ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 55 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 1081 - 1100 จากข้อมูลทั้งหมด 9659 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1081 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... (การปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2554) | กค | 11/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยปรับปรุงขั้นตอนและวิธีการพิจารณาการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจให้สอดคล้องกับบริบทและสถานการณ์ในปัจจุบัน รวมทั้งเพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติขอพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น (๑) คำนิยามคำว่า “เงินอุดหนุน” ควรระบุว่าแหล่งเงินที่ใช้ในการอุดหนุนจะมาจากแหล่งใด เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการจัดทำข้อเสนอขอรับเงินอุดหนุนของรัฐวิสาหกิจต่อไป และ (๒) การปรับปรุงบทนิยามคำว่า “บริการสาธารณะ” ซึ่งอาจทำให้รัฐวิสาหกิจทุกแห่งสามารถขอรับการอุดหนุนทางการเงินได้ อาจส่งผลให้รัฐมีภาระการอุดหนุนงบประมาณ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น (๑) การให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ ควรคำนึงถึงศักยภาพและความสามารถในการบริหารของรัฐวิสาหกิจ และควรมีการกำกับและประเมินผลการจัดทำบริการสาธารณะที่ได้รับเงินอุดหนุนตลอดระยะเวลาของการให้เงินอุดหนุน เพื่อไม่ให้เกิดภาระงบประมาณที่เพิ่มมากขึ้นในอนาคต และ (๒) ควรให้รัฐวิสาหกิจจัดทำข้อเสนอแนะการขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะในระยะยาว โดยพิจารณากำหนดขอบเขตของรอบระยะเวลาการขอรับเงินอุดหนุนสำหรับการดำเนินงานในลักษณะดังกล่าวเพื่อให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1082 | การกำหนดเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่น ตามพระราชบัญญัติมาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ. 2562 | กค | 11/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการกำหนดเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่นให้แก่ประธานกรรมการ กรรมการในคณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรม และประธานอนุกรรมการ อนุกรรมการที่แต่งตั้งโดยคณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ การกำหนดอัตราเบี้ยประชุมของรองประธานกรรมการในคณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรม ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงาน ก.พ. โดยเห็นควรพิจารณาให้สอดคล้องกับแนวทางการกำหนดอัตราเบี้ยประชุมตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเคยพิจารณากำหนดให้รองประธานกรรมการในคณะกรรมการอื่นได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือนอัตราไม่เกิน ๙,๐๐๐ บาทต่อคนต่อเดือน ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเห็นชอบด้วยแล้ว สำหรับภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการดังกล่าว ให้สำนักงาน ก.พ. ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน หรือที่ได้รับเงินจัดสรรตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ส่วนค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดจำนวนคณะอนุกรรมการ องค์ประกอบของคณะอนุกรรมการแต่ละคณะ และจำนวนครั้งของการประชุมรายปีของคณะอนุกรรมการแต่ละคณะ ควรพิจารณาความเหมาะสมและความจำเป็น รวมทั้งสอดคล้องกับแนวทางการบริหารงบประมาณที่ไม่ทำให้เกิดภาระงบประมาณ และขอให้เป็นไปเพื่อความคุ้มค่าและประโยชน์ราชการเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1083 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรสำหรับอุตสาหกรรม 4.0) | กค | 11/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในส่วนที่จ่ายไปเพื่อทรัพย์สินที่บริจาคให้แก่ศูนย์ส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรสำหรับอุตสาหกรรม ๔.๐ เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรม ๔.๐ ที่สถานศึกษาของรัฐหรือโรงเรียนเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชนจัดตั้งขึ้น สำหรับการบริจาคที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ แต่ไม่รวมถึงโรงเรียนนอกระบบตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน หรือสถาบันอุดมศึกษาเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาเพิ่มบทนิยามคำว่า “อุตสาหกรรม ๔.๐” เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ชัดเจนยิ่งขึ้น และควรมีการเผยแพร่ข้อมูลของศูนย์ฯ เพื่อประกอบการตัดสินใจของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในการบริจาคทรัพย์สิน ตลอดจนควรมีการวิเคราะห์ผลการดำเนินงานของศูนย์ฯ ที่ได้รับการบริจาคทรัพย์สินภายใต้มาตรการดังกล่าว เพื่อสร้างฐานข้อมูลอันเป็นประโยชน์ต่อการจัดทำมาตรการส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรสำหรับอุตสาหกรรม ๔.๐ ในอนาคต ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1084 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวเกตสุดา สุประดิษฐ์) | กค | 11/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวเกตสุดา สุประดิษฐ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (เศรษฐกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1085 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจ้างงานผู้พ้นโทษเข้าทำงาน) | กค | 04/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล เป็นจำนวนร้อยละห้าสิบของรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างงานผู้พ้นโทษที่ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำเป็นระยะเวลาไม่เกิน ๓ ปี นับแต่วันที่ได้รับการปล่อยตัวเข้าทำงาน เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน ๑๕,๐๐๐ บาทต่อคนต่อเดือน ในรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งควรมีหน่วยงานทำหน้าที่คัดกรองและให้ใบรับรองผู้พ้นโทษที่มีความประพฤติดี เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการ และสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1086 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายชาญวิทย์ นาคบุรี) | กค | 04/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายชาญวิทย์ นาคบุรี ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการประเมินผลรัฐวิสาหกิจ (นักวิเคราะห์รัฐวิสาหกิจทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่ผู้ครองตำแหน่งอยู่เดิมเกษียณอายุราชการ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1087 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ในประเทศของรัฐบาลที่ดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 | กค | 04/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ในประเทศของรัฐบาลที่ดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ซี่งกระทรวงการคลังได้กู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะที่มีระยะเวลาการชำระหนี้เกิน ๑๒ เดือน จำนวนรวม ๓๙๑,๔๘๙.๘๒ ล้านบาท แบ่งการกู้เงินเป็น ๔ ประเภท รวมทั้งได้ดำเนินการออกประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะ จำนวน ๒๒ ฉบับ และลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ดังนี้
๑. การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ/เมื่อรายจ่ายสูงกว่ารายได้และการบริหารหนี้ จำนวน ๒๘๗,๖๓๐.๐๐ ล้านบาท ๒. การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. ๒๕๔๑ จำนวน ๓๕,๗๓๒.๐๐ ล้านบาท ๓. การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ จำนวน ๑๗,๖๘๒.๐๐ ล้านบาท ๔. การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้มาเพื่อให้กู้ต่อ จำนวน ๕๐.๔๔๕.๘๒ ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1088 | มาตรการการเงินการคลังเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อภาคธุรกิจการท่องเที่ยว ปี 2563 | กค | 04/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมาตรการด้านการเงิน ประกอบด้วย (๑) มาตรการสินเชื่อ และ (๒) มาตรการการขยายเวลาการชำระหนี้และค่าธรรมเนียม และการขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามประมวลรัษฎากร ภ.ง.ด. ๙๐ และ ภ.ง.ด. ๙๑ เพื่อช่วยเหลือผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ประกอบกับการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่อาจส่งผลต่อสภาวะเศรษฐกิจของไทย โดยขยายระยะเวลา ๓ เดือน (ภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๖๓) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. เห็นชอบมาตรการด้านภาษี จำนวน ๓ มาตรการ ได้แก่ (๑) มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ (๒) มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงกิจการโรงแรม และ (๓) มาตรการลดอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินไอพ่น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป ๓. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จำนวน ๒ ฉบับ และร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จำนวน ๑ ฉบับ เพื่อรองรับมาตรการลดอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินไอพ่น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๔. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการดำเนินมาตรการด้านภาษีดังกล่าว ควรให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวและการกระจายรายได้ไปสู่พื้นที่เมืองรอง รวมถึงการสนับสนุนผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมตามนโยบายของรัฐบาล รวมทั้งควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๕. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1089 | ขออนุมัติโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย | กค | 28/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ตามที่คณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนเสนอ และให้กระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา ๓๖ แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. ๒๕๖๒ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ สำนักงานอัยการสูงสุด และสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น รฟม. การเร่งดำเนินการปรับปรุงแก้รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้แล้วเสร็จโดยเร็ว การดำเนินโครงการฯ จะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยยึดถือผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ การกำหนดรูปแบบการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนในโครงการฯ ต้องมีความเหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุด การพิจารณาความเหมาะสมในการจำกัดอัตราค่าโดยสารสูงสุดของโครงการฯ กำหนดเงื่อนไขร่างขอบเขตการดำเนินงาน (TOR) ให้มีการจัดหารถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นตามปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น และการดำเนินโครงการฯ ไม่ควรใช้เงินกู้เป็นเงินร่วมลงทุนเพราะจะทำให้เกิดดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ยของเอกชน โดยเห็นควรให้ใช้รูปแบบการลงทุนที่ภาครัฐลงทุนค่าก่อสร้างงานโยธาเองเนื่องจากมีต้นทุนทางการเงินที่ต่ำกว่ากรณีให้เอกชนร่วมลงทุนงานโยธา เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ ในส่วนของค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและค่าสำรวจอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งการสนับสนุนค่างานโยธาให้เอกชน ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. อนุมัติให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟม. ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ (เรื่อง การปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง) ๓. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟม. เร่งรัดการดำเนินการจัดทำร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเวนคืนของโครงการฯ ส่วนตะวันตก ให้แล้วเสร็จและนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนโดยเร็ว และดำเนินกระบวนการคัดเลือกเอกชนที่จะเข้ามาร่วมลงทุนในโครงการฯ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และเร่งรัดการดำเนินการก่อสร้างโครงการฯ ส่วนตะวันตก รวมทั้งจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในกรณีการเปิดให้บริการโครงการฯ ล่าข้า (Time Overrun) และความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในกรณีที่รัฐอาจจะต้องจ่ายค่าใช้จ่ายในการดูแลงานที่แล้วเสร็จ (Care of Work) ของโครงการฯ ส่วนตะวันออก เนื่องจากไม่สามารถเปิดให้บริการได้ทันตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ ๔. ให้สำนักงบประมาณรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแผนการบริหารจัดการงบประมาณเพื่อการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในภาพรวมให้เหมาะสม โดยคำนึงถึงความจำเป็นในการจัดสรรงบประมาณอย่างเพียงพอเพื่อชำระคืนค่างานโยธาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต สำหรับโครงการร่วมลงทุนที่คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติอนุมัติไว้แล้ว เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง เป็นต้น เนื่องจากภาครัฐจะต้องจัดสรรงบประมาณเพื่อชำระคืนค่างานโยธาของโครงการเหล่านี้ให้แก่เอกชนในห้วงระยะเวลาที่คาบเกี่ยวกัน รวมทั้งให้พิจารณาหาแหล่งเงินทุนอื่น ๆ ที่เหมาะสมเพื่อรองรับการดำเนินโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ในอนาคตเพื่อช่วยลดภาระงบประมาณภาครัฐด้วย ๕. ในการดำเนินการใด ๆ ในทุกขั้นตอน ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟม. กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติให้ถูกต้องเป็นไปตามข้อกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1090 | มาตรการการเงินการคลังเพื่อสนับสนุนการลงทุนในประเทศ ปี 2563 | กค | 28/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการกำหนดค่าตอบแทนกรรมการในคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และคณะอนุกรรมการที่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจแต่งตั้ง โดยให้ได้รับค่าตอบแทนเป็นรายเดือนเฉพาะเดือนที่มาร่วมประชุม และให้ได้รับค่าตอบแทนตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจครบถ้วนเมื่อวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. สำหรับภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เห็นควรให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน หรือที่ได้รับจัดสรรตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ส่วนค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1091 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (นายพิริยะ เข็มพล) | กค | 28/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายพิริยะ เข็มพล เป็นกรรมการในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย แทน นายกำธร ตติยกวี กรรมการเดิมที่อายุครบ ๖๕ ปีบริบูรณ์ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๘ มกราคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป และให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งไว้แล้ว ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1092 | การดำเนินการตามคำมั่นที่ให้กับสหภาพยุโรปในการเข้าเป็นภาคีความตกลงพหุภาคีว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือด้านการบริหารภาษี | กค | 21/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการเข้าเป็นภาคีความตกลงพหุภาคีว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือด้านการบริหารภาษี (Multilateral Convention on Mutual Administrative Assistance in Tax Matters) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. เห็นชอบร่างความตกลงพหุภาคีว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือด้านการบริหารภาษี (Multilateral Convention on Mutual Administrative Assistance in Tax Matters) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดกลไกความร่วมมือด้านภาษีระหว่างประเทศเพื่อป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษี โดยกำหนดให้รัฐภาคีต้องให้ความช่วยเหลือแก่กันใน ๓ รูปแบบ ได้แก่ (๑) การแลกเปลี่ยนข้อมูลทางด้านภาษี (๒) การให้ความช่วยเหลือในการติดตามจัดเก็บภาษีค้างชำระ และ (๓) การจัดส่งเอกสาร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๓. อนุมัติให้เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส เป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงพหุภาคีว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือด้านการบริหารภาษี (Multilateral Convention on Mutual Administrative Assistance in Tax Matters) เมื่อประเทศไทยได้รับหนังสือเชิญให้เข้าร่วมเป็นภาคีจากองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา [Organisation for Economic Co-operation and Development (OECD)] และเมื่อลงนามแล้ว ให้กระทรวงการคลังส่งความตกลงฯ ให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา แล้วเสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ก่อนแสดงเจตนาให้มีผลผูกพันเมื่อร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว ทั้งนี้ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ (เรื่อง แนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการเสนอหนังสือสัญญาตามบทบัญญัติมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย) ๔. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่เอกอัครราชทูตประจำกรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศสเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ และจัดส่งหนังสือดังกล่าวต่อ OECD ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขร่างความตกลงฯ ในส่วนที่เกี่ยวกับถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๕. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร เพื่อกำหนดอำนาจอธิบดีกรมสรรพากรในการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ได้มาโดยหน้าที่ราชการเพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติและเงื่อนไขของความตกลงหรืออนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อน และการป้องกันการเลี่ยงรัษฎากร หรือความตกลงระหว่างประเทศ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสางานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรเมื่อความตกลงฯ ได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาแล้ว ๖. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติฯ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๗. ให้กระทรวงการต่างประเทศยื่นสัตยาบันสารเพื่อให้ความตกลงฯ มีผลผูกพันเมื่อร่างพระราชบัญญัติฯ มีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว ๘. ให้กระทรวงการต่างประเทศประสานสถานทูตไทยประจำประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปเพื่อทำความเข้าใจกับสมาชิก Code of Conduct Group on Business Taxation (COCG) เกี่ยวกับการดำเนินการของฝ่ายไทยในการปฏิบัติตามคำมั่นที่ให้กับสหภาพยุโรปและสนับสนุนการเข้าเป็นภาคีความตกลงฯ เพื่อให้ OECD ส่งหนังสือเชิญไทยเข้าเป็นภาคีความตกลงฯ โดยเร็วที่สุด และสามารถลงนามร่างความตกลงฯ ได้ก่อนการประชุม COCG เพื่อพิจารณาจัดทำรายชื่อประเทศที่ไม่ให้ความร่วมมือด้านภาษีของสหภาพยุโรป (EU List of Non-cooperative Jurisdictions for Tax Purposes) ในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ๙. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1093 | ขอขยายทุนเรือนหุ้นของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร | กค | 21/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขยายทุนเรือนหุ้นของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จากเดิม ๖๐,๐๐๐ ล้านบาท เป็น ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น (๑) เห็นควรให้ใช้เงินจากกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ โดยให้กระทรวงการคลังเสนอคณะกรรมการกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจพิจารณาจำนวนเงินที่จะจัดสรรและเสนอความเห็นของคณะกรรมการกองทุนฯ ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติ ตามบทบัญญัติมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามขั้นตอนต่อไป (๒) มอบหมายให้ ธ.ก.ส. จัดส่งรายละเอียดแผนงาน/โครงการ และกลุ่มเป้าหมายของโครงการ ให้กระทรวงการคลังและคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาอนุมัติการเพิ่มทุนในแต่ละครั้ง และใช้เป็นกรอบการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินงาน และ (๓) การจัดสรรเงินเพิ่มทุนจากกองทุนฯ ควรดำเนินการตามขั้นตอนและข้อกำหนดโดยคำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อสภาพคล่องของกองทุนฯ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังพิจารณาความจำเป็นเหมาะสมในการขายทุนเรือนหุ้นของ ธ.ก.ส. ให้แก่เกษตรกร กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์การเกษตร เพิ่มมากขึ้น เพื่อลดภาระงบประมาณภาครัฐในการเพิ่มทุนเรือนหุ้น ธ.ก.ส. ในอนาคต รวมทั้งเป็นการส่งเสริมให้ลูกค้า ธ.ก.ส. ได้มีส่วนร่วมรับผิดชอบการดำเนินกิจการของ ธ.ก.ส. ด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1094 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคืนอากรและหลักประกันการชำระอากรตอบโต้การทุ่มตลาดและอากรตอบโต้การอุดหนุน พ.ศ. .... | กค | 21/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคืนอากรและหลักประกันการชำระอากรตอบโต้การทุ่มตลาดและอากรตอบโต้การอุดหนุน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการคืนอากรหรือหลักประกันการชำระอากรตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ อากรตอบโต้การทุ่มตลาดหรือการอุดหนุนการนำเข้าสินค้าที่หลบเลี่ยงมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน เพื่อให้สอดคล้องกับหมวด ๑๐/๑ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1095 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการอนุญาตการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 14/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการอนุญาตการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงว่าด้วยการอนุญาตการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยเพิ่มประเภทใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ ๒ ประเภท คือ ใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์แบบ จ เพื่อรองรับการเปิดตัวกลางเฉพาะด้านตราสารทุน และใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการจัดการกองทุนส่วนบุคคล และปรับปรุงข้อกำหนดอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับใบอนุญาต รวมทั้งกำหนดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตที่เพิ่มประเภทดังกล่าว เพื่อให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้มีการเสริมสร้างความรู้ทางการเงินให้กับประชาชนควบคู่ไปกับการขยายการเข้าถึงบริการทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนในตลาดตราสารทุนที่อาจจะมีความเสี่ยงและความผันผวนค่อนข้างสูง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1096 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดและลักษณะของแสตมป์สรรพสามิต และเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีของทางราชการ พ.ศ. .... | กค | 14/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดและลักษณะของแสตมป์สรรพสามิต และเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีของทางราชการ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนดชนิดและลักษณะของแสตมป์สรรพสามิต และเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๖๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยปรับปรุงลักษณะของแสตมป์สรรพสามิต สำหรับสินค้าเครื่องดื่ม สินค้าสุรา และสินค้ายาสูบ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้พิจารณาในประเด็นความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการกำกหนดลักษณะแสตมป์ยาสูบให้รวมถึงลักษณะแสตมป์สุรา แสตมป์ยาสูบ และแสตมป์เครื่องดื่มบางประเภทที่มียอดจ่ายน้อยหรือไม่มียอดจ่าย เพื่อนำมาใช้กับสินค้ายาสูบได้ด้วยนั้น เป็นผลให้ลักษณะของแสตมป์ยาสูบมีรายละเอียดไม่ตรงกับประเภทสินค้าที่จะมีการปิดแสตมป์ในสาระสำคัญ ซึ่งอาจขัดกับเจตนารมณ์ในการแยกประเภทแสตมป์ตามลักษณะของสินค้า รวมทั้งเป็นปัญหาในการตรวจสอบความถูกต้องของลักษณะแสตมป์ ซึ่งเป็นประเด็นที่สมควรนำมาพิจารณาการกำหนดหลักการดังกล่าวไว้ในร่างกฎกระทรวงฯ แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1097 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การคงอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลของมูลนิธิหรือสมาคม) | กค | 14/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การคงอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลของมูลนิธิหรือสมาคม) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลของมูลนิธิหรือสมาคมเหลืออัตราร้อยละ ๒ ของรายได้ก่อนหักรายจ่ายใด ๆ ทั้งนี้ เฉพาะรายได้ส่วนที่เป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๘) แห่งประมวลรัษฎากร และให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรกำหนดให้มูลนิธิหรือสมาคมมีการเปิดเผยแหล่งที่มาของรายได้และรายละเอียดค่าใช้จ่ายต่อสาธารณชน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการดำเนินงานของมูลนิธิหรือสมาคมให้เกิดความยั่งยืนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1098 | การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (นางปานทิพย์ ศรีพิมล) | กค | 14/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางปานทิพย์ ศรีพิมล ผู้แทนกระทรวงการคลัง เป็นกรรมการในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร แทน นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ที่ขอลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๔ มกราคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ทั้งนี้ ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งแทนนี้ให้อยู่ในตำแหน่งตามวาระของผู้ซึ่งตนแทน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1099 | มาตรการต่อเติม เสริมทุน SMEs สร้างไทย | กค | 07/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้การส่งเสริมขีดความสามารถของ SMEs เป็นวาระแห่งชาติ ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเร่งพิจารณาและกำหนดมาตรการในการส่งเสริมขีดความสามารถของ SMEs ในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ๒. เห็นชอบและรับทราบมาตรการต่อเติม เสริมทุน SMEs สร้างไทย ซึ่งเป็นมาตรการเพื่อช่วยเหลือ SMEs ในกลุ่มที่ต้องการสภาพคล่อง กลุ่มที่กำลังจะถูกฟ้อง และกลุ่มที่มีศักยภาพ ประกอบด้วย (๑) โครงการ บสย. SMEs สร้างไทย ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (๒) โครงการ Transformation Loan เสริมแกร่ง (Soft Loan เพื่อปรับเปลี่ยนเครื่องจักร ระยะที่ ๒) ของธนาคารออมสิน (๓) โครงการ GSB SMEs Extra Liquidity ของธนาคารออมสิน (๔) โครงการ PGS ๕ ถึง PGS ๗ และ (๕) โครงการสินเชื่อเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน (Local Economy Loan) ของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการต่อไปให้ถูกต้องเป็นไปตามข้อกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย ๓. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ และเห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นพิเศษตามประมวลกฎหมายที่ดิน สำหรับกรณีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด สำหรับกรณีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ รวม ๔ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น (๑) สถาบันการเงินและสถาบันการเงินเฉพาะกิจควรพัฒนาระบบฐานข้อมูล SMEs ที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อใช้วิเคราะห์ติดตามและประเมินผลการดำเนินการตามมาตรการต่าง ๆ โดยเฉพาะกระบวนการพิจารณาสินเชื่อหรือการค้ำประกัน การบริหารความเสี่ยง และการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์กำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง และ (๒) การกำหนดมาตรการทางภาษีเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ควรครอบคลุมการเจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่มีเจ้าหนี้อื่นที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (non-bank) ด้วย เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๔. ให้กระทรวงการคลังประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับมาตรการในการช่วยเหลือ SMEs ให้สาธารณชนรับทราบอย่างถูกต้องและทั่วถึง รวมทั้งให้กระทรวงการคลังติดตาม ประเมินผล และรายงานผลการดำเนินการต่อคณะรัฐมนตรีทุก ๆ ๓ เดือน ด้วย ๕. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1100 | การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจตามพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2562 และการกำหนดค่าตอบแทนของกรรมการในคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจและคณะอนุกรรมการที่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจแต่งตั้ง | กค | 02/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ แต่งตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นกรรมการโดยตำแหน่งในคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ตามมาตรา ๖ วรรคหนึ่ง (๓) แห่งพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑.๒ แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน คนร. จำนวน ๕ คน ตามมาตรา ๖ วรรคหนึ่ง (๔) ประกอบมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้เแก่ นายกานต์ ตระกูลฮุน นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ นายปรีดี ดาวฉาย นายประสัณห์ เชื้อพานิช และนายเทวินทร์ วงศ์วานิช ๒. สำหรับการกำหนดค่าตอบแทนกรรมการในคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจและคณะอนุกรรมการที่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจแต่งตั้ง ให้กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจและกรมบัญชีกลางรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. ให้ได้ข้อยุติที่ชัดเจน โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงาน ก.พ. เช่น การกำหนดค่าตอบแทนกรรมการใน คนร. และอนุกรรมการที่ คนร. แต่งตั้ง ควรพิจารณาตามแนวทางการกำหนดอัตราเบี้ยประชุมตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยเทียบเคียงกับคณะกรรมการที่ประธานกรรมการเป็นนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรี รวมถึงอัตราเบี้ยประชุมคณะอนุกรรมการที่คณะกรรมการดังกล่าวแต่งตั้ง เพื่อให้อัตราเบี้ยประชุมของคณะกรรมการตามกฎหมายต่าง ๆ มีความเหมาะสมและสอดคล้องกันในภาพรวม เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
