คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก ชิดชัย วรรณสถิตย์) ประธานกรรม
การป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติเสนอแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติชุดใหม่
จำนวน 4 คน ประกอบด้วย  พลตำรวจตรี หม่อมราชวงศ์เจตจันทร์ ประวิตร  นายเอนก สิทธิประศาสน์  ร้อยโท
สุวิทย์ ยอดมณี และนายวิชิต พันธุ์อำไพ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (30 มิถุนายน 2548) เป็นต้น
ไป ทั้งนี้ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออก
ตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
โดยมีสาระสำคัญคือ  แก้ไขประเภทหรือชนิดของอาคารที่ห้ามก่อสร้างในพื้นที่บางบริเวณของอำเภอเกาะสมุย
จังหวัดสุราษฎร์ธานี  รวมทั้งเพิ่มมาตราเกี่ยวกับการควบคุมการก่อสร้าง  ดัดแปลง  หรือเปลี่ยนการใช้อาคาร
ในพื้นที่บางบริเวณของอำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี แล้วดำเนินการต่อไปได้

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 6.2  (ฝ่าย
กฎหมาย  ระบบราชการ  และประชาสัมพันธ์)  ที่มีมติเกี่ยวกับการพิจารณาสิทธิของกำลังพลที่ปฏิบัติงานใน
กองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กอ.สสส.จชต.)  เกี่ยวกับการเสนอขอพระราชทาน
เหรียญราชการชายแดน  ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ  โดยให้กระทรวงมหาดไทยและส่วนราชการที่เกี่ยว
ข้องพิจารณาเสนอขอพระราชทานเหรียญราชการชายแดนแก่ผู้ปฏิบัติงานใน กอ.สสส.จชต. ที่มิได้ปฏิบัติงาน
ณ  อำเภอชายแดนตามแนวทางข้อ  4  ของระเบียบว่าด้วยการขอพระราชทานเหรียญราชการชายแดน สิทธิ
ของผู้ได้รับพระราชทานและการเรียกเหรียญและบัตรเหรียญราชการชายแดนคืน พ.ศ. 2511 ที่กำหนดว่า ผู้
ที่ไม่เข้าหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ในข้อ 3 กำหนดว่า "การขอพระราชทานเหรียญราชการชายแดนให้เจ้ากระทรวงที่
เกี่ยวข้องพิจารณาตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ (ก) ทหาร ตำรวจ  ข้าราชการ  หรือบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ข้าราชการ
ซึ่งเป็นผู้ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างทหาร หรือตำรวจ  ณ  อำเภอชายแดน ฯลฯ" แต่เป็นผู้สั่งการหรือปฏิบัติงาน
เกี่ยวข้องกับราชการชายแดนเป็นผลดียิ่งต่อการป้องกันรักษาชายแดน  และรัฐมนตรีเจ้าสังกัดรับรองผลการ
ปฏิบัติงาน ก็ให้พิจารณาขอพระราชทานเหรียญราชการชายแดนได้เป็นกรณีพิเศษ

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนด
คุณสมบัติเฉพาะของผู้ตรวจสอบ  หลักเกณฑ์การขอขึ้นทะเบียนและการเพิกถอนการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ตรวจ
สอบ  และหลักเกณฑ์การตรวจสอบอาคาร พ.ศ. ....  และร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทอาคารที่ต้องจัดให้
มีผู้ตรวจสอบ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว  โดยมีข้อสังเกตว่า  เมื่อร่าง
กฎกระทรวง ฯ  ทั้งสองได้ฉบับประกาศใช้บังคับแล้วจะมีผลทำให้อาคารของส่วนราชการที่เป็นอาคารตามที่
กำหนดไว้ในมาตรา  32  ทวิ  แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ฯ  ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากต้อง
จัดให้มีการตรวจสอบอาคารด้วย  อันจะทำให้ต้องเสียงบประมาณเพิ่มขึ้น   และเห็นว่า  เป็นการเกินอำนาจ
หน้าที่และวัตถุประสงค์ของส่วนราชการ ฯ และอาจมีปัญหาส่วนราชการ  รวมถึงกรมโยธาธิการและผังเมือง
จะสามารถมีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะขอขึ้นทะเบียนเป็นผู้ตรวจสอบตามที่กำหนดในกฎหมายว่าด้วยการควบ
คุมอาคารหรือไม่  และให้ดำเนินการต่อไปได้  ทั้งนี้  แจ้งเวียนให้ส่วนราชการต่าง  ๆ  จัดให้มีการตรวจสอบ
สภาพอาคารของตนเป็นการภายใน โดยกรมโยธาธิการและผังเมืองเป็นศูนย์กลางในการตรวจสอบอาคาร
สำหรับส่วนราชการใดที่มีขีดความสามารถและมีบุคลากรที่มีคุณสมบัติพร้อม    ให้ส่วนราชการนั้นสามารถ
ดำเนินการตรวจสอบอาคารได้เอง

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวม
สมุทรปราการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยมีสาระสำคัญ
คือ   แก้ไขเพิ่มเติมข้อกำหนดห้ามใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อประกอบกิจการกำจัดมูลฝอยในที่ดินประเภทพาณิชย
กรรม  และข้อกำหนดในการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการอื่นในที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย  ที่ดิน
ประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นปานกลาง  ที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นมาก   ที่ดินประเภทพาณิชยกรรม
ที่ดินประเภทอุตสาหกรรมและคลังสินค้า ที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม  รวมทั้งที่ดินประเภทอนุรักษ์
ชนบทและเกษตรกรรม  และเพิ่มข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินในการขยายพื้นที่โรงงาน   แล้วดำเนินการ
ต่อไปได้

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก ชิดชัย  วรรณสถิตย์) รายงาน
ผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนแห่งชาติ โดยมีผลการดำเนินงานในด้าน
ต่าง ๆ ดังนี้ การแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน เอกสารสิทธิ และที่อยู่อาศัย แยกตามหน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่ สำนัก
งานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม   ได้ดำเนินการรับรองสิทธิ  (มอบ  สปก.  4-01)   จัดที่ดินให้เช่า/ซื้อ 
จัดที่ดินในเขตชุมชนเพื่ออยู่อาศัยและอื่นๆ และโครงการนำร่องจัดที่ดินให้เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดินจังหวัด
กาญจนบุรี  กรมที่ดินได้ดำเนินการรับรองสิทธิในที่ดินสาธารณะ กรมป่าไม้ ได้ดำเนินโครงการจัดการที่ดิน
ในเขตในเขตป่าสงวนแห่งชาติ กรมประมง ดำเนินโครงการ Sea Food Bank (รับรองสิทธิ) กรมพัฒนาสังคม
และสวัสดิการ ดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินให้ประชาชนในนิคมสร้างตนเอง  กรมส่งเสริมสหกรณ์
ดำเนินการรับรองสิทธิในพื้นที่สหกรณ์นิคม  กรมธนารักษ์  ดำเนินโครงการรัฐเอื้ออาทร การเคหะแห่งชาติ 
ดำเนินโครงการบ้านเอื้ออาทร    และกรมพัฒนาที่ดินดำเนินการอ่านภาพถ่ายทางอากาศ และจัดทำแผนที่
มาตราส่วน  1 : 4000  ส่วนการแก้ไขปัญหาหนี้สินนอกระบบ   จำนวนลูกหนี้นอกระบบ  1,765,033 ราย 
มูลหนี้  136,382.83 ล้านบาท ได้ดำเนินการผ่านการเจรจาและบันทึก น.2 แล้ว  1,650,851 ราย  มูลหนี้  
126,873.94  ล้านบาท  คงค้าง  114,182 ราย  มูลหนี้ 9,508.89 ล้านบาท  ลูกหนี้นอกระบบที่โอนเข้าสู่
ระบบธนาคาร จำนวนรวมทั้งสิ้น 211,436 ราย  มูลหนี้  14,854.52 ล้านบาท อนุมัติเงินกู้  66,415  ราย  
มูลหนี้  4,399.70  ล้านบาท  ไม่อนุมัติ 10,165 ราย  ไม่สามารถดำเนินการได้ 127,720 ราย  อยู่ระหว่าง
ดำเนินการ  7,136  ราย  ส่วนหนี้ในระบบสถาบันการเงินมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 2,079,986 ราย ได้เข้าสู่การ
เจรจาหนี้  1,962,343  ราย  เจรจาสำเร็จ 185,237 ราย สามารถตกลงกันได้ตามเงื่อนไขเดิม 1,772,126 
ราย และเจรจาไม่สำเร็จ  4,980 ราย  ลูกหนี้นอกระบบที่โอนเข้าสู่ระบบธนาคาร มีจำนวนทั้งสิ้น 225,752 
ราย มูลหนี้ 15,052.10 ล้านบาท อนุมัติเงินกู้ 66,654 ราย มูลหนี้ 4,423.14 ล้านบาท ไม่อนุมัติ 129,063 
ราย มูลหนี้ 7,832.60 ล้านบาท อยู่ระหว่างดำเนินการ  30,035  ราย  สำหรับการเพิ่มรายได้  ลดรายจ่าย   
และขยายโอกาสด้านเกษตรกรรม     เกษตรกรยากจนได้รับการช่วยเหลือผ่านโครงการของกระทรวงเกษตร
และสหกรณ์  จำนวน 238,348  ราย  ผ่านโครงการคาราวานแก้จน 76,241 ราย และผ่านโครงการพัฒนา
เกษตรกรตามยุทธศาสตร์อื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง และจัดหาพื้นที่ได้ 460 แปลง จากเป้าหมาย 525 แปลง วาง
แผนการผลิต  327  แปลง  จัดเกษตรกรลงพื้นที่/ดำเนินการตามแผนการผลิต 91 แปลง  เกษตรกรทำการ
ผลิตแล้ว 1,521 ราย รวมทั้งการจัดทำโครงการ "โรงเรียนแก้จน" ส่วนด้านแรงงานและสวัสดิการสังคม กระ
ทรวงแรงงานได้ดำเนินการโครงการต่างๆ ได้แก่ จัดจ้างลูกจ้างชั่วคราว  โครงการส่งเสริมนักเรียน นักศึกษา 
มีงานทำเพื่อหารายได้ระหว่างเรียน โครงการ  E-job  no  the  move  โครงการส่งเสริมอาชีพและการมีงาน
ทำของกระทรวงสาธารณสุข   โครงการสร้างบุคลากรเข้าสู่ตลาดจ้างงานธุรกิจค้าส่ง-ค้าปลีก ของกระทรวง
พาณิชย์  โครงการพัฒนาองค์ความรู้และเครือข่ายการประกอบอาชีพ  และโครงการจ้างนักเรียน   นักศึกษา 
ทำงานกับหน่วยงานภาครัฐ

             สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะยา
เสพติดแห่งชาติ (ศตส.) ตามปฏิบัติการพลังแผ่นดินร่วมกวาดล้างยาเสพติด  ครั้งที่ 3  (1 เมษายน-30 มิถุนา
ยน  2548)  ระหว่างวันที่ 1 เมษายน-16 มิถุนายน 2548  ซึ่งมีผลการดำเนินงานด้านต่าง ๆ โดยสังเขปดังนี้
ด้านการสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดน  สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 1,093 คน  ได้ของกลางประกอบด้วย
ยาบ้า 1,752,369 เม็ด เฮโรอีน4,009 กรัม และกัญชา 47,216 ก.ก.  ด้านการสกัดกั้นยาเสพติดตามเส้นทาง
คมนาคมสำคัญ สามารถจับกุมได้ 3,542 ครั้ง  ด้านการปราบปรามผู้ค้า/ยาเสพติด (ข้อหา) ได้แก่ การผลิต/
นำเข้าจำหน่าย (รายสำคัญ) ครอบครองเพื่อจำหน่าย ครอบครองและเสพ  รวมจับกุมทุกข้อหา 16,207 ราย
17,665 คน ได้ของกลางยาบ้า 2,915,993 เม็ด  รวมทั้งยึด/อายัดทรัพย์สิน  38,386,472  บาท และดำเนิน
การจับกุมตามหมายจับคดียาเสพติด  422  ราย  ส่วนการตรวจสถานบริการ  ได้มีการตรวจปัสสาวะ 38,697
ราย พบปัสสาวะสีม่วง 1,113 ราย ด้านการ X-Ray  ผู้เสพ/ผู้ติดที่หลงเหลืออยู่กลับมาติดซ้ำและผู้ติดรายใหม่
โดยนำผู้เสพผู้ติดเข้ารับการบำบัดรักษา ติดตามช่วยเหลือ ดูแล  และพัฒนาหลังการบำบัดรักษา  สำหรับการ
ป้องกันกลุ่มผู้มีโอกาสเข้าไปใช้ยาเสพติด  ได้ดำเนินการจัดกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์สร้างหมู่บ้าน/ชุมชนเข้มแข็ง
และมีระบบเฝ้าระวัง  ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานประกอบการ   ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพ
ติดในสถานศึกษา และเสริมสร้างความเข้มแข็งของพลังแผ่นดิน  ตลอดจนการประชาสัมพันธ์สร้างความเชื่อมั่น
และความพึงพอใจให้กับประชาชน

             สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลเกี่ยวกับผลการดำเนินการตั้งตู้นายก ฯ ทักษิณรับเรื่องร้อง
เรียนของประชาชน รอบ 1 ปี ของกระทรวงมหาดไทย โดยผลการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2547-31
พฤษภาคม 2548  ได้รับเรื่องร้องเรียน  16,819  เรื่อง  จำแนกเป็น  เรื่องร้องเรียนผ่านทางตู้นายก ฯ  ทักษิณ
ที่ตั้งบริเวณบ้านพักผู้ว่าราชการจังหวัด  12,805  เรื่อง  ซึ่งจังหวัดได้ให้ความช่วยเหลือ/แก้ไขปัญหาแล้ว 8,158
เรื่อง  สำหรับเรื่องร้องเรียนผ่านทางตู้นายก ฯ ทักษิณ หน้าบ้านพิษณุโลก  กรุงเทพ ฯ  คณะทำงานติดตามและ
ประสานงานตามการสั่งการของนายกรัฐมนตรี (คตส.นรม.) ได้ส่งให้จังหวัด 4,014 เรื่อง  ซึ่งจังหวัดได้ให้ความ
ช่วยเหลือ/แก้ไขปัญหาแล้ว  2,363  เรื่อง ทั้งนี้ เรื่องร้องเรียนจำแนกตามกลุ่มปัญหาที่ได้รับจากหน้าบ้านพักผู้
ว่าราชการจังหวัด  และจากหน้าบ้านพิษณุโลก  กรุงเทพ ฯ  นับตั้งแต่เริ่มจัดตั้งตู้นายก ฯ  ทักษิณ  จนถึงปัจจุบัน
กลุ่มปัญหาที่มีการร้องเรียนมากที่สุดคือ เรื่องความเดือดร้อนทั่วไป รองลงมาคือ เรื่องการกล่าวโทษเจ้าหน้าที่/
หน่วยงานของรัฐ และกลุ่มการแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด

            คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ รับทราบสรุปผลการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาล
สงกรานต์ ปี พ.ศ. 2548 ระหว่างวันที่ 8-17 เมษายน 2548  ของกระทรวงมหาดไทย  โดยช่วงดังกล่าวได้เกิด
อุบัติเหตุทางถนน 12,074 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 522 คน  ผู้บาดเจ็บ 16,395 คน  โดยจังหวัดที่มียอดผู้เสียชีวิตสูง
สุด  ได้แก่  จังหวัดนครราชสีมา (20 คน) นครศรีธรรมราช (19 คน) นครสวรรค์ (17 คน) กรุงเทพมหานคร
(17 คน) ชลบุรี (17 คน) และเชียงใหม่ (17 คน)  ประเภทยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุ  ได้แก่  รถมอเตอร์ไซค์
และปิกอัพ และสาเหตุพฤติกรรมเสี่ยงของอุบัติเหตุที่สำคัญ  ได้แก่  ไม่สวมหมวกนิรภัย  เมาสุรา  และขับรถเร็ว
เกินกำหนด  สำหรับการดำเนินการป้องกันได้จัดตั้งจุดตรวจทั่วประเทศรวม 3,754 จุด  มีผู้ปฏิบัติหน้าที่เฉลี่ย
วันละ 100,842 คน โดยมีผู้ปฏิบัติหน้าที่ประมาณ  27  คนต่อจุดตรวจ  ส่วนผลการดำเนินการตามมาตรการ
3ม 2ข 1ร มียานพาหนะถูกเรียกตรวจ 23,486,574 คัน ถูกดำเนินคดี 381,843 ราย  สำหรับผลการวิจัยมูล
ค่าความสูญเสียเนื่องจากอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี พ.ศ. 2548  ระหว่างวันที่ 8-17 เมษา
ยน  2548  ของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพพบว่า มูลค่าความสูญเสียอันเนื่องจากอุบัติ
เหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี พ.ศ. 2548  มีมูลค่าความสูญเสียสูงถึง  2,624  ล้านบาท  และหาก
รวมความสูญเสียด้านจิตใจเข้าไปด้วยมูลค่าความสูญเสียจะสูงถึง  3,263  ล้านบาท และเห็นชอบแนวทางและ
มาตรการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ในระยะต่อไป  (ปี  พ.ศ. 2548)  ตามมติที่ประชุมคณะ
กรรมการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ  ครั้งที่ 3/2548  เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2548  โดยให้จังหวัดและหน่วย
งานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามยุทธศาสตร์หลัก  5  ด้าน ได้แก่  ยุทธศาสตร์ด้านการบังคับใช้กฎหมาย  ยุทธ
ศาสตร์ด้านวิศวกรรมจราจร  ยุทธศาสตร์ด้านการให้ความรู้  ประชาสัมพันธ์และการมีส่วนร่วม   ยุทธศาสตร์
ด้านการบริการการแพทย์และการช่วยเหลือฉุกเฉิน และยุทธศาสตร์ด้านการประเมินผลและสารสนเทศ และ
ให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป  โดยให้ถือว่า  การดำเนินการดังกล่าวเป็นภารกิจสำคัญ
เร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการเป็นลำดับต้น ๆ เช่น  กระทรวงคมนาคม ต้องเร่งปรับปรุงถนนที่มีสภาพไม่ปลอด
ภัย และเป็นคอขวด ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุและการจราจรคับคั่ง เป็นต้น

              สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสถานการณ์ความแห้งแล้ง ของกระทรวงมหาดไทย โดย
ข้อมูล ณ วันที่ 24 มิถุนายน 2548 มีจังหวัดประสบภัย 18 จังหวัด  94 อำเภอ  15  กิ่งอำเภอ  416  ตำบล
1,810 หมู่บ้าน ลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมา 623 หมู่บ้าน (สัปดาห์ที่ผ่านมายอด 2,433 หมู่บ้าน) แยกเป็น
ภาคเหนือ 3 จังหวัด 11 อำเภอ 2 กิ่งอำเภอ 28 ตำบล 115 หมู่บ้าน  ราษฎรประสบภัย 10,823 ครัวเรือน
40,915 คน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 11 จังหวัด 62 อำเภอ  10 กิ่งอำเภอ  299  ตำบล  1,348  หมู่บ้าน
ราษฎรประสบภัย 359,541 ครัวเรือน 1,214,809 คน ภาคตะวันออก 1 จังหวัด 4 อำเภอ 1 กิ่งอำเภอ 20
ตำบล 105 หมู่บ้าน ราษฎรประสบภัย 15,600 ครัวเรือน 56,210 คน และภาคใต้ 3 จังหวัด 17 อำเภอ  2
กิ่งอำเภอ 69 ตำบล 242 หมู่บ้าน ราษฎรประสบภัย  55,625  ครัวเรือน  186,239  คน  ในส่วนของพื้นที่
การเกษตรที่ประสบความแห้งแล้ง (ภาพรวมทั้งประเทศ) แยกเป็น นาข้าว 29,342 ไร่ พืชไร่ 8,728 ไร่  พืช
สวน  93,856  ไร่ มูลค่าความเสียหาย  239,214,804  บาท  สำหรับการให้ความช่วยเหลือ  ประกอบด้วย
การแจกจ่ายน้ำของจังหวัด/อำเภอ เพื่อการเกษตรในพื้นที่นอกเขตชลประทาน และน้ำอุปโภค/บริโภค  โดย
ใช้งบประมาณดำเนินการทั้งสิ้น 1,887,371,942.23 บาท

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอัน
เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน  ในท้องที่ตำบลคูเมือง  อำเภอมหาชนะชัย  จังหวัด
ยโสธร พ.ศ. .... ที่สำนักงานณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว  โดยมีสาระสำคัญคือ  ถอนสภาพที่ดิน
อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันในท้องที่ตำบลคูเมือง อำเภอมหาชนะชัย จังหวัด
ยโสธร บางส่วน เนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ เพื่อมอบหมายให้กรมการขนส่งทางบกใช้เป็นที่ทำการก่อสร้างสำนัก
งานขนส่งจังหวัดยโสธร สาขามหาชนะชัย และให้นำทูลเกล้า ฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป

           สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำบนเกาะสมุย
ของกระทรวงมหาดไทย สรุปได้ดังนี้ การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ได้รวบรวมข้อมูลการศึกษาความเหมาะสม
และผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการอ่างเก็บน้ำคลองลิปะใหญ่ ซึ่งได้มีการศึกษาแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2541 รวมทั้ง
ได้มีการตรวจสอบสภาพพื้นที่บริเวณก่อสร้างอ่างเก็บน้ำคลองลิปะใหญ่ ได้ข้อสรุปคือ ต้องปรับปรุงรายงานการ
ศึกษาดังกล่าวให้เป็นปัจจุบัน  เนื่องจากสภาพแวดล้อมของโครงการมีการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมจากเดิมที่
มีการศึกษาไว้ และการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำลิปะใหญ่ได้มีการเปลี่ยนแปลงขนาดความจุการกักเก็บน้ำจากเดิมที่มี
การศึกษาไว้ 440,000 ลบ.ม.  ซึ่งปัจจุบันกรมชลประทานได้ออกแบบรายละเอียดโครงการให้มีความจุประมาณ
950,000  ลบ.ม.  และการปรับปรุงรายงานการศึกษาดังกล่าว  เห็นควรว่าจ้างสถาบันการศึกษาที่มีผู้เชี่ยวชาญ
ในด้านการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเป็นผู้ดำเนินการศึกษาให้แล้วเสร็จไม่เกิน  12  เดือน  โดย กปภ.  กำลัง
พิจารณาหาแหล่งเงิน  และจัดทำขอบเขตของงาน  เพื่อจ้างสถาบันการศึกษาดำเนินการศึกษาผลกระทบสิ่งแวด
ล้อม   เพื่อส่งให้สำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรี
ต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับแผนพัฒนาระบบการออกเอกสารสิทธิในที่ดินและการบริการประชาชน ตาม
ที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) รับเรื่องนี้พร้อมความเห็นของส่วน
ราชการที่เกี่ยวข้องอาทิ  กระทรวงการคลังที่เห็นว่า  เพื่อให้การจัดทำแผนสนองรับนโยบายในการปรับปรุงระบบ
เอกสารสิทธิในที่ดิน และการจัดทำฐานข้อมูลที่เป็นมาตรฐานสากลสามารถนำไปใช้ในการกำหนดนโยบายความ
มั่นคงของชาติและช่วยป้องกันกรณีพิพาทเกี่ยวกับแนวเขตที่ดินทั้งภาครัฐและเอกชน ตลอดทั้งแก้ไขปัญหาที่ดินทำ
กินและที่อยู่อาศัยของประชาชนอย่างยั่งยืน จึงเห็นควรสนับสนุนการดำเนินงานตามแผนพัฒนาดังกล่าว โดยการ
จัดสรรเงินงบประมาณ เนื่องจากใกล้สิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 จึงควรขอรับการสนับสนุนจากเงินงบประมาณ
ปี พ.ศ. 2549 เป็นต้นไป  ส่วนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมีความเห็นว่า แผน
พัฒนาระบบการออกเอกสารสิทธิในที่ดินและการบริการประชาชน มีแผนงานบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับงานด้านภูมิ
สารสนเทศ  จึงเห็นควรให้คณะกรรมการภูมิสารสนเทศแห่งชาติพิจารณาก่อน  ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยคณะกรรมการภูมิสารสนเทศแห่งชาติ พ.ศ. 2546  และความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับวงเงินค่าใช้
จ่ายในการดำเนินงานตามแผนดังกล่าว จำนวน  6,929,063,960  บาท   เนื่องจากเป็นการดำเนินงานตามภาร
กิจที่กรมที่ดินได้เร่งรัดดำเนินการอยู่แล้วในปัจจุบัน และได้จัดสรรงบประมาณรองรับไว้แล้ว  โดยในปีงบประมาณ
พ.ศ. 2548  ได้จัดสรรงบประมาณรายจ่าย จำนวน  558,392,900  บาท   และในปีงบประมาณ พ.ศ. 2549  ได้
เสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 914,658,400 บาท  ดังนั้น การดำเนินการตามภารกิจดังกล่าว
ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550-2551    ให้กรมที่ดินจัดทำแผนการปฏิบัติงาน   แผนการใช้จ่ายงบประมาณ   เพื่อ
เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยสอดคล้องกับขีดความสามารถในการ
ดำเนินงานต่อไป ไปพิจารณาในคณะกรรมการภูมิสารสนเทศแห่งชาติก่อน  แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง
หนึ่งต่อไป

           คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานสรุปผลการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัด
และเจ้าแขวงชายแดนไทย-ลาว ครั้งที่ 5 ซึ่งกระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมดังกล่าวระหว่างวันที่ 8
-13 พฤษภาคม 2548  ณ จังหวัดชลบุรี  โดยวัตถุประสงค์ของการจัดการประชุมเพื่อสร้างความสัมพันธ์และมิตร
ภาพอันดีระหว่างจังหวัดและแขวงตามแนวชายแดนไทย-ลาว   โดยได้มีการหารือในประเด็นสำคัญคือ  การรักษา
ความสงบและความเป็นระเบียบเรียบร้อยตามแนวชายแดน การอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการเข้า
-ออกบริเวณชายแดน การเปิดช่องทางผ่านแดนและระเบียบการสัญจรบริเวณชายแดน ความร่วมมือในการรักษา
เส้นเขตแดนไทย-ลาว ความร่วมมือในการดูแลรักษาและป้องกันตลิ่งพังและการแก้ไขปัญหาดูดทรายในแม่น้ำโขง
และแม่น้ำเหือง ความร่วมมือกรณีบุคคลของแต่ละฝ่ายถูกจับกุมคุมจัง ความร่วมมือด้านแรงงาน ความร่วมมือแก้ไข
ปัญหาบุคคลสองสัญชาติ   ความร่วมมือระหว่างท้องถิ่นไทย-ลาว   และความร่วมมือในการป้องกันและการปราบ
ปรามยาเสพติด รวมทั้งการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูง และระดับปฏิบัติ ของกระทรวงมหาด
ไทยและกระทรวงป้องกันความสงบ สปป.ลาว การแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างผู้แทนตำรวจระดับสูงเพื่อปรึกษา
หารือแผนความร่วมมือในการฝึกอบรมด้านต่าง ๆ  สำหรับการประชุม ฯ ครั้งที่ 6 ทางฝ่ายลาวจะเป็นเจ้าภาพใน
การจัดประชุม ซึ่งกำหนดเวลาและสถานที่ทางฝ่ายลาวจะได้แจ้งให้ทราบต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่รองนายกรัฐมนตรี  (พลตำรวจเอก ชิดชัย  วรรณสถิตย์)
ประธานกรรมการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติเสนอมาตรการป้องกันภัยจากอัคคีภัยและอาคารถล่มของคณะกรรม
การป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ (กปอ.) และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ โดยให้ กปอ. ติดตามผลการ
ดำเนินงานเพื่อรายงานคณะรัฐมนตรีต่อไป   โดยรับความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาประกอบการดำเนิน
การด้วยว่า การกำหนดมาตรฐานการก่อสร้างอาคารในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลให้สามารถต้านแรงแผ่น
ดินไหว  และปรับปรุงแก้ไขมาตรการความปลอดภัยของห้องแถวและตึกแถว   อาจมีผลทำให้ค่าใช้จ่ายในการก่อ
สร้างอาคารต่าง ๆ สูงขึ้นมาก หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรร่วมกันพิจารณาเรื่องนี้ให้สอดคล้องกับความจำเป็นและ
เหมาะสมด้วย  สำหรับบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอาคาร  ปัจจุบันมีกระจัดกระจายกันอยู่หลายฉบับ
ควรดำเนินการประมวลให้เหลือฉบับเดียว หรือรวบรวมข้อมูลข้อกฎหมายที่ถูกต้องครบถ้วน  ทันสมัยไว้  เพื่อให้
เจ้าหน้าที่ใช้เป็นคู่มือปฏิบัติงานได้อย่างสะดวก จึงมอบให้รองนายกรัฐมนตรี  (นายวิษณุ  เครืองาม)  พิจารณา
ว่า สมควรจะมอบหมายให้หน่วยงานใด เช่น สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา  กระทรวงมหาดไทย  หรือคณะ
กรรมการใดเป็นผู้ดำเนินการ นอกจากนี้อาคารและสิ่งก่อสร้างในเขตกรุงเทพมหานครบางส่วนยังก่อสร้างหรือ
ต่อเติมอย่างไม่ถูกต้อง อันอาจเกิดอันตรายได้  และยังขาดการสำรวจตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง  เนื่อง
จากอาจมีอัตรากำลังในการปฏิบัติหน้าที่ไม่เพียงพอ   จึงขอให้กระทรวงมหาดไทย  (กรุงเทพมหานคร)  รับไป
พิจารณาความเหมาะสม  และเป็นไปได้ที่จะขอความร่วมมือจากสถาบันการศึกษาต่าง  ๆ  เพื่อให้นักศึกษาของ
สถาบันเข้ามาทำหน้าที่อาสาสมัครตรวจสอบแทน หากพบว่ามีการก่อสร้างต่อเติมที่ไม่ถูกต้อง ก็ให้แจ้งเจ้าของ
ผู้ครอบครองแก้ไขปรับปรุงต่อไป

             สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสถานการณ์ความแห้งแล้ง ของกระทรวงมหาดไทย โดย
ข้อมูล ณ วันที่ 17 มิถุนายน 2548 มีจังหวัดประสบภัย 19 จังหวัด 116 อำเภอ 20 กิ่งอำเภอ  563  ตำบล
2,433 หมู่บ้าน ลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมา 2,134 หมู่บ้าน (สัปดาห์ที่ผ่านมายอด  4,567  หมู่บ้าน) แยก
เป็น ภาคเหนือ 3 จังหวัด 11 อำเภอ 2 กิ่งอำเภอ 30 ตำบล 138 หมู่บ้าน  ราษฎรประสบภัย 11,494 ครัว
เรือน 43,584 คน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 12 จังหวัด 78 อำเภอ 14 กิ่งอำเภอ  420 ตำบล  1,838  หมู่
บ้าน ราษฎรประสบภัย 437,665 ครัวเรือน 1,609,836 คน  ภาคตะวันออก  1  จังหวัด  4  อำเภอ  1  กิ่ง
อำเภอ 20 ตำบล 105 หมู่บ้าน ราษฎรประสบภัย 15,600 ครัวเรือน  56,210 คน  และภาคใต้  3  จังหวัด
23 อำเภอ 3 กิ่งอำเภอ 93 ตำบล 352 หมู่บ้าน ราษฎรประสบภัย 140,946 ครัวเรือน  484,211  คน ใน
ส่วนของพื้นที่การเกษตรที่ประสบความแห้งแล้ง (ภาพรวมทั้งประเทศ) แยกเป็น นาข้าว  32,376  ไร่ พืชไร่
78,970 ไร่ และพืชสวน  99,911  ไร่  มูลค่าความเสียหาย  263,360,077  บาท  สำหรับการให้ความช่วย
เหลือ ประกอบด้วย การแจกจ่ายน้ำของจังหวัด/อำเภอ เพื่อการเกษตรในพื้นที่นอกเขตชลประทาน  และน้ำ
อุปโภค/บริโภค โดยใช้งบประมาณดำเนินการทั้งสิ้น 1,857,091,766.23 บาท

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน
ในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวิชิต และตำบลฉลอง  อำเภอเมืองภูเก็ต  จังหวัดภูเก็ต  พ.ศ. ....  ร่าง
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลป่าตอง อำเภอกระทู้ จังหวัดภูเก็ต
พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน  ในท้องที่ตำบลเชิงทะเล  อำเภอ
ถลาง จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. .... เพื่อสร้างและขยายถนนตามโครงการผังเมืองรวมเกาะภูเก็ต  ที่สำนักงานคณะ
กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว   และให้นำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย  เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมาย
ต่อไป

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
เรื่อง  กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อขยายทางหลวงเทศบาล  สายถนนพิชัย  ตอนเชื่อมระหว่าง
ถนนไชยศรีกับสะพานเทพหัสดิน  และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอ
คณะรัฐมนตรี คณะที่ 1 ตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

               คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธี
การตรวจสอบผู้ขับขี่ซึ่งได้เสพยาเสพติดให้โทษในประเภท  1  เฉพาะแอมเฟตามีนหรือเมทแอมเฟตามีน พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดผู้มีอำนาจในการตรวจสอบ
วิธีการตรวจสอบเบื้องต้น การยืนยันผลการตรวจสอบ และวิธีการทดสอบเกี่ยวกับสารเสพติด กำหนดคุณสมบัติ
เจ้าหน้าที่ผู้ทำการทดสอบ และวิธีปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ในการจัดเก็บและส่งปัสสาวะของผู้รับการตรวจ เพื่อตรวจ
ยืนยันผลและความถูกต้อง และกำหนดหน่วยงานที่มีอำนาจตรวจยืนยันผลและความถูกต้อง และกำหนดปริมาณ
ของสารเสพติดในปัสสาวะที่ให้ถือว่าผู้รับการตรวจเป็นผู้เสพยาเสพติดให้โทษ แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้
กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เกี่ยวกับปัญหาเรื่องความพร้อมของหน่วยงานในการปฏิบัติ
ตามร่างกฎกระทรวงดังกล่าว ซึ่งเป็นปัญหาเกี่ยวกับการขาดแคลนบุคลากร  การตรวจพิสูจน์ยืนยันผล  สถานที่
ตรวจพิสูจน์ยาเสพติด และงบประมาณดำเนินการ  โดยเมื่อร่างกฎกระทรวงมีผลใช้บังคับ  หากหน่วยงานไม่อาจ
ปฏิบัติตามกฎหมายได้ กรณีนี้ก็ให้กระทำเท่าที่สามารถจะกระทำได้และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งปัญหาที่เกิด
ขึ้นต่อคณะรัฐมนตรี หรือสำนักงบประมาณ  เพื่อพิจารณากำหนดแนวทางในการดำเนินการต่อไป  ไปพิจารณา
ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเงินประจำ
ตำแหน่ง เงินค่าเบี้ยประชุม  และประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานสภาเมืองพัทยา  รองประธานสภาเมือง
พัทยา สมาชิกสภาเมืองพัทยา เลขานุการประธานสภาเมืองพัทยา ผู้ช่วยเลขานุการประธานสภาเมืองพัทยา
และกรรมการหรืออนุกรรมการของสภาเมืองพัทยา  (ฉบับที่ ..)  พ.ศ. ....  และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนด
เงินเดือน  เงินประจำตำแหน่ง  และประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของนายกเมืองพัทยา  รองนายกเมืองพัทยา
เลขานุการนายกเมืองพัทยา   ผู้ช่วยเลขานุการนายกเมืองพัทยา    และประธานที่ปรึกษาหรือที่ปรึกษาของ
นายกเมืองพัทยา พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยมีสาระสำคัญคือ ปรับ
ปรุงอัตราเงินประจำตำแหน่ง   เงินค่าเบี้ยประชุม    และประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานสภาเมืองพัทยา
รองประธานสภาเมืองพัทยา   สมาชิกสภาเมืองพัทยา   เลขานุการประธานสภาเมืองพัทยา    ผู้ช่วยเลขานุ
การประธานสภาเมืองพัทยา และกรรมการหรืออนุกรรมการของสภาเมืองพัทยา รวมทั้งปรับปรุงอัตราเงิน
เดือนเงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของนายกเมืองพัทยา รองนายกเมืองพัทยา เลขา
นุการนายกเมืองพัทยา  ผู้ช่วยเลขานุการนายกเมืองพัทยา   และประธานที่ปรึกษาหรือที่ปรึกษาของนายก
เมืองพัทยา และให้นำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป