สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ
เกี่ยวกับผลการดำเนินงานในห้วงวันที่ 1 - 30 พฤศจิกายน 2548   มีผลการดำเนินการดังนี้  ด้านการปราบ
ปรามยาเสพติด  ได้ดำเนินการจับกุมคดียาเสพติดทั่วประเทศ  รวม  4,967  ราย 5,530 คน  ได้ของกลางยา
บ้า 784,486 เม็ด  และตรวจยึด/อายัดทรัพย์สิน 11,888,566 บาท  การควบคุมแหล่งแพร่ระบาดยาเสพติด 
โดยตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด 33,891 ครั้ง  ผลการจับกุม 805 ครั้ง  ปิดล้อมตรวจค้น 3,195  ครั้ง   ผลการจับกุม  
700 ครั้ง ดำเนินการสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดน สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 406 คน ยาบ้า 319,031 
เม็ด  กัญชา 2,110  กิโลกรัม  และเฮโรอีน  9  กรัม   ส่วนการดำเนินงานด้านการบำบัดรักษาผู้เสพ/ผู้ติดยา
เสพติด เป็นการบำบัดโดยสมัครใจ 551 ราย  บังคับบำบัด 712 ราย  และต้องโทษ  66  ราย  ด้านการป้อง
กันกลุ่มผู้มีโอกาสเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด    ได้มีการจัดกิจกรรมโครงการรณรงค์ประชาสัมพันธ์สร้างจิต
สำนึกและการมีส่วนร่วมเฝ้าระวังปัญหายาเสพติด จัดโครงการผลิตสื่อและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวล
ชน   การดำเนินงาน   ปฏิบัติการพลังแผ่นดินร่วมกวาดล้างยาเสพติด  ครั้งที่  4   จัดการประกวด  "กิจกรรม
สร้างสรรค์เยาวชนไทยร่วมต้านภัยยาเสพติด" (Young Creative Award 2005)  ส่วนด้านการเฝ้าระวังปัญหา
ยาเสพติดได้ดำเนินการเฝ้าระวังการนำเข้ายาเสพติดการเฝ้าระวังปัญหาของการค้ายาเสพติด     และการเฝ้า
ระวังปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด

             สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับผลความคืบหน้าการ
ดำเนินงานโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML) ณ  วันที่  23  ธันวาคม  2548  โดยได้มี
การตรวจสอบความพร้อม    และจัดทำบัญชีรายละเอียดสำหรับการพิจารณาจัดสรรงบประมาณจัดส่งให้
สำนักงานพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน  ฯ   เพื่ออนุมัติโอนเงินงบประมาณให้หมู่บ้าน/ชุมชนแล้ว  จำนวน  
76,118 หมู่บ้าน/ชุมชน  แยกเป็นภาคเหนือ 16,650  หมู่บ้าน/ชุมชน   งบประมาณ  3,874,050,000 
บาท   ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  33,124  หมู่บ้าน/ชุมชน   งบประมาณ  7,702,400,000 บาท  ภาค
กลาง 17,368 หมู่บ้าน/ชุมชน งบประมาณ 4,113,850,000 บาท  และภาคใต้ 8,976 หมู่บ้าน/ชุมชน  
งบประมาณ  2,214,150,000 บาท รวมเป็นเงินงบประมาณที่จะต้องใช้ในการโอนให้แก่หมู่บ้าน/ชุมชน   
จำนวนทั้งสิ้น   17,904.45   ล้านบาท   และได้โอนเงินงบประมาณประจำปี  พ.ศ. 2548   ให้หมู่บ้าน/
ชุมชนแล้ว จำนวน 9,000 ล้านบาท  และได้โอนเงินงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2549  ให้หมู่บ้าน/ชุมชน 
จำนวน 7,063.70 ล้านบาท  จะต้องใช้เงินงบประมาณประจำปี 2549  ในการโอนให้แก่หมู่บ้าน/ชุมชน
อีก  จำนวน  1,840.75   ล้านบาท   จากการตรวจสอบโครงการที่หมู่บ้าน/ชุมชน    ได้ส่งให้สำนักงาน
พัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน ฯ จำแนกเป็น ประเภทโครงการด้านสาธารณูปโภคพื้นฐาน ร้อยละ 33.48 
ด้านการเกษตร  ร้อยละ  8.54  ด้านส่งเสริมรายได้และอาชีพร้อยละ 6.10 ด้านสวัสดิการชุมชน ร้อยละ 
37.37 และด้านอื่น ๆ ร้อยละ  14.51

              สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับผลการดำเนินงาน
คาราวานแก้จน  และการแก้ไขปัญหาความยากจนระดับพื้นที่ของกระทรวงมหาดไทย   โดยในส่วนของ
ความคืบหน้าการดำเนินงานคาราวานแก้จน ข้อมูล ณ วันที่ 21 ธันวาคม 2548 มีผู้จดทะเบียนทั้งหมด 
13,107,162  ปัญหา  แยกเป็น  ผู้ที่มีความจำเป็นจริง/ต้องการความช่วยเหลือ  (Need)  6,926,056 
ปัญหา คิดเป็นร้อยละ 52.84  ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นจริง/ไม่มีความประสงค์ขอรับความช่วยเหลือ (Want) 
6,181,106  ปัญหา   คิดเป็นร้อยละ 47.16  มีผลการให้ความช่วยเหลือเสร็จสมบูรณ์แล้ว 2,057,212 
ราย  อยู่ระหว่างให้ความช่วยเหลือ  2,522,556 ราย  และยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ 2,346,288 ราย  
สำหรับแนวทางการดำเนินงานคาราวานแก้จน ปีงบประมาณ  พ.ศ. 2549-2551  ได้แก่  การกำหนด
เป้าหมายการแก้ไขปัญหาในภาพรวมทุกปัญหา จัดทีมแก้ไขปัญหาแต่ละด้าน  จัดระบบฐานข้อมูล และ
สนับสนุนส่งเสริมกระบวนการชุมชนของหมู่บ้าน ส่วนผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ  มี
ผู้มาจดทะเบียนปัญหาหนี้สินภาคประชาชน  คิดเป็นร้อยละ 38.37  ของผู้มาจดทะเบียนทั้งหมด  โดย
เป็นหนี้นอกระบบ 1,765,033 ราย มูลหนี้ 136,383  ล้านบาท   และผลการดำเนินการแก้ไขปัญหา
หนี้นอกระบบกรณีนายทุนเงินกู้เป็นผู้มีอิทธิพล   โดยคณะทำงานแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบได้ดำเนิน
การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบที่สำคัญไปแล้ว   คือ   รับเรื่องร้องเรียน/ร้องทุกข์จากประชาชนที่ได้รับ
ความเดือดร้อน   ปัญหาหนี้นอกระบบจากนายทุนเงินกู้   ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร    สมุทรปราการ 
ปทุมธานี สกลนคร ลำปาง  มหาสารคาม  ขอนแก่น และสุรินทร์ ตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่จังหวัด
นนทบุรี   ปทุมธานีอุดรธานี   พระนครศรีอยุธยา   อ่างทองลพบุรี   และสุรินทร์   ที่จังหวัดอุดรธานี  
สามารถประนีประนอมหนี้จนยุติเรื่องได้  62  ราย  วงเงินในการเจรจาหนี้ 9,039,419 บาท  และลด
หนี้ไปได้  3,922,939  บาท    จังหวัดลพบุรี   ได้ดำเนินการกับนายทุนเงินกู้นอกระบบรายใหญ่ซึ่งมี
พฤติการณ์ปล่อยเงินกู้  โดยกรอกข้อความจำนวนเงินกู้สูงกว่าที่กู้ยืมโดยไม่ได้รับความยินยอมจากลูก
หนี้ และเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนิน
การ และที่จังหวัดสุรินทร์ มีลูกหนี้ขอให้ช่วยเหลือและขอคำปรึกษากว่า 300  ราย และผลการดำเนิน
การแก้ไขปัญหาด้านที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย   ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ผู้ลง
ทะเบียนในด้านที่ดินทำกินรวม 135,739  ราย   และด้านที่อยู่อาศัยรวม  75,116  หลัง นอกจากนี้  
ได้เตรียมการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการต้นแบบนำร่อง  ณ  อำเภออาจสามารถ จังหวัด
ร้อยเอ็ด ในระหว่างวันที่ 16-21 มกราคม 2549

            สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกัน
และบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย  เกี่ยวกับสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือในพื้นที่
ภาคใต้ (เพิ่มเติม) ณ วันที่ 26 ธันวาคม 2548 สถานการณ์อุทกภัยภาพรวม มีพื้นที่ประสบภัย รวม 8 จังหวัด 
94 อำเภอ  2 กิ่งอำเภอ  582 ตำบล  3,179 หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดสงขลา นครศรีธรรมราช ปัตตานี  พัทลุง  
ตรัง ยะลา สตูล และนราธิวาส ความเสียหาย ด้านชีวิต ประชาชนเดือดร้อน 368,505 ครัวเรือน 1,616,942 
คน มีผู้เสียชีวิต  26 ราย  สูญหาย 1  ราย  ด้านทรัพย์สิน  บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง  47 หลัง เสียหายบาง
ส่วน  788  หลัง  ถนน   2,189  สาย   สะพาน   289  แห่ง  ทำนบ-ฝาย  68 แห่ง ท่อระบายน้ำ 227 แห่ง 
พื้นที่การเกษตร  506,360  ไร่  ปศุสัตว์  220,219  ตัว  บ่อปลา 10,393 บ่อ  มูลค่าความเสียหายเบื้องต้น  
596,214,571  บาท  ปัจจุบันพื้นที่ที่สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว  2  จังหวัด  ได้แก่  จังหวัดนราธิวาส 
และสตูล พื้นที่ที่ยังคงมีสถานการณ์รวม 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครศรีธรรมราช สงขลา ตรัง พัทลุง ปัตตานี 
และยะลา สำหรับการให้ความช่วยเหลือได้มีการจัดส่งเรือท้องแบน เครื่องสูบน้ำ  รถบรรทุกขนาดเล็ก/ใหญ่ 
รถกู้ภัย   รถตู้คอนเทนเนอร์   รถเครน   รถผลิตน้ำดื่ม   รถขุดไฮดรอริค  รถไฟฟ้าส่องสว่าง  รถบรรทุกเรือ  
สะพานเบลีย์ น้ำดื่ม ถุงยังชีพ และอาหารกระป๋อง ให้กับราษฎรที่ประสบภัยแล้ว

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขต
ที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงเทศบาล สายเชื่อมระหว่างถนนสุขาภิบาล 5 กับถนนเพิ่มสิน
พ.ศ. ....  โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงเทศบาล สายเชื่อม
ระหว่างถนนสุขาภิบาล 5 กับถนนเพิ่มสิน ในท้องที่แขวงคลองถนน และแขวงสายไหม เขตสายไหม  กรุงเทพ
มหานคร และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

           คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่
ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงเทศบาล สายซอยลาดพร้าว 64 พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ
กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อขยายทางหลวงเทศบาล สายซอยลาดพร้าว 64 ในท้องที่แขวงวัง
ทองหลาง  เขตวังทองหลาง   กรุงเทพมหานคร   และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขต
ที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงเทศบาล สายซอยรามคำแหง 21 พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญ
คือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงเทศบาล สายซอยรามคำแหง  21  ในท้องที่
แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ  และแขวงวังทองหลาง  เขตวังทองหลาง  กรุงเทพมหานคร  และให้ส่งสำนักงาน
คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่
ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโคกเคียน  และตำบลลำภู  อำเภอเมืองนราธิวาส  จังหวัดนราธิวาส
พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโคกเคียน และตำบลลำภู
อำเภอเมืองนราธิวาส  จังหวัดนราธิวาส  เพื่อขยายพื้นบริเวณศูนย์ราชการของจังหวัดนราธิวาส  ให้เป็นที่ดิน
ผืนเดียวกับศูนย์ราชการตามโครงการผังเมืองรวมเมืองนราธิวาส และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขต
ที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงเทศบาล สายเชื่อมระหว่างถนนสวนสยามกับถนน
วงแหวนรอบนอก พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน  เพื่อสร้างและขยาย
ทางหลวงเทศบาล  สายเชื่อมระหว่างถนนสวนสยามกับถนนวงแหวนรอบนอก ในท้องที่แขวงคันนายาว เขต
คันนายาว กรุงเทพมหานคร และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฏีกาตรวจพิจารณา  แล้วดำเนินการต่อ
ไปได้

          คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอขอถอนร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน
ในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อขยายทางหลวงเทศบาล สายเชื่อมระหว่างถนนวัดคู้บอนกับถนนวงแหวนรอบนอก 
พ.ศ. ....

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ของการ
ประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) รวม 2 แปลง  ซึ่งมีราคาประเมินรวมเป็นเงิน 43,160,500 บาท  ได้แก่  ที่ดิน
โฉนดเลขที่ 6459 เลขที่ดิน 313 ตั้งอยู่ตำบลระแหง อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี เนื้อที่ 2-2-51
ไร่ พร้อมหอถังสูง  ราคาประเมินที่ดินเป็นเงิน  3,160,500  บาท  โดยโอนคืนให้แก่เทศบาลตำบลระแหง
และที่ดินโฉนดเลขที่ 6744 เลขที่ดิน 423 ตั้งอยู่ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี  เนื้อที่
2  ไร่  พร้อมโรงกรองน้ำ  หอถังสูง  ถังน้ำใส  ราคาประเมินที่ดินเป็นเงิน 40,000,000 บาท  โดยโอนคืน
ให้แก่เทศบาลเมืองรังสิต   ทั้งนี้  ให้การประปาส่วนภูมิภาครับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นว่า ใน
หลักการทั่วไป เรื่องที่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาตามนัยมาตรา 48  แห่งพระราชบัญญัติการ
ประปาส่วนภูมิภาค  พ.ศ. 2522     ควรได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการประปาส่วนภูมิภาคก่อนไป
พิจารณาดำเนินการ  ดังนั้น การจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์อันมีราคาเกินห้าแสนบาทในคราวต่อไปควรได้
รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการประปาส่วนภูมิภาคก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีด้วย

           คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีคณะที่ 7 (ฝ่ายกฎ
หมาย ฯ) ที่มีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาค่าตอบแทนคณะกรรม
การตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 (ฉบับที่ ..)  พ.ศ. ....  โดยมีสาระ
สำคัญคือ  ยกเลิกบัญชีอัตราค่าตอบแทนที่กำหนดในบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกาค่าตอบแทนกรรมการตาม
พระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 พ.ศ. 2543 และกำหนดให้ประธานกรรม
การได้รับค่าตอบแทน 10,000 บาท ต่อเดือน (เดิม 5,000 บาท) และกรรมการได้รับค่าตอบแทน  8,000
บาทต่อเดือน  (เดิม 4,000 บาท)  แล้วส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา  โดยให้แก้ไข
เพิ่มเติมอัตราค่าตอบแทนของเลขานุการและผู้ช่วยเลขานุการเป็นให้ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้ง ครั้งละไม่
เกิน 1,000 บาท แล้วดำเนินการต่อไปได้

        คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1 (ฝ่ายเศรษฐกิจ)
ครั้งที่ 2/2548 วันที่ 17 พฤศจิกายน 2548 ที่มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอโครงการเพื่อการพัฒนา
ประจำปี  2549  ของการประปาส่วนภูมิภาค  จำนวน 35 โครงการ  วงเงินลงทุน 3,673.724  ล้านบาท  ที่คณะ
กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้พิจารณาเห็นชอบแล้ว  และให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนา
การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ  รับความเห็นของคณะกรรมการ ฯ  ที่เห็นว่า เนื่องจากงบประมาณแต่ละปีของรัฐ
วิสาหกิจทั้งหมดมีจำนวนค่อนข้างสูง  และมีขนาดใกล้เคียงกับงบประมาณประจำปีของส่วนราชการ   ประกอบกับ
การนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติงบลงทุน  และอนุมัติโครงการมีระยะเวลาอันสั้น  ทำให้คณะรัฐมนตรีไม่
สามารถพิจารณารายละเอียดได้อย่างครบถ้วน    จึงเห็นควรให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ
สังคมแห่งชาติ   พิจารณาทบทวนและปรับปรุงแผนงานการเสนองบลงทุนของรัฐวิสาหกิจให้สอดคล้องกับปฏิทิน
การนำเสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี  โดยให้มีระยะเวลาเพียงพอสำหรับคณะรัฐมนตรีที่
จะพิจารณารายละเอียดก่อนอนุมัติ และรัฐมนตรีกระทรวงเจ้าสังกัดสามารถกำกับการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ
ได้อย่างมีประสิทธิภาพ   ไปประกอบการพิจารณาปรับปรุงแผนงานการเสนองบลงทุนประจำปี   และการอนุมัติ
โครงการของรัฐวิสาหกิจต่อไป    และให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประสาน
การดำเนินการกับกระทรวงการคลัง  (สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ)  เกี่ยวกับแผนการเสนองบ
ลงทุนประจำปีของรัฐวิสาหกิจ โดยให้สอดคล้องกับการเสนองบประมาณรายจ่ายประจำปีของภาคราชการ  ทั้งนี้
ต้องให้คณะรัฐมนตรีมีเวลาในการพิจารณารายละเอียดอย่างเพียงพอด้วย

          สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับสรุปสถานการณ์อุทกภัย
และการให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ภาคใต้ ณ วันที่ 19 ธันวาคม 2548 สถานการณ์อุทกภัยภาพรวม มีพื้นที่
ประสบภัยรวม 8 จังหวัด 92 อำเภอ  3 กิ่งอำเภอ 582 ตำบล 2,891 หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดสงขลา นครศรี
ธรรมราช  ปัตตานี  นราธิวาส  พัทลุง  ตรัง  ยะลา  และสตูล  ความเสียหาย  ด้านชีวิตประชาชนเดือดร้อน 
179,991 ครัวเรือน  671,347 คน  มีผู้เสียชีวิต 15 ราย  สูญหาย 3  ราย ในด้านทรัพย์สิน บ้านเรือนเสีย
หายบางส่วน 225 หลัง ถนน  463  สาย  สะพาน 14 แห่ง  พื้นที่การเกษตร 85,562 ไร่ ปศุสัตว์ 34,542 
ตัว  บ่อปลา 1,759  บ่อ  มูลค่าความเสียหาย อยู่ระหว่างการสำรวจโดยปัจจุบันพื้นที่สถานการณ์อุทกภัย
คลี่คลายแล้ว  2  จังหวัด   ได้แก่  จังหวัดนราธิวาส  และสตูล  พื้นที่ที่ยังคงมีสถานการณ์   รวม  6  จังหวัด  
ได้แก่ จังหวัดสงขลา ปัตตานี นครศรีธรรมราช พัทลุง  ตรัง  และยะลา  สำหรับการให้ความช่วยเหลือได้มี
การจัดส่งเรือท้องแบน  จัดส่งหญ้าแห้งสำหรับเลี้ยงสัตว์  เรือบรรทุก แจกจ่ายถุงยังชีพ อาหารแห้ง พร้อม
น้ำดื่มไปแจกให้กับราษฎรที่ประสบภัยในเบื้องต้นแล้ว

            สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลเกี่ยวกับผลการจัดงานเมืองแห่งภูมิปัญญาไทย (OTOP 
CITY)  ครั้งที่  3  ระหว่างวันที่ 17-18 ธันวาคม 2548 โดยมีผู้เข้าชมงาน ประมาณ 4 แสน 5 หมื่น คน มี
ยอดจำหน่าย ประมาณ 400 ล้านบาท ในส่วนของผลการดำเนินงานกิจกรรมเด่น ๆ ได้แก่ OTOP ชวนชิม  
และครัวไทยสู่ครัวโลก OTOP คนพิการ SPA และ Massage OTOP to the wortd โหราพยากรณ์ มหัศจรรย์
ล้ำเลิศหม้อฮ่อมล้านนา  และหมู่บ้านท่องเที่ยว OTOP  นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมบันเทิงและแสดงศิลปวัฒน
ธรรมบนเวทีใหญ่  การจัดกิจกรรมเสริมเพื่อส่งเสริมการขาย  ในจุดต่างๆ ทั่วบริเวณงาน  สำหรับผลการ
ประเมินความพึงพอใจของผู้เข้าชมงานโดยแบบสอบถามในภาพรวมผู้เข้าชมงาน  ฯ   ส่วนใหญ่มีความพึง
พอใจมาก ทั้งในด้านสถานที่ และรูปแบบการจัดงาน ฯ ตลอดจนการอำนวยความสะดวก

                  สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับผลความคืบหน้า
การดำเนินงานโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML)  ณ  วันที่  16  ธันวาคม 2548 โดย
ได้มีการตรวจสอบความพร้อมและจัดทำบัญชีรายละเอียดสำหรับการพิจารณาจัดสรรงบประมาณ จัดส่ง
ให้สำนักงานพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านฯ เพื่ออนุมัติโอนเงินงบประมาณให้หมู่บ้าน/ชุมชนแล้ว จำนวน 
75,585  หมู่บ้าน/ชุมชน  แยกเป็นภาคเหนือ  16,568  หมู่บ้าน/ชุมชน งบประมาณ 3,854,000,000   
บาท   ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  32,806  หมู่บ้าน/ชุมชน  งบประมาณ  7,625,050,000 บาท  ภาค
กลาง 17,297  หมู่บ้าน/ชุมชน  งบประมาณ  4,096,150,000  บาท   และภาคใต้  8,914  หมู่บ้าน/
ชุมชน งบประมาณ  2,197,650,000 บาท รวมเป็นเงินงบประมาณที่จะต้องใช้ในการโอนให้แก่หมู่บ้าน
/ชุมชน   จำนวนทั้งสิ้น   17,772.85  ล้านบาท  และได้โอนเงินงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2548 ให้หมู่
บ้าน/ชุมชนแล้ว จำนวน 9,000 ล้านบาท และได้โอนเงินงบประมาณประจำปี  พ.ศ.  2549  ให้หมู่บ้าน
/ชุมชน จำนวน 5,863.15 ล้านบาท จะต้องใช้เงินงบประมาณประจำปี 2549 ในการโอนให้แก่หมู่บ้าน
/ชุมชนอีก จำนวน 2,909.70  ล้านบาท   จากการตรวจสอบโครงการที่หมู่บ้าน/ชุมชน  ได้ส่งให้สำนัก
งานพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน ฯ   จำแนกเป็น  ประเภทโครงการด้านสาธารณูปโภคพื้นฐาน  ร้อยละ  
33.42  ด้านการเกษตร  ร้อยละ  8.53  ด้านส่งเสริมรายได้และอาชีพร้อยละ 6.07 ด้านสวัสดิการชุมชน 
ร้อยละ 37.44 และด้านอื่น ๆ ร้อยละ  14.54

               สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับผลความคืบหน้าการ
ดำเนินงานโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML)   ณ  วันที่ 9 ธันวาคม 2548 โดยได้มีการ
ตรวจสอบความพร้อมและจัดทำบัญชีรายละเอียดสำหรับการพิจารณาจัดสรรงบประมาณ จำนวน 74,761  
หมู่บ้าน/ชุมชน  จัดส่งให้แก่สำนักงานพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน ฯ  เพื่ออนุมัติโอนเงินงบประมาณให้หมู่
บ้าน/ชุมชนแล้ว   แยกเป็นภาคเหนือ 16,551 หมู่บ้าน/ชุมชน งบประมาณ  3,850,050,000 บาท  ภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ 32,326 หมู่บ้าน/ชุมชน   งบประมาณ  7,511,200,000  บาท ภาคกลาง 17,155  
หมู่บ้าน/ชุมชน    งบประมาณ  4,061,950,000  บาท  และภาคใต้ 8,729 หมู่บ้าน/ชุมชน  งบประมาณ 
2,149,450,000 บาท  รวมเป็นเงินงบประมาณที่จะต้องใช้ในการโอนให้แก่หมู่บ้าน/ชุมชน จำนวนทั้งสิ้น 
17,572.65  ล้านบาท  ขณะนี้ได้โอนเงินงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2548  ให้หมู่บ้าน/ชุมชนแล้ว จำนวน 
9,000 ล้านบาท และได้โอนเงินงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2549  ให้หมู่บ้าน/ชุมชน  จำนวน  4,906.70  
ล้านบาท   จะต้องใช้เงินงบประมาณประจำปี  พ.ศ.  2549   ในการโอนให้แก่หมู่บ้าน/ชุมชนอีก  จำนวน 
3,665.95  ล้านบาท  จากการตรวจสอบโครงการที่หมู่บ้าน/ชุมชน   ได้ส่งให้สำนักงานพัฒนาศักยภาพ
ของหมู่บ้าน ฯ จำแนกเป็น ประเภทโครงการด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานร้อยละ 33.30   ด้านการเกษตร
ร้อยละ 8.53  ด้านส่งเสริมรายได้และอาชีพร้อยละ  6.05  ด้านสวัสดิการชุมชนร้อยละ  37.52  และด้าน
อื่น ๆ ร้อยละ 14.60

          สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกัน
และบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย เกี่ยวกับสรุปสถานการณ์อุทกภัยและการดำเนินการให้ความ
ช่วยเหลือในพื้นที่ภาคใต้  ตั้งแต่วันที่  7-12  ธันวาคม  2548  มีพื้นที่ประสบภัยรวม 6 จังหวัด  37 อำเภอ 
1  กิ่งอำเภอ  180  ตำบล  831  หมู่บ้าน   ได้แก่  จังหวัดสงขลา นราธิวาส ปัตตานี ยะลา พัทลุง และนคร
ศรีธรรมราช  ส่วนความเสียหายด้านชีวิต  ประชาชนเดือดร้อน 23,985 ครัวเรือน 81,175 คน มีผู้เสียชีวิต 
3 คน  ด้านทรัพย์สินในเบื้องต้นได้รับความเสียหาย ถนน 330 สาย สะพาน 57 แห่ง พื้นที่การเกษตรประ
มาณ  33,735  ไร่  ฝาย 1 แห่ง  ปศุสัตว์ 748 ตัว  บ่อปลา 376 บ่อ ปัจจุบันพื้นที่สถานการณ์อุทกภัยคลี่
คลายแล้ว  4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดยะลา นครศรีธรรมราช นราธิวาส และพัทลุง  ในส่วนของจังหวัดสงขลา 
มีพื้นที่ประสบภัย  10  อำเภอ  56  ตำบล   สถานการณ์ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมขัง  รวม  2  อำเภอ   ส่วน
จังหวัดปัตตานี มีพื้นที่ประสบภัย  6 อำเภอ สถานการณ์ปัจจุบันมีน้ำท่วมขังในที่ลุ่ม และเส้นทางสายหลัก
ยังคงมีน้ำท่วมขังสูง  โดยจังหวัดได้ระดมเจ้าหน้าที่ขนย้ายสิ่งของ  และช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยแล้ว   
สำหรับการพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศ ฉบับที่ 2 (185/2548)  เรื่อง  ฝนตก
หนักในภาคใต้และคลื่นลมแรงในอ่าวไทย     อาจจะเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้อีกในพื้นที่
เสี่ยงภัย

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเงิน
เดือน  เงินเพิ่ม  เงินค่าเบี้ยประชุม  และเงินตอบแทนอื่นของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร  ข้าราชการการ
เมืองอื่นของกรุงเทพมหานครและกรรมการที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครแต่งตั้ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดย
มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงอัตราเบี้ยประชุมกรรมการ เลขานุการ และผู้ช่วยเลขานุการในคณะกรรมการที่ผู้
ว่าราชการกรุงเทพมหานครแต่งตั้ง และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อ
สังเกตของสำนักงาน  ก.พ.  เกี่ยวกับสาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกาที่เสนอมานี้กำหนดให้ข้าราชการ
ลูกจ้างในสังกัดกรุงเทพมหานคร  หรือพนักงาน  หรือลูกจ้างของการพาณิชย์ของกรุงเทพมหานคร  ข้าราช
การหรือลูกจ้างของทางราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจ หรือของราชการส่วนท้องถิ่น ซึ่งมิได้
เป็นข้าราชการ  หรือลูกจ้างในสังกัดกรุงเทพมหานคร  หรือพนักงาน  หรือลูกจ้างของการพาณิชย์ของกรุง
เทพมหานคร  และบุคคลภายนอกให้ได้รับเบี้ยประชุมในอัตราที่แตกต่างกัน  ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้

           คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่
ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันในท้องที่ตำบลวังกระแจะ  อำเภอเมืองตราด
จังหวัดตราด  พ.ศ. ....  โดยมีสาระสำคัญคือ   ถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพล
เมืองใช้ร่วมกันในท้องที่ตำบลวังกระแจะ อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด บางส่วน เนื้อที่ประมาณ  52  ไร่  2
งาน  98.2  ตารางวา  เพื่อมอบหมายให้ศาลจังหวัดตราดใช้เป็นสถานที่ก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลจังหวัด
ตราดแห่งใหม่และบ้านพักข้าราชการ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนิน
การต่อไปได้  ทั้งนี้ ตามมาตรา  7  แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี
พ.ศ. 2548 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2548