ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 36 จากทั้งหมด 97 หน้า แสดงรายการที่ 701 - 720 จากข้อมูลทั้งหมด 1937 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 701 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 17/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติ ในส่วนของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จากเดิมที่กำหนดให้มีจำนวนไม่เกิน ๑๒ คน เป็นให้มีจำนวนไม่เกิน ๑๕ คน และให้ขยายระยะเวลาการใช้บังคับระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรม พ.ศ. ๒๕๕๔ อีก ๒ ปี จากเดิมที่กำหนดระยะเวลาใช้บังคับไว้ ๒ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ ซึ่งจะสิ้นสุดการใช้บังคับในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาโดยด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. อนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของคณะกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติในส่วนที่จะต้องดำเนินการในปี ๒๕๕๗ โดยให้สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรมขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณโดยตรง สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะต้องใช้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความเหมาะสมและจำเป็นต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||
| 702 | ข้อเสนอแนะ "แนวทางที่จะสร้างความปรองดองของคนในชาติ" | ยธ | 17/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะ “แนวทางที่จะสร้างความปรองดองของคนในชาติ” ของศาสตราจารย์ อุกฤษ มงคลนาวิน ประธานกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติเสนอ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการตามข้อเสนอแนะฯ ดังนี้
๑. หลักนิติธรรม การออกกฎหมาย การใช้การบังคับใช้กฎหมาย การตีความกฎหมายและการดำเนินการในกระบวนการยุติธรรมต้องอยู่ภายใต้หลักนิติธรรม หรือกฎหมายต้องไม่ขัดต่อหลักนิติรัฐหรือนิติธรรม หากกฎหมายใดขัดต่อหลักดังกล่าวจำเป็นที่จะต้องยกเลิกและแก้ไขปรับปรุงให้เป็นไปตามหลักนิติธรรม หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๒. หลักความยุติธรรม กระบวนการยุติธรรมหรือการบังคับใช้กฎหมายตามหลักนิติธรรมที่ให้ความเป็นธรรมอย่างเท่าเทียม ซึ่งสังคมไทยมีปัญหาที่สำคัญ คือ ปัญหาความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมและปัญหาประสิทธิภาพของกระบวนการยุติธรรม โดยมีสาเหตุจากระบบกฎหมายไทยนำโทษทางอาญามาใช้เกินความจำเป็น การเน้นวิธีการลงโทษทางอาญาด้วยการจำคุก และปัญหาจากการกำหนดโทษปรับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ๓. หลักเมตตาธรรม เป็นหลักการอีกประการหนึ่งที่จะช่วยสร้างความสามัคคีปรองดองของคนในชาติได้ โดยเฉพาะหากศาลยุติธรรมหรือหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมซึ่งเป็นองค์กรที่มีบทบาทสำคัญยิ่งในการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน จะได้ทบทวนแนวทางในการบังคับใช้กฎหมายด้วยการยึดมั่นในหลักความยุติธรรม ความเสมอภาค และคำนึงถึงสิทธิผู้ต้องหาและจำเลยในคดีอาญา โดยเฉพาะการใช้ดุลพินิจเพื่อปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลยที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดโดยเฉพาะการกระทำความผิดซึ่งไม่ได้เป็นอาชญากรรมแต่เกิดจากความคิดเห็นทางการเมืองแตกต่างกัน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 703 | สรุปผลการประชุมระดับรัฐมนตรีภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจ 7 ฝ่ายฯ | ยธ | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมระดับรัฐมนตรีภายใต้กรอบความร่วมมือ ๗ ฝ่าย เพื่อการควบคุมยาเสพติดในอนุภูมิภาคระหว่าง ราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ราชอาณาจักรไทย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และสำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime : UNODC) ระหว่างวันที่ ๗-๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ณ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยมีผลการประชุมที่สำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมระดับรัฐมนตรีได้ให้การรับรองผลการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสซึ่งได้จัดขึ้นก่อนหน้าการประชุมระดับรัฐมนตรี (ระหว่างวันที่ ๖-๗ พฤษภาคม ๒๕๕๖) ณ กรุงย่างกุ้ง โดยมีผลการประชุมที่สำคัญ ได้แก่ ๑.๑ ที่ประชุมรับทราบสถานการณ์ยาเสพติดที่เปลี่ยนแปลงในประเทศภาคีบันทึกความเข้าใจ ๑.๒ ที่ประชุมรับทราบการดำเนินงานภายใต้แผนปฏิบัติการในอนุภูมิภาคในสาขาการลดอุปสงค์ยาเสพติด ยาเสพติดและเอชไอวี/เอดส์ การพัฒนาทางเลือกที่ยั่งยืน การปราบปรามยาเสพติด และความร่วมมือระหว่างประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม โดยให้ขยายระยะเวลาของแผนปฏิบัติการในอนุภูมิภาค ฉบับที่ ๘ ให้ครอบคลุมถึงปี พ.ศ. ๒๕๕๗ และในระหว่างนี้ให้มีการพิจารณาทบทวนและปรับแผนปฏิบัติการฯ ฉบับที่ ๘ ให้สอดคล้องกับการดำเนินงานและสภาพปัญหายาเสพติดในปัจจุบันและจัดทำเป็นแผนปฏิบัติการในอนุภูมิภาคเพื่อการควบคุมยาเสพติดฉบับที่ ๙ เพื่อเสนอต่อที่ประชุมระดับรัฐมนตรีครั้งต่อไปในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อให้ความเห็นชอบ ๑.๓ ที่ประชุมเห็นชอบกับการพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนให้ยังคงดำเนินการต่อไปและให้จัดทำโครงการพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนขึ้นใหม่เพื่อทดแทนโครงการเดิมคือ โครงการ H15 ซึ่งจะสิ้นสุดการดำเนินงานในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ และพัฒนารูปแบบการนำเสนอเพื่อดึงดูดความสนใจของประเทศผู้ให้ ๑.๔ ที่ประชุมได้หารือถึงอนาคตของความร่วมมือในกรอบบันทึกความเข้าใจ ๗ ฝ่ายฯ และแผนปฏิบัติการในอนุภูมิภาคว่าด้วยการควบคุมยาเสพติด โดย UNODC เสนอให้มีการเชื่อมโยงแผนงานความร่วมมือในระดับภูมิภาคของ UNODC (UNODC Regional Programme) กับแผนปฏิบัติการในอนุภูมิภาคว่าด้วยการควบคุมยาเสพติด โดยจะร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด จัดการประชุมหารือเพื่อยกร่างแผนงานความร่วมมือดังกล่าวในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๖ ณ กรุงเทพมหานคร ๑.๕ ที่ประชุมเห็นชอบให้เสนอร่างปฏิญญาเนปิดอว์ที่ได้มีการปรับแก้ไขในบางประเด็นเพื่อให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้นแต่ไม่กระทบเนื้อหาของร่างเดิมต่อที่ประชุมระดับรัฐมนตรีเพื่อให้มีการลงนามเพื่อเป็นการยืนยันเจตนารมณ์ที่จะดำเนินความร่วมมือร่วมกันในกรอบบันทึกความเข้าใจ ๗ ฝ่ายฯ และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ ๒๐ ปีของความร่วมมือในกรอบบันทึกความเข้าใจ ๗ ฝ่ายฯ ๑.๖ ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการจัดกิจกรรมเพื่อเฉลิมฉลองความร่วมมือครบรอบ ๒๐ ปีของความร่วมมือในกรอบบันทึกความเข้าใจ ๗ ฝ่ายฯ ในลักษณะของการจัดกิจกรรมพิเศษคู่ขนาน (Side Event) ในระหว่างการประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด สมัยที่ ๕๗ ในเดือนมีนาคม ๒๕๕๗ ๑.๗ ประเทศไทยเสนอให้มีการพัฒนาระบบการตรวจพิสูจน์คุณลักษณะสารเสพติดประเภท ATS เพื่อค้นหาแหล่งที่มาของสารเสพติด การพัฒนาหลักสูตรการปราบปรามยาเสพติดทางคอมพิวเตอร์ การสร้างความสอดคล้องทางด้านกฎหมายระหว่างประเทศ การสัมมนาระหว่างประเทศเพื่อพัฒนากระบวนการยุติธรรมอย่างเป็นระบบ การเป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านการพัฒนาทางเลือก และการจัดการสัมมนาด้านการพัฒนาทางเลือก ๑.๘ สาธารณรัฐประชาชนจีนรับที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสครั้งต่อไปในปี ค.ศ. ๒๐๑๔ (พ.ศ. ๒๕๕๗) ๒. ที่ประชุมระดับรัฐมนตรีได้ให้การรับรองร่างแถลงการณ์เนปิดอว์ ซึ่งมีเนื้อหายืนยันเจตนารมณ์ของการร่วมมือกันแก้ไขปัญหายาเสพติดในอนุภูมิภาคภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจ ๗ ฝ่ายฯ และแผนปฏิบัติการในอนุภูมิภาคเพื่อการควบคุมยาเสพติด ฉบับที่ ๘ ซึ่งได้ขยายระยะเวลาให้ครอบคลุม ปี ค.ศ. ๒๐๑๔ (พ.ศ. ๒๕๕๗) โดยจะครอบคลุมการดำเนินงานใน ๕ สาขา ได้แก่ การปราบปรามยาเสพติด การลดอุปสงค์ยาเสพติดและการบำบัดรักษา การป้องกันยาเสพติดและเอชไอวีที่เป็นผลจากการใช้ยาเสพติด การพัฒนาทางเลือกที่ยั่งยืน การเสริมสร้างความร่วมมือทางด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมระหว่างประเทศ ๓. สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีครั้งต่อไปในปี ค.ศ. ๒๐๑๕ (พ.ศ. ๒๕๕๘)
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 704 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการลงทัณฑ์แก่เด็กและเยาวชน พ.ศ. .... | ยธ | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการลงทัณฑ์แก่เด็กและเยาวชน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการในการลงทัณฑ์แก่เด็กและเยาวชน ที่ละเมิดกฎหมาย ประพฤติชั่ว หรือกระทำผิดวินัย ที่อยู่ในความควบคุมของสถานพินิจ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 705 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | ยธ | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงยุติธรรม โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๕๔,๓๕๗,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าตอบแทนผู้เสียหาย ค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญาเฉพาะรายการค่าใช้จ่ายที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งมีการแจ้งคำวินิจฉัยและมีผู้มาแสดงตนเพื่อขอรับเงินตามสิทธิแล้ว ณ วันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๕๖ จำนวน ๑,๐๘๐ ราย สำหรับค่าใช้จ่ายรายการดังกล่าวที่จะเกิดขึ้นภายหลังจากวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ตลอดจนค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องนั้น ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ที่สำนักงบประมาณได้เสนอตั้งงบประมาณรองรับไว้แล้ว จำนวน ๒๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 706 | ขอต่อเวลาการดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหารระดับสูง) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (กระทรวงยุติธรรม) (นายธาริต เพ็งดิษฐ์) | ยธ | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งดำรงตำแหน่งดังกล่าวเมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๒ จะครบกำหนด ๔ ปี ในวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๖ ต่อไปอีก ๑ ปี (ครั้งที่ ๑) ตั้งแต่วันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 707 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (พันตำรวจเอก ประเวศน์ มูลประมุข , พันตำรวจโท พงษ์ธร ธัญญสิริ) | ยธ | 27/08/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงยุติธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. พันตำรวจเอก ประเวศน์ มูลประมุข ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ๒. พันตำรวจโท พงษ์ธร ธัญญสิริ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 708 | การจัดการประชุม The Bangkok Dialogue on the Rule of Law : Investing in the Rule of Law, Justice and Security for the Post-2015 Development Agenda | ยธ | 13/08/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุม The Bangkok Dialogue on the Rule of Law : Investing in the Rule of Law, Justice and Security for the Post-2015 Development Agenda ในวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้นำประเทศ นักวิชาการ และตัวแทนจากภาคประชาสังคม ได้ร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เกี่ยวกับหลักนิติธรรมและความเชื่อมโยงกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ เพื่อสร้างความตระหนักเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวทั้งในระดับประเทศและระดับระหว่างประเทศ และสร้างแรงผลักดันทางการเมืองในการพิจารณาให้ประเด็นเรื่องหลักนิติธรรมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของระเบียบวาระการพัฒนาของสหประชาชาติภายหลังปี ค.ศ. ๒๐๑๕ (the Post-2015 United Nations Development Agenda) โดยสมบูรณ์ ๑.๒ ให้หน่วยงานราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงการต่างประเทศให้การสนับสนุนกระทรวงยุติธรรมในการเตรียมการเพื่อจัดการประชุมฯ ๑.๓ ให้การสนับสนุนด้านงบประมาณในการจัดการประชุมฯ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่กำหนดไว้ ๒. เห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศให้การสนับสนุนในการเชิญผู้นำประเทศ/ผู้นำรัฐบาลที่มีบทบาทสำคัญในด้านหลักนิติธรรม (the Rule of Law) เข้าร่วมประชุมฯ ด้วย ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเพิ่มเติม
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 709 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขายทอดตลาด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 06/08/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขายทอดตลาด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขายทอดตลาด พ.ศ. ๒๕๕๔ เพื่อปรับปรุงเรื่องคุณสมบัติของผู้เข้าเสนอราคา การจัดทำบัญชีรายชื่อผู้ไม่มีสิทธิเข้าเสนอราคา การวางหลักประกันก่อนเข้าเสนอราคา และการดำเนินการกับผู้เสนอราคาสูงสุดที่ไม่ชำระราคา ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 710 | การแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม | ยธ | 06/08/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการมอบหมายให้มีผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามความในมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ตามลำดับ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้ครอบคลุมถึงกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมด้วย ดังนี้
๑. พลตำรวจเอก ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี ๒. นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 711 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายสุชน ชาลีเครือ , นายปิติพงศ์ เต็มเจริญ) | ยธ | 25/07/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๒ ราย ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายสุชน ชาลีเครือ เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ๒. นายปิติพงศ์ เต็มเจริญ เป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 712 | แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 154/2554 เรื่อง ยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ และปรับปรุงการจัดตั้งศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ | ยธ | 19/07/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๕๔/๒๕๕๔ เรื่อง ยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ โดยให้รองนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมาย เป็นผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ ๒. ปรับปรุงการจัดตั้งศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) เป็นผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 713 | รายงานผลการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านว่าด้วยความร่วมมือในการต่อต้านการลักลอบค้ายาเสพติด วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท และสารตั้งต้น | ยธ | 25/06/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศรายงานผลการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านว่าด้วยความร่วมมือในการต่อต้านการลักลอบค้ายาเสพติด วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท และสารตั้งต้น ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ส. ได้จัดพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจดังกล่าว เมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๕๖ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย และ H.E. Mr. Mostafa Mohammad Najjar รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และเลขาธิการสำนักงานควบคุมยาเสพติดแห่งสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน เป็นผู้ลงนามฝ่ายอิหร่าน โดยบันทึกความเข้าใจฯ ได้กำหนดขอบเขตที่สำคัญของความร่วมมือระหว่างคู่ภาคี ได้แก่
๑. การลดอุปทานและอุปสงค์ยาเสพติด ตลอดจนการปรับปรุงวิธีการบริหารจัดการ ๒. การดำเนินมาตรการร่วมในการกำจัดแหล่งที่มาของอุปทานยาเสพติดผิดกฎหมาย ๓. การประสานความร่วมมือในการปราบปรามการลักลอบผลิตและค้ายาเสพติดผิดกฎหมาย ตลอดจนความร่วมมืออย่างใกล้ชิดในเวทีระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ ๔. การแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับวิธีการตรวจค้นและจับกุมยาเสพติดที่มีการซุกซ่อนไว้ ๕. การแลกเปลี่ยนประสบการณ์และข้อสนเทศเกี่ยวกับวิธีการและแผนการของนักค้ายาเสพติด ๖. การแลกเปลี่ยนข้อสนเทศเกี่ยวกับเครือข่ายและบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือที่ถูกจับกุมในการลักลอบค้ายาเสพติดผิดกฎหมาย ตลอดจนเส้นทางใหม่ ๆ ในการลักลอบขนส่งยาเสพติด ๗. การนำเครื่องมือทางวิชาการใหม่ ๆ มาใช้ในการฝึกอบรมและการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการตรวจค้นและตรวจพิสูจน์ยาเสพติดผิดกฎหมาย ๘. การให้ข้อสนเทศเกี่ยวกับยาเสพติดรูปแบบใหม่ ๆ ๙. การแลกเปลี่ยนข้อสนเทศและประสบการณ์เกี่ยวกับแผนการด้านการศึกษาที่มีประสิทธิภาพสำหรับหน่วยงาน องค์การและบุคคลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรณรงค์ต่อต้านยาเสพติด ๑๐. การแลกเปลี่ยนข้อสนเทศและประสบการณ์เกี่ยวกับกฎหมายและแนวปฏิบัติทางการศาลในการต่อต้านการลักลอบค้ายาเสพติด ๑๑. การแลกเปลี่ยนข้อสนเทศและประสบการณ์เกี่ยวกับโครงการที่มีประสิทธิภาพสำหรับการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถสภาพผู้ติดยาเสพติด ๑๒. การแลกเปลี่ยนผลงานวิจัย สิ่งตีพิมพ์ด้านวิทยาศาสตร์ รายงานสิ่งตีพิมพ์พิเศษ ภาพยนตร์ และสื่อการศึกษาอื่น ๆ เกี่ยวกับการป้องกันการใช้ยาเสพติดในทางที่ผิดเพื่อเสริมสร้างความตระหนักให้แก่สาธารณชน ๑๓. สาขาอื่น ๆ ที่เป็นความกังวลร่วมกันในเรื่องยาเสพติด
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 714 | ร่างพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 18/06/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่แก้ไขเพิ่มเติมจากร่างพระราชบัญญัติที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๓๔ ดังนี้ ๑.๑ ปรับปรุงบทกำหนดโทษกรณีความผิดฐานสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และกรณีผู้ใดไม่มาให้ถ้อยคำ ไม่ส่งคำชี้แจงเป็นหนังสือ หรือไม่ส่งบัญชีเอกสารหรือหลักฐานตามมาตรา ๒๕(๒) หรือขัดขวางหรือไม่ให้ความสะดวกตามมาตรา ๒๕(๓) หรือ (๔) ๑.๒ ปรับปรุงอำนาจในการอนุมัติการจับและการแจ้งข้อหาผู้กระทำความผิดตามมาตรา ๖ หรือมาตรา ๘ ต้องได้รับอนุมัติจากเลขาธิการก่อนหรือได้รับการพิจารณาอนุมัติจากพนักงานอัยการตำแหน่งตั้งแต่อัยการจังหวัดหรือเทียบเท่าขึ้นไป ๑.๓ ปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินและพนักงานเจ้าหน้าที่ ๑.๔ กำหนดหลักเกณฑ์ในการยึดหรืออายัดทรัพย์สินเมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดก่อนหรือหลังที่คณะกรรมการหรือเลขาธิการมีคำสั่งตรวจสอบทรัพย์สินตามมาตรา ๑๙ หรือก่อนที่คณะกรรมการหรือเลขาธิการมีคำสั่งยึดหรืออายัดทรัพย์สินตามมาตรา ๒๒ ๑.๕ ปรับปรุงอำนาจของข้าราชการตำรวจตำแหน่งตั้งแต่สารวัตรหรือเทียบเท่าขึ้นไปและเจ้าพนักงานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดซึ่งเป็นผู้ค้นตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องพบสิ่งของที่มีพยานหลักฐานตามสมควรว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดประกอบกับมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าสิ่งของรายใดอาจมีการยักย้าย ซุกซ่อน มีอำนาจยึดสิ่งของดังกล่าวไว้เพื่อการตรวจสอบทรัพย์สิน ทั้งนี้ ในกรณีจำเป็นเร่งด่วน ๑.๖ ปรับปรุงระยะเวลาในการยื่นคำร้องเพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตกเป็นของกองทุนและระยะเวลาในการยื่นคำร้องเพิ่มเติม รวมทั้งกำหนดให้พนักงานอัยการยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อไต่สวนทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในกรณีที่ผู้ต้องหาหรือจำเลยหลบหนีหรือถึงแก่ความตาย และให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของกองทุน ๑.๗ ปรับปรุงหลักเกณฑ์การยื่นคำร้องเพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตกเป็นของกองทุนและกำหนดให้การยึดหรืออายัดทรัพย์สินของผู้ต้องหาหรือจำเลยรายนั้น รวมทั้งทรัพย์สินของผู้อื่นที่ได้ยึดหรืออายัดไว้เนื่องจากเกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดของผู้ต้องหาหรือจำเลยรายนั้นสิ้นสุดลง กรณีปรากฏตามคำพิพากษาอันถึงที่สุดในคดีนั้นว่าข้อเท็จจริงฟังเป็นที่ยุติว่าจำเลยมิได้เป็นผู้กระทำความผิดหรือการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด ๑.๘ กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอให้ศาลสั่งอนุญาตให้นำทรัพย์สินตามมาตรา ๓๐ ออกขายทอดตลาดหรือไปใช้เพื่อประโยชน์ของทางราชการไปพลางก่อน ก่อนที่ทรัพย์สินตามมาตรา ๓๐ ตกเป็นของกองทุน และการประเมินราคาทรัพย์สิน ค่าเสียหาย หรือค่าเสื่อมสภาพของทรัพย์สิน ๑.๙ ให้ทรัพย์สินของกองทุนรวมถึงทรัพย์สินที่ตกเป็นของกองทุนตามมาตรา ๒๙ และมาตรา ๓๐/๒ ๑.๑๐ แก้ไขผู้รับรายงานงบดุลและรายงานการรับจ่ายเงินของกองทุนจากคณะรัฐมนตรีเป็นรัฐมนตรี ๒. ให้รับข้อสังเกตของสำนักงานศาลยุติธรรมเกี่ยวกับการให้คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินมีอำนาจในการวินิจฉัยว่าทรัพย์สินใดของผู้ต้องหาหรือผู้อื่นเป็นทรัพย์สินที่จะมีการนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด หรือใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตามมาตรา ๓๐/๒ วรรคสี่หรือไม่ การให้คณะกรรมการสามารถมอบหมายให้อนุกรรมการวินิจฉัยทรัพย์สินวินิจฉัยว่าทรัพย์สินใดเกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดหรือไม่ และการให้อำนาจของคณะกรรมการ อนุกรรมการ เลขาธิการและพนักงานเจ้าหน้าที่ในการค้นในเคหสถาน หรือสถานที่ใด ๆ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 715 | ขอต่อเวลาการดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรม (นักบริหารระดับสูง) (กระทรวงยุติธรรม) (นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์) | ยธ | 04/06/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของนายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรม ต่อไปอีก ๑ ปี (ครั้งที่ ๒) ตั้งแต่วันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 716 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ และพันโท เอนก ยมจินดา) | ยธ | 21/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอนและแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง สังกัดกระทรวงยุติธรรม จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. แต่งตั้งคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. รับโอนพันโท เอนก ยมจินดา รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 717 | ร่างแถลงการณ์เนปิดอว์เรื่องความร่วมมือด้านการควบคุมยาเสพติดของประเทศในอนุภูมิภาค 6 ประเทศ | ยธ | 07/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์เนปิดอว์เรื่องความร่วมมือด้านการควบคุมยาเสพติดของประเทศในอนุภูมิภาค ๖ ประเทศ มีสาระสำคัญเป็นการยืนยันถึงความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกในการที่จะควบคุมปัญหายาเสพติด ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๒. อนุมัติให้กระทรวงยุติธรรมพิจารณาแก้ไขปรับปรุงแถลงการณ์ฯ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย หากมีความจำเป็น โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบอีกครั้ง และกรณีที่ต้องมีการลงนามรับรองแถลงการณ์ฉบับนี้ ให้เป็นดุลพินิจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมที่จะพิจารณาดำเนินการภายในกรอบของร่างแถลงการณ์ดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 718 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีออกตามความในมาตรา 13 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2519 รวม 2 ฉบับ | ยธ | 07/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงยุติธรรมรับร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เรื่อง กำหนดประเภทสถานประกอบการที่อยู่ภายใต้บังคับของมาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานประกอบการ และร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เรื่อง กำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานประกอบการ รวม ๒ ฉบับ ไปหารือร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยให้มีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนตามวัตถุประสงค์ของร่างประกาศดังกล่าว และคำนึงถึงผลกระทบต่อผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายในทางปฏิบัติด้วย แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 719 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (กระทรวงยุติธรรม) (พลตำรวจเอก พงศพัศ พงษ์เจริญ) | ยธ | 30/04/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งพลตำรวจเอก พงศพัศ พงษ์เจริญ ข้าราชการตำรวจ ตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กระทรวงยุติธรรม อีกตำแหน่งหนึ่ง มีกำหนดระยะเวลา ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๐ เมษายน ๒๕๕๖) อนุมัติให้แต่งตั้ง ตามนัยมาตรา ๑๑ (๕) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ทั้งนี้ ให้พลตำรวจเอก พงศพัศ พงษ์เจริญ ยังคงดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอยู่ต่อไป โดยให้นับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งต่อเนื่อง และยังคงเป็นกรรมการข้าราชการตำรวจโดยตำแหน่ง ส่วนกรณีเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ อันพึงมีพึงได้ ให้กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาร่วมกันต่อไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 720 | แผนแม่บทโครงการขยายผลโครงการหลวงเพื่อแก้ปัญหาพื้นที่ปลูกฝิ่นอย่างยั่งยืน ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2557 - พ.ศ. 2561) | ยธ | 26/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ในการประชุมครั้งที่ ๖/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๖ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) เสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการดำเนินงานตามแผนแม่บทโครงการขยายผลโครงการหลวงเพื่อแก้ปัญหาพื้นที่ปลูกฝิ่นอย่างยั่งยืน ระยะที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๕) และเห็นชอบแผนแม่บทโครงการขยายผลโครงการหลวงเพื่อแก้ปัญหาพื้นที่ปลูกฝิ่นอย่างยั่งยืน ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๑) เพื่อสอดรับผลการดำเนินงานตามแผนแม่บทฯ ระยะที่ ๑ โดยอาศัยหลักการของการนำกรอบแนวคิดการดำเนินงานตามแนวทางของโครงการหลวงและหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ประกอบด้วย การพัฒนาอาชีพและรายได้บนพื้นฐานความรู้ การเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนและการสนับสนุนการเรียนรู้จากโครงการหลวง การจัดการเชิงพื้นที่ในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน และยึดถือกรอบนโยบายรัฐบาลด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเป็นแนวทางในการดำเนินงาน โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาชุมชนเป้าหมายและชุมชนข้างเคียงที่ได้รับผลกระทบหรือสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาการแพร่ระบาดของฝิ่นและยาเสพติดชนิดต่าง ๆ ครอบคลุม ๑๒๖ หมู่บ้าน ใน ๑๘ ตำบล ๗ อำเภอ ของ ๓ จังหวัดภาคเหนือตอนบน ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน และตาก ประชากรที่จะได้รับประโยชน์และมีส่วนร่วมในการพัฒนา จำนวน ๒๖,๗๐๗ คน ๕,๔๙๓ ครัวเรือน ๕ ชนเผ่า คือ กะเหรี่ยง ลีซอ มูเซอ ม้ง และจีนฮ่อ ๑.๒ เห็นชอบในหลักการกรอบวงเงินงบประมาณเพื่อดำเนินการตามแผนแม่บทฯ ระยะที่ ๒ ตามที่ศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติเสนอ ในวงเงิน ๑,๘๗๕,๐๕๖,๒๖๐ บาท เพื่อให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการจัดทำคำของบประมาณประจำปี ภายใต้ชื่อรายการ “โครงการขยายผลโครงการหลวงเพื่อแก้ปัญหาพื้นที่ปลูกฝิ่นอย่างยั่งยืน” เสนอต่อสำนักงบประมาณเพื่อพิจารณารายละเอียดความเหมาะสมของแผนงานโครงการ เหตุผลความจำเป็น และความพร้อมในการดำเนินงาน ตามกระบวนการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ เป็นต้นไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) รับไปบูรณาการแผนงานโครงการต่าง ๆ ที่อยู่ในพื้นที่โครงการขยายผลโครงการหลวงเพื่อแก้ปัญหาพื้นที่ปลูกฝิ่นอย่างยั่งยืน ระยะที่ ๒ ร่วมกับสำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การจัดสรรงบประมาณไม่เกิดความซ้ำซ้อนและเป็นประโยชน์สูงสุดและให้กระทรวงพาณิชย์สนับสนุนด้านการตลาดและระบบโลจิสติกส์เชื่อมโยงระบบทั้งในและนอกพื้นที่โครงการฯ |
|||||||||||||||||||||||||||
.....
