ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 31 จากทั้งหมด 97 หน้า แสดงรายการที่ 601 - 620 จากข้อมูลทั้งหมด 1923 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
601 | รายงานการก่อสร้างเรือนจำกลางสุราษฎร์ธานี พร้อมส่วนประกอบ 1 แห่ง | ยธ | 26/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานการดำเนินการจัดจ้างก่อสร้างเรือนจำกลางสุราษฎร์ธานี พร้อมส่วนประกอบ ๑ แห่ง (ซึ่งเป็นรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป) โดยกรมราชทัณฑ์ได้ดำเนินการประกวดราคาจ้างก่อสร้างฯ จำนวน ๔๒ รายการ ประกอบด้วย รายการก่อสร้าง ๓๙ รายการ งานครุภัณฑ์ (จัดสร้าง) งานอาคาร ๑ รายการ ระบบเสริมความมั่นคงและความปลอดภัยในการควบคุมผู้ต้องขัง ๑ รายการและงานครุภัณฑ์ (จัดซื้อ) งานอาคาร๑ รายการ กำหนดราคากลางจ้างก่อสร้างฯ เป็นเงิน ๑,๐๕๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยได้ผู้ชนะการประกวดราคาในวงเงิน ๘๗๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งเป็นราคาที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อทางราชการ
|
|||||||||||||||||||||
602 | รายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิในกระบวนการยุติธรรม กรณีเยียวยาความเสียหายแก่ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา | ยธ | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบ ดังนี้
๑. ผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิในกระบวนการยุติธรรม กรณีเยียวยาความเสียหายแก่ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เกี่ยวกับข้อเสนอแนะเชิงนโยบายกำหนดหลักเกณฑ์การเยียวยาแก่ผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากข้อบกพร่องของกระบวนการยุติธรรม และให้มีการวางหลักเกณฑ์อย่างชัดเจนในการเยียวยาความเสียหายที่เกิดจากการกระทำของรัฐ เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือบุคคลที่ทำตามหน้าที่แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมืองเพื่อลดการใช้ดุลยพินิจและการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม และข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย โดยมีสาระสำคัญเป็นการเสนอให้แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทน และค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๔ ในประเด็นต่าง ๆ เช่น อายุความในการใช้สิทธิยื่นคำขอเพื่อการเยียวยา เงื่อนไขในการจ่ายค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายให้แก่จำเลยในคดีอาญา เป็นต้น ตามที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ ๒. ผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน โดยกระทรวงยุติธรรมรับข้อเสนอแนะและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายไปเป็นแนวทางปฏิบัติต่อไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
603 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ความผิดเกี่ยวกับเพศ) | ยธ | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ความผิดเกี่ยวกับเพศ) มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการกระทำชำเรา การคุกคามทางเพศ สิ่งอันลามก และอัตราโทษปรับในลักษณะ ๙ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานศาลยุติธรรม อาทิ ความซ้ำซ้อนของกฎหมาย กรณีการกำหนดความผิดฐานคุกคามทางเพศตามร่างมาตรา ๒๘๕/๓ มีความซ้ำซ้อนกับมาตรา ๓๙๗ แห่งประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๒๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่ได้บัญญัติครอบคลุมความผิดเกี่ยวกับการคุกคามทางเพศอยู่แล้ว รวมทั้งยังมีร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ความผิดเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจารเด็ก) เป็นร่างพระราชบัญญัติที่มีหลักการในการแก้ไขความผิดเกี่ยวกับการค้าหรือทำให้แพร่หลายซึ่งสิ่งลามกตามมาตรา ๒๘๗ อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติอยู่ด้วย จึงต้องพิจารณาความซ้ำซ้อนและความสอดคล้องกันของการแก้ไขเพิ่มเติมความผิดเกี่ยวกับสิ่งอันลามกตามร่างพระราชบัญญัตินี้กับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป ๒. มอบให้กระทรวงยุติธรรมไปพิจารณาการขอพระราชทานอภัยโทษ ทั้งระบบ โดยพิจารณาประเภทความผิดและระยะเวลาการรับโทษที่เหมาะสมในการขอพระราชทานอภัยโทษ เพื่อป้องกันมิให้ผู้กระทำผิดมีโอกาสก่ออาชญากรรมขึ้นอีกในสังคม |
|||||||||||||||||||||
604 | ร่างเอกสารแก้ไขเอกสารเพิ่มเติมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจ 7 ฝ่าย ว่าด้วยการควบคุมยาเสพติดในอนุภูมิภาค ฉบับที่ 2 เสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบและอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้ลงนามในเอกสารแก้ไขเอกสารเพิ่มเติมฯ ฉบับที่ 2 รวมทั้งขออนุมัติให้มีการแก้ไขในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญ หากมีความจำเป็นในภายหน้า | ยธ | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างเอกสารแก้ไขเอกสารเพิ่มเติมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจ ๗ ฝ่าย ว่าด้วยการควบคุมยาเสพติดในอนุภูมิภาค ฉบับที่ ๒ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการยืนยันเจตนารมณ์ของประเทศไทยร่วมกับประเทศภาคีบันทึกความเข้าใจ ๗ ฝ่ายฯ ในการเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนและช่วยเหลือตนเองในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในอนุภูมิภาค โดยร่วมกันออกเงินสมทบเพื่อการดำเนินโครงการที่อยู่ภายใต้แผนปฏิบัติการ เพื่อให้ประเทศผู้บริจาคเห็นถึงเจตจำนงอันแน่วแน่ของประเทศภาคีสมาชิกในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยมีการปรับข้อความให้ครอบคลุมกิจกรรมและแผนงาน ภายใต้แผนปฏิบัติการในอนุภูมิภาคเพื่อการควบคุมยาเสพติดมากขึ้น ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นผู้ลงนามในร่างเอกสารแก้ไขเอกสารเพิ่มเติมฯ ฉบับที่ ๒ ในระหว่างการประชุมระดับรัฐมนตรีภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจ ๗ ฝ่ายฯ ในวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ๓. อนุมัติให้กระทรวงยุติธรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแก้ไขปรับปรุงเอกสารแก้ไขเอกสารเพิ่มเติมฯ ฉบับที่ ๒ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย หากมีความจำเป็น โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบอีกครั้ง โดยให้เป็นดุลพินิจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมที่จะพิจารณาดำเนินการภายในกรอบของร่างเอกสารแก้ไขเอกสารเพิ่มเติมฯ ฉบับที่ ๒ |
|||||||||||||||||||||
605 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงยุติธรรม) (จำนวน 5 ราย 1 นายพสิษฐ์ อัศววัฒนาพร ฯลฯ) | ยธ | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงยุติธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๕ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายพสิษฐ์ อัศววัฒนาพร ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกิจการยุติธรรม ๒. นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกรทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายไพฑูรย์ สว่างกมล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นางฉลอง อติกนิษฐ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นางสาวพรพิตร นรภูมิพิภัชน์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||
606 | สรุปผลการเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา สมัยที่ 13 ระหว่างวันที่ 12 - 19 เมษายน 2558 ณ กรุงโดฮา รัฐกาตาร์ | ยธ | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา สมัยที่ ๑๓ ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๙ เมษายน ๒๕๕๘ ณ กรุงโดฮา รัฐกาตาร์ ซึ่งมีพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงเป็นองค์ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนประเทศต่าง ๆ เข้าร่วมประชุมกว่า ๑๔๐ ประเทศ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ประเด็นหลักของการประชุมในครั้งนี้คือ การบูรณาการการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญาในวาระของสหประชาชาติเพื่อรับมือกับสิ่งท้าทายด้านเศรษฐกิจ และสังคม รวมทั้งส่งเสริมหลักยุติธรรมในระดับประเทศและระหว่างประเทศ ตลอดจนการมีส่วนร่วมของสาธารณะ ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภาทรงผลักดันประเด็นสำคัญที่เกี่ยวกับมาตรฐานและบรรทัดฐานของสหประชาชาติด้านการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญาที่มีกลุ่มเป้าหมายคือ ประชากรกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะการส่งเสริมการอนุวัติ “ข้อกำหนดกรุงเทพฯ” (Bangkok Rules) ว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงและยุทธศาสตร์ต้นแบบและมาตรการในเชิงปฏิบัติของสหประชาชาติในการขจัดความรุนแรงต่อเด็ก (UN Model Strategies and Practical Measures on the Elimination of Violence against Children in the Field of Crime Prevention and Criminal Justice) ในส่วนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมโดยแสดงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ การต่อต้านการทุจริต ปัญหายาเสพติด การค้ามนุษย์ ส่วนอาชญากรรมรูปแบบใหม่ ไทยได้ให้ความสำคัญในประเด็นหลักคือ อาชญากรรมทางสิ่งแวดล้อม และอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศจากเด็กผ่านสื่อออนไลน์ ๒. ที่ประชุมได้รับรองเอกสารผลลัพธ์การประชุมที่สำคัญคือ ร่างปฏิญญาโดฮา (Doha Declaration) ซึ่งครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ เช่น ความเชื่อมโยงระหว่างระบบยุติธรรมที่เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพกับหลักนิติธรรมและการพัฒนาที่ยั่งยืน การปกป้องสิทธิมนุษยชนในบริบทของการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการต่อต้านความรุนแรงต่อเด็กและสตรี และการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคประชาชนด้านการป้องกันอาชญากรรม ๓. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและปลัดกระทรวงยุติธรรมได้เข้าร่วมการหารือทวิภาคีกับผู้นำประเทศและผู้บริหารองค์กรต่าง ๆ เพื่อกระชับความสัมพันธ์อันดี หาลู่ทางส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกัน รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นในพัฒนาการต่าง ๆ ของประเทศไทย ๔. ผลจากการประชุมครั้งนี้ กระทรวงยุติธรรมเห็นควรมุ่งเน้นการดำเนินการเชิงนโยบายในบริบทของการติดตามผลการประชุมใน ๓ ด้านหลัก ได้แก่ ส่งเสริมประเด็นด้านสตรีในกระบวนการยุติธรรม ส่งเสริมการเผยแพร่และการอนุวัติยุทธศาสตร์ต้นแบบและมาตรการเชิงปฏิบัติของสหประชาชาติว่าด้วยการขจัดความรุนแรงต่อเด็กในกระบวนการยุติธรรม และริเริ่มการพัฒนาแผนยุทธศาสตร์การป้องกันอาชญากรรมแห่งชาติ โดยให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลัก เพื่อผลักดันให้เกิดการบูรณาการและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมโดยเน้นมิติ “เชิงป้องกัน” เป็นหลัก
|
|||||||||||||||||||||
607 | ขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2542 ประกอบกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2550 เพื่อขอบัญญัติ การจัดตั้งสำนักงานกองทุนยุติธรรมไว้ในพระราชบัญญัติกองทุนยุติธรรม พ.ศ. .... | ยธ | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงยุติธรรมยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๔๒ (เรื่อง ข้อสังเกตของ ก.พ. เกี่ยวกับการกำหนดตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการไว้ในกฎหมาย) ประกอบกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๐ (เรื่อง การซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนการจัดตั้งหน่วยงานของรัฐ) เพื่อขอให้มีการบัญญัติการจัดตั้งสำนักงานกองทุนยุติธรรม ปรากฏไว้ในร่างพระราชบัญญัติกองทุนยุติธรรม พ.ศ. .... เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ เป็นการเฉพาะราย ๒. กรณีมีภาระงบประมาณเพิ่มขึ้นจากการปรับปรุงโครงสร้างภายในกระทรวงยุติธรรม ให้กระทรวงยุติธรรมพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรรไว้แล้วเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าว สำหรับค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงยุติธรรมขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||
608 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขายทอดตลาด พ.ศ. .... | ยธ | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขายทอดตลาด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขายทอดตลาด พ.ศ. ๒๕๕๔ กฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขายทอดตลาด (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๕ และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขายทอดตลาด (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๗
ปรับปรุงกระบวนการขยายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดี การปรับปรุงข้อความในประกาศขายทอดตลาดให้ชัดเจน ปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำหนดราคาเริ่มต้นในการขายทอดตลาด และหลักเกณฑ์การวางหลักประกันก่อนเข้าเสนอราคา และเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เข้าเสนอราคาในการขายทอดตลาดมากยิ่งขึ้น ปรับปรุงคณะกรรมการกำหนดราคาทรัพย์ให้มีความเหมาะสมแก่การปฏิบัติงาน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||
609 | รายงานสรุปผลการเข้าร่วมประชุมการออกแบบและก่อสร้าง อาคาร สถานที่ และสถานควบคุมแห่งเอเชีย ครั้งที่ 4 ระหว่างวันที่ 23 - 28 กุมภาพันธ์ 2558 ณ นครย่างกุ้ง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา | ยธ | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการเข้าร่วมประชุมการออกแบบและก่อสร้าง อาคาร สถานที่ และสถานควบคุมแห่งเอเชีย ครั้งที่ ๔ (4th Asian Conference of Correctional Facilities Architects and Planners, 2015 : 4th ACCFA) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๓-๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ณ นครย่างกุ้ง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สาระสำคัญของการประชุมได้มีการนำเสนอข้อมูลในการออกแบบและก่อสร้าง อาคาร สถานที่ สถานควบคุม ประกอบด้วยหัวข้อสำคัญ ได้แก่ (๑) สถานการณ์ปัจจุบันและประเด็นในด้านสถานควบคุม (๒) บทบาทของนักวางแผนสถานควบคุม (๓) การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในการออกแบบสถานควบคุม (๔) ความประสงค์ของการวิเคราะห์แผนงานก่อนการบริหารจัดการโครงการของสถานควบคุม และ (๕) สุขอนามัยเรือนจำ (ความมั่นคง การเยียวยาและการฟื้นฟูส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อมุ่งสู่สุขอนามัยในเรือนจำอย่างไร?) รวมทั้งศึกษาดูงาน ณ เรือนจำกลาง INSEIN (อินเซน) นครย่างกุ้ง ซึ่งเป็นเรือนจำกลางที่ใหญ่ที่สุดของเมียนมา ๒. การประชุมในครั้งนี้ ฝ่ายไทยได้รับประโยชน์เป็นอย่างดียิ่งในด้านทักษะ องค์ความรู้ การออกแบบในด้านต่าง ๆ ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาการออกแบบก่อสร้าง อาคาร สถานที่ สถานควบคุมในประเทศไทยให้มีความทันสมัยกับยุคปัจจุบัน รวมถึงการได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในด้านการออกแบบและก่อสร้างในระดับนานาชาติของหน่วยงานรัฐ อีกทั้งยังทำให้มีโอกาสพัฒนาความสัมพันธ์และแสวงหาแนวทางการร่วมมือในการแก้ปัญหาในระดับนานาชาติของกระทรวงยุติธรรมในด้านการบริหารจัดการ การออกแบบและก่อสร้างอาคารสถานที่ สถานควบคุม ตลอดจนเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานที่ถูกต้องตามหลักสากล สำหรับการประชุมการออกแบบและก่อสร้าง อาคาร สถานที่ สถานควบคุมแห่งเอเชีย ครั้งที่ ๕ (Asian Conference of Correctional Facilities Architects and Planners, 2016 : 5th ACCFA) กำหนดจัดขึ้น ณ สาธารณรัฐเกาหลีในห้วงเดือนมีนาคม ๒๕๕๙
|
|||||||||||||||||||||
610 | การประชุมสภากระบวนการยุติธรรมสำหรับเด็กและเยาวชน ระดับภาคพื้น เอเชีย - แปซิฟิก ครั้งที่ 2 (The 2nd Meeting of ASIA - PACIFIC Council for Juvenile Justice) | ยธ | 07/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการประชุมสภากระบวนการยุติธรรมสำหรับเด็กและเยาวชน ระดับภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก ครั้งที่ ๒ (The 2nd Meeting of ASIA-PACIFIC Council for Juvenile Justice) ซึ่งกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนร่วมกับสถาบันกำกับดูแลกระบวนการยุติธรรมเด็กและเยาวชนระหว่างประเทศ (International Juvenile Justice Observatory : IJJO) สำนักงานป้องกันยาเสพติดและปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nation Office on Drugs and Crime : UNODC) จัดการประชุมดังกล่าวขึ้นในระหว่างวันที่ ๕-๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ โรงแรมกะตะบีช รีสอร์ท แอนด์ สปา จังหวัดภูเก็ต โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวทางการปฏิบัติที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมเด็กและเยาวชนระหว่างประเทศ พัฒนายกระดับมาตรฐานการปฏิบัติต่อเด็กและเยาวชนในกระบวนการยุติธรรมของไทยและประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคอาเซียน และเพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการดูแลเด็กและเยาวชนที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมระหว่างประเทศในระดับนานาชาติและประเทศในภูมิภาคอาเซียน สำหรับรูปแบบของการประชุมมี ๒ รูปแบบ คือ วันที่ ๕-๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เป็นการประชุมเชิงปฏิบัติการ หัวข้อการประชุมประกอบด้วย การป้องกันและตอบสนองต่อความรุนแรงต่อเด็กและเยาวชน การหันเหคดีและมาตรการทางเลือก ยุติธรรมเชิงสมานฉันท์จากทฤษฎีสู่แนวทางปฏิบัติ และในวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เป็นการประชุมวิชาการ เพื่อร่วมกันกำหนดภารกิจและแผนงานของสภากระบวนการยุติธรรมสำหรับเด็กและเยาวชนในภาคพื้นอาเซียน ร่วมกันหาวิธีการประเมินผลการดำเนินงานด้านมาตรฐานสิทธิเด็กและเยาวชนในภูมิภาค และร่วมกันจัดทำมาตรการในการดูแลเด็กและเยาวชนที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมที่เป็นการกระทำความผิดข้ามพรมแดน เพื่อปกป้องสิทธิเด็กและเยาวชนที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
611 | ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการส่งเสริมการให้บริการด้านนิติวิทยาศาสตร์ พ.ศ. .... | ยธ | 28/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการส่งเสริมการให้บริการด้านนิติวิทยาศาสตร์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีกลไกทางกฎหมายในรูปของคณะกรรมการส่งเสริมการให้บริการด้านนิติวิทยาศาสตร์ขึ้น เพื่อกำหนดมาตรฐานการให้บริการด้านนิติวิทยาศาสตร์ของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และกำหนดการเรียกเก็บ งด หรือลดค่าธรรมเนียมการให้บริการด้านนิติวิทยาศาสตร์ของสถาบันฯ ตลอดจนกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการเก็บรักษา ทำลาย และเปิดเผยข้อมูล รวมทั้งกำหนดแนวทางในการส่งเสริมการให้บริการด้านนิติวิทยาศาสตร์ของภาคเอกชน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับร่างมาตรา ๕ ที่ให้สถาบันมีหน้าที่ในการให้บริการและส่งเสริมงานด้านนิติวิทยาศาสตร์ ปัจจุบันมีหลายหน่วยงานที่ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว อาจทำให้เกิดความซ้ำซ้อนในการปฏิบัติงานได้ ร่างมาตรา ๙ ในส่วนการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ควรกำหนดหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขในการเปิดเผยข้อมูลไว้ในร่างพระราชบัญญัติแทนการใช้ข้อความว่า “ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกำหนด” และร่างมาตรา ๑๑ ในส่วนของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ควรกำหนดคุณสมบัติหรือคุณลักษณะของบุคคลที่จะได้รับการแต่งตั้งไว้ด้วยเพื่อให้เกิดความชัดเจน และควรมีคณะกรรมการที่มาจากภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมด้วย เช่น ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือผู้แทนจากสถานพยาบาลที่มีการให้บริการด้านนิติเวชศาสตร์หรือนิติวิทยาศาสตร์ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งร่างพระราชบัญญัติฯ ให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
|||||||||||||||||||||
612 | ร่างพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | ยธ | 28/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๘ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||
613 | รายงานความคืบหน้าการไกล่เกลี่ยชั้นบังคับคดีหนี้ครัวเรือน หนี้รายย่อย หนี้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) และหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาของกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ | ยธ | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานความคืบหน้าการไกล่เกลี่ยชั้นบังคับคดีหนี้ครัวเรือน หนี้รายย่อย หนี้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) และหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ของกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ โดยได้จัดมหกรรมการไกล่เกลี่ยร่วมกับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย กยศ. บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด และธนาคารออมสิน รวม ๖ หน่วยงาน โดยมุ่งเน้นการยุติข้อพิพาทชั้นบังคับคดีด้วยความสมานฉันท์และช่วยแก้ไขปัญหาหนี้ภาคครัวเรือน ซึ่งสามารถไกล่เกลี่ยเป็นผลสำเร็จจำนวน ๒,๑๘๘ ราย คิดเป็นทุนทรัพย์จำนวน ๘๘๒,๘๘๙,๕๑๕.๘๕ บาท ๒. มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ๒.๑ กยศ. ควรพิจารณาปรับฐานข้อมูลของลูกหนี้ให้เป็นปัจจุบัน ชี้แจงรายละเอียดของเงื่อนไขของการกู้ยืมให้กับลูกหนี้อย่างชัดเจน และพิจารณาปรับปรุงระเบียบคณะกรรมการกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ว่าด้วยการไกล่เกลี่ยลูกหนี้ตามคำพิพากษาชั้นบังคับคดี พ.ศ. ๒๕๕๗ ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ลูกหนี้ตามคำพิพากษาเข้าร่วมโครงการไกล่เกลี่ยชั้นบังคับคดี และให้การไกล่เกลี่ยชั้นบังคับคดีของลูกหนี้ทั้งหลายมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งให้ผู้กู้/ลูกหนี้มีความเข้าใจในสถานะของการกู้ยืมเงินจาก กยศ. ๒.๒ ให้กระทรวงการคลังพิจารณาความเหมาะสมในการแจ้งให้สถาบันการเงินต่าง ๆ ที่เป็นรัฐวิสาหกิจพิจารณานำการไกล่เกลี่ยชั้นบังคับคดีของกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม เป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับลูกหนี้ในการยุติข้อพิพาทเพื่อให้การไกล่เกลี่ยชั้นบังคับคดีครอบคลุมลูกหนี้ครัวเรือน หนี้รายย่อย และหนี้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของสถาบันการเงินต่าง ๆ ที่เป็นรัฐวิสาหกิจมากยิ่งขึ้น ๒.๓ ให้ศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย ให้ความอนุเคราะห์ในการประชาสัมพันธ์โครงการการไกล่เกลี่ยชั้นบังคับคดีของกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม ให้กับประชาชนที่มาติดต่อได้ทราบ เพื่อให้การประชาสัมพันธ์ครอบคลุมถึงกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขวางขึ้น |
|||||||||||||||||||||
614 | ร่างพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. .... | ยธ | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พุทธศักราช ๒๔๗๙ เพื่อกำหนดบทบัญญัติและกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ขึ้นใหม่ เพื่อให้การบริหารงานของกรมราชทัณฑ์ การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ กระบวนการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังและการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและเกิดประสิทธิผลสูงสุด ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการควบคุมและการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังจะต้องดำเนินการตามหลักทัณฑวิทยา หลักสิทธิมนุษยชน และหลักกฎหมาย ตลอดจนข้อกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นต่อนานาประเทศ และส่งเสริมให้ครอบครัว ชุมชน และเอกชนที่มีวัตถุประสงค์ด้านการบำบัด ฟื้นฟู พัฒนาระบบพฤตินิสัยผู้ต้องขังเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการดังกล่าวด้วย ตลอดจนมุ่งเน้นการอบรมแก้ไขพฤตินิสัยและสร้างโอกาสให้ผู้ต้องขังที่พ้นโทษแล้วกลับคืนสู่สังคมได้อย่างเป็นปกติสุข โดยไม่หวนกลับไปกระทำความผิดซ้ำอีก และข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการกำหนดองค์ประกอบของคณะอนุกรรมการตรวจเรือนจำและคณะอนุกรรมการรับเรื่องราวร้องทุกข์ การกำหนดตำแหน่งเจ้าพนักงาน การกำหนดค่าตอบแทนของเจ้าพนักงาน การกำหนดอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงาน การจำแนกและมาตรฐานเรือนจำ การทำสัญญาจ้างเอกชนเพื่อดำเนินการใด ๆ ที่เป็นภารกิจและอยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ สิทธิของผู้ต้องขัง การลดวันต้องโทษจำคุก อนามัยของผู้ต้องขัง รวมถึงวินัยและบทลงโทษผู้ต้องขัง เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งร่างพระราชบัญญัติฯ ดังกล่าวให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
|||||||||||||||||||||
615 | สรุปผลการเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในวันที่ 23 มีนาคม 2558 | ยธ | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านกิจการยุติธรรมและกฎหมายระหว่างกระทรวงยุติธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงยุติธรรมแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และหารือข้อราชการกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ในประเด็นด้านยาเสพติด เมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. ทั้งสองฝ่ายได้เห็นชอบและลงนามในแผนปฏิบัติการความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ไทย-เวียดนาม พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๑ (Plan of Action Implementing the Thailand-Viet Nam Strategic Partnership) ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการยืนยันเจตนารมณ์ร่วมของไทยและเวียดนามในการส่งเสริมและกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกันอย่างครอบคลุมรอบด้าน อันนำมาซึ่งประโยชน์แก่ประชาชนของทั้งสองประเทศ รวมทั้งเพื่อส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงของภูมิภาคและระหว่างประเทศโดยรวม ๒. ภายหลังการลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านกิจการยุติธรรมและกฎหมายระหว่างกระทรวงยุติธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงยุติธรรมแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้ดำเนินการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรม แลกเปลี่ยนข้อมูลด้านกฎหมาย จัดทำสนธิสัญญาการส่งผู้ร้ายข้ามแดน และการปฏิบัติในเรื่องการโอนตัวนักโทษ ๓. ทั้งสองฝ่ายเห็นว่าปัญหายาเสพติดไม่สามารถดำเนินการได้เพียงประเทศเดียว ต้องร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ เพื่อขจัดปัญหายาเสพติด และในความร่วมมือสกัดกั้นยาเสพติดในพื้นที่แหล่งผลิตสามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการทำงานร่วมกับลาว เมียนมา เป็นอย่างดี อีกทั้งฝ่ายไทยยินดีที่จะสนับสนุนงบประมาณให้แก่ประเทศเพื่อนบ้านเพื่อพัฒนาศักยภาพในการปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ นอกจากนี้ ฝ่ายไทยขอความร่วมมือฝ่ายเวียดนามในการควบคุมและสกัดกั้นสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ โดยฝ่ายไทยยินดีที่จะจัดศึกษาดูงานเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกับฝ่ายเวียดนาม
|
|||||||||||||||||||||
616 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งราชอาณาจักรไทยกับสำนักงานกลางเพื่อการควบคุมยาเสพติด แห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ว่าด้วยความร่วมมือในการต่อต้านการลักลอบค้ายาเสพติดวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ และการใช้ยาเสพติดในทางที่ผิด เสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ และอนุมัติให้เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เป็นผู้ลงนามบันทึกความเข้าใจฯ ฝ่ายไทยรวมทั้งขออนุมัติให้มีการแก้ไขในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ หากมีความจำเป็นในภายหน้า | ยธ | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งราชอาณาจักรไทยกับสำนักงานกลางเพื่อการควบคุมยาเสพติดแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ว่าด้วยความร่วมมือในการต่อต้านการลักลอบค้ายาเสพติด วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ และการใช้ยาเสพติดในทางที่ผิด มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการกำหนดกรอบความร่วมมือในภาพกว้าง ด้านการปราบปรามยาเสพติดและด้านวิชาการที่เกี่ยวข้อง มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศในการมีความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ๒. อนุมัติให้เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในฐานะหัวหน้าหน่วยงานกลางด้านยาเสพติดของไทยเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๓. อนุมัติให้กระทรวงยุติธรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดหารือร่วมกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาปรับแก้ไขบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ หากมีความจำเป็น โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบอีกครั้ง
|
|||||||||||||||||||||
617 | องค์ประกอบคณะผู้แทนไทยในการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา สมัยที่ 13 | ยธ | 27/03/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยในการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา สมัยที่ ๑๓ (Thirteenth United Nations Congress on Crime Prevention and Criminal Justice) ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๙ เมษายน ๒๕๕๘ ณ กรุงโดฮา รัฐกาตาร์ โดยมีพลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงเป็นองค์ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ พร้อมด้วยผู้แทนจากกระทรวงยุติธรรม กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงาน ป.ป.ช. กระทรวงวัฒนธรรม สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย และวังสุโขทัย รวม ๘๓ ราย ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
618 | รายงานผลการสัมมนาเพื่อส่งเสริมการปฏิบัติต่อผู้กระทำผิดในชุมชนในภูมิภาคอาเซียน | ยธ | 17/03/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการสัมมนาเพื่อส่งเสริมการปฏิบัติต่อผู้กระทำผิดในชุมชนในภูมิภาคอาเซียน ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ณ กรุงเทพมหานคร ของกระทรวงยุติธรรม สรุปได้ ดังนี้
๑. กรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรมร่วมมือกับสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย สถาบันการป้องกันอาชญากรรมและการปฏิบัติต่อผู้กระทำผิดของสหประชาชาติ ภาคพื้นเอเชียและตะวันออกไกล และองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น จัดการสัมมนาเพื่อส่งเสริมการปฏิบัติต่อผู้กระทำผิดในชุมชนในภูมิภาคอาเซียนขึ้น เพื่อเป็นเวทีวิชาการในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ปัญหาและความท้าทายที่พบในการปฏิบัติต่อผู้กระทำผิดในชุมชนในภูมิภาคอาเซียน ตลอดจนเพื่อสนับสนุนให้ประเทศสมาชิกอาเซียนที่ยังไม่มีระบบการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดในชุมชนได้เริ่มการพัฒนาระบบดังกล่าวในประเทศของตนเอง ๒. การสัมมนาในครั้งนี้ก่อให้เกิดประโยชน์ในระดับอาเซียน คือ สามารถนำความรู้ที่ได้ไปต่อยอดในการวางระบบและการพัฒนางานในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยเฉพาะในประเทศเวียดนาม กัมพูชา ลาว และเมียนมา และมีแนวทางการพัฒนาบุคลากรด้านงานคุมประพฤติและพักการลงโทษในอาเซียนอย่างต่อเนื่อง สำหรับประโยชน์ที่ได้กับประเทศไทย คือ ส่งเสริมความร่วมมือในการส่งตัวผู้กระทำผิดกลุ่มประเทศอาเซียนกลับภูมิลำเนาเพื่อรับการแก้ไขฟื้นฟูในอนาคต สร้างบทบาทการเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียนด้านการปฏิบัติต่อผู้กระทำผิดในชุมชน และเปิดโอกาสให้บุคลากรของไทยสามารถเรียนรู้งานและประสบการณ์จากประเทศอื่น ๆ ได้
|
|||||||||||||||||||||
619 | สรุปผลการเยือนประเทศญี่ปุ่นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระหว่างวันที่ 25 - 28 กุมภาพันธ์ 2558 | ยธ | 17/03/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. สรุปผลการเยือนประเทศญี่ปุ่นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตามโครงการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและคณะเยือนหน่วยงานด้านพัฒนาพฤตินิสัยและแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำความผิด ณ ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและคณะได้เยี่ยมคารวะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมญี่ปุ่น ณ กระทรวงยุติธรรมญี่ปุ่น และเข้าศึกษาดูงาน ณ สำนักงานคุมประพฤติโตเกียว ศูนย์สนับสนุนอาสาสมัครคุมประพฤติ เขตเซตากายะ บ้านกึ่งวิถีโคชินไค สถาบัน UNAFEI และเรือนจำฟูชู โดยได้เรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมของประเทศญี่ปุ่นที่สามารถตอบสนองในด้านการควบคุมป้องกัน ปราบปรามอาชญากรรม และการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดให้กลับสู่สังคม และอยู่ร่วมกับสังคมได้อย่างเป็นปกติสุข โดยไม่หวนกลับไปกระทำความผิดซ้ำอีกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีการตระหนักถึงการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญด้วยการเน้นการอำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชนทั้งหลายแบบเสมอภาคและสะดวกรวดเร็ว ๒. กระทรวงยุติธรรมจะผลักดันนโยบายเชิงรุกในการปรับโครงสร้างงานด้านการพัฒนาพฤตินิสัยทั้งระบบ โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของกรอบแนวคิดเชิงปรัชญาใหม่ที่มุ่งเน้นการใช้มาตรการทางเลือกแทนการจำคุก การคุมประพฤติและฟื้นฟูผู้กระทำผิดเพื่อสามารถปรับตัวกลับคืนสู่สังคม และการลดอัตราการกระทำผิดซ้ำ ซึ่งจะมีแนวทางในการดำเนินงาน ประกอบด้วย ๒.๑ ปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องของกรมราชทัณฑ์ (เริ่มดำเนินการแล้ว) กรมคุมประพฤติ และกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนที่เน้นรูปแบบการฟื้นฟูและการคุมประพฤติเพื่อติดตามให้ความช่วยเหลือผู้กระทำผิดภายหลังการพ้นโทษ ๒.๒ ผลักดันการบูรณาการเชิงรุกระหว่างกระทรวงยุติธรรมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในกระบวนการคุมประพฤติและฟื้นฟูผู้กระทำผิด ๒.๓ พัฒนากรอบการหารือระหว่างกระทรวงยุติธรรมกับส่วนราชการฝ่ายตุลาการเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการทบทวน “นโยบายกำหนดโทษ” สำหรับผู้กระทำผิด (โดยเฉพาะคดียาเสพติด) และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ๒.๔ มอบหมายกรมราชทัณฑ์จัดทำหลักสูตรผู้บริหารด้านการฟื้นฟูผู้กระทำผิด (Executive Course on Rehabilitation) เพื่อพัฒนาขีดความสามารถของเจ้าหน้าที่ในระดับบริหารให้มุ่งเน้นแนวคิดในการใช้มาตรการทางเลือกแทนการจำคุก การคุมประพฤติ และฟื้นฟูผู้กระทำผิด และการลดอัตราการกระทำผิดซ้ำ ๒.๕ รณรงค์ผ่านสื่อในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างความตระหนักของสังคมในอันที่จะปรับทัศนคติและให้โอกาสกับผู้พ้นโทษ/ผู้กระทำผิดให้กลับเข้าสู่สังคมได้อย่างปกติสุข และสนับสนุนนโยบายคุมประพฤติ รวมทั้งส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคม และภาคเอกชนในบริบทนี้ บนหลักการ “ความรับผิดชอบต่อสังคม” (corporate social responsibility : CSR)
|
|||||||||||||||||||||
620 | ขอรับการสนับสนุนงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเบิกจ่ายค่าปรับปรุงและซ่อมแซมบ้านพักข้าราชการ อาคารที่ทำการ และสิ่งก่อสร้างประกอบของกรมราชทัณฑ์และกรมพินิจและคุ้มครองเด็ก และเยาวชน | ยธ | 17/03/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงยุติธรรมเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กรมบัญชีกางอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีได้ถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๕๘ แล้ว จำนวน ๑๒๖,๒๐๗,๘๗๒ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ กรมราชทัณฑ์ จำนวน ๘๘,๓๓๕,๒๗๒ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมผู้ต้องขังในเรือนจำและสิ่งเกี่ยวเนื่องกับการปฏิบัติงาน ๑.๒ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จำนวน ๓๗,๘๗๒,๖๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินโครงการปรับปรุงอาคารที่ทำการและสิ่งก่อสร้างประกอบ ทั้งนี้ ให้กรมราชทัณฑ์และกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามนัยระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยตรงต่อไป ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ และให้เป็นไปตามระเบียบของทางราชการด้วยความโปร่งใส ถูกต้อง และพร้อมรับการตรวจสอบจากหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
.....