ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 63 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 1241 - 1260 จากข้อมูลทั้งหมด 9659 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1241 | การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการการยาสูบแห่งประเทศไทย (จำนวน 3 คน 1.พลตำรวจตรี ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ ฯลฯ) | กค | 14/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการการยาสูบแห่งประเทศไทย จำนวน ๓ คน แทนผู้ที่ลาออกและผู้ที่จะพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากมีอายุครบหกสิบห้าปีบริบูรณ์ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ พลตำรวจตรี ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ กรรมการ แทน นายวีรศักดิ์ โฆสิตไพศาล ๑.๒ นางศรีวรรณ เอี่ยมรุ่งโรจน์ กรรมการ แทน พลตำรวจเอก รชต เย็นทรวง ๑.๓ นายรัชย์ อัตนวานิช กรรมการ แทน นายยุทธนา หยิมการุณ ๒. กรณีพลตำรวจตรี ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ และ นางศรีวรรณ เอี่ยมรุ่งโรจน์ ให้มีผลไม่ก่อนวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๒ และวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ตามลำดับ และให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งแทนอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1242 | รายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | กค | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ่งประกอบด้วยงบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานของรัฐบาลและหน่วยงานของรัฐ ทุนหมุนเวียน รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน ๘,๓๕๑ หน่วยงาน จากทั้งหมด ๘,๔๒๐ หน่วยงาน คิดเป็นร้อยละ ๙๙.๑๘ โดยมีหน่วยงานของรัฐที่ไม่ส่งรายงานการเงินภายในระยะเวลาตามมาตรา ๗๐ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ จำนวน ๗๒ หน่วยงาน และหน่วยงานของรัฐที่ไม่ส่งรายงานการเงิน จำนวน ๖๙ หน่วยงาน รวมทั้งข้อเสนอแนะเพิ่มเติมสำหรับการจัดทำรายงานการเงินรวมภาครัฐ ได้แก่ (๑) ให้หน่วยงานของรัฐทุกแห่งส่งข้อมูลรายงานการเงินภายในระยะเวลาที่กำหนดตามมาตรา ๗๐ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และ (๒) ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดให้ความสำคัญ ควบคุม กำกับดูแล หน่วยงานภายใต้สังกัดส่งรายงานการเงินของหน่วงยงานภายในระยะเวลาที่กำหนด หากไม่สามารถส่งรายงานการเงินให้กระทรวงการคลังได้ตามกำหนด หน่วยงานต้องรายงานเหตุผล หรือปัญหาอุปสรรคต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัดทราบ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับการจัดทำรายงานครั้งถัดไป หากกระทรวงการคลังจะได้จัดทำบทวิเคราะห์เพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี เช่น มีประเด็นหนี้สินหรือค่าใช้จ่ายด้านใดที่รัฐบาลพึงระมัดระวังในอนาคต ก็จะเป็นประโยชน์ตามเจตนารมณ์ที่กำหนดตามมาตรา ๗๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้หน่วยงานของรัฐทุกแห่งส่งข้อมูลรายงานการเงินภายในระยะเวลาที่กำหนดตามมาตรา ๗๐ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ๓. ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดให้ความสำคัญ ควบคุม กำกับดูแลหน่วยงานภายใต้สังกัดให้ส่งรายงานการเงินของหน่วยงานภายในระยะเวลาที่กำหนด หากไม่สามารถส่งรายงานการเงินให้กระทรวงการคลังได้ตามกำหนด หน่วยงานต้องรายงานเหตุผลหรือปัญหาอุปสรรคต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัดและกระทรวงการคลังทราบ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1243 | แนวทางการขับเคลื่อนการส่งเสริมระบบนิเวศของวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup Ecosystem) | กค | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบแนวทางการขับเคลื่อนการส่งเสริมระบบนิเวศของวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup Ecosystem) และการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ ตามแนวทางการขับเคลื่อนการส่งเสริมระบบนิเวศของวิสาหกิจเริ่มต้น โดยกระทรวงการคลังได้กำหนดให้มีหน่วยบริการเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (One-Stop Service : OSS) สำหรับวิสาหกิจเริ่มต้นเพื่อเป็นศูนย์กลางในการส่งเสริมการดำเนินธุรกิจของวิสาหกิจเริ่มต้นทั้งในและต่างประเทศตั้งแต่ในระยะเริ่มต้นจนถึงเริ่มการดำเนินธุรกิจ และเป็นหน่วยงานหลักในการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างวิสาหกิจเริ่มต้นกับภาครัฐและเอกชน รวมทั้งกำหนดให้มีการจัดตั้งกองทุนพัฒนาและส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้น เพื่อสนับสนุนด้านการเงินแก่วิสาหกิจเริ่มต้น และสนับสนุนค่าใช้จ่ายของหน่วยบริการเบ็ดเสร็จดังกล่าว รวมถึงกองทุนฯ อาจให้ค่าตอบแทนแก่วิสาหกิจเริ่มต้นที่มีศักยภาพทุกเดือนในช่วงที่วิสาหกิจเริ่มต้นยังไม่มีรายได้และเป็นผู้ลงทุนให้กับวิสาหกิจเริ่มต้นเมื่อมีความพร้อมที่จะจัดตั้งเป็นบริษัท และหากวิสาหกิจประสบความสำเร็จ กองทุนฯ จะขายหุ้นให้แก่นักลงทุนที่สนใจผ่านช่องทางต่าง ๆ ของตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งจะทำให้มีเงินกลับเข้ามาในกองทุนฯ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลัง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และหน่วยงานอื่น ๆ ที่มีภารกิจในการขับเคลื่อนการส่งเสริมระบบนิเวศของวิสาหกิจเริ่มต้นเร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรเพิ่มสำนักงานเศรษฐกิจดิจิทัลเป็นหน่วยงานดำเนินการหลักในบางภารกิจ เช่น การจัดตั้ง OSS การกำหนดรูปแบบกองทุนฯ และต้องมีการแก้ไขพระราชบัญญัติเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย พ.ศ. ๒๕๖๐ ในเรื่องการใช้จ่ายเงินกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมายให้กับกองทุนอื่นเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการใช้จ่ายเงินกองทุน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1244 | โครงการส่งเสริมการพัฒนาทุนมนุษย์ (Human Capital) เพื่อรองรับ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย และ 3 โครงสร้างพื้นฐาน ผ่านกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) | กค | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ดำเนินโครงการส่งเสริมการพัฒนาทุนมนุษย์ (Human Capital) เพื่อรองรับ ๑๐ อุตสาหกรรมเป้าหมาย และ ๓ โครงสร้างพื้นฐาน ผ่านกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ได้แก่ (๑) โครงการส่งเสริมการพัฒนาทุนมนุษย์ในระดับปริญญาตรี และ (๒) โครงการส่งเสริมการพัฒนาทุนมนุษย์ในระดับอาชีวศึกษา ซึ่งเป็นโครงการที่มีเงื่อนไขพิเศษผ่อนปรนกว่าการดำเนินการให้กู้ยืมตามเงื่อนไขปกติของ กยศ. เพื่อสนับสนุนให้มีนักเรียน นักศึกษา เข้าเรียนในสาขาที่เป็นความต้องการในอุตสาหกรรมเป้าหมายมากขึ้น และหากในอนาคต กยศ. มีความจำเป็นต้องขอรับงบประมาณ ขอให้ กยศ. ดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดทำแผนโดยกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน ไม่ซ้ำซ้อน และคำนึงถึงการสูญเสียรายได้ของ กยศ. โดยไม่กระทบต่อภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย และจัดให้มีระบบการติดตามและประเมินผลเพื่อใช้ประกอบในการบริหารจัดการกำลังแรงงานของประเทศให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งควรให้ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมเป้าหมายได้มีส่วนร่วมในการพิจารณากำหนดสาขาวิชาให้ตรงกับความต้องการอย่างแท้จริง และควรมีการติดตามประเมินผลการดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับปรุงแนวทางการดำเนินโครงการให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1245 | การแต่งตั้งผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์) | กค | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ เป็นผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามคำแนะนำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1246 | รายงานการเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | กค | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงินในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๑๖๓,๑๙๘.๒๔ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖.๖๘ ส่วนใหญ่เป็นรายได้จากภาษีอากร ค่าธรรมเนียมและอื่น ๆ และรัฐบาลมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๕๘,๓๙๙.๔๖ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๒.๐๓ ส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายจากงบอุดหนุน งบรายจ่ายอื่น และงบบุคลากรเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ รัฐบาลมีรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่ายสุทธิ จำนวน ๓๒๒,๙๑๑.๓๔ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๒๔.๕๐ ๒. งบแสดงฐานะการเงิน รัฐบาลมีสินทรัพย์สุทธิหรือส่วนทุน ณ วันสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จำนวน ๑,๘๐๔,๖๓๔.๙๙ ล้านบาท สินทรัพย์สุทธิลดลงจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๒๕๔,๔๓๕.๔๖ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๑๒.๓๖ เป็นผลมาจากรายการส่วนทุนที่เพิ่มขึ้น การดำเนินงานประจำปีที่มีรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่าย และการปรับปรุงมูลค่าเงินลงทุนในหลักทรัพย์ในความต้องการของตลาดระยะยาว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1247 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยภาษีเงินได้ จำนวน 2 ฉบับ และร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร รวม 3 ฉบับ (การปรับปรุงแก้ไขการเสียภาษีเงินได้แทนผู้ขายสินค้ายาสูบ) | กค | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง รวม ๓ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยภาษีเงินได้ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๓๔ (พ.ศ. ๒๕๑๖) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยภาษีเงินได้ โดยกำหนดให้การยาสูบแห่งประเทศไทยเสียภาษีเงินได้แทนผู้ขายสินค้ายาสูบทุกทอดที่ซื้อสินค้ายาสูบของการยาสูบแห่งประเทศไทย ตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัติการยาสูบแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๑ ใช้บังคับ (วันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๑) จนถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑.๒ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยภาษีเงินได้ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๕๘ (พ.ศ. ๒๕๒๖) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยภาษีเงินได้ โดยกำหนดให้การยาสูบแห่งประเทศไทยเสียภาษีเงินได้แทนผู้ขายสินค้ายาสูบทุกทอด ซึ่งเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ซื้อสินค้ายาสูบของการยาสูบแห่งประเทศไทย ตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัติการยาสูบแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๑ ใช้บังคับ (วันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๑) จนถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑.๓ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้เงินได้จากการขายสินค้ายาสูบที่การยาสูบแห่งประเทศไทยได้เสียภาษีเงินได้แทนผู้ขายสินค้าดังกล่าวทุกทอดตามมาตรา ๔๘ ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร เป็นเงินได้ที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัติการยาสูบแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๑ ใช้บังคับ (วันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๑) ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๒ ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายการเสียภาษีเงินได้แทนผู้ขายสินค้ายาสูบ ในกรณีที่การยาสูบแห่งประเทศไทยจะยกเลิกการเสียภาษีเงินได้แทนผู้ขายสินค้ายาสูบ ภายหลังจากวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรกอย่างทั่วถึง เนื่องจากจะมีผลบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวในระยะเวลาอันใกล้ และให้รายงานผลการดำเนินงาน ตลอดจนปัญหาอุปสรรคและผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับผู้ประกอบการสินค้ายาสูบที่ผลิตในประเทศและผู้บริโภคสินค้ายาสูบอันเนื่องจากการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายดังกล่าว รวมถึงประมาณการรายได้จากการจัดเก็บภาษีเงินได้ของผู้ขายสินค้ายาสูบ พร้อมทั้งแนวทางแก้ไขให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไปด้วย นอกจากนี้ การปรับปรุงกฎกระทรวงดังกล่าว อาจทำให้ผู้ขายสินค้ายาสูบผลักภาระภาษีไปให้ผู้บริโภคหรืออาจส่งผลกระทบต่อปริมาณการจำหน่ายบุหรี่ที่ผลิตในประเทศ จึงเห็นควรมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมการเพื่อรองรับผลกระทบดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1248 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. .... | กค | 07/05/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับขั้นตอนการพิจารณาคัดเลือกบุคคล ควรคำนึงถึงความเชี่ยวชาญของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในแต่ละสาขาวิชา เพื่อเป็นการส่งเสริมการทำงานของคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1249 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสดศรี พงศ์อุทัย) | กค | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายพล ธีรคุปต์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี (กลุ่มธุรกิจพลังงาน) (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพากร ตั้งแต่วันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๑ ๒. นางสดศรี พงศ์อุทัย ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพสามิต ตั้งแต่วันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๒
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1250 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลรุ่น LB193A ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2562 | กค | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลรุ่น LB193A ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๖๒ จำนวน ๔๗,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งเป็นหนี้ที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕ (พ.ร.ก. FIDF 3) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ดำเนินการกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. FIDF 3) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ครั้งที่ ๓ โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) จำนวน ๔๕,๐๐๐ ล้านบาท และกู้เงินระยะยาวเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ครั้งที่ ๑ อายุ ๓ ปี จำนวน ๒,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลรุ่น LB193A ที่ครบกำหนด ๒. ดำเนินการกู้เงินโดยการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ระยะสั้นโดยการออก PN เพื่อทดแทนวงเงินที่ ๑ จำนวน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท ก่อนครบกำหนดเมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๒ โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (FIDF 3) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ครั้งที่ ๑ (LB28DA) อายุ ๙.๗๗ ปี ประมูลในวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๒ โดยมีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยร้อยละ ๒.๕๑๔๑ ต่อปี และจะออกพันธบัตรรัฐบาล รุ่นอายุ ๑๐ ปี จำนวน ๒๕,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อทดแทนวงเงินที่ ๒ ซึ่งกระทรวงการคลังจะรายงานผลการกู้เงินโดยการออกพันธบัตรรัฐบาลให้ทราบในโอกาสต่อไป ๓. ดำเนินการจัดส่งประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล จำนวน ๑ ฉบับ เพื่อนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1251 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายพล ธีรคุปต์) | กค | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายพล ธีรคุปต์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี (กลุ่มธุรกิจพลังงาน) (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพสามิต ตั้งแต่วันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๒ ๒. นางสดศรี พงศ์อุทัย ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพสามิต ตั้งแต่วันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๒
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1252 | ร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+3 ครั้งที่ 22 | กค | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+๓ ครั้งที่ ๒๒ (Joint Statement of the 22nd ASEAN+3 Finance Ministers’ and Central Bank Governors’ Meeting) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ฯ โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของที่ประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+๓ (ASEAN+3 Finance Ministers’ and Central Bank Governors’ Meeting : AFMGM+3) ครั้งที่ ๒๒ ในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจของโลกและระดับภูมิภาค รวมทั้งการกำหนดนโยบายและแนวทางการทำงานร่วมกัน โดยจะมีการรับรองร่างแถลงการณ์ฯ ในช่วงการ AFMGM+3 ในวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ณ เมืองนาดี สาธารณรัฐฟิจิ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1253 | มาตรการพยุงเศรษฐกิจในช่วงกลางปี 2562 | กค | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการและการดำเนินการของมาตรการพยุงเศรษฐกิจในช่วงกลางปี ๒๕๖๒ ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยใช้เงินจากกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพของผู้มีรายได้น้อยและเพิ่มกำลังซื้อให้ประชาชนผ่านการดำเนินการ ๔ มาตรการ ได้แก่ (๑) มาตรการเพิ่มเบี้ยคนพิการ (๒) มาตรการบรรเทาภาระค่าครองชีพให้แก่เกษตรกร (๓) มาตรการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของพ่อแม่ช่วงเปิดปีการศึกษา และ (๔) มาตรการพยุงการบริโภคของผู้มีรายได้น้อย และมอบหมายกรมบัญชีกลางดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอเพิ่มเติมว่า ในส่วนของมาตรการพยุงการบริโภคของผู้มีรายได้น้อย เห็นควรให้เพิ่มช่องทางในการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น โดยไม่จำกัดเฉพาะร้านธงฟ้าประชารัฐ แต่ให้ครอบคลุมถึงร้านที่ติดตั้งเครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Data Capture : EDC) ที่รองรับการใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และร้านค้าที่รับชำระเงินผ่านแอปพลิเคชันถุงเงินประชารัฐด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจถึงประโยชน์ที่ประเทศชาติและประชาชนจะได้รับจากมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้กำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน เพื่อใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ และรายงานประโยชน์ที่ได้รับและผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นตามมาตรการดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการในโอกาสแรก ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จำนวน ๑ ฉบับ (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์) และอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร จำนวน ๕ ฉบับ (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวทั่วประเทศไทย มาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นการซื้อสินค้าเกี่ยวกับการศึกษาและกีฬา มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมสินค้าท้องถิ่นไทย มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการอ่าน และมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. เห็นชอบให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1254 | การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการธนาคารออมสิน (นายมงคล ลีลาธรรม และนางสาวสุปรียา พิพัฒน์มโนมัย) | กค | 30/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายมงคล ลีลาธรรม และนางสาวสุปรียา พิพัฒน์มโนมัย เป็นกรรมการในคณะกรรมการธนาคารออมสิน เพิ่มเติม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๐ เมษายน ๒๕๖๒) เป็นต้นไป และให้ผู้ได้รับแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1255 | ร่างพระราชบัญญัติการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจ่ายเงินบางประเภทตามงบประมาณรายจ่าย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 24/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจ่ายเงินบางประเภทตามงบประมาณรายจ่าย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจ่ายเงินบางประเภทตามงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. ๒๕๑๘ เพื่อกำหนดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เพิ่มเติม ในประเภทค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม การจัดงาน และการประชุมระหว่างประเทศ ค่าใช้จ่ายในการบริหารงานของส่วนราชการ ค่าตอบแทนในการปฏิบัติราชการที่ไม่มีกฎหมายอื่นกำหนดไว้เป็นการเฉพาะ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่กระทรวงการคลังเสนอโดยความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1256 | รายชื่อประเทศคู่เจรจาของไทยเพื่อการเจรจาจัดทำหรือแก้ไขอนุสัญญาหรือความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างไทยกับต่างประเทศ องค์ประกอบคณะผู้แทนรัฐบาลไทย และการเจรจาจัดทำหรือแก้ไขอนุสัญญาหรือความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนผ่านช่องทางการทูต | กค | 24/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบรายชื่อประเทศคู่เจรจาของไทยเพื่อการเจรจาจัดทำหรือแก้ไขอนุสัญญาหรือความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างไทยกับต่างประเทศ จำนวน ๘ ประเทศ ได้แก่ ภูฏาน แทนซาเนีย มัลดีฟส์ เซเชลส์ รัสเซีย โรมาเนีย ลิทัวเนีย และมองโกเลีย และรับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนรัฐบาลไทย และการเจรจาจัดทำหรือแก้ไขอนุสัญญาหรือความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนกับต่างประเทศผ่านช่องทางการทูต ซึ่งกระทรวงการคลังจะพิจารณาเลือกใช้วิธีการเจรจาจัดทำหรือแก้ไขอนุสัญญาหรือความตกลงฯ ผ่านคณะผู้แทนรัฐบาลไทย หรือผ่านช่องทางการทูต (นำส่งร่างอนุสัญญาหรือความตกลงฯ ผ่านกระทรวงการต่างประเทศไปยังประเทศคู่ภาคี) ตามความเหมาะสม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เช่น กระทรวงการคลังควรพิจารณาเพิ่มเติมรายชื่อประเทศเพื่อเปิดการเจรจาในโอกาสต่อไป และการเพิ่มเนื้อหาในการเจรจาเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านภาษีตามมาตรฐานสากลขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (Organization for Economic Cooperation and Development : OECD) ให้ตรงตามเงื่อนไขการเสนอขายกองทุนรวมของไทยในสหภาพยุโรป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดการดำเนินการเจรจาจัดทำอนุสัญญาหรือความตกลงฯ ระหว่างไทยกับบรูไนดารุสซาลาม รวมถึงประเทศคู่ค้าที่สำคัญ เช่น บราซิล และเม็กซิโก เป็นต้น ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1257 | ข้อเสนอการปรับปรุงอัตราและหลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนรายเดือนและเบี้ยประชุมกรรมการรัฐวิสาหกิจและกรรมการอื่นในคณะกรรมการชุดย่อย คณะอนุกรรมการ หรือคณะทำงานอื่น | กค | 24/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างอัตราและหลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนรายเดือนและเบี้ยประชุมกรรมการรัฐวิสาหกิจและกรรมการอื่นในคณะกรรมการชุดย่อย คณะอนุกรรมการ หรือคณะทำงานอื่น เพื่อให้กระทรวงการคลังดำเนินการแจ้งเวียน และสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับรัฐวิสาหกิจเพื่อถือปฏิบัติต่อไป โดยให้รัฐวิสาหกิจปฏิบัติตามร่างอัตราและหลักเกณฑ์ดังกล่าว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพลังงาน สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งควรพิจารณากำหนดค่าตอบแทนรายเดือนและเบี้ยประชุมกรรมการให้สอดคล้องกับผลประกอบการและฐานะการเงิน รวมทั้งอาจพิจารณากำหนดแรงจูงใจอื่นที่ไม่ใช่ตัวเงินในสัดส่วนที่เหมาะสมและไม่สร้างภาระให้กับองค์กรในระยะยาวด้วย นอกจากนี้ กระทรวงการคลังและรัฐวิสาหกิจควรเตรียมการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับเหตุผลและความจำเป็นในการปรับปรุงร่างอัตราและหลักเกณฑ์ดังกล่าวแก่ประชาชนทั่วไปเพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๖ ในส่วนของอัตราและหลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนและเบี้ยประชุมกรรมการรัฐวิสาหกิจ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1258 | มาตรการการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบอันเนื่องมาจากเหตุอุทกภัยในจังหวัดสตูล | กค | 24/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐนำหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการพิจารณาการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบอันเนื่องมาจากเหตุอุทกภัยในจังหวัดสตูลไปถือปฏิบัติในแนวทางเดียวกันกับมาตรการการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบอันเนื่องมาจากเหตุอุทกภัยในภาคใต้ ที่คณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุพิจารณาแล้วในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๖๑ ไปถือปฏิบัติในแนวทางเดียวกัน และมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยนำมาตรการนี้ไปใช้บังคับในการจัดจ้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดยอนุโลมด้วย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒.ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการให้ความช่วยเหลือที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1259 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงินชดเชยตามมาตรการส่งเสริมการชำระเงินเพื่อซื้อสินค้าและบริการ และการนำส่งข้อมูลภาษีมูลค่าเพิ่มผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์) | กค | 24/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้เงินชดเชยที่ได้รับตามมาตรการส่งเสริมการชำระเงินด้วยบัตรเดบิตหรือวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์อื่น สำหรับการซื้อสินค้าหรือรับบริการจากผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ถึงวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ซึ่งได้มีการนำส่งข้อมูลภาษีมูลค่าเพิ่มจากการซื้อสินค้าหรือรับบริการให้กรมสรรพากรผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยเงินชดเชยดังกล่าวต้องมีจำนวนไม่เกินหนึ่งพันบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดให้มีการรายงานผลการดำเนินมาตรการและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินมาตรการให้คณะรัฐมนตรีทราบด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1260 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ ในการแต่งตั้งและการให้ออกจากตำแหน่งของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม พ.ศ. .... | กค | 24/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ ในการแต่งตั้งและการให้ออกจากตำแหน่งของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการแต่งตั้งและการให้ออกจากตำแหน่งของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับมาตรา ๔ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติการจัดประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้กำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออกระเบียบเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งตามมาตรา ๗ (๓) จึงควรกำหนดหลักเกณฑ์ดังกล่าวไว้ในร่างข้อ ๖ ด้วยไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินการเสนอกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติการจัดประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อให้มีผลใช้บังคับภายในกำหนดระยะเวลา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
