ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 37 จากทั้งหมด 97 หน้า แสดงรายการที่ 721 - 740 จากข้อมูลทั้งหมด 1930 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
721 | การจัดทำความตกลงประเทศเจ้าภาพสำหรับการจัดประชุมผู้เชี่ยวชาญของสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) ร่วมกับ สำนักงานสหประชาชาติว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรม (UNODC) | ยธ | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการจัดทำความตกลงประเทศเจ้าภาพสำหรับการจัดประชุมผู้เชี่ยวชาญของสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) ร่วมกับสำนักงานสหประชาชาติว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรม (United Nations Office on Drugs and Crime : UNODC) จำนวน ๔ รายการ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การประชุมระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อกำหนดสหประชาชาติสำหรับการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิง และมาตรการที่มิใช่การคุมขังสำหรับผู้กระทำผิดหญิง (ข้อกำหนดกรุงเทพฯ) ระหว่างวันที่ ๑๙-๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ๑.๒ การประชุมผู้เชี่ยวชาญสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) เพื่อการพัฒนาหลักสูตรในการฝึกอบรมตามข้อกำหนดกรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ ๑๙-๒๑ มีนาคม ๒๕๕๖ ๑.๓ การประชุมกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเพื่อการพัฒนาเอกสารการฝึกอบรมสำหรับอัยการและผู้พิพากษาในด้านการขจัดความรุนแรงต่อหญิง ระหว่างวันที่ ๘-๑๐ เมษายน ๒๕๕๖ ๑.๔ การประชุมกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเพื่อการพัฒนาแผนปฏิบัติการต้นแบบเพื่อป้องกันและตอบสนองต่อการใช้ความรุนแรงต่อผู้หญิง เพื่อบรรลุเป้าหมายของการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๖ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรแห่งประเทศไทย ประจำสำนักงานสหประชาชาติ ณ กรุงเวียนนา เป็นผู้ลงนามในหนังสือตอบรับความตกลงประเทศเจ้าภาพสำหรับการจัดประชุมผู้เชี่ยวชาญของสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) ร่วมกับสำนักงานสหประชาชาติว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรม (UNODC) และให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับประเด็นสารัตถะของหนังสือแลกเปลี่ยนของ UNODC ที่เห็นว่าในส่วนของเอกสิทธิ์และความคุ้มกันของผู้เข้าร่วมการประชุมและบุคคลที่ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการประชุม รวมทั้งบุคลากรที่รัฐบาลจัดให้ตามความตกลงนี้ UNODC ควรส่งสำเนารายชื่อผู้เข้าร่วมการประชุมและบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการประชุมทั้งหมดข้างต้นให้รัฐบาลไทยทราบล่วงหน้า และประเด็นมาตรา ๑๙๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๕๐ ที่เห็นว่าหนังสือแลกเปลี่ยนของฝ่ายไทยประกอบกับหนังสือแลกเปลี่ยนของ UNODC ก่อให้เกิดพันธกรณีภายใต้บังคับกฎหมายระหว่างประเทศ จึงเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๙๐ แต่ไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๙๐ วรรค ๒ ที่ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา เนื่องจากหนังสือสัญญาดังกล่าวเป็นการกำหนดพันธกรณีเกี่ยวกับเอกสิทธิ์และความคุ้มกันสำหรับการประชุมทั้ง ๔ รายการในประเทศไทย ซึ่งมีพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสหประชาชาติและทบวงการชำนัญพิเศษในประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๐๔ รองรับให้กระทำได้อยู่แล้ว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
722 | ขออนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (จำนวน 6 คน 1. นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ฯลฯ) | ยธ | 29/01/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด จำนวน ๖ คน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ มกราคม ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ๒. พลเอก อุดมเดช สีตบุตร ๓. พลเอก อัธยา สุคนธสิงห์ ๔. พลตำรวจเอก ปรุง บุญผดุง ๕. พลตำรวจเอก กฤษณะ ผลอนันต์ ๖. พลตำรวจโท วุฒิ วิทิตานนท์
|
||||||||||||||||||||||||
723 | ร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พุทธศักราช 2479 | ยธ | 08/01/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พุทธศักราช ๒๔๗๙ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงออกตามความในมาตรา ๕๘ แห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พุทธศักราช ๒๔๗๙ ดังนี้
๑. กำหนดให้ “กุญแจมือและกุญแจเท้า” เป็นเครื่องพันธนาการเพิ่มเติมอีกหนึ่งประเภทที่จะนำไปใช้แก่ผู้ต้องขัง ๒. กำหนดให้กรมราชทัณฑ์สามารถกำหนดรูปแบบหรือลักษณะของเครื่องพันธนาการประเภท “กุญแจมือและกุญแจเท้า” ที่จะนำไปใช้แก่ผู้ต้องขัง ๓. แก้ไขเพิ่มเติมการใช้เครื่องพันธนาการประเภท "กุญแจมือและกุญแจเท้า" สำหรับพันธนาการผู้ต้องขังและในกรณีที่ต้องนำตัวคนต้องขังหรือคนฝากออกไปนอกเรือนจำ
|
||||||||||||||||||||||||
724 | ร่างพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 08/01/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๔๕ เพื่อกำหนดให้บุคคลซึ่งผ่านการตรวจหรือทดสอบเบื้องต้นว่ามียาเสพติดอยู่ในร่างกาย และสมัครใจจะขอเข้ารับฟื้นฟูสมรรถภาพได้รับการยกเว้นไม่ต้องถูกแจ้งข้อหาเสพยาเสพติด โดยเจ้าพนักงานตามกฎหมายว่าด้วยวิธีพิจารณาคดียาเสพติดต้องดำเนินการให้บุคคลดังกล่าวได้รับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดในสถานพยาบาลตามกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติด และมีการจัดทำบันทึกข้อตกลงเพื่อเป็นหลักฐานในการเข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด หากฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงดังกล่าว ถือเป็นความผิดอาญา ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้รับความเห็นของรองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการที่เห็นควรตรวจสอบข้อมูลการส่งตัวผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดฐานเสพยาเสพติดที่ศาลพิจารณามีคำสั่งให้ไปตรวจพิสูจน์การเสพหรือการติดยาเสพติดเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการตรวจพิจารณา และในกรณีที่สำนักงานศาลยุติธรรมยังเป็นห่วงว่ากระบวนการดังกล่าวอาจกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของบุคคลที่มิใช่เป็นผู้เสพยาเสพติดอย่างแท้จริง อาจเพิ่มเติมในร่างพระราชบัญญัติฯ ให้ผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดฐานเสพยาเสพติดที่ถูกส่งตัวไปตรวจพิสูจน์ หรือฟื้นฟูสมรรถภาพสามารถร้องต่อศาลยุติธรรมได้ หากเห็นว่ามีการกลั่นแกล้งหรือมีการกระทำอันละเมิดสิทธิเสรีภาพของบุคคลนั้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
725 | ขออนุมัติดำเนินโครงการเช่ารถยนต์บรรทุกผู้ต้องขังพร้อมอุปกรณ์ จำนวน 313 คัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขนย้ายผู้ต้องขังของกรมราชทัณฑ์ | ยธ | 08/01/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้กรมราชทัณฑ์เช่ารถยนต์บรรทุกผู้ต้องขัง ๔ ประเภท เพื่อทดแทนรถยนต์บรรทุกผู้ต้องขังที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ ๑๐ ปีขึ้นไป ซึ่งอยู่ในสภาพไม่เหมาะสมแก่การใช้งาน จำนวน ๑๖๗ คัน และเช่าเพิ่มเติมให้แก่เรือนจำ/ทัณฑสถาน ที่มีความจำเป็นและต้องการรถยนต์บรรทุกผู้ต้องขัง อีกจำนวน ๑๔๖ คัน รวมทั้งสิ้น ๓๑๓ คัน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๔๙๒,๑๑๑,๒๐๐ บาท ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐ รวม ๕ ปี ได้ตามนัยมาตรา ๒๓ วรรคสี่แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ดังนี้ ๑.๑ รถยนต์บรรทุกผู้ต้องขังแบบตู้โดยสาร ขนาด (๖ ล้อ) แบบปรับอากาศ ขนาด ๒๔ ที่นั่ง พร้อมอุปกรณ์สัญญาณไซเรนไฟแดง จำนวน ๗๔ คัน อัตราค่าเช่า ๓๔,๘๐๐ บาทต่อคันต่อเดือน รวมเป็นเงิน ๑๔๔,๒๑๑,๒๐๐ บาท ๑.๒ รถยนต์บรรทุกผู้ต้องขังแบบตู้โดยสารปรับอากาศ (เบนซิน) ขนาด ๑๕ ที่นั่ง พร้อมติดตั้งอุปกรณ์ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (เอ็นจีวี) และอุปกรณ์สัญญาณไซเรนไฟแดง จำนวน ๑๐๐ คัน อัตราค่าเช่า ๓๔,๔๐๐ บาทต่อคันต่อเดือน รวมเป็นเงิน ๑๙๒,๖๔๐,๐๐๐ บาท ๑.๓ รถยนต์บรรทุกผู้ต้องขัง ขนาด ๑ ตัน แบบมีช่องว่างด้านหลังคนขับพร้อมอุปกรณ์สัญญาณไซเรนไฟแดง จำนวน ๘๕ คัน อัตราค่าเช่า ๒๑,๕๐๐ บาทต่อคันต่อเดือน รวมเป็นเงิน ๑๐๒,๓๔๐,๐๐๐ บาท ๑.๔ รถยนต์บรรทุกผู้ต้องขัง ขนาด ๑ ตัน แบบ ๒ ประตู พร้อมอุปกรณ์สัญญาณไซเรนไฟแดง จำนวน ๕๔ คัน อัตราค่าเช่า ๑๗,๕๐๐ บาทต่อคันต่อเดือน รวมเป็นเงิน ๕๒,๙๒๐,๐๐๐ บาท โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้ใช้จ่ายจากเงินดอกเบี้ยอันเกิดจากเงินกลางของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม จำนวน ๗๐,๓๐๑,๖๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีกจำนวน ๔๒๑,๘๐๙,๖๐๐ บาท ให้กรมราชทัณฑ์เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๐ (ระยะเวลา ๔ ปี) ปีละ ๑๐๕,๔๕๒,๔๐๐ บาท รองรับตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมเร่งรัดการแก้ไขปัญหายาเสพติดในเรือนจำให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็วด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
726 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา (จำนวน 5 คน 1. นายดาวิน นารูลา ฯลฯ) | ยธ | 25/12/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา จำนวน ๕ คน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายดาวิน นารูลา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์ ๒. นางเพทาย ปทุมจันทรัตน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านสังคมสงเคราะห์ ๓. พันตำรวจเอก ณรัชต์ เศวตนันทน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ๔. นางสาวศุภมาศ พยัฆวิเชียร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นายไพฑูรย์ สว่างกมล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
||||||||||||||||||||||||
727 | รายงานประจำปี พ.ศ. 2554 คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ | ยธ | 18/12/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ สำนักงานกิจการยุติธรรม เสนอรายงานประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. ส่วนที่ ๑ โครงสร้าง อำนาจหน้าที่ และองค์ประกอบของคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ และคณะอนุกรรมการที่ได้แต่งตั้งภายใต้คณะกรรมการฯ จำนวน ๘ คณะ ได้แก่ คณะอนุกรรมการจัดทำ ประสาน ติดตาม และขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ตามแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ คณะอนุกรรรมการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศกระบวนการยุติธรรม คณะอนุกรรมการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนากฎหมายและระบบงานในกระบวนการยุติธรรม คณะอนุกรรมการด้านพัฒนาบุคลากรกระบวนการยุติธรรม คณะอนุกรรมการประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ คณะอนุกรรมการนโยบายและประสานงานกระบวนการยุติธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้ คณะอนุกรรมการส่งเสริมการมีส่วนร่วมและขับเคลื่อนกระบวนการยุติธรรมทางเลือก และคณะอนุกรรมการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติมาตรฐานการปฏิบัติงานด้านนิติวิทยาศาสตร์ พ.ศ. .... ๒. ส่วนที่ ๒ ผลงานสำคัญของคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ และคณะอนุกรรมการฯ จำแนกเป็น ๕ ด้าน ดังนี้ ๒.๑ การจัดทำแผนและการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การบริหารงานยุติธรรม ได้แก่ แผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๒-๒๕๕๕ และแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศกระบวนการยุติธรรม พ.ศ.๒๕๕๒-๒๕๕๕ ๒.๒ การส่งเสริมและประสานความร่วมมือเพื่อพัฒนาระบบการบริหารงานยุติธรรม ซึ่งมีโครงการที่สำคัญ ได้แก่ โครงการคืนคนดีสู่สังคม และโครงการศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลกระบวนการยุติธรรม ๒.๓ การศึกษา วิจัยและพัฒนากฎหมายและระบบงานยุติธรรม ซึ่งมีโครงการที่สำคัญ ได้แก่ โครงการทบทวนและเตรียมความพร้อมเพื่อการสำรวจข้อมูลสถิติอาชญากรรมภาคประชาชน โครงการพัฒนารูปแบบการจัดเก็บข้อมูลสถิติกระบวนการยุติธรรมทางอาญา การพัฒนาระบบงานราชทัณฑ์ การพัฒนางานด้านนิติวิทยาศาสตร์ การส่งสำนวนการสอบสวนคดีอาญาที่ผู้ต้องหาถูกคุมขังอยู่ในคดีอื่นที่เรือนจำอยู่ในเขตอำนาจศาลอื่น และการประชุมทางวิชาการระดับชาติว่าด้วยงานยุติธรรม ครั้งที่ ๙ เรื่อง "การขับเคลื่อนพลังสังคมสู่การพัฒนากระบวนการยุติธรรมที่ยั่งยืน" ๒.๔ การประชาสัมพันธ์เผยแพร่ความรู้สู่สังคม ได้แก่ การประชาสัมพันธ์ความสำเร็จโครงการ Enhancing Lives of Female Inmates (ELFI) ในพระดำริของพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ส่งผลให้ประชาชนทั้งในประเทศไทยและสังคมโลกได้รับทราบถึงความสำเร็จของประเทศไทยในการผลักดันให้เกิดมาตรฐานขั้นต่ำฉบับใหม่ในระบบสหประชาชาติที่มุ่งเน้นเกี่ยวกับการปฏิบัติที่ดีต่อผู้ต้องขังหญิง การจัดทำวารสารกระบวนการยุติธรรม และโครงการประกวดหนังสั้น ความยุติธรรม หัวข้อ "ร้อยเรื่องราวความยุติธรรม" ๒.๕ การพัฒนาบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมสู่สังคม โดยจัดฝึกอบรมหลักสูตรการบริหารงานยุติธรรมระดับสูง (ยธส.) รุ่นที่ ๑ ซึ่งมีหัวข้อหลักคือ "การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม" ๓. ส่วนที่ ๓ รวบรวมเนื้อหาเกี่ยวกับข้อมูลสถิติและงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ และสถิติประเภทเรื่องที่เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการฯ โดยรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ประกอบด้วย ด้านการจัดทำแผนและขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การบริหารงานยุติธรรม ด้านการส่งเสริมประสานความร่วมมือเพื่อพัฒนาระบบการบริหารงานยุติธรรม ด้านการศึกษาวิจัยพัฒนากฎหมายและระบบยุติธรรม ด้านการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ความรู้กระบวนการยุติธรรมสู่สังคม ด้านการพัฒนาบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม และภารกิจด้านงานเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ รวมค่าใช้จ่ายการดำเนินงานจำนวน ๒๕,๒๕๖,๕๘๒.๒๔ บาท
|
||||||||||||||||||||||||
728 | การแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย | ยธ | 18/12/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวราเทพ รัตนากร) รายงานความก้าวหน้าเกี่ยวกับแนวทางในการที่จะทำให้เกิดกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มากที่สุดและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องว่า ได้หารือกับผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น พรรคร่วมรัฐบาล ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานวุฒิสภา และรับฟังความเห็นจากฝ่ายต่าง ๆ รวมทั้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง เป็นต้น พบว่ามีความเห็นส่วนใหญ่สรุปว่า ควรให้จัดทำประชามติ ๒. รับทราบตามที่เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีการายงานว่า ในการดำเนินการจะต้องเป็นไปตามมาตรา ๑๖๕(๑) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยจะต้องมีการมอบหน่วยงานเจ้าของเรื่องในการจัดทำประชามติเพื่อรับผิดชอบการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี เมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการให้มีการออกเสียงประชามติ นายกรัฐมนตรีอาจปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานวุฒิสภา หลังจากนั้นจะมีการนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งเพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้มีการออกเสียงประชามติ จากนั้นจะเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้งในการกำหนดวันออกเสียงภายในระยะเวลาไม่น้อยกว่า ๙๐ วัน แต่ไม่เกิน ๑๒๐ วัน นับแต่วันประกาศให้มีการออกเสียงในราชกิจจานุเบกษาและดำเนินการออกเสียงประชามติต่อไป ทั้งนี้ การออกเสียงที่จะถือว่ามีข้อยุติในเรื่องที่จัดทำประชามติต้องมีผู้มาออกเสียงเป็นจำนวนเสียงข้างมากของผู้มีสิทธิออกเสียงและมีจำนวนเสียงเกินกว่ากึ่งหนึ่งของผู้มาออกเสียงในเรื่องที่จัดทำประชามตินั้น ๓. เห็นชอบให้ตั้งคณะทำงาน ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวราเทพ รัตนากร) และเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ดำเนินการศึกษาวิธีการออกเสียงประชามติและประชาเสวนาว่าจะดำเนินการอย่างไรทั้งในข้อกฎหมายและในทางปฏิบัติแล้วสรุปวิธีการที่เหมาะสมและจัดทำรายละเอียดเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ ให้คณะทำงานดำเนินการชี้แจงเรื่องนี้เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชนด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
729 | การจัดซื้อเครื่องบริโภค สำหรับใช้เลี้ยงผู้ต้องขัง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 | ยธ | 04/12/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๒ เรื่อง การจัดซื้อผลไม้และพืชอื่นที่รับประทานแทนผลไม้ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๒. กรณีการจัดหาอาหารดิบ (อาหารดิบเป็นรายสิ่ง) สำหรับใช้เลี้ยงผู้ต้องขังประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการเสนอเรื่องนี้ให้คณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจพิจารณา ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ตามความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||
730 | รายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการประติบัติ หรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรี | ยธ | 04/12/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบรายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาต่อต้านการทรมาน และการประติบัติ หรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรี (Convention against Torture and Other Cruel, Inhuman or Degrading Treatment or Punishment : CAT) โดยเนื้อหาของรายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยฯ ประกอบด้วย ๒ ส่วน ได้แก่ ๑.๑.๑ ส่วนที่ ๑ ข้อมูลพื้นฐาน ประกอบด้วยข้อมูลเกี่ยวกับโครงสร้างทางการเมือง หลักกฎหมายทั่วไปในการให้ความคุ้มครองสิทธิมนุษยชน หลักในกฎหมายอาญาและหลักกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา สถานะของอนุสัญญาฯ ในกฎหมายภายใน หลักประกันการไม่สามารถยกเลิกเพิกถอนการห้ามการปฏิบัติหรือการลงโทษใด ๆ ที่ทารุณโหดร้าย หรือทำให้เสื่อมเสียศักดิ์ศรี การนำข้อกำหนดในอนุสัญญาต่อต้านการทรมานฯ มาใช้โดยศาลหรือเจ้าพนักงานฝ่ายบริหาร และภาพรวมของการปฏิบัติตามอนุสัญญาฯ และปัญหาอุปสรรค ๑.๑.๒ ส่วนที่ ๒ การปฏิบัติตามอนุสัญญาฯ แต่ละข้อบท โดยวิเคราะห์กฎหมาย กฎ ระเบียบ มาตรการ และกลไกต่าง ๆ ที่ประเทศไทยมีอยู่เพื่อรองรับส่วนที่เป็นสาระบัญญัติ คือ ข้อบทที่ ๑-๑๖ ของอนุสัญญาต่อต้านการทรมานฯ ๑.๒ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการเสนอรายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยตามอนุสัญญาฯ ฉบับภาษาอังกฤษ ต่อคณะกรรมการต่อต้านการทรมานขององค์การสหประชาชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับข้อสังเกตของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเกี่ยวกับรายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยฯ มีการระบุถึงข้อจำกัดในการปฏิบัติตามอนุสัญญาฯ กระทรวงยุติธรรมควรดำเนินการแก้ไขปรับปรุงเพื่อให้การดำเนินงานในระยะต่อไปมีความชัดเจน สอดคล้องกับพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาฯ รวมทั้งข้อเสนอแนะจากกลไกการรายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนภายใต้กระบวนการ Universal Periodic Review (UPR) ว่าด้วยการปรับปรุงกฎหมายสิทธิมนุษยชนภายในประเทศ และเป็นการแสดงถึงพัฒนาการการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของไทยอย่างแท้จริง ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
731 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงยุติธรรม) (พันตำรวจเอก ประเวศน์ มูลประมุข และนางกรรณิการ์ แสงทอง) | ยธ | 04/12/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงยุติธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. พันตำรวจเอก ประเวศน์ มูลประมุข ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นางกรรณิการ์ แสงทอง ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||
732 | การเช่ารถยนต์เพื่อใช้ในภารกิจของกรมคุมประพฤติ | ยธ | 20/11/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ ให้กรมคุมประพฤติเช่ารถยนต์ จำนวน ๔ ประเภท รวม ๑๓๔ คัน ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ระยะเวลา ๕ ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐ ได้ตามนัยมาตรา ๒๓ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามหลักเกณฑ์และอัตราค่าเช่ารถยนต์ที่กระทรวงการคลังกำหนด รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๑๒๕,๑๕๐,๔๐๐ บาท ประกอบด้วย รถโดยสาร ๑๒ ที่นั่ง จำนวน ๗ คัน อัตราค่าเช่า ๒๔,๗๕๐ บาทต่อคันต่อเดือน เป็นเงิน ๑๐,๓๙๕,๐๐๐ บาท รถนั่งส่วนบุคคล จำนวน ๓ คัน อัตราค่าเช่า ๑๘,๔๕๐ บาทต่อคันต่อเดือน เป็นเงิน ๓,๓๒๑,๐๐๐ บาท รถบรรทุก (ดีเซล) ขนาด ๑ ตัน ขับเคลื่อน ๒ ล้อ แบบดับเบิลแคบ จำนวน ๑๐๔ คัน อัตราค่าเช่า ๑๕,๖๖๐ บาทต่อคันต่อเดือน เป็นเงิน ๙๗,๗๑๘,๔๐๐ บาท และรถบรรทุก (ดีเซล) ขนาด ๑ ตัน ขับเคลื่อน ๒ ล้อ แบบธรรมดา จำนวน ๒๐ คัน อัตราค่าเช่า ๑๑,๔๓๐ บาทต่อคันต่อเดือน เป็นเงิน ๑๓,๗๑๖,๐๐๐ บาท ๑.๒ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้ใช้จ่ายจากเงินดอกเบี้ยอันเกิดจากเงินกลางของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม จำนวน ๒๕,๐๓๐,๐๘๐ บาท ส่วนที่เหลืออีกจำนวน ๑๐๐,๑๒๐,๓๒๐ บาท ให้กรมคุมประพฤติเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๐ (ระยะ ๔ ปี) ปีละ ๒๕,๐๓๐,๐๘๐ บาท รองรับตามขั้นตอนต่อไป ๒. กรณีการเช่ารถโดยสาร ๑๒ ที่นั่ง (แบบธรรมดา) จำนวน ๙๓ คัน วงเงินทั้งสิ้น ๑๓๘,๑๐๕,๐๐๐ บาท เพื่อทดแทนรถโดยสาร ๑๒ ที่นั่ง (แบบติดตั้งลูกกรง) (ปรับรูปแบบ) ให้กระทรวงยุติธรรม (กรมคุมประพฤติ) รับไปพิจารณาทบทวนแล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง |
||||||||||||||||||||||||
733 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายสุชน ชาลีเครือ) | ยธ | 12/11/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายสุชน ชาลีเครือ ให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๕) เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||
734 | การกำหนดเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานกรรมการ กรรมการ ที่ปรึกษา และอนุกรรมการในคณะกรรมการสถาบันอนุญาโตตุลาการ | ยธ | 06/11/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานกรรมการ กรรมการ ที่ปรึกษา และอนุกรรมการในคณะกรรมการสถาบันอนุญาโตตุลาการ ตามความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ เฉพาะเดือนที่มีการประชุม หากเดือนใดไม่มีการประชุมหรือมีการประชุมแต่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมให้งดจ่าย ดังนี้
๑. เบี้ยประชุมคณะกรรมการสถาบันอนุญาโตตุลาการ ๑.๑ ประธานกรรมการ ให้ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือน ในอัตราเดือนละ ๖,๒๕๐ บาท ๑.๒ กรรมการและที่ปรึกษา ให้ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือน ในอัตราเดือนละ ๕,๐๐๐ บาท ๒. เบี้ยประชุมคณะอนุกรรมการที่คณะกรรมการสถาบันอนุญาโตตุลาการแต่งตั้ง ๒.๑ ประธานอนุกรรมการ ให้ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือน ในอัตราเดือนละ ๓,๑๒๕ บาท ๒.๒ อนุกรรมการ ให้ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือน ในอัตราเดือนละ ๒,๕๐๐ บาท ๓. สำหรับประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานกรรมการ กรรมการ ที่ปรึกษา และอนุกรรมการในคณะกรรมการสถาบันอนุญาโตตุลาการ ให้เป็นไปตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้ได้รับประโยชน์ตอบแทนอื่นเฉพาะค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปปฏิบัติงานของคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ หรือสถาบันอนุญาโตตุลาการ โดยให้นำพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการและระเบียบกระทรวงการคลังซึ่งออกตามความในพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมาใช้บังคับโดยอนุโลม |
||||||||||||||||||||||||
735 | ขออนุมัติลงนามความตกลงระหว่างสถาบันว่าด้วยความร่วมมือในการควบคุมยาเสพติดระหว่างคณะกรรมาธิการแห่งชาติเพื่อการพัฒนาและชีวิตปลอดยาเสพติด แห่งสาธารณรัฐเปรูกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด แห่งราชอาณาจักรไทย | ยธ | 06/11/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างความตกลงระหว่างสถาบันว่าด้วยความร่วมมือในการควบคุมยาเสพติดระหว่างคณะกรรมาธิการแห่งชาติเพื่อการพัฒนาและชีวิตปลอดยาเสพติดแห่งสาธารณรัฐเปรูกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งราชอาณาจักรไทย [Inter-Institutional Agreement on Cooperation in Narcotic Drug Control between the National Commission for Development and Life without Drugs (DEVIDA) of the Republic of Peru and the Office of the Narcotics Control Board (ONCB) of the Kingdom of Thailand] มีสาระสำคัญคือ DEVIDA กับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจะดำเนินกิจกรรมความร่วมมือด้านต่าง ๆ ประกอบด้วย ด้านการพัฒนาทางเลือกเพื่อลดปัญหาการปลูกพืชเสพติด ความร่วมมือทางวิชาการโดยการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านยาเสพติดแขนงต่าง ๆ โดยการส่งเสริมการวิจัยและฝึกอบรม การแลกเปลี่ยนการข่าวยาเสพติด การแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ด้านการป้องกันและบำบัดรักษายาเสพติด และการจัดสัมมนา ประชุม ฝึกอบรมด้านต่าง ๆ ๑.๒ อนุมัติให้เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญก่อนมีการลงนาม ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาใหม่อีกครั้ง ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นว่า ร่างความตกลงฯ ได้ระบุในข้อ ๑ ว่า จัดทำขึ้นเพื่อการบังคับใช้บันทึกความเข้าใจฯ ระหว่างรัฐบาลของทั้งสองประเทศฉบับปี ๒๕๔๒ ของหน่วยงานผู้ปฏิบัติ ซึ่งมีขอบข่ายสาระการดำเนินงานที่กำหนดในร่างความตกลงฯ มีรายละเอียดที่ใกล้เคียงกับที่ได้ระบุไว้ในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐเปรูว่าด้วยความร่วมมือในการควบคุมยาเสพติด วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท และสารตั้งต้น (Memorandum of Understanding between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the Republic of Peru on the Cooperation in Narcotic Drugs, Psychotropic Substances and Precursor Chemicals Control) ที่ได้มีการลงนามเมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๔๒ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็ไม่น่าจะมีความจำเป็นต้องจัดทำความตกลงขึ้นมาใหม่อีกฉบับ เพราะหน่วยงานผู้ปฏิบัติของทั้งสองประเทศสามารถใช้บันทึกความเข้าใจฯ ซึ่งเป็นความตกลงแม่บทในการมีความร่วมมือระหว่างกันได้อยู่แล้ว โดยหน่วยงานผู้ปฏิบัติสามารถพิจารณามีหนังสือติดต่อขอความร่วมมือระหว่างกันได้บนพื้นฐานของบันทึกความเข้าใจฯ ดังกล่าว และในกรณีที่มีความจำเป็นจะต้องจัดทำความตกลงในระดับหน่วยงานผู้ปฏิบัติเพื่อกำหนดรายละเอียดการดำเนินการเพิ่มเติมภายในขอบเขตของการบันทึกความเข้าใจฯ หน่วยงานผู้ปฏิบัติก็สามารถพิจารณาดำเนินการได้โดยอาจขออนุมัติรัฐมนตรีต้นสังกัด ไปดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
736 | ขอความเห็นชอบเช่ารถยนต์เพื่อการปฏิบัติการสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ | ยธ | 15/10/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอขอแก้ไขข้อความในหนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนมาก ที่ นร ๐๗๐๗/๐๑๘ ลงวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๕ หน้า ๒ จากเดิม “๑๓๐,๘๙๔,๐๐๐ บาท (หนึ่งร้อยสามสิบล้านแปดแสนเก้าหมื่นสี่พันบาทถ้วน)” เป็น “๑๓๐,๘๙๖,๐๐๐ บาท (หนึ่งร้อยสามสิบล้านแปดแสนเก้าหมื่นหกพันบาทถ้วน)” ๒. เห็นชอบให้กระทรวงยุติธรรม (กรมสอบสวนคดีพิเศษ) เช่ารถยนต์ จำนวน ๑๐๐ คัน เพื่อใช้ในการปฏิบัติการสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐ (รวมระยะเวลา ๕ ปี) วงเงินทั้งสิ้น ๑๖๓,๖๒๐,๐๐๐ บาท ตามนัยมาตรา ๒๓ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้ใช้จ่ายจากเงินดอกเบี้ยอันเกิดจากเงินกลางของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม จำนวน ๓๒,๗๒๔,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีกจำนวน ๑๓๐,๘๙๖,๐๐๐ บาท ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๐ (ระยะเวลา ๔ ปี) ปีละ ๓๒,๗๒๔,๐๐๐ บาท ตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||
737 | ร่างพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 09/10/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๓๔ ดังนี้
๑. ปรับปรุงบทกำหนดโทษกรณีความผิดฐานสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และกรณีผู้ใดไม่มาให้ถ้อยคำ ไม่ส่งคำชี้แจงเป็นหนังสือ หรือไม่ส่งบัญชีเอกสารหรือหลักฐานตามมาตรา ๒๕ (๒) หรือขัดขวางหรือไม่ให้ความสะดวกตามมาตรา ๒๔ (๓) หรือ (๔) ๒. ปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินและพนักงานเจ้าหน้าที่ ๓. กำหนดหลักเกณฑ์ในการยึดหรืออายัดทรัพย์สินเมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดก่อนหรือหลังที่คณะกรรมการหรือเลขาธิการมีคำสั่งตรวจสอบทรัพย์สินตามมาตรา ๑๙ หรือก่อนที่คณะกรรมการหรือเลขาธิการมีคำสั่งยึดหรืออายัดทรัพย์สินตามมาตรา ๒๒ ๔. ปรับปรุงระยะเวลาในการยื่นคำร้องเพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดและระยะเวลาในการยื่นคำร้องเพิ่มเติม รวมทั้งกำหนดให้พนักงานอัยการยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อไต่สวนทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในกรณีที่ผู้ต้องหาหรือจำเลยหลบหนีหรือถึงแก่ความตาย และให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของกองทุน ๕. กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอให้ศาลสั่งอนุญาตให้นำทรัพย์สินตามมาตรา ๓๐ ออกขายทอดตลาดหรือไปใช้เพื่อประโยชน์ของทางราชการไปพลางก่อน ก่อนที่ทรัพย์สินตามมาตรา ๓๐ ตกเป็นของกองทุน และการประเมินราคาทรัพย์สิน ค่าเสียหายหรือค่าเสื่อมสภาพของทรัพย์สิน ๖. ให้ทรัพย์สินของกองทุนรวมถึงทรัพย์สินที่ตกเป็นของกองทุนตามมาตรา ๒๙ และมาตรา ๓๐/๒ ๗. แก้ไขผู้รับรายงานงบดุลและรายงานการรับจ่ายเงินของกองทุนจากคณะรัฐมนตรีเป็นรัฐมนตรี |
||||||||||||||||||||||||
738 | การพิจารณาบำเหน็จความชอบประจำปี 2555 (กรณีพิเศษ) ให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด | ยธ | 02/10/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการการพิจารณาบำเหน็จความชอบประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นกรณีพิเศษ ให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดดีเด่น ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติเสนอ โดย ๑.๑ ให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นกรณีพิเศษ ให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้มีผลการปฏิบัติงานด้านยาเสพติดดีเด่นไม่เกินร้อยละ ๒.๕ ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดโดยตรง จำนวน ๓๙๔,๘๒๑ คน คิดเป็นอัตราไม่เกิน ๙,๘๗๐ คน ๑.๒ ให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นกรณีพิเศษ ให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้มีผลการปฏิบัติงานด้านยาเสพติดดีเด่นไม่เกินร้อยละ ๐.๕ ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเกื้อกูลต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด จำนวน ๓๖๒,๗๔๔ คน คิดเป็นอัตราไม่เกิน ๑,๘๑๓ คน ๑.๓ ในกรณีของผู้ที่เงินเดือนเต็มขั้นให้ได้รับค่าตอบแทนเป็นไปตามระเบียบที่กระทรวงการคลังกำหนด ๒. ส่วนงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของส่วนราชการต้นสังกัดในโอกาสแรกก่อน หากไม่สามารถดำเนินการได้ให้เบิกจ่ายจากงบกลาง รายการเงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการ เป็นลำดับต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||
739 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสถาบันอนุญาโตตุลาการ (จำนวน 5 คน 1. ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ฯลฯ) | ยธ | 02/10/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการสถาบันอนุญาโตตุลาการ จำนวน ๕ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒ ตุลาคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ๒. นางชูจิรา กองแก้ว ๓. นายอุดม พัวสกุล ๔. นายสุรชัย โฆษิตเสรีวงศ์ ๕. นายชัยธวัช เสาวพนธ์
|
||||||||||||||||||||||||
740 | การดำเนินโครงการพัฒนาทางเลือกเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ยั่งยืนไทย - เมียนมาร์ (พ.ศ. 2555-2561) | ยธ | 18/09/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกรอบโครงการพัฒนาทางเลือกเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ยั่งยืนไทย - เมียนมาร์ ระยะเวลา ๖ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๖๑) และกรอบวงเงินงบประมาณในเบื้องต้นสำหรับดำเนินโครงการฯ จำนวน ๓๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สำหรับงบประมาณที่จะนำมาใช้ตามโครงการฯ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ไปแล้ว จำนวน ๑๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท และสำนักงบประมาณได้ตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ไว้จำนวน ๘๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ - ๒๕๖๑ ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจัดทำรายละเอียดแผนงาน/โครงการ และเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
.....