ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 38 จากทั้งหมด 97 หน้า แสดงรายการที่ 741 - 760 จากข้อมูลทั้งหมด 1937 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 741 | การกำหนดเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานกรรมการ กรรมการ ที่ปรึกษา และอนุกรรมการในคณะกรรมการสถาบันอนุญาโตตุลาการ | ยธ | 06/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานกรรมการ กรรมการ ที่ปรึกษา และอนุกรรมการในคณะกรรมการสถาบันอนุญาโตตุลาการ ตามความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ เฉพาะเดือนที่มีการประชุม หากเดือนใดไม่มีการประชุมหรือมีการประชุมแต่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมให้งดจ่าย ดังนี้
๑. เบี้ยประชุมคณะกรรมการสถาบันอนุญาโตตุลาการ ๑.๑ ประธานกรรมการ ให้ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือน ในอัตราเดือนละ ๖,๒๕๐ บาท ๑.๒ กรรมการและที่ปรึกษา ให้ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือน ในอัตราเดือนละ ๕,๐๐๐ บาท ๒. เบี้ยประชุมคณะอนุกรรมการที่คณะกรรมการสถาบันอนุญาโตตุลาการแต่งตั้ง ๒.๑ ประธานอนุกรรมการ ให้ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือน ในอัตราเดือนละ ๓,๑๒๕ บาท ๒.๒ อนุกรรมการ ให้ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือน ในอัตราเดือนละ ๒,๕๐๐ บาท ๓. สำหรับประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานกรรมการ กรรมการ ที่ปรึกษา และอนุกรรมการในคณะกรรมการสถาบันอนุญาโตตุลาการ ให้เป็นไปตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้ได้รับประโยชน์ตอบแทนอื่นเฉพาะค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปปฏิบัติงานของคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ หรือสถาบันอนุญาโตตุลาการ โดยให้นำพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการและระเบียบกระทรวงการคลังซึ่งออกตามความในพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมาใช้บังคับโดยอนุโลม |
|||||||||||||||||||||||||||
| 742 | ขออนุมัติลงนามความตกลงระหว่างสถาบันว่าด้วยความร่วมมือในการควบคุมยาเสพติดระหว่างคณะกรรมาธิการแห่งชาติเพื่อการพัฒนาและชีวิตปลอดยาเสพติด แห่งสาธารณรัฐเปรูกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด แห่งราชอาณาจักรไทย | ยธ | 06/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างความตกลงระหว่างสถาบันว่าด้วยความร่วมมือในการควบคุมยาเสพติดระหว่างคณะกรรมาธิการแห่งชาติเพื่อการพัฒนาและชีวิตปลอดยาเสพติดแห่งสาธารณรัฐเปรูกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งราชอาณาจักรไทย [Inter-Institutional Agreement on Cooperation in Narcotic Drug Control between the National Commission for Development and Life without Drugs (DEVIDA) of the Republic of Peru and the Office of the Narcotics Control Board (ONCB) of the Kingdom of Thailand] มีสาระสำคัญคือ DEVIDA กับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจะดำเนินกิจกรรมความร่วมมือด้านต่าง ๆ ประกอบด้วย ด้านการพัฒนาทางเลือกเพื่อลดปัญหาการปลูกพืชเสพติด ความร่วมมือทางวิชาการโดยการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านยาเสพติดแขนงต่าง ๆ โดยการส่งเสริมการวิจัยและฝึกอบรม การแลกเปลี่ยนการข่าวยาเสพติด การแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ด้านการป้องกันและบำบัดรักษายาเสพติด และการจัดสัมมนา ประชุม ฝึกอบรมด้านต่าง ๆ ๑.๒ อนุมัติให้เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญก่อนมีการลงนาม ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาใหม่อีกครั้ง ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นว่า ร่างความตกลงฯ ได้ระบุในข้อ ๑ ว่า จัดทำขึ้นเพื่อการบังคับใช้บันทึกความเข้าใจฯ ระหว่างรัฐบาลของทั้งสองประเทศฉบับปี ๒๕๔๒ ของหน่วยงานผู้ปฏิบัติ ซึ่งมีขอบข่ายสาระการดำเนินงานที่กำหนดในร่างความตกลงฯ มีรายละเอียดที่ใกล้เคียงกับที่ได้ระบุไว้ในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐเปรูว่าด้วยความร่วมมือในการควบคุมยาเสพติด วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท และสารตั้งต้น (Memorandum of Understanding between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the Republic of Peru on the Cooperation in Narcotic Drugs, Psychotropic Substances and Precursor Chemicals Control) ที่ได้มีการลงนามเมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๔๒ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็ไม่น่าจะมีความจำเป็นต้องจัดทำความตกลงขึ้นมาใหม่อีกฉบับ เพราะหน่วยงานผู้ปฏิบัติของทั้งสองประเทศสามารถใช้บันทึกความเข้าใจฯ ซึ่งเป็นความตกลงแม่บทในการมีความร่วมมือระหว่างกันได้อยู่แล้ว โดยหน่วยงานผู้ปฏิบัติสามารถพิจารณามีหนังสือติดต่อขอความร่วมมือระหว่างกันได้บนพื้นฐานของบันทึกความเข้าใจฯ ดังกล่าว และในกรณีที่มีความจำเป็นจะต้องจัดทำความตกลงในระดับหน่วยงานผู้ปฏิบัติเพื่อกำหนดรายละเอียดการดำเนินการเพิ่มเติมภายในขอบเขตของการบันทึกความเข้าใจฯ หน่วยงานผู้ปฏิบัติก็สามารถพิจารณาดำเนินการได้โดยอาจขออนุมัติรัฐมนตรีต้นสังกัด ไปดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 743 | ขอความเห็นชอบเช่ารถยนต์เพื่อการปฏิบัติการสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ | ยธ | 15/10/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอขอแก้ไขข้อความในหนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนมาก ที่ นร ๐๗๐๗/๐๑๘ ลงวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๕ หน้า ๒ จากเดิม “๑๓๐,๘๙๔,๐๐๐ บาท (หนึ่งร้อยสามสิบล้านแปดแสนเก้าหมื่นสี่พันบาทถ้วน)” เป็น “๑๓๐,๘๙๖,๐๐๐ บาท (หนึ่งร้อยสามสิบล้านแปดแสนเก้าหมื่นหกพันบาทถ้วน)” ๒. เห็นชอบให้กระทรวงยุติธรรม (กรมสอบสวนคดีพิเศษ) เช่ารถยนต์ จำนวน ๑๐๐ คัน เพื่อใช้ในการปฏิบัติการสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐ (รวมระยะเวลา ๕ ปี) วงเงินทั้งสิ้น ๑๖๓,๖๒๐,๐๐๐ บาท ตามนัยมาตรา ๒๓ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้ใช้จ่ายจากเงินดอกเบี้ยอันเกิดจากเงินกลางของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม จำนวน ๓๒,๗๒๔,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีกจำนวน ๑๓๐,๘๙๖,๐๐๐ บาท ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๐ (ระยะเวลา ๔ ปี) ปีละ ๓๒,๗๒๔,๐๐๐ บาท ตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||
| 744 | ร่างพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 09/10/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๓๔ ดังนี้
๑. ปรับปรุงบทกำหนดโทษกรณีความผิดฐานสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และกรณีผู้ใดไม่มาให้ถ้อยคำ ไม่ส่งคำชี้แจงเป็นหนังสือ หรือไม่ส่งบัญชีเอกสารหรือหลักฐานตามมาตรา ๒๕ (๒) หรือขัดขวางหรือไม่ให้ความสะดวกตามมาตรา ๒๔ (๓) หรือ (๔) ๒. ปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินและพนักงานเจ้าหน้าที่ ๓. กำหนดหลักเกณฑ์ในการยึดหรืออายัดทรัพย์สินเมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดก่อนหรือหลังที่คณะกรรมการหรือเลขาธิการมีคำสั่งตรวจสอบทรัพย์สินตามมาตรา ๑๙ หรือก่อนที่คณะกรรมการหรือเลขาธิการมีคำสั่งยึดหรืออายัดทรัพย์สินตามมาตรา ๒๒ ๔. ปรับปรุงระยะเวลาในการยื่นคำร้องเพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดและระยะเวลาในการยื่นคำร้องเพิ่มเติม รวมทั้งกำหนดให้พนักงานอัยการยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อไต่สวนทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในกรณีที่ผู้ต้องหาหรือจำเลยหลบหนีหรือถึงแก่ความตาย และให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของกองทุน ๕. กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอให้ศาลสั่งอนุญาตให้นำทรัพย์สินตามมาตรา ๓๐ ออกขายทอดตลาดหรือไปใช้เพื่อประโยชน์ของทางราชการไปพลางก่อน ก่อนที่ทรัพย์สินตามมาตรา ๓๐ ตกเป็นของกองทุน และการประเมินราคาทรัพย์สิน ค่าเสียหายหรือค่าเสื่อมสภาพของทรัพย์สิน ๖. ให้ทรัพย์สินของกองทุนรวมถึงทรัพย์สินที่ตกเป็นของกองทุนตามมาตรา ๒๙ และมาตรา ๓๐/๒ ๗. แก้ไขผู้รับรายงานงบดุลและรายงานการรับจ่ายเงินของกองทุนจากคณะรัฐมนตรีเป็นรัฐมนตรี |
|||||||||||||||||||||||||||
| 745 | การพิจารณาบำเหน็จความชอบประจำปี 2555 (กรณีพิเศษ) ให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด | ยธ | 02/10/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการการพิจารณาบำเหน็จความชอบประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นกรณีพิเศษ ให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดดีเด่น ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติเสนอ โดย ๑.๑ ให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นกรณีพิเศษ ให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้มีผลการปฏิบัติงานด้านยาเสพติดดีเด่นไม่เกินร้อยละ ๒.๕ ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดโดยตรง จำนวน ๓๙๔,๘๒๑ คน คิดเป็นอัตราไม่เกิน ๙,๘๗๐ คน ๑.๒ ให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นกรณีพิเศษ ให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้มีผลการปฏิบัติงานด้านยาเสพติดดีเด่นไม่เกินร้อยละ ๐.๕ ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเกื้อกูลต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด จำนวน ๓๖๒,๗๔๔ คน คิดเป็นอัตราไม่เกิน ๑,๘๑๓ คน ๑.๓ ในกรณีของผู้ที่เงินเดือนเต็มขั้นให้ได้รับค่าตอบแทนเป็นไปตามระเบียบที่กระทรวงการคลังกำหนด ๒. ส่วนงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของส่วนราชการต้นสังกัดในโอกาสแรกก่อน หากไม่สามารถดำเนินการได้ให้เบิกจ่ายจากงบกลาง รายการเงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการ เป็นลำดับต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||
| 746 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสถาบันอนุญาโตตุลาการ (จำนวน 5 คน 1. ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ฯลฯ) | ยธ | 02/10/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการสถาบันอนุญาโตตุลาการ จำนวน ๕ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒ ตุลาคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ๒. นางชูจิรา กองแก้ว ๓. นายอุดม พัวสกุล ๔. นายสุรชัย โฆษิตเสรีวงศ์ ๕. นายชัยธวัช เสาวพนธ์
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 747 | การดำเนินโครงการพัฒนาทางเลือกเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ยั่งยืนไทย - เมียนมาร์ (พ.ศ. 2555-2561) | ยธ | 18/09/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกรอบโครงการพัฒนาทางเลือกเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ยั่งยืนไทย - เมียนมาร์ ระยะเวลา ๖ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๖๑) และกรอบวงเงินงบประมาณในเบื้องต้นสำหรับดำเนินโครงการฯ จำนวน ๓๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สำหรับงบประมาณที่จะนำมาใช้ตามโครงการฯ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ไปแล้ว จำนวน ๑๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท และสำนักงบประมาณได้ตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ไว้จำนวน ๘๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ - ๒๕๖๑ ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจัดทำรายละเอียดแผนงาน/โครงการ และเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 748 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (พันตำรวจเอกโภคพิบูลย์ โปตระนันทน์ และนางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล) | ยธ | 18/09/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงยุติธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. พันตำรวจเอก โภคพิบูลย์ โปตระนันทน์ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ๒. นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมคุมประพฤติ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 749 | ร่างบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างสถาบันนิติวิทยาศาสตร์กับหน่วยงานต่างประเทศ | ยธ | 18/09/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม กับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงบริหารจัดการสาธารณะและความมั่นคง สาธารณรัฐเกาหลี (National Forensic Service-NFS, the government department within the Ministry of Public Administration and Security of the Republic of Korea) มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือทางวิชาการทางนิติวิทยาศาสตร์และพัฒนาการทำงานให้มีมาตรฐานสากล โดยให้ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 750 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ (จำนวน 3 คน 1. นายเจียม เสาวภา ฯลฯ) | ยธ | 11/09/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ จำนวน ๓ คน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๑ กันยายน ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายเจียม เสาวภา ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๒. นายเรวัต ฉ่ำเฉลิม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารงานยุติธรรม ๓. พลตำรวจเอกดรุณ โสตถิพันธุ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านอาชญาวิทยา
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 751 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด อีกตำแหน่งหนึ่ง | ยธ | 04/09/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง พลตำรวจเอก พงศพัศ พงษ์เจริญ ข้าราชการตำรวจ ตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กระทรวงยุติธรรม อีกตำแหน่งหนึ่ง มีกำหนดระยะเวลา ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 752 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (จำนวน 5 ราย 1. พันตำรวจเอก ดุษฎี อารยวุฒิ ฯลฯ) | ยธ | 04/09/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอนและแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง สังกัดกระทรวงยุติธรรม จำนวน ๕ ราย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. พันตำรวจเอก ดุษฎี อารยวุฒิ ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายชาติชาย สุทธิกลม ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. พันตำรวจเอก ณรัชต์ เศวตนันทน์ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ๔. นายธวัชชัย ไทยเขียว ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นายฐานิส ศรียะพันธ์ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 753 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคดีพิเศษ (จำนวน 4 คน 1. นายไกรสร บารมีอวยชัย ฯลฯ) | ยธ | 28/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๕) อนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคดีพิเศษ จำนวน ๙ คน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายไกรสร บารมีอวยชัย ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายและการบริหารงานยุติธรรม ๒. ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ชัยเกษม นิติสิริ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายและกระบวนการดำเนินคดีอาญา ๓. นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายและการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ๔. นายประดิษฐ์ เอกมณี ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายและการพิจารณาพิพากษาคดี ๕. รองศาสตราจารย์ มนตรี โสคติยานุรักษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์และการเงินการธนาคาร ๖. นายมหิดล จันทรางกูร ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินการธนาคารและเทคโนโลยีสารสนเทศ ๗. นายเรวัต วิศรุตเวช ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์และการสาธารณสุข ๘. พลตำรวจโท สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกระบวนการสืบสวนสอบสวนคดีอาญา ๙. นายอนุพร อรุณรัตน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายและธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ ต่อมาคณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๘ สิงหาคม ๒๕๕๕) อนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว โดยให้แก้ไขเพิ่มเติมการกำหนดตัวบุคคลเฉพาะที่ทรงคุณวุฒิในด้านเศรษฐศาสตร์ การเงินการธนาคาร เทคโนโลยีสารสนเทศ และกฎหมาย จำนวน ๔ คน นอกนั้นให้คงเดิม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ดังนี้ ๑. นายไกรสร บารมีอวยชัย ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๒. ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ชัยเกษม นิติสิริ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินการธนาคาร ๓. รองศาสตราจารย์ มนตรี โสคติยานุรักษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์ ๔. นายมหิดล จันทรางกูร ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 754 | ร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการกำหนดเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. .... | ยธ | 30/07/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการกำหนดเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดลักษณะ ชนิด และประเภทของเครื่องแบบพิเศษของข้าราชการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดให้เป็นไปตามที่กำหนดในร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีนี้ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 755 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคดีพิเศษ (จำนวน 9 คน 1. นายไกรสร บารมีอวยชัย ฯลฯ) | ยธ | 30/07/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๕) อนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคดีพิเศษ จำนวน ๙ คน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายไกรสร บารมีอวยชัย ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายและการบริหารงานยุติธรรม ๒. ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ชัยเกษม นิติสิริ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายและกระบวนการดำเนินคดีอาญา ๓. นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายและการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ๔. นายประดิษฐ์ เอกมณี ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายและการพิจารณาพิพากษาคดี ๕. รองศาสตราจารย์ มนตรี โสคติยานุรักษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์และการเงินการธนาคาร ๖. นายมหิดล จันทรางกูร ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินการธนาคารและเทคโนโลยีสารสนเทศ ๗. นายเรวัต วิศรุตเวช ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์และการสาธารณสุข ๘. พลตำรวจโท สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกระบวนการสืบสวนสอบสวนคดีอาญา ๙. นายอนุพร อรุณรัตน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายและธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ ต่อมาคณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๘ สิงหาคม ๒๕๕๕) อนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว โดยให้แก้ไขเพิ่มเติมการกำหนดตัวบุคคลเฉพาะที่ทรงคุณวุฒิในด้านเศรษฐศาสตร์ การเงินการธนาคาร เทคโนโลยีสารสนเทศ และกฎหมาย จำนวน ๔ คน นอกนั้นให้คงเดิม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ดังนี้ ๑. นายไกรสร บารมีอวยชัย ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๒. ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ชัยเกษม นิติสิริ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินการธนาคาร ๓. รองศาสตราจารย์ มนตรี โสคติยานุรักษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์ ๔. นายมหิดล จันทรางกูร ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 756 | การกำหนดค่าตอบแทนกรรมการในคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) | ยธ | 24/07/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๒ (ฝ่ายกระบวนการยุติธรรม กฎหมาย แรงงาน และประชาสัมพันธ์) ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) ประธานกรรมการกลั่นกรองฯ เสนอ โดยคณะกรรมการกลั่นกรองฯ มีมติให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๔๗ [เรื่อง การกำหนดค่าตอบแทนกรรมการในคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) และอนุกรรมการ] ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และกำหนดค่าตอบแทนกรรมการใน กคพ. และคณะอนุกรรมการ ตามความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงาน ก.พ. ดังนี้
๑. กระทรวงการคลังพิจารณาเห็นว่า การปฏิบัติหน้าที่ของ กคพ. มีลักษณะเป็นการประชุมคณะกรรมการเช่นเดียวกับคณะกรรมการตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ที่พิจารณาว่าหากอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการชุดใดสมควรได้รับเบี้ยประชุมรายเดือนและมีองค์ประกอบของคณะกรรมการโดยมีนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ ให้ได้รับเบี้ยประชุมไม่เกินเดือนละ ๗,๕๐๐ บาท รองประธานกรรมการไม่เกินเดือนละ ๖,๗๕๐ บาท และกรรมการไม่เกินเดือนละ ๖,๐๐๐ บาท คณะอนุกรรมการได้รับในอัตราไม่เกินกึ่งหนึ่งของอัตราที่คณะกรรมการมีสิทธิได้รับ จึงเห็นควรให้ กคพ. และคณะอนุกรรมการใน กคพ. ได้รับค่าตอบแทน ดังนี้ ๑.๑ ประธานกรรมการให้ได้รับค่าตอบแทนในอัตราเดือนละ ๗,๕๐๐ บาท กรรมการอื่นให้ได้รับค่าตอบแทนในอัตราเดือนละ ๖,๐๐๐ บาท ๑.๒ ประธานคณะอนุกรรมการให้ได้รับค่าตอบแทนในอัตราเดือนละ ๓,๗๕๐ บาท อนุกรรมการให้ได้รับค่าตอบแทนในอัตราเดือนละ ๓,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้ได้รับค่าตอบแทนเฉพาะในเดือนที่ได้เข้าร่วมประชุม ๒. สำนักงาน ก.พ. พิจารณาเห็นว่า การกำหนดอัตราเบี้ยประชุมหรือค่าตอบแทนของ กคพ. ควรเปรียบเทียบและยึดโยงกับคณะกรรมการที่มีองค์ประกอบคล้ายคลึงกัน และสอดคล้องกับแนวทางตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยกำหนดอัตราค่าเบี้ยประชุม ดังนี้ ๒.๑ กำหนดอัตราเบี้ยประชุม กคพ. โดยเทียบเคียงกับคณะกรรมการที่นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีเป็นประธาน โดยกำหนดให้ประธานกรรมการได้รับเบี้ยประชุมในอัตราเดือนละ ๗,๕๐๐ บาท กรรมการได้รับเบี้ยประชุมในอัตราเดือนละ ๖,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ กรรมการมีสิทธิได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือนเฉพาะในเดือนที่ได้ร่วมประชุม ๒.๒ กำหนดอัตราเบี้ยประชุมของคณะอนุกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งจาก กคพ. โดยกำหนดให้ประธานอนุกรรมการได้รับเบี้ยประชุมเดือนละ ๓,๗๕๐ บาท อนุกรรมการได้รับเบี้ยประชุมเดือนละ ๓,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ อนุกรรมการมีสิทธิได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือนเฉพาะเดือนที่ได้ร่วมประชุม |
|||||||||||||||||||||||||||
| 757 | การกำหนดค่าตอบแทนอนุกรรมการ และที่ปรึกษาคณะกรรมการ ในคณะกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติ | ยธ | 24/07/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๒ (ฝ่ายกระบวนการยุติธรรม กฎหมาย แรงงาน และประชาสัมพันธ์) ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) ประธานกรรมการกลั่นกรองฯ เสนอ โดยคณะกรรมการกลั่นกรองฯ มีมติเห็นชอบตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. เห็นชอบการกำหนดค่าตอบแทนอนุกรรมการ และที่ปรึกษาคณะกรรมการ ในคณะกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติ (คอ.นธ.) ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ซึ่งอัตราค่าตอบแทนที่กำหนดขึ้นดังกล่าวสอดคล้องกับอัตราค่าตอบแทนของคณะกรรมการอื่น ๆ ที่มีอำนาจหน้าที่และภารกิจใกล้เคียงกันของกระทรวงยุติธรรม และอัตราเบี้ยประชุมตามประกาศกระทรวงการคลัง โดยค่าตอบแทนอนุกรรมการ และที่ปรึกษาคณะกรรมการ ใน คอ.นธ. ที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ มีดังนี้ ๑.๑ ประธานอนุกรรมการให้ได้รับค่าตอบแทนเป็นรายเดือน ในอัตราเดือนละ ๕,๐๐๐ บาท เฉพาะเดือนที่มีการประชุม หากเดือนใดไม่มีการประชุมหรือมีการประชุมแต่ไม่เข้าร่วมประชุม ให้งดจ่าย ๑.๒ อนุกรรมการให้ได้รับค่าตอบแทนเป็นรายเดือน ในอัตราเดือนละ ๔,๐๐๐ บาท เฉพาะเดือนที่มีการประชุม หากเดือนใดไม่มีการประชุมหรือมีการประชุมแต่ไม่ได้เข้าร่วมประชุม ให้งดจ่าย ๑.๓ เลขานุการให้ได้รับค่าตอบแทนเป็นรายครั้ง ในอัตราครั้งละ ๕๐๐ บาท โดยได้รับค่าตอบแทนเพียงครั้งเดียวในหนึ่งวัน ทั้งนี้ อนุกรรมการผู้ใดเป็นเลขานุการด้วยให้เบิกค่าตอบแทนได้เพียงตำแหน่งเดียว ๑.๔ ผู้ช่วยเลขานุการให้ได้รับค่าตอบแทนเป็นรายครั้ง ในอัตราครั้งละ ๕๐๐ บาท โดยได้รับค่าตอบแทนเพียงครั้งเดียวในหนึ่งวัน ทั้งนี้ อนุกรรมการผู้ใดเป็นผู้ช่วยเลขานุการด้วยให้เบิกค่าตอบแทนได้เพียงตำแหน่งเดียว ๑.๕ ที่ปรึกษา คอ.นธ. ที่ คอ.นธ. แต่งตั้งและมอบหมายให้ดำเนินการ ให้ได้รับค่าตอบแทนในอัตราเหมาจ่ายรายเดือน เดือนละ ๘,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ได้มีการแต่งตั้ง ๒. สำหรับงบประมาณเพื่อเบิกจ่ายเป็นค่าตอบแทนดังกล่าว รวมทั้งภารกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรมใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ รายการค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการอิสระว่าด้วยหลักนิติธรรมแห่งชาติ (คอ.นธ.) ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้ว |
|||||||||||||||||||||||||||
| 758 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านว่าด้วยความร่วมมือในการต่อต้านการลักลอบค้ายาเสพติด วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท และสารตั้งต้น เสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบและอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามบันทึกความเข้าใจฯ ฝ่ายไทย รวมทั้งอนุมัติให้มีการแก้ไขในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหากมีความจำเป็น | ยธ | 24/07/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านว่าด้วยความร่วมมือในการต่อต้านการลักลอบค้ายาเสพติด วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท และสารตั้งต้น มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดขอบข่ายความร่วมมือเพื่อต่อต้านยาเสพติด โดยใช้มาตรการต่าง ๆ ร่วมกัน รวมถึงการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ข้อสนเทศ และผลงานวิจัยต่าง ๆ ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หรือเลขาธิการ ป.ป.ส. เป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ฝ่ายไทย ๓. อนุมัติให้กระทรวงยุติธรรม โดยสำนักงาน ป.ป.ส. หารือร่วมกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ พิจารณาปรับแก้ไขบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ หากมีความจำเป็น โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบอีกครั้ง |
|||||||||||||||||||||||||||
| 759 | ขออนุมัติลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงาน ป.ป.ส. แห่งราชอาณาจักรไทยและสำนักงานคณะกรรมการกลางเพื่อการควบคุมยาเสพติดแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ว่าด้วยความร่วมมือในโครงการพัฒนาทางเลือกเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ยั่งยืน | ยธ | 17/07/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงาน ป.ป.ส. แห่งราชอาณาจักรไทย และสำนักงานคณะกรรมการกลางเพื่อการควบคุมยาเสพติดแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ว่าด้วยความร่วมมือในโครงการพัฒนาทางเลือกเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ยั่งยืน โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กลไกความร่วมมือ สำนักงาน ป.ป.ส. และสำนักงานคณะกรรมการกลางเพื่อการควบคุมยาเสพติดเมียนมาร์ (CCDAC : Central Committee for Drug Abuse Control) เป็นหน่วยงานบริหารโครงการในนามของรัฐบาลไทยและเมียนมาร์ และมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์ และกรมความก้าวหน้าพื้นที่ชายแดนและชาติพันธุ์ (NATALA : Department of Progress of Border Areas and National Races) เป็นหน่วยงานดำเนินโครงการในนามรัฐบาลไทยและเมียนมาร์ ๑.๒ ขอบข่ายความร่วมมือ ระยะเวลาดำเนินโครงการ ๖ ปี แบ่งเป็น ๒ ระยะ ๆ ละ ๓ ปี ดำเนินโครงการใน ๓ พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่ในจังหวัดท่าขี้เหล็ก พื้นที่ในเมืองสาด และพื้นที่ของกลุ่มว้าในเมืองสาด โดยจะมีการดำเนินกิจกรรมพัฒนาด้านสาธารณสุข การพัฒนาความเป็นอยู่ ได้แก่ การพัฒนาด้านชลประทาน เกษตรกรรม ปศุสัตว์และป่าเศรษฐกิจ ตลอดจนการพัฒนาด้านศึกษาและสิ่งแวดล้อม และต่อไปจะมีการจัดทำเอกสารโครงการ ซึ่งเป็นการลงนามระหว่างมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ กับ NATALA ๑.๓ การบริหารจัดการโครงการ การจัดตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการร่วม (Joint Project Steering Committee) ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนฝ่ายไทย จำนวน ๕ คน ฝ่ายเมียนมาร์ จำนวน ๕ คน รวมเป็น ๑๐ คน โดยทั้งสองฝ่ายจะหารือในรายละเอียดเกี่ยวกับการกำหนดองค์ประกอบต่อไป และให้มีการประชุมอย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง โดยผลัดกันเป็นเจ้าภาพ ๑.๔ การกำหนดบทบาท โดยระบุรายละเอียดในการให้ความร่วมมือและความช่วยเหลือในการดำเนินโครงการของหน่วยงานบริหารโครงการและหน่วยงานดำเนินโครงการของทั้งสองฝ่าย สำหรับฝ่ายไทยสำนักงาน ป.ป.ส. จะเป็นผู้สนับสนุนงบประมาณดำเนินโครงการโดยผ่านการดำเนินงานของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ สำหรับฝ่ายเมียนมาร์จะเป็นผู้ให้ความร่วมมือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรับรองความปลอดภัยให้แก่เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยที่เข้าไปดำเนินโครงการในเมียนมาร์และการอำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้าออกเมียนมาร์ ๒. อนุมัติให้พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว เลขาธิการ ป.ป.ส. หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญก่อนมีการลงนาม ให้สำนักงาน ป.ป.ส. สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง |
|||||||||||||||||||||||||||
| 760 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงยุติธรรม) (พันตำรวจโท พงษ์ธร ธัญญสิริ) | ยธ | 17/07/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง พันตำรวจโท พงษ์ธร ธัญญสิริ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาเฉพาะด้านนโยบายและการบริหารงานยุติธรรม (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงยุติธรรม ตั้งแต่วันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๕ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
.....
