ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 59 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 1161 - 1180 จากข้อมูลทั้งหมด 9659 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1161 | ร่างพระราชกฤษฎีกาและร่างกฎกระทรวงเพื่อปรับปรุงการจัดเก็บภาษีเงินได้จากการลงทุนในตราสารหนี้ผ่านกองทุนรวม | กค | 01/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาและร่างกฎกระทรวงเพื่อปรับปรุงการจัดเก็บภาษีเงินได้จากการลงทุนในตราสารหนี้ผ่านกองทุนรวม รวม ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดา และบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับเงินหรือผลประโยชน์อื่นใดที่ได้รับเนื่องมาจากกองทุนรวมหรือที่เกี่ยวกับกองทุนรวมบางกรณี ๒. ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยภาษีเงินได้ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๔๔ (พ.ศ. ๒๕๒๒) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยภาษีเงินได้ เพื่อกำหนดอัตราหักภาษี ณ ที่จ่าย สำหรับการจ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๔) (ก) แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่กองทุนรวมที่เป็นนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1162 | มาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อนโพดุล พายุโซนร้อนคาจิกิ และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ (ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร) | กค | 01/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อนโพดุล พายุโซนร้อนคาจิกิ และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ เพื่อเป็นการบรรเทาภาระภาษีให้แก่ผู้มีเงินได้ซึ่งมีทรัพย์สินได้รับความเสียหายจากพายุและมรสุมดังกล่าว โดยได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเท่าจำนวนเงินได้ที่จ่ายเพื่อซ่อมแซมทรัพย์สิน ซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคาร หรืออยู่ในเขตอาคาร หรือห้องชุดอาคารชุด แต่ไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท และจำนวนเงินได้ที่จ่ายเพื่อซ่อมทรัพย์สินที่เป็นรถ แต่ไม่เกิน ๓๐,๐๐๐ บาท ที่ได้จ่ายระหว่างวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๒ ถึงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินการจะต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์กับผู้ประสบภัยพิบัติอย่างแท้จริง ไม่ซ้ำซ้อน โปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ รวมทั้งดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องและครบถ้วน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้เงินได้พึงประเมินเท่าที่ผู้มีเงินได้ซึ่งได้รับความเสียหายจากพายุโซนร้อนโพดุล พายุโซนร้อนคาจิกิ และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ได้จ่ายระหว่างวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๒ ถึงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ในการซ่อมแซมทรัพย์สินที่ได้รับความเสียหายจากพายุโซนร้อนและมรสุมดังกล่าว เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1163 | มาตรการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ | กค | 01/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขยายเวลามาตรการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ประกอบด้วย มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา และมาตรการชดเชยเงินให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยใช้ข้อมูลจากจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้ชำระ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความช่วยเหลือบรรเทาค่าครองชีพและลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคแก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อยให้เป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงช่วยลดภาระภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นการสนับสนุนให้มีจำนวนผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่มขั้น และส่งเสริมการเข้าสู่สังคมไร้เงินสด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีระบบติดตามและประเมินผล ทั้งในส่วนของการดำเนินมาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา สำหรับใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานประกอบการพิจารณากำหนดมาตรการในระยะต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1164 | รายงานสถานะของหนี้สาธารณะตามมาตรา 35 (1) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม | กค | 24/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานะของหนี้สาธารณะตามมาตรา ๓๕ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สถานะของหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๒ จำนวน ๖,๙๑๗,๓๕๗.๘๖ ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๔๑.๔๕ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบในการบริหารหนี้สาธารณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐกำหนดให้สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ไม่เกินร้อยละ ๖๐ ๒. กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ได้กำหนดเพดานสัดส่วนภาระดอกเบี้ยต่อประมาณการรายได้ประจำปีงบประมาณที่ร้อยละ ๑๐ และใช้เป็นแนวทางการพิจารณาประกอบการวางแผนและกำหนดกลยุทธ์การบริหารหนี้สาธารณะ รวมทั้งกำกับดูแลภาระหนี้รัฐบาลให้อยู่ภายใต้กรอบความยั่งยืนทางการคลัง โดยสถานะปัจจุบันสัดส่วนภาระดอกเบี้ยต่อประมาณการรายได้ประจำปีงบประมาณและจากการประมาณการในระยะปานกลาง ๕ ปี ยังอยู่ภายใต้เพดานที่กำหนดไว้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1165 | ขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (กองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม) | กค | 24/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เป็นจำนวนเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อจัดสรรให้แก่กองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม เพื่อให้การดำเนินมาตรการให้ความช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นไปอย่างต่อเนื่องและสามารถรองรับการดำเนินงานสำหรับมาตรการที่เกี่ยวข้องกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในอนาคต ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้คณะกรรมการกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมจัดทำรายงานสถานะทางการเงินของกองทุน และกระแสเงินรับ-จ่าย รวมทั้งรายงานผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินงานของกองทุน เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณในครั้งต่อไป และเห็นควรมอบหมายให้กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินงานของโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐต่อคณะรัฐมนตรีทุกไตรมาสด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1166 | ขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (เพื่อลดลูกหนี้รอการชดเชยของรัฐบาล ตามมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2559/60 ด้านการเงินของ ธ.ก.ส.) | กค | 24/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นให้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อลดลูกหนี้รอการชดเชยของรัฐบาล ตามมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ ด้านการเงินของ ธ.ก.ส. ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพิจารณาจัดสรรงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร นั้น ธ.ก.ส. ควรพิจารณาถึงแผนการจ่ายชดเชยให้กับ ธ.ก.ส. ทั้งหมดในภาพรวม ตามมาตรการ/โครงการช่วยเหลือเกษตรกรต่าง ๆ และพิจารณาตามลำดับความสำคัญเร่งด่วนในการจัดสรรงบประมาณ เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการงบประมาณ การจัดการหนี้สินและสภาพคล่องที่เกิดประโยชน์กับประเทศและหน่วยงานมากที่สุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1167 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพื่อกำหนดพิกัดอัตราภาษีสำหรับเครื่องดื่มที่เติมสารอาหารหรือสารอื่น | กค | 24/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดประเภทและอัตราภาษีที่จะใช้ในการจัดเก็บสำหรับเครื่องดื่มที่เติมสารอาหารหรือสารอื่นเพิ่มเติม โดยลดอัตราภาษีตามมูลค่าของเครื่องดื่มที่เติมสารอาหารและสารอื่น จากร้อยละ ๑๔ เป็นร้อยละ ๑๐ และเครื่องดื่มน้ำผลไม้และน้ำพืชผักที่เติมสารอาหารและสารอื่น จากร้อยละ ๑๐ เป็นร้อยละ ๓ เพื่อให้เครื่องดื่มน้ำผลไม้และน้ำพืชผักที่เติมสารอาหารและสารอื่นที่เป็นทางเลือกเพื่อสุขภาพสอดรับการปรับเพิ่มอัตราภาษีตามปริมาณน้ำตาล ซึ่งจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณที่เห็นควรเร่งประชาสัมพันธ์ถึงวัตถุประสงค์ในการดำเนินการดังกล่าว ตลอดจนสร้างการรับรู้และความเข้าใจและการมีส่วนร่วมเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนถึงมูลเหตุจูงใจและประโยชน์ที่จะได้รับจากนวัตกรรมและการส่งเสริมการวิจัยภาคอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มที่จะเกิดขึ้น รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลคุณภาพมาตรฐานและความปลอดภัยด้านอาหารดำเนินการอย่างเคร่งครัดในการตรวจสอบกระบวนการผลิตเครื่องดื่มที่อยู่ในรายการที่มีการปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตให้มีการใช้สารประกอบทดแทนความหวานที่ได้มาตรฐานและมีปริมาณที่เหมาะสมอยูในเกณฑ์การใช้ในระดับที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1168 | ขอรับจัดสรรเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (เงินเบี้ยหวัดฯ และค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล) | กค | 24/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติการจัดสรรเงินงบประมาณสำหรับรายการงบกลางที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมบัญชีกลางที่มีการจ่ายเงินสูงกว่าวงเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรรในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๔๕,๑๐๐.๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รายการเงินเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ จากงบประมาณรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้ขยายเวลาเบิกจ่ายเงินถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน ๒๕๖๒ จำนวน ๒,๒๐๐.๐๐ ล้านบาท และจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๓๗,๘๐๐.๐๐ ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน ๔๐,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท ๑.๒ รายการค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลข้าราชการ ลูกจ้าง และพนักงานของรัฐใช้จ่ายจากเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้ขยายเวลาเบิกจ่ายเงินถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน ๒๕๖๒ จำนวน ๕,๑๐๐.๐๐ ล้านบาท ๒. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1169 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2561 | กค | 24/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ ประกอบด้วยผลการดำเนินงานในปี ๒๕๖๑ และทิศทางและนโยบายการดำเนินงานของบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและรับรองแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1170 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานในภาพรวมของทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี 2561 | กค | 24/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานในภาพรวมของทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี ๒๕๖๑ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการรายงานสถานะทางการเงินของทุนหมุนเวียนในภาพรวม ผลการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน บทบาทของทุนหมุนเวียนที่มีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ปัญหาอุปสรรคการดำเนินงานของทุนหมุนเวียน และข้อสังเกตการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียนของคณะทำงานจัดทำบันทึกข้อตกลงและประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ตามที่คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1171 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 24/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมอัตราภาษีสำหรับยาเส้น โดยปรับแก้ไขการได้รับสิทธิเสียภาษีในอัตรา ๐ จากเดิมที่กำหนดให้ “ยาเส้นที่ผู้เพาะปลูกต้นยาสูบทำจากใบยาที่ปลูกและหั่นเองและได้ขายยาเส้นนั้นแก่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมยาสูบเสียภาษีในอัตรา ๐” เป็น “ยาเส้นที่ผลิตเพื่อขายเป็นวัตถุดิบให้แก่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมยาสูบโดยตรงหรือโดยผ่านผู้ค้าคนกลาง ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพสามิตประกาศกำหนด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้ เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตลอดจนรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ นอกจากนี้ ในระยะยาวควรให้ความสำคัญกับการปรับขึ้นภาษียาเส้นที่สอดคล้องกับหลักสากล หลักความฟุ่มเฟือย และหลักสุขภาพ รวมถึงหลักความเท่าเทียมในการจัดเก็บภาษีบุหรี่และยาเส้น ซึ่งจะมีส่วนช่วยควบคุมการบริโภคยาสูบให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1172 | แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2563 | กค | 24/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓ ประกอบด้วย แผนการก่อหนี้ใหม่ วงเงิน ๘๙๔,๐๐๕.๖๕ ล้านบาท แผนการบริหารหนี้เดิม วงเงิน ๘๓๑,๑๕๐.๓๒ ล้านบาท และแผนการชำระหนี้ วงเงิน ๓๙๘,๓๗๒.๕๕ ล้านบาท ๑.๒ อนุมัติให้รัฐวิสาหกิจ จำนวน ๕ แห่ง ได้แก่ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย การเคหะแห่งชาติ การรถไฟแห่งประเทศไทย องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และการยางแห่งประเทศไทย ที่มีสัดส่วนความสามารถในการหารายได้เทียบกับภาระหนี้ของกิจการ (Debt Service Coverage Ratio : DSCR) ต่ำกว่า ๑ สามารถกู้เงินใหม่และบริหารหนี้เดิมภายใต้แผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓ โดยให้รัฐวิสาหกิจทั้ง ๕ แห่ง รับความเห็นของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเกี่ยวกับระเบียบคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะว่าด้วยหลักเกณฑ์การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๖๑ ข้อ ๑๓ กำหนดให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะเสนอแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณต่อคณะกรรมการฯ เพื่อพิจารณาเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี โดยในแผนฯ ประจำปีงบประมาณอย่างน้อยต้องครอบคลุมในเรื่องการกู้เงินและการค้ำประกัน การชำระหนี้ การบริหารหนี้คงค้าง หรือการดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับหนี้สาธารณะ ไปดำเนินการด้วย และให้หน่วยงานดังกล่าวเร่งรัดการดำเนินการตามแนวทางในการแก้ไขปัญหาเพื่อให้เกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ๑.๓ ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของคณะกรรมการฯ เกี่ยวกับการกู้เงินของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) (บกท.) ภายใต้แผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓ โดยเห็นว่า แม้ว่า บกท. ยังมี DSCR ไม่ต่ำกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำ (๑ เท่า) แต่พบว่า บกท. มีการก่อหนี้ใหม่เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการทั่วไปเป็นจำนวนมาก แสดงให้เห็นว่า บกท. ประสบปัญหาการขาดสภาพคล่องและมีเงินสดไม่เพียงพอในการดำเนินงาน อีกทั้งยังมีผลประกอบการในครึ่งปีแรกของปี ๒๕๖๒ ขาดทุน จึงเห็นควรให้กระทรวงคมนาคมในฐานะกระทรวงเจ้าสังกัดรับความเห็นดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสม เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากปัญหาการขาดสภาพคล่องของหน่วยงาน ๑.๔ อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ การกู้มาและการนำไปให้กู้ต่อ การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งอนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเพื่อลงทุนในโครงการพัฒนา และการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ภายใต้กรอบวงเงินของแผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓ และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๑.๕ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามผูกพันการกู้เงินและหรือค้ำประกันเงินกู้ต่างประเทศจากแหล่งเงินกู้ทางการ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น ควรกำกับ ติดตาม และเร่งรัดการดำเนินการของรัฐวิสาหกิจทั้ง ๕ แห่ง ที่มีสัดส่วน DSCR ต่ำกว่า ๑ ให้เป็นไปตามความเห็นของคณะกรรมการฯ อย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว รวมทั้งติดตามและเร่งรัดหน่วยงานเจ้าของโครงการใช้จ่ายเงินและเบิกจ่ายเงินกู้ให้สอดคล้องและบรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนฯ ที่กำหนดไว้ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1173 | การโอนเงินหรือสินทรัพย์ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเพื่อชำระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ยเงินกู้ FIDF 1 และ FIDF 3 | กค | 24/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้โอนเงินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเข้าบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ในปีงบประมาณ ๒๕๖๓ จำนวน ๖,๗๐๐ ล้านบาท โดยให้กองทุนฯ ทยอยโอนเงินดังกล่าวเข้าบัญชีสะสมฯ ตามปริมาณสภาพคล่องของกองทุนฯ เนื่องจากจำนวนเงินดังกล่าวมีความเหมาะสมกับเงินสดรับคงเหลือของกองทุนฯ ที่ประมาณการว่าจะมีอยู่ จำนวน ๗,๗๔๑ ล้านบาท ซึ่งจะทำให้กองทุนฯ มีเงินสดคงเหลือเพื่อสำรองเป็นค่าใช้จ่าย ค่าดำเนินการ และภาระชดเชยที่อยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน ๑,๐๔๑ ล้านบาท อย่างไรก็ดี หากกองทุนฯ ได้รับเงินที่มีนัยสำคัญ ให้พิจารณาทบทวนเพื่อขออนุมัตินำส่งเงินเข้าบัญชีสะสมฯ เพิ่มเติมต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1174 | รายงานประจำปี 2561 ของกองทุนการออมแห่งชาติ | กค | 17/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๑ ของกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ประกอบด้วยผลการดำเนินงานของ กอช. ประจำปี ๒๕๖๑ และรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของ กอช. สิ้นสุด ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่า งบการเงินของ กอช. ดังกล่าวมีความถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1175 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2561 | กค | 17/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและรับรองแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1176 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายปิยกร อภิบาลศรี และร้อยตำรวจโทหญิง ศรัณย์กร เลิศโอภาส) (ร้อยตำรวจโทหญิง ศรัณย์กร เลิศโอภาส) | กค | 10/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายปิยกร อภิบาลศรี ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ภาษีสรรพสามิต (นักวิชาการสรรพสามิตทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพสามิต ตั้งแต่วันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๖๒ ๒. ร้อยตำรวจโทหญิง ศรัณย์กร เลิศโอภาส ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านกฎหมายและระเบียบการคลัง (นิติกรทรงคุณวุฒิ) กรมบัญชีกลาง ตั้งแต่วันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๒
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1177 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. .... | กค | 10/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. .... ที่คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีคณะกรรมการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ กำหนดวิธีการได้มาซึ่งรายชื่อผู้ที่มีความเหมาะสมเพื่อคัดเลือกเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และกำหนดวิธีการคัดเลือกเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรคำนึงถึงความเชี่ยวชาญของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในแต่ละสาชาวิชา เพื่อเป็นการส่งเสริมการทำงานของคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1178 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐอื่น ตามนัยมาตรา 6 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 | กค | 10/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐอื่น ตามนัยมาตรา ๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์เป็นหน่วยงานของรัฐอื่นที่สามารถจัดให้มีระเบียบ ข้อบังคับ หรือข้อบัญญัติเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐขึ้นใช้เองทั้งหมดหรือแต่บางส่วนได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้พิจารณาในประเด็นตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาว่า ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์เป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐที่สามารถจัดให้มีระเบียบ ข้อบังคับ หรือข้อบัญญัติเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุขึ้นใช้เองทั้งหมดหรือแต่บางส่วนได้ตามมาตรา ๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ จึงเป็นกรณีที่ไม่ต้องดำเนินการออกกฎกระทรวงเพื่อกำหนดให้ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์เป็นหน่วยงานของรัฐอื่นตามร่างกฎกระทรวงนี้ แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1179 | รายงานการสอบบัญชีและงบการเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการและบริษัทย่อยปี 2561 และข้อเสนอแนะจากการประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิก ปี 2562 | กค | 10/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการสอบบัญชีและงบการเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และบริษัทย่อยปี ๒๕๖๑ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่า มีความถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินและข้อมูลทางการเงินที่สำคัญ พร้อมข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่ได้รับจากการประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิก เมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1180 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล (จำนวน 3 คน 1. พลตำรวจโท สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ฯลฯ) | กค | 10/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล จำนวน ๓ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๐ กันยายน ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. พลตำรวจโท สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข เป็นกรรมการ ๒. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ธนวรรธน์ พลวิชัย เป็นกรรมการ ๓. พลโท ธนะศักดิ์ ชื่นอิ่ม เป็นกรรมการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
