ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 54 จากทั้งหมด 482 หน้า แสดงรายการที่ 1061 - 1080 จากข้อมูลทั้งหมด 9627 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1061 | ขอขยายทุนเรือนหุ้นของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร | กค | 21/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขยายทุนเรือนหุ้นของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จากเดิม ๖๐,๐๐๐ ล้านบาท เป็น ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น (๑) เห็นควรให้ใช้เงินจากกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ โดยให้กระทรวงการคลังเสนอคณะกรรมการกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจพิจารณาจำนวนเงินที่จะจัดสรรและเสนอความเห็นของคณะกรรมการกองทุนฯ ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติ ตามบทบัญญัติมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามขั้นตอนต่อไป (๒) มอบหมายให้ ธ.ก.ส. จัดส่งรายละเอียดแผนงาน/โครงการ และกลุ่มเป้าหมายของโครงการ ให้กระทรวงการคลังและคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาอนุมัติการเพิ่มทุนในแต่ละครั้ง และใช้เป็นกรอบการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินงาน และ (๓) การจัดสรรเงินเพิ่มทุนจากกองทุนฯ ควรดำเนินการตามขั้นตอนและข้อกำหนดโดยคำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อสภาพคล่องของกองทุนฯ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังพิจารณาความจำเป็นเหมาะสมในการขายทุนเรือนหุ้นของ ธ.ก.ส. ให้แก่เกษตรกร กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์การเกษตร เพิ่มมากขึ้น เพื่อลดภาระงบประมาณภาครัฐในการเพิ่มทุนเรือนหุ้น ธ.ก.ส. ในอนาคต รวมทั้งเป็นการส่งเสริมให้ลูกค้า ธ.ก.ส. ได้มีส่วนร่วมรับผิดชอบการดำเนินกิจการของ ธ.ก.ส. ด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1062 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคืนอากรและหลักประกันการชำระอากรตอบโต้การทุ่มตลาดและอากรตอบโต้การอุดหนุน พ.ศ. .... | กค | 21/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคืนอากรและหลักประกันการชำระอากรตอบโต้การทุ่มตลาดและอากรตอบโต้การอุดหนุน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการคืนอากรหรือหลักประกันการชำระอากรตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ อากรตอบโต้การทุ่มตลาดหรือการอุดหนุนการนำเข้าสินค้าที่หลบเลี่ยงมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน เพื่อให้สอดคล้องกับหมวด ๑๐/๑ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1063 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการอนุญาตการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 14/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการอนุญาตการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงว่าด้วยการอนุญาตการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยเพิ่มประเภทใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ ๒ ประเภท คือ ใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์แบบ จ เพื่อรองรับการเปิดตัวกลางเฉพาะด้านตราสารทุน และใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการจัดการกองทุนส่วนบุคคล และปรับปรุงข้อกำหนดอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับใบอนุญาต รวมทั้งกำหนดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตที่เพิ่มประเภทดังกล่าว เพื่อให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้มีการเสริมสร้างความรู้ทางการเงินให้กับประชาชนควบคู่ไปกับการขยายการเข้าถึงบริการทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนในตลาดตราสารทุนที่อาจจะมีความเสี่ยงและความผันผวนค่อนข้างสูง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1064 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดและลักษณะของแสตมป์สรรพสามิต และเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีของทางราชการ พ.ศ. .... | กค | 14/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดและลักษณะของแสตมป์สรรพสามิต และเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีของทางราชการ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนดชนิดและลักษณะของแสตมป์สรรพสามิต และเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๖๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยปรับปรุงลักษณะของแสตมป์สรรพสามิต สำหรับสินค้าเครื่องดื่ม สินค้าสุรา และสินค้ายาสูบ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้พิจารณาในประเด็นความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการกำกหนดลักษณะแสตมป์ยาสูบให้รวมถึงลักษณะแสตมป์สุรา แสตมป์ยาสูบ และแสตมป์เครื่องดื่มบางประเภทที่มียอดจ่ายน้อยหรือไม่มียอดจ่าย เพื่อนำมาใช้กับสินค้ายาสูบได้ด้วยนั้น เป็นผลให้ลักษณะของแสตมป์ยาสูบมีรายละเอียดไม่ตรงกับประเภทสินค้าที่จะมีการปิดแสตมป์ในสาระสำคัญ ซึ่งอาจขัดกับเจตนารมณ์ในการแยกประเภทแสตมป์ตามลักษณะของสินค้า รวมทั้งเป็นปัญหาในการตรวจสอบความถูกต้องของลักษณะแสตมป์ ซึ่งเป็นประเด็นที่สมควรนำมาพิจารณาการกำหนดหลักการดังกล่าวไว้ในร่างกฎกระทรวงฯ แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1065 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การคงอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลของมูลนิธิหรือสมาคม) | กค | 14/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การคงอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลของมูลนิธิหรือสมาคม) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลของมูลนิธิหรือสมาคมเหลืออัตราร้อยละ ๒ ของรายได้ก่อนหักรายจ่ายใด ๆ ทั้งนี้ เฉพาะรายได้ส่วนที่เป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๘) แห่งประมวลรัษฎากร และให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรกำหนดให้มูลนิธิหรือสมาคมมีการเปิดเผยแหล่งที่มาของรายได้และรายละเอียดค่าใช้จ่ายต่อสาธารณชน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการดำเนินงานของมูลนิธิหรือสมาคมให้เกิดความยั่งยืนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1066 | การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (นางปานทิพย์ ศรีพิมล) | กค | 14/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางปานทิพย์ ศรีพิมล ผู้แทนกระทรวงการคลัง เป็นกรรมการในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร แทน นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ที่ขอลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๔ มกราคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ทั้งนี้ ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งแทนนี้ให้อยู่ในตำแหน่งตามวาระของผู้ซึ่งตนแทน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1067 | มาตรการต่อเติม เสริมทุน SMEs สร้างไทย | กค | 07/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้การส่งเสริมขีดความสามารถของ SMEs เป็นวาระแห่งชาติ ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเร่งพิจารณาและกำหนดมาตรการในการส่งเสริมขีดความสามารถของ SMEs ในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ๒. เห็นชอบและรับทราบมาตรการต่อเติม เสริมทุน SMEs สร้างไทย ซึ่งเป็นมาตรการเพื่อช่วยเหลือ SMEs ในกลุ่มที่ต้องการสภาพคล่อง กลุ่มที่กำลังจะถูกฟ้อง และกลุ่มที่มีศักยภาพ ประกอบด้วย (๑) โครงการ บสย. SMEs สร้างไทย ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (๒) โครงการ Transformation Loan เสริมแกร่ง (Soft Loan เพื่อปรับเปลี่ยนเครื่องจักร ระยะที่ ๒) ของธนาคารออมสิน (๓) โครงการ GSB SMEs Extra Liquidity ของธนาคารออมสิน (๔) โครงการ PGS ๕ ถึง PGS ๗ และ (๕) โครงการสินเชื่อเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน (Local Economy Loan) ของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการต่อไปให้ถูกต้องเป็นไปตามข้อกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย ๓. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ และเห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นพิเศษตามประมวลกฎหมายที่ดิน สำหรับกรณีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด สำหรับกรณีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ รวม ๔ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น (๑) สถาบันการเงินและสถาบันการเงินเฉพาะกิจควรพัฒนาระบบฐานข้อมูล SMEs ที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อใช้วิเคราะห์ติดตามและประเมินผลการดำเนินการตามมาตรการต่าง ๆ โดยเฉพาะกระบวนการพิจารณาสินเชื่อหรือการค้ำประกัน การบริหารความเสี่ยง และการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์กำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง และ (๒) การกำหนดมาตรการทางภาษีเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ควรครอบคลุมการเจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่มีเจ้าหนี้อื่นที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (non-bank) ด้วย เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๔. ให้กระทรวงการคลังประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับมาตรการในการช่วยเหลือ SMEs ให้สาธารณชนรับทราบอย่างถูกต้องและทั่วถึง รวมทั้งให้กระทรวงการคลังติดตาม ประเมินผล และรายงานผลการดำเนินการต่อคณะรัฐมนตรีทุก ๆ ๓ เดือน ด้วย ๕. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1068 | การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจตามพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2562 และการกำหนดค่าตอบแทนของกรรมการในคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจและคณะอนุกรรมการที่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจแต่งตั้ง | กค | 02/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ แต่งตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นกรรมการโดยตำแหน่งในคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ตามมาตรา ๖ วรรคหนึ่ง (๓) แห่งพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑.๒ แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน คนร. จำนวน ๕ คน ตามมาตรา ๖ วรรคหนึ่ง (๔) ประกอบมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้เแก่ นายกานต์ ตระกูลฮุน นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ นายปรีดี ดาวฉาย นายประสัณห์ เชื้อพานิช และนายเทวินทร์ วงศ์วานิช ๒. สำหรับการกำหนดค่าตอบแทนกรรมการในคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจและคณะอนุกรรมการที่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจแต่งตั้ง ให้กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจและกรมบัญชีกลางรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. ให้ได้ข้อยุติที่ชัดเจน โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงาน ก.พ. เช่น การกำหนดค่าตอบแทนกรรมการใน คนร. และอนุกรรมการที่ คนร. แต่งตั้ง ควรพิจารณาตามแนวทางการกำหนดอัตราเบี้ยประชุมตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยเทียบเคียงกับคณะกรรมการที่ประธานกรรมการเป็นนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรี รวมถึงอัตราเบี้ยประชุมคณะอนุกรรมการที่คณะกรรมการดังกล่าวแต่งตั้ง เพื่อให้อัตราเบี้ยประชุมของคณะกรรมการตามกฎหมายต่าง ๆ มีความเหมาะสมและสอดคล้องกันในภาพรวม เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1069 | การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สำหรับโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) | กค | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) ดำเนินการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ ๕ (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) สำหรับงานในฝั่ง สปป.ลาว ในรูปแบบเงินกู้เงื่อนไขผ่อนปรนทั้งจำนวน วงเงินรวม ๑,๓๘๐,๐๖๗,๐๐๐ บาท และอนุมัติให้สำนักงบประมาณจัดสรรเงินงบประมาณแผ่นดินเป็นรายปี โดยเริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๘ รวมระยะเวลา ๕ ปี รวมวงเงินที่จะขอรับการจัดสรรเงินงบประมาณทั้งสิ้นเท่ากับ ๖๙๐,๐๓๓,๕๐๐ บาท รวมทั้งมอบหมาย สพพ. ดำเนินการกู้เงิน จำนวน ๖๙๐,๐๓๓,๕๐๐ บาท ตามรูปแบบและเงื่อนไขที่กำหนด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยในกรณีที่ สปป.ลาว ผิดนัดชำระหนี้ ให้กระทรวงการคลัง โดย สพพ. พิจารณาใช้เงินสะสมของหน่วยงานในการชำระต้นเงินและดอกเบี้ยคืนแหล่งเงินกู้เป็นลำดับแรกก่อน รวมทั้งให้เร่งบรรจุวงเงินกู้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ และขอจัดสรรงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวงควรเร่งประสานกับ สปป.ลาว ในการจัดทำแผนปฏิบัติการในการดำเนินโครงการดังกล่าว โดยให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง เช่น การส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างเพื่อให้สามารถดำเนินโครงการและเปิดใช้งานได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในปี ๒๕๖๖ ต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคม โดย สพพ. ดำเนินการติดตามสภาวะเศรษฐกิจและประเมินความเสี่ยงด้านความสามารถในการชำระหนี้ของ สปป.ลาว อย่างใกล้ชิด และรายงานให้คณะกรรมการบริหาร สพพ. ทราบเป็นระยะ ๆ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1070 | รายงานผลการดำเนินการตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ 2562 | กค | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๒ ประกอบด้วย (๑) รายงานการกู้เงินและการค้ำประกันที่กระทำในปีงบประมาณที่ล่วงมาแล้ว และรายงานสถานะหนี้สาธารณะ และ (๒) รายงานผลการประเมินความสำเร็จของโครงการหรือแผนงานที่ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอรัฐสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1071 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีสำหรับการบริจาคให้แก่สถานศึกษาที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทยตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับทบวงการชำนัญพิเศษแห่งสหประชาชาติ) | กค | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีสำหรับการบริจาคให้แก่สถานศึกษาที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทยตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับทบวงการชำนัญพิเศษแห่งสหประชาชาติ) ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร สำหรับการบริจาคให้แก่สถานศึกษาที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทยตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับทบวงการชำนัญพิเศษแห่งสหประชาชาติ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๒ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1072 | การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา สำหรับโครงการพัฒนาเมืองภายใต้ระเบียงเศรษฐกิจอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ระยะที่ 3 ในส่วนของเมืองเมียวดี (การปรับปรุงระบบน้ำประปา และการพัฒนาระบบบริหารจัดการขยะ) | กค | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) ดำเนินการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการพัฒนาเมืองภายใต้ระเบียงเศรษฐกิจอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ระยะที่ ๓ ในส่วนของเมืองเมียวดี (การปรับปรุงระบบน้ำประปา และการพัฒนาระบบบริหารจัดการขยะ) (โครงการพัฒนาเมืองเมียวดีฯ) ในรูปแบบเงินกู้เงื่อนไขผ่อนปรนทั้งจำนวน วงเงินรวม ๗๗๗,๗๗๐,๐๐๐ บาท รวมทั้งอนุมัติให้สำนักงบประมาณจัดสรรเงินงบประมาณแผ่นดินเป็นรายปี โดยเริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๖ รวมระยะเวลา ๓ ปี รวมวงเงินที่จะขอรับการจัดสรรเงินงบประมาณทั้งสิ้นเท่ากับ ๓๘๘,๘๘๕,๐๐๐ บาท และมอบหมาย สพพ. ดำเนินการกู้เงินจำนวน ๓๘๘,๘๘๕,๐๐๐ บาท ตามรูปแบบและเงื่อนไขที่กำหนด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ในกรณีที่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาผิดนัดชำระหนี้ ให้กระทรวงการคลัง โดย สพพ. พิจารณาใช้เงินสะสมของหน่วยงานในการชำระต้นเงินและดอกเบี้ยคืนแหล่งเงินกู้เป็นลำดับแรก ๒. ให้กระทรวงการคลัง โดย สพพ. รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมพิจารณาประเด็นเศรษฐกิจควบคู่ไปกับประเด็นความมั่นคงอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะการให้ความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาบริเวณพื้นที่ชายแดนที่สองประเทศมีประเด็นท้าทายร่วมกัน เช่น ปัญหาเขตแดน การลักลอบเข้าเมืองและค้ามนุษย์ การลักลอบและค้ายาเสพติด การสร้างสิ่งปลูกสร้างบริเวณเกาะแก่งต่าง ๆ กลางแม่น้ำเมย การรุกล้ำของประชาชน การสร้างเพิงขายของริมตลิ่งแม่น้ำเมย เป็นต้น เพื่อส่งเสริมชายแดนแห่งสันติภาพที่สงบสุข การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาที่ยั่งยืนร่วมกัน และเห็นควรให้ความสำคัญพร้อมทั้งกำหนดแนวทางและวิธีการบริหารจัดการความเสี่ยงอันเนื่องมาจากการให้กู้ยืมแก่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาภายใต้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของโลก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลัง โดย สพพ. เร่งรัดบรรจุวงเงินกู้ดังกล่าวในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓ และขอจัดสรรงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1073 | เป้าหมายของนโยบายการเงิน ประจำปี 2563 | กค | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเป้าหมายของนโยบายการเงิน ประจำปี ๒๕๖๓ พร้อมข้อตกลงร่วมกันระหว่างคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในการกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินสำหรับระยะปานกลาง และเป้าหมายสำหรับปี ๒๕๖๓ ซึ่งกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินไว้ที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วงร้อยละ ๑-๓ และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า หากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเคลื่อนไหวอยู่นอกกรอบเป้าหมาย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นสำหรับการบริโภคและการลงทุน เห็นควรให้ กนง. เร่งพิจารณาหาแนวทางแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าวและรายงานผลการดำเนินการต่อคณะรัฐมนตรี รวมทั้งสร้างการรับรู้ให้กับสาธารณชนถึงแนวทางในการแก้ไขให้สอดคล้องกับสถานการณ์ต่อไป นอกจากนี้ กนง. ควรให้ความสำคัญกับการดำเนินนโยบายเพื่อให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมายของนโยบายการเงินและปรับตัวเข้าสู่ค่ากลางของกรอบเป้าหมายได้อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนควรติดตามและประเมินสถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาดำเนินการร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทยในการจัดตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจและเสนอมาตรการที่เหมาะสม เพื่อให้การดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายการเงินและการคลังเป็นไปอย่างมีเอกภาพมากยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1074 | แผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2564-2567) | กค | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ ๒๕๖๔-๒๕๖๗) เพื่อให้หน่วยงานของรัฐนำไปใช้ประกอบการพิจารณาในการจัดเก็บหรือหารายได้ การจัดทำงบประมาณ และการก่อหนี้ของหน่วยงานของรัฐ ตามมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป ซึ่งประกอบด้วยมาตรการ ๓ ด้าน ได้แก่ (๑) มาตรการด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณ เช่น ให้สำนักงบประมาณควบคุมรายจ่ายประจำ โดยเฉพาะรายจ่ายด้านบุคลากร เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายจ่ายลงทุนต่อวงเงินงบประมาณรายจ่าย เป็นต้น (๒) มาตรการด้านการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล เช่น ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิรูปการจัดเก็บรายได้ทั้งระบบ โดยนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้ ผลักดันการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ประกอบการอิเล็กทรอนิกส์ (e-Business) ในต่างประเทศ เป็นต้น และ (๓) มาตรการด้านการรักษาวินัยในการบริหารหนี้สาธารณะให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดสรรงบประมาณชำระต้นเงินกู้เพื่อลดความเสี่ยงทางการคลังและภาระดอกเบี้ย ซึ่งอาจเป็นข้อจำกัดในการบริหารรายจ่ายประจำในอนาคตได้ ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐเสนอ ๒. ให้คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น ควรให้ความสำคัญเพิ่มเติมกับการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ การขยายฐานการจัดเก็บภาษีอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี และการลดข้อจำกัดในการบริหารรายจ่ายในอนาคตที่มาจากการเพิ่มขึ้นของภาระดอกเบี้ยจ่าย โดยการพิจารณาจัดสรรงบประมาณชำระต้นเงินกู้เพิ่มขึ้น เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1075 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายธิบดี วัฒนกุล และนายวรวรรธน์ ภิญโญ) | กค | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่ตำแหน่งว่างเนื่องจากผู้ครองตำแหน่งเดิมเกษียณอายุราชการ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายธิบดี วัฒนกุล ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพสามิต ๒. นายวรวรรธน์ ภิญโญ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางสรรพสามิต (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพสามิต
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1076 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (R-Bill) ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2562 | กค | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (R-Bill) ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ครั้งที่ ๒ รวมทั้งออกประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับผลการกู้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวเพื่อนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1077 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [ขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการดำเนินธุรกิจของ SMEs (มาตรการพี่ช่วยน้อง)] | กค | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [ขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการดำเนินธุรกิจของ SMEs (มาตรการพี่ช่วยน้อง)] ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นขยายระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีตามมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) (มาตรการพี่ช่วยน้อง) ออกไปอีก ๒ ปี จากเดิมสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ เพื่อเป็นการส่งเสริมการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ SMEs อย่างต่อเนื่อง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1078 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงินชดเชยตามมาตรการส่งเสริมการชำระเงินเพื่อซื้อสินค้าและบริการ และการนำส่งข้อมูลภาษีมูลค่าเพิ่มผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์) | กค | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงินชดเชยตามมาตรการส่งเสริมการชำระเงินเพื่อซื้อสินค้าและบริการ และการนำส่งข้อมูลภาษีมูลค่าเพิ่มผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์) ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้เงินชดเชยตามมาตรการส่งเสริมการชำระเงินด้วยบัตรเดบิตหรือวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์อื่น เพื่อซื้อสินค้าหรือรับบริการในราชอาณาจักรจากผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และได้มีการนำส่งข้อมูลภาษีมูลค่าเพิ่มจากการซื้อสินค้าหรือรับบริการดังกล่าวให้กรมสรรพากรผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยเงินชดเชยดังกล่าวต้องมีจำนวนไม่เกินหนึ่งพันบาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1079 | รายงานผลการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ประจำปีบัญชี 2561 | กค | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ประจำปีบัญชี ๒๕๖๑ ซึ่งคณะกรรมการประเมินผลงานรัฐวิสาหกิจ ในคราวประชุมครั้งที่ ๖/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๒ และในคราวประชุมครั้งที่ ๗/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๒ มีมติเห็นชอบด้วยแล้ว โดยในปีบัญชี ๒๕๖๑ มีรัฐวิสาหกิจที่อยู่ในระบบประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจทั้งสิ้น จำนวน ๕๔ แห่ง ประกอบด้วย ๒ ส่วน คือ (๑) ระบบการบริหารจัดการองค์กร จำนวน ๒๑ แห่ง รัฐวิสาหกิจมีคะแนนเฉลี่ยที่ ๓.๑๑๓๖ คะแนน ซึ่งเพิ่มขึ้น ๐.๐๔๑๖ คะแนน เมื่อเปรียบเทียบกับปี ๒๕๖๐ และ (๒) ระบบการประเมินคุณภาพรัฐวิสาหกิจ จำนวน ๓๓ แห่ง รัฐวิสาหกิจมีคะแนนเฉลี่ยที่ ๓.๘๙๕๓ คะแนน ซึ่งเพิ่มขึ้น ๐.๐๓๕๔ คะแนน เมื่อเปรียบเทียบกับปี ๒๕๖๐ โดยคณะกรรมการประเมินผลงานรัฐวิสาหกิจได้มีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะจากการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ประจำปีบัญชี ๒๕๖๑ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ เช่น การเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม การปรับองค์กรให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี และการบูรณาการดำเนินงานระหว่างรัฐวิสาหกิจ เป็นต้น และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะดังกล่าวอย่างเคร่งครัดต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น การปรับปรุงกระบวนการให้สินเชื่อให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและการติดตามดูแลคุณภาพสินเชื่ออย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกัน แก้ไขปัญหา และควบคุมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมต่อฐานะและผลการดำเนินงาน และการนำเทคโนโลยีมาใช้ควบคู่กับการบริหารจัดการความเสี่ยง รวมทั้งใช้ประโยชน์จากข้อมูลเพื่อพัฒนาบริการ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1080 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน โดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ ในท้องที่ตำบลเขาพระงาม อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี พ.ศ. .... | กค | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ ในท้องที่ตำบลเขาพระงาม อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ ในท้องที่ตำบลเขาพระงาม อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี บางส่วน เพื่อมอบหมายให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยที่ราชพัสดุต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
.....