ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 223 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 4441 - 4460 จากข้อมูลทั้งหมด 9657 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 4441 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดทางอนุมัติ ด่านพรมแดน และด่านศุลกากร จังหวัดเลย พ.ศ. .... | กค | 05/07/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดทางอนุมัติด่านพรม
แดน และด่านศุลกากร จังหวัดเลย พ.ศ. .... ที่คณะรัฐมนตรีชุดก่อนมีมติอนุมัติหลักการและสำนักงานคณะกรรม การกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว โดยมีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงการกำหนดทางอนุมัติ ด่านพรมแดน และ ด่านศุลกากร จังหวัดเลย สำหรับเขตแดนทางบกระหว่างราชอาณาจักรกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน ลาว และให้ดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 4442 | ร่างพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ...)พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ .. ) พ.ศ. .... (การแก้ไขปัญหาภาษีสุราซ้ำซ้อนและปรับปรุงโครงสร้างการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต) | กค | 28/06/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงการคลังรับร่างพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
และร่างพระราชบัญญัติพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การแก้ไขปัญหาภาษีสุราซ้ำซ้อน และปรับปรุงโครงสร้างการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต) ไปพิจารณาทบทวนในประเด็นความสอดคล้องกับหลัก การจัดเก็บภาษีสุราให้สอดคล้องกับอัตราส่วนตามแรงแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ (ดีกรี) และการให้ความคุ้มครอง ผู้ผลิตสุราภายในประเทศ การดูแลผู้บริโภคด้านราคาและคุณภาพสุรา รวมทั้งระบบการจัดเก็บภาษีสรรพ สามิตอันเป็นรายได้ของรัฐ ให้เป็นไปด้วยความเหมาะสมและเป็นธรรม หากเห็นควรปรับปรุงร่างพระราช บัญญัติในเรื่องนี้เพิ่มเติมประการใด ให้ดำเนินการและนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ในกรณีที่พิจารณาแล้ว เห็นว่า ร่างพระราชบัญญัติตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วมีความสอดคล้องและ ไม่ขัดแย้งกับหลักการดังกล่าว ก็ให้ดำเนินการร่างพระราชบัญญัติทั้ง 2 ฉบับ ต่อไปได้ โดยให้ส่งคณะกรรม การประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 4443 | การแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรตามโครงการส่งเสริมหรือสงเคราะห์ของรัฐ | กค | 28/06/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอความเห็นของคณะกรรมการบริหารสินเชื่อ
เกษตรแห่งชาติ (กบส.) เกี่ยวกับมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรตามโครงการส่งเสริมหรือสงเคราะห์ ของรัฐ จำนวน 12 โครงการ โดยให้จำหน่ายหนี้เงินกู้ออกจากบัญชีเป็นสูญ และให้รัฐบาลชดเชยต้นเงินกู้ จำนวน 201,066,045 บาท ให้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ส่วนดอกเบี้ย ค้างชำระให้ปรับลดลงจากเดิม 165,842,044.82 บาท ลดให้คงเหลือเท่ากับ 66,598,718.69 บาท และ อนุมัติในหลักการให้จัดสรรเงินงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 งบกลางเพื่อชดเชยให้แก่ ธกส. ในการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว ภายในวงเงิน 267,664,763.69 บาท ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง ขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ แล้วดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 4444 | การอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ | กค | 21/06/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับเรื่อง การอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินของสถาบันการเงินเฉพาะกิจเพื่อช่วยเหลือผู้
ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยอนุมัติในหลักการให้กระทรวง การคลังอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย จำนวน 200 ล้านบาท และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย จำนวน 100 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้เป็น หลักประกันในการกู้เงินจากธนาคารแห่งประเทศไทย ภายใต้การสนับสนุนทางการเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบ กิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยกำหนดชำระคืนไม่เกินวันที่ 31 กรกฎาคม 2549 อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.01 ต่อปี ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังพิจารณารายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องเหมาะสม เช่น กรณีนี้มี เหตุผลและความจำเป็นต้องให้ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยมาร่วมดำเนินการด้วยหรือไม่ แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 4445 | ร่างพระราชกฤษฎีกาบำเหน็จบำนาญสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา และรัฐมนตรี พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 21/06/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาบำเหน็จบำนาญสมาชิก
สภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา และรัฐมนตรี พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ เป็นการกำหนดบำเหน็จบำนาญ ของประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานและรองประธานวุฒิสภา นายกรัฐมนตรีรัฐมนตรี ผู้ นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งพ้นจากตำแหน่ง ตามมาตรา 229 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 ให้สอดคล้องกับร่างพระราชกฤษฎีกาบำเหน็จบำนาญสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา และรัฐมนตรี พ.ศ. .... เพื่อกำหนดมิให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี รวมทั้งข้าราชการการเมืองอื่นที่ดำรงตำ แหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรด้วย ในขณะเดียวกันมีสิทธิได้รับบำเหน็จบำนาญตามพระราชบัญญัติบำเหน็จ บำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 อีกต่อไป ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเสร็จแล้ว โดย ให้ส่งร่างพระราชบัญญัติ ฯ ให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทน ราษฎรพิจารณาต่อไป สำหรับร่างพระราชกฤษฎีกาให้รอไว้ และนำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวายเพื่อประกาศใช้บังคับ เป็นกฎหมายพร้อมกับร่างพระราชบัญญัติ ฯ |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 4446 | โครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ (Mega Projects) (Agenda based) | กค | 14/06/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ รับทราบแผนการลงทุนและแนวทางการระดม
ทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ ในช่วงปี พ.ศ. 2548-2552 ตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการ พิจารณากลั่นกรองโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ และเห็นชอบในหลักการเกี่ยวกับกลยุทธ์ในการจัด สรรงบประมาณ การระดมทุนและแนวทางการดำเนินโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ สำหรับสาขาการ ศึกษาในส่วนที่เกี่ยวกับการพัฒนางานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้นำข้อสรุปจากคณะกรรมการ นโยบายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) เป็นประธาน มาประกอบการพิจารณาในการจัดสรรงบประมาณ ในช่วงปี พ.ศ. 2549-2552 ด้วย และรับทราบกรอบการ จัดสรรงบประมาณ เพื่อการลงทุนสำหรับโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐในสาขาต่าง ๆ สำหรับปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2549 วงเงินรวม 94,600.77 ล้านบาท และมอบให้คณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองโครง การลงทุน ฯ กำกับ ติดตาม และเร่งรัดการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนงาน รวมทั้งให้ปรับปรุงแผน งานการลงทุนโครงการตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยให้อยู่ในกรอบวงเงินที่เสนอ และรายงานให้คณะ รัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ๆ นอกจากนี้ รับทราบแผนการลงทุน กรอบระยะเวลาดำเนินงาน และกลยุทธ์ใน การระดมทุนสำหรับโครงการขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ (mass transit) ในช่วงปี พ.ศ. 2548-2552 และมอบ กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดตั้ง Holding Company เพื่อ ลงทุนและบริหารระบบรถไฟฟ้า ให้เป็นแบบ Single Operator/Joint Owner ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ทั้งนี้ ให้ กระทรวงการคลังรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงอุตสาหกรรมที่มีความเห็นเพิ่มเติม ในส่วนของข้อ 2 การแบ่งสาขาการลงทุนซึ่งสนับสนุนยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เป็น 7 สาขา โดยเฉพาะในสาขาที่ 7 ซึ่งเป็นสาขาอื่น ๆ ซึ่งรวมการพัฒนาระบบพลังงาน การสื่อสาร และ อุตสาหกรรม นั้น อาจจะครอบคลุมหลายหัวข้อมากเกินไป ควรแยกเป็นหมวดย่อย ๆ เพื่อสะดวกแก่การ บริหารและวางแผนงาน และในส่วนของผลกระทบต่อดุลบัญชีเดินสะพัด ข้อ 5.3 ที่คาดว่า ดุลบัญชีเดินสะพัด จะขาดดุลเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 1.6 ต่อ GDP เห็นด้วยกับการควบคุม Import Content ให้อยู่ในกรอบไม่เกิน ร้อยละ 30 โดยการควบคุมดังกล่าว ควรจะมีการกำกับอย่างเข้มงวดและใช้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามใน เรื่องนี้อย่างเต็มที่ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) มีความเห็น เกี่ยวกับโครงการทางด้านคมนาคม Mass Transit จะมีการเบิกจ่ายเพื่อการก่อสร้างได้อย่างเร็วที่สุดในช่วง ปลายปี พ.ศ. 2549 โดยควรเร่งรัดโครงการที่สามารถดำเนินการได้เร็ว เช่น โครงการที่อยู่อาศัย ฝายกั้น น้ำและฝายยางเพื่อการกักเก็บน้ำตามลำน้ำ ซึ่งมีการจ้างงานและใช้วัตถุดิบในประเทศสูง รวมถึงโครงการ ทางด้านการศึกษาระบบอินเทอร์เน็ต และโครงการด้านการขนส่งทางรางรถไฟเพื่อประหยัดพลังงานแทน การขนส่งทางถนน สำหรับแนวทางการพิจารณาและอนุมัติโครงการที่ให้กระทรวงเจ้าสังกัดและหน่วยงาน เจ้าของโครงการเสนอขออนุมัติโครงการจากคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะ รัฐมนตรี ตามลำดับนั้น เนื่องจากขณะนี้ สศช. อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างและบทบาทภารกิจซึ่งในระยะ ต่อไป เมื่อมีการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว กระทรวงและหน่วยงานเจ้าสังกัดต้องดำเนินการศึกษาความ เหมาะสมของการลงทุน โดย สศช. จะทำการวิเคราะห์ในภาพรวมของการลงทุนและตรวจสอบโครงการเพื่อ เสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 4447 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการรับฝากเงินสงเคราะห์ชีวิตและครอบครัว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 14/06/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการรับฝากเงิน
ประเภทสงเคราะห์ชีวิตและครอบครัว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงการรับฝากเงินประเภท สงเคราะห์ชีวิตและครอบครัวของธนาคารออมสินโดยให้คณะกรรมการธนาคารออมสินมีอำนาจกำหนดลักษณะ ผู้ฝาก ระยะเวลาขอรับเงินสงเคราะห์ จำนวนเงินสงเคราะห์ อัตราเงินฝาก มูลค่าเงินสด มูลค่าใช้เงินสำเร็จ และ เงื่อนไขการฝากเงิน จากเดิมที่ให้ธนาคารออมสินกำหนด โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ คลัง และให้ธนาคารออมสินมีอำนาจกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการรับฝากเงินประเภทสงเคราะห์ชีวิต และครอบครัวได้ตามความเหมาะสม และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อ สังเกตของคณะเจรจาข้อตกลงและการประเมินการพัฒนากฎหมายของส่วนราชการ คณะที่ 2 (กระทรวงการ คลัง ยกเว้นกรมบัญชีกลาง) เกี่ยวกับกรณีที่ให้ธนาคารออมสินมีอำนาจกำหนดอัตราค่าธรรมเนียม ฯ เป็นการ เพิ่มเติมหลักการใหม่ นอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในแผนพัฒนากฎหมายของกระทรวง ซึ่งหากธนาคารออมสินมี ความจำเป็นต้องจัดเก็บค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ควรคำนึงถึงวัตถุประสงค์การดำเนินงานของธนาคารออมสินที่มุ่ง ช่วยเหลือสงเคราะห์ชีวิตและครอบครัวเป็นหลักด้วย ทั้งนี้การให้อำนาจดังกล่าวอาจเป็นข้อกำหนดที่เกินอำนาจ กฎหมายแม่บท ไปพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ รวมทั้งให้กระทรวงการคลัง (ธนาคารออมสิน) รับ ไปพิจารณาดำเนินการตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ให้ ธนาคารออมสินคำนึงถึงความจำเป็น ความเหมาะสม เป็นธรรมและมีความรับผิดชอบต่อผู้ฝาก ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 4448 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ 255 (พ.ศ. 2548) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การบริจาคเงินให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นเพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหายจากธรณีพิบัติภัยเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547) | กค | 14/06/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ 255 (พ.ศ. 2548)
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ที่คณะรัฐมนตรีชุดก่อนมีมติอนุมัติหลักการ และ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดให้เงินได้พึงประเมินเท่า จำนวนเงินที่บริจาคให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหาย จากธรณีพิบัติภัย เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2547 เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อ เสียภาษีเงินได้ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 4449 | สรุปการให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูที่ที่ประสบธรณีพิบัติโดยกระทรวงการคลัง | กค | 14/06/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานการให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูพื้นที่ที่ประสบ
ธรณีพิบัติ ในส่วนของการให้ความช่วยเหลือด้านสินเชื่อ การร่วมลงทุน ภาษีและค่าธรรมเนียม ณ สิ้นเดือน เมษายน 2548 สรุปได้ดังนี้ การให้สินเชื่อ ประกอบด้วย การให้สินเชื่อโดยสถาบันการเงินของรัฐได้อนุมัติให้ ความช่วยเหลือด้านสินเชื่อ 11,297 ราย คิดเป็นเงินที่อนุมัติแล้ว 18,533.77 ล้านบาท สำนักงานกองทุนเงิน ให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ได้อนุมัติวงเงิน 721 ราย คิดเป็นวงเงิน 360.94 ล้านบาท ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ อนุมัติวงเงินสินเชื่อเงื่อนไขผ่อนปรนให้กับสถาบันการเงินเพื่อนำไปปล่อยกู้กับลูกค้า 2,375 ราย คิดเป็นวง เงิน 48,408.35 ล้านบาท ในด้านการให้ความช่วยเหลือด้านสินเชื่อโดยสถาบันการเงินของเอกชน ขณะนี้ผู้ ประกอบการได้รับเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้าง (Refinance) แล้วเป็นส่วนใหญ่ ส่วนการให้กู้เพื่อฟื้นฟูกิจการ ซึ่ง บางแห่งยังไม่ได้รับอนุมัติหรือยังไม่ได้รับการเบิกจ่ายจากสถาบันการเงิน นั้น เนื่องจากมีผู้ประกอบการบาง ส่วนที่ขอเปลี่ยนแปลงแบบแปลน และรอให้ทางการดำเนินการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคก่อน จึงจะเบิก จ่ายเงินไปดำเนินการก่อสร้าง ส่วนการร่วมลงทุนโดยกองทุนร่วมลงทุน ประกอบด้วย กองทุนร่วมลงทุนเพื่อผู้ ประสบภัยสึนามิ (Tsunami SMEs Fund) มีการอนุมัติร่วมลงทุน 18 ราย คิดเป็นวงเงิน 376.50 ล้านบาท และกองทุนเปิดเพื่อฟื้นฟูและพัฒนากิจการที่ได้รับผลกระทบจากสึนามิ (Tsunami Recovery Fund) ได้อนุมัติ กรอบเงินให้ความช่วยเหลือประมาณ 1,400 ล้านบาท จำนวน 11 ราย ลงนามร่วมลงทุนแล้ว 5 ราย คิดเป็น วงเงิน 580 ล้านบาท สำหรับมาตรการภาษีและค่าธรรมเนียมตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2547 ที่เห็นชอบให้ดำเนินมาตรการภาษีและค่าธรรมเนียมโดยมาตรการภาษีและค่าธรรมเนียมที่มีผลบังคับ ใช้แล้ว อาทิ การหักผลเสียหายในทรัพย์สินเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ การขยายกำหนดเวลายื่น แบบแสดงภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ การเสียภาษีของผู้เสียภาษีและผู้ประกอบ หการที่มีสถานประกอบการตั้งอยู่ใน 6 จังหวัด เป็นต้น รวมทั้งมาตรการภาษีและค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ที่อยู่ ระหว่างดำเนินการเพื่อให้มีผลบังคับใช้โดยเร็วต่อไป อาทิ การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติ กรรมการโอนอสังหาริมทรัพย์ และการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลจากค่าสินไหมทดแทนที่ได้รับจากกิจการ ประกันภัยในส่วนที่เกิดมูลค่าทรัพย์สิน เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 4450 | โครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ (Mega Projects) (Agenda based) | กค | 14/06/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ รับทราบแผนการลงทุนและแนวทางการระดม
ทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ ในช่วงปี พ.ศ. 2548-2552 ตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการ พิจารณากลั่นกรองโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ และเห็นชอบในหลักการเกี่ยวกับกลยุทธ์ในการจัด สรรงบประมาณ การระดมทุนและแนวทางการดำเนินโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ สำหรับสาขาการ ศึกษาในส่วนที่เกี่ยวกับการพัฒนางานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้นำข้อสรุปจากคณะกรรมการ นโยบายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) เป็นประธาน มาประกอบการพิจารณาในการจัดสรรงบประมาณ ในช่วงปี พ.ศ. 2549-2552 ด้วย และรับทราบกรอบการ จัดสรรงบประมาณ เพื่อการลงทุนสำหรับโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐในสาขาต่าง ๆ สำหรับปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2549 วงเงินรวม 94,600.77 ล้านบาท และมอบให้คณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองโครง การลงทุน ฯ กำกับ ติดตาม และเร่งรัดการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนงาน รวมทั้งให้ปรับปรุงแผน งานการลงทุนโครงการตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยให้อยู่ในกรอบวงเงินที่เสนอ และรายงานให้คณะ รัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ๆ นอกจากนี้ รับทราบแผนการลงทุน กรอบระยะเวลาดำเนินงาน และกลยุทธ์ใน การระดมทุนสำหรับโครงการขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ (mass transit) ในช่วงปี พ.ศ. 2548-2552 และมอบ กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดตั้ง Holding Company เพื่อ ลงทุนและบริหารระบบรถไฟฟ้า ให้เป็นแบบ Single Operator/Joint Owner ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ทั้งนี้ ให้ กระทรวงการคลังรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงอุตสาหกรรมที่มีความเห็นเพิ่มเติม ในส่วนของข้อ 2 การแบ่งสาขาการลงทุนซึ่งสนับสนุนยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เป็น 7 สาขา โดยเฉพาะในสาขาที่ 7 ซึ่งเป็นสาขาอื่น ๆ ซึ่งรวมการพัฒนาระบบพลังงาน การสื่อสาร และ อุตสาหกรรม นั้น อาจจะครอบคลุมหลายหัวข้อมากเกินไป ควรแยกเป็นหมวดย่อย ๆ เพื่อสะดวกแก่การ บริหารและวางแผนงาน และในส่วนของผลกระทบต่อดุลบัญชีเดินสะพัด ข้อ 5.3 ที่คาดว่า ดุลบัญชีเดินสะพัด จะขาดดุลเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 1.6 ต่อ GDP เห็นด้วยกับการควบคุม Import Content ให้อยู่ในกรอบไม่เกิน ร้อยละ 30 โดยการควบคุมดังกล่าว ควรจะมีการกำกับอย่างเข้มงวดและใช้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามใน เรื่องนี้อย่างเต็มที่ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) มีความเห็น เกี่ยวกับโครงการทางด้านคมนาคม Mass Transit จะมีการเบิกจ่ายเพื่อการก่อสร้างได้อย่างเร็วที่สุดในช่วง ปลายปี พ.ศ. 2549 โดยควรเร่งรัดโครงการที่สามารถดำเนินการได้เร็ว เช่น โครงการที่อยู่อาศัย ฝายกั้น น้ำและฝายยางเพื่อการกักเก็บน้ำตาลลำน้ำ ซึ่งมีการจ้างงานและใช้วัตถุดิบในประเทศสูง รวมถึงโครงการ ทางด้านการศึกษาระบบอินเทอร์เน็ต และโครงการด้านการขนส่งทางรางรถไฟเพื่อประหยัดพลังงานแทน การขนส่งทางถนน สำหรับแนวทางการพิจารณาและอนุมัติโครงการที่ให้กระทรวงเจ้าสังกัดและหน่วยงาน เจ้าของโครงการเสนอขออนุมัติโครงการจากคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะ รัฐมนตรี ตามลำดับนั้น เนื่องจากขณะนี้ สศช. อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างและบทบาทภารกิจซึ่งในระยะ ต่อไป เมื่อมีการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว กระทรวงและหน่วยงานเจ้าสังกัดต้องดำเนินการศึกษาความ เหมาะสมของการลงทุน โดย สศช. จะทำการวิเคราะห์ในภาพรวมของการลงทุนและตรวจสอบโครงการเพื่อ เสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 4451 | การปรับขึ้นเงินเดือนพนักงานบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย คนละ 1 ขั้นทุกระดับ | กค | 07/06/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท.)
ปรับขึ้นเงินเดือนพนักงาน คนละ 1 ขั้นทุกระดับ (เฉลี่ยร้อยละ 5.52) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2547 เป็นต้นไป ตามมติคณะกรรมการบรรษัทตลาดรองเชื่อที่อยู่อาศัย ครั้งที่ 10/2547 เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2547 และมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ครั้งที่ 10/2547 เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2547
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 4452 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดทางอนุมัติ ด่านพรมแดน และด่านศุลกากร จังหวัดสุรินทร์ พ.ศ. .... (ทางอนุมัติ ด่านพรมแดนช่องสะงำ และด่านศุลกากรช่องจอม) | กค | 07/06/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดทางอนุมัติ
ด่านพรมแดน และด่านศุลกากร จังหวัดสุรินทร์ พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงแก้ไขที่ตั้งของด่าน ศุลกากรช่องจอมและด่านพรมแดนช่องจอม ตามกฎกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 37 (พศ. 2504) ออกตาม ความในพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 7) พุทธศักราช 2480 จากอำเภอสังขะ เป็น อำเภอกาบเชิง ให้ถูกต้องตามเขตการปกครอง และเพิ่มทางถนนจากพรมแดนช่องสะงำมายังด่านศุลกากรช่องจอมเป็นทาง อนุมัติ รวมทั้งตั้งด่านพรมแดนช่องสะงำขึ้น เพื่อประโยชน์ทางศุลกากร และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 4453 | การต่ออายุสัญญาเงินกู้ระยะสั้นแบบ CREDIT LINE | กค | 07/06/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการต่ออายุสัญญาเงินกู้ระยะ
สั้นแบบ CREDIT LINE ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) วงเงิน 9,000 ล้านบาท อายุ 1 ปี ภาย ใต้เงื่อนไขเดิม ระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม 2548 ถึงวันที่ 30 พฤษภาคม 2549 โดยกระทรวงการคลัง ไม่ค้ำประกัน
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 4454 | รายงานผลการดำเนินการตามแผนการบริหารและจัดการหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2548 ไตรมาสที่ 1 และ 2/2548 | กค | 31/05/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับผลการดำเนินการตามแผนการ
บริหารและจัดการหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ไตรมาสที่ 1 และ 2/2548 สรุปได้ดังนี้ ณ สิ้น ไตรมาสที่ 1/2548 ได้ดำเนินการตามแผนเป็นวงเงินทั้งสิ้น 233,794.46 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 34.24 ของแผน และ ณ สิ้นไตรมาสที่ 2/2548 ได้ดำเนินการตามแผนเป็นวงเงินทั้งสิ้น 284,404.24 ล้านบาท หรือคิด เป็นร้อยละ 41.65 ของแผน นอกจากนี้ ได้ดำเนินการกู้เงินให้กับรัฐวิสาหกิจต่างๆ เพื่อใช้จ่ายตามนโยบายของ รัฐบาลเพิ่มเติมจากแผน จำนวน 36,196.79 ล้านบาท ได้แก่ การบริหารและจัดการเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุล งบประมาณ การบริหารและจัดการเงินกู้เพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบัน การเงิน (FIDF) การบริหารเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อเสริมสร้างความมั่น คงของระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2541 การบริหารและจัดการเงินกู้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจ การกู้เงินตาม แผนการก่อหนี้จากต่างประเทศ และการบริหารหนี้ต่างประเทศ รวมทั้งการดำเนินการเพิ่มเติมจากแผน ได้แก่ เงินกู้เพื่อลงทุนของรัฐวิสาหกิจ วงเงินดำเนินงานรวม 2,510.20 ล้านบาท ประกอบด้วย การทางพิเศษแห่ง ประเทศไทย วงเงิน 2,199.70 ล้านบาท และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย วงเงิน 310.50 ล้าน บาท และเงินกู้เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนและอื่น ๆ วงเงินดำเนินงานรวม 33,686.59 ล้านบาท ประกอบด้วย สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน วงเงิน 25,000.00 ล้านบาท องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร วงเงิน 686.59 ล้าน บาท และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ วงเงิน 8,000.00 ล้านบาท สำหรับการปรับปรุงแผนการบริหารและจัด การหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ยังไม่มีการดำเนินการในไตรมาสที่ 1 และ 2/2548
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 4455 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติศุลกากรพระพุทธศักราช 2469 (ยุบเลิกด่านศุลกากรบ้านแหลม) | กค | 31/05/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....)
ออกตามความในพระราชบัญญัติศุลกากร พระพุทธศักราช 2496 โดยมีสาระสำคัญคือ ยกเลิกกฎกระทรวง ฉบับที่ 115 (พ.ศ. 2541) ออกตามความในพระราชบัญญัติศุลกากร พระพุทธศักราช 2469 เพื่อยุบเลิกด่าน ศุลกากรบ้านแหลม และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 4456 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดทางอนุมัติ ด่านพรมแดน และด่านศุลกากร จังหวัดเชียงราย พ.ศ. .... | กค | 31/05/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดทางอนุมัติด่านพรม
แดน และด่านศุลกากร จังหวัดเชียงราย พ.ศ. .... ที่คณะรัฐมนตรีชุดก่อนมีมติอนุมัติหลักการและสำนักงานคณะ กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ทางถนนจากสะพานมิตรภาพแม่น้ำสาย แห่งที่ 2 มายังด่านศุลกากรแม่สายเป็นทางอนุมัติ และตั้งด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพแม่น้ำสายแห่งที่ 2 ขึ้น นอกเหนือจากทางอนุมัติแ ละด่านพรมแดนที่กำหนดไว้เดิม เพื่ออำนวยความสะดวกในการพาณิชย์ การขนส่ง และการท่องเที่ยวระหว่างราชอาณาจักรกับประเทศเพื่อนบ้าน และเพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บอากร และการ ตรวจตราป้องกันการกระทำความผิดตามกฎหมายศุลกากรบริเวณชายแดนทางบกด้านนี้ และให้ดำเนินการต่อ ไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 4457 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายการพัฒนารัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2548 | กค | 31/05/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายการพัฒนารัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2548 มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายการพัฒนารัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2546 โดยเพิ่มอำนาจให้คณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจในการแต่งตั้งคณะกรรมการประเมิน ผลงานรัฐวิสาหกิจ ประกอบด้วยกรรมการโดยตำแหน่งจำนวนห้าคน ได้แก่ ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธาน กรรมการ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ผู้ว่า การตรวจเงินแผ่นดิน ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เป็นกรรมการ และกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวนไม่เกินสิบสองคน โดยมีผู้อำนวยการสำนักกำกับและประเมินผลรัฐวิสาหกิจ สำนักงานคณะ กรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เป็นกรรมการและเลขานุการ รวมทั้งกำหนดอำนาจหน้าที่คณะกรรมการประเมิน ผลงานรัฐวิสาหกิจ และให้นำข้อกำหนดในข้อ 6 ข้อ 7 ข้อ 8 และข้อ 9 แห่งระเบียบ ฯ เกี่ยวกับวาระการดำรง ตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง การแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และองค์ประชุม มาใช้ บังคับโดยอนุโลม และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะ ที่ 2 ตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีกรณีร่างข้อ 2 เพิ่มข้อ 10/1 ได้ กำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการประเมินผลงานรัฐวิสาหกิจ โดยให้มีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนไม่เกิน 12 คน ไม่สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2538 ที่กำหนดให้มีผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรม การประเมินผลงานรัฐวิสาหกิจไม่เกิน 6 คน ไปพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 4458 | รายงานการนำเข้าสินค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (ประจำไตรมาสที่ 1 ปี พ.ศ. 2548) | กค | 31/05/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับรายงานการนำเข้าสินค้าที่
ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร ประจำไตรมาสที่ 1 ปี พ.ศ. 2548 (มกราคม-มีนาคม) มีการนำเข้าสินค้า ที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรจากประเทศสมาชิกใหม่อาเซียน (กัมพูชา สปป.ลาว พม่า และเวียดนาม) มูลค่าที่ได้รับสิทธิพิเศษรวม 62,190,122 บาท โดยเป็นมูลค่าที่ยกเว้นอากรให้ 61,914,556 บาท และมูล ค่าที่ลดอัตราอากรให้ 275,566 บาท ต่ำกว่าไตรมาสที่ 1 ปี พ.ศ. 2547 28,632,767,898 บาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 4459 | การเพิ่มทุนของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย | กค | 31/05/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้เพิ่มทุนเรือนหุ้นให้กับธนาคารพัฒนาวิสาห
กิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) จำนวน 2,500 ล้านบาท โดยให้จัดสรรจากเงินงบประมาณ รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 งบกลาง รายการเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงพลวัตรโลก และให้ตกลง กับสำนักงบประมาณต่อไป ทั้งนี้ ให้ผู้บริหารของ ธพว. เร่งรัดปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการของ ธพว. ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ให้ ธพว. ติดตามการบริหาร สินเชื่อด้อยคุณภาพอย่างใกล้ชิดและจริงจัง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 4460 | การจัดทำและนำออกใช้เหรียญกษาปณ์หมุนเวียนชนิดราคา 2 บาท | กค | 31/05/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอการจัดทำและนำออกใช้ซึ่งเหรียญกษาปณ์หมุน
เวียน ชนิดราคา 2 บาท เพิ่มเติมในระบบเศรษฐกิจ โดยค่าใช้จ่ายของโครงการในปีแรกเป็นเงินประมาณ 500 บาท ให้ใช้จ่ายจากเงินทุนหมุนเวียนการผลิตเหรียญกษาปณ์และการทำของ กรมธนารักษ์ และให้ดำเนินการต่อ ไปได้ ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ ที่เห็นควรตระหนักถึงความสมดุลในการหมุนเวียนของเหรียญ กษาปณ์ในระบบเศรษฐกิจ ให้มีปริมาณเพียงพอกับความต้องการใช้เหรียญกษาปณ์แต่ละชนิด โดยเฉพาะเหรียญ 1 บาท เพื่อไม่ให้เกิดผลทางจิตวิทยาที่มีต่อราคาสินค้า และข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการผลิตเหรียญ 2 บาทออกมาหมุนเวียนในระบบ อาจมีผลในทางจิตวิทยา ให้ผู้ประกอบการค้าและธุรกิจรายย่อยเห็นว่าเป็นหน่วยเงินตราขั้นต่ำทดแทนเงิน 1 บาท เหมือนที่เหรียญ 25 สตางค์ และ 50 สตางค์ เริ่มไม่มีการนำมาใช้จ่าย จึงอาจเพิ่มราคาสินค้าปลีกย่อยที่เคยมีราคา 1 บาท หรือเศษ ของ 1 บาท ขึ้นเป็น 2 บาท และทวีคูณของ 2 บาทเพื่อความสะดวก และอาจมีผลกระทบต่อระดับราคาและการ ครองชีพของผู้มีรายได้น้อย ไปประกอบการดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
.....
