ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 166 จากทั้งหมด 513 หน้า แสดงรายการที่ 3301 - 3320 จากข้อมูลทั้งหมด 10242 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3301 | สรุปสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือจากพายุไต้ฝุ่น "ดอมเรย" | มท | 04/10/2548 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรม
ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย เกี่ยวกับสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือ ประชาชนที่ประสบภัยจากพายุ "ดอมเรย" โดยสถานการณ์อุทกภัย ณ วันที่ 2 ตุลาคม 2548 มีพื้นที่ประสบ ภัยรวม 13 จังหวัด 49 อำเภอ 1 กิ่งอำเภอ 141 ตำบล 470 หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดลำปาง เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา แม่ฮ่องสอน แพร่ น่าน กาฬสินธุ์ เพชรบูรณ์ มุกดาหาร อุตรดิตถ์ เลย และตาก ความเสีย หาย ด้านชีวิต ราษฎรเสียชีวิต 10 คน บาดเจ็บ 7 คน สูญหาย 3 คน เดือดร้อน 33,572 คน 11,058 ครัวเรือน อพยพ 2,108 คน ด้านทรัพย์สิน ถนน 40 สาย สะพาน 24 แห่ง อ่างเก็บน้ำ 1 แห่ง ฝาย/พนัง กั้นน้ำ 15 แห่ง บ้านเรือนทั้งหลัง 18 หลัง บ้านเรือนบางส่วน 78 หลัง บ่อปลา/กุ้ง 10 แห่ง โรงเรียน 3 แห่ง มูลค่าความเสียหาย อยู่ระหว่างการสำรวจ สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน จังหวัดที่สถานการณ์อุทกภัย คลี่คลายแล้ว ได้แก่ จังหวัดพะเยา แพร่ น่าน มุกดาหาร อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ เลย และแม่ฮ่องสอน และที่ยัง คงมีน้ำท่วมขัง ได้แก่ จังหวัดลำปาง ที่อำเภอเถิน จังหวัดเชียงใหม่ ที่อำเภอเมืองเชียงใหม่ อำเภอสารภี จังหวัดเชียงราย ที่อำเภอเมือง อำเภอเทิง อำเภอแม่ลาว อำเภอพญาเม็งราย จังหวัดกาฬสินธุ์ ที่อำเภอ หนองกุงศรี อำเภอเมือง อำเภอยาตลาด และจังหวัดตาก ที่อำเภอสามเงา อำเภอบ้านตาก ในส่วนของการ ให้ความช่วยเหลือได้แจ้งเตือนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก และ ศูนย์ ปภ.เขต ในพื้นที่ เพื่อให้ติดตามสถานการณ์ และเตรียมความพร้อมในการป้องกันและแก้ไขปัญหา จากสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและให้เตรียมการช่วยเหลือประชาชน พร้อมกับระดมวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ เรือท้องแบน จากทุกหน่วยงานให้สามารถช่วยเหลือประชาชนได้ทันทีเมื่อเกิด ความเสียหายรวมทั้งจัดเตรียมอาหาร น้ำดื่ม ยารักษาโรคสำหรับแจกจ่ายแก่ประชาชนในพื้นที่ประสบภัย และจุดที่เป็นสถานที่รองรับการอพยพ รวมทั้งให้จังหวัดถือปฏิบัติ ดังนี้ ในขณะที่มีสถานการณ์อุทกภัย น้ำป่าไหลหลาก กัดเซาะคอสะพาน และน้ำท่วมผิวจราจรในระดับสูงที่ไม่สามารถมองเห็นสภาพพื้นผิว จราจรได้ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งการกำชับแขวงการทาง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ติดตั้ง ป้ายเตือน/วางแผนปิดกั้นช่องทางจราจร เพื่อให้ประชาชนผู้ใช้เส้นทางได้ทราบ พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่ ตำรวจหรืออาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) ให้ความช่วยเหลืออำนวยความสะดวกการจราจร ในจุดอันตราย ส่วนกรณีมีผู้สูญหายจากอุทกภัยที่เกิดขึ้นให้จัดชุดเคลื่อนที่เร็ว โดยให้สนธิกำลังจากทุก ภาคส่วนทั้งหน่วยทหาร ตำรวจศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตพื้นที่ อาสาสมัคร ฯ เข้าไปกู้ภัย ค้นหาผู้สูญหายและผู้ติดค้างในพื้นที่ประสบภัยเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยด่วน และภายหลัง น้ำลด ให้จังหวัดแจ้งแขวงการทางทางหลวงชนบทจังหวัด หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดเครื่อง จักรกลเข้าซ่อมแซมเส้นทางคมนาคมที่คอสะพานถูกน้ำกัดเซาะขาดให้สามารถใช้สัญจรไปมาได้เป็นการ ชั่วคราวโดยเร็วที่สุด หากความเสียหายมีมาก ให้ขอรับการสนับสนุนจากหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ในพื้นที่หรือพื้นที่ใกล้เคียง หรือศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต (กรม ปภ.) เข้าไปสนับสนุน ช่วยเหลือ เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||
3302 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างทางหลวงเทศบาล สายทางยกระดับเชื่อมระหว่างอาคารอู่จอดรถและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้ากับถนนวิภาวดีรังสิต เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | มท | 30/09/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลัการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางหลวงเทศบาล สายทางยกระดับเชื่อมระหว่าง อาคารอู่จอดและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้ากับถนนวิภาวดีรังสิต เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน และให้ส่ง คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนิน การต่อไปได้ โดยให้ถือปฏิบัติเป็นมติคณะรัฐมนตรี ณ วันที่ได้มีคำสั่ง ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราช กฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2548
|
||||||||||||||||||||||||
3303 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลเขาวัว อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. 2548 | มท | 29/09/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอัน
เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลเขาวัว อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. 2548 ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยมีสาระสำคัญคือ ถอนสภาพที่ดินอัน เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันในท้องที่ตำบลเขาวัว อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี บางส่วน เนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ 2 งาน 95 ตารางวา เพื่อมอบหมายให้เทศบาลตำบลเนินสูงใช้เป็นที่ตั้งสำนัก งานเทศบาลตำบลเนินสูง และใช้ประโยชน์อย่างอื่นในราชการของเทศบาล และให้นำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและ การประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2548
|
||||||||||||||||||||||||
3304 | ขอขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินเกินกว่าระยะเวลาที่กำหนด (ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างเส้นทางคมนาคมเพื่อความมั่นคงสายสุคริน - ศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส) | มท | 27/09/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการขยาย
เวลาการเบิกจ่ายเงินเกินกว่าระยะเวลาที่กำหนด (ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างเส้นทางคมนาคมเพื่อความมั่นคง สายสุคริน-ศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส) โดยให้ยกเว้นการปฏิบัติเกี่ยวกับการกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีและการ ขยายเวลาการเบิกจ่ายเงินรวมกันได้ไม่เกิน 2 ปีงบประมาณ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2541 โดยให้ขยายเวลาการเบิกจ่ายเงินออกไปอีก 1 ปีงบประมาณถึงสิ้นเดือนกันยายน 2549 ได้เป็นกรณี พิเศษ สำหรับการขออนุมัติงบประมาณเพิ่มเติม จำนวน 3,422,766 บาท เพื่อเป็นการเพิ่มค่างานให้กับ โครงการ ฯ นั้น ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2548 ที่เห็นชอบแนวทางการช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพรับเหมาก่อสร้างในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยราคากลางงานก่อสร้างของทางราชการ ให้คำนวณราคากลางงานก่อสร้างตามหลักเกณฑ์ปกติและบวก เพิ่มเป็นค่าตอบแทนพิเศษเพื่อจูงใจในการปฏิบัติงานจำนวนร้อยละ 5 ของราคากลางที่คำนวณได้เป็นราคา กลางงานก่อสร้างนั้น จนกว่าสถานการณ์จะกลับคืนสู่ภาวะปกติตามประกาศของราชการ ทั้งนี้ ค่าใช้จ่าย ที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการตามมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพรับเหมาก่อสร้างดังกล่าว ให้หน่วยงาน ของรัฐเจ้าของโครงการพิจารณาปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีในโอกาสแรกก่อน |
||||||||||||||||||||||||
3305 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้วัสดุอื่นเป็นเทปหรือวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. .... | มท | 27/09/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดให้วัสดุ
อื่นเป็นเทปหรือวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ วีดีโอเกม เลเซอร์ดีส ดิจิตอลวีดีโอดีส วีดีโอซีดี ซีดีรอม และฮาร์ดดิสก์ เป็นเทปหรือวัสดุโทรทัศน์ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ พิจารณาต่อไปได้ โดยให้เชิญผู้แทนกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมพิจารณา และให้รับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่เห็นว่าการที่ร่างกฎกระทรวงดัง กล่าวได้กำหนดให้ฮาร์ดดิสก์ (hard disk) เป็นเทปหรือวัสดุโทรทัศน์ที่ต้องขออนุญาต จะทำให้เกิดภาระขึ้น โดยไม่จำเป็นแก่ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์และฮาร์ดดิสก์เพื่อจำหน่ายจะต้องขออนุญาตตามพระราชบัญญัติควบคุม กิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. 2530 ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายดังกล่าว และเห็นที่ จะควบคุมเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย (server) ที่อนุญาตให้ถ่ายโอน (download) เกมออนไลน์ และฮาร์ด ดิสก์ (hard disk) ที่มีเกมออนไลน์บรรจุอยู่แทน และพระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ.2530 ไม่ได้ควบคุมการให้บริการฟรีโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายซึ่งเป็นทางปฏิบัติของผู้ส่งเกมออนไลน์ในหลาย กรณีอยู่ในขณะนี้ หากกระทรวงมหาดไทยประสงค์จะควบคุมไปถึงบริการฟรีแบบให้เปล่าด้วย ก็ต้องแก้ไข เพิ่มเติมพระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. 2530 ไปพิจารณาด้วย ทั้งนี้ ให้พิจารณา รวมไปถึงการควบคุมการเล่นเกมประเภทอื่นที่เป็นการมอมเมาเยาวชนด้วย เช่น ตู้เกม เป็นต้น เพื่อให้เป็น ไปตามวัตถุประสงค์ในการควบคุมการเล่นเกมคอมพิวเตอร์ นอกจากนั้นให้พิจารณามาตรการทางกฎหมาย ที่เหมาะสมที่จะนำมาใช้ในการควบคุมการเล่นเกมคอมพิวเตอร์อย่างเป็นระบบ เพื่อให้สอดคล้องกับเจตนา รมณ์ดังกล่าว เช่น ควบคุมการประกอบกิจการร้านเกม กำหนดเวลาเปิด-ปิด มีมาตรการควบคุมมิให้เด็ก และเยาวชนเล่นเกมเกินเวลาที่กำหนด มีสภาพร้านที่เหมาะสม เป็นต้น เมื่อได้ตรวจพิจารณาร่างกฎกระ ทรวงในเรื่องนี้ พร้อมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมตามแนวทางดังกล่าวแล้ว ให้นำหารือรองนายกรัฐมนตี (นายวิษณุ เครืองาม) ก่อนประกาศใช้บังคับต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
3306 | ผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML) | มท | 27/09/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการ
พัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML) ณ วันที่ 26 กันยายน 2548 โดยกระทรวงมหาดไทยได้ตรวจสอบ ความพร้อมของหมู่บ้าน/ชุมชนทั่วประเทศ และจัดทำบัญชีรายละเอียดสำหรับการพิจารณาจำนวน 51,234 หมู่ บ้าน/ชุมชน จัดส่งให้สำนักงานพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML) เพื่ออนุมัติโอนเงินงบประมาณให้หมู่ บ้าน/ชุมชน แล้วแยกเป็น ภาคเหนือ 11,685 หมู่บ้าน/ชุมชน งบประมาณ 2,681,500,000 บาท ภาคตะวัน ออกเฉียงเหนือ 22,843 หมู่บ้าน/ชุมชน งบประมาณ 5,282,950,000 บาท ภาคกลาง 11,660 หมู่บ้าน/ ชุมชน งบประมาณ 2,734,200,000 บาท และภาคใต้ 5,046 หมู่บ้าน/ชุมชน งบประมาณ 1,216,600,000 บาท รวมเป็นเงินงบประมาณที่จะต้องใช้ในการโอนให้แก่หมู่บ้าน/ชุมชน จำนวนทั้งสิ้น 11,915.25 ล้านบาท ซึ่งเกินกว่าวงเงินงบประมาณของโครงการประจำปี พ.ศ. 2548 ที่ตั้งไว้ 9,000 ล้านบาท จากการตรวจสอบ โครงการที่หมู่บ้าน/ชุมชน ได้ส่งให้สำนักงานพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML) เพื่ออนุมัติโอนเงินงบ ประมาณจำแนกเป็น ด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ร้อยละ 30.27 ด้านการเกษตร ร้อยละ 8.68 ด้านส่งเสริม รายได้และอาชีพ ร้อยละ 5.96 ด้านสวัสดิการชุมชน ร้อยละ 38.52 และด้านอื่น ๆ ร้อยละ 16.57 ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยรับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปซักซ้อมความเข้าใจกับผู้เกี่ยวข้องด้วยว่า การพิจารณา อนุมัติการใช้เงินงบประมาณของหมู่บ้านนั้น ให้เป็นไปตามกรอบหลักเกณฑ์ที่กำหนดโดยยึดความต้องการและ การพิจารณาตัดสินใจของที่ประชุมประชาคมหมู่บ้าน/ชุมชนเป็นสำคัญ สำหรับนายอำเภอ ปลัดอำเภอผู้เป็น หัวหน้าประจำกิ่งอำเภอและนายกเทศมนตรีเป็นผู้ส่งเสริมและให้ข้อเสนอแนะเท่าที่จำเป็นเหมาะสมเท่านั้น
|
||||||||||||||||||||||||
3307 | สรุปสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือจากพายุโซนร้อน "วีเซนเต" | มท | 27/09/2548 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกัน
และบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย เกี่ยวกับสรุปสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือ ประชาชนที่ประสบภัยจากพายุโซนร้อน "วีเซนเต" โดยสถานการณ์อุทกภัย ข้อมูล ณ วันที่ 26 กันยายน 2548 มีพื้นที่ประสบภัยรวม 16 จังหวัด 50 อำเภอ 89 ตำบล ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เลย ศรีสะเกษ ลำปาง ระนอง อุตรดิตถ์ เชียงราย สุโขทัย แพร่ ลำพูน พะเยา ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สุพรรณบุรี และอ่างทอง ความเสียหาย ด้านชีวิต ราษฎรเสียชีวิต 2 คน ด้านทรัพย์สิน ถนน 28 สาย สะพาน 11 แห่ง โรงเรียน 7 แห่ง ฝาย 8 แห่ง พื้นที่การเกษตร 302,702 ไร่ มูลค่าความเสียหายอยู่ ระหว่างการสำรวจ สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน จังหวัดที่สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว ได้แก่ จังหวัด เลย ศรีสะเกษ ระนอง อุตรดิตถ์ อ่างทอง แพร่ ลำพูน พะเยา แม่ฮ่องสอน เชียงราย ลำปาง และจังหวัด เชียงใหม่ และที่ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย ได้แก่ จังหวัดสุพรรณบุรี ฉะเชิงเทรา สุโขทัย และปราจีนบุรี ในส่วนของการให้ความช่วยเหลือ ได้มีการแจ้งเตือนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก และศูนย์ ปภ.เขต ในพื้นที่เพื่อให้ติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมในการ ป้องกันและแก้ไขปัญหาจากสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และให้เตรียมการช่วยเหลือ โดยระดมวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ เรือท้องแบน จากทุกหน่วยงานช่วยเหลือประชาชนได้ทันที เมื่อเกิดความเสียหาย รวมทั้งจัดเตรียมอาหาร น้ำดื่ม ยารักษาโรค สำหรับแจกจ่ายแก่ประชาชนในพื้นที่ ประสบภัยและจุดที่เป็นสถานที่รองรับการอพยพ ในการนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศเตือนเรื่อง พายุไต้ฝุ่น "ดอมเรย" ฉบับที่ 8 ว่า พายุไต้ฝุ่น "ดอมเรย" ในทะเลจีนใต้ตอนบนได้เคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณ เกาะไหหลำ ประเทศจีนแล้ว เมื่อเวลา 04.00 น. ของวันที่ 26 กันยายน 2548 มีศูนย์กลางอยู่ที่ ละติจูด 19.0 องศาเหนือ ลองติจูด 110.5 องศาตะวันออก มีความเร็วสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 130 กิโล เมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก คาดว่า พายุนี้จะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามในเช้าวันที่ 27 กันยายน 2548 ผ่านประเทศลาว และจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชั่นในวันที่ 28 กันยายน 2548 และเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทยแนวจังหวัดน่าน พะเยา เชียงราย เชียงใหม่ และแม่ฮ่องสอน ซึ่ง จะมีผลกระทบต่อลมฟ้าอากาศของประเทศไทย
|
||||||||||||||||||||||||
3308 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณโครงการจัดซื้อพร้อมติดตั้งทางยกระดับบนถนนรามคำแหง จากแยกลำสาลีถึงคลองบางชัน | มท | 27/09/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงมหาดไทยเปลี่ยนแปลงชื่อโครงการทางยกระดับบนถนนรามคำ
แหงจากแยกลำสาลีถึงคลองบ้านม้า เป็นโครงการจัดซื้อพร้อมติดตั้งทางยกระดับบนถนนรามคำแหงจากแยก ลำสาลีถึงคลองบางชัน รวมทั้งอนุมัติในหลักการให้ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณจากเดิมปี พ.ศ. 2546-พ.ศ. 2548 เป็นปี พ.ศ. 2546-พ.ศ. 2550 สำหรับวงเงินที่ขอเสนอเพิ่มขึ้นจาก 550,000,000 บาท เป็น1,736,957,750 บาท ให้สำนักงบประมาณรับไปพิจารณารายละเอียดและความจำเป็นเหมาะสม แล้วให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||
3309 | ขอความเห็นชอบเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างและขออนุมัติขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณโครงการก่อสร้างแนวป้องกันน้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยาและคลองบางกอกน้อย | มท | 27/09/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอขอเพิ่มวงเงินโครงการก่อสร้างแนวป้องกันน้ำ
ท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยาและคลองบางกอกน้อย จากเดิม 1,114,210,000 บาท เพิ่มเป็น 1,691,415,800 บาท และขยายระยะเวลาโครงการจากเดิมปี พ.ศ. 2544-2548 เป็นปี พ.ศ. 2544-พ.ศ. 2551 สำหรับวงเงิน ที่ขอเสนอเพิ่มขึ้น นั้น ให้สำนักงบประมาณรับไปพิจารณารายละเอียดและความจำเป็นเหมาะสม แล้วให้เสนอ คณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||
3310 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อขยายทางหลวงเทศบาล สายถนนฉลองกรุง เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | มท | 27/09/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อขยายทางหลวงเทศบาล สายถนนฉลองกรุง เป็นกรณีที่มี ความจำเป็นโดยเร่งด่วน โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อขยายทางหลวงเทศ บาลสายถนนฉลองกรุง ในท้องที่แขวงลำผักชี เขตหนองจอก และแขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง กรุงเทพ มหานคร ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อขยายทางหลวงเทศบาล สาย ถนนฉลองกรุง พ.ศ. 2547 เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎ หมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 และมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2548
|
||||||||||||||||||||||||
3311 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางหลวงเทศบาล สายเชื่อมระหว่างถนนรัตนโกสินทร์สมโภชกับถนนนิมิตรใหม่ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | มท | 27/09/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางหลวงเทศบาลสายเชื่อมระหว่างถนนรัตนโกสินทร์ สมโภชกับถนนนิมิตรใหม่ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การเวนคืน อสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างทางหลวงเทศบาลสายเชื่อมระหว่างถนนรัตนโกสินทร์กับถนนนิมิตรใหม่ ในท้องที่ แขวงท่าแร้ง เขตบางเน แขวงออเงิน แขวงสายไหม และแขวงสามวาตะวันตก แขวงสามวาตะวันออก เขตคลอง สามวา กรุงเทพมหานคร ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวง เทศบาลสายเชื่อมระหว่างถนนรัตนโกสินทร์สมโภชกับถนนนิมิตรใหม่ พ.ศ. 2547 เป็นกรณีที่มีความจำเป็น และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้ว ดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะ รัฐมนตรี พ.ศ. 2548 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2548
|
||||||||||||||||||||||||
3312 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันในท้องที่ตำบลชะมวง อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง พ.ศ. .... | มท | 27/09/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดิน
อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลชะมวง อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ ถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช่ร่วมกันในท้อง ที่ตำบลชะมวง อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง บางส่วน เนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ 1 งาน 89 ตารางวา เพื่อให้กรม การขนส่งทางบกใช้เป็นที่ตั้งสำนักงานขนส่งจังหวัดพัทลุง สาขาอำเภอควนขนุน และให้ส่งสำนักงานคณะกรรม การกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอ เรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2548
|
||||||||||||||||||||||||
3313 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันในท้องที่ตำบลปากตม อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย พ.ศ. .... | มท | 27/09/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาถอน
สภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลปากตม อำเภอ เชียงคาน จังหวัดเลย พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ ถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันในท้องที่ตำบลปากตม อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย บางส่วน เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ เพื่อให้องค์การบริหารส่วนตำบลปากตมใช้ประโยชน์ในราชการ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรม การกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วย การเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2548
|
||||||||||||||||||||||||
3314 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดแก้วพิจิตร ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี ให้แก่กรมโยธาธิการและผังเมือง พ.ศ. .... | มท | 27/09/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์
ที่ธรณีสงฆ์ วัดแก้วพิจิตร ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี ให้แก่กรมโยธาธิการและ ผังเมือง พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดแก้วพิจิตร ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง ปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี ให้แก่กรมโยธาธิการและผังเมือง เพื่อสร้างและขยายถนนตามโครงการผังเมือง รวมเมืองปราจีนบุรี และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
3315 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวิชิต ตำบลตลาดเหนือ และตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. .... | มท | 27/09/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินใน
บริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวิชิต ตำบลตลาดเหนือ และตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัด ภูเก็ต พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดิน ในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวิชิต ตำบลตลาดเหนือ และตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัด ภูเก็ต เพื่อสร้างและขยายถนนวิรัชหงษ์หยก และเพื่อขยายถนนพัฒนา ซอย 3 ถนนบางกอก และถนนพูนผล ตามโครงการพัฒนาเมืองหลัก รอบที่ 2 ระยะแรก และให้นำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็น กฎหมายต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
3316 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวิชิต ตำบลตลาดเหนือ ตำบลตลาดใหญ่ และตำบลรัษฎา อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. .... | มท | 27/09/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน
ในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวิชิต ตำบลตลาดเหนือ ตำบลตลาดใหญ่ และตำบลรัษฎา อำเภอ เมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยมีสาระสำคัญ คือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวิชิต ตำบลตลาดเหนือ ตำบลตลาดใหญ่ และ ตำบลรัษฎา อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต เพื่อสร้างถนนสายหลักด้านใต้ ตามโครงการพัฒนาเมืองหลัก รอบที่ 2 ระยะแรก และให้นำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
3317 | รายงานผลการดำเนินการตั้งตู้นายกฯ ทักษิณ รับเรื่องร้องเรียนของประชาชนในรอบ 15 เดือน | มท | 20/09/2548 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับผลการดำเนินการ
ตั้งตู้นายก ฯ ทักษิณรับเรื่องร้องเรียนของประชาชน ในรอบ 15 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2547- 31 สิงหาคม 2548 ได้รับเรื่องร้องเรียน 19,561 เรื่อง จำแนกเป็น เรื่องร้องเรียนผ่านทางตู้นายกฯ ทักษิณ ที่ตั้งบริเวณบ้านพักผู้ว่าราชการจังหวัด 14,184 เรื่อง ซึ่งจังหวัดได้ให้ความช่วยเหลือ/แก้ไข ปัญหาแล้ว 9,170 เรื่อง และเรื่องร้องเรียนผ่านทางตู้นายก ฯ ทักษิณ หน้าบ้านพิษณุโลก กรุงเทพ ฯ คณะทำงานติดตามและประสานงานตามการสั่งการของนายกรัฐมนตรี (คตส.นรม.) ได้ส่งให้จังหวัด 5,377 เรื่อง ซึ่งจังหวัดได้ให้ความช่วยเหลือ/แก้ไขปัญหาแล้ว 3,228 เรื่อง ทั้งนี้ เรื่องร้องเรียน จำแนกตามกลุ่มปัญหาที่ได้รับจากหน้าบ้านพักผู้ว่าราชการจังหวัด และจากหน้าบ้านพิษณุโลก กรุง เทพ ฯ นับตั้งแต่เริ่มจัดตั้งตู้นายก ฯ ทักษิณ จนถึงปัจจุบัน กลุ่มปัญหาที่มีการร้องเรียนมากที่สุดคือ เรื่องความเดือดร้อนทั่วไป รองลงมาคือ กลุ่มเรื่องการกล่าวโทษเจ้าหน้าที่/หน่วยงานของรัฐ
|
||||||||||||||||||||||||
3318 | ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ (ฉบับที่ 2) | มท | 20/09/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การ
อนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ (ฉบับที่ 2) โดยมีสาระสำคัญ คืออนุญาตให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา ที่ได้จัดทำทะเบียนประวัติหรือบัตร ประจำตัวตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร และได้รับอนุญาตให้ทำงานตามกฎหมายว่าด้วยการทำ งานของคนต่างด้าว ปี พ.ศ. 2547 และผู้ติดตามที่ได้จัดทำทะเบียนประวัติ หรือบัตรประจำตัวตามกฎหมาย ว่าด้วยการทะเบียนราษฎร ซึ่งได้แก่ บิดา มารดา บุตร สามี ภรรยาของคนต่างด้าวดังกล่าวเข้ามาอยู่ในราช อาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อรอการส่งกลับจนถึงวันที่ 30 สิงหาคม 2548 และให้คนต่างด้าวและผู้ติด ตามดังกล่าว ไปรายงานตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อขอรับใบอนุญาตทำงานตามเงื่อนไข และระยะเวลาที่ กำหนด ภายในวันที่ 30 สิงหาคม 2548 รวมทั้งยกเว้นมิให้นำมาตรา 54 แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาใช้บังคับแก่คนต่างด้าวดังกล่าว ทั้งนี้ ไม่เกินวันที่ 30 มิถุนายน 2549 และให้ดำเนินการต่อ ไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
3319 | การจัดตั้งวิทยาเขต วิทยาลัยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย | มท | 20/09/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการจัดตั้งวิทยาเขต วิทยาลัยป้องกัน
และบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งได้เปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2547 มีวัตถุประสงค์ เพื่อดำเนินการพัฒนาบุคลากรทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาสาสมัครและประชาชน ในหลักสูตรต่าง ๆ อาทิ หลักสูตรเกี่ยวกับการดับเพลิง หลักสูตรเกี่ยวกับการกู้ภัยอาคารถล่ม หลักสูตรเกี่ยว กับการกู้ภัยสารเคมี หลักสูตรเกี่ยวกับการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน และหลักสูตรเกี่ยวกับการพัฒนาบุคลากร รวมทั้งพัฒนาหลักสูตรองค์ความรู้ด้านการจัดการภัยพิบัติ โดยขอความร่วมมือกับองค์กรหรือสถาบันที่มีความ ชำนาญเฉพาะทางเพื่อให้ความช่วยเหลือทางวิชาการทั้งจากภายในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังได้ จัดตั้งวิทยาเขต วิทยาลัยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ไปยังภูมิภาคต่าง ๆ อีกจำนวน 6 แห่ง ได้แก่ วิทยา เขตปราจีนบุรี วิทยาเขตเชียงใหม่ วิทยาเขตขอนแก่น วิทยาเขตสงขลา วิทยาเขตภูเก็ต และวิทยาเขตพิษณุโลก โดยวิทยาเขตทั้ง 6 แห่ง จะจัดให้มีการฝึกอบรมหลักสูตรการระงับอัคคีภัย หลักสูตรการค้นหาและช่วยเหลือผู้ ประสบภัย และหลักสูตรการจัดการภัยพิบัติโดยอาศัยชุมชนเป็นฐาน เป็นหลักสูตรพื้นฐานสำหรับเจ้าหน้าที่ ของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาสาสมัครและประชาชน โดยจะเชิญวิทยากรจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมีความชำนาญเฉพาะด้านมาบรรยายให้ความรู้แก่ผู้เข้ารับการอบรม
|
||||||||||||||||||||||||
3320 | ผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML) | มท | 20/09/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลความคืบหน้าการรายงานความ
พร้อมของหมู่บ้าน/ชุมชน ในการดำเนินการตามโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML) ครั้ง ที่ 7 ณ วันที่ 19 กันยายน 2548 โดยกระทรวงมหาดไทยได้ตรวจสอบความพร้อมของหมู่บ้าน/ชุมชนทั่ว ประเทศ และจัดทำบัญชีรายละเอียดสำหรับการพิจารณา จำนวน 43,827 หมู่บ้าน/ชุมชน จัดส่งให้สำนัก งานพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML) เพื่ออนุมัติโอนเงินงบประมาณให้หมู่บ้าน/ชุมชน แล้วแยก เป็น ภาคเหนือ 9,539 หมู่บ้าน/ชุมชน งบประมาณ 2,173,450,000 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19,473 หมู่บ้าน/ชุมชน งบประมาณ 4,489,600,000 บาท ภาคกลาง 10,643 หมู่บ้าน/ชุนชน งบ ประมาณ 2,492,400,000 บาท และภาคใต้ 4,172 หมู่บ้าน/ชุมชน งบประมาณ 998,100,000 บาท รวมเป็นเงินงบประมาณที่จะต้องใช้ในการโอนให้แก่หมู่บ้าน/ชุมชน จำนวนทั้งสิ้น 10,153.55 ล้านบาท ซึ่งเกินกว่าวงเงินงบประมาณของโครงการประจำปี พ.ศ. 2548 ที่ตั้งไว้ 9,000 ล้านบาท
|
.....