ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 36 จากทั้งหมด 97 หน้า แสดงรายการที่ 701 - 720 จากข้อมูลทั้งหมด 1930 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
701 | การจัดการประชุม The Bangkok Dialogue on the Rule of Law : Investing in the Rule of Law, Justice and Security for the Post-2015 Development Agenda | ยธ | 13/08/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุม The Bangkok Dialogue on the Rule of Law : Investing in the Rule of Law, Justice and Security for the Post-2015 Development Agenda ในวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้นำประเทศ นักวิชาการ และตัวแทนจากภาคประชาสังคม ได้ร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เกี่ยวกับหลักนิติธรรมและความเชื่อมโยงกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ เพื่อสร้างความตระหนักเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวทั้งในระดับประเทศและระดับระหว่างประเทศ และสร้างแรงผลักดันทางการเมืองในการพิจารณาให้ประเด็นเรื่องหลักนิติธรรมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของระเบียบวาระการพัฒนาของสหประชาชาติภายหลังปี ค.ศ. ๒๐๑๕ (the Post-2015 United Nations Development Agenda) โดยสมบูรณ์ ๑.๒ ให้หน่วยงานราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงการต่างประเทศให้การสนับสนุนกระทรวงยุติธรรมในการเตรียมการเพื่อจัดการประชุมฯ ๑.๓ ให้การสนับสนุนด้านงบประมาณในการจัดการประชุมฯ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่กำหนดไว้ ๒. เห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศให้การสนับสนุนในการเชิญผู้นำประเทศ/ผู้นำรัฐบาลที่มีบทบาทสำคัญในด้านหลักนิติธรรม (the Rule of Law) เข้าร่วมประชุมฯ ด้วย ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเพิ่มเติม
|
|||||||||||||||||||||||||||
702 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขายทอดตลาด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 06/08/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขายทอดตลาด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขายทอดตลาด พ.ศ. ๒๕๕๔ เพื่อปรับปรุงเรื่องคุณสมบัติของผู้เข้าเสนอราคา การจัดทำบัญชีรายชื่อผู้ไม่มีสิทธิเข้าเสนอราคา การวางหลักประกันก่อนเข้าเสนอราคา และการดำเนินการกับผู้เสนอราคาสูงสุดที่ไม่ชำระราคา ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
703 | การแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม | ยธ | 06/08/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการมอบหมายให้มีผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามความในมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ตามลำดับ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้ครอบคลุมถึงกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมด้วย ดังนี้
๑. พลตำรวจเอก ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี ๒. นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี
|
|||||||||||||||||||||||||||
704 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายสุชน ชาลีเครือ , นายปิติพงศ์ เต็มเจริญ) | ยธ | 25/07/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๒ ราย ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายสุชน ชาลีเครือ เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ๒. นายปิติพงศ์ เต็มเจริญ เป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
|
|||||||||||||||||||||||||||
705 | แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 154/2554 เรื่อง ยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ และปรับปรุงการจัดตั้งศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ | ยธ | 19/07/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๕๔/๒๕๕๔ เรื่อง ยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ โดยให้รองนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมาย เป็นผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ ๒. ปรับปรุงการจัดตั้งศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) เป็นผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ
|
|||||||||||||||||||||||||||
706 | รายงานผลการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านว่าด้วยความร่วมมือในการต่อต้านการลักลอบค้ายาเสพติด วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท และสารตั้งต้น | ยธ | 25/06/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศรายงานผลการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านว่าด้วยความร่วมมือในการต่อต้านการลักลอบค้ายาเสพติด วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท และสารตั้งต้น ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ส. ได้จัดพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจดังกล่าว เมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๕๖ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย และ H.E. Mr. Mostafa Mohammad Najjar รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และเลขาธิการสำนักงานควบคุมยาเสพติดแห่งสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน เป็นผู้ลงนามฝ่ายอิหร่าน โดยบันทึกความเข้าใจฯ ได้กำหนดขอบเขตที่สำคัญของความร่วมมือระหว่างคู่ภาคี ได้แก่
๑. การลดอุปทานและอุปสงค์ยาเสพติด ตลอดจนการปรับปรุงวิธีการบริหารจัดการ ๒. การดำเนินมาตรการร่วมในการกำจัดแหล่งที่มาของอุปทานยาเสพติดผิดกฎหมาย ๓. การประสานความร่วมมือในการปราบปรามการลักลอบผลิตและค้ายาเสพติดผิดกฎหมาย ตลอดจนความร่วมมืออย่างใกล้ชิดในเวทีระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ ๔. การแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับวิธีการตรวจค้นและจับกุมยาเสพติดที่มีการซุกซ่อนไว้ ๕. การแลกเปลี่ยนประสบการณ์และข้อสนเทศเกี่ยวกับวิธีการและแผนการของนักค้ายาเสพติด ๖. การแลกเปลี่ยนข้อสนเทศเกี่ยวกับเครือข่ายและบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือที่ถูกจับกุมในการลักลอบค้ายาเสพติดผิดกฎหมาย ตลอดจนเส้นทางใหม่ ๆ ในการลักลอบขนส่งยาเสพติด ๗. การนำเครื่องมือทางวิชาการใหม่ ๆ มาใช้ในการฝึกอบรมและการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการตรวจค้นและตรวจพิสูจน์ยาเสพติดผิดกฎหมาย ๘. การให้ข้อสนเทศเกี่ยวกับยาเสพติดรูปแบบใหม่ ๆ ๙. การแลกเปลี่ยนข้อสนเทศและประสบการณ์เกี่ยวกับแผนการด้านการศึกษาที่มีประสิทธิภาพสำหรับหน่วยงาน องค์การและบุคคลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรณรงค์ต่อต้านยาเสพติด ๑๐. การแลกเปลี่ยนข้อสนเทศและประสบการณ์เกี่ยวกับกฎหมายและแนวปฏิบัติทางการศาลในการต่อต้านการลักลอบค้ายาเสพติด ๑๑. การแลกเปลี่ยนข้อสนเทศและประสบการณ์เกี่ยวกับโครงการที่มีประสิทธิภาพสำหรับการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถสภาพผู้ติดยาเสพติด ๑๒. การแลกเปลี่ยนผลงานวิจัย สิ่งตีพิมพ์ด้านวิทยาศาสตร์ รายงานสิ่งตีพิมพ์พิเศษ ภาพยนตร์ และสื่อการศึกษาอื่น ๆ เกี่ยวกับการป้องกันการใช้ยาเสพติดในทางที่ผิดเพื่อเสริมสร้างความตระหนักให้แก่สาธารณชน ๑๓. สาขาอื่น ๆ ที่เป็นความกังวลร่วมกันในเรื่องยาเสพติด
|
|||||||||||||||||||||||||||
707 | ร่างพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 18/06/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่แก้ไขเพิ่มเติมจากร่างพระราชบัญญัติที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๓๔ ดังนี้ ๑.๑ ปรับปรุงบทกำหนดโทษกรณีความผิดฐานสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และกรณีผู้ใดไม่มาให้ถ้อยคำ ไม่ส่งคำชี้แจงเป็นหนังสือ หรือไม่ส่งบัญชีเอกสารหรือหลักฐานตามมาตรา ๒๕(๒) หรือขัดขวางหรือไม่ให้ความสะดวกตามมาตรา ๒๕(๓) หรือ (๔) ๑.๒ ปรับปรุงอำนาจในการอนุมัติการจับและการแจ้งข้อหาผู้กระทำความผิดตามมาตรา ๖ หรือมาตรา ๘ ต้องได้รับอนุมัติจากเลขาธิการก่อนหรือได้รับการพิจารณาอนุมัติจากพนักงานอัยการตำแหน่งตั้งแต่อัยการจังหวัดหรือเทียบเท่าขึ้นไป ๑.๓ ปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินและพนักงานเจ้าหน้าที่ ๑.๔ กำหนดหลักเกณฑ์ในการยึดหรืออายัดทรัพย์สินเมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดก่อนหรือหลังที่คณะกรรมการหรือเลขาธิการมีคำสั่งตรวจสอบทรัพย์สินตามมาตรา ๑๙ หรือก่อนที่คณะกรรมการหรือเลขาธิการมีคำสั่งยึดหรืออายัดทรัพย์สินตามมาตรา ๒๒ ๑.๕ ปรับปรุงอำนาจของข้าราชการตำรวจตำแหน่งตั้งแต่สารวัตรหรือเทียบเท่าขึ้นไปและเจ้าพนักงานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดซึ่งเป็นผู้ค้นตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องพบสิ่งของที่มีพยานหลักฐานตามสมควรว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดประกอบกับมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าสิ่งของรายใดอาจมีการยักย้าย ซุกซ่อน มีอำนาจยึดสิ่งของดังกล่าวไว้เพื่อการตรวจสอบทรัพย์สิน ทั้งนี้ ในกรณีจำเป็นเร่งด่วน ๑.๖ ปรับปรุงระยะเวลาในการยื่นคำร้องเพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตกเป็นของกองทุนและระยะเวลาในการยื่นคำร้องเพิ่มเติม รวมทั้งกำหนดให้พนักงานอัยการยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อไต่สวนทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในกรณีที่ผู้ต้องหาหรือจำเลยหลบหนีหรือถึงแก่ความตาย และให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของกองทุน ๑.๗ ปรับปรุงหลักเกณฑ์การยื่นคำร้องเพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตกเป็นของกองทุนและกำหนดให้การยึดหรืออายัดทรัพย์สินของผู้ต้องหาหรือจำเลยรายนั้น รวมทั้งทรัพย์สินของผู้อื่นที่ได้ยึดหรืออายัดไว้เนื่องจากเกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดของผู้ต้องหาหรือจำเลยรายนั้นสิ้นสุดลง กรณีปรากฏตามคำพิพากษาอันถึงที่สุดในคดีนั้นว่าข้อเท็จจริงฟังเป็นที่ยุติว่าจำเลยมิได้เป็นผู้กระทำความผิดหรือการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด ๑.๘ กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอให้ศาลสั่งอนุญาตให้นำทรัพย์สินตามมาตรา ๓๐ ออกขายทอดตลาดหรือไปใช้เพื่อประโยชน์ของทางราชการไปพลางก่อน ก่อนที่ทรัพย์สินตามมาตรา ๓๐ ตกเป็นของกองทุน และการประเมินราคาทรัพย์สิน ค่าเสียหาย หรือค่าเสื่อมสภาพของทรัพย์สิน ๑.๙ ให้ทรัพย์สินของกองทุนรวมถึงทรัพย์สินที่ตกเป็นของกองทุนตามมาตรา ๒๙ และมาตรา ๓๐/๒ ๑.๑๐ แก้ไขผู้รับรายงานงบดุลและรายงานการรับจ่ายเงินของกองทุนจากคณะรัฐมนตรีเป็นรัฐมนตรี ๒. ให้รับข้อสังเกตของสำนักงานศาลยุติธรรมเกี่ยวกับการให้คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินมีอำนาจในการวินิจฉัยว่าทรัพย์สินใดของผู้ต้องหาหรือผู้อื่นเป็นทรัพย์สินที่จะมีการนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด หรือใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตามมาตรา ๓๐/๒ วรรคสี่หรือไม่ การให้คณะกรรมการสามารถมอบหมายให้อนุกรรมการวินิจฉัยทรัพย์สินวินิจฉัยว่าทรัพย์สินใดเกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดหรือไม่ และการให้อำนาจของคณะกรรมการ อนุกรรมการ เลขาธิการและพนักงานเจ้าหน้าที่ในการค้นในเคหสถาน หรือสถานที่ใด ๆ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
708 | ขอต่อเวลาการดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรม (นักบริหารระดับสูง) (กระทรวงยุติธรรม) (นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์) | ยธ | 04/06/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของนายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรม ต่อไปอีก ๑ ปี (ครั้งที่ ๒) ตั้งแต่วันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
709 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ และพันโท เอนก ยมจินดา) | ยธ | 21/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอนและแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง สังกัดกระทรวงยุติธรรม จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. แต่งตั้งคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. รับโอนพันโท เอนก ยมจินดา รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์
|
|||||||||||||||||||||||||||
710 | ร่างแถลงการณ์เนปิดอว์เรื่องความร่วมมือด้านการควบคุมยาเสพติดของประเทศในอนุภูมิภาค 6 ประเทศ | ยธ | 07/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์เนปิดอว์เรื่องความร่วมมือด้านการควบคุมยาเสพติดของประเทศในอนุภูมิภาค ๖ ประเทศ มีสาระสำคัญเป็นการยืนยันถึงความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกในการที่จะควบคุมปัญหายาเสพติด ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๒. อนุมัติให้กระทรวงยุติธรรมพิจารณาแก้ไขปรับปรุงแถลงการณ์ฯ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย หากมีความจำเป็น โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบอีกครั้ง และกรณีที่ต้องมีการลงนามรับรองแถลงการณ์ฉบับนี้ ให้เป็นดุลพินิจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมที่จะพิจารณาดำเนินการภายในกรอบของร่างแถลงการณ์ดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||||||||
711 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีออกตามความในมาตรา 13 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2519 รวม 2 ฉบับ | ยธ | 07/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงยุติธรรมรับร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เรื่อง กำหนดประเภทสถานประกอบการที่อยู่ภายใต้บังคับของมาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานประกอบการ และร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เรื่อง กำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานประกอบการ รวม ๒ ฉบับ ไปหารือร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยให้มีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนตามวัตถุประสงค์ของร่างประกาศดังกล่าว และคำนึงถึงผลกระทบต่อผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายในทางปฏิบัติด้วย แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||
712 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (กระทรวงยุติธรรม) (พลตำรวจเอก พงศพัศ พงษ์เจริญ) | ยธ | 30/04/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งพลตำรวจเอก พงศพัศ พงษ์เจริญ ข้าราชการตำรวจ ตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กระทรวงยุติธรรม อีกตำแหน่งหนึ่ง มีกำหนดระยะเวลา ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๐ เมษายน ๒๕๕๖) อนุมัติให้แต่งตั้ง ตามนัยมาตรา ๑๑ (๕) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ทั้งนี้ ให้พลตำรวจเอก พงศพัศ พงษ์เจริญ ยังคงดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอยู่ต่อไป โดยให้นับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งต่อเนื่อง และยังคงเป็นกรรมการข้าราชการตำรวจโดยตำแหน่ง ส่วนกรณีเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ อันพึงมีพึงได้ ให้กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาร่วมกันต่อไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
713 | แผนแม่บทโครงการขยายผลโครงการหลวงเพื่อแก้ปัญหาพื้นที่ปลูกฝิ่นอย่างยั่งยืน ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2557 - พ.ศ. 2561) | ยธ | 26/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ในการประชุมครั้งที่ ๖/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๖ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) เสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการดำเนินงานตามแผนแม่บทโครงการขยายผลโครงการหลวงเพื่อแก้ปัญหาพื้นที่ปลูกฝิ่นอย่างยั่งยืน ระยะที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๕) และเห็นชอบแผนแม่บทโครงการขยายผลโครงการหลวงเพื่อแก้ปัญหาพื้นที่ปลูกฝิ่นอย่างยั่งยืน ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๑) เพื่อสอดรับผลการดำเนินงานตามแผนแม่บทฯ ระยะที่ ๑ โดยอาศัยหลักการของการนำกรอบแนวคิดการดำเนินงานตามแนวทางของโครงการหลวงและหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ประกอบด้วย การพัฒนาอาชีพและรายได้บนพื้นฐานความรู้ การเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนและการสนับสนุนการเรียนรู้จากโครงการหลวง การจัดการเชิงพื้นที่ในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน และยึดถือกรอบนโยบายรัฐบาลด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเป็นแนวทางในการดำเนินงาน โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาชุมชนเป้าหมายและชุมชนข้างเคียงที่ได้รับผลกระทบหรือสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาการแพร่ระบาดของฝิ่นและยาเสพติดชนิดต่าง ๆ ครอบคลุม ๑๒๖ หมู่บ้าน ใน ๑๘ ตำบล ๗ อำเภอ ของ ๓ จังหวัดภาคเหนือตอนบน ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน และตาก ประชากรที่จะได้รับประโยชน์และมีส่วนร่วมในการพัฒนา จำนวน ๒๖,๗๐๗ คน ๕,๔๙๓ ครัวเรือน ๕ ชนเผ่า คือ กะเหรี่ยง ลีซอ มูเซอ ม้ง และจีนฮ่อ ๑.๒ เห็นชอบในหลักการกรอบวงเงินงบประมาณเพื่อดำเนินการตามแผนแม่บทฯ ระยะที่ ๒ ตามที่ศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติเสนอ ในวงเงิน ๑,๘๗๕,๐๕๖,๒๖๐ บาท เพื่อให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการจัดทำคำของบประมาณประจำปี ภายใต้ชื่อรายการ “โครงการขยายผลโครงการหลวงเพื่อแก้ปัญหาพื้นที่ปลูกฝิ่นอย่างยั่งยืน” เสนอต่อสำนักงบประมาณเพื่อพิจารณารายละเอียดความเหมาะสมของแผนงานโครงการ เหตุผลความจำเป็น และความพร้อมในการดำเนินงาน ตามกระบวนการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ เป็นต้นไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) รับไปบูรณาการแผนงานโครงการต่าง ๆ ที่อยู่ในพื้นที่โครงการขยายผลโครงการหลวงเพื่อแก้ปัญหาพื้นที่ปลูกฝิ่นอย่างยั่งยืน ระยะที่ ๒ ร่วมกับสำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การจัดสรรงบประมาณไม่เกิดความซ้ำซ้อนและเป็นประโยชน์สูงสุดและให้กระทรวงพาณิชย์สนับสนุนด้านการตลาดและระบบโลจิสติกส์เชื่อมโยงระบบทั้งในและนอกพื้นที่โครงการฯ |
|||||||||||||||||||||||||||
714 | การแต่งตั้งผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) ของกระทรวงยุติธรรม (นางสุวณา สุวรรณจูฑะ) | ยธ | 19/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งนางสุวณา สุวรรณจูฑะ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภาของกระทรวงยุติธรรม ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
715 | รายงานการประเมินผลสัมฤทธิ์การดำเนินงานตามแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 2 (ช่วงครึ่งแผน) ประจำปี พ.ศ. 2552 - 2554 | ยธ | 19/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบรายงานการประเมินผลสัมฤทธิ์การดำเนินงานตามแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ ๒ (ช่วงครึ่งแผน) ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๒-๒๕๕๔ ซึ่งมีความสำเร็จจากการดำเนินงานตามแผนสิทธิมนุษยชนฯ ใน ๒ ประเด็นสำคัญ คือ ประเด็นแรก สังคมไทยเริ่มเห็นความสำคัญของการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ตามหลักสิทธิมนุษยชนและรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมีแนวโน้มดีขึ้น และประเด็นที่สอง เครือข่ายสิทธิมนุษยชนเข้มแข็งในทุกภูมิภาคและมีความตื่นตัวในเรื่องสิทธิมนุษยชน เพื่อพัฒนาสู่มาตรฐานสากลยังไม่บรรลุในช่วงครึ่งแผนแรก (พ.ศ. ๒๕๕๒-๒๕๕๔) โดยยังประสบปัญหาในหลายประการ ทั้งปัญหาการขาดความรู้ ความเข้าใจในเรื่องสิทธิมนุษยชน การจัดการความรู้ การถอดบทเรียนการปฏิบัติที่ดีด้านสิทธิมนุษยชน และการใช้ประโยชน์ในการปรับแผนงานของหน่วยงานตนเองและการถ่ายทอดให้กับผู้อื่น รวมทั้งการวิจัยในเรื่องสิทธิมนุษยชนที่มีค่อนข้างน้อยมาก ๑.๒ ให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องนำผลการศึกษาการประเมินผลสัมฤทธิ์การดำเนินงานตามแผนสิทธิมนุษยชนฯ ไปดำเนินการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการขับเคลื่อนแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตลอดจนภารกิจที่ท้าทายที่จะต้องดำเนินการที่สอดคล้องและเชื่อมโยงกับนโยบายรัฐบาลผลักดันเรื่อง “สิทธิมนุษยชน” ควบคู่กับการดำเนินงานตามภารกิจของตนเองในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ดียิ่งขึ้น ๒. ให้กระทรวงยุติธรรม (กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรมีแผนในการขับเคลื่อนเรื่องสิทธิมนุษยชนเพื่อให้หน่วยงานปฏิบัติที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนมีความรู้ ความเข้าใจเรื่องสิทธิมนุษยชนทั้งสิทธิของตนเองและการไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่นอย่างจริงจัง รวมทั้งให้ทุกภาคส่วนช่วยกันรณรงค์เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ ตลอดจนให้ความสำคัญในการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนให้กับประชาชนเพิ่มมากขึ้นทั้งในระดับท้องถิ่น ชุมชน ขยายสู่ระดับภูมิภาค และระดับประเทศ นอกจากนี้ ในขั้นปฏิบัติหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพิจารณาดำเนินการผลักดันเรื่องสิทธิมนุษยชนให้สอดคล้องและเชื่อมโยงกับนโยบายของรัฐบาล เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
716 | การเช่ารถยนต์เพื่อใช้ในภารกิจของกรมคุมประพฤติ | ยธ | 27/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมคุมประพฤติเช่ารถยนต์บรรทุกแบบตู้โดยสารปรับอากาศ (เบนซิน) ขนาด ๑๕ ที่ นั่ง พร้อมติดตั้งอุปกรณ์ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (เอ็นจีวี) จำนวน ๙๓ คัน ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐ รวม ๕ ปี ตามนัยมาตรา ๒๓ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ในอัตราค่าเช่ารถยนต์ ๓๓,๙๐๐ บาทต่อคันต่อเดือน รวมเป็นเงิน ๑๗๐,๒๔๕,๘๐๐ บาท ซึ่งกระทรวงการคลังให้ความเห็นชอบอัตราค่าเช่าแล้ว โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๗ ให้ใช้จ่ายจากเงินดอกเบี้ยอันเกิดจากเงินกลางของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาค่าใช้จ่ายเงินดอกเบี้ยอันเกิดจากเงินกลางของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรมได้อนุมัติไว้แล้ว จำนวน ๓๕,๗๘๑,๑๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๑๓๔,๔๖๔,๗๐๐ บาท ให้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๐ และให้กระทรวงยุติธรรมจัดสรรเงินดอกเบี้ยอันเกิดจากเงินกลางของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรมมาสมทบเพื่อการเช่ารถยนต์ดังกล่าวในสัดส่วนร้อยละ ๑๐ ของวงเงินส่วนที่เหลือต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
717 | การขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขอขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันค่าก่อสร้างอาคารที่ทำการกระทรวงยุติธรรม พร้อมส่วนประกอบ | ยธ | 27/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างอาคารที่ทำการกระทรวงยุติธรรม พร้อมส่วนประกอบ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ เป็นเงิน ๑,๕๐๒,๕๒๐,๐๐๐ บาท โดยปรับลดงานครุภัณฑ์ประกอบอาคารดังกล่าว ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ส่วนการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๑๒๒,๑๑๐,๐๐๐ บาท ซึ่งเป็นรายการที่กระทรวงยุติธรรมได้รับอนุมัติให้ขยายเวลาเบิกจ่ายเงินถึงสิ้นเดือนมีนาคม ๒๕๕๖ แล้ว หากไม่สามารถเบิกจ่ายเงินดังกล่าวได้ทันภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้กระทรวงยุติธรรมขอทำความตกลงขอขยายระยะเวลาเบิกจ่ายเงินผ่านระบบ GFMIS ภายในรอบระยะเวลาเดือนมีนาคม ๒๕๕๖ ตามนัยหนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนที่สุด ที่ กค ๐๔๐๖.๖/ว ๑๐๔ ลงวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๕ เรื่อง การกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีและ/หรือการขยายเวลาเบิกจ่ายเงินผ่านระบบ GFMIS ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ เมื่อการก่อสร้างอาคารที่ทำการกระทรวงยุติธรรมแล้วเสร็จ หากกระทรวงยุติธรรมประสงค์จะยกเลิกการใช้พื้นที่ภายในโครงการศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ ก็ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) รับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดทำแผนการใช้ประโยชน์ในพื้นที่โครงการศูนย์ราชการฯ ในภาพรวมให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งเพื่อเตรียมการป้องกันผลกระทบกรณีหน่วยงานต่าง ๆ ขอยกเลิกการใช้พื้นที่ภายในโครงการศูนย์ราชการฯ ทั้งนี้ ให้สำนักงบประมาณรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการเช่าอาคารหรือสถานที่ที่ใช้เป็นที่ทำการของหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อประกอบการพิจารณาจัดทำแผนในเรื่องนี้ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
718 | บรรจุผู้ไปปฏิบัติงานตามมติคณะรัฐมนตรีกลับเข้ารับราชการ (กระทรวงยุติธรรม) (นายพสิษฐ์ อัศววัฒนาพร) | ยธ | 19/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้นายพสิษฐ์ อัศววัฒนาพร ซึ่งได้ออกจากราชการเพื่อไปปฏิบัติงานตามมติคณะรัฐมนตรีในตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย สำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ตั้งแต่วันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๕ กลับเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งที่ปรึกษาด้านกฎหมาย (นิติกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นตำแหน่งประเภทเดิม ระดับเดิม และสายงานเดิมก่อนออกจากราชการเพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ตามมติคณะรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
719 | ร่างพระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 12/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา พ.ศ. ๒๕๓๕ ดังนี้
๑. แก้ไขเพิ่มเติมเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจดำเนินการตามคำร้องขอความช่วยเหลือจากต่างประเทศ ๒. กำหนดให้ผู้ประสานงานกลางมีอำนาจส่งข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำความผิดหรือทรัพย์สินใดไปให้ต่างประเทศเพื่อประโยชน์ในการสืบสวนสอบสวน การฟ้องคดี หรือการพิจารณาคดีในศาลแม้ประเทศนั้นยังมิได้ร้องขอ ๓. แก้ไขเพิ่มเติมให้ศาลส่งบันทึกคำเบิกความของพยาน รวมทั้งพยานหลักฐานอื่นในสำนวนไปยังพนักงานอัยการผู้ยื่นคำร้องเพื่อส่งให้เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจดำเนินการต่อไป ๔. แก้ไขเพิ่มเติมกระบวนการการค้น อายัด หรือยึดทรัพย์สินเพื่อประโยชน์ในการรวบรวมพยานหลักฐาน และเพื่อประโยชน์ชั้นที่สุดในการริบทรัพย์สิน หรือในการบังคับบุคคลใดให้ชำระเงินแทนการริบทรัพย์สินในกรณีที่ศาลต่างประเทศยังไม่มีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้อายัดหรือยึดทรัพย์สินนั้น แม้ว่าการกระทำความผิดอันเป็นเหตุให้มีการค้น อายัด หรือยึดจะมิได้เกิดขึ้นในราชอาณาจักร ๕. แก้ไขเพิ่มเติมการโอนบุคคลซึ่งถูกคุมขังให้ครอบคลุมถึงการโอนบุคคลซึ่งถูกคุมขังเพื่อช่วยเหลือในการดำเนินคดีทั้งชั้นเจ้าพนักงานและชั้นศาล ๖. กำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินการกรณีที่ได้รับคำร้องขอความช่วยเหลือจากต่างประเทศ ให้บุคคลซึ่งถูกควบคุมโดยประเทศผู้ร้องขอหรือประเทศที่สามเดินทางผ่านประเทศไทยเพื่อช่วยเหลือในการดำเนินคดีชั้นเจ้าพนักงานหรือชั้นศาลในประเทศผู้ร้องขอ ๗. แก้ไขเพิ่มเติมการริบหรือยึดทรัพย์สินให้ครอบคลุมการอายัดทรัพย์สินและการบังคับชำระเงินแทนการริบทรัพย์สินตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลต่างประเทศ ๘. กำหนดให้ถือว่าบรรดาพยานหลักฐาน เอกสาร และข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้มาตามกฎหมายนี้เป็นพยานหลักฐานและเอกสารที่รับฟังได้ตามกฎหมาย |
|||||||||||||||||||||||||||
720 | รายงานสถานะปัจจุบันในการดำเนินงานตามอนุสัญญาต่อต้านการทรมาน และการประติบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรี | ยธ | 12/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานะปัจจุบันในการดำเนินงานตามอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการประติบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรี ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยผลจากการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาฯ ทำให้ประเทศไทยมีพันธกรณีที่จะต้องดำเนินการ ๔ ประการ ดังนี้
๑. การประกันให้เกิดสิทธิตามอนุสัญญาฯ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ดำเนินการศึกษาและยกร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา พ.ศ. .... เพื่อปรับแก้ให้กฎหมายภายในประเทศมีความสอดคล้องกับอนุสัญญาฯ โดยกำหนดให้ความผิดฐานทรมานเป็นความผิดเฉพาะที่สามารถลงโทษได้ตามกฎหมายอาญา ปัจจุบันร่างพระราชบัญญัติทั้ง ๒ ฉบับ ได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการพัฒนากฎหมายของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และคณะกรรมการพัฒนากฎหมายของกระทรวงยุติธรรมแล้ว และอยู่ระหว่างประมวลเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา ๒. การปฏิบัติให้เกิดสิทธิตามอนุสัญญาฯ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำหลักสูตรฝึกอบรมวิทยากรและหลักสูตรเผยแพร่หลักการและสาระสำคัญของอนุสัญญาฯ โดยส่งมอบให้หน่วยงานต่าง ๆ นำไปเผยแพร่ให้กับบุคลากรในสังกัดเพื่อนำไปปรับใช้ในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงกลาโหม และกรมราชทัณฑ์ ได้จัดฝึกอบรมเกี่ยวกับอนุสัญญาฯ ให้กับบุคลากรในสังกัด รวมทั้งได้มีหนังสือเวียนกำชับไม่ให้บุคลากรดำเนินการขัดต่อหลักการของอนุสัญญาฯ ๓. การเผยแพร่หลักการของอนุสัญญาฯ อย่างกว้างขวาง กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพได้ดำเนินการเผยแพร่หลักการและสาระสำคัญของอนุสัญญาฯ ให้แก่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งในรูปแบบของสื่อ เช่น หนังสือ แผ่นพับ และการจัดฝึกอบรม ประชุม สัมมนา โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ได้จัดการฝึกอบรมความรู้เกี่ยวกับอนุสัญญาฯ ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง ๙ ภูมิภาค เนื่องจากเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญตามอนุสัญญาฯ ๔. การจัดทำรายงานประเทศตามอนุสัญญาฯ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจัดทำรายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาฯ โดยได้รายงานผลการดำเนินงานฯ ฉบับสมบูรณ์ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษแล้ว และคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๕๕ เห็นชอบรายงานผลการดำเนินงานดังกล่าว จึงได้ส่งรายงานผลการดำเนินงานฯ ให้แก่กระทรวงการต่างประเทศเพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการต่อต้านการทรมานขององค์การสหประชาชาติเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะมีกำหนดเดินทางไปนำเสนอรายงานด้วยวาจา ณ สำนักงานองค์การสหประชาชาติ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ในช่วงเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๗
|
.....