คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่
ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงเทศบาล สายเชื่อมระหว่างถนนเกษตร-นวมินทร์ กับ
ถนนนาคนิวาส พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ  กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อสร้างและขยายทาง
หลวงเทศบาล สายเชื่อมระหว่างถนนเกษตร-นวมินทร์  กับถนนนาคนิวาส  ในท้องที่แขวงจรเข้บัว  และแขวง
ลาดพร้าว เขตลาดพร้าว  กรุงเทพมหานคร  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา  แล้ว
ดำเนินการต่อไปได้

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่
ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน  ในท้องที่
ตำบลสามเรือน ตำบลพิกุลทอง อำเภอเมืองราชบุรี  และตำบลบ้านไร่  อำเภอดำเนินสะดวก  จังหวัดราชบุรี
พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ ถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันใน
ท้องที่ตำบลสามรือน ตำบลพิกุลทอง อำเภอเมืองราชบุรี และตำบลบ้านไร่ อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราช
บุรี และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้  ทั้งนี้  ตามมาตรา 7
แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี  พ.ศ. 2548   และมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2548

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรม
การจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ จำนวน 4 คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ  (27 ตุลาคม 2548)
เป็นต้นไป  ประกอบด้วย  นายปกิต  พัฒนกุล  นายสง่า  โภคบุตร   นายศักดิ์  กาญจนาลิขิต   และนางสาว
ณ ฤดี เคียงศิริ  ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี
พ.ศ. 2548

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างประกาศกระทรวงมหาด
ไทย เรื่อง การกำหนดจำนวนคนต่างด้าวซึ่งจะมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร ประจำปี พ.ศ. 2548 โดยมีสาระ
สำคัญคือ กำหนดจำนวนคนต่างด้าวซึ่งจะมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร ประจำปี พ.ศ. 2548  โดยถือจำนวน
หนึ่งร้อยคนสำหรับคนต่างด้าวที่มีสัญชาติของแต่ละประเทศ และห้าสิบคนสำหรับคนไร้สัญชาติ และให้ส่ง
คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อ
สังเกตของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วยว่า การกำหนดให้รวมถึงอาณานิคมของประเทศด้วย สมควรตรวจ
สอบให้สอดคล้องกับสภาพข้อเท็จจริงในปัจจุบันว่ายังมีอาณานิคมอยู่หรือไม่ แล้วดำเนินการต่อไปได้ และ
พิจารณาด้วยว่า ในอนาคตการกำหนดจำนวนคนต่างด้าวที่จะเข้ามามีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรไว้ประเทศ
ละหนึ่งร้อยคน อาจไม่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป  ซึ่งจะมีการเคลื่อนย้ายคน
โดยเสรีโดยเฉพาะคนต่างด้าวที่มีความรู้ความสามารถในสาขาที่ขาดแคลน  ซึ่งเป็นที่ต้องการของประเทศ
จึงสมควรติดตามและทบทวนการกำหนดจำนวนดังกล่าวเป็นระยะเพื่อให้มีความเหมาะสมด้วย

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1 (ฝ่ายเศรษฐ
กิจ) ที่มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)ดำเนินโครงการติดตั้งระบบ
ศูนย์สั่งการจ่ายไฟ ระยะที่ 2 วงเงิน 8,427 ล้านบาท โดยใช้เงินรายได้ของ กฟภ.  จำนวน 2,107 ล้านบาท  และ
กู้จากสถาบันการเงินภายในประเทศ/ระดมทุน จำนวน  6,320  ล้านบาท  และให้ กฟภ. รับความเห็นของหน่วย
งานและคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่ให้ กฟภ. พิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการในแต่ละพื้นที่ โดยเร่ง
ดำเนินการในพื้นที่ที่ต้องการความมั่นคงของระบบไฟฟ้าสูงก่อน เช่น  พื้นที่นิคมอุตสาหกรรม  เป็นต้น  พร้อมทั้ง
เร่งรัดการแปรสภาพเป็นบริษัทจำกัดภายในไตรมาสแรกของปี พ.ศ. 2549  และเร่งระดมทุนเพื่อนำไปชดใช้เงินกู้
ในประเทศ และรองรับการลงทุนในอนาคต  นอกจากนี้  ให้พิจารณาความเป็นไปได้ในการเพิ่มสัดส่วนการใช้วัสดุ
อุปกรณ์ภายในประเทศสำหรับการดำเนินงานโครงการ  ฯ  ให้สูงขึ้นกว่าเดิมที่กำหนดไว้ร้อยละ  53  เพื่อช่วยลด
ปัญหาการขาดดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดของประเทศ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินโครงการ ฯ ด้วย

             สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับผลการดำเนินการตั้งตู้
นายก ฯ ทักษิณ  รับเรื่องร้องเรียนของประชาชน  ในรอบ 1 ปี  4 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2547-30 
กันยายน 2548 ได้รับเรื่องร้องเรียน 19,690 เรื่อง จำแนกเป็น เรื่องร้องเรียนผ่านทางตู้นายก ฯ ทักษิณที่
ตั้งบริเวณบ้านพักผู้ว่าราชการจังหวัด 14,037 เรื่อง ซึ่งจังหวัดได้ให้ความช่วยเหลือ/แก้ไขปัญหาแล้ว 9,316 
เรื่อง  และเรื่องร้องเรียนผ่านทางตู้นายก ฯ ทักษิณ หน้าบ้านพิษณุโลก กรุงเทพ ฯ  คณะทำงานติดตามและ
ประสานงานตามการสั่งการของนายกรัฐมนตรี (คตส.นรม.)  ได้ส่งให้จังหวัด  5,653 เรื่อง ซึ่งจังหวัดได้ให้
ความช่วยเหลือ/แก้ไขปัญหาแล้ว 3,421 เรื่อง ทั้งนี้  เรื่องร้องเรียนจำแนกตามกลุ่มปัญหาที่ได้รับจากหน้า
บ้านพักผู้ว่าราชการจังหวัด และจากหน้าบ้านพิษณุโลก กรุงเทพ ฯ นับตั้งแต่เริ่มจัดตั้งตู้นายก ฯ ทักษิณ จน
ถึงปัจจุบัน กลุ่มปัญหาที่มีการร้องเรียนมากที่สุดคือ เรื่องความเดือดร้อนทั่วไป รองลงมาคือ กลุ่มเรื่องการ
กล่าวโทษเจ้าหน้าที่/หน่วยงานของรัฐ

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลความคืบหน้าการรายงานความพร้อม
ของหมู่บ้าน/ชุมชน  ในการดำเนินการตามโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML) ข้อมูล  ณ  วันที่
21 ตุลาคม 2548 โดยกระทรวงมหาดไทยได้ตรวจสอบความพร้อมของหมู่บ้าน/ชุมชนทั่วประเทศและจัดทำบัญชี
รายละเอียดสำหรับการพิจารณา  จำนวน  66,704  หมู่บ้าน/ชุมชน  จัดส่งให้สำนักงานพัฒนาศักยภาพของหมู่
บ้าน/ชุมชน (SML) เพื่ออนุมัติโอนเงินงบประมาณให้หมู่บ้าน/ชุมชนแล้ว แยกเป็น ภาคเหนือ 15,267 หมู่บ้าน/
ชุมชน  งบประมาณ  3,538,400,000  บาท  ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  29,054  หมู่บ้าน/ชุมชน  งบประมาณ
6,746,300,000 บาท ภาคกลาง  15,195  หมู่บ้าน/ชุมชน  งบประมาณ  3,571,050,000  บาท  และภาคใต้
7,188 หมู่บ้าน/ชุมชน งบประมาณ 1,751,500,000 บาท  รวมเป็นเงินงบประมาณที่จะต้องใช้ในการโอนให้แก่
หมู่บ้าน/ชุมชน  จำนวนทั้งสิ้น  15,607.25  ล้านบาท   และจากการตรวจสอบโครงการที่หมู่บ้าน/ชุมชน  ได้ส่ง
ให้สำนักงานพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน  (SML)  เพื่ออนุมัติโอนเงินงบประมาณ   จำแนกได้ดังนี้   ด้าน
สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ร้อยละ 32.21  ด้านการเกษตร ร้อยละ  8.54  ด้านส่งเสริมรายได้และอาชีพ  ร้อยละ
6.00 ด้านสวัสดิการชุมชน ร้อยละ 38.1  และด้านอื่น ๆ ร้อยละ 15.10

             สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกัน
และบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย เกี่ยวกับสถานการณ์อุทกภัยจากอิทธิพลหย่อมความกดอากาศ
ต่ำกำลังแรงในพื้นที่จังหวัดภาคใต้  (จังหวัดชุมพรและประจวบคีรีขันธ์)  ระหว่างวันที่  20-24 ตุลาคม 2548 
และการให้ความช่วยเหลือ สรุปได้ดังนี้ สถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดชุมพร  มีพื้นที่ประสบภัย  4  อำเภอ ได้
แก่  อำเภอเมืองชุมพร  ปะทิว  ท่าแซะ  และสวี  ใน 35 ตำบล  228  หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน  9,258  คน  
2,649 ครัวเรือน ความเสียหายด้านทรัพย์สิน ประกอบด้วย ถนน 331 สาย สะพาน 8  แห่ง  ฝาย  12 แห่ง  
บ้านเรือนเสียหายบางส่วน 7 หลัง ปศุสัตว์ 87 ตัว พื้นที่การเกษตร 10,000 ไร่ บ่อปลา/กุ้ง 81 แห่ง บ่อน้ำ 
65 แห่ง ท่อระบายน้ำ 37 แห่ง มูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการสำรวจ  สำหรับการให้ความช่วยเหลือใน
ภาพรวม ได้มีการจัดส่งเรือท้องแบนพร้อมถุงยังชีพ  ข้าวกล่องและน้ำดื่ม ช่วยเหลือราษฎรที่ประสบภัย  และ
จัดเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบความเสียหาย ส่วนสถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีพื้นที่ประสบ
ภัย 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางสะพาน หัวหิน  และปราณบุรี  ใน 9 ตำบล  21  หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน  
1,200  คน  500  ครัวเรือน  ความเสียหายด้านทรัพย์สิน  ประกอบด้วย บ้านเรือนเสียหายบางส่วน 245 
หลัง  ถนน  24  สาย  ฝาย 1 แห่ง และพื้นที่การเกษตร  15,000  ไร่  มูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการ
สำรวจ สำหรับการให้ความช่วยเหลือในภาพรวมได้ส่งเจ้าหน้าที่และเรือท้องแบน เครื่องสูบน้ำไปช่วยเหลือ
ผู้ประสบภัย และอพยพราษฎรไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพ
ที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน  ในท้องที่ตำบลขามทะเลสอ  อำเภอขาม
ทะเลสอ จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ ถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่น
ดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลขามทะเลสอ  อำเภอขามทะเลสอ  จังหวัดนครราชสีมา  เนื้อที่
ประมาณ 1 ไร่ 3 งาน  88  ตารางวา เพื่อมอบหมายให้เทศบาลตำบลขามทะเลสอใช้เป็นที่ก่อสร้างอาคาร
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก สนามเด็กเล่น และโรงอาหาร  และส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้   ทั้งนี้  ตามมาตรา  7  แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุม
คณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2548

             คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่ ..)
พ.ศ. .... ของกระทรวงมหาดไทย  โดยพิจารณาเห็นว่า  ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการจัด
เก็บภาษีอากรและค่าธรรมเนียม ซึ่งอาจจะมีผลกระทบกับประชาชนและสังคมโดยรวม  สมควรมีข้อมูลที่เกี่ยว
ข้องกับผลกระทบดังกล่าว  เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีด้วย   จึงให้กระทรวงมหาดไทยรับไป
ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น  กระทรวงการคลัง  สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติ เพื่อดำเนินการจัดทำข้อมูลผลกระทบเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณ
ห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่ตำบล
ดอนแก้วอำเภอแม่ริม  ตำบลสันผีเสื้อ  อำเภอเมืองเชียงใหม่  ตำบลหนองหาร  ตำบลหนองจ๊อม  ตำบลสัน
ทรายน้อย ตำบลสันพระเนตร อำเภอสันทราย ตำบลสันปูเลย  อำเภอดอยสะเก็ด  ตำบลสันกลาง  อำเภอ
สันกำแพง ตำบลป่าบง ตำบลไชยสถาน ตำบลหนองผึ้ง ตำบลยางเนิ้ง ตำบลท่าวังตาล อำเภอสารภี ตำบล
ป่าแดด อำเภอเมืองเชียงใหม่  และตำบลสันผักหวาน  อำเภอหางดง  จังหวัดเชียงใหม่  พ.ศ. ....  โดยมีสาระ
สำคัญคือ กำหนดให้พื้นที่บางส่วนในท้องที่ตำบลดอนแก้ว  อำเภอแม่ริม  ตำบลสันผีเสื้อ  อำเภอเมืองเชียง
ใหม่ ตำบลหนองหาร  ตำบลหนองจ๊อม  ตำบลสันทรายน้อย  ตำบลสันพระเนตร  อำเภอสันทราย  ตำบล
สันปูเลย อำเภอดอยสะเก็ด ตำบลสันกลาง อำเภอสันกำแพง ตำบลป่าพง ตำบลไชยสถาน ตำบลหนองผึ้ง
ตำบลยางเนิ้ง  ตำบลท่าวังตาล  อำเภอสารภี  ตำบลป่าแดด  อำเภอเมืองเชียงใหม่  และตำบลสันผักหวาน
อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการสถาปัตยกรรม  และการ
ควบคุมความหนาแน่นของอาคาร และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยให้ใช้บังคับต่อเนื่องจากประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดบริเวณห้าม
ก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภทในพื้นที่บางส่วนในท้องที่ตำบลดอน
แก้ว อำเภอแม่ริม ตำบลสันผีเสื้อ อำเภอเมืองเชียงใหม่ ตำบลหนองหาร ตำบลหนองจ๊อม  ตำบลสันทราย
น้อย ตำบลสันพระเนตร  อำเภอสันทราย  ตำบลสันปูเลย  อำเภอดอยสะเก็ด  ตำบลสันกลาง  อำเภอสัน
กำแพง ตำบลป่าบง ตำบลไชยสถาน ตำบลหนองผึ้ง ตำบลยางเนิ้ง ตำบลท่าวังตาล  อำเภอสารภี  ตำบล
ป่าแดด อำเภอเชียงใหม่ และตำบลสันผักหวาน  อำเภอหางดง  จังหวัดเชียงใหม่  ซึ่งจะครบกำหนดการใช้
บังคับในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2548

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเพื่อ
เช่ารถยนต์ตู้ 1 คัน ในอัตราค่าเช่าเดือนละ 75,000 บาท (ในราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว) เป็นเวลา 5 ปี
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 4,500,000 บาท  โดยก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2549-
พ.ศ. 2553

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการดำเนินงานโครงการภาคธุรกิจ
ช่วยเหลือคนจน  โดยได้คัดเลือกจังหวัดสุพรรณบุรีเป็นจังหวัดนำร่อง  ในส่วนของการศึกษาความเป็นไปได้ของ
โครงการ โดยกรมการพัฒนาชุมชน และจังหวัดสุพรรณบุรี ได้คัดเลือกพื้นที่และครัวเรือนกลุ่มเป้าหมายเข้าร่วม
โครงการ ฯ  ในพื้นที่อำเภออู่ทอง และอำเภอหนองหญ้าไซ  โดยมีขั้นตอนการดำเนินงานตามโครงการ ฯ  และ
แผนธุรกิจดังนี้  ด้านปศุสัตว์  (โครงการเลี้ยงไก่)  กำหนดดำเนินการพื้นที่  ตำบลพลับพลาไชย  อำเภออู่ทอง
จำนวนพื้นที่ 100 ไร่ ครัวเรือนเป้าหมายเข้าร่วมโครงการ 100 ครัวเรือน  ให้รัฐบาลเป็นผู้ลงทุนโดยจัดหาเงิน
กู้อัตราดอกเบี้ยต่ำ  ผ่อนชำระระยะยาว  จำนวน  317  ล้านบาท    โดยครัวเรือนเป้าหมายทำสัญญากู้เงินกับ
รัฐบาล ด้านการปลูกพืชระยะสั้น กำหนดดำเนินการพื้นที่ ตำบลจระเข้สามพัน และตำบลสระยายโสม อำเภอ
อู่ทอง  ครัวเรือนเป้าหมาย 40 ครัวเรือน  แบ่งการดำเนินการออกเป็น  2  ระยะ  โดยใช้งบยุทธศาสตร์พัฒนา
จังหวัดสุพรรณบุรี  จำนวน  2,300,000  บาท   ด้านการปลูกเมล่อน  (บริษัทเจียไต๋เทคโนโลยีการเพาะปลูก
จำกัด)  กำหนดดำเนินการพื้นที่ตำบลพลับพลาไชย อำเภออู่ทองและตำบลแจงงาม อำเภอหนองหญ้าไซ รวม 
2 จุดดำเนินการ  ครัวเรือนเป้าหมาย จุดละ  14  ครัวเรือน  พื้นที่ดำเนินการครัวเรือนละ  1  ไร่  งบประมาณ
ดำเนินการเฉลี่ยรายละ  45,000  บาท  รวมเป็นทั้งโครงการ  1,260,000  บาท ให้รัฐบาลเป็นผู้จัดหาเงินกู้
อัตราดอกเบี้ยต่ำ ผ่อนชำระระยะยาว  โดยครัวเรือนเป้าหมายทำสัญญากับรัฐบาลโดยกำหนดเริ่มดำเนินการ
ในพื้นที่นำร่องวันที่ 1 พฤศจิกายน 2548 และเดือนมกราคม 2549

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครอง รายงานผลการดำเนิน
โครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML) ข้อมูล ณ วันที่  17  ตุลาคม  2548 ได้มีการตรวจสอบ
ความพร้อมและจัดทำบัญชีรายละเอียดสำหรับการพิจารณาจำนวน 63,526 หมู่บ้าน/ชุมชน จัดส่งให้สำนัก
งานพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน  (SML)  เพื่ออนุมัติโอนเงินงบประมาณให้หมู่บ้าน/ชุมชนแล้ว  ดังนี้
ภาคเหนือ 14,407 หมู่บ้าน/ชุมชน งบประมาณ 3,330,300,000 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 27,816
หมู่บ้าน/ชุมชน  งบประมาณ  6,455,300,000  บาท   ภาคกลาง  14,639  หมู่บ้าน/ชุมชน   งบประมาณ
3,439,550,000 บาท และภาคใต้ 6,664 หมู่บ้าน/ชุมชน  งบประมาณ  1,620,400,000  บาท  รวมเป็น
เงินงบประมาณที่จะต้องใช้ในการโอนให้แก่หมู่บ้าน/ชุมชน จำนวนทั้งสิ้น 14,845,550,000 บาท  และจาก
การตรวจสอบโครงการที่หมู่บ้าน/ชุมชน ได้ส่งให้สำนักงานพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML) เพื่อ
อนุมัติโอนเงินงบประมาณ  จำแนกได้ดังนี้  ด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน  ร้อยละ 31.96  ด้านการเกษตร
ร้อยละ 8.51  ด้านส่งเสริมรายได้และอาชีพ  ร้อยละ 5.96  ด้านสวัสดิการชุมชน  ร้อยละ  38.22  และด้าน
อื่น ๆ ร้อยละ 15.35

             คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ  เครืองาม) เสนอเพิ่มเติม
เกี่ยวกับการถ่ายโอนภารกิจด้านการถวายความปลอดภัยด้านอัคคีภัยในเขตพระราชฐานและที่ประทับใน
เขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดไปเป็นภารกิจของสำนักงานนายตำรวจราชสำนักประจำ สำนัก
งานตำรวจแห่งชาติ นั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติสามารถปฏิบัติภารกิจได้โดยไม่มีความจำเป็นต้องจัดตั้ง
เป็นกองกำกับการตำรวจถวายความปลอดภัยจากสาธารณภัยและอุบัติภัยเพิ่มเติม ขึ้นในสังกัดสำนักงาน
ตำรวจแห่งชาติแต่ประการใด  ทั้งนี้ ให้ระงับการดำเนินการเกี่ยวกับร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการเป็น
กองบังคับการหรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  (ฉบับที่  ..)  พ.ศ. ....   ที่
สำนักงาน ก.พ.ร.  เสนอ   และอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี  คณะที่  7
(ฝ่ายกฎหมาย  พลังงาน  ระบบราชการและการประชาสัมพันธ์) ครั้งที่ 7/2548  เมื่อวันที่  12  ตุลาคม
2548 โดยยกเว้นในส่วนที่เกี่ยวกับร่างกฎกระทรวง ฯ ซึ่งให้ระงับการดำเนินการแล้ว  และให้รับความเห็น
ของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า   การจัดตั้งกองกำกับการตำรวจถวายความปลอดภัยจากสาธารณภัยและ
อุบัติภัย สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ถ่ายโอนภารกิจด้านการดับเพลิง 
พร้อมทั้งอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ในการดับเพลิงและบุคลากรบางส่วนให้กับกรุงเทพมหานคร   รวมทั้ง
จัดบุคลากรของตำรวจดับเพลิงเดิมลงตามโครงสร้างใหม่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว หากกระทรวง
มหาดไทย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่เกี่ยวข้องยังไม่มีความ
พร้อมในด้านบุคลากร เครื่องมือเครื่องใช้ และอุปกรณ์ที่จะปฏิบัติภารกิจดังกล่าว  ก็ให้ประสานกับสำนัก
งานตำรวจแห่งชาติ และกรุงเทพมหานครเพื่อบูรณาการการปฏิบัติภารกิจ และขอรับการสนับสนุนเรื่อง
บุคลากร เครื่องมือเครื่องใช้  และอุปกรณ์ต่าง ๆ  ต่อไป  จนกว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีความพร้อมและ
สามารถดำเนินภารกิจดังกล่าวได้ ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย

             สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับผลการประชุมผู้บริหาร
ระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยและผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อซักซ้อมการปฏิบัติงานตามนโยบายของรัฐบาล 
เมื่อวันที่ 14 -15 ตุลาคม  2548  ณ  โรงแรมรามาการ์เดนส์  โดยสาระสำคัญของการประชุมในครั้งนี้ ได้มี
การมีการมอบนโยบายและแนวทางการดำเนินงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย  ในส่วนของการ
บริหารงานของผู้ว่าราชการจังหวัด CEO การวางแผนและการบริหารจัดการเชิงยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหา
ความยากจนการดำเนินการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด  การปราบปรามผู้มีอิทธิพล  การแก้ไขปัญหาสังคม   
ปัญหาภัยพิบัติร้ายแรงต่าง  ๆ  ส่วนประเด็นงานสำคัญอื่น  ๆ  ได้แก่  โครงการ SML ที่ดินทำกิน โครงการ
ต้นแบบคนรวยช่วยคนจน  โครงการถนนคอนกรีตเสริมไม้ไผ่ การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย  การก่อ
สร้างฝายต้นน้ำลำธาร การป้องกันแผ่นดินไหว ภัยหนาว ไข้หวัดนกอุบัติเหตุบนถนนหลวง ประปาหมู่บ้าน 
เงินสะสมในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปัญหาขยะ  ทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้ การเร่งรัดการเบิกจ่าย
งบประมาณและการดำเนินการประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงานต่าง  ๆ  ให้ประชาชนได้รับทราบ สำหรับ
แนวทางปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลในด้านสังคม  ได้แก่ การให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข  มีครอบครัวและคน
ในสังคมที่เข้มแข็ง   แก้ไขปัญหาพฤติกรรมที่มีผลต่อสุขภาพของประชาชน    และยุทธศาสตร์การปรับปรุง
คุณภาพด้านการศึกษา  รวมทั้งได้ชี้แจงนโยบาย แนวทาง  และมาตรการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีการผลิต 
ปี พ.ศ. 2548-2549  การมอบนโยบายและแนวทางการดำเนินงาน  ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร
และสหกรณ์ในส่วนของการปรับโครงสร้างการผลิตและแก้ไขปัญหาความยากจน   การแก้ไขปัญหาไข้หวัด
นก  งานมหกรรมพืชสวนโลก    และแนวทางการบริหารราชการและการบริหารงบประมาณ    โดยที่การ
บริหารงบประมาณประจำปีงบประมาณ  พ.ศ. 2549   ระบบ  GFMIS   เข้ามามีบทบาทอย่างมากต่อส่วน
ราชการและจังหวัด โดยใช้บันทึกแผนข้อมูลการปฏิบัติงาน แผนการใช้จ่ายงบประมาณใช้อนุมัติในการจัด
สรรการโอนเปลี่ยนแปลงการเบิกจ่าย และการรายงานผล   ตลอดจนใช้ในการติดตามเหน่วยงานที่เกี่ยว
ข้อง    จากการประชุมดังกล่าว   กระทรวงมหาดไทยได้เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเร่งรัดให้เป็นไปตาม
นโยบายสำคัญของรัฐบาลและตามยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดโดยให้มีการติดตามและรายงานผลเป็น
ระยะ

            สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับผลการประชุมเตรียมการ
ป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย  วาตภัยและดินถล่มในพื้นที่ภาคใต้  ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่  17 ตุลาคม 2548 ณ 
จังหวัดสงขลาโดยที่ประชุมได้มีการกำหนดมาตรการเตรียมรับสถานการณ์    ดังนี้    ให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตาม
สภาพอากาศ ข้อมูลกลุ่มฝนจากเรดาร์ตรวจอากาศจากเว็บไซต์ของกรมอุตุนิยมวิทยาหรือคำเตือนจากสำนัก
เลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน   กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย   อย่างใกล้ชิดตลอด   24   ชั่วโมง  
พร้อมทั้งตรวจสอบปริมาณน้ำฝนข้อมูลระดับน้ำทะเล ระดับน้ำในแม่น้ำ (สูงสุด/ต่ำสุด) รวมทั้งบริเวณที่อาจ
จะเกิดน้ำท่วม  และโคลนถล่ม เพื่อให้การวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์เป็นไปอย่างถูกต้อง

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอัน
เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลเขาวัว อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี
พ.ศ. 2548 ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยมีสาระสำคัญคือ  ถอนสภาพที่ดินอัน
เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันในท้องที่ตำบลเขาวัว อำเภอท่าใหม่  จังหวัดจันทบุรี
บางส่วน เนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ 2 งาน 95 ตารางวา  เพื่อมอบหมายให้เทศบาลตำบลเนินสูงใช้เป็นที่ตั้งสำนัก
งานเทศบาลตำบลเนินสูง  และใช้ประโยชน์อย่างอื่นในราชการของเทศบาล   และให้นำขึ้นทูลเกล้า ฯ  ถวาย
เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป  ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและ
การประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2548

           คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลัการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
เรื่อง  กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์  เพื่อสร้างทางหลวงเทศบาล  สายทางยกระดับเชื่อมระหว่าง
อาคารอู่จอดและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้ากับถนนวิภาวดีรังสิต  เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน  และให้ส่ง
คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา   แล้วดำเนิน
การต่อไปได้  โดยให้ถือปฏิบัติเป็นมติคณะรัฐมนตรี  ณ  วันที่ได้มีคำสั่ง  ทั้งนี้  ตามมาตรา 7 แห่งพระราช
กฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15
มีนาคม 2548

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอัน
เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน  ในท้องที่ตำบลหินตั้ง  และตำบลบ้านลาน อำเภอ
บ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น  พ.ศ. ....  ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว  โดยมีสาระสำคัญ
คือ   ถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลหินตั้ง และ
ตำบลบ้านลานอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น  และให้นำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย  เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎ
หมายต่อไป  ทั้งนี้  ตามมาตรา  7  แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี
พ.ศ. 2548 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2548