่า ๑๘,๔๕๐ บาทต่อคันต่อเดือน เป็นเงิน ๓,๓๒๑,๐๐๐ บาท รถบรรทุก (ดีเซล) ขนาด ๑ ตัน ขับเคลื่อน ๒ ล้อ แบบดับเบิลแคบ จำนวน ๑๐๔ คัน อัตราค่าเช่า ๑๕,๖๖๐ บาทต่อคันต่อเดือน เป็นเงิน ๙๗,๗๑๘,๔๐๐ บาท และรถบรรทุก (ดีเซล) ขนาด ๑ ตัน ขับเคลื่อน ๒ ล้อ แบบธรรมดา จำนวน ๒๐ คัน อัตราค่าเช่า ๑๑,๔๓๐ บาทต่อคันต่อเดือน เป็นเงิน ๑๓,๗๑๖,๐๐๐ บาท ๑.๒ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้ใช้จ่ายจากเงินดอกเบี้ยอันเกิดจากเงินกลางของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม จำนวน ๒๕,๐๓๐,๐๘๐ บาท ส่วนที่เหลืออีกจำนวน ๑๐๐,๑๒๐,๓๒๐ บาท ให้กรมคุมประพฤติเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๐ (ระยะ ๔ ปี) ปีละ ๒๕,๐๓๐,๐๘๐ บาท รองรับตามขั้นตอนต่อไป ๒. กรณีการเช่ารถโดยสาร ๑๒ ที่นั่ง (แบบธรรมดา) จำนวน ๙๓ คัน วงเงินทั้งสิ้น ๑๓๘,๑๐๕,๐๐๐ บาท เพื่อทดแทนรถโดยสาร ๑๒ ที่นั่ง (แบบติดตั้งลูกกรง) (ปรับรูปแบบ) ให้กระทรวงยุติธรรม (กรมคุมประพฤติ) รับไปพิจารณาทบทวนแล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||||||||
726 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายสุชน ชาลีเครือ) | ยธ | 12/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายสุชน ชาลีเครือ ให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๕) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
727 | การกำหนดเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานกรรมการ กรรมการ ที่ปรึกษา และอนุกรรมการในคณะกรรมการสถาบันอนุญาโตตุลาการ | ยธ | 06/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานกรรมการ กรรมการ ที่ปรึกษา และอนุกรรมการในคณะกรรมการสถาบันอนุญาโตตุลาการ ตามความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ เฉพาะเดือนที่มีการประชุม หากเดือนใดไม่มีการประชุมหรือมีการประชุมแต่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมให้งดจ่าย ดังนี้
๑. เบี้ยประชุมคณะกรรมการสถาบันอนุญาโตตุลาการ ๑.๑ ประธานกรรมการ ให้ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือน ในอัตราเดือนละ ๖,๒๕๐ บาท ๑.๒ กรรมการและที่ปรึกษา ให้ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือน ในอัตราเดือนละ ๕,๐๐๐ บาท ๒. เบี้ยประชุมคณะอนุกรรมการที่คณะกรรมการสถาบันอนุญาโตตุลาการแต่งตั้ง ๒.๑ ประธานอนุกรรมการ ให้ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือน ในอัตราเดือนละ ๓,๑๒๕ บาท ๒.๒ อนุกรรมการ ให้ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือน ในอัตราเดือนละ ๒,๕๐๐ บาท ๓. สำหรับประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานกรรมการ กรรมการ ที่ปรึกษา และอนุกรรมการในคณะกรรมการสถาบันอนุญาโตตุลาการ ให้เป็นไปตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้ได้รับประโยชน์ตอบแทนอื่นเฉพาะค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปปฏิบัติงานของคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ หรือสถาบันอนุญาโตตุลาการ โดยให้นำพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการและระเบียบกระทรวงการคลังซึ่งออกตามความในพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมาใช้บังคับโดยอนุโลม |
|||||||||||||||||||||||||||
728 | ขออนุมัติลงนามความตกลงระหว่างสถาบันว่าด้วยความร่วมมือในการควบคุมยาเสพติดระหว่างคณะกรรมาธิการแห่งชาติเพื่อการพัฒนาและชีวิตปลอดยาเสพติด แห่งสาธารณรัฐเปรูกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด แห่งราชอาณาจักรไทย | ยธ | 06/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างความตกลงระหว่างสถาบันว่าด้วยความร่วมมือในการควบคุมยาเสพติดระหว่างคณะกรรมาธิการแห่งชาติเพื่อการพัฒนาและชีวิตปลอดยาเสพติดแห่งสาธารณรัฐเปรูกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งราชอาณาจักรไทย [Inter-Institutional Agreement on Cooperation in Narcotic Drug Control between the National Commission for Development and Life without Drugs (DEVIDA) of the Republic of Peru and the Office of the Narcotics Control Board (ONCB) of the Kingdom of Thailand] มีสาระสำคัญคือ DEVIDA กับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจะดำเนินกิจกรรมความร่วมมือด้านต่าง ๆ ประกอบด้วย ด้านการพัฒนาทางเลือกเพื่อลดปัญหาการปลูกพืชเสพติด ความร่วมมือทางวิชาการโดยการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านยาเสพติดแขนงต่าง ๆ โดยการส่งเสริมการวิจัยและฝึกอบรม การแลกเปลี่ยนการข่าวยาเสพติด การแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ด้านการป้องกันและบำบัดรักษายาเสพติด และการจัดสัมมนา ประชุม ฝึกอบรมด้านต่าง ๆ ๑.๒ อนุมัติให้เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญก่อนมีการลงนาม ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาใหม่อีกครั้ง ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นว่า ร่างความตกลงฯ ได้ระบุในข้อ ๑ ว่า จัดทำขึ้นเพื่อการบังคับใช้บันทึกความเข้าใจฯ ระหว่างรัฐบาลของทั้งสองประเทศฉบับปี ๒๕๔๒ ของหน่วยงานผู้ปฏิบัติ ซึ่งมีขอบข่ายสาระการดำเนินงานที่กำหนดในร่างความตกลงฯ มีรายละเอียดที่ใกล้เคียงกับที่ได้ระบุไว้ในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐเปรูว่าด้วยความร่วมมือในการควบคุมยาเสพติด วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท และสารตั้งต้น (Memorandum of Understanding between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the Republic of Peru on the Cooperation in Narcotic Drugs, Psychotropic Substances and Precursor Chemicals Control) ที่ได้มีการลงนามเมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๔๒ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็ไม่น่าจะมีความจำเป็นต้องจัดทำความตกลงขึ้นมาใหม่อีกฉบับ เพราะหน่วยงานผู้ปฏิบัติของทั้งสองประเทศสามารถใช้บันทึกความเข้าใจฯ ซึ่งเป็นความตกลงแม่บทในการมีความร่วมมือระหว่างกันได้อยู่แล้ว โดยหน่วยงานผู้ปฏิบัติสามารถพิจารณามีหนังสือติดต่อขอความร่วมมือระหว่างกันได้บนพื้นฐานของบันทึกความเข้าใจฯ ดังกล่าว และในกรณีที่มีความจำเป็นจะต้องจัดทำความตกลงในระดับหน่วยงานผู้ปฏิบัติเพื่อกำหนดรายละเอียดการดำเนินการเพิ่มเติมภายในขอบเขตของการบันทึกความเข้าใจฯ หน่วยงานผู้ปฏิบัติก็สามารถพิจารณาดำเนินการได้โดยอาจขออนุมัติรัฐมนตรีต้นสังกัด ไปดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
729 | ขอความเห็นชอบเช่ารถยนต์เพื่อการปฏิบัติการสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ | ยธ | 15/10/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอขอแก้ไขข้อความในหนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนมาก ที่ นร ๐๗๐๗/๐๑๘ ลงวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๕ หน้า ๒ จากเดิม “๑๓๐,๘๙๔,๐๐๐ บาท (หนึ่งร้อยสามสิบล้านแปดแสนเก้าหมื่นสี่พันบาทถ้วน)” เป็น “๑๓๐,๘๙๖,๐๐๐ บาท (หนึ่งร้อยสามสิบล้านแปดแสนเก้าหมื่นหกพันบาทถ้วน)” ๒. เห็นชอบให้กระทรวงยุติธรรม (กรมสอบสวนคดีพิเศษ) เช่ารถยนต์ จำนวน ๑๐๐ คัน เพื่อใช้ในการปฏิบัติการสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐ (รวมระยะเวลา ๕ ปี) วงเงินทั้งสิ้น ๑๖๓,๖๒๐,๐๐๐ บาท ตามนัยมาตรา ๒๓ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้ใช้จ่ายจากเงินดอกเบี้ยอันเกิดจากเงินกลางของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม จำนวน ๓๒,๗๒๔,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีกจำนวน ๑๓๐,๘๙๖,๐๐๐ บาท ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๐ (ระยะเวลา ๔ ปี) ปีละ ๓๒,๗๒๔,๐๐๐ บาท ตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||
730 | ร่างพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 09/10/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๓๔ ดังนี้
๑. ปรับปรุงบทกำหนดโทษกรณีความผิดฐานสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และกรณีผู้ใดไม่มาให้ถ้อยคำ ไม่ส่งคำชี้แจงเป็นหนังสือ หรือไม่ส่งบัญชีเอกสารหรือหลักฐานตามมาตรา ๒๕ (๒) หรือขัดขวางหรือไม่ให้ความสะดวกตามมาตรา ๒๔ (๓) หรือ (๔) ๒. ปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินและพนักงานเจ้าหน้าที่ ๓. กำหนดหลักเกณฑ์ในการยึดหรืออายัดทรัพย์สินเมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดก่อนหรือหลังที่คณะกรรมการหรือเลขาธิการมีคำสั่งตรวจสอบทรัพย์สินตามมาตรา ๑๙ หรือก่อนที่คณะกรรมการหรือเลขาธิการมีคำสั่งยึดหรืออายัดทรัพย์สินตามมาตรา ๒๒ ๔. ปรับปรุงระยะเวลาในการยื่นคำร้องเพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดและระยะเวลาในการยื่นคำร้องเพิ่มเติม รวมทั้งกำหนดให้พนักงานอัยการยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อไต่สวนทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในกรณีที่ผู้ต้องหาหรือจำเลยหลบหนีหรือถึงแก่ความตาย และให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของกองทุน ๕. กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอให้ศาลสั่งอนุญาตให้นำทรัพย์สินตามมาตรา ๓๐ ออกขายทอดตลาดหรือไปใช้เพื่อประโยชน์ของทางราชการไปพลางก่อน ก่อนที่ทรัพย์สินตามมาตรา ๓๐ ตกเป็นของกองทุน และการประเมินราคาทรัพย์สิน ค่าเสียหายหรือค่าเสื่อมสภาพของทรัพย์สิน ๖. ให้ทรัพย์สินของกองทุนรวมถึงทรัพย์สินที่ตกเป็นของกองทุนตามมาตรา ๒๙ และมาตรา ๓๐/๒ ๗. แก้ไขผู้รับรายงานงบดุลและรายงานการรับจ่ายเงินของกองทุนจากคณะรัฐมนตรีเป็นรัฐมนตรี |
|||||||||||||||||||||||||||
731 | การพิจารณาบำเหน็จความชอบประจำปี 2555 (กรณีพิเศษ) ให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด | ยธ | 02/10/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการการพิจารณาบำเหน็จความชอบประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นกรณีพิเศษ ให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดดีเด่น ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติเสนอ โดย ๑.๑ ให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นกรณีพิเศษ ให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้มีผลการปฏิบัติงานด้านยาเสพติดดีเด่นไม่เกินร้อยละ ๒.๕ ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดโดยตรง จำนวน ๓๙๔,๘๒๑ คน คิดเป็นอัตราไม่เกิน ๙,๘๗๐ คน ๑.๒ ให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นกรณีพิเศษ ให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้มีผลการปฏิบัติงานด้านยาเสพติดดีเด่นไม่เกินร้อยละ ๐.๕ ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเกื้อกูลต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด จำนวน ๓๖๒,๗๔๔ คน คิดเป็นอัตราไม่เกิน ๑,๘๑๓ คน ๑.๓ ในกรณีของผู้ที่เงินเดือนเต็มขั้นให้ได้รับค่าตอบแทนเป็นไปตามระเบียบที่กระทรวงการคลังกำหนด ๒. ส่วนงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของส่วนราชการต้นสังกัดในโอกาสแรกก่อน หากไม่สามารถดำเนินการได้ให้เบิกจ่ายจากงบกลาง รายการเงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการ เป็นลำดับต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||
732 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสถาบันอนุญาโตตุลาการ (จำนวน 5 คน 1. ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ฯลฯ) | ยธ | 02/10/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการสถาบันอนุญาโตตุลาการ จำนวน ๕ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒ ตุลาคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ๒. นางชูจิรา กองแก้ว ๓. นายอุดม พัวสกุล ๔. นายสุรชัย โฆษิตเสรีวงศ์ ๕. นายชัยธวัช เสาวพนธ์
|
|||||||||||||||||||||||||||
733 | การดำเนินโครงการพัฒนาทางเลือกเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ยั่งยืนไทย - เมียนมาร์ (พ.ศ. 2555-2561) | ยธ | 18/09/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกรอบโครงการพัฒนาทางเลือกเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ยั่งยืนไทย - เมียนมาร์ ระยะเวลา ๖ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๖๑) และกรอบวงเงินงบประมาณในเบื้องต้นสำหรับดำเนินโครงการฯ จำนวน ๓๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สำหรับงบประมาณที่จะนำมาใช้ตามโครงการฯ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ไปแล้ว จำนวน ๑๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท และสำนักงบประมาณได้ตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ไว้จำนวน ๘๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ - ๒๕๖๑ ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจัดทำรายละเอียดแผนงาน/โครงการ และเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
734 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (พันตำรวจเอกโภคพิบูลย์ โปตระนันทน์ และนางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล) | ยธ | 18/09/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงยุติธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. พันตำรวจเอก โภคพิบูลย์ โปตระนันทน์ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ๒. นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมคุมประพฤติ
|
|||||||||||||||||||||||||||
735 | ร่างบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างสถาบันนิติวิทยาศาสตร์กับหน่วยงานต่างประเทศ | ยธ | 18/09/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม กับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงบริหารจัดการสาธารณะและความมั่นคง สาธารณรัฐเกาหลี (National Forensic Service-NFS, the government department within the Ministry of Public Administration and Security of the Republic of Korea) มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือทางวิชาการทางนิติวิทยาศาสตร์และพัฒนาการทำงานให้มีมาตรฐานสากล โดยให้ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
736 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ (จำนวน 3 คน 1. นายเจียม เสาวภา ฯลฯ) | ยธ | 11/09/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ จำนวน ๓ คน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๑ กันยายน ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายเจียม เสาวภา ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๒. นายเรวัต ฉ่ำเฉลิม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารงานยุติธรรม ๓. พลตำรวจเอกดรุณ โสตถิพันธุ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านอาชญาวิทยา
|
|||||||||||||||||||||||||||
737 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด อีกตำแหน่งหนึ่ง | ยธ | 04/09/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง พลตำรวจเอก พงศพัศ พงษ์เจริญ ข้าราชการตำรวจ ตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กระทรวงยุติธรรม อีกตำแหน่งหนึ่ง มีกำหนดระยะเวลา ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
738 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (จำนวน 5 ราย 1. พันตำรวจเอก ดุษฎี อารยวุฒิ ฯลฯ) | ยธ | 04/09/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอนและแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง สังกัดกระทรวงยุติธรรม จำนวน ๕ ราย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. พันตำรวจเอก ดุษฎี อารยวุฒิ ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายชาติชาย สุทธิกลม ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. พันตำรวจเอก ณรัชต์ เศวตนันทน์ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ๔. นายธวัชชัย ไทยเขียว ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นายฐานิส ศรียะพันธ์ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน
|
|||||||||||||||||||||||||||
739 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคดีพิเศษ (จำนวน 4 คน 1. นายไกรสร บารมีอวยชัย ฯลฯ) | ยธ | 28/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๕) อนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคดีพิเศษ จำนวน ๙ คน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายไกรสร บารมีอวยชัย ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายและการบริหารงานยุติธรรม ๒. ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ชัยเกษม นิติสิริ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายและกระบวนการดำเนินคดีอาญา ๓. นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายและการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ๔. นายประดิษฐ์ เอกมณี ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายและการพิจารณาพิพากษาคดี ๕. รองศาสตราจารย์ มนตรี โสคติยานุรักษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์และการเงินการธนาคาร ๖. นายมหิดล จันทรางกูร ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินการธนาคารและเทคโนโลยีสารสนเทศ ๗. นายเรวัต วิศรุตเวช ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์และการสาธารณสุข ๘. พลตำรวจโท สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกระบวนการสืบสวนสอบสวนคดีอาญา ๙. นายอนุพร อรุณรัตน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายและธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ ต่อมาคณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๘ สิงหาคม ๒๕๕๕) อนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว โดยให้แก้ไขเพิ่มเติมการกำหนดตัวบุคคลเฉพาะที่ทรงคุณวุฒิในด้านเศรษฐศาสตร์ การเงินการธนาคาร เทคโนโลยีสารสนเทศ และกฎหมาย จำนวน ๔ คน นอกนั้นให้คงเดิม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ดังนี้ ๑. นายไกรสร บารมีอวยชัย ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๒. ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ชัยเกษม นิติสิริ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินการธนาคาร ๓. รองศาสตราจารย์ มนตรี โสคติยานุรักษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์ ๔. นายมหิดล จันทรางกูร ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
|
|||||||||||||||||||||||||||
740 | ร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการกำหนดเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. .... | ยธ | 30/07/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการกำหนดเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดลักษณะ ชนิด และประเภทของเครื่องแบบพิเศษของข้าราชการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดให้เป็นไปตามที่กำหนดในร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีนี้ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
.....