ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 56 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 1101 - 1120 จากข้อมูลทั้งหมด 9659 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1101 | การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สำหรับโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) | กค | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) ดำเนินการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ ๕ (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) สำหรับงานในฝั่ง สปป.ลาว ในรูปแบบเงินกู้เงื่อนไขผ่อนปรนทั้งจำนวน วงเงินรวม ๑,๓๘๐,๐๖๗,๐๐๐ บาท และอนุมัติให้สำนักงบประมาณจัดสรรเงินงบประมาณแผ่นดินเป็นรายปี โดยเริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๘ รวมระยะเวลา ๕ ปี รวมวงเงินที่จะขอรับการจัดสรรเงินงบประมาณทั้งสิ้นเท่ากับ ๖๙๐,๐๓๓,๕๐๐ บาท รวมทั้งมอบหมาย สพพ. ดำเนินการกู้เงิน จำนวน ๖๙๐,๐๓๓,๕๐๐ บาท ตามรูปแบบและเงื่อนไขที่กำหนด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยในกรณีที่ สปป.ลาว ผิดนัดชำระหนี้ ให้กระทรวงการคลัง โดย สพพ. พิจารณาใช้เงินสะสมของหน่วยงานในการชำระต้นเงินและดอกเบี้ยคืนแหล่งเงินกู้เป็นลำดับแรกก่อน รวมทั้งให้เร่งบรรจุวงเงินกู้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ และขอจัดสรรงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวงควรเร่งประสานกับ สปป.ลาว ในการจัดทำแผนปฏิบัติการในการดำเนินโครงการดังกล่าว โดยให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง เช่น การส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างเพื่อให้สามารถดำเนินโครงการและเปิดใช้งานได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในปี ๒๕๖๖ ต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคม โดย สพพ. ดำเนินการติดตามสภาวะเศรษฐกิจและประเมินความเสี่ยงด้านความสามารถในการชำระหนี้ของ สปป.ลาว อย่างใกล้ชิด และรายงานให้คณะกรรมการบริหาร สพพ. ทราบเป็นระยะ ๆ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1102 | รายงานผลการดำเนินการตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ 2562 | กค | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๒ ประกอบด้วย (๑) รายงานการกู้เงินและการค้ำประกันที่กระทำในปีงบประมาณที่ล่วงมาแล้ว และรายงานสถานะหนี้สาธารณะ และ (๒) รายงานผลการประเมินความสำเร็จของโครงการหรือแผนงานที่ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอรัฐสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1103 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีสำหรับการบริจาคให้แก่สถานศึกษาที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทยตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับทบวงการชำนัญพิเศษแห่งสหประชาชาติ) | กค | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีสำหรับการบริจาคให้แก่สถานศึกษาที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทยตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับทบวงการชำนัญพิเศษแห่งสหประชาชาติ) ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร สำหรับการบริจาคให้แก่สถานศึกษาที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทยตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับทบวงการชำนัญพิเศษแห่งสหประชาชาติ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๒ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1104 | การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา สำหรับโครงการพัฒนาเมืองภายใต้ระเบียงเศรษฐกิจอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ระยะที่ 3 ในส่วนของเมืองเมียวดี (การปรับปรุงระบบน้ำประปา และการพัฒนาระบบบริหารจัดการขยะ) | กค | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) ดำเนินการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการพัฒนาเมืองภายใต้ระเบียงเศรษฐกิจอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ระยะที่ ๓ ในส่วนของเมืองเมียวดี (การปรับปรุงระบบน้ำประปา และการพัฒนาระบบบริหารจัดการขยะ) (โครงการพัฒนาเมืองเมียวดีฯ) ในรูปแบบเงินกู้เงื่อนไขผ่อนปรนทั้งจำนวน วงเงินรวม ๗๗๗,๗๗๐,๐๐๐ บาท รวมทั้งอนุมัติให้สำนักงบประมาณจัดสรรเงินงบประมาณแผ่นดินเป็นรายปี โดยเริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๖ รวมระยะเวลา ๓ ปี รวมวงเงินที่จะขอรับการจัดสรรเงินงบประมาณทั้งสิ้นเท่ากับ ๓๘๘,๘๘๕,๐๐๐ บาท และมอบหมาย สพพ. ดำเนินการกู้เงินจำนวน ๓๘๘,๘๘๕,๐๐๐ บาท ตามรูปแบบและเงื่อนไขที่กำหนด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ในกรณีที่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาผิดนัดชำระหนี้ ให้กระทรวงการคลัง โดย สพพ. พิจารณาใช้เงินสะสมของหน่วยงานในการชำระต้นเงินและดอกเบี้ยคืนแหล่งเงินกู้เป็นลำดับแรก ๒. ให้กระทรวงการคลัง โดย สพพ. รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมพิจารณาประเด็นเศรษฐกิจควบคู่ไปกับประเด็นความมั่นคงอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะการให้ความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาบริเวณพื้นที่ชายแดนที่สองประเทศมีประเด็นท้าทายร่วมกัน เช่น ปัญหาเขตแดน การลักลอบเข้าเมืองและค้ามนุษย์ การลักลอบและค้ายาเสพติด การสร้างสิ่งปลูกสร้างบริเวณเกาะแก่งต่าง ๆ กลางแม่น้ำเมย การรุกล้ำของประชาชน การสร้างเพิงขายของริมตลิ่งแม่น้ำเมย เป็นต้น เพื่อส่งเสริมชายแดนแห่งสันติภาพที่สงบสุข การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาที่ยั่งยืนร่วมกัน และเห็นควรให้ความสำคัญพร้อมทั้งกำหนดแนวทางและวิธีการบริหารจัดการความเสี่ยงอันเนื่องมาจากการให้กู้ยืมแก่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาภายใต้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของโลก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลัง โดย สพพ. เร่งรัดบรรจุวงเงินกู้ดังกล่าวในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓ และขอจัดสรรงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1105 | เป้าหมายของนโยบายการเงิน ประจำปี 2563 | กค | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเป้าหมายของนโยบายการเงิน ประจำปี ๒๕๖๓ พร้อมข้อตกลงร่วมกันระหว่างคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในการกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินสำหรับระยะปานกลาง และเป้าหมายสำหรับปี ๒๕๖๓ ซึ่งกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินไว้ที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วงร้อยละ ๑-๓ และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า หากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเคลื่อนไหวอยู่นอกกรอบเป้าหมาย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นสำหรับการบริโภคและการลงทุน เห็นควรให้ กนง. เร่งพิจารณาหาแนวทางแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าวและรายงานผลการดำเนินการต่อคณะรัฐมนตรี รวมทั้งสร้างการรับรู้ให้กับสาธารณชนถึงแนวทางในการแก้ไขให้สอดคล้องกับสถานการณ์ต่อไป นอกจากนี้ กนง. ควรให้ความสำคัญกับการดำเนินนโยบายเพื่อให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมายของนโยบายการเงินและปรับตัวเข้าสู่ค่ากลางของกรอบเป้าหมายได้อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนควรติดตามและประเมินสถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาดำเนินการร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทยในการจัดตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจและเสนอมาตรการที่เหมาะสม เพื่อให้การดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายการเงินและการคลังเป็นไปอย่างมีเอกภาพมากยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1106 | แผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2564-2567) | กค | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ ๒๕๖๔-๒๕๖๗) เพื่อให้หน่วยงานของรัฐนำไปใช้ประกอบการพิจารณาในการจัดเก็บหรือหารายได้ การจัดทำงบประมาณ และการก่อหนี้ของหน่วยงานของรัฐ ตามมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป ซึ่งประกอบด้วยมาตรการ ๓ ด้าน ได้แก่ (๑) มาตรการด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณ เช่น ให้สำนักงบประมาณควบคุมรายจ่ายประจำ โดยเฉพาะรายจ่ายด้านบุคลากร เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายจ่ายลงทุนต่อวงเงินงบประมาณรายจ่าย เป็นต้น (๒) มาตรการด้านการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล เช่น ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิรูปการจัดเก็บรายได้ทั้งระบบ โดยนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้ ผลักดันการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ประกอบการอิเล็กทรอนิกส์ (e-Business) ในต่างประเทศ เป็นต้น และ (๓) มาตรการด้านการรักษาวินัยในการบริหารหนี้สาธารณะให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดสรรงบประมาณชำระต้นเงินกู้เพื่อลดความเสี่ยงทางการคลังและภาระดอกเบี้ย ซึ่งอาจเป็นข้อจำกัดในการบริหารรายจ่ายประจำในอนาคตได้ ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐเสนอ ๒. ให้คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น ควรให้ความสำคัญเพิ่มเติมกับการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ การขยายฐานการจัดเก็บภาษีอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี และการลดข้อจำกัดในการบริหารรายจ่ายในอนาคตที่มาจากการเพิ่มขึ้นของภาระดอกเบี้ยจ่าย โดยการพิจารณาจัดสรรงบประมาณชำระต้นเงินกู้เพิ่มขึ้น เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1107 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายธิบดี วัฒนกุล และนายวรวรรธน์ ภิญโญ) | กค | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่ตำแหน่งว่างเนื่องจากผู้ครองตำแหน่งเดิมเกษียณอายุราชการ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายธิบดี วัฒนกุล ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพสามิต ๒. นายวรวรรธน์ ภิญโญ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางสรรพสามิต (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพสามิต
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1108 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (R-Bill) ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2562 | กค | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (R-Bill) ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ครั้งที่ ๒ รวมทั้งออกประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับผลการกู้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวเพื่อนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1109 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [ขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการดำเนินธุรกิจของ SMEs (มาตรการพี่ช่วยน้อง)] | กค | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [ขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการดำเนินธุรกิจของ SMEs (มาตรการพี่ช่วยน้อง)] ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นขยายระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีตามมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) (มาตรการพี่ช่วยน้อง) ออกไปอีก ๒ ปี จากเดิมสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ เพื่อเป็นการส่งเสริมการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ SMEs อย่างต่อเนื่อง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1110 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงินชดเชยตามมาตรการส่งเสริมการชำระเงินเพื่อซื้อสินค้าและบริการ และการนำส่งข้อมูลภาษีมูลค่าเพิ่มผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์) | กค | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงินชดเชยตามมาตรการส่งเสริมการชำระเงินเพื่อซื้อสินค้าและบริการ และการนำส่งข้อมูลภาษีมูลค่าเพิ่มผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์) ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้เงินชดเชยตามมาตรการส่งเสริมการชำระเงินด้วยบัตรเดบิตหรือวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์อื่น เพื่อซื้อสินค้าหรือรับบริการในราชอาณาจักรจากผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และได้มีการนำส่งข้อมูลภาษีมูลค่าเพิ่มจากการซื้อสินค้าหรือรับบริการดังกล่าวให้กรมสรรพากรผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยเงินชดเชยดังกล่าวต้องมีจำนวนไม่เกินหนึ่งพันบาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1111 | รายงานผลการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ประจำปีบัญชี 2561 | กค | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ประจำปีบัญชี ๒๕๖๑ ซึ่งคณะกรรมการประเมินผลงานรัฐวิสาหกิจ ในคราวประชุมครั้งที่ ๖/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๒ และในคราวประชุมครั้งที่ ๗/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๒ มีมติเห็นชอบด้วยแล้ว โดยในปีบัญชี ๒๕๖๑ มีรัฐวิสาหกิจที่อยู่ในระบบประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจทั้งสิ้น จำนวน ๕๔ แห่ง ประกอบด้วย ๒ ส่วน คือ (๑) ระบบการบริหารจัดการองค์กร จำนวน ๒๑ แห่ง รัฐวิสาหกิจมีคะแนนเฉลี่ยที่ ๓.๑๑๓๖ คะแนน ซึ่งเพิ่มขึ้น ๐.๐๔๑๖ คะแนน เมื่อเปรียบเทียบกับปี ๒๕๖๐ และ (๒) ระบบการประเมินคุณภาพรัฐวิสาหกิจ จำนวน ๓๓ แห่ง รัฐวิสาหกิจมีคะแนนเฉลี่ยที่ ๓.๘๙๕๓ คะแนน ซึ่งเพิ่มขึ้น ๐.๐๓๕๔ คะแนน เมื่อเปรียบเทียบกับปี ๒๕๖๐ โดยคณะกรรมการประเมินผลงานรัฐวิสาหกิจได้มีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะจากการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ประจำปีบัญชี ๒๕๖๑ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ เช่น การเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม การปรับองค์กรให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี และการบูรณาการดำเนินงานระหว่างรัฐวิสาหกิจ เป็นต้น และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะดังกล่าวอย่างเคร่งครัดต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น การปรับปรุงกระบวนการให้สินเชื่อให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและการติดตามดูแลคุณภาพสินเชื่ออย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกัน แก้ไขปัญหา และควบคุมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมต่อฐานะและผลการดำเนินงาน และการนำเทคโนโลยีมาใช้ควบคู่กับการบริหารจัดการความเสี่ยง รวมทั้งใช้ประโยชน์จากข้อมูลเพื่อพัฒนาบริการ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1112 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน โดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ ในท้องที่ตำบลเขาพระงาม อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี พ.ศ. .... | กค | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ ในท้องที่ตำบลเขาพระงาม อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ ในท้องที่ตำบลเขาพระงาม อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี บางส่วน เพื่อมอบหมายให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยที่ราชพัสดุต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1113 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน โดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ ในท้องที่แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... | กค | 17/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ ในท้องที่แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท.๑๕๑๔ เฉพาะในส่วนของที่ราชพัสดุ โฉนดที่ดินเลขที่ ๒๑๓๓๑๖ เลขที่ดิน ๕๘ เนื้อที่ประมาณ ๒ ไร่ ๑๙ ตารางวา ในท้องที่แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร เพื่อโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย เพื่อใช้ในการก่อสร้างทางพิเศษ สายรามอินทรา-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1114 | รายงานการรับจ่ายเงินงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 | กค | 17/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการรับจ่ายเงินงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ระหว่างวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๑-๓๐ กันยาย ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอต่อรัฐสภาต่อไป สรุปได้ ดังนี้
๑. รายรับประเภทรายได้แผ่นดินมีการประมาณการจัดเก็บรายได้ทั้งสิ้น ๒.๕๕๐ ล้านล้านบาท ซึ่งมีการจัดเก็บรายรับจริงเข้าคงคลัง ๒.๕๓๗ ล้านล้านบาท อย่างไรก็ดี รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้จากรัฐพาณิชย์และรายได้อื่นสูงกว่าประมาณการ จึงทำให้รายรับที่มาจากรายได้แผ่นดินต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ ๐.๐๑๓ ล้านล้านบาท สำหรับรายรับประเภทเงินกู้ที่ได้ประมาณการไว้ที่ ๐.๔๕๐ ล้านล้านบาท แต่มีการกู้เงินจริง ๐.๓๖๓ ล้านล้านบาท ๒. รายจ่าย มีการประมาณการประเภทรายจ่ายงบประมาณไว้ ๒.๙๒๒ ล้านล้านบาท แต่มีการเบิกจ่ายจริงและกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี ๒.๙๑๒ ล้านล้านบาท ทั้งนี้ งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไม่มีรายการรายจ่ายตามกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง ๓. ดุลของงบประมาณประจำปี เมื่อเปรียบเทียบรายได้แผ่นดินที่นำส่งคลังกับยอดรวมรายจ่ายประจำปี พบว่า รายได้แผ่นดินต่ำกว่ารายจ่ายตามงบประมาณ ๐.๒๔๖ ล้านล้านบาท (ต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ ๐.๐๑๑ ล้านล้านบาท) และยอดรวมของรายรับต่ำกว่ารายจ่ายตามงบประมาณ ๐.๐๗๖ ล้านล้านบาท ๔. ดุลการรับ-จ่ายเงิน เมื่อเปรียบเทียบประมาณการรายรับและประมาณการรายจ่ายทั้งสิ้นกับรายรับและรายจ่ายทั้งสิ้นที่เกิดขึ้นจริง ยอดรวมของรายจ่ายทั้งสิ้น (รายจ่ายตามงบประมาณและรายจ่ายจากเงินกันไว้เหลื่อมปี) คือ ๓.๓๐๖ ล้านล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ ๐.๐๖๕ ล้านล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1115 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาระบบสถาบันการเงินประชาชน (จำนวน 7 คน 1. นายมรกต พิธรัตน์ ฯลฯ) | กค | 17/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาระบบสถาบันการเงินประชาชน จำนวน ๗ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายมรกต พิธรัตน์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินระดับชุมชน ๒. นายสุพัฒน์ เอี้ยวฉาย เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการพัฒนาชุมชน ๓. นายนิพนธ์ ฮะกีมี เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๔. นายนรินทร์ กัลยาณมิตร เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐกิจ การเงิน หรือการคลัง ๕. นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบัญชี ๖. นายสุรพล โอภาสเสถียร เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารความเสี่ยงหรือการประกันภัย ๗. นายผยง ศรีวณิช เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1116 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน พ.ศ. .... | กค | 17/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน เช่น การส่งเสริมและพัฒนาด้านการเกษตร วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และผู้ด้อยโอกาส การส่งเสริมการเรียนการสอน การส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา หรือการให้บริการทางการศึกษา การส่งเสริมนวัตกรรม การส่งเสริมสุขภาพและสาธารณสุข การส่งเสริมความมั่นคงด้านพลังงานและทรัพยากรธรรมชาติ และการส่งเสริมความมั่นคงด้านความปลอดภัยทางอาหารและสินค้าเกษตร เป็นต้น โดยให้หน่วยงานของรัฐจัดซื้อจัดจ้างพัสดุดังกล่าวโดยวิธีคัดเลือกหรือวิธีเฉพาะเจาะจง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1117 | ขอเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์การใช้งบประมาณภายใต้มาตรการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ "ชิมช้อปใช้" | กค | 17/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์การใช้งบประมาณ จากวงเงินสิทธิ์ในการซื้อสินค้าและบริการจากผู้ประกอบการร้านค้าที่เข้าร่วมมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ และมาตรการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ “ชิมช้อปใช้” g-Wallet ช่อง ๑ คงเหลือจำนวน ๒๖๒,๐๐๓,๐๐๐ บาท เป็นเงินชดเชยค่าสินค้าและบริการผ่าน g-Wallet ช่อง ๒ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1118 | รายงานสัดส่วนหนี้สาธารณะ และรายงานสถานะหนี้สาธารณะ หนี้ภาครัฐ และความเสี่ยงทางการคลัง ตามมาตรา 51 และมาตรา 76 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ณ สิ้นเดือนกันยายน 2562 | กค | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสัดส่วนหนี้สาธารณะ ตามมาตรา ๕๑ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ณ สิ้นเดือนกันยายน ๒๕๖๒ และรายงานสถานะหนี้สาธารณะ หนี้ภาครัฐ และความเสี่ยงทางการคลัง ตามมาตรา ๗๖ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ณ สิ้นเดือนกันยายน ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รายงานตามมาตรา ๕๑ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ สัดส่วนหนี้ที่เกิดขึ้นจริงในรอบหกเดือนที่ผ่านมา (เดือนมีนาคม-กันยายน ๒๕๖๒) ยังคงอยู่ภายใต้กรอบการบริหารหนี้สาธารณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐกำหนด ๒. รายงานตามมาตรา ๗๖ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ประกอบด้วยข้อมูล (๑) รายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนกันยายน ๒๕๖๒ (๒) รายงานสถานะหนี้เงินกู้คงค้าง ณ สิ้นเดือนกันยายน ๒๕๖๒ ของหน่วยงานของรัฐ และ (๓) รายงานความเสี่ยงทางการคลัง โดยเป็นการวิเคราะห์ความเสี่ยงทางการคลังที่เกิดจากหนี้สาธารณะตาม (๑) และหนี้เงินกู้ของหน่วยงานของรัฐตาม (๒) ที่มีผลกระทบหรืออาจมีผลกระทบต่อภาระทางการคลัง หรือเงินงบประมาณแผ่นดิน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1119 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายเกรียงศักดิ์ ประสงค์สุกาญจน์ และ นางสมหมาย ศิริอุดมเศรษฐ) | กค | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่ตำแหน่งว่างเนื่องจากผู้ครองตำแหน่งเดิมเกษียณอายุราชการ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายเกรียงศักดิ์ ประสงค์สุกาญจน์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพากร ๒. นางสมหมาย ศิริอุดมเศรษฐ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี (กลุ่มธุรกิจพลังงาน) (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพากร
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1120 | การดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีสำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 2562 | กค | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินลดภาระการผ่อนดาวน์ที่ได้รับจากมาตรการลดภาระการซื้อที่อยู่อาศัย ภายใต้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี ๒๕๖๒) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวและอนุมัติงบประมาณ ดังนี้ ๒.๑ อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔ และปีต่อ ๆ ไป เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการสนับสนุนต้นทุนการผลิตให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๖๒/๖๓ ในส่วนเพิ่มเติม จำนวน ๒,๖๖๗.๓๕ ล้านบาท ๒.๒ อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔ และปีต่อ ๆ ไป เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว ปีการผลิต ๒๕๖๒/๖๓ จำนวน ๒๖,๔๕๘.๘๙ ล้านบาท ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอเพิ่มเติม และให้กระทรวงการคลังแจ้งคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติเกี่ยวกับการปรับลดกรอบวงเงินดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดทำระบบหรือกลไกในการตรวจสอบที่มีมาตรฐานเพื่อให้สามารถรวบรวมข้อมูลได้อย่างถูกต้อง ทันต่อสถานการณ์ มีความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ ทั้งในส่วนของข้อมูลด้านการลงทะเบียนเกษตรกร จำนวนเกษตรกร ปริมาณผลผลิตต่อไร่ จำนวนพื้นที่เพาะปลูก รวมถึงการจัดทำประมาณการต้นทุนทางการเงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่ถูกต้องอย่างเหมาะสม ตลอดจนจัดให้มีระบบการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ และประโยชน์ที่ทางราชการและเกษตรกรจะได้รับจากการดำเนินโครงการฯ เพื่อให้มีข้อมูลในการบริหารงานอย่างถูกต้องครบถ้วน สำหรับใช้ประกอบการกำหนดนโยบายของภาครัฐที่เหมาะสมและยั่งยืนต่อไป นอกจากนี้ เห็นควรให้ ธ.ก.ส. ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณเป็นรายปีตามความเหมาะสมและความจำเป็น และดำเนินการให้เป็นไปตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๔. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
