อนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราชบัญญัติเหรียญที่ระลึกประดับ
แพรแถบเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระ
ชนมพรรษา 6 รอบ  พ.ศ. .... (ให้มีเหรียญที่ระลึกประดับแพรแถบเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรม
ราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา  6  รอบ 12 สิงหาคม 2547) และให้ส่งสำนัก
งานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา   แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา  ก่อน
นำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป      รวมทั้งอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง  (พ.ศ.  ....)  ออกตามความใน
พระราชบัญญัติเหรียญที่ระลึกประดับแพรแถบเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์   พระบรมราชินีนาถ  เนื่อง
ในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา  6  รอบ พ.ศ. ....  (กำหนดให้กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง
มีหน้าที่เกี่ยวกับการสร้าง และการจำหน่ายเหรียญที่ระลึกประดับแพรแถบเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 12 สิงหาคม 2547)  และให้
ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา พร้อมกับร่างพระราชบัญญัติ ฯ แล้วดำเนินการต่อไปได้เมื่อร่าง
พระราชบัญญัติดังกล่าวมีผลใช้บังคับแล้ว

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพการเป็น
สาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุในท้องที่แขวงลาดยาวเขตจตุจักร
กรุงเทพมหานคร พ.ศ. ....  (กำหนดให้ถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน
โดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ แปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท 250577 เนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 2 ไร่ 1 งาน 18 ตารางวา
บางส่วน ตามโฉนดที่ดินเลขที่ 2491 โดยมีเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ 1 งาน  53.3  ตารางวา ในท้องที่แขวงลาดยาว เขต
จตุจักร   กรุงเทพมหานคร    ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกา)  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการ
กฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอผลการดำเนินงานของคณะกรรม
การตรวจสอบภาคราชการ  (คตส.)  ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2545  ซึ่ง  คตส.  ได้ทำการสอบทานการบริหาร
งบประมาณ ทรัพย์สิน การเงิน การบัญชี และการปฏิบัติงานตามแผนการจัดซื้อจัดจ้าง พบว่า  การเบิกจ่ายเงินงบ
ประมาณของส่วนราชการส่วนมากเป็นไปตามเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดไว้     แต่ยังมีส่วนราชการบางแห่งยังคงมี
การกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี และการบริหารทรัพย์สินที่อยู่ในครอบครองยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร  นอกจากนี้
คตส.  ได้กำกับดูแลให้ผู้ตรวจสอบภายในให้ความสำคัญกับการตรวจสอบการดำเนินงาน   และสนับสนุนส่งเสริม
ให้ผู้ตรวจสอบภายในได้พัฒนาศักยภาพโดยให้มีการอบรม/สัมมนาผู้ตรวจสอบภายในของกรมในสังกัดกระทรวง
ที่รับผิดชอบเป็นการเฉพาะด้วย ทั้งนี้ ให้ส่วนราชการใช้ประโยชน์จากงานตรวจสอบภายในในการติดตามประเมิน
ผลการดำเนินงานของส่วนราชการ และสนับสนุนส่งเสริมให้ผู้ตรวจสอบภายในสามารถปฏิบัติงานในความรับผิด
ชอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ     โดยดำเนินการตามแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบการควบคุมและตรวจ
สอบตามมติเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2544  และ 16 กรกฎาคม 2545  อย่างเคร่งครัด  และให้ส่วนราชการพิจารณา
ดำเนินการตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของ  คตส.   ตามรายงานสรุปผลการดำเนินงานของ  คตส.   อย่างจริง
จังพร้อมกับรายงานผลให้  คตส.  ทราบด้วย   หากส่วนราชการใดยังมิได้ดำเนินการ  ให้  คตส.  พิจารณาแจ้งให้
รัฐมนตรีหรือปลัดกระทรวงทราบเพื่อพิจารณาสั่งการให้เกิดผลในทางปฏิบัติต่อไป และในกรณีที่ คตส. พิจารณา
เห็นว่า  การดำเนินการตามข้อสังเกตหรือข้อเสนอแนะเป็นเรื่องที่มีผลกระทบในเชิงนโยบายของรัฐบาล  ในอันที่
จะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมากต่อประเทศชาติ    และจำเป็นต้องได้รับการเร่งรัดให้มีการปรับปรุงแก้ไขการ
บริหารงานและการดำเนินงานอย่างจริงจังและโดยเร็ว  ซึ่งหากนำเรื่องดังกล่าวรายงานต่อคณะรัฐมนตรีแล้วอาจ
เกิดความล่าช้าในการพิจารณาสั่งการให้มีการปรับปรุงแก้ไข เห็นควรให้ คตส.  สามารถรายงานเรื่องดังกล่าวต่อ
นายกรัฐมนตรีเพื่อทราบและพิจารณาสั่งการ  หรือให้มีการนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีได้ตามที่
เห็นสมควร

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและให้ดำเนินการต่อไปได้ตามที่รองนายกรัฐมนตรี  (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์)
ประธานคณะกรรมการนโยบายทุนรัฐวิสาหกิจเสนอมติคณะกรรมการนโยบายทุนรัฐวิสาหกิจ  ครั้งที่ 2/2546  เมื่อวัน
ที่  21  กรกฎาคม  2546  เรื่อง  แนวทางการแปลงสภาพการประปานครหลวง  (กปน.)  ซึ่งที่ประชุมได้มีมติดังนี้
อนุมัติในหลักการให้แปลงสภาพของ กปน. ทั้งองค์กรเป็นบริษัท โดยใช้พระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2542
โดยให้กระทรวงมหาดไทย   ในฐานะกระทรวงเจ้าสังกัดของ  กปน.  พิจารณาดำเนินการให้มีกฎหมายประกอบกิจ
การประปาเพื่อรองรับการกำกับดูแล   โดยในระหว่างที่ยังไม่มีกฎหมายประกอบกิจการประปา  ให้คณะกรรมการ
ที่จัดตั้งขึ้นตามมาตรา  26  แห่งพระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจ ฯ  ทำหน้าที่กำกับดูแลบริษัทที่จะจัดตั้งขึ้น  และให้
สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณหมวดงบกลางให้กระทรวงมหาดไทย  เพื่อรองรับการดำเนินการใน
เรื่องการกำกับดูแลดังกล่าว และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบเรื่องดังกล่าว และให้มีคณะ
กรรมการเตรียมการจัดตั้งบริษัทของการประปานครหลวง โดยมีองค์ประกอบตามมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติ
ทุนรัฐวิสาหกิจ ฯ  เพื่อทำหน้าที่พิจารณารายละเอียดเกี่ยวกับบริษัทที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ตามมาตรา 19  ของพระราช
บัญญัติดังกล่าว  ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ
สังคมแห่งชาติ  และสำนักงบประมาณ  ไปประกอบการดำเนินการด้วย   นอกจากนี้  คณะรัฐมนตรีมีความเห็นเพิ่ม
เติมว่า  ในหลักการ  เมื่อแปลงสภาพรัฐวิสาหกิจต่าง  ๆ   ที่ประกอบกิจการเกี่ยวกับสาธารณูปโภคต่าง ๆ  รวมทั้ง
กปน. เป็นบริษัทแล้ว ควรจัดตั้งองค์กรที่มีความเป็นอิสระ (autonomy) เพื่อทำหน้าที่กำกับดูแล  (regulate)  การ
ประกอบการของบริษัทเหล่านี้  เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมระหว่างผู้ประกอบการ และประชาชนผู้บริโภค    ดังนั้น
องค์กรดังกล่าว   จึงควรมีกลไกที่จะสามารถประสานกับฝ่ายบริหาร เพื่อให้เกิดความสอดคล้องกับทิศทางและแนว
นโยบายของรัฐด้วย   จึงขอให้กระทรวงการคลังรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ  ที่เกี่ยวข้อง  แล้วเร่ง
ดำเนินการโดยเร็วต่อไป    สำหรับคณะกรรมการที่จะแต่งตั้งขึ้น  เพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลบริษัทประปานครหลวง
ควรพิจารณาองค์ประกอบฝ่ายต่าง ๆ ของคณะกรรมการดังกล่าวให้เหมาะสมครบถ้วน เช่น ควรมีผู้แทนของหน่วย
งาน/องค์กรที่ดูแลน้ำเพื่อภาคอุตสาหกรรมด้วย  เป็นต้น  และให้กระทรวงมหาดไทย (กปน.) รับไปชี้แจงทำความ
เข้าใจกับพนักงาน  ลูกจ้างของ กปน.   ตลอดจนผู้สนใจอื่น  ๆ  ให้ถูกต้องตรงกันว่า  การแปลงสภาพ  กปน.  เป็น
บริษัทตามพระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจนี้   มิใช่เป็นการขายรัฐวิสาหกิจ   แต่เป็นการแปลงทุนให้เป็นหุ้นอันเป็น
การดำเนินการตามหลักสากล  ทั้งนี้  ก็เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการแบบมืออาชีพ  ซึ่งจะนำมาซึ่งความเจริญก้าว
หน้าและความมั่นคงแก่องค์กรและเจ้าหน้าที่มากยิ่งขึ้น  จึงขอทุก  ๆ  ฝ่ายให้ความร่วมมือในการปฏิบัติหน้าที่ของ
ตนและให้การสนับสนุนต่อไปด้วย

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออก
ตามความในพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. 2493 (กำหนดลักษณะของแสตมป์สุราสำหรับปิดภาชนะบรรจุสุรากลั่นชุม
ชนเป็นแสตมป์ชนิดปรุหรือไม่ปรุ  ขนาดของดวงแสตมป์  1.5 x 11.1  เซนติเมตร  ทำด้วยกระดาษสีขาว  เป็นรูปสี่
เหลี่ยมผืนผ้า ตามขอบโดยรอบเป็นลายเส้น พื้นของดวงแสตมป์ภายในขอบสี่เหลี่ยมเป็นเส้นลายน้ำพิมพ์ด้วยหมึก
เส้นนูนสีฟ้า  ตรงกลางดวงแสตมป์เป็นรูปวงกลม  มีรูปนกวายุภักษ์อยู่กลาง   ด้านบนมีอักษร  "กระทรวงการคลัง
ประเทศไทย"  ด้านล่างมีอักษร  "กรมสรรพสามิต"  ด้านซ้ายและด้านขวาของวงกลมมีลายไทย พิมพ์ด้วยหมึกเส้น
นูนสีฟ้า ทางชายด้านซ้ายมีอักษร  "แสตมป์สุรากลั่นชุมชน"  พิมพ์ด้วยหมึกเส้นนูนสีฟ้า) และให้ส่งสำนักงานคณะ
กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานการเงินของแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. 2545  ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว  ประกอบด้วย รายรับรวมประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. 2545  มีทั้งสิ้น 1,032,170.54 ล้านบาท แยกเป็นรายได้จากภาษีอากร  ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ  และราย
ได้ที่รัฐวิสาหกิจนำส่งรวมทั้งสิ้น  849,170.54  ล้านบาท  สูงกว่าประมาณการที่ตั้งไว้  30,114.65  ล้านบาท
หรือคิดเป็นร้อยละ 3.68 และเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณประจำปี จำนวน 183,000.00 ล้านบาท
โดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตร  ส่วนรายจ่ายจริงรวมทั้งสิ้น 1,018,747.00 ล้านบาท  แยกเป็นรายจ่ายตามงบ
ประมาณ 1,005,621.65 ล้านบาท  และรายจ่ายตามพระราชบัญญัติเงินคงคลัง พ.ศ. 2491  (และที่แก้ไขเพิ่ม
เติม)  13,125.35 ล้านบาท ทั้งนี้ รายจ่ายตามงบประมาณดังกล่าว ประกอบด้วย รายจ่ายตามแผนงาน โครง
การ   รายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้   และรายจ่ายจากเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปี  (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2541-2544)
สำหรับกลุ่มสินทรัพย์หมุนเวียน มีจำนวน 236,352.75 ล้านบาท กลุ่มหนี้สิน มีจำนวน 1,864,504.98 ล้าน
บาท เงินลงทุนตามโครงการช่วยเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 จำนวน 56,714.14 ล้านบาท และจำนวน
12,430.00 ล้านบาท ตามลำดับ รวมทั้งภาระค้ำประกันการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจ จำนวน 985,841.84 ล้าน
บาท

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานกิจการ  งบดุล  บัญชีกำไรและขาดทุนของ
ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) ประจำปี  พ.ศ. 2544  ที่ได้ปรับปรุงใหม่  และให้นำ
เสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป รวมถึงรายงานกิจการ ฯ ประจำปี  พ.ศ. 2545  และให้นำเสนอสภาผู้แทนราษฎร
และวุฒิสภาทราบต่อไป โดยรายงานกิจการ ฯ ปี พ.ศ. 2544 แสดงฐานะการเงินของ  ธสน.  ประกอบด้วย   เงิน
กองทุน 8,693.06 ล้านบาท สินทรัพย์ 51,100.08 ล้านบาท หนี้สิน 42,407.02 ล้านบาท และผลการดำเนิน
งานที่แสดงว่า ธสน. มีกำไรก่อนหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญ 1,494.37 ล้านบาท  กำไรสุทธิทั้งสิ้น 266.72 ล้าน
บาท  และข้อมูลเพิ่มเติมประกอบรายงาน  ฯ   เกี่ยวกับปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบต่อการดำเนินงาน   การให้
บริการด้านสินเชื่อ   ส่วนรายงานกิจการ  ฯ  ประจำปี พ.ศ. 2545  ประกอบด้วย  เงินกองทุน  9,310.96  ล้าน
บาท สินทรัพย์ 46,023.13 ล้านบาท  หนี้สิน 36,712.16 ล้านบาท  และผลการดำเนินงานที่แสดงว่า ธสน. มี
กำไรก่อนหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญและกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ 1,449.02  ล้านบาท  มีหนี้สูญและหนี้
สงสัยจะสูญ  1,377.11  ล้านบาท   และกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้  146.05  ล้านบาท  กำไรสุทธิทั้งสิ้น 
217.96  ล้านบาท   และผลการดำเนินงานด้านต่าง ๆ ได้แก่ ด้านสินเชื่อ การค้ำประกัน บริการประกันการส่ง
ออก

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการกู้เงินในรูปตราสารอัตราดอกเบี้ย
ลอยตัว  (Floating Rate Notes : FRN)  วงเงิน  300  ล้านเหรียญสหรัฐ  ระยะไถ่ถอน 5 ปี  โดยวัตถุประสงค์ใน
การออกตราสาร  FRN  ในครั้งนี้ เพื่อนำเงินที่ได้มาทดแทนการใช้เงินกู้ในรูป  Euro Commercial Paper  (ECP) 
ซึ่งกระทรวงการคลังใช้เป็น  Bridge  Financing  สำหรับการทำ  Refinance  เงินกู้จากธนาคารพัฒนาเอเชียและ
ธนาคารโลก  ซึ่งครบกำหนดชำระคืนในวันที่  29  พฤษภาคม  2546  โดยกระทรวงการคลังได้ลงนามในความ
ตกลงว่าด้วยการจัดจำหน่ายตราสาร (Subscription Agreement) และความตกลงว่าด้วยการเป็นตัวแทนรับจ่าย
เงิน (Fiscal Agency Agreement) และเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการออกตราสาร FRN เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่
23 พฤษภาคม 2546  และได้รับเงินจากการออกตราสารเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2546  โดยมีสาระสำคัญอยู่
ภายใต้ขอบเขตและเงื่อนไขที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้ทุกประการ ทั้งนี้ ผลการดำเนินการออกตราสาร FRN ใน
ครั้งนี้นอกจากจะสามารถจัดหาเงินกู้โดยมีต้นทุนต่ำแล้ว ยังสามารถกระจายการจัดจำหน่ายได้อย่างกว้างขวาง
แม้จะเน้นกลุ่มนักลงทุนในภูมิภาคเอเชียและในญี่ปุ่นเป็นหลัก     แต่ก็มีนักลงทุนจากยุโรปและสหรัฐอเมริกาให้
ความสนใจลงทุนในตราสารดังกล่าว โดยนักลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มธนาคาร บริษัทประกันภัย ผู้จัดการกอง
ทุน   และธนาคารกลาง   รวมทั้งปริมาณคำสั่งซื้อของนักลงทุนยังสูงกว่าวงเงินพันธบัตรที่จัดจำหน่ายค่อนข้าง
มาก  เนื่องจากปริมาณพันธบัตรของรัฐบาลไทยในตลาดเงินทุนต่างประเทศมีอยู่จำกัด ประกอบกับประเทศไทย
ว่างเว้นจากการเข้าระดมทุนในตลาดต่างประเทศมาเป็นระยะเวลาเกือบ 2 ปี การออกตราสาร  FRN  ในครั้งนี้
จึงเป็นที่ต้องการของนักลงทุนเป็นอย่างมาก ส่งผลให้การจัดจำหน่ายตราสารประสบความสำเร็จอย่างสูง

           คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 (คกก.2) ที่มี
มติเกี่ยวกับการขยายระยะเวลาการดำเนินการตามโครงการศูนย์ให้คำปรึกษาทางการเงินสำหรับวิสาหกิจขนาด
กลางขนาดย่อม  และประชาชน (ศงป.) ตามข้อเสนอของกระทรวงการคลัง   โดยเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการ
ดำเนินการของ ศงป. ออกไปอีก 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2546  ถึงวันที่ 30 กันยายน 2547  รวมทั้งอนุมัติงบ
ประมาณสนับสนุนการดำเนินการของ ศงป. จำนวน 198.5 ล้านบาท (ทั้งนี้  โดยรวมค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการ
อบรมสัมมนาระดับจังหวัดทั่วประเทศของ ศงป. จำนวน 24 ล้านบาท  ซึ่งจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนกรกฎาคม
2546 ถึงเดือนมิถุนายน 2547) จากงบกลางของงบประมาณปี พ.ศ. 2547 ในส่วนค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้าง
ศักยภาพการแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ   สำหรับการเสนอจัดตั้ง  ศงป.  ขึ้นเป็นองค์การมหาชน 
คกก.2  พิจารณาแล้วเห็นควรมอบให้ ศงป. หารือกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ  (สำนักงาน 
ก.พ.ร.)  ถึงความเหมาะสมในการจัดตั้ง ศงป. เป็นองค์การมหาชน

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้ง นางยุพยง  พรหมพันธุ์  เป็นกรรมการผู้
ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายและคณะกรรมการบริหารของศูนย์ให้คำปรึกษาทางการเงินสำหรับวิสาหกิจ
ขนาดกลาง ขนาดย่อม และประชาชน (ศงป.) แทน นายเชษฐ เชาว์วิศิษฐ

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 ที่มีมติอนุมัติ
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอขอแลกเปลี่ยนที่ดินที่ราชพัสดุตามโฉนดที่ดินเลขที่ 21881 เลขที่ดิน 204 ตำบลท่า
ช้าง อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก เนื้อที่ประมาณ 10-0-54.3 ไร่ กับที่ดินของ นางสมบูรณ์ แอบยิ้ม เนื้อ
ที่ประมาณ 10-0-54.3 ไร่ ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3) ทะเบียน ส.ค. 1  เลขที่ 15  ซึ่งมีเนื้อที่
เท่ากัน โดยไม่ต้องใช้วิธีประมูล

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานสรุปผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ประจำปี
งบประมาณ พ.ศ. 2546 ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม 2546 โดยผลการเบิกจ่ายเงินในภาพรวม
ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายเงินจากคลังแล้ว 737,005 ล้านบาท  หรือร้อยละ  73.71  ของวงเงินงบ
ประมาณ (999,900 ล้านบาท) ซึ่งสูงกว่าผลการเบิกจ่ายในช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีงบประมาณก่อน ส่วนการ
เบิกจ่ายเงินงบประมาณ  จำแนกตามลักษณะเศรษฐกิจ  (ประจำ/ลงทุน)  มีการเบิกจ่ายรายจ่ายประจำ  642,988
ล้านบาท หรือร้อยละ 80.35 ของงบประมาณรายจ่ายประจำ (800,207  ล้านบาท) และรายจ่ายลงทุน  94,017
ล้านบาท หรือร้อยละ 47.08 ของงบประมาณรายจ่ายลงทุน (199,693  ล้านบาท) สำหรับการเบิกจ่ายงบลงทุน
ของหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรงบลงทุนเกิน 1,000 ล้านบาท  จำนวน 22 แห่ง  มีการเบิกจ่ายจำนวน 65,619 ล้าน
บาท หรือร้อยละ 47.21 ของงบประมาณรายจ่ายลงทุนในกลุ่มนี้ (139,007 ล้านบาท)

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินการเกี่ยวกับสินค้าหนึ่งตำบล 
หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12  พฤศจิกายน  2545  ที่มอบหมายให้กระทรวงการคลัง
โดยกรมสรรพสามิต รับไปพิจารณาความเป็นไปได้ในการใช้มาตรการทางภาษีเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการผลิต
และจำหน่ายของผู้ผลิตสินค้าสรุปได้ดังนี้ กระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพสามิต ได้ดำเนินการปรับปรุงภาษีสุรา
เพื่อเศรษฐกิจชุมชน โดยการลดอัตราภาษีสุราแช่ตามปริมาณจากเดิมลิตรละ  100  บาทแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์
เป็นลิตรละ 70 บาทแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ และลดอัตราภาษีสุรากลั่นตามมูลค่าจากเดิมร้อยละ 28 เป็นร้อยละ
25  รวมทั้งลดอัตราภาษีตามปริมาณจากเดิมลิตรละ 100 บาทแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ เป็นลิตรละ 70 บาทแห่ง
แอลกอฮอล์บริสุทธิ์   และได้มีการปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาต  ในส่วนของกรณีสุราแช่ชนิดสุราผลไม้
สุราแช่พื้นเมือง และผลิตภัณฑ์จากผลผลิตทางการเกษตรที่มีแรงแอลกอฮอล์ไม่เกิน 15 ดีกรี ได้ปรับปรุงค่าธรรม
เนียมใบอนุญาตทำสุราจากปีละ 4,000 บาท  ลดเหลือปีละ  100  บาท  ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ทำเชื้อสุรา
จากปีละ 300 บาท ลดเหลือปีละ 50 บาท  และค่าธรรมเนียมใบอนุญาตขายสุราจากปีละ 1,500 บาท ลดเหลือ
ปีละ  100  บาท   สำหรับกรณีสุรากลั่นชุมชนได้มีการปรับปรุงค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำสุราจากปีละ 4,000 
บาท  ลดเหลือปีละ  1,000  บาท  ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ทำเชื้อสุราจากปีละ 300 บาท  ลดเหลือปีละ  50
บาท และค่าธรรมเนียมใบอนุญาตขายสุราจากปีละ 1,500 บาท ลดเหลือปีละ 200 บาท

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญ
กษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติครบ 150 ปี  พระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  พ.ศ. ....
(กำหนดชนิด ราคา โลหะ อัตราเนื้อโลหะ  น้ำหนักขนาด  อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด  ลวดลายและลักษณะอื่น ๆ  ของ
เหรียญกษาปณ์ทองคำ ราคาเก้าพันบาท สองชนิด เหรียญกษาปณ์เงิน ราคาหกร้อยบาท สองชนิด เหรียญกษาปณ์
โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ราคายี่สิบบาท สองชนิด และเหรียญกษาปณ์โลหะสองสี (สีขาวและสีทอง) ราคา
สิบบาท  หนึ่งชนิด  ออกใช้เพื่อเป็นที่ระลึกเนื่องในโอกาสเฉลิมพระเกียรติครบ 150 ปี  พระบรมราชสมภพพระบาท
สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในวันที่  20  กันยายน  2546)  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ
พิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอมาตรการและแนวทางเร่งรัดการเบิกจ่ายเงิน
งบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 และให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจถือปฏิบัติตามแนวทางที่คณะ
กรรมการติดตามผลการใช้จ่ายเงินภาครัฐเสนอต่อไป ดังนี้ รายการที่ยังไม่ก่อหนี้ผูกพัน ให้ผ่อนผันการก่อหนี้
ผูกพันเฉพาะรายการที่อยู่ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างก่อนสิ้นไตรมาสที่  3    ต้องเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายใน
มีนาคม 2547 ได้ถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2546 โดยรายการที่ไม่ได้รับการผ่อนผัน ให้ขอทำความตกลงกับสำนัก
งบประมาณเพื่อชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภคค้างชำระเท่านั้นกรณีที่ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจไม่มีหนี้สาธารณูป
โภคค้างชำระ หรือได้ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภคค้างชำระเรียบร้อยแล้ว 
ละยังมีงบประมาณเหลืออยู่ ให้งบประมาณจำนวนนั้นพับไป  ส่วนรายการที่ก่อหนี้ผูกพันแล้ว และได้วางใบกัน
เงินไว้เบิกเหลื่อมปีกรณีมีหนี้ผูกพันก่อนสิ้นปีงบประมาณ ซึ่งประกอบด้วย รายการที่ก่อหนี้ผูกพันก่อนสิ้นไตร
มาสที่ 2 หรือรายการที่ได้รับการผ่อนผันให้ก่อหนี้ผูกพันถึงสิ้นไตรมาสที่ 3  และรายการที่ได้รับการผันผ่อน
ให้ก่อหนี้ผูกพันได้ถึงสิ้นเดือนสิงหาคม  2546   สำหรับวิธีการกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีกรณีมีหนี้ผูกพัน  ฯ  ให้
ถือปฏิบัติตามระเบียบการเบิกจ่ายเงินจากคลัง  พ.ศ. 2520 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ทั้งนี้ รายการที่ก่อหนี้ผูกพัน
แล้ว   ฯ    หากไม่สามารถเบิกจ่ายเงินได้ทันภายในระยะเวลาตามที่กำหนดให้เงินงบประมาณดังกล่าวพับไป 
หากมีความจำเป็นต้องเบิกจ่ายเงิน ให้เจียดจ่ายจากเงินงบประมาณของส่วนราชการในปีที่ได้รับแจ้งหนี้ นอก
จากนี้  เพื่อให้การเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุนของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเป็นไปตามเป้าหมาย
ที่กำหนด ( ร้อยละ  72)  ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดกำชับหัวหน้าส่วนราชการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณราย
จ่ายลงทุน  หากส่วนราชการใดไม่อาจดำเนินการได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้   ให้พิจารณาถึงประสิทธิภาพ
ของหัวหน้าส่วนราชการนั้นต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
              (1) อนุมัติโครงการจัดหาระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้า (ระยะที่ 1) ของกระทรวงการคลัง
(กรมศุลกากร)  ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี   คณะที่  2  ที่อนุมัติจัดสรรเงินกู้เพื่อ
ปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ (SAL) จำนวน 1,100 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าจัดซื้อเครื่องเอกซ์เรย์ตู้คอนเทนเนอร์
สินค้าแบบเคลื่อนที่ได้ในลักษณะรัฐบาลต่อรัฐบาล (G to G) จำนวน 5 เครื่อง  เป็นเงิน 1,000 ล้านบาท  และ
เป็นค่าบริหารจัดการสำหรับปีแรกเป็นเงิน 100 ล้านบาท สำหรับการขออนุมัติกรอบอัตรากำลังจำนวน 237 
อัตรา  ให้กระทรวงการคลัง โดยกรมศุลกากร  ใช้วิธีการเกลี่ยอัตรากำลังข้าราชการหรือนำตำแหน่งว่างมาทำ
ความตกลงกับสำนักงาน  ก.พ.  เพื่อเปลี่ยนตำแหน่งเป็นตำแหน่งนายตรวจศุลกากร   และเมื่อมีการเกลี่ยหรือ
เปลี่ยนตำแหน่งแล้ว แต่ยังขาดอัตรากำลังข้าราชการที่จะปฏิบัติงานอีก ก็ให้ขอทำความตกลงกับคณะกรรมการ
กำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร. ) เพื่อขอรับการจัดสรรอัตรากำลังคืนทดแทนตำแหน่ง
ที่ยุบเลิกจากการเกษียณอายุราชการในปีต่อไป ตามความเห็นของสำนักงาน ก.พ. ไปดำเนินการ
              (2) เห็นชอบและอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอโครงการจัดหาระบบตรวจสอบตู้
คอนเทนเนอร์สินค้า ด้วยเครื่อง X-Ray  ระยะที่ 2-3  (ปี พ.ศ. 2547-2548)  ของกรมศุลกากร  วงเงินรวม
2,400  ล้านบาท  ประกอบด้วยการจัดซื้อเครื่อง  X-Ray  ประเภทติดตั้งประจำที่   จำนวน  2  เครื่อง   และ
ประเภทเคลื่อนที่ได้ จำนวน 6 เครื่อง รวมทั้งสิ้น 8 เครื่อง และให้ดำเนินการต่อไปได้  สำหรับการเงินให้เป็น
ไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
              (3) มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด  จาตุศรีพิทักษ์) ช่วยในการประสานและเจรจาต่อรอง
การจัดซื้อเครื่องเอกซเรย์ตู้คอนเทนเนอร์สินค้า ระยะที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 กับรัฐบาลผู้ขาย (สาธารณรัฐประชา
ชนจีน)    ให้ได้เงื่อนไขในการจัดซื้อและราคาที่เหมาะสมมากที่สุด    โดยให้นำหลักการการค้าต่างตอบแทน 
(Barter Trade) ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปดำเนิน
การด้วย    และหากเห็นสมควรที่จะจัดซื้อเครื่องเอกซเรย์ตู้คอนเทนเนอร์สินค้าแบบเคลื่อนที่ได้ในระยะที่  3  
เพิ่มเติมอีกจำนวน 2 เครื่อง เพื่อให้เพียงพอแก่การปฏิบัติงาน  ก็ให้ดำเนินการได้ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรี
ต่อไป

             คณะรัฐมนตรีรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ (1) รับทราบการปรับปรุงแก้ไข
ร่างความตกลงและ TOR ของการจัดตั้งกองทุน ASEAN+3 Finance Cooperation Fund โดยการปรับปรุงแก้ไขร่าง
ความตกลง ฯ เป็นการแก้ไขในรายละเอียดปลีกย่อยที่มิทำให้ประเด็นหลักและวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งกองทุน ฯ
เปลี่ยนแปลงไป อาทิ  การตัดข้อความบ่งชี้ถึงสถานที่ในการจัดตั้งกองทุน ฯ  การเปลี่ยนข้อความโดยให้เลขาธิการ
อาเซียนเป็นผู้เก็บรักษาร่างความตกลง ฯ  แทนสำนักเลขาธิการอาเซียน   และการเปลี่ยนข้อความเพื่อบ่งชี้ถึงผล
การบังคับใช้ของร่างความตกลงที่ได้ดำเนินการผ่านมาแล้วจะไม่ได้รับผลกระทบหรือเปลี่ยนแปลงย้อนหลัง  หาก
มีการยกเลิกร่างความตกลงในอนาคต เป็นต้น  และ (2) เห็นชอบและมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ
คลังลงนามในร่างความตกลงฉบับแก้ไขใหม่ และหากมีการปรับปรุงแก้ไขร่างความตกลงและ TOR ที่มิได้เป็นสาระ
สำคัญในอนาคต ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสามารถลงนามในร่างความตกลงได้ โดยมิต้องเสนอให้คณะ
รัฐมนตรีทราบอีกครั้ง

             คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
              (1) อนุมัติโครงการจัดหาระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้า (ระยะที่ 1) ของกระทรวงการคลัง
(กรมศุลกากร)  ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2  ที่อนุมัติจัดสรรเงินกู้เพื่อ
ปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ (SAL) จำนวน 1,100 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าจัดซื้อเครื่องเอกซ์เรย์ตู้คอนเทนเนอร์
สินค้าแบบเคลื่อนที่ได้ในลักษณะรัฐบาลต่อรัฐบาล (G to G) จำนวน 5 เครื่อง เป็นเงิน 1,000 ล้านบาท   และ
เป็นค่าบริหารจัดการสำหรับปีแรกเป็นเงิน 100 ล้านบาท สำหรับการขออนุมัติกรอบอัตรากำลังจำนวน 237 
อัตรา  ให้กระทรวงการคลัง โดยกรมศุลกากร ใช้วิธีการเกลี่ยอัตรากำลังข้าราชการหรือนำตำแหน่งว่างมาทำ
ความตกลงกับสำนักงาน  ก.พ.  เพื่อเปลี่ยนตำแหน่งเป็นตำแหน่งนายตรวจศุลกากร   และเมื่อมีการเกลี่ยหรือ
เปลี่ยนตำแหน่งแล้ว แต่ยังขาดอัตรากำลังข้าราชการที่จะปฏิบัติงานอีก ก็ให้ขอทำความตกลงกับคณะกรรมการ
กำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ   (คปร. )  เพื่อขอรับจัดสรรอัตรากำลังคืนทดแทนตำแหน่งที่
ยุบเลิกจากการเกษียณอายุราชการในปีต่อไป ตามความเห็นของสำนักงาน ก.พ. ไปดำเนินการ
              (2) เห็นชอบและอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอโครงการจัดหาระบบตรวจสอบตู้
คอนเทนเนอร์สินค้า ด้วยเครื่อง X-Ray  ระยะที่ 2-3  (ปี พ.ศ. 2547-2548)  ของกรมศุลกากร  วงเงินรวม
2,400 ล้านบาท และ ประกอบด้วยการจัดซื้อเครื่อง X-Ray  ประเภทติดตั้งประจำที่ จำนวน  2  เครื่อง  และ
ประเภทเคลื่อนที่ได้ จำนวน 6 เครื่อง รวมทั้งสิ้น 8 เครื่อง และให้ดำเนินการต่อไปได้  สำหรับการเงินให้เป็น
ไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
              (3) มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด  จาตุศรีพิทักษ์) ช่วยในการประสานและเจรจาต่อรอง
การจัดซื้อเครื่องเอกซเรย์ตู้คอนเทนเนอร์สินค้า ระยะที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 กับรัฐบาลผู้ขาย (สาธารณรัฐประชา
ชนจีน) ให้ได้เงื่อนไขในการจัดซื้อและราคาที่เหมาะสมที่สุด  โดยให้นำหลักการการค้าต่างตอบแทน (Barter 
Trade) ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปดำเนินการด้วย 
และหากเห็นสมควรที่จะจัดซื้อเครื่องเอกซเรย์ตู้คอนเทนเนอร์สินค้าแบบเคลื่อนที่ได้ในระยะที่  3  เพิ่มเติมอีก
จำนวน 2 เครื่อง เพื่อให้เพียงพอแก่การปฏิบัติงาน ก็ให้ดำเนินการได้ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินโครงการจัดสร้างสวนสาธารณะ
"เบญจกิติ"  โดยผลความคืบหน้าการดำเนินงานก่อสร้างสวนสาธารณะ "เบญจกิติ" เนื่องจากได้ล่วงเลยมาเป็นเวลา
นาน   ประกอบกับราคาวัสดุก่อสร้างได้มีการปรับตัวสูงขึ้น   จึงได้มีการถอดแบบประมาณราคาค่าก่อสร้างใหม่เป็น
เงิน  315  ล้านบาท และคณะกรรมการอำนวยการจัดสร้างสวนสาธารณะ "เบญจกิติ" ชุดปัจจุบันได้เห็นชอบวงเงิน
ค่าก่อสร้างดังกล่าวแล้ว      ซึ่งกระทรวงการคลังได้สนับสนุนเงินรายได้จากการจำหน่ายสลากพิเศษสมทบเพิ่มเติม
อีกจำนวน 140 ล้านบาท เพื่อให้เพียงพอต่อการดำเนินโครงการ ฯ และกองทัพบกได้ให้ความร่วมมือเป็นหน่วยงาน
ดำเนินการก่อสร้างสวนสาธารณะ "เบญจกิติ" ส่วนที่  1  กำหนดแล้วเสร็จภายใน  15  เดือน  ประมาณราคาค่าก่อ
สร้างเป็นเงิน  311.493  ล้านบาท  ทั้งนี้  เงินค่าใช้จ่ายในการจัดสร้างซึ่งส่วนหนึ่งได้รับจากโรงงานยาสูบ และจาก
รายได้จากการจำหน่ายสลากพิเศษของกระทรวงการคลัง นั้น  ถือเป็นเงินที่กรมธนารักษ์ได้รับจากการบริจาคซึ่งผู้
บริจาคระบุวัตถุประสงค์ไว้    ดังนั้น   การปฏิบัติเกี่ยวกับเงินบริจาคซึ่งมีระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการรับเงิน
หรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคให้ทางราชการ พ.ศ. 2526 กำหนดไว้แล้ว  และในระเบียบดังกล่าวได้กำหนดให้ถือปฏิบัติ
เกี่ยวกับบัญชี   วิธีการจ่าย    และหลักฐานการรับจ่ายเงินบริจาคให้เป็นไปตามระเบียบของทางราชการโดยอนุโลม
และมีความเหมาะสมรัดกุมอยู่แล้ว   จึงไม่ต้องกำหนดระเบียบขึ้นใหม่เป็นการเฉพาะ    โดยให้ถือปฏิบัติตามระเบียบ
ของทางราชการ  ดังนี้  วีธีการเบิกจ่าย  ให้เป็นไปตามระเบียบการเบิกจ่ายเงินจากคลัง พ.ศ. 2520 และที่แก้ไขเพิ่ม
เติม  การเก็บรักษาเงิน  ให้เป็นไปตามระเบียบการเก็บรักษาเงินและการนำเงินส่งคลังของส่วนราชการ พ.ศ. 2520
และที่แก้ไขเพิ่มเติม  ส่วนการพัสดุ ให้เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้
ไขเพิ่มเติม

                คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 
พ.ศ. 2547  หมวดค่าจ้างชั่วคราว  จำนวน 10,837,920 บาท  และหมวดค่าตอบแทน  ใช้สอยและวัสดุ  รายการ
เงินสมทบกองทุนประกันสังคม  จำนวน 541,900 บาท  รวมทั้งการจ้างลูกจ้างชั่วคราว  (เพิ่มเติม)  จำนวน 151 
อัตรา จากเงินงบประมาณหมวดค่าจ้างชั่วคราว และหมวดค่าตอบแทน ใช้สอยและวัสดุ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547
- พ.ศ. 2549  ของกรมสรรพสามิต  และหน่วยงานต่าง ๆ  (โครงการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยว
กับปิโตรเลียม)