ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | สรุปสถานการณ์ไฟป่าและมลพิษหมอกควันในพื้นที่ 10 จังหวัดภาคเหนือ | ทส | 17/03/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานว่า ๑.๑ จุดความร้อน (Hot Spots) ในช่วงเวลาตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม-๑๒ มีนาคม ๒๕๕๘ มีจำนวนจุดความร้อน (Hot Spots) รวม ๔,๐๔๒ จุด แบ่งเป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ร้อยละ ๔๓ พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ร้อยละ ๔.๑ และพื้นที่เกษตร ร้อยละ ๑๖ โดยจังหวัดที่พบจุดความร้อน (Hot Spots) มากที่สุด คือ จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน ๘๕๘ จุด รองลงมา คือ จังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน ๗๖๗ จุด ๑.๒ สาเหตุของการเกิดไฟป่าและหมอกควันยังคงเกิดจากสาเหตุภายในประเทศ ได้แก่ การเผาป่าเพื่อหาของป่าหรือล่าสัตว์ การเผาป่าเพื่อเตรียมพื้นที่เกษตรกรรม (ส่วนใหญ่เป็นข้าวโพด) ทั้งนี้ ในพื้นที่ของตนเอง และในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติหรือป่าอนุรักษ์ (ซึ่งเป็นพื้นที่ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๔๑) หรือไฟลุกลามมาจากพื้นที่ของชาวบ้าน และสาเหตุภายนอกประเทศ คือ ลมพัดหมอกควันมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ๑.๓ การดำเนินการจับกุมและดำเนินคดีผู้กระทำความผิด จำนวน ๑๐ คดี ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน และลำพูน ๑.๔ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินมาตรการเพิ่มเติมเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน เช่น การออกประกาศห้ามเข้าไปในเขตป่าอนุรักษ์ทุกพื้นที่อย่างเด็ดขาดตั้งแต่ปัจจุบันจนถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๘ การออกประกาศห้ามเข้าไปในเขตป่าสงวนแห่งชาติทุกพื้นที่เว้นจะได้รับอนุญาตตั้งแต่ปัจจุบันจนถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๘ การจัดกำลังหมู่ดับไฟจากนอกพื้นที่มาเสริมกำลัง การจัดอากาศยาน (เฮลิคอปเตอร์) สำหรับการบินลาดตระเวนและการบินดับไฟ การจัดเจ้าหน้าที่ระดับอำเภอและตำบลชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวบ้าน การจัดเจ้าหน้าที่สาธารณสุขลงพื้นที่เพื่อให้คำแนะนำด้านการดูแลสุขภาพอนามัยและแจกอุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็น ๒. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรายงานว่า ได้จัดส่งอากาศยานของกองทัพบกและกองทัพอากาศเพื่อสนับสนุนภารกิจการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในภาคเหนือเพิ่มเติมจากที่หน่วยทหารในพื้นที่มีอยู่เดิม ประกอบด้วย เฮลิคอปเตอร์ลำแลียงแบบ ๑๗ (MI-17) จำนวน ๑ ลำ เฮลิคอปเตอร์ใช้งนทั่วไป แบบ ๑ (UH1H) จำนวน ๒ ลำ และเครื่องบินลำเลียง C130 จำนวน ๑ ลำ นอกจากนี้ทางกองทัพสิงคโปร์ซึ่งขณะนี้ทำการฝึกร่วม COPE Tiger 2015 อยู่ในประเทศไทย ได้ให้การสนับสนุนเครื่องบินลำเลียง Chinook จำนวน ๒ ลำ พร้อมตะกร้าบรรจุน้ำเข้าร่วมภารกิจดับไฟป่าและหมอกควันในขณะนี้ด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเจ้าภาพหลักในการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อวางแผนการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันอย่างเป็นระบบ สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ โดยให้ความสำคัญกับการสร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนให้ตระหนักถึงอันตรายและผลกระทบจากไฟป่าและหมอกควัน รวมถึงพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดหาเครื่องมืออุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพและทันสมัยเพื่อการดำเนินการดังกล่าวทั้งทางพื้นดินและทางอากาศ โดยประสานขอความร่วมมือจากภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศด้วย ทั้งนี้ ให้รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ดังนี้ ๓.๑ การเกิดไฟป่าและหมอกควันในประเทศไทยเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนานและต่อเนื่องทุกปี โดยมีสาเหตุจากปัจจัยเดิมและยังไม่สามารถที่จะป้องกันหรือแก้ไขปัญหาได้อย่างเด็ดขาด เช่น ทัศนคติเกี่ยวกับการเตรียมพื้นที่เพาะปลูกที่ผิดของเกษตรกร การขาดบุคลากร เครื่องมือ อุปกรณ์ที่เหมาะสมและเพียงพอในการดับไฟป่า รวมถึงวิธีการจัดการในการดับไฟที่ยังไม่สามารถดับไฟได้อย่างรวดเร็ว จึงเห็นควรให้มีหน่วยงานที่เป็นเจ้าภาพหลักในการบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพื่อจัดทำแผนการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ ทั้งนี้ ในกรณีที่เกิดไฟป่าควรมีการเตรียมแผนการดับไฟ โดยแบ่งเป็น ๓ ระดับ ได้แก่ ระยะเริ่มต้น ระยะลุกลาม และระยะแพร่กระจาย เพื่อให้สามารถวางแผนการดับไฟป่าได้อย่างเหมาะสมกับแต่ละสถานการณ์ ๓.๒ การดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเกิดไฟป่าและหมอกควัน ควรคำนึงถึงประเด็นดังต่อไปนี้ด้วย ๓.๒.๑ ปรับวิธีการเตรียมพื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกร โดยเปลี่ยนจากวิธีการเผาป่าเป็นวิธีอื่น เช่น การไถกลบและใช้น้ำเป็นตัวเร่งการเน่าเปื่อย การใช้รถไถผลาญ ทั้งนี้ ในกรณีที่ใช้เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ในการดำเนินการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ควรพิจารณาแนวทางการบริหารจัดการการใช้ประโยชน์ร่วมกัน เช่น การใช้กลไกสหกรณ์ ๓.๒.๒ ศูนย์ส่งเสริมการควบคุมไฟป่าประจำภาควางแผนการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ในการดับไฟป่าร่วมกัน ๓.๒.๓ ทุกภาคส่วนควรมีส่วนร่วมในการจัดทำแผนและการดำเนินงานอย่างทั่วถึง ตลอดทั้งกระบวนการ ตั้งแต่การป้องกัน การแก้ไขปัญหา การดับไฟป่า รวมถึงการให้ความช่วยเหลือเยียวยา
|
.....