ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 40 จากทั้งหมด 97 หน้า แสดงรายการที่ 781 - 800 จากข้อมูลทั้งหมด 1937 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 781 | การแต่งตั้งผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) ของกระทรวงยุติธรรมและส่วนราชการที่อยู่ในบังคับบัญชาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม | ยธ | 22/02/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายชื่อผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) ของกระทรวงยุติธรรม และส่วนราชการที่อยู่ในบังคับบัญชาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (สำนักงาน ป.ป.ท.) ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. แต่งตั้งให้ นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็น ปคร. ของกระทรวงยุติธรรม ๒. แต่งตั้งให้ พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เป็น ปคร. ของสำนักงาน ป.ป.ส. ๓. แต่งตั้งให้ พันตำรวจเอก ดุษฎี อารยวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เป็น ปคร. ของสำนักงาน ป.ป.ท.
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 782 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันเกินวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 และขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่าย เพิ่มเติม งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อชำระหนี้ค่าวัสดุอาหาร ปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 | ยธ | 22/02/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. ให้กรมราชทัณฑ์ก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายวัสดุอาหารผู้ต้องขังและผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ๒. สำหรับงบประมาณรายจ่ายเพื่อชำระหนี้ค่าวัสดุอาหารค้างชำระที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๓๑๘,๙๒๕,๑๗๐ บาท นั้น เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ประกาศใช้บังคับแล้ว เห็นสมควรให้กรมราชทัณฑ์เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณเป็นค่าวัสดุอาหารไว้แล้ว จำนวน ๒,๕๘๗,๐๔๔,๐๐๐ บาท ไปก่อน หากงบประมาณที่ได้รับจัดสรรดังกล่าวมีไม่เพียงพอ ให้ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่าย งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพิ่มเติมในระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามความจำเป็นต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 783 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง | ยธ | 22/02/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งพลตำรวจตรี เกษม รัตนสุนทร ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕) เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 784 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) | ยธ | 22/02/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) ใช้จ่ายงบประมาณจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๙๘,๙๖๒,๕๐๐ บาท เพื่อเป็นทุนประเดิมในการจัดตั้งสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย จำนวน ๙๘,๙๖๒,๕๐๐ บาท และเป็นค่าดำเนินการอนุวัติข้อกำหนดสหประชาชาติว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงและมาตรการที่มิใช่การคุมขัง หรือ “Bangkok Rules” จำนวน ๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) ขอทำความตกลงในรายละเอียดค่าใช้จ่ายกับสำนักงบประมาณโดยตรงต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 785 | ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 13/02/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช .... ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยร่างรัฐธรรมนูญฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ดังต่อไปนี้ ๑.๑ กำหนดให้รัฐสภาประชุมร่วมกันในกรณีการให้ความเห็นชอบสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญซึ่งมาจากการคัดเลือกโดยที่ประชุมรัฐสภา และกรณีการให้ความเห็นชอบญัตติให้มีการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ๑.๒ กำหนดให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญเพื่อทำหน้าที่จัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และกำหนดกระบวนการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับข้อสังเกตเพิ่มเติมของรองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วเสนอร่างรัฐธรรมนูญฯ ให้รัฐสภาพิจารณาต่อไป ดังนี้ ๒.๑ ควรกำหนดลักษณะต้องห้ามมิให้พนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของหน่วยงานของรัฐ ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อให้สอดคล้องกับการกำหนดลักษณะต้องห้ามของบุคคลผู้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามมาตรา ๑๐๒ (๑๑) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๒.๒ ควรกำหนดระยะเวลาให้คณะกรรมการการเลือกตั้งจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญให้ชัดเจน เช่น ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเจ็บสิบห้าวันนับแต่วันสิ้นสุดการรับสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ๒.๓ กรณีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญว่างลงเหลือไม่ถึงกึ่งหนึ่งหรือระยะเวลาการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญเหลือไม่ถึงเก้าสิบวัน จะต้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้งหรือรัฐสภาดำเนินการเลือกตั้งหรือคัดเลือกสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญขึ้นแทนตำแหน่งที่ว่างหรือไม่ ควรกำหนดให้มีความชัดเจน ๒.๔ กรณีที่สภาร่างรัฐธรรมนูญไม่สามารถจัดทำร่างรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จภายในกำหนดระยะเวลาหนึ่งร้อยแปดสิบวัน คณะรัฐมนตรีหรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสามารถเสนอญัตติต่อรัฐสภาเพื่อให้รัฐสภามีมติให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้หรือไม่ ควรกำหนดให้มีความชัดเจน และในการกำหนดให้สภาร่างรัฐธรรมนูญจะต้องจัดทำร่างรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จภายในกำหนดระยะเวลาหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันถัดจากวันที่มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญครบจำนวน นั้น ควรกำหนดให้เริ่มนับระยะเวลาดังกล่าวเป็นให้นับแต่วันที่มีการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญครั้งแรก และควรกำหนดระยะเวลาในการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญครั้งแรกไว้ด้วย ๒.๕ ควรกำหนดให้สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญชุดเดิมมีสิทธิเสนอญัตติต่อรัฐสภาเพื่อให้รัฐสภามีมติให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วย ๒.๖ ควรกำหนดให้มีฝ่ายเลขานุการของสภาร่างรัฐธรรมนูญด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 786 | ขอให้คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐชุดใหม่ | ยธ | 13/02/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ ชุดใหม่ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ทรงคุณวุฒิเป็นกรรมการ และเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลให้องค์กรในภาครัฐจัดทำแผนยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการให้สอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ดำเนินการจัดสรรทรัพยากรสนับสนุนแผนงาน โครงการ ตามแผนยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการที่สอดรับกับยุทธศาสตร์ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ อำนวยการและประสานการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ รวมทั้งติดตามประเมินผลและแก้ไขปัญหาอุปสรรคในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ ๑.๒ ให้ส่วนราชการหน่วยงานภาครัฐจัดสรร/เจียดจ่ายเงินงบประมาณประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ในโครงการต่าง ๆ แบ่งไปใช้จ่ายดำเนินการสนับสนุนในโครงการ/กิจกรรมตามแผนมาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตของส่วนราชการและหน่วยงานภาครัฐ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายสนับสนุนการดำเนินการตามแผนมาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตของส่วนราชการและหน่วยงานภาครัฐในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ให้ส่วนราชการและหน่วยงานภาครัฐพิจารณาปรับแผนการดำเนินงานและแผนใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ของหน่วยงานมาดำเนินการ โดยให้ถือปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และรายงานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ฯ ทราบ และความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ฯ ควรเน้นส่งเสริมให้ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามาเป็นพลังร่วมในการแก้ไขปัญหาทุจริตคอรัปชั่นทั้งในระดับนโยบายและระดับปฏิบัติการ โดยเฉพาะการส่งเสริมบทบาทของภาคธุรกิจเอกชนในการป้องปรามการทุจริตคอรัปชั่น และการสร้างภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่นระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมต่าง ๆ การเร่งพัฒนาช่องทางให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารการปฏิบัติงานภาครัฐ การดำเนินโครงการขนาดใหญ่ การจัดสรรทรัพยากร และมีส่วนร่วมในการตรวจสอบค่าใช้จ่ายภาครัฐในทุกระดับ และให้ความสำคัญกับการพัฒนาตัวชี้วัดใหม่ ๆ ที่มีความสอดคล้องกับบริบทของสังคมและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งสนับสนุนให้ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการติดตามและประเมินผลการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ฯ ไปดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 787 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขายทอดตลาด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 24/01/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขายทอดตลาด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขายทอดตลาด พ.ศ. ๒๕๕๔ ดังต่อไปนี้ ๑.๑ แก้ไขปรับปรุงรายการที่ต้องระบุไว้ในประกาศขายทอดตลาดเพื่อให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติ ๑.๒ แก้ไขปรับปรุงให้อธิบดีมีอำนาจออกหลักเกณฑ์ในการกำหนดราคาเริ่มต้นและราคาสมควรขายในการขายทอดตลาด ๑.๓ แก้ไขปรับปรุงวิธีการส่งประกาศการขายทอดตลาดให้สอดคล้องกับมาตรา ๓๐๖ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และแนวการวินิจฉัยตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๖๔๘/๒๕๔๔ และ ๗๓๘๖/๒๕๕๒ ๑.๔ แก้ไขปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการกำหนดราคาทรัพย์ และกำหนดให้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกำหนดราคาทรัพย์ประจำจังหวัดขึ้นในทุกจังหวัด รวมทั้งปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการกำหนดราคาทรัพย์ให้เป็นไปตามแนวทางปฏิบัติเดิมของกรมบังคับคดี เพื่อให้การดำเนินการประชุมและกำหนดราคาทรัพย์เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ๑.๕ ยกเลิกวิธีการดำเนินการในกรณีมีผู้เสนอราคาในการขายทอดตลาดเพียงรายเดียว ๒. ให้เพิ่มผู้แทนกรมธนารักษ์เป็นอนุกรรมการในคณะอนุกรรมการกำหนดราคาทรัพย์ประจำจังหวัด และส่งร่างกฎกระทรวงฯ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 788 | สรุปผลการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด (ในช่วงระหว่างวันที่ 11 กันยายน 2554 - 30 พฤศจิกายน 2554) | ยธ | 15/01/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานแก้ไขปัญหายาเสพติด ตามยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๕ รวม ๗ แผนงาน ตั้งแต่เปิดแผนปฏิบัติการวันที่ ๑๑ กันยายน - ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. แผนงานที่ ๑ การสร้างพลังสังคมและพลังชุมชนเอาชนะยาเสพติด ได้แก่ การดำเนินกิจกรรมการดำเนินการในหมู่บ้าน/ชุมชน ทั้งการทำประชาคม การค้นหาผู้เสพ/ผู้ติด/ผู้ค้า การนำผู้เสพ/ผู้ติดเข้ารับการบำบัดรักษา การดำเนินการกับผู้ค้าตามกฎหมาย การปิดล้อมตรวจค้น ฯลฯ เป้าหมาย ๖๐,๕๘๔ หมู่บ้าน/ชุมชน ดำเนินการแล้ว ๑๓,๙๐๑ หมู่บ้าน/ชุมชน การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดิน เป้าหมาย ๑๒,๑๘๙ หมู่บ้าน/ชุมชน ดำเนินการแล้ว ๒,๗๙๔ หมู่บ้าน/ชุมชน การดำเนินการพัฒนาหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดินดีเด่นให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ ๑ อำเภอ ๑ ศูนย์การเรียนรู้ เป้าหมายในการพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ ๘๕๐ แห่ง ดำเนินการแล้ว ๕๐๘ แห่ง และการสร้างและพัฒนาความรู้ด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติดแก่ผู้นำชุมชน และเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป้าหมาย ๒๐,๐๐๐ คน ผลการดำเนินการพัฒนาผู้นำและผู้มีรายชื่อ ๔๙๑ คน ๒. แผนงานที่ ๒ การแก้ไขปัญหาผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด ได้แก่ การดำเนินการแก้ไขปัญหาผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด โดยการนำเข้าสู่ระบบการบำบัดรักษาในระบบสมัครใจ การบำบัดรักษาในระบบบังคับบำบัด และการบำบัดรักษาในระบบต้องโทษ รวมถึงการบำบัดรักษาในค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรมฯ เป้าหมายการนำผู้เสพ/ผู้ติดเข้ารับการบำบัดรักษา ๔๐๐,๐๐๐ คน มีผลการบำบัดรักษา ๒๙,๕๔๗ คน และการจัดตั้งศูนย์ Demand จังหวัด เพื่อเป็นศูนย์ฟื้นฟูฯ ในการบำบัดรักษา โดยมีเป้าหมายให้มีการจัดตั้ง จำนวน ๑ จังหวัด ๑ ศูนย์ รวม ๗๗ จังหวัด มีผลการจัดตั้งศูนย์ฟื้นฟูฯ แล้ว ๕๗ ศูนย์ ใน ๕๗ จังหวัด ๓. แผนงานที่ ๓ การสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันยาเสพติด ได้แก่ การสร้างระบบป้องกันสถานศึกษา โดยจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าปฏิบัติงานประจำโรงเรียนเพื่อเฝ้าระวังปัญหายาเสพติดไม่ให้เข้าสู่โรงเรียน จำนวน ๗๓๐ โรงเรียน การดำเนินงานเพื่อขจัดปัจจัยเสี่ยงรอบสถานศึกษา เป้าหมายการดำเนินงานใน ๗๗ จังหวัด ดำเนินการแล้ว ๗๒ จังหวัด โดยจังหวัดที่มีการดำเนินการออกตรวจสูงสุดคือ จังหวัดนครราชสีมา ศรีสะเกษ อุดรธานี เชียงใหม่ และตราด และการจัดกิจกรรมป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานประกอบการ/โรงงาน เป้าหมาย ๒,๐๐๐ แห่ง ดำเนินการแล้ว ๘๑ แห่ง ๔. แผนงานที่ ๔ การปราบปรามยาเสพติดและบังคับใช้กฎหมาย ได้แก่ การดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดในคดียาเสพติด เป้าหมาย ๙๙,๗๗๐ คน มีผลการจับกุม จำนวน ๒๙,๕๐๕ คดี ๓๔,๗๐๐ คน แบ่งเป็นข้อหาผลิต จับกุมได้ ๘๒๓ คดี ๑,๔๑๘ คน ข้อหานำเข้า จับกุมได้ ๘๓ คดี ๑๐๑ คน ข้อหาส่งออก จับกุมได้ ๔ คดี ๕ คน ข้อหาจำหน่าย จับกุมได้ ๒,๙๑๗ คดี ๔,๑๕๑ คน ข้อหาครอบครองเพื่อจำหน่าย จับกุมได้ ๗,๘๙๒ คดี ๙,๖๘๕ คน และข้อหาครอบครอง จับกุมได้ ๑๗,๗๘๖ คดี ๑๙,๓๔๐ คน และการดำเนินการตามมาตรการยึดทรัพย์สินนักค้ายาเสพติดทั่วประเทศ เป้าหมาย ๘,๐๐๐ คดี มีผลการดำเนินการทั้งสิ้น ๘๒๓ คดี มูลค่าทรัพย์สิน ๔๐๘.๑ ล้านบาท ๕. แผนงานที่ ๕ ความร่วมมือระหว่างประเทศ ได้แก่ ๕.๑ การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านยาเสพติด ครั้งที่ ๓๒ ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นการประชุมตามพันธกรณีภายใต้กรอบความร่วมมืออาเซียนด้านยาเสพติด ๕.๒ การประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านอาชญากรรมข้ามชาติ (AMMTC) ครั้งที่ ๘ ณ ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นประเทศที่มีบทบาทนำ (Lead Shephard) ในสาขายาเสพติด ซึ่งเป็น ๑ ใน ๘ สาขาภายใต้กรอบความร่วมมือด้านอาชญากรรมข้ามชาติ ๕.๓ การจัดสัมมนาระหว่างประเทศว่าด้วยการพัฒนาทางเลือกที่ยั่งยืน ณ จังหวัดเชียงราย และเชียงใหม่ เพื่อพัฒนาทางเลือกที่ยั่งยืนเผยแพร่พระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้านการแก้ปัญหาการปลูกพืชเสพติด สำหรับเป็นแบบอย่าง และนำไปประยุกต์ใช้ในแต่ละประเทศ ๕.๔ การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๑๙ ณ ประเทศอินโดนีเซีย ที่ประชุมได้มีการรับรองและลงนามในเอกสาร “ASEAN - JAPAN PLAN OF ACTION 2011 - 2015” ในประเด็นด้านยาเสพติดจะเสริมสร้างความเข้มแข็งในความร่วมมือด้านอาชญากรรมข้ามชาติระหว่างประเทศอาเซียน อาทิ การลักลอบค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ เป็นต้น ผ่านเวทีการประชุมด้านอาชญากรรมข้ามชาติกับญี่ปุ่น จีน และสาธารณรัฐเกาหลี ๕.๕ การประชุมหัวหน้าหน่วยปราบปรามยาเสพติดสำหรับภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ณ ประเทศอินเดีย เป็นการประชุม Subsidiary Body ของกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิก ภายใต้กรอบสหประชาชาติ ๖. แผนงานที่ ๖ การสกัดกั้นยาเสพติด กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ได้จัดตั้งชุดพัฒนาสัมพันธ์มวลชน (ชพส.) จำนวน ๑๐๗ ชุด เพื่อเข้าปฏิบัติการมวลชนสัมพันธ์ในพื้นที่เป้าหมาย ๑๐๗ ตำบล ๑,๐๗๐ หมู่บ้าน ซึ่งเป็นหมู่บ้านชายแดนและมีความเสี่ยงเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและความมั่นคง ขั้นตอนแรกของการดำเนินการคือ การสืบสภาพ และค้นหาปัญหายาเสพติดของหมู่บ้านชายแดนเป้าหมาย ๗. แผนงานที่ ๗ การบริหารจัดการแบบบูรณาการ ศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดจังหวัดในแต่ละระดับได้จัดประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมและบูรณาการหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 789 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงยุติธรรม) | ยธ | 10/01/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทวงยุติธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไปตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล รองผู้อำนวยการสำนักงานกิจการยุติธรรม ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. พันตำรวจเอก ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 790 | ร่างพระราชกฤษฎีกาขยายระยะเวลาการใช้บังคับมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 21) พ.ศ. 2542 พ.ศ. .... | ยธ | 04/01/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาขยายระยะเวลาการใช้บังคับมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ๒๑) พ.ศ. ๒๕๔๒ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ขยายระยะเวลาการใช้บังคับมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ๒๑) พ.ศ. ๒๕๔๒ ออกไปอีกถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ ซึ่งเป็นการขยายระยะเวลาการดำเนินงานชันสูตรพลิกศพตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ไปร่วมชันสูตรพลิกศพตามมาตรา ๑๔๘ (๓) (๔) และ (๕) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา พ.ศ. ๒๕๕๐ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ผ่านการอบรมทางนิติเวชศาสตร์สามารถออกชันสูตรพลิกศพแทนแพทย์ได้ ทั้งนี้ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๖ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 791 | ร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. .... | ยธ | 04/01/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงยุติธรรมนำร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. .... ไปศึกษาในรายละเอียด เนื่องจากการกำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมตามร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้บางประการอาจมีความซ้ำซ้อนกับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติตามพระราชบัญญัติพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๙ ซึ่งสมควรที่จะมีคณะกรรมการเพียงคณะเดียวเพื่อทำหน้าที่ปรับปรุงและพัฒนาการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 792 | ร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการกำหนดเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ พ.ศ. .... | ยธ | 04/01/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการกำหนดเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมนำมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๓ [เรื่อง ร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการกำหนดเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] ในประเด็นข้อสังเกตของคณะกรรมการกลั่นกรองการกำหนดเครื่องแบบพิเศษของส่วนราชการ โดยบางส่วนราชการได้มีการกำหนดรูปดาวเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องหมายแสดงระดับ ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับเครื่องหมายแสดงชั้นยศของข้าราชการฝ่ายทหารหรือข้าราชการตำรวจ ซึ่งการใช้เครื่องหมายรูปดาวของข้าราชการพลเรือนดังกล่าวอาจทำให้เกิดความสับสนระหว่างข้าราชการแต่ละประเภทได้ ดังนั้น หากเป็นกรณีที่ส่วนราชการที่กำหนดรูปดาวเป็นเครื่องหมายแสดงระดับไว้แล้วเห็นควรให้คงเดิม ส่วนกรณีที่ส่วนราชการจะกำหนดเครื่องหมายดาวขึ้นใหม่ เห็นควรให้ใช้เครื่องหมายอื่นแทน โดยไม่สมควรที่จะกำหนดรูปดาวเป็นเครื่องหมายแสดงระดับของข้าราชการฝ่ายพลเรือน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 793 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดคดีพิเศษเพิ่มเติมตามกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 19/12/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดคดีพิเศษเพิ่มเติมตามกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดคดีพิเศษเพิ่มเติมตามกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. ๒๕๔๗ เพื่อกำหนดคดีพิเศษเพิ่มเติม ประกอบด้วย ๑.๑ คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ๑.๒ คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ๑.๓ คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ๑.๔ คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยแร่ ๑.๕ คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน ๑.๖ คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยเครื่องสำอาง ๑.๗ คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุอันตราย ๑.๘ คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยยา ๑.๙ คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยอาหาร ๑.๑๐ คดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา เฉพาะความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร คดีความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายและคดีความผิดเกี่ยวกับหนังสือเดินทาง ๒. ให้ตัดคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา เฉพาะความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร คดีความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายและคดีความผิดเกี่ยวกับหนังสือเดินทางออก คงเหลือเพียงจำนวน ๙ คดีความผิดเท่านั้น ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก โกวิท วัฒนะ) เสนอ และส่งร่างกฎกระทรวงฯ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 794 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ พ.ศ. .... ร่างระเบียบว่าด้วยเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐโดยตำแหน่ง พ.ศ. .... และ ร่างระเบียบว่าด้วยเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ พ.ศ. .... | ยธ | 19/12/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สำหรับประธานกรรมการ ป.ป.ท. ให้ได้รับเงินเดือนในอัตรา ๖๒,๐๐๐ บาทต่อเดือน และเงินประจำตำหน่งในอัตรา ๔๒,๕๕๐ บาทต่อเดือน ส่วนกรรมการ ป.ป.ท. ให้ได้รับเงินเดือนในอัตรา ๖๑,๐๐๐ บาทต่อเดือน และเงินประจำตำแหน่งในอัตรา ๔๑,๕๐๐ บาทต่อเดือน และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของคณะรัฐมนตรี ความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติ เกี่ยวกับการพิจารณากำหนดอัตราเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งของคณะกรรมการ ป.ป.ท. ตามแนวทางมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๔๕ การกำหนดสิทธิและอัตราการได้รับเงินค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งสำหรับประธานกรรมการและกรรมการ ป.ป.ท. และการกำหนดสิทธิการได้รับเงินค่ารับรองของประธานกรรมการและกรรมการ ป.ป.ท. ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบว่าด้วยเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐโดยตำแหน่ง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของกรรมการ ป.ป.ท. โดยตำแหน่ง และร่างระเบียบว่าด้วยเบี้ยประชุม และประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดอัตราเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของอนุกรรมการ ป.ป.ท. รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สำหรับกรรมการโดยตำแหน่งตามร่างระเบียบว่าด้วยเงินประจำตำแหน่งฯ ให้ได้รับเงินประจำตำแหน่งในอัตรา ๔๑,๕๐๐ บาทต่อเดือน และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของคณะรัฐมนตรี กระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับความหมายของนิยามคำว่า “ค่ารับรอง” ตามร่างระเบียบว่าด้วยเงินประจำตำแหน่งฯ นั้น เนื่องจากกำหนดรายการค่าที่พักและค่ายานพาหนะดังกล่าวเป็นค่าใช้จ่ายที่ซ้ำซ้อนกับค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการที่กำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายไว้ตามพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการและระเบียบกระทรวงการคลังที่ออกตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวไว้แล้ว จึงสมควรตัดข้อความดังกล่าวออก ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณเสนอความเห็นเกี่ยวกับอัตราเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของอนุกรรมการ ป.ป.ท. ตามร่างระเบียบว่าด้วยเบี้ยประชุมฯ ที่เหมาะสมเพื่อประกอบการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา หากมีประเด็นที่ไม่สามารถตกลงได้ ให้ส่งเรื่องดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 795 | พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา จะเข้าดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและ ความยุติธรรมทางอาญา สมัยที่ 21 ในนามผู้แทนราชอาณาจักรไทย | ยธ | 29/11/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบเรื่องพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา จะเป็นผู้แทนประเทศไทยเข้าดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา (United Nations Commission on Crime Prevention and Criminal Justice - CCPCJ) สมัยที่ ๒๑ เริ่มปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่เดือนธันวาคม ๒๕๕๔ - ธันวาคม ๒๕๕๕ อันเป็นการยกระดับการดำเนินการทูตพหุภาคีอย่างสร้างสรรค์และสอดคล้องกับแนวนโยบายของรัฐบาล และเป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย ๑.๒ เห็นชอบให้หลักการให้กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงาน ก.พ. ร่วมกันพิจารณาถวายตำแหน่ง “เอกอัครราชทูต” ให้กับพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เป็นกรณีพิเศษ โดยยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องที่อาจไม่เอื้อต่อการแต่งตั้งก่อนที่จะได้รับมอบหมายให้เสด็จไปประจำการที่กรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย เพื่อปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวต่อไป ทั้งนี้ เพื่อให้มีตำแหน่ง และเอกสิทธิ์/ความคุ้มกันทางการทูตเทียบเท่าเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรแห่งประเทศไทยประจำสำนักงานสหประชาชาติ ณ กรุงเวียนนา พร้อมทั้งให้เร่งรัดดำเนินการโดยด่วน ๒. เห็นชอบการดำเนินการเพื่อสนับสนุนข้อเสนอของกระทรวงยุติธรรมเกี่ยวกับการพิจารณาถวายตำแหน่ง “เอกอัครราชทูต” ให้กับพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เป็นกรณีพิเศษตามความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ ทั้งนี้ ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๓ [เรื่อง มาตรการบริหารกำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. ๒๕๕๒ - ๒๕๕๖)] โดยให้กำหนดตำแหน่งเอกอัครราชทูต (นักบริหารการทูตระดับสูง) เพิ่มใหม่เป็นการชั่วคราวในกระทรวงการต่างประเทศ จำนวน ๑ ตำแหน่ง เพื่อเป็นการถวายพระเกียรติให้กับพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เป็นกรณีพิเศษ ในการปฏิบัติหน้าที่ประธาน CCPCJ สมัยที่ ๒๑ โดยมีเงื่อนไขว่า ให้ยุบเลิกตำแหน่งเมื่อสิ้นสุดภารกิจในเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ ตามความเห็นของสำนักงาน ก.พ. ๓. อนุมัติในหลักการให้เบิกค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการทรงปฏิบัติภารกิจและค่าใช้จ่ายในการดำเนินการที่เกี่ยวข้องจากงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเสด็จพระราชดำเนินและการต้อนรับประมุขต่างประเทศ และงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามที่กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณก่อนดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 796 | สรุปผลการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด (ในช่วงระหว่างวันที่ 11 กันยายน 2554 - 31 ตุลาคม 2554) | ยธ | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด ตามยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๕ ตั้งแต่เปิดแผนปฏิบัติการวันที่ ๑๑ กันยายน - ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด (ศพส.) เสนอ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินงานกองทุนแม่ของแผ่นดิน ดำเนินการจัดตั้งมูลนิธิกองทุนแม่ของแผ่นดิน และออกคำสั่ง เรื่อง แผนยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๔ รวมทั้งจัดประชุมสัมมนาหมู่บ้านและชุมชนศูนย์เรียนรู้กองทุนแม่ของแผ่นดิน จัดประชุมสัมมนาวิทยากรกระบวนการแกนนำกองทุนแม่ของแผ่นดิน ๒. ผลการดำเนินงานที่สำคัญด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ๒.๑ ผลการจับกุมคดียาเสพติดทั่วประเทศ ทั้งคดีผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย ครอบครองเพื่อจำหน่าย ครอบครอง เสพ และอื่น ๆ ห้วงวันที่ ๑ ตุลาคม - ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ มีผลการจับกุมทั่วประเทศ รวม ๑๕,๗๔๕ คดี ผู้ต้องหา ๑๗,๕๑๒ คน ๒.๒ มาตรการยึดทรัพย์สินนักค้ายาเสพติดทั่วประเทศ ห้วงวันที่ ๑๑ กันยายน - ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ จำนวน ๓๗๖ คดี มูลค่าทรัพย์สิน ๑๙๑.๗ ล้านบาท ๒.๓ ผลการบำบัดรักษาผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด ทั้งระบบสมัครใจ ระบบบังคับบำบัด และระบบต้องโทษ ห้วงวันที่ ๑๑ กันยายน - ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ มีผลการบำบัดรักษารวม ๑๕,๑๕๒ คน
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 797 | การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและการดำเนินงานตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล | ยธ | 22/11/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและการดำเนินงานตามนโยบายสำคัญของรัฐบาลเกี่ยวกับปัญหายาเสพติด ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) ได้รับมอบหมายตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๕๔ (เรื่อง การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและการดำเนินงานตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล) ตามที่กระทรวงยุติธรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) เสนอสรุปได้ ดังนี้
๑. การเปิดปฏิบัติการวาระแห่งชาติพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด เมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๔ เพื่อทำความเข้าใจและบูรณาการแนวความคิดตามยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์หลักในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดของรัฐบาล รวมทั้งเพื่อให้เกิดความเข้าใจในแนวทางปฏิบัติให้เป็นไปทิศทางเดียวกัน ๒. การประชุมศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ (ศพส.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๔ ซึ่งที่ประชุมฯ มีมติ ดังนี้ ๒.๑ เห็นชอบการขับเคลื่อนปฏิบัติการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด จำนวน ๔ ภารกิจ ได้แก่ ๒.๑.๑ การจัดตั้งกลไกการดำเนินงาน ประกอบด้วย ศพส. ระดับกระทรวง การจัดตั้งสำนักงาน ศพส. การจัดตั้งกลไกเฉพาะใน ๓ พื้นที่สำคัญ ได้แก่ ศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินฯ สกัดกั้นชายแดนภาคเหนือ ศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินฯ แก้ไขปัญหากรุงเทพมหานครและปริมณฑล และศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินฯ แก้ไขปัญหา ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ๒.๑.๒ การจัดทำแผนระดับต่าง ๆ รองรับปฏิบัติการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด ได้แก่ การบูรณาการประสานแผนส่วนกลาง จำนวน ๗ แผนงานหลัก การบูรณาการแผนและงบประมาณลงพื้นที่ และการให้สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยจัดประชุมชี้แจงแผนระดับจังหวัด ในวันที่ ๒๒ - ๒๓ กันยายน ๒๕๕๔ และให้จังหวัดจัดทำแผนปฏิบัติการฯ ภายในเดือนตุลาคม ๒.๑.๓ การเตรียมการรองรับการปฏิบัติ เช่น การคัดเลือกและอบรมชุดปฏิบัติการมวลชนระดับอำเภอ การจัดหาสถานที่จัดทำค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้เสพ ๑ อำเภอ : ๑ ค่าย การจัดชุดปฏิบัติการปราบปรามนักค้ารายสำคัญตามเป้าหมาย และการเตรียมห้อง Operation Room ของ ศพส. เป็นต้น ๒.๑.๔ การปฏิบัติการ ๖ เร่ง ระหว่างวันที่ ๑๖ กันยายน ถึงเดือนตุลาคม ๒๕๕๔ โดยให้ทุกจังหวัดเร่งหาข้อมูลผู้ค้า ผู้เสพ กลุ่มเสี่ยง/พื้นที่เสี่ยง และเร่งจัดค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้เสพ รวมทั้งให้จังหวัดป้องกัน กวดขันพื้นที่เสี่ยง กลุ่มเสี่ยง และปัจจัยเสี่ยงรอบสถานศึกษา ๒.๒ เห็นชอบแนวทางการดำเนินการปราบปรามยาเสพติดและบังคับใช้กฎหมาย แนวทางการดำเนินงานแก้ไขปัญหาผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด แนวทางการดำเนินงานสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันยาเสพติดในสถานศึกษา และการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลรองรับแผนปฏิบัติการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด ๓. การประชุมเชิงปฏิบัติการสกัดกั้นยาเสพติดพื้นที่ชายแดนภาคเหนือตอนบน เมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๔ เพื่อระดมความคิดเห็นในการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ และวิเคราะห์สถานการณ์ปัญหายาเสพติดร่วมกัน เพื่อบูรณาการการดำเนินงานให้เป็นเอกภาพโดยเฉพาะด้านการข่าว ส่วนแนวทางการแก้ไขปัญหา ได้แก่ การเน้นการสกัดกั้นตามแนวชายแดนที่เป็นพื้นที่ลักลอบนำเข้ายาเสพติด และสกัดกั้นสารตั้งต้นโดยใช้กลไกระดับอำเภอ โดยแผนบูรณาการระดับอำเภอดำเนินงานในพื้นที่ รวมทั้งเพิ่มและเสริมสร้างความเข้มแข็งของพลังแผ่นดินและพลังประชาชนที่อยู่เดิม ได้แก่ ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ให้มีส่วนในการสกัดกั้นโดยเฉพาะแหล่งข่าวภาคประชาชน ๔. การประชุมผู้นำชุมชนเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพมหานครตามแผนยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ เพื่อมอบนโยบายและชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดด้วยการใช้แผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพมหานครให้แก่หน่วยงานทั้งภาคราชการและประชาชนในชุมชนพื้นที่กรุงเทพมหานคร ๕. การประชุมกองบัญชาการตำรวจนครบาลและผู้บริหารสำนักงาน ป.ป.ส. เมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๔ เพื่อเร่งรัดแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และจัดทำแผนปฏิบัติการรองรับยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 798 | โครงการและกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 | ยธ | 15/11/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 799 | รายงานผลการดำเนินการเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชน เพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) | ยธ | 01/11/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานผลการดำเนินการเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) โดยกระทรวงยุติธรรมได้มีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร เพื่อขอความอนุเคราะห์ออกทะเบียนบ้านชั่วคราวให้กับผู้ชุมชนหมู่บ้านพิมาน เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร เพื่อใช้ในการขอมิเตอร์น้ำ ไฟฟ้า การศึกษาของบุตรธิดา และสิทธิขอรับสวัสดิการการรักษาพยาบาลของรัฐ ซึ่งต่อมาได้รับการประสานจากทางกรุงเทพมหานครอย่างไม่เป็นทางการว่า การขอออกทะเบียนบ้านของชุมชนหมู่บ้านพิมานฯ ไม่เป็นไปตามระเบียบสำนักทะเบียนกลางว่าด้วยการจัดทำทะเบียนราษฎร พ.ศ. ๒๕๕๓ (รวมฉบับแก้ไขเพิ่มเติมถึงฉบับที่ ๔ พ.ศ. ๒๕๕๔) ข้อ ๒๐ เนื่องจากเป็นการปลูกสร้างในที่ดินของบุคคลอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตซึ่งมีลักษณะเป็นการบุกรุก มิใช่เป็นการปลูกสร้างบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายอื่น ๆ การแจ้งขอออกทะเบียนชั่วคราวจึงเป็นการแจ้งที่มิชอบด้วยระเบียบฯ จึงไม่อาจดำเนินการออกทะเบียนบ้านชั่วคราวให้ได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 800 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. 2550 รวม 3 ฉบับ | ยธ | 01/11/2554 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๐ รวม ๓ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการปฏิบัติการอำพรางเพื่อการสืบสวนความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดคำนิยาม “ผู้ขออนุญาต” และ “ผู้มีอำนาจอนุญาต” และกำหนดให้การปฏิบัติทุกขั้นตอนตามกฎกระทรวงนี้เป็นเรื่องลับ รวมทั้งกำหนดลักษณะของการปฏิบัติการอำพราง ๑.๒ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาต ๑.๓ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการอนุญาต ๑.๔ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการดำเนินการต่าง ๆ เพื่อการสืบสวนความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติด ๒. ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการครอบครองและให้มีการครอบครองยาเสพติดภายใต้การควบคุมเพื่อการสืบสวนความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๒.๑ กำหนดคำนิยาม “ผู้ขออนุญาต” และ “ผู้มีอำนาจอนุญาต” และกำหนดให้การปฏิบัติทุกขั้นตอนตามกฎกระทรวงนี้เป็นเรื่องลับ ๒.๒ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาต ๒.๓ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการอนุญาต ๒.๔ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการดำเนินการต่าง ๆ เพื่อการสืบสวนความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติด ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดที่พนักงานสอบสวนต้องส่งสิ่งของที่อ้างว่าเป็นยาเสพติดและได้ยืดไว้ไปตรวจพิสูจน์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดที่พนักงานสอบสวนต้องส่งสิ่งของที่อ้างว่าเป็นยาเสพติดและได้ยึดไว้ไปให้ผู้ชำนาญการพิเศษตรวจพิสูจน์ โดยกำหนดจำนวนหรือน้ำหนักของแต่ละประเภทเป็น ๓ ประเภท คือ ยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ ยาเสพติดให้โทษประเภท ๒ และยาเสพติดให้โทษประเภท ๓
|
||||||||||||||||||||||||||||||
.....
