คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพ
ที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลขามใหญ่ อำเภอเมืองอุบล
ราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ ถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่น
ดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันในท้องที่ตำบลขามใหญ่  อำเภอเมืองอุบลราชธานี  จังหวัดอุบลราชธานี  บาง
ส่วน เนื้อที่ประมาณ 16 ไร่ 1 งาน  6  ตารางวา  เพื่อมอบให้กรมการขนส่งทางบกใช้ก่อสร้างสถานีขนส่งผู้
โดยสารเฉลิมพระเกียรติ ฯ จังหวัดอุบลราชธานี  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะ
รัฐมนตรี พ.ศ. 2548 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2548

           คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่
ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันในท้องที่ตำบลวังกระแจะ  อำเภอเมืองตราด
จังหวัดตราด  พ.ศ. ....  โดยมีสาระสำคัญคือ   ถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพล
เมืองใช้ร่วมกันในท้องที่ตำบลวังกระแจะ อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด บางส่วน เนื้อที่ประมาณ  52  ไร่  2
งาน  98.2  ตารางวา  เพื่อมอบหมายให้ศาลจังหวัดตราดใช้เป็นสถานที่ก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลจังหวัด
ตราดแห่งใหม่และบ้านพักข้าราชการ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนิน
การต่อไปได้  ทั้งนี้ ตามมาตรา  7  แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี
พ.ศ. 2548 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2548

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพ
ที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลขามใหญ่ อำเภอเมืองอุบล
ราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ ถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่น
ดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันในท้องที่ตำบลขามใหญ่  อำเภอเมืองอุบลราชธานี  จังหวัดอุบลราชธานี  บาง
ส่วน เนื้อที่ประมาณ 16 ไร่ 1 งาน  6  ตารางวา  เพื่อมอบให้กรมการขนส่งทางบกใช้ก่อสร้างสถานีขนส่งผู้
โดยสารเฉลิมพระเกียรติ ฯ จังหวัดอุบลราชธานี  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะ
รัฐมนตรี พ.ศ. 2548 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2548

           คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชบัญญัติยกเลิกประกาศของ
คณะปฏิวัติ ฉบับที่ 45  ลงวันที่ 17 มกราคม พุทธศักราช 2515 พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติยกเลิกประกาศของ
คณะปฏิวัติ ฉบับที่ 50  ลงวันที่ 15 มกราคม 2502  พ.ศ. ....  ร่างพระราชบัญญัติยกเลิกประกาศของคณะปฏิวัติ 
ฉบับที่  253  ลงวันที่ 16 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2515  พ.ศ. ....  และร่างพระราชบัญญัติยกเลิกประกาศของ
คณะปฏิวัติ ฉบับที่ 68 ลงวันที่ 3 กุมภาพันธ์  พุทธศักราช 2515 พ.ศ. .... รวม 4 ฉบับ  แล้วส่งให้สำนักงานคณะ
กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาต่อไป  โดยให้รับความเห็นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เห็นว่าประกาศของ
คณะปฏิวัติฉบับที่ 50 ฯ ยังคงมีความสำคัญเกี่ยวกับการใช้อำนาจสั่งปิดโรงมหรสพ หรือโรงภาพยนตร์ ที่จัดฉาย
ภาพยนตร์ลามกอนาจารอยู่ในปัจจุบัน ตลอดจนการนำไปบังคับใช้ควบคู่กันกับพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. 2493
และหรือประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 253 ฯ เพื่อควบคุมผู้จำหน่ายสุรามิให้ดำเนินกิจการในลักษณะเป็นแหล่ง
มั่วสุมของเด็กและเยาวชนแต่ยังมีการหลีกเลี่ยงข้อกฎหมาย   โดยการไม่ขออนุญาตจากเจ้าพนักงานสรรพสามิต
เพื่อจำหน่ายสุรา   จึงควรให้มีกฎหมายในลักษณะเดียวกัน   โดยหากมีการนำสาระสำคัญของประกาศของคณะ
ปฏิวัติฉบับนี้ไปกำหนดไว้ในพระราชบัญญัติหรือกฎกระทรวงอื่นแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องมีการตราพระราชบัญญัตินี้
ขึ้นใช้บังคับแทนส่วนร่างพระราชบัญญัติยกเลิกประกาศของคณะปฏิวัติ  ฉบับที่  253 ฯ  เป็นการยกเลิกกำหนด
เวลาอนุญาตให้จำหน่ายและดื่มสุรา ฯ ยังเป็นการยกเลิกอัตราโทษที่กำหนดไว้ด้วย จึงไม่เห็นด้วยกับการยกเลิก
ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ โดยไม่มีการตราพระราชบัญญัติขึ้นใช้แทน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
เห็นว่าหากยกเลิกประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 50 โดยไม่มีกฎหมายรองรับจะเกิดช่องว่างทางกฎหมาย ดังนั้น
จึงควรพิจารณาให้มีกฎหมายมารองรับกรณีปัญหาตามความเห็นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติก่อน ไปประกอบ
การพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎร
พิจารณาต่อไป

          คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 3 (ฝ่ายความ
มั่นคง) ที่มีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชบัญญัติยกเลิกพระราชบัญญัติการ
ประกอบอาชีพงานก่อสร้าง  พ.ศ. 2522  พ.ศ. ....   โดยมีสาระสำคัญคือ   ยกเลิกพระราชบัญญัติการประกอบ
อาชีพงานก่อสร้าง พ.ศ. 2522 และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา และส่งให้คณะกรรม
การประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป

               คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการ
อื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้านครหลวง ดังนี้ นายสาโรช คัชมาตย์ เป็นประธานกรรมการ  แทนนายยงยุทธ
วิชัยดิษฐ  และนายชัยฤกษ์  ดิษฐอำนาจ  เป็นกรรมการอื่น แทนนายสาโรช  คัชมาตย์  ตั้งแต่วันที่ 6 ธันวาคม 
2548 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี
พ.ศ. 2548

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งตั้งนายสว่าง ศรีศกุน เป็นกรรม
การอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค  โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (6 ธันวาคม
2548) เป็นต้นไป ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะ
รัฐมนตรี พ.ศ. 2548

            สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับผลความคืบหน้าการ
ดำเนินงานโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML)  ณ  วันที่  2  ธันวาคม  2548  โดยได้มี
การตรวจสอบความพร้อมและจัดทำบัญชีรายละเอียดสำหรับการพิจารณาจัดสรรงบประมาณ      จัดส่ง
ให้สำนักงานพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านฯ เพื่ออนุมัติโอนเงินงบประมาณให้หมู่บ้าน/ชุมชนแล้ว จำนวน  
73,867  หมู่บ้าน/ชุมชน  แยกเป็นภาคเหนือ 16,551 หมู่บ้าน/ชุมชน  งบประมาณ  3,850,050,000 
บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 31,842 หมู่บ้าน/ชุมชน งบประมาณ 7,399,300,000 บาท ภาคกลาง 
16,906 หมู่บ้าน/ชุมชน งบประมาณ  3,995,050,000  บาท  และภาคใต้  8,568 หมู่บ้าน/ชุมชน งบ
ประมาณ  2,107,600,000  บาท   รวมเป็นเงินงบประมาณที่จะต้องใช้ในการโอนให้แก่หมู่บ้าน/ชุมชน   
จำนวนทั้งสิ้น 17,352.00 ล้านบาท และได้โอนเงินงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2548 ให้หมู่บ้าน/ชุมชน
แล้ว จำนวน  9,000  ล้านบาท จะต้องใช้เงินงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2549 ในการโอนให้แก่หมู่บ้าน/
ชุมชนอีก จำนวน 5,041.00 ล้านบาท จากการตรวจสอบโครงการที่หมู่บ้าน/ชุมชน ได้ส่งให้สำนักงาน
พัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน ฯ จำแนกเป็น ประเภทโครงการด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานร้อยละ 33.17  
ด้านการเกษตรร้อยละ  8.55  ด้านส่งเสริมรายได้และอาชีพร้อยละ 6.05  ด้านสวัสดิการชุมชนร้อยละ 
37.61 และด้านอื่น ๆ ร้อยละ  14.62

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขต
ที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงเทศบาล สายเชื่อมระหว่างซอยพัฒนาการ 20 กับ
ซอยพานิชย์อนันต์ พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยาย
ทางหลวงเทศบาล สายเชื่อมระหว่างซอยพัฒนาการ 20 กับซอยพานิชย์อนันต์ ในท้องที่แขวงสวนหลวง เขต
สวนหลวง และแขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนด
เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงเทศบาล สายเชื่อมระหว่างถนนรัชดาภิเษก
กับซอยซีเมนต์ไทย พ.ศ. ....  โดยมีสาระสำคัญคือ  กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและ
ขยายทางหลวงเทศบาล สายเชื่อมระหว่างถนนรัชดาภิเษกกับซอยซีเมนต์ไทย ในท้องที่แขวงจตุจักร และ
แขวงลาดยาว เขตจตุจักร  กรุงเทพมหานคร  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขต
ที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงเทศบาล สายซอยผู้ใหญ่เอิบ  พ.ศ. ....  โดยมีสาระสำคัญคือ
กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงเทศบาลสายซอยผู้ใหญ่เอิบ ในท้องที่แขวงคลอง
กุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการ
ต่อไปได้

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนด
เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงเทศบาล  สายซอยอินทามระ 12  และเพื่อสร้างทาง
หลวงเทศบาล  สายเชื่อมระหว่างซอยอินทามระ  4  กับซอยอินทามระ  12  บรรจบซอยอินทามระ  14
พ.ศ. ....  โดยมีสาระสำคัญคือ  กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน  เพื่อขยายทางหลวงเทศบาลสาย
ซอยอินทามระ 12 และเพื่อสร้างทางหลวงเทศบาล สายซอยเชื่อมระหว่างซอยอินทามระ 4  กับซอยอิน
ทามระ 12 บรรจบซอยอินทามระ 14 ในท้องที่แขวงสามเสนใน  เขตพญาไท  กรุงเทพมหานคร  และให้
ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนด
เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเหมืองง่า ตำบลต้นธง ตำบลในเมือง และตำบลเวียงยอง 
อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน พ.ศ. ....  โดยมีสาระสำคัญคือ  กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลเหมืองง่า  ตำบลต้นธง  ตำบลในเมือง  และตำบลเวียงยอง   อำเภอเมืองลำพูน   จังหวัด
ลำพูน เพื่อสร้างและขยายถนนตามโครงการผังเมืองรวมเมืองลำพูน และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการ
กฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนด
เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงเทศบาล สายเชื่อมระหว่างซอยสุขุมวิท 93
กับซอยสุขุมวิท 101 พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อสร้างและ
ขยายทางหลวงเทศบาล สายเชื่อมระหว่างซอยสุขุมวิท 93 กับซอยสุขุมวิท 101  ในท้องที่แขวงบางจาก
 เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนิน
การต่อไปได้

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยใน
พื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์และชุมพร  โดยให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยกรณีบ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง
ตามระเบียบกระทรวงการคลัง    ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน   พ.ศ. 
2546  จากเดิมที่กำหนดไว้หลังละไม่เกิน 30,000  บาท  เพิ่มเติมเป็นหลังละ 60,000 ดังเช่นกรณีเหตุการณ์
บ้านน้ำก้อ น้ำชุน อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์  โดยให้จ่ายจากเงินทดรองราชการ ฯ (งบ 50 ล้านบาท)
ในอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดได้เป็นกรณีพิเศษ   สำหรับกรณีผู้ประสบภัยที่บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง แต่
มีความประสงค์ต้องการเข้าอยู่อาศัยในบ้านถาวรที่ทางราชการจัดสร้างให้ในลักษณะบ้านมั่นคง  เช่นเดียวกับ
บ้านสึนามิ  หลังละไม่เกิน 100,000 บาท  โดยไม่รับเงินช่วยเหลือดังกล่าว มอบให้กระทรวงมหาดไทย (กรม
ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย)   ร่วมกับจังหวัดประจวบคีรีขันธ์   เป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการจัดสร้าง
บ้านถาวรให้แก่ผู้ประสบภัยดังกล่าว

               สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทย (กรมการปกครอง) เกี่ยวกับ
ผลการดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML) ข้อมูล ณ วันที่  25 พฤศจิกายน 2548 
ได้มีการตรวจสอบความพร้อมและจัดทำบัญชีรายละเอียดสำหรับการพิจารณา จำนวน 72,546 หมู่บ้าน/
ชุมชน จัดส่งให้สำนักงานพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML)  เพื่ออนุมัติโอนเงินงบประมาณให้หมู่
บ้าน/ชุมชนแล้ว  ดังนี้  ภาคเหนือ  16,327  หมู่บ้าน/ชุมชน  งบประมาณ  3,796,150,000  บาท  ภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ 31,285  หมู่บ้าน/ชุมชน งบประมาณ  7,268,600,000 บาท  ภาคกลาง  16,579  
หมู่บ้าน/ชุมชน  งบประมาณ  3,912,150,000  บาท  และภาคใต้  8,355  หมู่บ้าน/ชุมชน  งบประมาณ  
2,052,350,000  บาท  รวมเป็นเงินงบประมาณที่จะต้องใช้ในการโอนให้แก่หมู่บ้าน/ชุมชนจำนวนทั้งสิ้น 
17,029.25   ล้านบาท   และจากการตรวจสอบโครงการที่หมู่บ้าน/ชุมชน ได้ส่งให้สำนักงานพัฒนาศักย
ภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน  (SML)  เพื่ออนุมัติโอนเงินงบประมาณจำแนกได้ดังนี้ ด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้น
ฐาน  ร้อยละ  32.98   ด้านการเกษตรร้อยละ  8.58   ด้านส่งเสริมรายได้และอาชีพ  ร้อยละ 6.06  ด้าน
สวัสดิการชุมชน  ร้อยละ  37.70   และด้านอื่น ๆ ร้อยละ 14.68

          สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกัน
และบรรเทาสาธารณภัย  กระทรวงมหาดไทย  เกี่ยวกับสรุปสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือ
ของกระทรวงมหาดไทยในพื้นที่ภาคใต้ตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน 2548 จนถึงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2548  
โดยสถานการณ์อุทกภัย ยังมีพื้นที่ที่ยังมีสถานการณ์อุทกภัย  ได้แก่  จังหวัดสุราษฎร์ธานี พื้นที่ประสบภัย 
9 อำเภอ 25 ตำบล 106 หมู่บ้าน และจังหวัดพัทลุง พื้นที่ประสบภัย  7  อำเภอ  29  ตำบล 124 หมู่บ้าน  
ในส่วนของการให้ความช่วยเหลือ  ทางจังหวัดและอำเภอ/กิ่งอำเภอ ที่ประสบสถานการณ์อุทกภัยได้จัดตั้ง
ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย    พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่ชุดเฝ้าระวัง ฯ   ติดตาม
สถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง และจัดชุดเคลื่อนที่เร็วไว้พร้อมปฏิบัติงานสำหรับการตรวจสถานการณ์อุทก
ภัยในพื้นที่อำเภอเกาะสมุย   จังหวัดสุราษฎร์ธานี    ซึ่งได้รับความเสียหายมากที่สุดนั้น  รัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงมหาดไทย (พลอากาศเอก คงศักดิ์  วันทนา) ได้มอบนโยบายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งการ
ระบายน้ำออกจากพื้นที่ที่ยังมีน้ำท่วมขังในบริเวณชุมชนบ้านเฉวง  และบ้านบ่อผุด  และมอบถุงยังชีพแก่ผู้
ประสบภัยในพื้นที่ดังกล่าว

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการเพิ่มวงเงิน ขยาย
ระยะเวลาโครงการ  เปลี่ยนชื่อ และผูกพันงบประมาณข้ามปี ของกระทรวงมหาดไทย จำนวน 13 โครงการ ดังนี้ 
ให้กรุงเทพมหานครขยายระยะเวลาผูกพันข้ามปีงบประมาณ   จำนวน  7  โครงการ   ตามที่กระทรวงมหาดไทย
เสนอ   ประกอบด้วย  โครงการก่อสร้างทางยกระดับถนนสุวินทวงศ์  โครงการก่อสร้างทางลอดถนนตากสินกับ
ถนนรัชดาภิเษก  โครงการก่อสร้างทางลอดถนนจรัญสนิทวงศ์กับถนนบรมราชชนนี โครงการก่อสร้างทางลอด
ถนนจรัญสนิทวงศ์กับถนนพรานนก   โครงการก่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วม และระบบระบายน้ำตามโครงการ
แก้มลิงคลองมหาชัย-คลองสนามชัย โครงการก่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วมริมคลองมหาสวัสดิ์ ช่วงคลองขุนศรี
บุรีรักษ์ถึงคลองทวีวัฒนา   และโครงการบำบัดน้ำเสียรวม  (ระยะที่ 1)   ให้เพิ่มวงเงินผูกพันงบประมาณข้ามปี
จำนวน 1 โครงการ  คือ โครงการก่อสร้างแนวป้องกันน้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยา และคลองบางกอกน้อย  โดย
ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณของกรุงเทพมหานครในสัดส่วนร้อยละ  50  และเงินอุดหนุนจากรัฐบาลร้อยละ  50
ขยายระยะเวลาและเพิ่มวงเงินผูกพันงบประมาณข้ามปี จำนวน 2 โครงการ ประกอบด้วย โครงการก่อสร้างปรับ
ปรุงถนนศรีนครินทร์จากบริเวณแยกถนนพัฒนาการถึงถนนสุขุมวิท 103 และะโครงการก่อสร้างถนนสายรอง
ของกรุงเทพมหานคร  (เพิ่มเติม)  (โครงการถนนพหลโยธิน-ถนนรัตนโกสินทร์สมโภชน์    และโครงการถนน
พัฒนาการ-ถนนสวนหลวง ร.9)  สำหรับโครงการจัดซื้อพร้อมติดตั้งทางยกระดับรามคำแหง จากแยกลำสาลี
ถึงคลองบางชัน    โครงการก่อสร้างถนนพรานนก-พุทธมณฑลสาย  4    และโครงการก่อสร้างถนนสายหลัก 
(โครงการก่อสร้างถนนกรุงเทพกรีฑาร่มเกล้าช่วงที่ 1, 1/1, 2, 3 และ 3/1) ให้นำเสนอในส่วนที่เพิ่มปริมาณ
งานเป็นรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเพิ่มเติมเป็นรายการใหม่โดยดำเนินการแบ่งการก่อสร้างออก
เป็นตอน ๆ ซึ่งจะมีผลทำให้การดำเนินงานแล้วเสร็จเร็วขึ้น  และให้นำเสนอคณะกรรมการจัดระบบการจราจร
ทางบกพิจารณาโดยให้พิจารณาประสานแผนและวางแผนการก่อสร้างให้สอดคล้องรองรับการก่อสร้างสถานี
รถไฟฟ้าซึ่งจะเกิดขึ้นด้วย ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวง
คมนาคมที่เห็นว่าโครงการที่รองรับและแก้ไขปัญหาการจราจรท่าอากศยานสุวรรณภูมิควรเป็นไปตามกำหนด
ระยะเวลาเดิมหรือขยายเวลาให้น้อยที่สุด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ
วันที่  23  สิงหาคม  2548 ผ่อนผันให้กลุ่มบุคคลบนพื้นที่สูงและชุมชนบนพื้นที่สูงอยู่อาศัยในประเทศเป็น
การชั่วคราว โดยผ่อนผันให้เฉพาะกลุ่มบุคคลบนพื้นที่สูงและชุมชนบนพื้นที่สูง ซึ่งยื่นคำร้องและอยู่ระหว่าง
การพิจารณากำหนดสถานะบุคคลตามกฎหมาย จำนวน  60,229  คน  (บุคคลเป้าหมายที่ขอลงรายการ
สัญชาติไทย 2,857 คน ขอสัญชาติไทย  28,522  คน  และขอสถานะคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎ
หมาย 28,850  คน)  และกลุ่มบุคคลบนพื้นที่สูงและชุมชนบนพื้นที่สูงที่อพยพเข้ามาหลังวันที่  3  ตุลาคม
2528  ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหนึ่งในการดำเนินการแก้ไขปัญหาตามยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาสถานะ
และสิทธิของบุคคล  ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่  18  มกราคม  2548  ภายใต้การอำนวยการของคณะ
กรรมการนโยบายและอำนวยการจัดการปัญหาสถานะและสิทธิของบุคคลได้อยู่อาศัยในประเทศไทยเป็น
การชั่วคราว เพื่อเข้าสู่กระบวนการแก้ไขปัญหาสถานะบุคคลตามยุทธศาตร์ ฯ  และให้กระทรวงมหาดไทย
เร่งรัดการดำเนินการตามกระบวนการแก้ไขปัญหาสถานะบุคคลตามยุทธศาสตร์ ฯ ตามมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2548 (เรื่อง ผลการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2548) ให้แล้วเสร็จ
โดยเร็ว

                    สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทย (กรมการปกครอง) เกี่ยวกับ
ผลการดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML) ข้อมูล ณ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2548 ได้มี
การตรวจสอบความพร้อมและจัดทำบัญชีรายละเอียดสำหรับการพิจารณา  จำนวน  72,042  หมู่บ้าน/ชุมชน  
จัดส่งให้สำนักงานพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML)เพื่ออนุมัติโอนเงินงบประมาณให้หมู่บ้าน/ชุมชน
แล้วดังนี้ ภาคเหนือ 16,270  หมู่บ้าน/ชุมชน  งบประมาณ  3,781,950,000 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 
31,127 หมู่บ้าน/ชุมชน งบประมาณ 7,231,900,000 บาท ภาคกลาง 16,409 หมู่บ้าน/ชุมชน งบประมาณ 
3,868,500,000 บาท และภาคใต้ 8,236 หมู่บ้าน/ชุมชน งบประมาณ  2,022,300,000  บาท รวมเป็นเงิน
งบประมาณที่จะต้องใช้ในการโอนให้แก่หมู่บ้าน/ชุมชนจำนวนทั้งสิ้น 16,904.65 ล้านบาท และจากการตรวจ
สอบโครงการที่หมู่บ้าน/ชุมชน ได้ส่งให้สำนักงานพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน  (SML) เพื่ออนุมัติโอน
เงินงบประมาณจำแนกได้ดังนี้   ด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ร้อยละ 32.89  ด้านการเกษตร ร้อยละ 8.55  
ด้านส่งเสริมรายได้และอาชีพ  ร้อยละ 6.07 ด้านสวัสดิการชุมชน ร้อยละ 37.76 และด้านอื่นๆ ร้อยละ14.73