คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือน
สามัญสังกัดกระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่ง ระดับ 10  จำนวน 11 ราย  ตั้งแต่วันที่  1  ตุลาคม  2548
เป็นต้นไป  ประกอบด้วย  นายนันทชัย  สุนทรพิพิธ  นายนิวัฒน์  สวัสดิ์แก้ว   และนายวิชชา  ประสานเกลียว
ดำรงตำแหน่งนักปกครอง 10 สำนักงานปลัดกระทรวง นายเจด็จ มุสิกวงศ์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด
(นักปกครอง 10) จังหวัดชัยนาท  นายเชิดพันธ์  ณ  สงขลา  ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง
10) จังหวัดตรัง  นายอมรพันธุ์  นิมานันท์  ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง 10) จังหวัดตาก
นายนเรศ  จิตสุจริตวงศ์  ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด  (นักปกครอง  10)  จังหวัดปทุมธานี  นายภาณุ
อุทัยรัตน์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง 10) จังหวัดปัตตานี  นายวินัย  บัวประดิษฐ์  ดำรง
ตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัด  (นักปกครอง 10)  จังหวัดพังงา นายอนุวัฒน์  เมธีวิบูลวุฒิ  ดำรงตำแหน่งผู้ว่า
ราชการจังหวัด (นักปกครอง 10) จังหวัดสมุทรสงคราม และนายปรีชา  บุตรศรี  ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการ
จังหวัด (นักปกครอง 10) จังหวัดอุทัยธานี  ทั้ง นี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่อง
และการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548

         สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกัน
และบรรเทาสาธารณภัย  กระทรวงมหาดไทย  เกี่ยวกับสรุปสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือ
ประชาชนที่ประสบภัยจากพายุ "วีเซนเต" โดยสถานการณ์อุทกภัย ระหว่างวันที่ 13 - 15 กันยายน 2548  
มีพื้นที่ประสบภัย รวม  30  จังหวัด  113  อำเภอ  6  กิ่งอำเภอ 380 ตำบล 1,050 หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัด
สุโขทัย  พิษณุโลก  ลำปาง  แม่ฮ่องสอน  เชียงใหม่  นครสวรรค์  ตาก  อุบลราชธานี  บุรีรัมย์  ปราจีนบุรี  
นครนายก ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ฉะเชิงเทรา สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี  สุพรรณ
บุรี  ชัยนาท  นนทบุรี สมุทรปราการ ปทุมธานี  นครปฐม  กาญจนบุรี  สระแก้ว  สระบุรี  และกรุงเทพ ฯ  
ความเสียหายด้านชีวิต  ราษฎรเดือดร้อน 194,971 คน 56,792 ครัวเรือน เสียชีวิต 4 คน ด้านทรัพย์สิน 
ถนน  468 สายสะพาน 22 แห่ง  พื้นที่การเกษตร  206,323  ไร่  ฝาย/พนังกั้นน้ำ  25  แห่ง  บ้านเรือน
เสียหายบางส่วน  2,158  หลัง  ปศุสัตว์ 1,500 ตัว  บ่อปลา 25 บ่อ มูลค่าความเสียหาย อยู่ระหว่างการ
สำรวจ   สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน  จังหวัดที่ยังคงมีน้ำท่วมขัง  ได้แก่  จังหวัดสมุทรปราการ กรุงเทพ ฯ 
และปริมณฑล  ปราจีนบุรี  พิษณุโลก ตาก และฉะเชิงเทรา ในส่วนของการให้ความช่วยเหลือ ได้สั่งการให้
จังหวัดที่ประสบอุทกภัยแก้ไขปัญหาในพื้นที่ต่าง ๆ  ที่ยังมีน้ำท่วมขัง  โดยระดมเครื่องสูบน้ำจากทุกหน่วย
งานทำการสูบน้ำที่ท่วมขังและภายหลังจากที่น้ำลด ให้ระดมเครื่องจักรกลจากหน่วยงานในพื้นที่ให้ความ
ช่วยเหลือสนับสนุนในการล้างทำความสะอาดดินโคลนบนถนนและอาคารบ้านเรือน เป็นต้น

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคกู้เงินระยะสั้น
กับธนาคารที่มีเงื่อนไขเหมาะสมที่สุด เป็นระยะเวลา 15 เดือน (ตุลาคม 2548-ธันวาคม 2549) ในวงเงิน
3,000 ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลความคืบหน้าการรายงานความ
พร้อมของหมู่บ้าน/ชุมชน ในการดำเนินการตามโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML) ครั้ง
ที่ 6 ข้อมูล  ณ วันที่  12  กันยายน  2548  โดยกระทรวงมหาดไทยได้ตรวจสอบความพร้อมของหมู่บ้าน/
ชุมชน ทั่วประเทศและจัดทำบัญชีรายละเอียดสำหรับการพิจารณา จำนวน 35,745 หมู่บ้าน/ชุมชน จัดส่ง
ให้สำนักงานพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML)  เพื่ออนุมัติโอนเงินงบประมาณให้หมู่บ้าน/ชุมชน
แล้ว แยกเป็น ภาคเหนือ 8,621 หมู่บ้าน/ชุมชน งบประมาณ 1,957,100,000 บาท ภาคตะวันออกเฉียง
เหนือ 15,212 หมู่บ้าน/ชุมชน  งบประมาณ 3,504,850,000 บาท  ภาคกลาง  8,788  หมู่บ้าน/ชุมชน 
งบประมาณ  2,055,900,000  บาท และภาคใต้  3,124  หมู่บ้าน/ชุมชน  งบประมาณ  743,200,000
บาท  ทั้งนี้  เมื่อได้มีการอนุมัติโอนเงินงบประมาณให้หมู่บ้าน/ชุมชน แล้ว จะมีเงินงบประมาณจัดสรรลงสู่
พื้นที่หมู่บ้าน/ชุมชน จำนวน 8,261,050,000 บาท

                  คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการประชุมหารือร่วมกันกับ
หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรื่อง การขุดลอกคลองและการนำดินขึ้นมาใช้ประโยชน์ เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2548 
ณ   ทำเนียบรัฐบาล  โดยที่ประชุมได้มีมติให้กรมธนารักษ์ปรับแก้กฎหมายหรือระเบียบกระทรวงการคลัง 
เพื่อให้สามารถถือปฏิบัติตามนโยบายขุดลอกได้  เช่น ที่ดินในเขตชลประทาน ที่ราชพัสดุที่เป็นกรรมสิทธิ์
ของกรมธนารักษ์ ฯลฯ โดยให้เอกชนสามารถนำดินหรือทรายที่ขุดลอกได้ไปใช้ประโยชน์และให้เร่งดำเนิน
การโดยเร็ว   ส่วนหน่วยงานที่มีพื้นที่ที่สามารถจะขุดลอกได้  เช่น  กรมป่าไม้ กรมอุทยานฯ  มอบให้ผู้ช่วย
รัฐมนตรีประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับไปดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายและ
ระเบียบต่อไป และให้ทุกส่วนราชการที่มีหน้าที่ดูแลและรักษาที่ดินในความรับผิดชอบ มอบอำนาจให้ผู้ว่า
ราชการจังหวัดดำเนินการเช่นเดียวกับกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวีเพื่อให้ถือปฏิบัติตามระเบียบ
กระทรวงมหาดไทย  ว่าด้วยวิธีการเกี่ยวกับการขุดลอกแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์ที่ตื้นเขิน  พ.ศ.  2547 
ได้ โดยให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช) เป็นผู้กำกับดูแลนโยบาย
ขุดลอกดังกล่าว เพื่อบูรณาการขุดลอกได้ทั่วทุกพื้นที่ของประเทศ

             สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจน 
(ศตจ.มท.) กระทรวงมหาดไทย เกี่ยวกับการประชุมกลุ่มจังหวัดเพื่อการพัฒนายุทธศาสตร์จังหวัดและ
การแก้ไขปัญหายาเสพติด  ผู้มีอิทธิพล  ความยากจน และนโยบายเร่งด่วนของกระทรวงมหาดไทยใน
ระดับพื้นที่  ในภาคเหนือ  ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  เมื่อวันที่  29 สิงหาคม 2548 ณ 
จังหวัดเชียงราย วันที่ 7 กันยายน 2548 ณ กรุงเทพมหานคร และวันที่ 9 กันยายน 2548 ณ จังหวัด
ขอนแก่น เพื่อรับฟังผลการดำเนินงาน ปัญหาข้อจำกัด และข้อเสนอแนะจากกลุ่มจังหวัดต่างๆ รวมทั้ง
ได้เน้นย้ำการดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย    โดยในส่วนของ
การนำเสนอผลการดำเนินงานของกลุ่มจังหวัด    ได้แก่   การดำเนินงานตามยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัด 
การดำเนินการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดและผู้มีอิทธิพล   การดำเนินงานต่อสู้เพื่อเอาชนะความยาก
จน ความมั่นคงและความสงบเรียบร้อย และงานนโยบายเร่งด่วนสำคัญของรัฐบาล    ในการนี้ได้มอบ
นโยบายและแนวทางการดำเนินการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปลัดจังหวัด 
และนายอำเภอ  รับไปดำเนินการในเรื่อง  การวางแผนและการบริหารจัดการเชิงยุทธศาสตร์พัฒนา
และเรียนรู้ระบบภูมิศาสตร์  (GIS) การบริหารงานของผู้ว่าราชการจังหวัด   การบริหารงบประมาณ 
การดำเนินการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด การปราบปรามผู้มีอิทธิพลและการแก้ไขปัญหาความยาก
จน ส่วนประเด็นงานสำคัญอื่นๆ ซึ่งได้เน้นย้ำแก่ที่ประชุม ได้แก่ โครงการ SML การก่อสร้างฝายแม้ว 
การขุดลอกคลองโดยไม่ใช้งบประมาณเพื่อเป็นแหล่งกักเก็บน้ำไม่ให้เกิดอุทกภัย  ถนนคอนกรีตเสริม
ไม้ไผ่   การป้องกันอุทกภัย  การให้ความช่วยเหลือผู้สูงอายุ  เรื่อง OTOP  มาตรการสร้างเสถียรภาพ
ทางเศรษฐกิจ การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ  คาราวานแก้จน ทรัพยากรธรรมชาติป่าไม้  เรื่อง
สถานบริการและการจัดระเบียบสังคม และเรื่องไข้หวัดนก

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสรุปข้อมูลความก้าวหน้าในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย
จากแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์  ครั้งที่ 18  ดังนี้  การจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย (จนถึงวันที่ 29 สิงหาคม
2548) ได้จ่ายเงินช่วยเหลือไปแล้วรวมเป็นเงิน 609,476,615 บาท  การจ่ายเงินช่วยเหลือชาวประมงและผู้
เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ  (ข้อมูล ณ วันที่ 24 สิงหาคม 2548)  รวมเป็นเงิน  515,494,405 บาท การจ่ายเงินช่วย
เหลือผู้ประกอบการรายย่อย  ได้จ่ายเงินให้ผู้ประกอบการรายย่อยถึงวันที่  22  มิถุนายน  2548  จากยอด
100 ล้านบาท จ่ายแล้ว 4,237 ราย เป็นเงิน 83,910,000 บาท และในวันที่ 16 มิถุนายน 2548 ได้อนุมัติ
ความช่วยเหลือให้ผู้ประกอบการรายย่อยเพิ่มเติมอีก 2,830 ราย  เป็นเงิน 53,110,000 บาท  การจัดหาที่
อยู่อาศัยให้แก่ผู้ประสบภัย การก่อสร้างบ้านพักถาวร  (หลังละ 100,000  บาท) โดย ณ วันที่ 31 สิงหาคม 
2548 ก่อสร้างแล้วเสร็จรวม 1,907 หลัง ส่วนผลความคืบหน้าการตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลและบริหาร
จัดการศพของศูนย์ปฏิบัติการฯ (TTVI)  ณ วันที่ 29 สิงหาคม 2548  มียอดจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด 5,395 
คน   สามารถพิสูจน์ยืนยันบุคคลและรับศพไปแล้ว 2,218 ศพ คงเหลือศพที่รอการยืนยัน 1,490 ศพ  นอก
จากนี้  กรมที่ดินได้ดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่เอกสารสิทธิชำรุด   สูญหาย   และทำการรังวัดปูเขต
ที่ดินที่หลักเขตสูญหาย  ช่วยเหลือการจัดระเบียบที่ดิน   รวมทั้งการจัดเก็บและบันทึกข้อมูลการช่วยเหลือผู้
ประสบภัยในระบบฐานข้อมูล (Database) ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลความคืบหน้าการรายงานความ
พร้อมของหมู่บ้าน/ชุมชน ในการดำเนินการตามโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML) ครั้ง
ที่ 5  ข้อมูล  ณ  วันที่  5  กันยายน  2548  โดยกระทรวงมหาดไทยได้ตรวจสอบความพร้อมของหมู่บ้าน/
ชุมชนทั่วประเทศ และจัดทำบัญชีรายละเอียดสำหรับการพิจารณา จำนวน 27,543 หมู่บ้าน/ชุมชน จัดส่ง
ให้สำนักงานพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML)  เพื่ออนุมัติโอนเงินงบประมาณให้หมู่บ้าน/ชุมชน
แล้ว แยกเป็น ภาคเหนือ 6,128 หมู่บ้าน/ชุมชน งบประมาณ 1,363,750,000 บาท  ภาคตะวันออกเฉียง
เหนือ 12,248 หมู่บ้าน/ชุมชน งบประมาณ  2,819,900,000  บาท  ภาคกลาง  6,634  หมู่บ้าน/ชุมชน
งบประมาณ 1,554,500,000 บาท และภาคใต้ 2,533 หมู่บ้าน/ชุมชน งบประมาณ 598,100,000 บาท
ทั้งนี้ เมื่อได้มีการอนุมัติโอนเงินงบประมาณให้หมู่บ้าน/ชุมชน แล้วจะมีเงินงบประมาณจัดสรรลงสู่พื้นที่หมู่
บ้าน/ชุมชนจำนวน 6,336,250,000 บาท

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือน
สามัญสังกัดกระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่งระดับ 10 จำนวน 37 ราย ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2548 ยก
เว้นลำดับที่ 36 นายชุมพร พลรักษ์ ดำรงตำแหน่งนักปกครอง 10 สำนักงานปลัดกระทรวง  และลำดับที่ 37
นายบุญสนอง บุญมี  ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการ 10) สำนักงานปลัดกระทรวง
ตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม 2548 เป็นต้นไป  ทั้งนี้  ตามมาตรา 7  แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและ
การประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 6.2 (ฝ่าย
กฎหมาย ฯ) ที่มีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการยกเลิกการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ  กำหนดให้ผู้จัดสรรที่ดินที่ประสงค์จะยก
เลิกการจัดสรรที่ดินยื่นคำขอต่อเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดหรือเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสาขาแห่งท้องที่ซึ่งที่ดิน
นั้นตั้งอยู่ และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา  โดยรับประเด็นอภิปรายของคณะกรรม
การกลั่นกรอง ฯ  และข้อสังเกตของคณะเจรจาข้อตกลงและการประเมินการพัฒนากฎหมายของส่วนราชการ
คณะที่ 8  โดยในส่วนของข้อสังเกตของคณะเจรจา ฯ มีดังนี้ กรณีที่กำหนดให้การขอยกเลิกการจัดสรรที่ดินจะ
ทำได้ต่อเมื่อได้รับความยินยอมจากผู้ซื้อที่ดินจัดสรรทุกราย และกรณีที่กำหนดให้การยื่นคำขอยกเลิกการจัด
สรรที่ดินจะต้องมีหนังสือแสดงความยินยอมจากผู้ซื้อที่ดินจัดสรรทุกราย  อาจก่อให้เกิดความยุ่งยาก  และไม่
สอดคล้องกับพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546   รวมทั้ง
กรอบนโยบายการพัฒนากฎหมายของส่วนราชการ ส่วนกรณีกำหนดให้เจ้าหน้าที่จดแจ้งในโฉนดที่ดิน หรือ
หนังสือรับรองการทำประโยชน์เกี่ยวกับการยกเลิกการจัดสรรที่ดินแปลงที่เป็นสาธารณูปโภคและให้พ้นจาก
ภาระจำยอมด้วยอาจขัดกับกฎหมายแม่บท และทำให้ประชาชนไม่ได้รับความคุ้มครองในด้านสาธารณูปโภค
และไม่สอดคล้องกับกรอบนโยบายการพัฒนากฎหมายของส่วนราชการ ไปพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อ
ไปได้

           คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอดังนี้ เห็นชอบแผนงานการจ่ายค่าชดเชยให้
แก่เกษตรกรที่งดปลูกข้าวและพืชอาหาร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548  ของจังหวัดตาก  โดยมีเกษตรกร
ที่ต้องงดปลูกข้าวและพืชอาหารซึ่งเป็นผลกระทบจากการปนเปื้อนของสารแคดเมี่ยมในบริเวณลุ่มน้ำแม่ตาว
จังหวัดตาก รวม 3 ตำบล 12 หมู่บ้าน 13,438-3-40 ไร่  เกษตรกรรวม 903 ราย  และอนุมัติเงินงบกลาง
ประจำปี พ.ศ. 2548  รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น หรืองบกลางรายการอื่น เป็นจำนวน
เงิน  56,711,947  บาท เพื่อให้จังหวัดตากนำไปจ่ายชดเชยให้แก่เกษตรกรดังกล่าว  ทั้งนี้  ให้ขอตกลงราย
ละเอียดด้านการเงินกับสำนักงบประมาณและเร่งดำเนินการโดยเร็วต่อไป โดยให้รับความเห็นของกระทรวง
พาณิชย์ที่เห็นว่า  การจ่ายเงินช่วยเหลือดังกล่าวควรเป็นมาตรการในระยะสั้น  และจัดทำแผนส่งเสริมอาชีพ
ด้านอื่นที่เหมาะสมแก่เกษตรกร   รวมทั้งพิจารณาตรวจสอบควบคุมให้พื้นที่ที่ได้รับการชดเชยเป็นพื้นที่ที่ได้
รับผลกระทบอย่างแท้จริง  และความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นควรเร่งรัด
ผู้ประกอบการที่เป็นแหล่งกำเนิดมลพิษปฏิบัติตามคำแนะนำในทางวิชาการ   และดำเนินมาตรการป้องกัน
การปนเปื้อนจากสารแคดเมี่ยมอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย และมอบให้กระทรวงเกษตรและ
สหกรณ์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งดำเนินการตามอำนาจหน้าที่เพื่อฟื้นฟูสภาพ
ดินในบริเวณลุ่มน้ำแม่ตาว   ควบคุมป้องกันการปนเปื้อนของสารแคดเมี่ยมอย่างเคร่งครัด   และส่งเสริมให้
เกษตรกรใช้ประโยชน์จากที่ดินในการประกอบอาชีพในบริเวณดังกล่าวอย่างเหมาะสมต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์
และวิธีการจัดเก็บข้อมูลทะเบียนประวัติราษฎร พ.ศ. .... ที่ได้แก้ไขปรับปรุงเกี่ยวกับวิธีการจัดเก็บข้อมูลทะเบียน
ประวัติราษฎร ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 (ฝ่ายความมั่นคง) แล้ว  โดย
ร่างกฎกระทรวง ฯ  มีสาระสำคัญคือ  กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการจัดเก็บข้อมูลทะเบียนประวัติราษฎร
รวมทั้งการกำหนดเงื่อนไข หลักเกณฑ์ และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติม  ลบ  หรือทำให้ทันสมัยซึ่งข้อมูลใด ๆ ในข้อมูล
ทะเบียนประวัติราษฎร และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

               สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับผลการดำเนินการตั้งตู้
นายก ฯ ทักษิณรับเรื่องร้องเรียนของประชาชน ในรอบ 14 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2547-31 กรกฎา
คม 2548  ได้รับเรื่องร้องเรียน  18,691  เรื่อง  จำแนกเป็น  เรื่องร้องเรียนผ่านทางตู้นายก ฯ ทักษิณ  ที่ตั้ง
บริเวณบ้านพักผู้ว่าราชการจังหวัด  13,725  เรื่อง   ซึ่งจังหวัดได้ให้ความช่วยเหลือ/แก้ไขปัญหาแล้ว  8,888
เรื่อง สำหรับเรื่องร้องเรียนผ่านทางตู้นายกฯ ทักษิณ หน้าบ้านพิษณุโลก กรุงเทพ ฯ คณะทำงานติดตามและ
ประสานงานตามการสั่งการของนายกรัฐมนตรี (คตส.นรม.) ได้ส่งให้จังหวัด  4,966  เรื่อง   ซึ่งจังหวัดได้ให้
ความช่วยเหลือ/แก้ไขปัญหาแล้ว  2,994  เรื่อง  ทั้งนี้  เรื่องร้องเรียนจำแนกตามกลุ่มปัญหาที่ได้รับจากหน้า
บ้านพักผู้ว่าราชการจังหวัด และจากหน้าบ้านพิษณุโลก กรุงเทพ ฯ  นับตั้งแต่เริ่มจัดตั้งตู้นายก ฯ ทักษิณ  จน
ถึงปัจจุบันกลุ่มปัญหาที่มีการร้องเรียนมากที่สุดคือ  เรื่องความเดือดร้อนทั่วไป   รองลงมาคือ  กลุ่มเรื่องการ
กล่าวโทษเจ้าหน้าที่/หน่วยงานของรัฐ และกลุ่มการแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอโครงการรณรงค์
ก่อสร้างฝายแม้ว (Check  Dam) ตามแนวพระราชดำริ  "โครงการ 80 พรรษา 80 พันฝาย"  โดยมีระยะเวลา
ดำเนินการ 3 ปี ๆ ละ 80,000 ฝาย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549-พ.ศ. 2551 รวมทั้งสิ้น  240,000  ฝาย  โดยให้รับ
ความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เห็นว่า ในการกำหนดพื้นที่ก่อสร้างฝายแม้วควรเลือกพื้นที่ที่ลาด
ชันและมีการกัดเซาะหน้าดินสูง  และพิจารณาสร้างฝายต้นน้ำลำธาร (Check Dam) เหนืออ่างเก็บน้ำต่าง ๆ
ตามแนวร่องน้ำเป็นระยะ ๆ ลดหลั่นลงมา และจ่ายน้ำไปรอบ ๆ ตัวฝาย  รวมทั้งความเห็นของสำนักงานคณะ
กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการร่วมกับกรมอุทยานแห่ง
ชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และจังหวัด เพื่อให้ได้พื้นที่เป้าหมายที่เหมาะสม ลดความซ้ำซ้อนของแหล่งที่ตั้ง และ
มีการใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิผล   กับให้เพิ่มบทบาทของคณะกรรมการสนับสนุนการดำเนินงาน
โครงการฝายต้นน้ำลำธารที่จัดตั้งขึ้นให้มีหน้าที่รวมถึงการกำกับการดำเนินโครงการ ฯ  ติดตามผลของการ
ฟื้นฟู ความสมบูรณ์ของผืนป่า  และรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานให้คณะรัฐมนตรีทราบทุก 3 เดือน
ไปพิจารณาด้วย  ทั้งนี้  คณะรัฐมนตรีเห็นว่า  เพื่อมิให้เกิดปัญหาความซ้ำซ้อน  และเพื่อให้สอดคล้องกับแผน
แม่บทการพัฒนาลุ่มน้ำ  ให้กระทรวงมหาดไทยประสานและวางแผนการดำเนินการตามโครงการ ฯ ร่วมกับ
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม    และพิจารณาความเหมาะสมในเชิงเทคนิค   แนวทางการติด
ตาม ตรวจสอบผลการดำเนินงาน ตลอดจนความเหมาะสมของราคาต่อหน่วย  (unit cost)  ซึ่งต้องคำนึงถึง
ขนาดและลักษณะที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ และให้พิจารณานำระบบดาวเทียม  (GSP)  มาใช้ประโยชน์ใน
การกำหนดที่ตั้งและติดตามตรวจสอบผลการดำเนินการด้วย

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลความคืบหน้าการรายงานความ
พร้อมของหมู่บ้าน/ชุมชน ในการดำเนินการตามโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML) ครั้ง
ที่  4  ข้อมูล ณ วันที่  29  สิงหาคม  2548  โดยกระทรวงมหาดไทยได้ตรวจสอบความพร้อมของหมู่บ้าน/
ชุมชน ทั่วประเทศ และจัดทำบัญชีรายละเอียดสำหรับการพิจารณาจำนวน 23,110 หมู่บ้าน/ชุมชน จัดส่ง
ให้สำนักงานพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML)  เพื่ออนุมัติโอนเงินงบประมาณให้หมู่บ้าน/ชุมชน
แล้ว แยกเป็น ภาคเหนือ 4,989 หมู่บ้าน/ชุมชน งบประมาณ 1,094,400,000 บาท ภาคตะวันออกเฉียง
เหนือ 10,883 หมู่บ้าน/ชุมชน งบประมาณ 2,499,650,000 บาท ภาคกลาง 5,019 หมู่บ้าน/ชุมชน งบ
ประมาณ 1,176,300,000 บาท  และภาคใต้ 2,219 หมู่บ้าน/ชุมชน งบประมาณ  519,700,000  บาท
ทั้งนี้  เมื่อได้มีการอนุมัติโอนเงินงบประมาณให้หมู่บ้าน/ชุมชน  แล้ว  จะมีเงินงบประมาณจัดสรรลงสู่พื้นที่
หมู่บ้าน/ชุมชน จำนวน 5,290,050,000 บาท

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอการแต่งตั้งข้าราชการพล
เรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย ระดับ 10  ให้ดำรงตำแหน่งใหม่ จำนวน 9 ราย ประกอบด้วย นาย
รัชทิน ศยามานนท์  นายสมศักดิ์ แก้วสุทธิ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง  (นักบริหาร 10)  สำนักงาน
ปลัดกระทรวง  นายชาญชัย  สุนทรมัฎฐ์  ดำรงตำแหน่งอธิบดี  (นักบริหาร 10)  กรมการปกครอง  นาย
นิรันดร์ จงวุฒิเวศย์ ดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหาร 10) กรมการพัฒนาชุมชน นายพีรพล ไตรทศาวิทย์
ดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหาร 10) กรมที่ดิน  นายอนุชา โมกขะเวส ดำรงตำแหน่งอธิบดี  (นักบริหาร
10)  กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย  นายฐิระวัตร  กุลละวณิชย์  ดำรงตำแหน่งอธิบดี  (นักบริหาร
10)  กรมโยธาธิการและผังเมือง  นายพลวัต  ชยานุวัชร   และนายสุวัฒน์  ตันประวัติ  ดำรงตำแหน่งรอง
อธิบดี (นักบริหาร  9) กรมการปกครอง  ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2548  ทั้งนี้  ตามมาตรา 7 แห่งพระราช
กฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548

            สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ภาค
เหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน  (เชียงใหม่  แม่ฮ่องสอน  เชียงราย  น่าน  ลำปาง  พะเยา  ลำพูน
สุโขทัย นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ  และอุบลราชธานี)  ของกระทรวงมหาดไทย โดยข้อมูล ณ วันที่ 29  
สิงหาคม 2548 มีพื้นที่ประสบภัยรวม 12 จังหวัด 80 อำเภอ 5 กิ่งอำเภอ 424 ตำบล 1,989 หมู่บ้าน ราษฎร
เสียชีวิต 12 คน สูญหาย 6 คน สะพานเสียหาย 165 แห่ง ถนนเสียหาย 373 สาย พื้นที่การเกษตร 389,430
ไร่ ฝาย/พนังกั้นน้ำ  176  แห่ง  บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 2,135 หลัง  ปศุสัตว์ 34,395 ตัว  บ่อปลา 1,480
บ่อปัจจุบันพื้นที่สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายลงแล้ว 8 จังหวัด และยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย  4  จังหวัด  ใน
ด้านการให้ความช่วยเหลือ  ได้มอบถุงยังชีพให้แก่ราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อน  แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค
น้ำดื่ม  ระดมเรือท้องแบนสนับสนุนเข้าไปช่วยเหลือในพื้นที่ที่ระดับน้ำยังท่วมสูง   และจัดส่งเรือท้องแบนพร้อม
กำลังพลของทหาร  สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ไปสนับสนุนและบริการประชาชน  สำหรับการตรวจสถาน
การณ์ภัยแล้งและอุทกภัยในจังหวัดนครราชสีมาและนครพนม ได้มีข้อสั่งการในการแก้ไขปัญหาภัยแล้งทั้งระยะ
สั้น และระยะกลาง อาทิ การเร่งจ่ายเงินชดเชยภัยแล้งปี 2547/2548 แก่เกษตรกรโดยด่วน  ซ่อม/เป่าล้างบ่อ
บาดาล สร้างประปาหมู่บ้านให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน  การขอโอนงบประมาณสำหรับโครงการที่มีแบบแล้ว
แต่ยังไม่มีงบประมาณ  เป็นต้น   ส่วนระยะยาวให้สำรวจพื้นที่ที่จะทำการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ/แก้มลิง  และการ
ใช้ประโยชน์ที่เหมาะสม  จัดทำเขื่อนยางในลำน้ำพร้อมประตูปิด-เปิดน้ำทั้งระบบ  ขุดลอกแหล่งน้ำ   พร้อมทั้ง
แจกจ่ายถุงยังชีพให้แก่ประชาชนที่ประสบภัย

            สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับผลการดำเนินการตั้งตู้
นายก ฯ   ทักษิณรับเรื่องร้องเรียนของประชาชน  ในรอบ 13 เดือน  ตั้งแต่วันที่  1  มิถุนายน  2547-30 
มิถุนายน 2548  ได้รับเรื่องร้องเรียน 17,661 เรื่อง จำแนกเป็น เรื่องร้องเรียนผ่านทางตู้นายกฯ ทักษิณ  
ที่ตั้งบริเวณบ้านพักผู้ว่าราชการจังหวัด  13,253  เรื่อง    ซึ่งจังหวัดได้ให้ความช่วยเหลือ/แก้ไขปัญหาแล้ว 
8,531 เรื่อง และเรื่องร้องเรียนผ่านทางตู้นายก ฯ  ทักษิณ  หน้าบ้านพิษณุโลก  กรุงเทพ ฯ  คณะทำงาน
ติดตามและประสานงานตามการสั่งการของนายกรัฐมนตรี (คตส.นรม.) ได้ส่งให้จังหวัด 4,408 เรื่อง ซึ่ง
จังหวัดได้ให้ความช่วยเหลือ/แก้ไขปัญหาแล้ว  2,630 เรื่อง  ทั้งนี้ เรื่องร้องเรียนจำแนกตามกลุ่มปัญหาที่
ได้รับจากหน้าบ้านพักผู้ว่าราชการจังหวัด   และจากหน้าบ้านพิษณุโลก  กรุงเทพ ฯ  นับตั้งแต่เริ่มจัดตั้งตู้
นายก ฯ ทักษิณ จนถึงปัจจุบัน  กลุ่มปัญหาที่มีการร้องเรียนมากที่สุดคือ เรื่องความเดือดร้อนทั่วไป รอง
ลงมาคือ  กลุ่มเรื่องการกล่าวโทษเจ้าหน้าที่/หน่วยงานของรัฐ และกลุ่มการแจ้งเบาะแสการกระทำความ
ผิด

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งตั้งนางพัฒนา
อุกฤษณ์ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์  10  วช  (ด้านรังสีวิทยา)  ภาควิชารังสีวิทยา  วิทยาลัยแพทย
ศาสตร์ กรุงเทพมหานคร และวชิรพยาบาล สำนักการแพทย์  ตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน 2547  ซึ่งเป็น
วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์  ทั้งนี้  ตามมาตรา  7  แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่อง
และการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอให้ดำเนินการสร้างระบบรับ
น้ำของการประปาส่วนภูมิภาคในพื้นที่ภาคตะวันออก รวม  4  แห่ง ได้แก่ บริเวณโรงกรองน้ำ อำเภอบ้าน
ค่าย ประปาภูมิภาคจังหวัดระยอง จำนวน 25 บ่อ บริเวณสถานีจ่ายน้ำ ประปาภูมิภาคมาบตาพุด จำนวน
5  บ่อ  บริเวณจุดจ่ายน้ำ  ศาลากลางจังหวัดระยอง  จำนวน  4  บ่อ   และบริเวณประปาภูมิภาค  อำเภอ
สัตหีบจังหวัดชลบุรี จำนวน  22  บ่อ และอนุมัติงบประมาณค่าใช้จ่ายเพื่อการดำเนินการดังกล่าวในวงเงิน
33,915,200 บาท โดยให้เบิกจ่ายจากเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น และให้การประปาส่วนภูมิภาคขอตกลงในรายละเอียด
ด้านการเงินกับสำนักงบประมาณต่อไป    รวมทั้งให้ประสานกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด
ล้อมเร่งรัดการดำเนินการดังกล่าวเป็นกรณีเร่งด่วนให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาดำเนินการ 60 วัน (จาก
เดิมที่กำหนดไว้ 120 วัน)