ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 31 จากทั้งหมด 97 หน้า แสดงรายการที่ 601 - 620 จากข้อมูลทั้งหมด 1937 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 601 | ร่างพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การฟื้นฟูกิจการ) | ยธ | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การฟื้นฟูกิจการ) มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มให้มีกระบวนการพิจารณาเกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ที่เป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) โดยให้ลูกหนี้สามารถเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูได้เฉพาะหนี้ที่เกิดจากการดำเนินกิจการ ซึ่งเป็นหนี้เจ้าหนี้คนเดียวหรือหลายคนรวมกันเป็นจำนวนไม่น้อยกว่า ๓ ล้านบาท กรณีลูกหนี้ที่เป็นบริษัทจำกัดต้องมีจำนวนหนี้ไม่ถึง ๑๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 602 | ร่างพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัวให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 603 | รายงานผลการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งราชอาณาจักรไทยกับสำนักงานกลาง เพื่อการควบคุมยาเสพติดแห่งสหพันธรัฐรัสเซียว่าด้วยความร่วมมือในการต่อต้านการลักลอบค้ายาเสพติด วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ และการใช้ยาเสพติดในทางที่ผิด | ยธ | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานผลการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) แห่งราชอาณาจักรไทยกับสำนักงานกลางเพื่อการควบคุมยาเสพติดแห่งสหพันธรัฐรัสเซียว่าด้วยความร่วมมือในการต่อต้านการลักลอบค้ายาเสพติด วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ และการใช้ยาเสพติดในทางที่ผิด เมื่อวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๕๘ ณ ตึกสันติไมตรีหลังใน ทำเนียบรัฐบาล โดยมีเลขาธิการ ป.ป.ส. เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย และผู้อำนวยการสำนักงานกลางเพื่อการควบคุมยาเสพติดแห่งสหพันธรัฐรัสเซียเป็นผู้ลงนามฝ่ายรัสเซีย ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีไทยและนายกรัฐมนตรีแห่งสหพันธรัฐรัสเซียเป็นประธานในพิธีลงนามดังกล่าว โดยบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการกำหนดกรอบความร่วมมือในภาพกว้างด้านการปราบปรามยาเสพติดและด้านวิชาการที่เกี่ยวข้อง มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศในการมีความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
|
|||||||||||||||||||||
| 604 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (พลโท อภิชัย หงษ์ทอง) | ยธ | 23/06/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง พลโท อภิชัย หงษ์ทอง เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 605 | การเดินทางไปศึกษาดูงาน ประชุม สัมมนา อบรม ณ ต่างประเทศ | ยธ | 16/06/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานการเดินทางไปศึกษาดูงาน ประชุม สัมมนา อบรม ณ ต่างประเทศ ประจำเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๘ โดยกระทรวงยุติธรรมได้อนุมัติให้ พลตำรวจเอก ชัชวาล สุขสมจิตร์ ปลัดกระทรวงยุติธรรมเข้าร่วมการศึกษาดูงานศูนย์การสื่อสารของตำรวจนครลอสแองเจลิส และศึกษาดูงานวิธีการจัดหลักสูตรฝึกอบรม รวมทั้งเข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรการค้ามนุษย์ ณ กรมตำรวจนครลอสแอนเจลิส (LOS ANGELES POLICE DEPARTMENT : LAPD ) ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ ๒-๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ (รวมวันเดินทางไป-กลับ) ซึ่งการศึกษาดูงานและอบรมดังกล่าวจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อภารกิจของกระทรวงยุติธรรมในด้านการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติและการปราบปรามการค้ามนุษย์ รวมถึงเป็นการสนองนโยบายรัฐบาลในการต่อต้านการค้ามนุษย์และอาชญากรรมข้ามชาติ สำหรับค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปศึกษาดูงานและอบรมจะเบิกค่าใช้จ่ายจากเงินดอกเบี้ยอันเกิดจากเงินกลางของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง ของกองคลัง กรณีรายการตามนโยบายที่สำคัญ เร่งด่วน/ฉุกเฉิน จำเป็น เร่งด่วน จำนวน ๖๕๕,๙๐๐ บาท
|
|||||||||||||||||||||
| 606 | ร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | ยธ | 16/06/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกระบวนการไต่สวนข้อเท็จจริง กำหนดให้เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ รวมทั้งพนักงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐได้ช่วยเหลือและสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐให้เหมาะสมและเกิดประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ปรับปรุงโครงสร้างของคณะกรรมการฯ ในส่วนของการได้มา องค์ประกอบ คุณสมบัติ และลักษณะต้องห้าม และการพ้นจากตำแหน่ง และเห็นชอบในหลักการให้นำคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๖๙/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๗ เรื่อง มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบไปบัญญัติเพิ่มเติมไว้ในร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเป็นส่วนราชการที่ไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงหรือทบวง ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาพร้อมกับร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 607 | ขออนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (จำนวน 3 คน 1. นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ฯลฯ) | ยธ | 16/06/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด จำนวน ๓ คน โดยมีวาระการดำรงตำแหน่ง ๒ ปี ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ๒. นายชาติชาย สุทธิกลม ๓. นายอมรวิชช์ นาครทรรพ
|
|||||||||||||||||||||
| 608 | ขออนุมัติการประชุมเชิงปฏิบัติการและนิทรรศการระหว่างประเทศเพื่อผลักดันแนวปฏิบัติสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาทางเลือกสู่การปฏิบัติ (International Seminar Workshop on the Implementation of United Nations Guiding Principles on Alternative Development - UNGPs on AD หรือ International Conference on Alternative Development2 : ICAD2) | ยธ | 16/06/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและอนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการและนิทรรศการระหว่างประเทศเพื่อผลักดันแนวปฏิบัติสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาทางเลือกสู่การปฏิบัติ (International Seminar Workshop on the Implementation of United Nations Guiding Principles on Alternative Development-UNGPs on AD หรือ International Conference on Alternative Development 2 : ICAD2) ในระหว่างวันที่ ๑๙-๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ๑.๒ อนุมัติงบประมาณในการจัดประชุมฯ ในครั้งนี้ จำนวน ๔๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๒. สำหรับงบประมาณในการจัดประชุมฯ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ รองรับไว้แล้ว จำนวน ๑๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท และที่ได้เสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ไว้อีก จำนวน ๑๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท และงบประมาณจากกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด จำนวน ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||
| 609 | การเสนอรายชื่อบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอชื่อให้เป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (นายภิญโญ ทองชัย) | ยธ | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายภิญโญ ทองชัย ที่ได้รับความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้ว เป็นกรรมการในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ มิถุนายน ๒๕๕๘) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||
| 610 | ผลการดำเนินงานของกระทรวงยุติธรรมในรอบ 6 เดือน (1 ตุลาคม 2557 - 20 มีนาคม 2558) | ยธ | 02/06/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินงานของกระทรวงยุติธรรมในรอบ ๖ เดือน (๑ ตุลาคม ๒๕๕๗-๒๐ มีนาคม ๒๕๕๘) ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ด้านการลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ได้แก่ การส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการยุติธรรม การให้ประชาชนเข้าถึงความยุติธรรมโดยการพัฒนาระบบช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย การช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส และการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมพิเศษและองค์กรอาชญากรรม ๒. ด้านการสร้างสังคมแห่งความปลอดภัย ได้แก่ ปฏิรูปการฟื้นฟูผู้กระทำผิดโดยเสนอแก้ไขกฎหมาย ๒ ฉบับ คือ ร่างพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. .... เพื่อปรับปรุงการบริหารจัดการงานราชทัณฑ์ และพระราชบัญญัติคุมประพฤติ พ.ศ. .... เพื่อปรับปรุงการให้อำนาจศาล รวมทั้งการส่งเสริมสนับสนุนเกี่ยวกับการแก้ไขฟื้นฟูและสงเคราะห์ผู้กระทำผิด เช่น การจัดฝึกอาชีพให้กับผู้รับบริการที่อยู่ในความดูแลของกรมคุมประพฤติ พัฒนาทักษะด้านการประกอบอาชีพ การจัดทำโครงการคืนคนดีสู่สังคม การจัดกิจกรรมเพื่อแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดในชุมชน และจัดทำหลักสูตรฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดแบบควบคุม เป็นต้น ๓. ด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ได้แก่ การสร้างภูมิคุ้มกันกลุ่มเด็กและเยาวชนในสถานศึกษา สถานประกอบการ การบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดในระบบบังคับบำบัดและระบบต้องโทษ การติดตามและการให้ความช่วยเหลือผู้ผ่านการบำบัดรักษาฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดไม่ให้หวนกลับไปเสพซ้ำ ๔. ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ได้แก่ การประสานงานและบูรณาการกับหน่วยงานภาครัฐและภาคประชาชนเพื่อขับเคลื่อนการบังคับใช้กฎหมายให้เกิดประสิทธิภาพในการเสริมสร้างกลไกการบริหารจัดการและนำมาตรการที่จำเป็นต้องการแก้ปัญหามาใช้อย่างครบถ้วนเพื่อให้มีการปฏิบัติอย่างจริงจังและบังคับเป็นรูปธรรม ๕. ด้านการสนับสนุนการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ ได้แก่ การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน หนี้รายย่อย หนี้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ๖. ด้านการพัฒนากฎหมายของประเทศ ได้แก่ ผลักดันกฎหมายและมีผลบังคับใช้แล้ว จำนวน ๑ ฉบับ คือ พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๕๗ (กำหนดข้อสันนิษฐานขับรถขณะเมาสุรา) และร่างกฎหมายที่เหลืออยู่ในขั้นตอนรอการพิจารณาประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป ประกอบด้วย ร่างกฎหมายที่เข้าสู่กระบวนการของสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้ว จำนวน ๑๓ ฉบับ และร่างกฎหมายที่เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาและกระทรวงยุติธรรมกำลังยกร่าง จำนวน ๒๐ ฉบับ
|
|||||||||||||||||||||
| 611 | แผนปฏิบัติการเตรียมความพร้อมกระทรวงยุติธรรมเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 | ยธ | 02/06/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนปฏิบัติการเตรียมความพร้อมกระทรวงยุติธรรมเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ในปี ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ประกอบด้วยการดำเนินการใน ๕ ประเด็นหลัก ดังนี้
๑. การส่งเสริมความร่วมมือในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในประชาคมอาเซียน มีแนวทางการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ การผลักดันความร่วมมือในการปราบปรามยาเสพติด ประกอบด้วย การผลิต การค้า การนำเข้า และส่งออกยาเสพติด สกัดกั้นการหลั่งไหลของการลักลอบขนส่งยาเสพติด เคมีภัณฑ์และสารตั้งต้น และใช้เวทีการประชุมระหว่างประเทศต่าง ๆ ในกรอบทวิภาคี กรอบอาเซียน และกรอบพหุภาคี เป็นเครื่องมือในการกำหนดและกำกับนโยบายด้านยาเสพติด การเสนอและติดตามความคืบหน้าโครงการ/กิจกรรมความร่วมมือด้านยาเสพติด ตามเป้าหมายการแก้ไขปัญหายาเสพติดของอาเซียน ๒. การประสานความร่วมมือในการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ มีแนวทางดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ การผลักดันการดำเนินงานตามแผนงานว่าด้วยการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติภายใต้กรอบการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนว่าด้วยอาชญากรรมข้ามชาติ (SOMTC) การพัฒนาความร่วมมือทวิภาคีเพื่อการประสานความร่วมมือด้านการต่อต้านการค้ามนุษย์และการพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรในด้านการดำเนินคดีอาชญากรรมข้ามชาติในกลุ่มประชาคมอาเซียน ๓. การส่งเสริมหลักนิติธรรมและสิทธิมนุษยชนศึกษาในประชาคมอาเซียน มีแนวทางการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ การพัฒนางานวิชาการเกี่ยวกับหลักนิติธรรมกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน การพัฒนาข้อมูลสถิติอาชญากรรมและกระบวนการยุติธรรมเพื่อประเมินประสิทธิภาพกระบวนการยุติธรรม การผลักดันกฎหมายเพื่อรองรับพันธกรณีระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนในประเทศอาเซียน และการให้ข้อเสนอแนะผู้แทนไทยในคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (ASEAN Intergovernmental Commission on Human Rights : AICHR) ต่อการพัฒนากลไกด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศสมาชิกอาเซียน ๔. การส่งเสริมเครือข่ายด้านการบังคับคดีแพ่ง คดีล้มละลาย และการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ มีแนวทางการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ การจัดประชุมด้านการบังคับคดีร่วมกับหน่วยงานด้านการบังคับคดีแพ่งและคดีล้มละลายของประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศคู่เจรจา การพัฒนากฎหมายและแนวทางปฏิบัติที่ดี (Best Practice) ที่เกี่ยวข้องกับการบังคับคดีแพ่งและคดีล้มละลายให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล และการพัฒนากฎหมายเพื่อสนับสนุนแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนา SME ของอาเซียน ปี ๒๕๕๙-๒๕๖๘ ๕. การพัฒนากระบวนการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำความผิดในชุมชนและมาตรการอื่นแทนโทษจำคุก มีแนวทางการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ การพัฒนาการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำภายใต้ข้อกำหนดกรุงเทพฯ การส่งเสริมการปฏิบัติต่อผู้กระทำผิดโดยใช้ชุมชนบำบัดในภูมิภาคอาเซียน และการดำเนินกิจกรรมภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือกับสถาบันกำกับดูแลกระบวนการยุติธรรมเด็กและเยาวชนระหว่างประเทศ |
|||||||||||||||||||||
| 612 | รายงานการก่อสร้างเรือนจำจังหวัดภูเก็ต พร้อมส่วนประกอบ 1 แห่ง | ยธ | 02/06/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมราชทัณฑ์ดำเนินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างเรือนจำจังหวัดภูเก็ต พร้อมส่วนประกอบ จำนวน ๑ แห่ง ในวงเงิน ๗๘๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรให้กรมราชทัณฑ์เร่งรัดดำเนินการผูกพันงบประมาณและให้มีการเบิกจ่ายงบประมาณโดยเร็วเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||
| 613 | ผลการดำเนินงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในกรอบความร่วมมือกลุ่มหน่วยงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินสากล | ยธ | 26/05/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ในกรอบความร่วมมือกลุ่มหน่วยงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินสากล ซึ่งประเทศไทย โดยสำนักงาน ปปง. ได้มีบทบาทเป็นประเทศผู้สนับสนุน (Sponsor) ประเทศอื่นที่ขอสมัครเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มหน่วยงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินสากล จำนวน ๖ ประเทศ มีผลการดำเนินการสรุปได้ ดังนี้
๑. สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ (ประเทศไทยเป็นประเทศผู้สนับสนุนร่วมกับมาเลเซีย) โดยในการประชุมประจำปี ครั้งที่ ๒๑ ณ เมืองซันซิตี้ สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ในปี ๒๕๕๖ ได้มีมติรับรองหน่วยข่าวกรองทางการเงินบังกลาเทศเข้าเป็นสมาชิกแล้ว ๒. ประเทศบรูไนดารุสซาลาม (ประเทศไทยเป็นประเทศผู้สนับสนุนร่วมกับสาธารณรัฐเกาหลี) โดยในการประชุมประจำปี ครั้งที่ ๒๒ ณ กรุงลิม่า สาธารณรัฐเปรู ในปี ๒๕๕๗ ได้มีมติรับรองหน่วยข่าวกรองทางการเงินบรูไนเข้าเป็นสมาชิกแล้ว ๓. ราชอาณาจักรกัมพูชา (ประเทศไทยเป็นประเทศผู้สนับสนุนร่วมกับไต้หวัน) โดยในการประชุมคณะทำงานส่งเสริมสมาชิกและคณะทำงานด้านกฎหมายได้มีมติเห็นชอบในหลักการและให้นำเสนอต่อที่ประชุมประจำปี ครั้งที่ ๒๓ ณ เมืองบริดจ์ทาวน์ ประเทศบาร์เบโดส ในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ เพื่อพิจารณารับรองข่าวกรองทางการเงินกัมพูชาต่อไป ๔. สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล (ประเทศไทยเป็นผู้สนับสนุนร่วมกับไต้หวัน) ที่ประชุมมอบหมายให้ผู้แทนประเทศไทยและไต้หวันเข้าไปประเมินความพร้อมอีกครั้งหนึ่ง (Re-conduct on-site visit) และหากปรากฏว่าเนปาลสามารถพัฒนาระบบสารสนเทศของหน่วยข่าวกรองทางการเงินของเนปาลให้ได้ตามมาตรฐานแล้ว ก็จะพิจารณารับเนปาลเข้าเป็นสมาชิกในการประชุมประจำปี ครั้งที่ ๒๓ ณ เมืองบริดจ์ทาวน์ ประเทศบาร์เบโดส ในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ ต่อไป ๕. สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (ประเทศไทยเป็นประเทศผู้สนับสนุนร่วมกับอินโดนีเซีย) โดยประเทศไทยได้แถลงในที่ประชุมว่า หน่วยข่าวกรองทางการเงินของลาวยังขาดความพร้อมในด้านโครงสร้างพื้นฐาน จึงพิจารณาให้สถานะการสมัครของลาวยังคงเป็นแบบระยะยาว (Long Term Candidate) ๖. สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา (ประเทศไทยเป็นประเทศผู้สนับสนุนร่วมกับประเทศญี่ปุ่น) ณ ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลความคืบหน้า จึงพิจารณาให้สถานะการสมัครของเมียนมายังคงเป็นแบบระยะยาว (Long Term Candidate)
|
|||||||||||||||||||||
| 614 | ร่างพระราชบัญญัติคุมประพฤติ พ.ศ. .... | ยธ | 26/05/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติคุมประพฤติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกพระราชบัญญัติวิธีดำเนินการคุมความประพฤติตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. ๒๕๒๒ และแก้ไขเพิ่มเติมกระบวนการคุมประพฤติให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นของกรมคุมประพฤติ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงาน ก.พ. ที่เห็นว่า ไม่มีความจำเป็นต้องระบุให้พนักงานคุมประพฤติเป็นตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษ เนื่องจากมาตรา ๓๘ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้กำหนดหลักเกณฑ์และอัตราเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษของข้าราชการพลเรือนไว้แล้ว ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 615 | รายงานการก่อสร้างเรือนจำกลางสุราษฎร์ธานี พร้อมส่วนประกอบ 1 แห่ง | ยธ | 26/05/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานการดำเนินการจัดจ้างก่อสร้างเรือนจำกลางสุราษฎร์ธานี พร้อมส่วนประกอบ ๑ แห่ง (ซึ่งเป็นรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป) โดยกรมราชทัณฑ์ได้ดำเนินการประกวดราคาจ้างก่อสร้างฯ จำนวน ๔๒ รายการ ประกอบด้วย รายการก่อสร้าง ๓๙ รายการ งานครุภัณฑ์ (จัดสร้าง) งานอาคาร ๑ รายการ ระบบเสริมความมั่นคงและความปลอดภัยในการควบคุมผู้ต้องขัง ๑ รายการและงานครุภัณฑ์ (จัดซื้อ) งานอาคาร๑ รายการ กำหนดราคากลางจ้างก่อสร้างฯ เป็นเงิน ๑,๐๕๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยได้ผู้ชนะการประกวดราคาในวงเงิน ๘๗๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งเป็นราคาที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อทางราชการ
|
|||||||||||||||||||||
| 616 | รายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิในกระบวนการยุติธรรม กรณีเยียวยาความเสียหายแก่ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา | ยธ | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบ ดังนี้
๑. ผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิในกระบวนการยุติธรรม กรณีเยียวยาความเสียหายแก่ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เกี่ยวกับข้อเสนอแนะเชิงนโยบายกำหนดหลักเกณฑ์การเยียวยาแก่ผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากข้อบกพร่องของกระบวนการยุติธรรม และให้มีการวางหลักเกณฑ์อย่างชัดเจนในการเยียวยาความเสียหายที่เกิดจากการกระทำของรัฐ เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือบุคคลที่ทำตามหน้าที่แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมืองเพื่อลดการใช้ดุลยพินิจและการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม และข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย โดยมีสาระสำคัญเป็นการเสนอให้แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทน และค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๔ ในประเด็นต่าง ๆ เช่น อายุความในการใช้สิทธิยื่นคำขอเพื่อการเยียวยา เงื่อนไขในการจ่ายค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายให้แก่จำเลยในคดีอาญา เป็นต้น ตามที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ ๒. ผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน โดยกระทรวงยุติธรรมรับข้อเสนอแนะและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายไปเป็นแนวทางปฏิบัติต่อไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 617 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ความผิดเกี่ยวกับเพศ) | ยธ | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ความผิดเกี่ยวกับเพศ) มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการกระทำชำเรา การคุกคามทางเพศ สิ่งอันลามก และอัตราโทษปรับในลักษณะ ๙ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานศาลยุติธรรม อาทิ ความซ้ำซ้อนของกฎหมาย กรณีการกำหนดความผิดฐานคุกคามทางเพศตามร่างมาตรา ๒๘๕/๓ มีความซ้ำซ้อนกับมาตรา ๓๙๗ แห่งประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๒๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่ได้บัญญัติครอบคลุมความผิดเกี่ยวกับการคุกคามทางเพศอยู่แล้ว รวมทั้งยังมีร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ความผิดเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจารเด็ก) เป็นร่างพระราชบัญญัติที่มีหลักการในการแก้ไขความผิดเกี่ยวกับการค้าหรือทำให้แพร่หลายซึ่งสิ่งลามกตามมาตรา ๒๘๗ อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติอยู่ด้วย จึงต้องพิจารณาความซ้ำซ้อนและความสอดคล้องกันของการแก้ไขเพิ่มเติมความผิดเกี่ยวกับสิ่งอันลามกตามร่างพระราชบัญญัตินี้กับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป ๒. มอบให้กระทรวงยุติธรรมไปพิจารณาการขอพระราชทานอภัยโทษ ทั้งระบบ โดยพิจารณาประเภทความผิดและระยะเวลาการรับโทษที่เหมาะสมในการขอพระราชทานอภัยโทษ เพื่อป้องกันมิให้ผู้กระทำผิดมีโอกาสก่ออาชญากรรมขึ้นอีกในสังคม |
|||||||||||||||||||||
| 618 | ร่างเอกสารแก้ไขเอกสารเพิ่มเติมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจ 7 ฝ่าย ว่าด้วยการควบคุมยาเสพติดในอนุภูมิภาค ฉบับที่ 2 เสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบและอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้ลงนามในเอกสารแก้ไขเอกสารเพิ่มเติมฯ ฉบับที่ 2 รวมทั้งขออนุมัติให้มีการแก้ไขในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญ หากมีความจำเป็นในภายหน้า | ยธ | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างเอกสารแก้ไขเอกสารเพิ่มเติมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจ ๗ ฝ่าย ว่าด้วยการควบคุมยาเสพติดในอนุภูมิภาค ฉบับที่ ๒ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการยืนยันเจตนารมณ์ของประเทศไทยร่วมกับประเทศภาคีบันทึกความเข้าใจ ๗ ฝ่ายฯ ในการเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนและช่วยเหลือตนเองในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในอนุภูมิภาค โดยร่วมกันออกเงินสมทบเพื่อการดำเนินโครงการที่อยู่ภายใต้แผนปฏิบัติการ เพื่อให้ประเทศผู้บริจาคเห็นถึงเจตจำนงอันแน่วแน่ของประเทศภาคีสมาชิกในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยมีการปรับข้อความให้ครอบคลุมกิจกรรมและแผนงาน ภายใต้แผนปฏิบัติการในอนุภูมิภาคเพื่อการควบคุมยาเสพติดมากขึ้น ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นผู้ลงนามในร่างเอกสารแก้ไขเอกสารเพิ่มเติมฯ ฉบับที่ ๒ ในระหว่างการประชุมระดับรัฐมนตรีภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจ ๗ ฝ่ายฯ ในวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ๓. อนุมัติให้กระทรวงยุติธรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแก้ไขปรับปรุงเอกสารแก้ไขเอกสารเพิ่มเติมฯ ฉบับที่ ๒ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย หากมีความจำเป็น โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบอีกครั้ง โดยให้เป็นดุลพินิจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมที่จะพิจารณาดำเนินการภายในกรอบของร่างเอกสารแก้ไขเอกสารเพิ่มเติมฯ ฉบับที่ ๒ |
|||||||||||||||||||||
| 619 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงยุติธรรม) (จำนวน 5 ราย 1 นายพสิษฐ์ อัศววัฒนาพร ฯลฯ) | ยธ | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงยุติธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๕ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายพสิษฐ์ อัศววัฒนาพร ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกิจการยุติธรรม ๒. นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกรทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายไพฑูรย์ สว่างกมล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นางฉลอง อติกนิษฐ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นางสาวพรพิตร นรภูมิพิภัชน์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||
| 620 | สรุปผลการเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา สมัยที่ 13 ระหว่างวันที่ 12 - 19 เมษายน 2558 ณ กรุงโดฮา รัฐกาตาร์ | ยธ | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา สมัยที่ ๑๓ ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๙ เมษายน ๒๕๕๘ ณ กรุงโดฮา รัฐกาตาร์ ซึ่งมีพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงเป็นองค์ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนประเทศต่าง ๆ เข้าร่วมประชุมกว่า ๑๔๐ ประเทศ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ประเด็นหลักของการประชุมในครั้งนี้คือ การบูรณาการการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญาในวาระของสหประชาชาติเพื่อรับมือกับสิ่งท้าทายด้านเศรษฐกิจ และสังคม รวมทั้งส่งเสริมหลักยุติธรรมในระดับประเทศและระหว่างประเทศ ตลอดจนการมีส่วนร่วมของสาธารณะ ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภาทรงผลักดันประเด็นสำคัญที่เกี่ยวกับมาตรฐานและบรรทัดฐานของสหประชาชาติด้านการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญาที่มีกลุ่มเป้าหมายคือ ประชากรกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะการส่งเสริมการอนุวัติ “ข้อกำหนดกรุงเทพฯ” (Bangkok Rules) ว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงและยุทธศาสตร์ต้นแบบและมาตรการในเชิงปฏิบัติของสหประชาชาติในการขจัดความรุนแรงต่อเด็ก (UN Model Strategies and Practical Measures on the Elimination of Violence against Children in the Field of Crime Prevention and Criminal Justice) ในส่วนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมโดยแสดงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ การต่อต้านการทุจริต ปัญหายาเสพติด การค้ามนุษย์ ส่วนอาชญากรรมรูปแบบใหม่ ไทยได้ให้ความสำคัญในประเด็นหลักคือ อาชญากรรมทางสิ่งแวดล้อม และอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศจากเด็กผ่านสื่อออนไลน์ ๒. ที่ประชุมได้รับรองเอกสารผลลัพธ์การประชุมที่สำคัญคือ ร่างปฏิญญาโดฮา (Doha Declaration) ซึ่งครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ เช่น ความเชื่อมโยงระหว่างระบบยุติธรรมที่เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพกับหลักนิติธรรมและการพัฒนาที่ยั่งยืน การปกป้องสิทธิมนุษยชนในบริบทของการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการต่อต้านความรุนแรงต่อเด็กและสตรี และการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคประชาชนด้านการป้องกันอาชญากรรม ๓. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและปลัดกระทรวงยุติธรรมได้เข้าร่วมการหารือทวิภาคีกับผู้นำประเทศและผู้บริหารองค์กรต่าง ๆ เพื่อกระชับความสัมพันธ์อันดี หาลู่ทางส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกัน รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นในพัฒนาการต่าง ๆ ของประเทศไทย ๔. ผลจากการประชุมครั้งนี้ กระทรวงยุติธรรมเห็นควรมุ่งเน้นการดำเนินการเชิงนโยบายในบริบทของการติดตามผลการประชุมใน ๓ ด้านหลัก ได้แก่ ส่งเสริมประเด็นด้านสตรีในกระบวนการยุติธรรม ส่งเสริมการเผยแพร่และการอนุวัติยุทธศาสตร์ต้นแบบและมาตรการเชิงปฏิบัติของสหประชาชาติว่าด้วยการขจัดความรุนแรงต่อเด็กในกระบวนการยุติธรรม และริเริ่มการพัฒนาแผนยุทธศาสตร์การป้องกันอาชญากรรมแห่งชาติ โดยให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลัก เพื่อผลักดันให้เกิดการบูรณาการและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมโดยเน้นมิติ “เชิงป้องกัน” เป็นหลัก
|
|||||||||||||||||||||
.....
