ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | มาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID-19) ชุดที่ 1 | กค | 10/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เพื่อให้มาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID-19) มีความครอบคลุมมากยิ่งขึ้นและสามารถสื่อสารกับสาธารณชนได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้นด้วย จึงเห็นควรปรับเปลี่ยนชื่อมาตรการ จากเดิม “มาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID-19) ชุดที่ ๑” เป็น “มาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID-19) ต่อเศรษฐกิจไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม ระยะที่ ๑” และตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอขอปรับถ้อยคำของมาตรการบรรเทาภาระจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ภายใต้มาตรการช่วยเหลืออื่น ๆ จากเดิม “คืนค่าประกันมิเตอร์” เป็น “คืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้า” ๒. รับทราบและเห็นชอบมาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID-19) ต่อเศรษฐกิจไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม ระยะที่ ๑ ดังนี้ ๒.๑ มาตรการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ หรือโควิด ๑๙ เห็นชอบในหลักการให้มีการจัดเตรียมงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในวงเงิน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ หรือโควิด ๑๙ โดยให้กระทรวงการคลังดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๓ [เรื่อง มาตรการด้านการงบประมาณเพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) และสถานการณ์ภัยแล้ง] ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.๒ มาตรการด้านภาษี ๒.๒.๑ เห็นชอบในหลักการมาตรการด้านภาษี จำนวน ๔ มาตรการ ได้แก่ (๑) มาตรการคืนสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการในประเทศ (๒) มาตรการภาษีเพื่อลดภาระดอกเบี้ยจ่ายของผู้ประกอบการ (๓) มาตรการส่งเสริมเสถียรภาพของการจ้างงานในสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 และ (๔) มาตรการเร่งคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ประกอบการภายในประเทศ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒.๒.๒ อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยภาษีเงินได้ จำนวน ๑ ฉบับ (มาตรการคืนสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการในประเทศ) และร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จำนวน ๒ ฉบับ (มาตรการภาษีเพื่อลดภาระดอกเบี้ยจ่ายของผู้ประกอบการ และมาตรการส่งเสริมเสถียรภาพของการจ้างงานในสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19) รวม ๓ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.๓ มาตรการด้านการเงิน ๒.๓.๑ เห็นชอบมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้ธนาคารออมสินสนับสนุนเงินทุนดอกเบี้ยต่ำวงเงินรวม ๑๕๐,๐๐๐ ล้านบาท ให้แก่สถาบันการเงินและสำนักงานธนานุเคราะห์ โดยคิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๐.๐๑ ต่อปี และให้สถาบันการเงินให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการในอัตราร้อยละ ๒ ต่อปี ระยะเวลา ๒ ปี วงเงินสินเชื่อสูงสุดต่อรายไม่เกิน ๒๐ ล้านบาท และรัฐบาลชดเชยต้นเงินทุนแก่ธนาคารออมสินในอัตราร้อยละ ๒.๕ ต่อปี ภายในกรอบวงเงินงบประมาณรวม ๗,๕๐๐ ล้านบาท ทั้งนี้ ให้ธนาคารออมสินจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ และปีต่อ ๆ ไป ตามผลการดำเนินงานจริง โดยให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๒ (เรื่อง แนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔) และให้ถือเป็นส่วนหนึ่งของคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ของธนาคารออมสินด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.๓.๒ รับทราบมาตรการด้านการเงิน จำนวน ๓ มาตรการ ได้แก่ (๑) มาตรการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงานของสำนักงานประกันสังคม (๒) มาตรการพักต้นเงินลดดอกเบี้ยและขยายระยะเวลาชำระหนี้แก่ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID-19) ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ และ (๓) มาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒.๒.๓ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไปให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด รวมทั้งรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรดำเนินการด้วยความรอบคอบ โปร่งใส และระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบทางการเงิน อันจะก่อให้เกิดภาระต่อรัฐบาลในอนาคตไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย ๒.๔ มาตรการบรรเทาค่าครองชีพแก่ประชาชนจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ให้ถอนมาตรการดังกล่าวออกไปก่อน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒.๕ มาตรการสร้างความเชื่อมั่นในระบบตลาดทุน ๒.๕.๑ เห็นชอบในหลักการมาตรการสร้างความเชื่อมั่นในระบบตลาดทุน โดยให้ประชาชนทั่วไปสามารถหักลดหย่อนค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออม (Super Saving Fund หรือ SSF) ที่มีนโยบายการลงทุนในหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยไม่น้อยกว่าร้อยละ ๖๕ ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (Net Asset Value หรือ NAV) ได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท โดยแยกต่างหากจากวงเงินหักลดหย่อนค่าซื้อหน่วยลงทุนใน SSF กรณีปกติ และไม่อยู่ภายใต้เพดานวงเงินหักลดหย่อนรวมของเงินสะสม เงินสมทบหรือค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนเพื่อการเกษียณอายุทั้งหมด ทั้งนี้ ผู้ใช้สิทธิหักลดหย่อนตามมาตรการนี้จะต้องซื้อหน่วยลงทุนใน SSF ระหว่างวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๓ และต้องถือหน่วยลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า ๑๐ ปี และต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขอื่น ๆ ที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด ๒.๕.๒ ให้กระทรวงการคลัง (กรมสรรพากร) เร่งรัดการจัดทำร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการสร้างความเชื่อมั่นในระบบตลาดทุน) เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยด่วนต่อไป ๒.๖ มาตรการช่วยเหลืออื่น ๆ รับทราบมาตรการช่วยเหลืออื่น ๆ ได้แก่ (๑) มาตรการบรรเทาภาระค่าธรรมเนียม ค่าเช่า ค่าตอบแทนในการให้บริการของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ (๒) มาตรการบรรเทาภาระการจ่ายค่าน้ำค่าไฟ (๓) มาตรการลดเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมของนายจ้างและลูกจ้าง และ (๔) มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไปให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด รวมทั้งรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมที่เห็นว่า มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ควรพิจารณาออกกฎกระทรวงการคลังเพื่อกำหนดให้การจัดซื้อจัดจ้างพัสดุในวงเงินไม่เกินสองล้านบาท ให้กระทำได้โดยวิธีคัดเลือกตามมาตรา ๕๖ (๑) (ซ) หรือวิธีเฉพาะเจาะจง ตามมาตรา ๕๖ (๒) (ซ) แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ในห้วงเวลานับถัดจากวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติจนถึงเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๓ เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ตามมาตรการดังกล่าวที่ระบุให้หน่วยงานเร่งดำเนินการเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุนปีเดียวที่เป็นการจัดหาพัสดุที่มีวงเงินต่อรายการไม่เกินสองล้านบาท ให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๓ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.๗ การจัดตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนของกระทรวงการคลัง รับทราบการจัดตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนของกระทรวงการคลัง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๓. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ และความเห็นของกระทรวงคมนาคมและธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควร (๑) สร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานการดำเนินงานตามมาตรการดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดเวลาดำเนินการ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง (๒) วางแผนและประเมินผลกระทบภายใต้สถานการณ์จำลองต่าง ๆ (Scenario Planning) โดยเฉพาะกรณีที่มีการระบาดในระยะที่ ๓ เพื่อให้มีมาตรการเชิงรุกและงบประมาณในการรับมืออย่างเพียงพอ และออกมาตรการชุดต่าง ๆ โดยพิจารณาถึงประสิทธิผลและความคุ้มค่าของงบประมาณ รวมถึงมีกระบวนการในการดำเนินงาน และประเมินผลของมาตรการอย่างชัดเจน และ (๓) ให้ความสำคัญกับการสื่อสารกับประชาชน เพื่อสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นต่อแนวทางการรับมือกับ COVID-19 ว่าจะมีมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องและ
|
.....