ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 32 จากทั้งหมด 97 หน้า แสดงรายการที่ 621 - 640 จากข้อมูลทั้งหมด 1923 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
621 | ร่างพระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 10/03/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขบทบัญญัติในพระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา พ.ศ. ๒๕๓๕ ให้สอดคล้องกับอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ. ๒๐๐๓ และสนธิสัญญาว่าด้วยความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในเรื่องทางอาญาของภูมิภาคอาเซียน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||
622 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมความผิดเกี่ยวกับเจ้าพนักงานของรัฐบาลต่างประเทศและเจ้าพนักงานขององค์การระหว่างประเทศ และหลักเกณฑ์เกี่ยวกับอายุความ เพื่อให้สอดคล้องตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ. 2003) | ยธ | 10/03/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอขอถอนร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมความผิดเกี่ยวกับเจ้าพนักงานของรัฐบาลต่างประเทศและเจ้าพนักงานขององค์การระหว่างประเทศ และหลักเกณฑ์เกี่ยวกับอายุความ เพื่อให้สอดคล้องตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ. ๒๐๐๓) เพื่อนำกลับไปพิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||
623 | แผนยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด พ.ศ. 2558 - 2562 | ยธ | 10/03/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบแผนยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๒ เพื่อใช้เป็นกรอบทิศทางการดำเนินงาน เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการประสานการปฏิบัติ จัดสรรทรัพยากร และติดตามประเมินผลของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยแผนยุทธศาสตร์ฯ ประกอบด้วย ๘ ยุทธศาสตร์หลัก คือ (๑) การป้องกันกลุ่มผู้มีโอกาสเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด (๒) การควบคุมตัวยาและผู้ค้ายาเสพติด (๓) การแก้ไขปัญหาผู้เสพผู้ติดยาเสพติด (๔) ความร่วมมือระหว่างประเทศ (๕) การสร้างและพัฒนาระบบรองรับการคืนคนดีให้สังคม (๖) การสร้างสภาพแวดล้อมเพื่อป้องกันปัญหายาเสพติด (๗) การมีส่วนร่วมภาคประชาชน และ (๘) การบริหารจัดการอย่างบูรณาการ ๑.๒ ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดประจำปีให้สอดคล้องรองรับกับแผนยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๒ ตั้งแต่ปีงบประมาณ ๒๕๕๘ เป็นต้นไป ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมบูรณาการการดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๒ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และให้จัดทำตารางแสดงแผนการดำเนินการในความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงานเสนอนายกรัฐมนตรีทราบต่อไปด้วย ๓. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) กำกับดูแลให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานด้านความมั่นคงต่าง ๆ ให้ความสำคัญในเรื่องการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพิเศษด้วย |
|||||||||||||||
624 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินการของกรมบังคับคดีเรื่องการประเมินผลจัดอันดับความยาก - ง่ายในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก (Doing Business 2016) | ยธ | 10/03/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินการของกรมบังคับคดี เรื่อง การประเมินผลจัดอันดับความยาก-ง่าย ในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก (Doing Business 2016) ในส่วนที่เกี่ยวกับด้านการบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลง (Enforcing Contract) และด้านการแก้ไขปัญหาการล้มละลาย (Resolving Insolvency) และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||
625 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา (จำนวน 5 คน 1. นายดาวิน นารูลา ฯลฯ) | ยธ | 03/03/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา จำนวน ๕ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓ มีนาคม ๒๕๕๘) ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายดาวิน นารูลา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์ ๒. นางเพทาย ปทุมจันทรัตน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านสังคมสงเคราะห์ ๓. พันตำรวจเอก ณรัชต์ เศวตนันทน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน ๔. นางสาวศุภมาศ พยัฆวิเชียร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นายไพฑูรย์ สว่างกมล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
|||||||||||||||
626 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านกิจการยุติธรรมและกฎหมายระหว่างกระทรวงยุติธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงยุติธรรม แห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม | ยธ | 03/03/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านกิจการยุติธรรมและกฎหมายระหว่างกระทรวงยุติธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงยุติธรรมแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (MEMORANDUM OF UNDERSTANDING ON JUSTICE AND LEGAL AFFAIRS COOPERATION BETWEEN THE MINISTER OF JUSTICE OF THE KINGDOM OF THALAND AND THE MINISTRY OF JUSTICE OF THE SOCIALIST REPUBLIC OF VIET NAM) มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือในสาขากิจการยุติธรรมและกฎหมายระหว่างกระทรวงยุติธรรมของทั้งสองประเทศ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||
627 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดชื่อยาเสพติดตามกฎหมายว่าด้วยมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. .... | ยธ | 24/02/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดชื่อยาเสพติดตามกฎหมายว่าด้วยมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมรายชื่อยาเสพติดตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๓๔ จำนวน ๑๐ ชนิด ได้แก่ ซาฟรอล ไดเมทิลแอมเฟตามีน ไนตราซีแพม ไนเมตาซีแพม ฟีนาซีแพม เฟนนิลโพรพาโนลามีน เมทิลีนไดออกซิไพโรวาเลโรน เมทิโลน เมฟีโดรน และไอโซซาฟรอล ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||
628 | สรุปผลการเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระหว่างวันที่ 26 - 30 มกราคม 2558 | ยธ | 18/02/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานสรุปผลการเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระหว่างวันที่ ๒๖-๓๐ มกราคม ๒๕๕๘ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้เข้าพบบุคคลสำคัญ อาทิ นางหวู เอย อิ่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมจีน นายหลี่ หรูหลิน รองอัยการสูงสุดประชาชนจีน และนายเมิ้ง เจี้ยน จู้ สมาชิกกรมการเมือง หัวหน้าคณะกรรมาธิการการเมืองและกฎหมาย คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ เทียบเท่ารองนายกรัฐมนตรี เป็นต้น โดยมีประเด็นหารือที่สำคัญ ได้แก่ ด้านความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างประเทศ ด้านงานราชทัณฑ์ ด้านการปราบปรามการทุจริต ด้านการปราบปรามยาเสพติด และการแก้ไขปัญหาชนกลุ่มน้อยชาวอุยกูร์ นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้ศึกษาดูงานสถานพินิจและคุ้มครองเยาวชนที่กระทำผิด และเยี่ยมชมศูนย์การข่าวและนิติวิทยาศาสตร์ยาเสพติด ซึ่งการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนในครั้งนี้ ฝ่ายไทยได้รับประโยชน์เป็นอย่างยิ่ง ทำให้ได้มีโอกาสพัฒนาความสัมพันธ์และแสวงหาแนวร่วมในระดับนานาชาติของหน่วยงานของรัฐในการแก้ไขปัญหาด้านการทุจริต ยาเสพติด และงานราชทัณฑ์ ตลอดจนเพื่อให้เป็นไปตามแนวนโยบายของรัฐบาลในการร่วมมือกับนานาชาติในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
|
|||||||||||||||
629 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการจดทะเบียนและการกำหนดคุณสมบัติผู้ทำแผนและผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ พ.ศ. .... | ยธ | 18/02/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการจดทะเบียนและการกำหนดคุณสมบัติผู้ทำแผนและผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเพื่อให้เกิดความครบถ้วนชัดเจนในการกำหนดคุณสมบัติของผู้ขอจดทะเบียนเป็นผู้ทำแผนหรือผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||
630 | ร่างพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 10/02/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเพิ่มสิทธิของเจ้าหนี้ในการยื่นคำขอรับชำระหนี้ ปรับปรุงสิทธิลูกหนี้ร่วมและผู้ค้ำประกันในการได้รับชำระหนี้อย่างเป็นธรรม ลดขั้นตอนในการสั่งคำขอรับชำระหนี้ ปรับปรุงการยื่นคำขอประนอมหนี้ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น และปรับเปลี่ยนโทษปรับทางอาญาให้เหมาะสม เพื่อให้กระบวนพิจารณาคดีล้มละลายมีประสิทธิภาพ ถูกต้อง เป็นธรรม และรวดเร็วยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||
631 | การนำส่งเงินคงเหลือของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเข้าคลังเป็นรายได้แผ่นดิน | ยธ | 03/02/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานการนำส่งเงินคงเหลือของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเข้าคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ว่าปัจจุบันกองทุนฯ บริหารงานเพื่อใช้เงินไปตามวัตถุประสงค์จากสินทรัพย์หมุนเวียนที่มีอยู่ในปัจจุบัน จำนวน ๒๕๕,๙๕๔,๓๒๕.๔๑ บาท โดยจัดทำแผนงบประมาณประจำปี แยกเป็นงบบุคลากร งบดำเนินงาน และงบสนับสนุน ซึ่งในปีบัญชี พ.ศ. ๒๕๕๗ ตั้งกรอบวงเงินงบประมาณ จำนวน ๑๖๙,๘๑๕,๓๖๒.๐๔ บาท และได้กำหนดกรอบวงเงินเพื่อรองรับการจ่ายเงินช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ หรือผู้มีส่วนช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และเจ้าหน้าที่หรือบุคคลดังกล่าวได้รับความเดือดร้อน หรือได้รับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สินอันเนื่องจากการดำเนินการ รวมถึงเงินชดเชยความเสียหายและค่าเสื่อมสภาพทรัพย์สิน จำนวน ๑๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท รวมวงเงินงบประมาณที่จัดสรรเพื่อรองรับการบริหารงาน จำนวน ๑๘๑,๘๑๕,๓๖๒.๐๔ บาท เมื่อเทียบกับสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องในปัจจุบัน จำนวน ๒๕๕,๙๕๔,๓๒๕.๔๑ บาท คงเหลือเงินกองทุนฯ ประมาณ ๗๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งจะต้องสำรองไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติภารกิจ ตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๓๔ รวมถึงการชดเชยค่าเสียหาย หรือเสื่อมสภาพของทรัพย์สินที่มีคำสั่งยึดและอายัดไว้ ซึ่งไม่สามารถประมาณการได้ เนื่องจากคดีแต่ละคดีมีช่วงเวลาการตัดสินที่แตกต่างกัน ประกอบกับมีการเปลี่ยนแปลงในมูลค่าทรัพย์และดอกเบี้ย ทำให้มูลค่าของเงินที่ต้องใช้ในเรื่องการคืนและชดเชยไม่สามารถกันยอดตัวเลขที่แน่นอน ด้วยเหตุดังกล่าว จึงยังไม่สามารถนำส่งเงินเข้าคลังเป็นรายได้แผ่นดินได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลังเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อมูลกองทุนและเงินทุนหมุนเวียนที่อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงการคลังและกองทุนอื่น ๆ) ที่ให้กระทรวงการคลังรวบรวมข้อมูลกองทุนและเงินทุนหมุนเวียนต่าง ๆ ของภาครัฐที่มีอยู่ทั้งหมดให้ครบถ้วน และจัดกลุ่ม วิเคราะห์ผลดำเนินการ ประโยชน์และผลสัมฤทธิ์ที่ได้รับ และแนวทางการปรับปรุงหรือยุบเลิกกองทุนและเงินทุนหมุนเวียนที่หมดความจำเป็น รวมทั้งให้จัดทำตัวชี้วัดของกองทุนและเงินทุนหมุนเวียนโดยคำนึงถึงวัตถุประสงค์และผลสัมฤทธิ์ของการจัดตั้งกองทุนและเงินทุนหมุนเวียนดังกล่าว และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว
|
|||||||||||||||
632 | ร่างพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 03/02/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอขอถอนร่างพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพื่อนำกลับไปพิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||
633 | ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 03/02/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอขอถอนร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ฉบับที่..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ เพื่อนำกลับไปพิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||
634 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดคุณสมบัตินักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา พ.ศ. .... | ยธ | 03/02/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดคุณสมบัตินักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการกำหนดคุณสมบัติและกำหนดหลักเกณฑ์การขอและรับขึ้นทะเบียนเป็นผู้ทำหน้าที่นักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเพิ่มเติม เพื่อให้การดำเนินการเกี่ยวกับการขึ้นทะเบียนนักจิตวิทยาและนักสังคมสงเคราะห์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||
635 | ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในชุมชน พ.ศ. .... | ยธ | 27/01/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในชุมชน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการระงับข้อพิพาทในทางแพ่ง ในทางอาญาเกี่ยวกับความผิดอันยอมความได้และความผิดลหุโทษ โดยคนในชุมชนซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้พิจารณาถึงขอบเขตของหลักการ ความเหมาะสม การลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมของประชาชน รวมถึงความซ้ำซ้อนของร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้กับกฎหมายฉบับอื่นที่เกี่ยวกับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท เช่น พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดินฯ โดยให้เชิญกระทรวงยุติธรรม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเข้าร่วมชี้แจงด้วย หากมีประเด็นในเชิงนโยบายที่ยังขัดแย้งกัน ให้หารือคณะรัฐมนตรีก่อน แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||
636 | ร่างพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการกักขังตามประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 27/01/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการกักขังตามประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการกักขังตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. ๒๕๐๖ เพื่อให้การดำเนินภารกิจของกรมราชทัณฑ์ตามอำนาจหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการกักขังตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. ๒๕๐๖ มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพและการปฏิบัติหน้าที่ต่อผู้ต้องขังให้สอดคล้องกับหลักทางด้านสิทธิมนุษยชน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้รับข้อสังเกตของสำนักงานศาลยุติธรรมเกี่ยวกับร่างมาตรา ๕/๑ ที่กำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้เป็นหัวหน้าบังคับบัญชาสถานที่กักขังหรือผู้ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้เป็นหัวหน้าบังคับบัญชาสถานที่กักขังมอบหมายเป็นผู้อำนาจที่จะสั่งให้ใช้หรือเพิกถอนการใช้เครื่องพันธนาการในบางกรณีตามมาตรานี้ ควรมีการกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และระยะเวลาในการใช้เครื่องพันธนาการดังกล่าวให้ชัดเจน เพื่อเป็นแนวทางให้การใช้ดุลพินิจของพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นไปด้วยความรอบคอบและเหมาะสม โดยคำนึงถึงสิทธิและเสรีภาพของผู้ต้องกักขังเป็นสำคัญ และร่างมาตรา ๕/๓ ที่กำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจตรวจสอบจดหมาย เอกสาร พัสดุภัณฑ์ หรือสิ่งสื่อสารอื่น หรือสกัดกั้นการติดต่อสื่อสารโดยทางใด ๆ ซึ่งมีถึง หรือจากผู้ต้องกักขัง อาจเป็นการกระทบต่อสิทธิส่วนบุคคลของผู้ต้องกักขังเกินควร เนื่องจากประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๔ กำหนดให้ผู้ต้องโทษกักขังต้องถูกกักตัวไว้ในสถานที่กักขังซึ่งกำหนดไว้อันมิใช่เรือนจำ สถานีตำรวจ หรือสถานที่ควบคุมผู้ต้องหาของพนักงานสอบสวน หรือถ้าศาลเห็นสมควรจะให้กักขังไว้ในที่อยู่อาศัยของผู้นั้นเอง หรือของผู้อื่นที่ยินยอมรับผู้นั้นไว้ หรือสถานที่อื่นที่อาจกักขังได้ เพื่อให้เหมาะสมกับประเภทหรือสภาพของผู้ถูกกักขังได้ และมาตรา ๒๕ ที่กำหนดให้ผู้ต้องโทษกักขังมีสิทธิรับและส่งจดหมายได้ ดังนั้น ผู้ต้องกักขังจึงเป็นบุคคลที่ถูกจำกัดสิทธิและเสรีภาพบางประการเท่านั้น ไปประกอบการพิจารณา และให้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมราชทัณฑ์ สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปร่วมชี้แจง แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
|||||||||||||||
637 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคดีพิเศษ (เพิ่มเติม) (จำนวน 3 คน 1. นายภัทรศักดิ์ วรรณแสง ฯลฯ) | ยธ | 27/01/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคดีพิเศษ (เพิ่มเติม) จำนวน ๓ คน แทนตำแหน่งที่ว่าง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรี (๒๗ มกราคม ๒๕๕๘) เป็นต้น ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายภัทรศักดิ์ วรรณแสง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๒. พลตำรวจโท ธีรจิตร์ อุตมะ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสอบสวนคดีอาญา ๓. พันตำรวจเอก สีหนาท ประยูรรัตน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
|
|||||||||||||||
638 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พุทธศักราช 2479 (กำหนดให้ชุดกุญแจมือและกุญแจเท้าเป็นเครื่องพันธนาการ อีกประเภทหนึ่ง) | ยธ | 20/01/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พุทธศักราช ๒๔๗๙ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ชุดกุญแจมือและกุญแจเท้าเป็นเครื่องพันธนาการอีกประเภทหนึ่ง ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||
639 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานด้านความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนสืบเนื่องจากการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านยาเสพติด ครั้งที่ 3 | ยธ | 13/01/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานด้านความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนสืบเนื่องจากการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านยาเสพติด ครั้งที่ ๓ ตามที่กระทรวงยุติธรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อตกลงแผนปฏิบัติการแม่โขงปลอดภัย จีน ลาว เมียนมา และไทย ๒๐๑๔ ระหว่างวันที่ ๙-๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ จังหวัดเชียงราย ที่ประชุมได้มีการนำเสนอสถานการณ์ยาเสพติด และได้กำหนดแนวทางการดำเนินการร่วมกันในเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ การกำหนดเป้าหมายในการปฏิบัติการตามแม่น้ำโขงและการปฏิบัติการทางบกซึ่งเป็นพื้นที่ต่อเนื่องเพื่อสกัดกั้นยาเสพติดและเคมีภัณฑ์ รวมทั้งการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเป้าหมายของแต่ละประเทศเพื่อกำหนดเป้าหมายการสืบสวนร่วมกัน ทั้งนี้ ที่ประชุมได้กำหนดแนวปฏิบัติในแผนการปฏิบัติการนี้ เช่น การสุ่มตรวจเรือต้องสงสัย การสืบสวนเป้าหมายที่กำหนด การตรวจค้นในพื้นที่ชายฝั่งที่เป็นจุดต้องสงสัย เป็นต้น นอกจากนี้ โครงการแม่โขงปลอดภัยได้กำหนดจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการแม่โขงปลอดภัย ณ จังหวัดเชียงใหม่ และจะมีระยะเวลาโครงการ เริ่มตั้งแต่วันที่ ๑๒ มกราคม-๑๒ มีนาคม ๒๕๕๘ ๒. การจัดประชุมทวิภาคีไทย-เมียนมา ด้านความร่วมมือด้านการปราบปรามยาเสพติด ซึ่งดำเนินการเป็นครั้งที่ ๑๗ จัดระหว่างวันที่ ๑๖-๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ จังหวัดเชียงใหม่ สรุปสาระสำคัญได้ กล่าวคือ (๑) ด้านการปราบปรามยาเสพติด ทั้ง ๒ ฝ่ายตกลงกำหนดเป้าหมายในการสืบสวนจับกุมและแลกเปลี่ยนข่าวสารระหว่างกัน รวมทั้งกำหนดจุดตรวจจุดสกัดทั้งในฝั่งเมียนมาและในฝั่งไทยเพื่อสกัดกั้นยาเสพติดและเคมีภัณฑ์ที่จะเข้าพื้นที่ผลิตในเขตสามเหลี่ยมทองคำ และที่จะผ่านเข้าไทย (๒) ด้านการตรวจพิสูจน์ยาเสพติด ได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลผลการตรวจพิสูจน์ยาเสพติดที่จับกุมได้ เพื่อขยายผลเชื่อมโยงกับข้อมูลการข่าว เพื่อให้ทราบถึงกลุ่มที่ผลิต และประเทศไทยได้เสนอโครงการตรวจพิสูจน์ยาเสพติดร่วมไทย-เมียนมา โดยสนับสนุนเครื่องมือการตรวจพิสูจน์ยาเสพติด และฝึกอบรมนักวิทยาศาสตร์ของเมียนมา และ (๓) ด้านการพัฒนาทางเลือก ฝ่ายเมียนมาได้เสนอขอขยายพื้นที่โครงการ ซึ่งฝ่ายไทยได้นำข้อมูลนี้เสนอในการประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการพัฒนาทางเลือกเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ยั่งยืนไทย-เมียนมา ครั้งที่ ๑/๒๕๕๗ ได้รับเห็นชอบในหลักการ และจะได้ดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. การเตรียมการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อการควบคุมเคมีภัณฑ์และสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติด สืบเนื่องจากการประชุมทวิภาคีกับประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ เมียนมา ลาว และเวียดนาม เมื่อครั้งการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านยาเสพติดครั้งที่ ๓ ณ ประเทศ อินโดนีเซีย ฝ่ายไทย โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้เสนอให้มีการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทาง มาตรการในการควบคุม สกัดกั้นเคมีภัณฑ์และสารตั้งต้นซึ่งใช้ในการผลิตยาเสพติด และมีการลักลอบลำเลียงผ่านประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านไปยังแหล่งผลิตยาเสพติดในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งประเทศดังกล่าวเห็นชอบให้มีการจัดประชุม ทั้งนี้ สำนักงาน ป.ป.ส. ได้พิจารณาจัดทำโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อการควบคุมเคมีภัณฑ์และสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติด โดยพิจารณากำหนด ๗ ประเทศที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ได้แก่ เมียนมา ลาว เวียดนาม จีน อินเดีย เกาหลี และไทย โดยกำหนดเชิญหัวหน้าหน่วยงานกลางด้านยาเสพติด ผู้แทนฝ่ายสืบสวนปราบปราม และผู้แทนด้านการควบคุมเคมีภัณฑ์ และสารตั้งต้น รวม ๓ คน จากแต่ละประเทศเข้าร่วมประชุมฯ โดยกำหนดจัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ณ กรุงเทพมหานคร
|
|||||||||||||||
640 | ขอความร่วมมือเสนอเรื่องให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา (โครงการพัฒนาศักยภาพการปราบปรามยาเสพติดประเทศเพื่อนบ้าน) | ยธ | 13/01/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) ดำเนินการโครงการพัฒนาศักยภาพการปราบปรามยาเสพติดประเทศเพื่อนบ้าน (เมียนมา ลาว กัมพูชา และเวียดนาม) โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบเงินอุดหนุน รายการโครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการยุติแหล่งผลิตยาเสพติดและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ ประจำปี ๒๕๕๗ ซึ่งได้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว จำนวน ๓๐ ล้านบาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้สำนักงาน ป.ป.ส. ดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง และให้รับความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับการดำเนินโครงการฯ ต้องมีความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากรัฐบาลของประเทศนั้น ๆ ภายใต้วัตถุประสงค์ของการดำเนินการเดียวกัน การสนับสนุนการปฏิบัติการควรเป็นการสนับสนุนด้านวิชาการ เทคนิคการปฏิบัติ และการอบรม ณ ที่ตั้งหน่วยงานของประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ควรเป็นการปฏิบัติการภาคสนาม นอกจากนี้ การสนับสนุนครุภัณฑ์และสิ่งอุปกรณ์ต่าง ๆ เป็นการสนับสนุนตามโครงการที่ได้ตกลงกันไว้แล้ว หรือเป็นไปตามข้อหารือ ข้อตกลงร่วมกันในแต่ละปี ไม่ถือเป็นข้อผูกมัดกับรัฐบาลไทย ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย ๒. ในส่วนของการขออนุมัติเป็นหลักการให้เลขาธิการ ป.ป.ส. มีอำนาจอนุมัติโครงการภายใต้กรอบงบประมาณงบเงินอุดหนุนรายการโครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการยุติแหล่งผลิตยาเสพติดและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศนั้น ให้สำนักงาน ป.ป.ส. เสนอขออนุมัติตามความจำเป็นและเหมาะสมเป็นคราว ๆ ไป |
.....