คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลความคืบหน้าการรายงานความ
พร้อมของหมู่บ้าน/ชุมชน ในการดำเนินการตามโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML) ครั้ง
ที่ 3  ข้อมูล  ณ วันที่  22  สิงหาคม  2548  โดยกระทรวงมหาดไทยได้ตรวจสอบความพร้อมของหมู่บ้าน/
ชุมชน ทั่วประเทศ และจัดทำบัญชีรายละเอียดสำหรับการพิจารณาจำนวน 18,834 หมู่บ้าน/ชุมชน จัดส่ง
ให้สำนักงานพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML)  เพื่ออนุมัติโอนเงินงบประมาณให้หมู่บ้าน/ชุมชน
แล้ว แยกเป็น ภาคเหนือ 4,057 หมู่บ้าน/ชุมชน งบประมาณ  873,950,000  บาท  ภาคตะวันออกเฉียง
เหนือ 9,253 หมู่บ้าน/ชุมชน งบประมาณ 2,113,050,000 บาท ภาคกลาง  3,886  หมู่บ้าน/ชุมชน งบ
ประมาณ 914,900,000 บาท  และภาคใต้  1,638  หมู่บ้าน/ชุมชน  งบประมาณ  379,350,000  บาท 
ทั้งนี้  เมื่อได้มีการอนุมัติโอนเงินงบประมาณให้หมู่บ้าน/ชุมชน  แล้ว  จะมีเงินงบประมาณจัดสรรลงสู่พื้นที่
หมู่บ้าน/ชุมชน จำนวน 4,281,250,000 บาท

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ
วันที่ 24 สิงหาคม 2547 ผ่อนผันให้อยู่ชั่วคราว 1 ปีของบุคคลบนพื้นที่สูงแและชุมชนบนพื้นที่สูง โดยผ่อน
ผันให้เฉพาะกลุ่มบุคคลบนพื้นที่สูงและชุมชนบนพื้นที่สูง  (บุคคลเป้าหมายที่ขอลงรายการสัญชาติไทยขอ
สัญชาติไทย   และขอสถานะคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมาย)  อยู่อาศัยในประเทศไทยเป็นการ
ชั่วคราวต่อไปได้อีก  3  เดือน  นับตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม-24 พฤศจิกายน 2548 และให้กระทรวงมหาด
ไทย กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  เร่งรัดดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมายตามมติ
คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2547 (เรื่อง การดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 สิงหา
คม 2546  ผ่อนผันให้อยู่ชั่วคราว  1  ปี  ของบุคคลบนพื้นที่สูงและชุมชนบนพื้นที่สูง)  ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินการแก้ไขปัญหาสถานะและสิทธิของบุคคลบนพื้นที่สูงและชุมชนบนพื้นที่สูง ตลอด
จนผู้ที่อพยพเข้ามาในประเทศไทย เป็นไปอย่างเป็นระบบ มีความรอบคอบ รัดกุมและสอดคล้องกับสภาพ
ปัญหาที่เป็นอยู่ในปัจจุบันให้กระทรวงมหาดไทยรับเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมหารือในเรื่องนี้ร่วมกับรอง
นายกรัฐมนตรี  (พลตำรวจเอก ชิดชัย  วรรณสถิตย์)  รองนายกรัฐมนตรี   (นายสุรเกียรติ์   เสถียรไทย)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ  และรัฐมนตรีประจำสำนักนายก
รัฐมนตรี (นายเนวิน ชิดชอบ) เพื่อกำหนดกรอบทิศทางในการดำเนินการเชิงนโยบายให้เป็นที่ยุติชัดเจน
ก่อน แล้วจึงจัดการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ  ทั้งหมดอีกครั้งหนึ่ง  โดยให้พิจารณายุทธ
ศาสตร์การจัดการปัญหาสถานะสิทธิของบุคคล   ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่  18  มกราคม  2548
(เรื่อง ผลการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ  ครั้งที่  1/2548)  เห็นชอบและอนุมัติไว้แล้วประกอบด้วย
แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป

            สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกัน
และบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย  เกี่ยวกับสรุปสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือใน
พื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ในช่วงวันที่ 13-22  สิงหาคม 2548 มีพื้นที่ประสบภัย 
จำนวน 12 จังหวัด  69 อำเภอ 4 กิ่งอำเภอ 335 ตำบล 1,329 หมู่บ้าน   ความเสียหายด้านชีวิต  ประชาชน
เสียชีวิต 11 คน  สูญหาย 8 คน บาดเจ็บ 85 คน เดือดร้อน 146,277 คน 41,455 ครัวเรือน ด้านทรัพย์สิน 
สะพาน 170 แห่ง  ถนน 388 สาย  พื้นที่การเกษตร262,663 ไร่  ฝาย/พนังกั้นน้ำ 176 แห่ง บ้านเรือนเสีย
หายทั้งหลัง  2,135  หลัง  ปศุสัตว์  34,395  ตัว  บ่อปลา  1,365  บ่อ  มูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการ
สำรวจ  สถานการณ์ปัจจุบัน  พื้นที่อุทกภัย  7 จังหวัด  ได้แก่  จังหวัดเชียงใหม่  แม่ฮ่องสอน  เชียงราย  น่าน 
ลำปาง พะเยา และลำพูน  ระดับน้ำลดลงและสถานการณ์คลี่คลายแล้ว  แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังพื้นที่การเกษตร
บางพื้นที่ส่วนพื้นที่ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย  5  จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุโขทัย นครพนม มุกดาหาร อำนาจ
เจริญ  และอุบลราชธานี ซึ่งจังหวัดต่าง ๆ ได้ให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว สำหรับการให้ความช่วยเหลือ
และการฟื้นฟูภายหลังน้ำลดในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัด/อำเภอ/กิ่งอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้อง
ถิ่น  ร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชนอื่น ๆ  ได้แจกจ่ายถุงยังชีพและน้ำดื่มให้แก่ประชาชนที่ประสบภัย  รวมทั้ง
หมด 24,400 ชุด รวมทั้งดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัย  ฟื้นฟู  รื้อซากเศษไม้  เก็บขยะมูลฝอย  ทำความ
สะอาดล้างดินโคลนเส้นทางคมนาคม   สถานที่ราชการ  ที่พักอาศัยในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่  การสนับ
สนุนเรือท้องแบน  กระสอบทราย  เครื่องสูบน้ำ  ตลอดจนการประสานกับโรงพยาบาล ออกให้บริการด้าน
การแพทย์   และสาธารณสุขบริการอื่น ๆ ส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดได้จัดตั้งศูนย์รับบริจาคสิ่งของช่วย
เหลือประชาชนที่ประสบภัย ณ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประสานกับหน่วยงานต่างๆ ทั้ง
ภาครัฐและเอกชน   เพื่อดำเนินการฟื้นฟูรื้อซากต้นไม้  เก็บขยะมูลฝอย   ทำความสะอาดเส้นทางคมนาคม 
สถานที่ราชการ  และที่พักอาศัย  รวมทั้งให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในด้านอื่นๆ นอกจากนี้กรมป้องกัน
และบรรเทาสาธารณภัยยังได้ให้ความช่วยเหลือในด้านอื่นๆ  อาทิเช่น การจัดส่งถุงยังชีพ รองเท้าบู๊ท  กระ
สอบทรายเพิ่มเติม  เร่งดำเนินการช่วยเหลือประชาชนโดยจ่ายเงินชดเชยบ้านเรือนราษฎรที่เสียหาย  เป็น
ต้น

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งตั้ง นางพัฒนา
อุกฤษณ์ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์  10  วช  (ด้านรังสีวิทยา)  ภาควิชารังสีวิทยา  วิทยาลัยแพทย
ศาสตร์กรุงเทพมหานครและวชิรพยาบาล สำนักการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน 2547 ซึ่งเป็นวัน
ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์  ทั้งนี้  ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและ
การประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548

                สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับสถานการณ์อุทกภัย
ในพื้นที่ภาคเหนือจากอิทธิพลของพายุดีเปรสชั่น เนื่องจากเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2548 ได้เกิดพายุดีเปรส
ชั่นเคลื่อนขึ้นฝั่งที่ประเทศเวียดนามและได้อ่อนกำลังเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำมีอิทธิพลทำให้ร่องความ
กดอากาศต่ำ  และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น   ทำให้เกิดฝนตกหนักถึงหนักมากและมีน้ำท่วมฉับ
พลัน  น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง แม่ฮ่องสอน น่าน และพะเยา  สรุปสถาน
การณ์และความเสียหาย (ข้อมูล ณ วันที่ 15 สิงหาคม 2548 เวลา 07.00 น.) ได้ดังนี้ พบพื้นที่ประสบภัย
จำนวน 6 จังหวัด 32 อำเภอ 2 กิ่งอำเภอ 115 ตำบล 420 หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่  ลำปาง  น่าน  
แม่ฮ่องสอน  และพะเยา (สถานการณ์รุนแรง 2 จังหวัด คือ จ.แม่ฮ่องสอน ที่ อ.ปาย และอ.ปางมะผ้า  และ 
จ.เชียงใหม่  ที่  อ.เชียงดาว  อ.พร้าว  อ.แม่แตง อ.เมือง ฯ อ.สารภี) ส่วนความเสียหาย ด้านชีวิต  พบว่า  มี
ประชาชนเสียชีวิต  6  คน  (จ.แม่ฮ่องสอน  4 คน  จ.เชียงใหม่  1  คน จ.ลำปาง  1  คน สูญหาย  13  คน 
บาดเจ็บ  39  คน  เดือดร้อน 58,474 คน ด้านทรัพย์สิน พบพื้นที่เสียหายคือ สะพาน 44 แห่ง ถนน 18  
สาย  พื้นที่การเกษตร  7,825  ไร่   ในการนี้   กระทรวงมหาดไทย  โดยสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่าย
พลเรือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย  ได้จัดเจ้าหน้าที่เพื่อติดตามสภานการณ์อุทกภัยอย่างใกล้
ชิด   หากมีสภานการณ์คืบหน้าประการใดจักได้ติดตามสถานการณ์และรายงานเพื่อทราบต่อไป

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครอง รายงานผลการดำเนิน
โครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน  (SML)  โดย  ณ  วันที่  15 สิงหาคม 2548  มีหมู่บ้าน/ชุมชน 
ทั่วประเทศรายงานผลการประชุมประชาคมของหมู่บ้าน/ชุมชน    และนายอำเภอ/ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้า
กิ่งอำเภอ/นายกเทศมนตรี ลงนามรับรองผลการประชุม ฯ ดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ความพร้อมที่กำหนดแล้ว 
จำนวน 16,249  หมู่บ้าน  แบ่งเป็นภาคเหนือ 3,409 หมู่บ้าน/ชุมชน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 8,270 หมู่
บ้าน  ภาคกลาง  3,161 หมู่บ้าน  ภาคใต้ 1,409  หมู่บ้าน  กรมการปกครองได้ตรวจสอบความถูกต้องแล้ว 
จำนวน  14,680  หมู่บ้าน/ชุมชน   มีหมู่บ้าน/ชุมชนที่ส่งแบบรับรองผลการประชุม  ฯ  ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ 
จำนวน 911 หมู่บ้าน กรมการปกครองจะได้แจ้งจังหวัดให้ดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องและกระทรวงมหาดไทย
ได้ตรวจสอบความพร้อมและจัดทำบัญชีรายละเอียดสำหรับการพิจารณา จำนวน  13,769   หมู่บ้าน/ชุมชน 
จัดส่งให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML)  เพื่ออนุมัติโอนเงินงบประมาณ
ให้หมู่บ้าน/ชุมชนแล้ว  เมื่อสำนักงานพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML) อนุมัติโอนเงินงบประมาณ
ให้หมู่บ้าน/ชุมชน ตามที่กระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการตรวจสอบแล้ว  จะมีเงินงบประมาณจัดสรรลงสู่พื้น
ที่หมู่บ้าน/ชุมชน จำนวน 3,463,800,000 บาท

               คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งตั้งนายประชาธิปไตย คำสิงห์นอก
เป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายบุญลือ ประเสริฐโสภา เป็นผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอำนวย คลังผา เป็นผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาด
ไทย  นายทองหล่อ พลโคตร เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย  นายสุรชัย เบ้าจรรยา เป็นที่
ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายเสริมศักดิ์  พงษ์พานิช) และนายอนันต์  สุขสันต์ เป็นที่
ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายสมชาย  สุนทรวัฒน์) ตั้งแต่วันที่  11  สิงหาคม  2548
ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม
ประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..)  พ.ศ. ....  โดยมีสาระสำคัญคือ  ให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด  เทศบาล
องค์การบริหารส่วนตำบล กรุงเทพมหานคร  เมืองพัทยา  หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นที่มีกฎหมาย
จัดตั้ง มีอำนาจในการกำหนดและจัดเก็บค่าตอบแทนการอนุญาตตามมาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทน
ราษฎรพิจารณา ก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป

         คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การยก
เว้นข้อห้ามมิให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ  สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติลาว  ประกาศ
กระทรวงมหาดไทย เรื่อง การยกเว้นข้อห้ามมิให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ  สำหรับ
คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา และประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกเข้า
มาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ รวม 3 ฉบับ ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ลงนามแล้ว และ
ให้ดำเนินการต่อไปได้

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างระเบียบ ว่าด้วยการขอพระราช
ทานการประดับและกรณีที่ให้ประดับเหรียญพิทักษ์เสรีชน สิทธิ บัตรประจำตัว และการเรียกเหรียญกับ
บัตรประจำตัวผู้ได้รับพระราชทานเหรียญพิทักษ์เสรีชนคืน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....  และร่างระเบียบ ว่าด้วย
บัตรประจำตัวผู้ได้รับพระราชทานเหรียญราชการชายแดน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 6.2
(ฝ่ายกฎหมาย ฯ) ที่มีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการยก
เว้น ผ่อนผัน หรือกำหนดเงื่อนไขในการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร  พ.ศ. ....  โดยมี
สาระสำคัญคือ กำหนดให้อาคารตามมาตรา 7 ที่เป็นอาคารซึ่งใช้ในราชการ ใช้เพื่อสาธารณประโยชน์
ใช้เพื่อการศาสนา หรือใช้ในกิจการระหว่างประเทศ ให้ยกเว้นไม่ต้องจัดให้มีผู้ตรวจสอบตามมาตรา 32
ทวิ แต่ต้องดำเนินการตรวจสอบอาคารตามหลักเกณฑ์   วิธีการ   และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

                คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้  รับทราบมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ  ครั้งที่ 2/2548
(ครั้งที่ 100)  วันที่ 22 มิถุนายน 2548 ซึ่งได้มีการพิจารณาเรื่องการดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า
ในลักษณะ  Distributed  Generation  รวมทั้งได้มีมติเห็นชอบในหลักการส่งเสริมการดำเนินธุรกิจผลิตและ
จำหน่ายไฟฟ้าในลักษณะ  Distributed Generation (DG)  โดยระบบการผลิตไฟฟ้าน้ำร้อน และน้ำเย็นร่วม
กัน (Combined Heatand Power : CHP) กับเห็นชอบให้ผู้ผลิตไฟฟ้าด้วยระบบ CHP  ที่มีปริมาณพลังไฟฟ้า
ส่วนเกินสามารถขายไฟฟ้าเข้าระบบของการไฟฟ้าตามระเบียบการรับซื้อไฟฟ้าในปัจจุบันเพื่อเป็นการเพิ่ม
ประสิทธิภาพสูงสุดในการผลิตไฟฟ้า   และมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและพลังงาน  (สนพ.)  ดำเนิน
การศึกษาแนวทางการรับซื้อไฟฟ้าในลักษณะ CHP   และปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องให้เหมาะสมต่อไป
ในการนี้  คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้การไฟฟ้านครหลวง  (กฟน.)  จัดตั้งบริษัทจำกัด  เพื่อ
ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าได้  และให้ กฟน. จัดทำแผนดำเนินธุรกิจ  (Business Plan)  แผนการ
บริหาร แผนการหาลูกค้า และแผนการเงินที่ชัดเจนเสนอคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี
คณะที่ 1  (ฝ่ายเศรษฐกิจ)  ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี  (นายสมคิด  จาตุศรีพิทักษ์)  เป็นประธานกรรมการ
พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ) เสนอโครง
การพัฒนาพื้นที่ประสบธรณีพิบัติภัยพื้นที่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่  ของกรมโยธาธิการและผังเมือง  โดยได้จัด
ทำแผนผังพัฒนาพื้นที่เพื่อปรับปรุงฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐาน  และสภาพแวดล้อมในพื้นที่เกาะพีพี  บริเวณอ่าว
โละดาลัม และอ่าวต้นไทร และทำการออกแบบเบื้องต้นทางเท้า ทางหนีภัย  และภูมิทัศน์  โดยประมาณการ
งบประมาณค่าก่อสร้างเบื้องต้นรวมทั้งสิ้น 259,199,000 บาท  ทั้งนี้  คณะรัฐมนตรีเห็นว่า  ราคาต่อหน่วย
และวงเงินค่าก่อสร้างของโครงการดังกล่าวสูงมาก  จึงให้รองนายกรัฐมนตรี  (นายพินิจ  จารุสมบัติ)  รับไป
พิจารณาทบทวนรายละเอียดและความจำเป็นเหมาะสมของราคาต่อหน่วยร่วมกับกระทรวงมหาดไทย (กรม
โยธาธิการและผังเมือง) สำนักงบประมาณ  และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง  โดยอาจหารือรองนายกรัฐมนตรี
(นายสุวัจน์  ลิปตพัลลภ)  ด้วย    และควรพิจารณาใช้วัสดุที่เหมาะสมกับภูมิประเทศ  และเป็นวัสดุที่ผลิตใน
ประเทศเป็นหลัก   เช่น   อิฐบล๊อค   ที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้คิดค้นและพัฒนาขึ้น    ซึ่งจะ
ประหยัดการใช้ซิเมนต์ได้มาก  เป็นต้น   แล้วให้กรมโยธาธิการและผังเมืองขอทำความตกลงในรายละเอียด
กับสำนักงบประมาณ  เพื่อดำเนินโครงการต่อไป   โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. 2548    งบกลาง    รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น    ตามความเห็นของสำนักงบ
ประมาณ  และให้รับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาที่เห็นว่า การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน
และสภาพแวดล้อมในพื้นที่เกาะพีพี ควรคำนึงถึงการออกแบบก่อสร้างที่กลมกลืนกับสภาพธรรมชาติ  และ
ควรปลูกต้นไม้ท้องถิ่น เพื่อให้มีสุนทรียภาพ และภูมิทัศน์ที่สวยงาม  สร้างบรรยากาศที่น่าประทับใจแก่นัก
ท่องเที่ยว    และความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ  ที่เห็นควร
ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองเร่งประชาสัมพันธ์ และสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนในพื้นที่ถึงผล
ประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับตามพระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ พ.ศ. 2547  ไปประกอบการ
ดำเนินการด้วย    สำหรับวิธีดำเนินโครงการนั้น เห็นว่า  ไม่มีความจำเป็นต้องใช้วิธีจ้างเหมาแบบ Turnkey 
และวิธีพิเศษ    และให้ใช้วิธีสำรวจออกแบบควบคู่ไปกับการดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนใน
พื้นที่   ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ    และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม    และ
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย) ประสาน และพิจารณาร่วมกับกระทรวง
มหาดไทย  เพื่อให้การก่อสร้างดังกล่าวไม่เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสภาพภูมิทัศน์บริเวณแนวชาย
หาดของเกาะด้วย

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งตั้งนายพรเทพ ธัญญพงศ์ชัย ให้ดำรง
ตำแหน่งผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง ตั้งแต่วันที่  1  ตุลาคม  2548  เป็นต้นไป  สำหรับค่าตอบแทนหรือผล
ประโยชน์อื่น รวมทั้งเงื่อนไขการจ้างให้เป็นไปตามที่กระทรวงการคลังเห็นชอบ และให้นายพรเทพ ธัญญพงศ์
ชัย ลาออกจากการเป็นพนักงานก่อนลงนามในสัญญาจ้างด้วย  ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่า
ด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548

          คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาศักย
ภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML) โดยผลการดำเนินงานตามโครงการตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2548 ถึงวันที่
8 สิงหาคม 2548  ได้มีการตรวจสอบความพร้อมของชุมชน/หมู่บ้านทั่วประเทศ  และจัดทำบัญชีรายละเอียด
สำหรับการพิจารณาจัดส่งให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML) เพื่ออนุมัติ
โอนเงินงบประมาณให้หมู่บ้าน/ชุมชนแล้ว แยกเป็น มีหมู่บ้าน/ชุมชน ขนาดเล็ก (S) จำนวน 2,742 หมู่บ้าน
/ชุมชน งบประมาณที่ใช้ดำเนินการ จำนวน  548,000,000  บาท  หมู่บ้าน/ชุมชน ขนาดกลาง (M) จำนวน
3,056 หมู่บ้าน/ชุมชน งบประมาณที่ใช้ดำเนินการ จำนวน 764,000,000 บาท  และหมู่บ้าน/ชุมชน ขนาด
ใหญ่ (L) จำนวน 1,752 หมู่บ้าน/ชุมชน งบประมาณที่ใช้ดำเนินการ จำนวน 525,600,000 บาท ทั้งนี้ เมื่อ
ได้มีการโอนเงินงบประมาณให้หมู่บ้าน/ชุมชนที่ได้มีการตรวจสอบแล้ว  จะมีเงินงบประมาณจัดสรรลงสู่พื้นที่
หมู่บ้าน/ชุมชน จำนวน 1,838,000 บาท

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาความยากจน
ในระดับพื้นที่และบุคคล  โดยให้ทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ ให้การสนับสนุนการดำเนินการตามนโยบาย
คาราวานแก้จน ดังนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพหลัก โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอเป็น
เจ้าภาพรับผิดชอบการดำเนินการในระดับจังหวัดและอำเภอ ตามลำดับ และให้กระทรวงที่มีบทบาทสำคัญ
ในการแก้ไขปัญหาความยากจนจัดบุคลากรเข้าร่วมสนับสนุนการดำเนินการจัดคาราวานแก้จนทั้งในระดับ
จังหวัดและระดับอำเภอ  รวมทั้งให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีทุกท่านเดิน
ทางไปตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดในความรับผิดชอบอย่างน้อยจังหวัดละ 1 ครั้งต่อเดือน  เพื่อติดตามผล
การดำเนินการตามนโยบายคาราวานแก้จนและรวบรวมปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น และนำเสนอ
คณะรัฐมนตรีต่อไป  นอกจากนี้  ให้ศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนแห่งชาติ (ศตจ.) ร่วมกับ
กระทรวงมหาดไทยเสนอกรอบแนวทาง  โครงสร้าง  การบริหารราชการจังหวัดและอำเภอ ที่สามารถรอง
รับการแก้ไขปัญหาความยากจนตามนโยบายรัฐบาลในระดับพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพให้คณะรัฐมนตรี
พิจารณาต่อไป

           สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกัน
และบรรเทาสาธารณภัย  กระทรวงมหาดไทย   เกี่ยวกับความก้าวหน้าในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย
จากแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์  ครั้งที่ 18  ดังนี้  การจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย  (จนถึงวันที่  1 สิงหาคม
2548) ได้จ่ายเงินช่วยเหลือไปแล้วรวมเป็นเงิน 447,409,384 บาท  การจ่ายเงินช่วยเหลือชาวประมงและผู้
เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ  (ข้อมูล ณ วันที่ 8 มิถุนายน 2548)  รวมเป็นเงิน  449,079,330  บาท การจ่ายเงินช่วย
เหลือผู้ประกอบการรายย่อย  ได้จ่ายเงินให้ผู้ประกอบการรายย่อยถึงวันที่  22  มิถุนายน  2548  จากยอด
100 ล้านบาท จ่ายแล้ว 4,237 ราย เป็นเงิน 83,910,000 บาท และในวันที่ 16 มิถุนายน 2548 ได้อนุมัติ
ความช่วยเหลือให้ผู้ประกอบการรายย่อยเพิ่มเติมอีก 2,864 ราย  เป็นเงิน 53,110,000 บาท  การจัดหาที่
อยู่อาศัยให้แก่ผู้ประสบภัย  การก่อสร้างบ้านพักถาวร  (หลังละ 100,000  บาท) โดย ณ วันที่ 2 สิงหาคม 
2548 ก่อสร้างแล้วเสร็จรวม 1,456 หลัง ส่วนผลความคืบหน้าการตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลและบริหาร
จัดการศพของศูนย์ปฏิบัติการ ฯ (TTVI)  ณ  วันที่ 1 สิงหาคม 2548  มียอดจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด 5,395 
คน   สามารถพิสูจน์ยืนยันบุคคลและรับศพไปแล้ว 2,049 ศพ คงเหลือศพที่รอการยืนยัน 1,659 ศพ  นอก
จากนี้  กรมที่ดินได้ดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่เอกสารสิทธิชำรุด   สูญหาย   และทำการรังวัดปูเขต
ที่ดินที่หลักเขตสูญหาย  ช่วยเหลือการจัดระเบียบที่ดิน   รวมทั้งการจัดเก็บและบันทึกข้อมูลการช่วยเหลือผู้
ประสบภัยในระบบฐานข้อมูล (Database) ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

           คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอให้แต่งตั้ง นายธวัชชัย ฟักอังกูร เป็น
ประธานกรรมการในคณะกรรมการองค์การตลาด นายชาญชัย ตันติศิรินทร์ เป็นรองประธานกรรม
การ  นายธีรยุทธ กันตรัตนากุล  นายพงศ์เดช เทียนชวลิต  นายกิจจา  เวศย์ไกรศรี  นาวาอากาศโท
ตะวัน นาครทรรพ  นายหาญเชี่ยวชาญ  นายพิสิษฐ์  สิทธิเชาว์พันธ์  นายปรีชา  อู่ทอง นายอภิวัฒน์
บัวพันธ์ และนายสมศักดิ์ อัศวเรขา เป็นกรรมการ  ทั้งนี้  ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วย
การเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี

           คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขต
ที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงเทศบาล สายเชื่อมระหว่างซอยสารภี 3 กับถนนเจริญนคร
พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ  กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อสร้างทางหลวงเทศบาลสายเชื่อม
ระหว่างซอยสารภี 3 กับถนนเจริญนคร ในท้องที่แขวงบางลำพูล่าง เขตคลองสาน  กรุงเทพมหานคร  และ
ให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนด
เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงเทศบาล สายเชื่อมระหว่างซอยอิสรภาพ 15 กับซอย
อิสรภาพ  21  พ.ศ. ....  โดยมีสาระสำคัญคือ  กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อสร้างทางหลวง
เทศบาลสายเชื่อมระหว่างซอยอิสรภาพ 15 กับซอยอิสรภาพ 21  ในท้องที่แขวงวัดท่าพระ  เขตบางกอก
ใหญ่  และแขวงหิรัญรูจี  เขตธนบุรี  กรุงเทพมหานคร  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ
พิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้