ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 246 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 4901 - 4920 จากข้อมูลทั้งหมด 9657 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 4901 | ร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 22/04/2546 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ (1) อนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้นำเงินบำเหน็จตกทอดมาจ่าย
ให้ผู้รับบำนาญก่อนจำนวน 15 เท่าของบำนาญรายเดือน โดยให้จ่ายเป็นเงินบำเหน็จดำรงชีพ โดยจำนวนเงิน ขั้นสูงที่จะจ่ายไม่ควรกำหนดไว้ในร่างพระราชบัญญัติ เพราะสามารถกำหนดในกฎกระทรวงได้อยู่แล้ว (2) อนุมัติ ในหลักการร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติกองทุน บำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็น เรื่องด่วน โดยสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติทั้ง 2 ฉบับดังกล่าวเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการ จ่ายบำเหน็จตกทอด ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณและความเห็นของคณะรัฐมนตรี ซึ่งเห็นว่า โดยที่ ร่างพระราชบัญญัติทั้ง 2 ฉบับ มีหลักการทำนองเดียวกัน จึงควรพิจารณาว่าร่างพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จ บำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีความจำเป็นต้องมีบทบัญญัติเช่นเดียวกับร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จ บำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ทั้งหมดหรือไม่ หากไม่จำเป็น สมควรยกร่างโดยใช้การอ้างอิงหรือเชื่อม โยงกัน ก็จะทำให้ร่างกฎหมายสั้นและชัดเจนยิ่งขึ้น ไปพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทน ราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาได้ภายในสมัยประชุมนี้ (3) ให้กระทรวงการคลังตกลง กับสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินเพื่อการนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ต่อไป และ (4) เห็นชอบตาม ที่กระทรวงการคลังเสนอ ให้ผู้มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จดำรงชีพได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้เช่นเดียวกับผู้มีสิทธิได้ รับบำเหน็จตกทอด
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 4902 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทำขวัญข้าราชการและลูกจ้าง พ.ศ. .... | กค | 22/04/2546 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 ที่มีมติ
เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทำขวัญข้าราชการและลูกจ้าง พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของ คกก.7 ไป พิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ สำหรับความเห็นของ คกก.7 สรุปได้ดังนี้ (1) ตามที่คณะกรรมการกลั่น กรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 (เดิม) มีความเห็นเกี่ยวกับคำนิยามคำว่า "ข้าราชการ" นั้น คกก.7 เห็นว่า การแก้ไขคำนิยามดังกล่าวควรครอบคลุมเฉพาะข้าราชการในสังกัดกระทรวง ทบวง กรม และข้าราช การที่มิได้สังกัดกระทรวง ทบวง กรม ที่อยู่ในอำนาจฝ่ายบริหารเท่านั้น (2) การพิจารณาและกำหนดเงิน ทำขวัญ ควรให้กรมบัญชีกลางดำเนินการได้เองเพื่อความรวดเร็ว สะดวก คล่องตัวในการจ่ายเงินทำขวัญให้ กับข้าราชการ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 4903 | การขอยกเว้นให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ไม่ต้องปฏิบัติตามคำสั่ง กฎ ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรี ที่ใช้บังคับกับรัฐวิสาหกิจโดยทั่วไป | กค | 08/04/2546 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่มีมติอนุมัติ
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทยไม่ต้องปฏิบัติ ตามคำสั่ง กฎ ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่ใช้บังคับกับรัฐวิสาหกิจโดยทั่วไปต่อไปตามเดิม โดยมีข้อยกเว้น บางประการ 4 ข้อ ทั้งนี้ เพื่อให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ซึ่งเปลี่ยน สถานภาพมาจากบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมขนาดย่อม) สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพ เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ในการจัดตั้ง สำหรับข้อยกเว้น 4 ข้อ ได้แก่ (1) ระเบียบเรื่องการก่อ หนี้ของประเทศ (2) ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการตรวจสอบภายในของรัฐวิสาหกิจ (3) การให้ผู้แทน กระทรวงการคลังซึ่งเป็นข้าราชการประจำร่วมเป็นกรรมการในคณะกรรมการ และ (4) ให้ธนาคารพัฒนาวิสาห กิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทยเป็นรัฐวิสาหกิจที่อยู่ในระบบประเมินผลการดำเนินงานของรัฐวิสาห กิจเช่นเดียวกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐแห่งอื่น ส่วนระบบแรงจูงใจ (Incentive) ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ที่คณะกรรมการประเมินผล ฯ กำหนด
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 4904 | รายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม 2545 | กค | 08/04/2546 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยเดือนพฤศจิกายน
และธันวาคม 2545 สรุปได้ดังนี้ (1) การนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง 17 กลุ่มสินค้าในเดือนพฤศจิกายน 2545 มี มูลค่านำเข้ารวม 57.92 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว 9.49 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ 19.59 โดยมีมูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้นจำนวน 15 รายการ ตั้งแต่ร้อยละ 3.13 (รองเท้าหนังและรองเท้า ผ้าใบ) ถึงร้อยละ 167.34 (ผ้าทอทำด้วยขนสัตว์) และมี 2 รายการ ที่มีมูลค่านำเข้าลดลง ตั้งแต่ร้อยละ 5.83 (ปากกาและอุปกรณ์) ถึงร้อยละ 6.49 (ผลไม้) ทั้งนี้ มูลค่าการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง 17 กลุ่ม เมื่อเทียบกับ มูลค่านำเข้ารวมของสินค้าทุกชนิดในเดือนพฤศจิกายน 2545 (5,869.26 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) แล้ว มูลค่านำ เข้ามีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 0.99 ของมูลค่านำเข้าทั้งหมด โดยสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีมูลค่านำเข้าสูงสุด 3 อันดับ แรกได้แก่ สุราต่างประเทศ น้ำหอมและเครื่องสำอาง นาฬิกาและอุปกรณ์ ส่วนสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีอัตราการนำ เข้าลดลง ได้แก่ ผลไม้ ปากกาและอุปกรณ์ (2) การนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยเดือนธันวาคม 2545 เปรียบเทียบกับ เดือนธันวาคม 2544 มีมูลค่าการนำเข้ารวม 64.24 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว 17.35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ 37 โดยมีมูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้นจำนวน 17 รายการ ตั้งแต่ร้อยละ 8.46 (แว่นตา) ถึงร้อยละ 103.26 (สูท เสื้อ กระโปรง ฯ) ทั้งนี้ มูลค่าการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง 17 กลุ่มสินค้า เทียบกับมูลค่านำเข้ารวมของสินค้าทุกชนิดในเดือนธันวาคม 2545 (5,068.81 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) แล้ว มูล ค่านำเข้ามีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 1.27 ของมูลค่านำเข้าทั้งหมด โดยสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีมูลค่านำเข้าสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ สุราต่างประเทศ น้ำหอมและเครื่องสำอาง ผลไม้ ส่วนสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีอัตราการนำเข้าลด ลง ได้แก่ สูท เสื้อ กระโปรง ฯ ไวน์ ผ้าทอทำด้วยขนสัตว์ ดอกไม้ และเครื่องประดับที่ทำด้วยคริสตัล ทั้งนี้ คณะ รัฐมนตรีเห็นว่ามูลค่าการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยของต้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 เปรียบเทียบกับระยะเดียวกัน ของปีที่แล้ว ยังมีมูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้นแทบทุกรายการ จึงให้กระทรวงพาณิชย์รับไปพิจารณาในคณะกรรมการ บริหารนโยบายการนำเข้าเกี่ยวกับรายละเอียดของสินค้าฟุ่มเฟือยแต่ละรายการ เพื่อกำหนดแนวทางและมาตร การที่เหมาะสมเพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์ 3 ประการ คือ เพื่อลดการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย เพื่อใช้เป็นเครื่อง มือในการติดต่อเจรจาทางการค้ากับต่างประเทศที่เกี่ยวข้อง และเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการส่งเสริมความสัมพันธ์ และช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้านโดยสนับสนุนให้ผลิตสินค้าที่เป็นที่ต้องการของไทยทดแทนการ นำเข้า แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป โดยการดำเนินการของคณะกรรมการดังกล่าวอาจจ้าง บริษัทที่ปรึกษามาช่วยดำเนินการได้ |
|||||||||||||||||||||||||||
| 4905 | รายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยเดือนธันวาคม 2545 | กค | 08/04/2546 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยเดือนธันวาคม
2545 สรุปได้ดังนี้ การนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยเดือนธันวาคม 2545 เปรียบเทียบกับเดือนธันวาคม 2544 มี มูลค่าการนำเข้ารวม 64.24 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว 17.35 ล้านดอลลาร์ สหรัฐ หรือร้อยละ 37 โดยมีมูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้นจำนวน 17 รายการ ตั้งแต่ร้อยละ 8.46 (แว่นตา) ถึงร้อยละ 103.26 (สูท เสื้อ กระโปรง ฯ) ทั้งนี้ มูลค่าการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง 17 กลุ่มสินค้าเทียบกับมูลค่านำเข้า รวมของสินค้าทุกชนิดในเดือนธันวาคม 2545 (5,068.81 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) แล้ว มูลค่านำเข้ามีสัดส่วน คิดเป็นร้อยละ 1.27 ของมูลค่านำเข้าทั้งหมด โดยสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีมูลค่านำเข้าสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ สุราต่างประเทศ น้ำหอมและเครื่องสำอางผลไม้ ส่วนสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีอัตราการนำเข้าลดลง ได้แก่ สูท เสื้อ กระโปรง ฯ ไวน์ ผ้าทอทำด้วยขนสัตว์ ดอกไม้ และเครื่องประดับที่ทำด้วยคริสตัล ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรี เห็นว่า มูลค่าการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยของต้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 เปรียบเทียบกับระยะเดียวกันของปี ที่แล้วยังมีมูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้นแทบทุกรายการ จึงให้กระทรวงพาณิชย์รับไปพิจารณาในคณะกรรมการบริหาร นโยบายการนำเข้าเกี่ยวกับรายละเอียดของสินค้าฟุ่มเฟือยแต่ละรายการเพื่อกำหนดแนวทางและมาตรการที่ เหมาะสมเพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์ 3 ประการ คือ เพื่อลดการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย เพื่อใช้เป็นเครื่องมือใน การติดต่อเจรจาทางการค้ากับต่างประเทศที่เกี่ยวข้อง และเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการส่งเสริมความสัมพันธ์ และ ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้าน โดยสนับสนุนให้ผลิตสินค้าที่เป็นที่ต้องการของไทยทดแทนการ นำเข้า แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป โดยการดำเนินการของคณะกรรมการดังกล่าวอาจจ้าง บริษัทที่ปรึกษามาช่วยดำเนินการได้ |
|||||||||||||||||||||||||||
| 4906 | การบริหารจัดการและการให้เงินกู้แก่กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ | กค | 08/04/2546 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่มีมติเห็น
ชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอเรื่อง การบริหารจัดการและการให้เงินกู้แก่กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่ง ชาติ (กทบ.) ดังนี้ (1) ให้ธนาคารออมสินเป็นผู้บริหารจัดการ กทบ. และ (2) ให้ กทบ. กู้เงินจากธนาคารเพื่อ การเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สำหรับการดำเนินงานของ กทบ. ในส่วนของ ธ.ก.ส. ที่เป็นเขตพื้น ที่ห่างไกลในช่วงต่อไป ทั้งนี้ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ คุณกิตติ) รับไปประสานกับรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) เพื่อเร่งรัดการดำเนินการต่าง ๆ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป โดยเฉพาะ อย่างยิ่งการพิจารณาอนุมัติเงินกู้ให้กับกองทุนหมู่บ้านที่เสนอขอกู้เงินใหม่ซึ่งมีคุณสมบัติครบถ้วนถูกต้อง มีการ บริหารงานที่มีประสิทธิภาพ และโดยที่การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล จึงสมควรเพิ่ม เติมคุณสมบัติของหมู่บ้านที่จะได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมว่าเป็นหมู่บ้านที่ไม่มีปัญหาเกี่ยวข้องกับยาเสพติดด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 4907 | การขออนุมัติโอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุคืนให้แก่ผู้ยกให้ | กค | 08/04/2546 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (คกก.7)
ที่มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอการขอโอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุ แปลงโฉนดเลขที่ 18229 แขวงสีกัน (สองห้อง) เขตดอนเมือง (บางเขน) กรุงเทพมหานคร เนื้อที่ 6-0-74 ไร่ คืนให้แก่ผู้ยกให้ (นายสวัสดิ์ คำ ประกอบ) โดยให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของ คกก.7 ไปพิจารณาดังนี้ เนื่องจากกฎกระทรวง ฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2537) และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 15 (พ.ศ. 2542) ออกตามความในพระราชบัญญัติ ที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2518 ได้บังคับใช้มานานพอสมควรแล้ว เมื่อครั้งที่ตราขึ้นมีเจตนารมณ์ที่จะช่วยเหลือผู้ที่ได้อุทิศ ที่ดินของตนให้แก่ทางราชการเพื่อใช้ประโยชน์ในทางราชการของหน่วยงานราชการนั้น ๆ ดังนั้น หากทางราช การไม่ได้ใช้และไม่ประสงค์จะใช้ที่ดินนั้นแล้ว สมควรที่จะคืนที่ดินนั้นให้แก่ผู้ยกให้ จึงเห็นควรให้กระทรวงการ คลังพิจารณาทบทวนกฎกระทรวงฉบับดังกล่าวให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะบทบัญญัติที่เกี่ยวกับกำหนด เวลาในการขอคืนซึ่งมีลักษณะเป็นการจำกัดตัดสิทธิของผู้ยกให้ และสิทธิที่ทางราชการจะนำไปใช้ประโยชน์อย่าง อื่นหรือโดยหน่วยงานอื่นที่เหมาะสม แต่อาจแตกต่างไปจากวัตถุประสงค์ของการยกให้ อีกทั้งอาจมีบทบัญญัติ บางส่วนที่ไม่สอดคล้องกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยสัญญาให้ |
|||||||||||||||||||||||||||
| 4908 | แต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมการบรรษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน (นายวิจิตร สุพินิจ) | กค | 08/04/2546 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้ง นายวิจิตร สุพินิจ เป็นประธานกรรมการ
ในคณะกรรมการบรรษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน แทนหม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล ซึ่งลาออก ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (8 เมษายน 2546) เป็นต้นไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 4909 | รายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ พ.ศ. 2546 ไตรมาสที่ 2 (ตุลาคม 2545 - มีนาคม 2546) | กค | 08/04/2546 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ พ.ศ. 2546
ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงสิ้นไตรมาสที่ 2 (ตุลาคม 2545-มีนาคม 2546) และเห็นชอบให้ส่วนราชการและรัฐ วิสาหกิจที่ได้รับการผ่อนผันให้ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันตามมติคณะรัฐมนตรี (25 มีนาคม 2546) รายงาน ผลความคืบหน้าในการดำเนินการ และปัญหาอุปสรรคให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) ในฐานะฝ่ายเลขา นุการคณะกรรมการติดตามผลการใช้จ่ายเงินภาครัฐในปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 ทราบเป็นประจำทุกเดือนภาย ใน 7 วันนับจากวันสิ้นเดือน สำหรับผลการเบิกจ่ายเงินภาครัฐ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 ไตรมาสที่ 2 (ตุลาคม 2545-มีนาคม 2546) ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายเงินจากคลังแล้ว 404,952 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 40.50 ของวงเงินงบประมาณ (999,900 ล้านบาท) เปรียบเทียบกับผลการเบิกจ่ายในช่วงระยะเวลา เดียวกันของปีงบประมาณก่อน และเป้าหมายการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 มีการเบิกจ่ายต่ำ กว่า ส่วนผลการเบิกจ่ายเงิน (ประจำ/ลงทุน) มีการเบิกจ่ายรายจ่ายประจำ 364,172 ล้านบาท หรือร้อยละ 45.53 ของงบประมาณรายจ่ายประจำ (799,992 ล้านบาท) และรายจ่ายลงทุน 40,780 ล้านบาท หรือร้อย ละ 20.39 ของงบประมาณรายจ่ายลงทุน (199,978 ล้านบาท) รวมทั้งการเบิกจ่ายงบลงทุนของหน่วยงานที่ ได้รับจัดสรรงบลงทุนเกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 22 แห่ง มีจำนวน 25,045 ล้านบาท หรือร้อยละ 18.09 ของงบประมาณรายจ่ายลงทุน (138,460 ล้านบาท) โดยหน่วยงานที่มีผลการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนต่ำสุด 3 หน่วยงาน คือ กรมอาชีวศึกษา สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และสำนักงานคณะกรรมการการประถม ศึกษาแห่งชาติ ส่วนการก่อหนี้ผูกพันตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงสิ้นไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 เฉพาะรายการค่าครุภัณฑ์ ที่ดินและสิ่งก่อสร้าง ปรากฏว่า ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ สามารถก่อหนี้ ผูกพันได้แล้วจำนวน 69,357 ล้านบาท หรือร้อยละ 51.63 ของงบประมาณรายจ่ายลงทุนเฉพาะรายการดัง กล่าวจำนวน 134,322 ล้านบาท |
|||||||||||||||||||||||||||
| 4910 | แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบาย และคณะกรรมการบริหารศูนย์ให้คำปรึกษาทางการเงินสำหรับวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และประชาชน (ศงป.) | กค | 08/04/2546 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอการปรับปรุงคณะกรรมการนโยบายศูนย์ให้คำ
ปรึกษาทางการเงินสำหรับวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และประชาชน และคณะกรรมการบริหารศูนย์ให้คำ ปรึกษาทางการเงินสำหรับวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และประชาชน ดังนี้ (1) คณะกรรมการนโยบาย ฯ ให้แต่งตั้ง นายพัฒเดช ธรรมจรีย์ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานกรรมการ นาย เชษฐ เชาว์วิศิษฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายวราเทพ รัตนากร) เป็นกรรมการผู้ทรง คุณวุฒิ นายเชิดชัย ขันธ์นะภา รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาการ คลัง เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เพิ่มเติม (2) คณะกรรมการบริหาร ฯ ให้แต่งตั้ง นายรุ่งเรือง พิทยศิริ ที่ปรึกษา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานกรรมการ นายเชษฐ เชาว์วิศิษฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงการคลัง (นายวราเทพ รัตนากร) เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และนายเชิดชัย ขันธ์นะภา รองผู้อำนวย การสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาการคลัง เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เพิ่มเติม |
|||||||||||||||||||||||||||
| 4911 | รายงานผลการดำเนินงานและการบริหารงานเงินนอกงบประมาณ | กค | 01/04/2546 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินงานและการบริหารงาน เงินนอกงบประมาณ รวมทั้งความคืบหน้าในการรวมและยุบเลิกทุนหมุนเวียน ซึ่งผลการรวมหรือยุบเลิกทุนหมุน เวียนสรุปได้ว่า ณ วันที่ 1 ธันวาคม 2543 มีทุนหมุนเวียนอยู่ในการกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง จำนวน 115 ทุนภายหลังที่พระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังรวมหรือยุบเลิกทุนหมุนเวียน พ.ศ. 2543 มีผล บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2543 กระทรวงการคลังหารือร่วมกับสำนักงบประมาณได้นำเสนอคณะ รัฐมนตรีเพื่อพิจารณารวมทุนหมุนเวียนที่มีวัตถุประสงค์การดำเนินงานเหมือนกัน หรือใกล้เคียงกัน ตลอดจน ยุบเลิกทุนหมุนเวียนที่หมดความจำเป็นที่จะต้องดำเนินงาน และหรือประสบผลขาดทุนมาโดยตลอด และใน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 กระทรวงการคลังมีแผนที่จะดำเนินการยุบเลิกทุนหมุนเวียนที่หมดความจำเป็นต้อง ดำเนินการหรือเป็นทุนหมุนเวียนที่มีลักษณะการดำเนินงานซ้ำซ้อนกับกิจกรรมที่ดำเนินงานโดยใช้จ่ายจากเงิน งบประมาณ จำนวน 11 ทุน ซึ่งจะมีผลให้มีทุนหมุนเวียนคงเหลือ จำนวน 78 ทุน ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกต ว่า ทุนหมุนเวียนที่เหลืออยู่บางทุนยังอาจพิจารณารวมหรือยุบเลิกได้ รวมถึงบางทุนอาจปรับปรุงวัตถุประสงค์ การจัดตั้งให้เหมาะสม ทันสมัย และสอดคล้องกับข้อเท็จจริงในปัจจุบันมากยิ่งขึ้น จึงขอให้กระทรวงการคลังรับ ข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 4912 | การแลกเปลี่ยนทรัพย์สินของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์กับทรัพย์สินของกระทรวงการคลัง | กค | 01/04/2546 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอการแลกเปลี่ยนทรัพย์สินของสำนักงานทรัพย์สิน
ส่วนพระมหากษัตริย์กับทรัพย์สิน ของกระทรวงการคลัง โดยให้ลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติ กรรมการโอนกรรมสิทธิที่ดินดังกล่าวเป็นกรณีพิเศษตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 47 (พ.ศ. 2541) ออกตามความ ในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 ข้อ 2 (7) (ฎ) ที่กำหนดว่า "ค่าจดทะเบียนโอน อสังหาริมทรัพย์และค่าจดทะเบียนการจำนอง เฉพาะในกรณีที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ลดหย่อนค่าธรรมเนียมเป็น พิเศษเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรี กำหนดในอัตราร้อยละ 0.01" |
|||||||||||||||||||||||||||
| 4913 | การกู้เงินสำหรับโครงการก่อสร้างทางคู่ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | กค | 01/04/2546 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 ที่มีมติอนุมัติ
ตามข้อเสนอของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการกู้เงินสำหรับโครงการก่อสร้างทางคู่ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป สรุปดังนี้ (1) อนุมัติในหลักการให้ รฟท. กู้เงินในประเทศเพื่อจ่าย ค่าก่อสร้างและค่างานด้านอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม ตามโครงการก่อสร้างทางคู่ของ รฟท. ในเส้นทางทาง สามช่วงรังสิต-ภาชี บางซื่อ-ตลิ่งชัน ทางคู่ 3 สาย และในเส้นทางบ้านภาชี-ลพบุรี บ้านภาชี-มาบกะเบา และ ตลิ่งชัน-นครปฐม (ST 2) และในเส้นทางสายหัวหมาก-ฉะเชิงเทรา (ST 3) ในส่วนที่สำนักงบประมาณไม่สามารถ จัดสรรให้ตามแผนการใช้จ่ายเงินตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 จนสิ้นสุดโครงการ รวมทั้งอนุมัติให้ รฟท. กู้เงินในประเทศ ทดแทนการกู้เงินจากต่างประเทศเพื่อจ่ายเป็นค่างานด้านอาณัติสัญญาณ ฯ รวมกันภายในวงเงินไม่เกิน 8,000 ล้านบาท และ (2) อนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ โดย รัฐบาลเป็นผู้รับภาระชำระคืนต้นเงินและดอกเบี้ย
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 4914 | รายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำเดือนมกราคม 2546 | กค | 25/03/2546 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำเดือน
มกราคม 2546 และให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจถือปฏิบัติเกี่ยวกับการก่อหนี้ผูกพันภายในไตรมาสที่ 2 ของปี งบประมาณ พ.ศ. 2546 โดยผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ประกอบด้วย การเบิกจ่ายเงินงบประมาณของส่วน ราชการและรัฐวิสาหกิจ จำนวน 285,095 ล้านบาท การเบิกจ่ายจากเงินนอกงบประมาณ จำนวน 22,460 ล้าน บาท การเบิกจ่ายจากเงินกู้ต่างประเทศ จำนวน 9,029 ล้านบาท และการเบิกจ่ายในส่วนของเงินของรัฐวิสาหกิจ จำนวน 442,031 ล้านบาท ทั้งนี้ ผลการเบิกจ่ายเงินดังกล่าวของภาครัฐตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงสิ้นเดือน มกราคม 2546 เมื่อหักรายการซ้ำซ้อน จำนวน 54,561 ล้านบาทแล้ว ทำให้การเบิกจ่ายเงินมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 704,054 ล้านบาท สำหรับการก่อหนี้ผูกพันภายในไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 เนื่องจากใกล้จะ สิ้นไตรมาสที่ 2 เห็นควรให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเร่งดำเนินการเกี่ยวกับการโอนเงินงบประมาณให้หน่วย งานในสังกัดในภูมิภาค เร่งดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง และก่อหนี้ผูกพันภายในไตรมาสที่ 2 (ภายในเดือนมีนาคม 2546) และรายงานปัญหาหรืออุปสรรคที่ไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายในไตรมาสที่ 2 โดยแยกเป็นแต่ละ รายการหรือโครงการให้กรมบัญชีกลางภายในเดือนมีนาคม 2546 เพื่อรวบรวมเสนอคณะกรรมการติดตามผล การใช้เงินภาครัฐพิจารณาแนวทางในการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 4915 | การจัดสรรเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ (เงินกู้ SAL) | กค | 25/03/2546 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอผลการจัดสรรเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างทางเศรษฐ
กิจ (เงินกู้ SAL) จำนวน 2 โครงการ วงเงินรวม 240 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการศึกษาและออกแบบโครงการ ระบบขนส่งทางรถไฟในกรุงเทพมหานครสายเหนือ (ช่วงรังสิต-บางซื่อ) และสถานีบางซื่อ วงเงิน 180 ล้านบาท และโครงการระบบทางด่วนทดแทนโครงการทางด่วนสายพญาไท-พุทธมณฑล วงเงิน 60 ล้านบาท โดยในส่วน ของโครงการระบบทางด่วนทดแทนโครงการทางด่วนสายพญาไท-พุทธมณฑล อนุมัติในหลักการให้เบิกจ่ายเงินกู้ SAL ได้ในวงเงิน 125 ล้านบาท โดยให้ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมของโครงการในด้านต่าง ๆ ให้ครบถ้วน ครอบคลุมถึงผลกระทบต่อสังคมและชุมชนก่อน หากผลการศึกษาปรากฏว่าโครงการมีความเหมาะสม ก็ให้ออก แบบรายละเอียดสำหรับการก่อสร้าง โดยให้เบิกจ่ายค่าใช้จ่ายตามที่ต้องจ่ายจริงจากวงเงินข้างต้นต่อไป ทั้งนี้ คณะ รัฐมนตรีเห็นว่า เงินกู้ SAL เป็นเงินกู้จากต่างประเทศที่ประเทศไทยได้แลกเป็นเงินบาท และต้องเสียดอกเบี้ยเงิน กู้ให้แก่แหล่งเงินกู้แล้ว ดังนั้น เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้ดังกล่าวเกิดประโยชน์และมีประสิทธิภาพสูงสุด จึงขอให้ กระทรวงการคลังเร่งพิจารณาความจำเป็นและเหมาะสมของแผนงาน/โครงการ ของส่วนราชการต่าง ๆ หากมี แผนงาน/โครงการใดสอดคล้องกับกรอบหลักเกณฑ์ของการใช้เงินกู้ดังกล่าว ให้กระทรวงการคลังอนุมัติให้ใช้เงิน กู้โดยเร็ว และให้ส่วนราชการเจ้าของโครงการเร่งรัดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป สำหรับการพิจารณาเกี่ยว กับการดำเนินการก่อสร้างเส้นทางจราจรต่าง ๆ ทั้งในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และในต่างจังหวัด จะ ต้องพิจารณาความจำเป็นเหมาะสมในภาพรวมอย่างเป็นระบบและมีบูรณาการ เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาการ จราจรขนส่งได้ครบวงจรและเพื่อเชื่อมโยงเครือข่ายการจราจรขนส่งทั้งหมดในอนาคต โดยให้กระทรวงคมนาคม รับแนวทางดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 4916 | การจัดตั้งกองทุน ASEAN+3 Finance Cooperation Fund | กค | 25/03/2546 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอในการที่ประเทศไทยจะเข้าร่วมจัดตั้งกองทุน
ASEAN+3 Finance Cooperation Fund และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้ลงนามในร่าง ความตกลงการจัดตั้งกองทุนดังกล่าว สำหรับเงินที่จะต้องจ่ายสมทบในกองทุน ฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 จำนวน 2,000 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา หรือประมาณ 90,000 บาท ให้กระทรวงการคลังเจียดจ่ายจากงบ ประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 ส่วนเงินสมทบกองทุนในปีต่อ ๆ ไป ให้สำนักงบประมาณ พิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อดำเนินการต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และ เพื่อเป็นการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการเงินกับกลุ่มประเทศอาเซียน จึงขอให้กระทรวงการต่าง ประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการใน เรื่องต่าง ๆ ที่นายกรัฐมนตรีและคณะผู้แทนไทยได้เจรจาจัดทำข้อตกลงและความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ ใน ภูมิภาคทั้งในระดับพหุภาคีและทวิภาคีไว้แล้ว เช่น การจัดเขตการค้าเสรี (Free Trade Area-FTA) การดำเนิน การตามผลการเดินทางไปเยือนประเทศพม่าของนายกรัฐมนตรี รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือร่วมมือของกรม วิเทศสหการ เป็นต้น ให้แล้วเสร็จและมีผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว |
|||||||||||||||||||||||||||
| 4917 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการจำหน่ายหุ้นและซื้อหุ้นของส่วนราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 25/03/2546 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการจำหน่าย
หุ้นและซื้อหุ้นของส่วนราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยสาระสำคัญของร่างระเบียบ กระทรวงการคลังฉบับนี้เป็นการแก้ไขระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการจำหน่ายหุ้นและซื้อหุ้นของส่วนราชการ พ.ศ. 2535 เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจ หน้าที่ในกระทรวงการคลัง ตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 และอำนาจหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราช การ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลัง พ.ศ. 2545
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 4918 | รายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2546 และแนวทางการผ่อนผันสำหรับรายการที่ไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายในไตรมาสที่ 2 | กค | 25/03/2546 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ (1) รับทราบรายงานผลการ
เบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2546 และ (2) เห็นชอบแนวทางการผ่อนผันสำหรับรายการที่ไม่ สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ภายในไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 รวมทั้งรับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่า การกระทรวงการคลัง (นายวราเทพ รัตนากร) เสนอเพิ่มเติมว่า การเบิกจ่ายเงินของส่วนราชการต่าง ๆ ในภาพ รวมจำแนกตามลักษณะเศรษฐกิจตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ จนถึงวันที่ 21 มีนาคม 2546 มีการเบิกจ่ายต่ำกว่าเมื่อ เปรียบเทียบกับการเบิกจ่ายในช่วงเวลาเดียวกันของปีงบประมาณที่แล้ว และให้รัฐมนตรีเร่งรัดและติดตามการเบิก จ่ายงบประมาณของส่วนราชการและหน่วยงานในสังกัดให้เกิดความรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งงบลงทุนซึ่งส่วนราชการ บางแห่งยังมิได้ขอเบิกจ่าย สำหรับผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2546 ประกอบด้วย การเบิกจ่ายเงินงบประมาณของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ จำนวน 345,711 ล้านบาท การเบิกจ่ายเงินนอกงบ ประมาณ จำนวน 25,186 ล้านบาท การเบิกจ่ายเงินกู้ต่างประเทศ จำนวน 11,287 ล้านบาท และการเบิก จ่ายเงินของรัฐวิสาหกิจ จำนวน 547,495 ล้านบาท ทั้งนี้ ผลการเบิกจ่ายเงินของภาครัฐตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ จนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2546 เมื่อหักรายการซ้ำซ้อน จำนวน 60,227 ล้านบาทแล้ว ทำให้การเบิกจ่ายเงินมี จำนวนรวมทั้งสิ้น 869,452 ล้านบาท ส่วนแนวทางการผ่อนผันสำหรับรายการที่ไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ภาย ในไตรมาสที่ 2 เฉพาะรายการค่าครุภัณฑ์ ที่ดินและสิ่งก่อสร้างที่จะต้องก่อหนี้ผูกพันให้ทันภายในไตรมาสที่ 2 คณะกรรมการติดตามผลการใช้จ่ายเงินภาครัฐได้พิจารณาแนวทางการผ่อนผันไว้ดังนี้ (1) รายการที่เห็นควรผ่อน ผันถึงสิ้นไตรมาสที่ 3 (มิถุนายน 2546) ประกอบด้วย รายการที่อยู่ระหว่างกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างก่อนไตร มาสที่ 2 รายการที่เป็นงบดำเนินการเอง และรายการที่มีปัญหาอุปสรรค เนื่องจากปัจจัยภายนอกหรือรายการ ที่จะต้องได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานอื่น (2) รายการที่เห็นควรผ่อนผันถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2546 ซึ่งถือ เสมือนเป็นเดือนสุดท้ายของปีงบประมาณ ประกอบด้วย งบอุดหนุนที่จัดสรรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใน ลักษณะงบลงทุน งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคม และรายการค่า ครุภัณฑ์ ที่ดินและสิ่งก่อสร้างของหน่วยงานที่มีผลกระทบเนื่องจากการปรับเปลี่ยนโครงสร้างกระทรวง ทบวง กรม |
|||||||||||||||||||||||||||
| 4919 | แต่งตั้งเลขานุการรัฐมนตรีและผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (นายสุธา ชันแสง และพันตำรวจโท ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์) | กค | 04/03/2546 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้งเลขานุการรัฐมนตรีและผู้ช่วยเลขา
นุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตามคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ 63/2546 ให้นายสุธา ชันแสง เป็น เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และพันตำรวจโท ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2546 เป็นต้นไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 4920 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 100 ปี กรมจเรทหารบก พ.ศ. .... | กค | 04/03/2546 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของ
เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 100 ปี กรมจเรทหารบก พ.ศ. .... (กำหนดชนิด ราคา โลหะ อัตราเนื้อโลหะ น้ำหนัก ขนาด อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ลวดลายและลักษณะอื่น ๆ ของเหรียญกษาปณ์โลหะสองสี (สีขาวและสีทอง) ราคาสิบบาท หนึ่งชนิด เพื่อเป็นที่ระลึกเนื่องในโอกาสครบ 100 ปี กรมจเรทหารบก ในวันที่ 6 พฤษภาคม 2546) และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||
