ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 67 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 1321 - 1340 จากข้อมูลทั้งหมด 9659 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1321 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการดำเนินโครงการภาคีสนับสนุนป่าชุมชนลดโลกร้อน) | กค | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการดำเนินโครงการภาคีสนับสนุนป่าชุมชนลดโลกร้อน) มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลผู้บริจาคเงินเพื่อสนับสนุนโครงการภาคีสนับสนุนป่าชุมชนลดโลกร้อนมีสิทธินำเงินบริจาคมาหักเป็นรายจ่ายได้เท่าที่บริจาค แต่ไม่เกินร้อยละ ๒ ของกำไรสุทธิ ทั้งนี้ การบริจาคตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้แก้ไขเพิ่มเติมร่างพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้โดยให้ครอบคลุมพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าในเมือง และพื้นที่สาธารณะอื่น ๆ ที่ต้องการอนุรักษ์และเพิ่มพื้นที่ป่า ตามข้อเสนอของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนป่าชุมชนลดโลกร้อนที่ผ่านมา เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ นอกจากนี้ ควรประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้แก่ภาคเอกชนและภาคประชาชนเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวอย่างกว้างขวางและทั่วถึง เพื่อกระตุ้นให้ภาคส่วนต่าง ๆ เข้ามาสนับสนุนชุมชนที่ดูแลรักษาป่าชุมชนให้มากขึ้น รวมทั้งควรมีการติดตามประเมินผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มีข้อมูลประกอบการพิจารณาหากมีความจำเป็นต้องขยายระยะเวลาการดำเนินมาตรการในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1322 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา) | กค | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา) มีสาระสำคัญเป็นการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่บุคคลธรรมดาหรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ทั้งนี้ สำหรับการบริจาคที่กระทำตั้งแต่วันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ ไปดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1323 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศสำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่ - บางซื่อ ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย | กค | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ [เรื่อง การบริหารความเสี่ยงหนี้เงินกู้ต่างประเทศของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)] โดยเห็นชอบให้กระทรวงการคลังเป็นผู้กู้เงินบาทภายในประเทศเพื่อชำระคืนหนี้สกุลเงินเยนจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) ก่อนถึงกำหนดชำระ (Prepayment) แทน รฟม. วงเงินเทียบเท่าไม่เกิน ๖๑,๒๘๘.๔๒ ล้านเยน ภายใต้สัญญาเงินกู้เลขที่ TXXX-1 และ TXXXII-3 โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ (ระยะที่ ๑ และระยะที่ ๒) รวมทั้งให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณให้แก่ รฟม. เพื่อชำระคืนหนี้แก่แหล่งเงินกู้โดยตรงทั้งเงินต้น ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัญญาชำระเงินคืนระหว่างกระทรวงการคลัง และ รฟม. ซึ่งจะได้ตกลงกันในรายละเอียดต่อไป ๑.๒ ให้ รฟม. นำงบประมาณที่ได้รับจัดสรรเพื่อการชำระคืนหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๒ สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ (ระยะที่ ๑ และระยะที่ ๒) สัญญาเงินกู้เลขที่ TXXX-1 และ TXXXII-3 มาสมทบกับวงเงินกู้ที่กระทรวงการคลังจัดหาให้ เพื่อใช้ชำระคืนหนี้ก่อนถึงกำหนดชำระให้แก่ JICA และในกรณีที่ รฟม. มีแหล่งเงินอื่น ให้สามารถนำมาสมทบเพื่อชำระคืนหนี้ก่อนถึงกำหนดชำระให้แก่ JICA ได้ด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรคำนึงถึงความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และพิจารณาป้องกันความเสี่ยงด้วยการทำธุรกรรม Forward ในช่วงเวลาที่เหมาะสม รวมทั้งคำนึงถึงภาวะตลาดตราสารหนี้ในขณะนั้นประกอบด้วย เพื่อให้การดำเนินการดังกล่าวสอดคล้องกับวัตถุประสงค์การบริหารจัดการต้นทุนให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพในภาพรวม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1324 | การขอกู้เงินของธนาคารอาคารสงเคราะห์ประจำปีงบประมาณ 2562 | กค | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กู้เงินสำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยการออกพันธบัตรวงเงินรวมไม่เกิน ๓๐,๖๐๐ ล้านบาท แบ่งเป็น (๑) การกู้เงินโดยการออกพันธบัตรใหม่ จำนวน ๑๒,๐๐๐ ล้านบาท และ (๒) การกู้เงินโดยการออกพันธบัตรเพื่อทดแทนพันธบัตรเดิมที่ครบกำหนด (Roll-over) จำนวน ๑๘,๖๐๐ ล้านบาท (การกู้เงินโดยการออกพันธบัตรของ ธอส. ในครั้งนี้ ไม่ได้ขอให้กระทรวงการคลังค้ำประกันการกู้เงินดังกล่าว) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลัง โดย ธอส. รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรมีการจัดทำแผนการกู้เงิน การบริหารสินเชื่อให้เหมาะสมกับโครงสร้างเงินทุนและการพิจารณาแนวทางอื่นในการระดมทุน เพื่อให้สอดคล้องกับการปล่อยเงินกู้ สินเชื่อระยะยาว รวมทั้งจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงให้ครอบคลุมรายจ่ายที่จะเกิดขึ้นตลอดระยะเวลาดำเนินการในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1325 | การเสนอความเห็นการขอจัดตั้งกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย | กค | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบผลการพิจารณาการขอจัดตั้งกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย ตามมติคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน ครั้งที่ ๖/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๑ ซึ่งมีมติเห็นชอบการจัดตั้งกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยตามร่างพระราชบัญญัตินโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับข้อสังเกตของคณะกรรมการนโยบายฯ และความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรยุบเลิกกองทุนช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมารวมเข้ากับกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย เนื่องจากมีวัตถุประสงค์เดียวกันและสามารถดำเนินการร่วมกันได้ รวมทั้งจัดทำโครงสร้างการบริหารและอัตรากำลังอย่างเหมาะสมเพื่อรองรับการปฏิบัติงานด้านต่าง ๆ ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย รวมถึงปรับปรุงกระบวนการปฏิบัติงาน และจัดให้มีกระบวนการติดตามการปฏิบัติงานตามแผนงานให้เป็นไปตามเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ควรกำหนดให้มีกรอบหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการบริหารเงินของกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนและลดภาระงบประมาณ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งผลการพิจารณาการขอจัดตั้งกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยตามร่างพระราชบัญญัตินโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พร้อมทั้งข้อสังเกตของคณะกรรมการนโยบายฯ ไปยังประธานกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1326 | การเสนอความเห็นการขอจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาการอุดมศึกษา | กค | 15/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียน ตามมติคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน ครั้งที่ ๕/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ซึ่งมีมติเห็นควรไม่ให้มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาการอุดมศึกษา เนื่องจากกองทุนฯ มีรายได้หลักจากเงินงบประมาณและดำเนินงานในลักษณะจ่ายขาด โดยไม่มีรายได้กลับเข้ามาสมทบเป็นรายรับของกองทุนฯ ประกอบกับการกำหนดวัตถุประสงค์ ลักษณะ ขอบเขต และเป้าหมายในการดำเนินงานยังขาดความชัดเจนและมีความซ้ำซ้อนกับทุนหมุนเวียนที่จัดตั้งไว้แล้ว รวมทั้งการดำเนินการขอจัดตั้งกองทุนฯ ไม่สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งจัดส่งเรื่องพร้อมรายละเอียด เหตุผลและความจำเป็นในการขอจัดตั้งกองทุนฯ ไปยังคณะกรรมการนโยบายฯ เพื่อพิจารณากลั่นกรองการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียนดังกล่าว ตามนัยมาตรา ๑๑ ของพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ อีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1327 | มาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 2 และการเติมเงินเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ | กค | 15/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๖ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. นายอนุชา โมกขะเวส ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ๒. นายสุทธิ ปัญญาสกุลวงศ์ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายนิพนธ์ บุญญามณี) ๓. นายวิเชียร จงชูวณิชย์ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายทรงศักดิ์ ทองศรี) ๔. พลตำรวจตรี ธารา ปุณศรี ให้ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ๕. นายวิรัช ร่มเย็น ให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย [ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายนิพนธ์ บุญญามณี)] ๖. นายสุกรี มะเต๊ะ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย [ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายทรงศักดิ์ ทองศรี)]
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1328 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (กรณีพ้นตำแหน่งตามวาระ) (จำนวน 7 คน 1. ศาสตราจารย์ตีรณ์ พงศ์มฆพัฒน์ ฯลฯ) | กค | 15/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ รวม ๗ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๕ มกราคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. ศาสตราจารย์ตีรณ พงศ์มฆพัฒน์ ประธานกรรมการ ๒. นางเพชรศรี ศิรินิรันดร์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสร้างเสริมสุขภาพ ๓. ศาสตราจารย์ทิพวรรณ หล่อสุวรรณรัตน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการประเมินผล ๔. รองศาสตราจารย์ชโยดม สรรพศรี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน ๕. รองศาสตราจารย์เนาวรัตน์ พลายน้อย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการประเมินผล ๖. นายพีรพล สุทธิวิเศษศักดิ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสร้างเสริมสุขภาพ ๗. รองศาสตราจารย์ชยันต์ ตันติวัสดาการ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1329 | การเสนอความเห็นการขอจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการคุ้มครองเด็ก กองทุนส่งเสริมการคุ้มครองเด็ก กรุงเทพมหานคร และกองทุนส่งเสริมการคุ้มครองเด็กจังหวัด | กค | 15/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบผลการพิจารณาการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียน ตามมติคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน ครั้งที่ ๕/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการคุ้มครองเด็ก เนื่องจากกองทุนฯ เป็นการขยายวัตถุประสงค์เพิ่มเติมจากกองทุนคุ้มครองเด็กที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยคณะกรรมการนโยบายฯ มีข้อสังเกตเพิ่มเติม เช่น ควรกำหนดกลุ่มเป้าหมายและหลักเกณฑ์วิธีการให้ชัดเจน เป็นต้น ๑.๒ เห็นควรไม่ให้มีการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการคุ้มครองเด็กกรุงเทพมหานคร และกองทุนส่งเสริมการคุ้มครองเด็กจังหวัด เนื่องจากกองทุนฯ มีรายได้หลักจากเงินงบประมาณและดำเนินงานในลักษณะจ่ายขาด โดยไม่มีรายได้กลับเข้ามาสมทบเป็นรายรับของกองทุนฯ ประกอบกับการกำหนดวัตถุประสงค์ ลักษณะ ขอบเขต และเป้าหมายในการดำเนินงานยังขาดความชัดเจนและมีความซ้ำซ้อนกับทุนหมุนเวียนที่จัดตั้งไว้แล้ว รวมทั้งการดำเนินการขอจัดตั้งกองทุนฯ ไม่สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยกรมกิจการเด็กและเยาวชน รับข้อสังเกตของคณะกรรมการนโยบายฯ ในส่วนของกองทุนส่งเสริมการคุ้มครองเด็ก ไปประกอบการพิจารณาเสนอร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. .... ต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1330 | การเสนอความเห็นการขอจัดตั้งกองทุนส่งเสริมและพัฒนาองค์กรภาคประชาสังคม | กค | 15/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบผลการพิจารณาการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียน ตามมติคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน ครั้งที่ ๕/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ซึ่งมีมติเห็นควรไม่ให้มีการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมและพัฒนาองค์กรภาคประชาสังคม เนื่องจากกองทุนฯ มีรายได้หลักจากเงินงบประมาณและดำเนินงานในลักษณะจ่ายขาด โดยไม่มีรายได้กลับเข้ามาสมทบเป็นรายรับของกองทุนฯ ประกอบกับการกำหนดวัตถุประสงค์ ลักษณะ ขอบเขต และเป้าหมายในการดำเนินงานยังขาดความชัดเจนและมีความซ้ำซ้อนกับทุนหมุนเวียนที่จัดตั้งไว้แล้ว รวมทั้งการดำเนินการขอจัดตั้งกองทุนฯ ไม่สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ ๒. ให้สำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เกี่ยวกับการพิจารณาเพิ่มวงเงินกองทุนที่เกี่ยวข้อง เช่น กองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม กองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กองทุนคุ้มครองเด็ก กองทุนผู้สูงอายุ เป็นต้น โดยให้ภาคประชาสังคมจัดทำแผนการดำเนินงานเพื่อขอรับสนับสนุนเงินกองทุนต่าง ๆ ตามวัตถุประสงค์ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1331 | การเสนอความเห็นการขยายวัตถุประสงค์และแหล่งรายรับของเงินทุนค่าธรรมเนียมผ่านทาง | กค | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบผลการพิจารณาการขยายวัตถุประสงค์และแหล่งรายรับของเงินทุนค่าธรรมเนียมผ่านทาง ในคราวประชุมคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน ครั้งที่ ๖/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๑ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ ดังนี้ ๑.๑ คณะกรรมการนโยบายฯ เห็นว่า การขยายวัตถุประสงค์และแหล่งรายรับของเงินทุนค่าธรรมเนียมผ่านทางที่กรมทางหลวงเสนอเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมในสาระสำคัญของพระราชบัญญัติกำหนดค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงและสะพาน พ.ศ. ๒๔๙๗ ในมาตรา ๖ จึงเห็นควรให้มีการจัดตั้งทุนหมุนเวียนเพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่กรมทางหลวงเสนอ โดยให้กรมทางหลวงแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติการจัดตั้งทุนหมุนเวียน โดยให้โอนเงินทุนค่าธรรมเนียมผ่านทางตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๔ ไปเป็นทุนหมุนเวียนที่จัดตั้งใหม่ พร้อมกับการแก้ไขพระราชบัญญัติกำหนดค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงและสะพาน พ.ศ. ๒๔๙๗ ให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ ต่อไป ๑.๒ ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายฯ แจ้งเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันกระทรวงการคลังได้พิจารณาให้ความเห็นชอบในประเด็นการยกเว้นเงินรายรับประเภทอื่นนอกเหนือจากค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงและสะพาน และเงินค่าปรับที่ไม่ต้องนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ตามนัยมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ เรียบร้อยแล้ว ๒. ให้กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กรมบัญชีกลาง และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมที่เห็นควรให้ความร่วมมือกับกรมทางหลวงในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวิจัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ รวมทั้งการรับฟังความคิดเห็นประกอบการจัดทำร่างกฎหมายและการวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมายเพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติมาตรา ๗๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และการดำเนินการอื่น ๆ ที่ทำให้การแก้ไขร่างพระราชบัญญัติกำหนดค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงและสะพาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ประสบความสำเร็จ และให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการดำเนินการตามภารกิจของทุนหมุนเวียน ควรคำนึงถึงความคุ้มค่า ประโยชน์ที่ทางราชการ และประชาชนจะได้รับ ภาระทางการเงินการคลัง ความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นแก่รัฐอย่างรอบคอบ ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ ตามนัยของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับความเห็นของคณะกรรมการนโยบายฯ ไปประกอบการตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติกำหนดค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงและสะพาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อไป โดยให้กระทรวงคมนาคมเร่งส่งผลการพิจารณาดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ ของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อประกอบการตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1332 | ร่างพระราชบัญญัติการประกันภัยทางทะเล พ.ศ. .... | กค | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการประกันภัยทางทะเล พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกร่างกฎหมายว่าด้วยการประกันภัยทางทะเลขึ้นเป็นการเฉพาะให้สอดคล้องกับหลักสากลที่นานาประเทศใช้อยู่ในปัจจุบัน (Marine Insurance Act 1906 และ Insurance Act 2015 ของประเทศอังกฤษ) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประเทศไทยมีกฎหมายการประกันภัยทางทะเลเป็นของตนเอง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานศาลยุติธรรม เช่น สัญชาติของคู่กรณีในสัญญาประกันภัย การกำหนดให้คู่สัญญาในสัญญาประกันภัยอื่นสามารถตกลงใช้กฎหมายนี้ด้วย การกำหนดการตีความถ้อยคำในกรณีที่กรมธรรม์ทำขึ้นเป็นภาษาอังกฤษ การกำหนดก้าวล่วงไปถึงกฎหมายวิธีสบัญญัติ การกำหนดเกี่ยวกับการรับฟังพยานหลักฐาน และการกำหนดให้ผู้เอาประกันภัยทางทะเลเพื่อธุรกิจต้องเป็นนิติบุคคล เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1333 | ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดอัตราเงินนำส่งกองทุนคุ้มครองเงินฝาก พ.ศ. .... | กค | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. ๒๕๔๓ โดยเพิ่มประเภทเงินนำส่งเข้ากองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม กำหนดให้สถาบันการเงินนำส่งเงินเป็นอัตราร้อยละไม่เกิน ๐.๐๐๑ ต่อปีของยอดเงินฝากถัวเฉลี่ยของบัญชีที่ได้รับการคุ้มครอง และเงินเพิ่มเข้ากองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (กองทุนส่งเสริม SMEs) และเพิ่มประเภทการใช้จ่ายของเงินกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรบัญญัติให้ชัดเจนในถ้อยคำของมาตรา ๓๒ (๒/๑) ว่า เงินที่ได้รับตามมาตรานี้ จะนำไปใช้เพื่อให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ SMEs มาตรา ๓๔ (๑/๑) เท่านั้น และควรแยกบัญชีของเงินนำส่งที่ได้รับจากสถาบันการเงินออกจากบัญชีเงินของกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมตามปกติ และเผยแพร่ต่อสาธารณชน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดอัตราเงินนำส่งกองทุนคุ้มครองเงินฝาก พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สถาบันการเงินนำส่งเงินเข้ากองทุนคุ้มครองเงินฝากในอัตราใหม่ จากปัจจุบันอัตราร้อยละ ๐.๐๑ เป็นอัตราใหม่ร้อยละ ๐.๐๐๙ ต่อปีของยอดเงินฝากถัวเฉลี่ยของบัญชีที่ได้รับการคุ้มครอง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๔. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการออกกฎกระทรวงเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของ SMEs ที่จะได้รับการให้ความช่วยเหลือทางการเงินตามร่างกฎหมายทั้งสองฉบับนี้ ควรกำหนดให้สอดคล้องกับมาตรการฟื้นฟูกิจการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมผ่านกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบเมื่อวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๕๙ รวมทั้งจะต้องมีกลไกหรือกระบวนการที่สามารถคัดเลือก SMEs ที่จะได้รับการให้ความช่วยเหลือให้เป็นกิจการที่มีศักยภาพและมีความเหมาะสมที่จะได้รับการฟื้นฟูกิจการอย่างแท้จริง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๕. ให้กระทรวงการคลังและสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมร่วมกันดำเนินการตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1334 | แนวทางการจัดซื้อยา หรือเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยา ซึ่งได้ขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทย | กค | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบแนวทางการจัดซื้อยา หรือเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยา ซึ่งได้ขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๑.๑ ให้หน่วยงานของรัฐจัดซื้อผลิตภัณฑ์ยา หรือเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยา ซึ่งได้ขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทย มูลค่ารวมไม่น้อยกว่าร้อยละ ๓๐ ของแผนความต้องการจัดซื้อยาตามชื่อสามัญ (Generic name) หรือเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยารายการที่ตรงกับบัญชีนวัตกรรมไทยทั้งหมดของหน่วยงานนั้น ๆ ดังนี้ ๑.๑.๑ จัดซื้อยาทั่วไป (ยาเคมี) ซึ่งได้ขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทยตามบัญชีรายการยาของหน่วยงานนั้น ๆ ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๓๐ ของมูลค่ารวมของวงเงินงบประมาณค่าจัดซื้อยาทั่วไป (ยาเคมี) ตามชื่อสามัญที่อยู่ในบัญชีนวัตกรรมไทย ณ ต้นปีงบประมาณ ๑.๑.๒ จัดซื้อยาชีววัตถุ ซึ่งได้ขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทยตามบัญชีรายการยาชีววัตถุของหน่วยงานนั้น ๆ ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๓๐ ของมูลค่ารวมของเงินงบประมาณค่าจัดซื้อยาชีววัตถุตามชื่อสามัญที่อยู่ในบัญชีนวัตกรรมไทย ณ ต้นปีงบประมาณ ๑.๒ วิธีการจัดซื้อในบัญชีนวัตกรรมไทย ๑.๒.๑ หากรายการยาตามชื่อสามัญ (Generic name) ที่อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ หรือเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยาตามบัญชีนวัตกรรมไทยรายการใด มีผู้แทนจำหน่ายเอกชนเพียงรายเดียว และมีองค์การเภสัชกรรม สภากาชาดไทย หรือโรงงานเภสัชกรรมทหาร ได้ผลิตออกจำหน่ายด้วยแล้ว หน่วยงานของรัฐจะจัดซื้อโดยวิธีเฉพาะเจาะจงจากผู้แทนจำหน่ายเอกชน องค์การเภสัชกรรม สภากาชาดไทย หรือโรงงานเภสัชกรรมทหาร ซึ่งได้ขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทยรายใดก็ได้ ๑.๒.๒ หากรายการยาตามชื่อสามัญ (Generic name) ที่อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ หรือเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยาตามบัญชีนวัตกรรมไทยรายการใด มีผู้แทนจำหน่ายเอกชนหลายราย และมีองค์การเภสัชกรรม สภากาชาดไทย หรือโรงงานเภสัชกรรมทหาร ได้ผลิตออกจำหน่ายด้วยแล้ว หากหน่วยงานของรัฐจะจัดซื้อจากผู้แทนจำหน่ายเอกชน ให้หน่วยงานของรัฐจัดซื้อโดยวิธีคัดเลือก แต่หากจะจัดซื้อจากองค์การเภสัชกรรม สภากาชาดไทย หรือโรงงานเภสัชกรรมทหาร หน่วยงานของรัฐจะจัดซื้อโดยวิธีเฉพาะเจาะจงจากองค์การเภสัชกรรม สภากาชาดไทย หรือโรงงานเภสัชกรรมทหาร ซึ่งได้ขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทยรายได้ก็ได้ อนึ่ง หน่วยงานของรัฐจะต้องปฏิบัติตามแนวทางที่กำหนดไว้ในข้อ ๑.๑.๑ และข้อ ๑.๑.๒ โดยเคร่งครัด หากในกรณีที่หน่วยงานของรัฐไม่สามารถจัดซื้อยาทั่วไป (ยาเคมี) หรือยาชีววัตถุ ได้ตามสัดส่วนร้อยละที่กำหนดไว้ในข้อ ๑.๑.๑ และข้อ ๑.๑.๒ หน่วยงานของรัฐแต่ละแห่งจะต้องรายงานเหตุผลความจำเป็นไปยังหน่วยงานต้นสังกัดทุกรายไตรมาส เพื่อให้หน่วยงานต้นสังกัดรายงานไปยังสำนักงบประมาณต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1335 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2560 เกี่ยวกับการกู้เงินสำหรับโครงการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาคช่วงกรุงเทพมหานคร - หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร - นครราชสีมา) | กค | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงการคลังจัดหาเงินกู้ทั้งในประเทศและต่างประเทศจากแหล่งเงินกู้ที่เหมาะสมและนำมาให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้ต่อ สำหรับการดำเนินโครงการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาคช่วงกรุงเทพมหานคร-หนองคาย (ระยะที่ ๑ ช่วงกรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา) โดยให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีเป็นงบชำระหนี้ให้แก่ รฟท. เพื่อใช้ชำระหนี้คืนแก่แหล่งเงินโดยตรงทั้งในส่วนเงินต้น ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้อง ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กระทรวงการคลังจะได้ตกลงกับ รฟท. ต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้กระทรวงการคลังดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งจัดทำรายงานผลการดำเนินการต่าง ๆ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ โดยเฉพาะในส่วนของการพิจารณาแนวทางการจัดตั้งองค์กรพิเศษที่เป็นอิสระจากการกำกับกิจการของ รฟท. พร้อมทั้งกำกับติดตามแผนการดำเนินการก่อสร้างโครงการฯ เพื่อให้สามารถเปิดให้บริการโครงการฯ ได้ภายในปี ๒๕๖๔ ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1336 | มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อยปาบึก ปี 2562 ของกระทรวงการคลัง | กค | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อนปาบึก ปี ๒๕๖๒ ประกอบด้วย (๑) มาตรการหักลดหย่อนภาษีสำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย (๒) มาตรการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับบริจาค และ (๓) มาตรการทางการเงินของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) ทั้ง ๗ แห่ง ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศทไย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม รวมจำนวน ๑๙ มาตรการ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการยกเว้นภาษีสำหรับค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ที่ราชการประกาศให้เป็นพื้นที่ที่ประสบภัยจากพายุโซนร้อนปาบึก และกำหนดมาตรการยกเว้นภาษีสำหรับค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมรถในพื้นที่ที่ราชการประกาศให้เป็นพื้นที่ที่ประสบภัยจากพายุโซนร้อนปาบึก ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้องและครบถ้วน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๔. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1337 | การเสนอความเห็นการขอจัดตั้งกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม | กค | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1338 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (R-Bill) ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2561 | กค | 02/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (R-Bill) ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ซี่งเป็นหนี้ที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕ (พ.ร.ก. FIDF3) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. การกู้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ R-Bill ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยการกู้เงินระยะสั้นโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) อายุ ๑ เดือน จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ประมูลเมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ เบิกเงินกู้เมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๕๕๔๙๙ ต่อปี ๒. การกู้เงินเพื่อชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นในวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยการออก R-Bill รุ่นอายุ ๓๖๔ วัน จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ประมูลเมื่อวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ โดยมีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยร้อยละ ๑.๗๗๔๔๐ ต่อปี ๓. การออกประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับผลการกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว และได้ออกประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับผลการกู้เงินโดยการออก R-Bill จำนวน ๑ ฉบับ เพื่อนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1339 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับประกันความเสี่ยงทางการเมือง พ.ศ. .... | กค | 02/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับประกันความเสี่ยงทางการเมือง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับประกันความเสี่ยงทางการเมือง พ.ศ. ๒๕๔๗ เพื่อให้ครอบคลุมการรับประกันความเสี่ยงทางการเมืองแก่ผู้ลงทุนในกรณีที่ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) ไม่ได้สนับสนุนการให้สินเชื่อ และกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการรับประกันความเสี่ยงในการให้สินเชื่อของธนาคารของผู้ลงทุน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เช่น ควรกำหนดให้ชัดเจนว่าในการรับประกันภัยตามกฎกระทรวง และรวมถึงการรับประกันภัยต่อจากบริษัทประกันภัยหรือองค์กรอื่น จะเป็นการรับประกันภัยในกรอบของการรับประกันความเสี่ยงเกี่ยวกับการให้สินเชื่อของธนาคารของผู้ลงทุน เพื่อให้สอดคล้องตามพระราชบัญญัติธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๓๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการรับประกันความเสี่ยงทางการเมืองที่รัดกุมและมีความชัดเจนในทางปฏิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องพื้นที่และประเทศปลายทางที่มีการประเมินความเสี่ยงอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกัน moral hazard ซึ่งอาจสร้างความเสียหายแก่ ธสน. ได้ในอนาคต และประชาสัมพันธ์สร้างความรับรู้ความเข้าใจให้กับผู้ที่มีส่วนได้เสีย ได้แก่ ผู้ลงทุนธนาคารของผู้ลงทุน และประชาชนทั่วไปอย่างทั่วถึง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1340 | มาตรการส่งเสริมการชำระเงินเพื่อซื้อสินค้าและบริการ และการนำส่งข้อมูลภาษีมูลค่าเพิ่มผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ | กค | 02/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการแก้ไขเพิ่มเติมวิธีการชำระเงิน การรับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ และกำหนดรายการสินค้าและบริการที่จะไม่ได้รับสิทธิ (Negative List) ของมาตรการส่งเสริมการชำระเงินเพื่อซื้อสินค้าและบริการ และการนำส่งข้อมูลภาษีมูลค่าเพิ่มผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
